ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Am I just a substitute(SJ::WONCIN)

    ลำดับตอนที่ #2 : chapter2 ~-..- NC-15?

    • อัปเดตล่าสุด 28 เม.ย. 52


     

    ปล.บอกเเล้วนะคะว่าฟิคเรื่องนี้ไรท์เตอร์มีไว้เพื่อพยายามฝึกเเต่งเอ็นซี
    เพราะงั้นถ้าncไม่สนุกก้ขอโทษด้วยนะคะ คือเเต่งไม่ค่อยเป็นT T



     
                                  Am I just a substitute
     
     
     
     
     
    Chapter2
     
     

     
     
     
    ชายหนุ่มไม่เคยพาใครนอกจากซองมินเข้ามาในห้อง เขาค่อนข้างหนักใจหลังจากสวมชุดเสื้อผ้าให้ฮีชอลที่หมดสติเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทางที่ดีเขาควรจะพาฮีชอลกลับเขาห้องคอนโด เพราะร่างบางนั้นไข้ขึ้นสูงเสียจนน่ากลัว แต่หากว่าเขาก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกันว่าทำแบบนั้นลงไปจริงๆ..มันจะดีงั้นหรือ?
     

    ไข้ที่ขึ้นสูงเกินปริมาณของคนปรกติจะรับไหวทำให้เขาต้องจำใจเลี้ยวรถกลับ
     

    ถึงจะเป็นการผิดสัญญากับซองมิน..แต่แค่ครั้งนี้เครั้งเดียวคงไม่ว่าอะไรหรอก..
     

    เขาหลุบดวงตาสีชามองดูบัตรนักเรียนที่กระเด็นออกมาจากกระเป๋ากางเกง ชื่อตัวอักษรที่เขียนไว้ซึมซับเข้าหัวซีวอนอย่างรวดเร็ว เขาผุดรอยยิ้มหยักอย่างใจเย็น แต่มันออกดูแนวเจ้าเล่ห์มากกว่า เขาไม่ค่อยเข้าใจฮีชอลนักหรอกนะว่าคิดอย่างไรถึงทำแบบนี้ ทำตัวคล้ายเป็นของง่าย แต่ก็แค่คล้ายเท่านั้นละ
     

    เพราะถ้าง่ายจริงหน้าตาสวยๆแบบนี้คงไม่บริสุทธิ์
     
     
     
     

     
    ------------------------------------------------------------------------------------
     
     
     

     
    ร่างทั้งร่างถูกอุ้มพาดพามาไว้ที่โซฟาสีครีม ที่ซีวอนไม่ได้อุ้มฮีชอลไปที่เตียงนอนอาจเป็นเพราะ..ความคิดของเขาที่ว่าเตียงนั้นเจ้าของคนเดียวคือซองมิน.. นอกจากซองมินแล้วเขาไม่มีวันให้เกียรติ์ใครถึงขนาดขึ้นเตียงนั้นเด็ดขาด แล้วยิ่งคนที่ได้มาง่ายๆแล้ว เขาไม่มีวันให้แตะได้แม้แต่ปลายเล็บหรอก ฮีชอลหรือคือคนที่เขาพึ่งพามาได้ไม่กี่นาทีนั้นส่งเสียงครางอื้ออึงที่ลำคอ ซีวอนล้มตัวลงนั้งกับพื้นอย่างแก้ขัด..
     

    “แล้วจะทำยังไงต่อไปดีเนี่ย..”
     

    ซีวอนพึมพำอย่างเหลืออด..เขาไม่น่าหลงไปกับผิวขาวๆแล้วทำอย่างว่าในรถเลย


     
    ดูสิ..สลบเหมือด ท่าทางวันนี้ก็คงไม่ตื่นแน่ๆ


     
    ฮีชอลไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าดวงตาคมกำลังสำรวจใบหน้าของเขาอย่างตั้งอกตั้งใจแบบไม่เคยทำมาก่อน ดวงตากลมที่หลบเร้นภายใต้แพขนตาหนาบวกกับเปลือกตาสีบางเบา จมูกโด่งรั้นยังขึ้นสีอ่อนๆเนื่องจากเมื่อครู่ที่ร้องไห้ ริมฝีปากอิ่มเผยอออกอย่างเย้ายวน ราวจะให้ใครสักคนประกับเก็บเกี่ยวความหอมหวานรัญจวน พ่วงแก้มระเรื่ออ่อนนุ่ม แค่ใช้นิ้วกดลงไปเล็กน้อยก็บุ๋มตามแรงแล้ว ซีวอนดูจะเริ่มมีความกระตือรือร้นในการสนใจร่างบางตรงหน้า


     
    นิ้วเรียวเกลี่ยเส้นผมสีน้ำตาลเป็นเส้นสายอ่อนนุ่มประทับติดตรึงให้พ้นไปจากใบหน้าหวานๆ กลิ่นหอมละมุนลอบตลบฟุ้งออกมา มันเป็นกลิ่นกายของฮีชอลตั้งแต่เกิดอยู่แล้ว ไม่ได้เป็นน้ำหอมหรูหราที่น่าฉุนอย่างที่เขาเคยเจอมาบอกครั้งจนอาเจียน ริมฝีปากหยักเผลอปล่อยตัวปล่อยใจก้มลงหอมแก้มขาวๆเสียอดหนึ่ง และมันทำให้เขาอยากทำมากกว่านั้น..
     

    แต่ซีวอนไม่ใช่พวกที่ฉวยโอกาสกับคนที่นอนหลับหรือไม่เต็มใจ
     

    เขายังมีสปิริตส์พอ ถึงไปเดินเข้าไปในห้องน้ำในทันที!
     

    ส่วนฝ่ายฮีชอล เขาปวดหนึบไปทั่วตัว ค่อยๆกระพริบตาปรื้อของมามองสภาพแวดล้อม สิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวคือการถามไถ่ถึงชื่อสถานที่ เขาไม่รู้จริงๆว่าตัวเองมาอยู่ที่ไหน แล้วมาอยู่ได้อย่างไร แต่สไตล์การตกแต่งเรียบๆหากดูมีคุณค่านั้นทำให้เขาเผลอจ้องตาค้าง แต่พอดวงหน้าเหลือบไปเห็นกรอบรูปที่ตั้งไว้อยู่ก็เข้าใจทันที..รูปของซีวอนกับซองมิน.. กำลังกอดกัดอยู่พร้อมรอยยิ้มที่แสนสดใส รอยยิ้มที่เขาไม่มีวันได้รับ..
     


    “เขาว่ากันว่าซีวอนไม่เคยพาใครเข้าห้องตัวเองเลยนะ” เสียงของเด็กผู้หญิงสาววัยเกือบ18ปีรำพึงกับเพื่อนของเธอ ใบหน้าที่เปื้อนด้วยเครื่องสำอางหนาเตอะหันมาทำหน้าเพ้อฝัน
     
    “ซีวอนพาเฉพาะซองมินหรือคนที่รักเข้าห้อง..เท่านั้นแหละ”
     
     

    บทสนทนาแล่นเข้ามาในหัวเขาอย่างช่วยไม่ได้
     

    เป็นเรื่องที่เขาได้ยินเมื่อหลายเดือนก่อน ก็ไม่คิดหรอกนะว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวเอง
     

    แต่ฮีชอลเป็นคนที่เจียมตัว..ความจริงเรื่องอื่นเขาอาจจะไม่แต่ในเรื่องของซีวอนแล้ว..
     

    ฮีชอลมักคิดในแง่ลบไว้ก่อน ถึงเขาจะได้มาเหยียบห้องซีวอนจริงๆ แต่ในสถานะแค่คู่นอน มันน่าเจ็บกว่าเดิมอีก แล้วที่เขามานั้งอยู่ตรงหนี้ได้ คงเป็นเพราะเขาหมดสติสินะ ถึงต้องลำบากซีวอนเอามาพักที่นี้ก่อน ฮีชอลถอนหายใจเบาๆและนั้งชันเข่า เขาได้ยินเสียงเปิดน้ำจากในห้องน้ำจึงคาดเดาเอาว่าซีวอนคงอยู่ในนั้น เขาไม่มีความกล้าพอที่จะเดินหนีออกไปก่อน รึว่าเดินสำรวจรอบห้อง แค่คิดว่านี้เป็นห้องของซีวอน ตัวก็สั่นสะท้านแล้ว
     

    แอร์มอนีเตอร์เย็นช่ำ..ทำงานได้ดีจนเขาอยากเดินไปปิด
     

    เสื้อที่ติดกระดุมไม่ค่อยมิด..แสดงว่าซีวอนคงเป็นคนใส่ให้เขา..
     

    มองรอยที่ผุดขึ้นรอบลำคอแล้วรู้สึกอนาถอย่างบอกไม่ถูก..
     

    เผลอทำตัวง่าย..แต่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วเกินไป..
     
     

     
    แกร๊ก...
     
     
     

    ประตูบานสีเหล็กนั้นเปิดกว้าง ฮีชอลหายใจติดขัดเมื่อเห็นว่าเป็นซีวอนจริงๆที่เดินออกมา แต่สำหรับร่างสูงแล้ว เขากลับรู้สึกโหวงเหวงพิกลในหัวใจเมื่อเห็นร่างบางกำลังนั้งชันเขาพล่างสงสายตาไม่ค่อยไว้ใจกระพริบถี่มองมาที่ตัวเขา และพอสาวเท้าเยื้องเข้าไปใกล้หน่อย แผ่นหลังบอบบางก็กระชันชิดติดโซฟาแบบเหมือนโดนแม่เหล็กดูด
     

    “จะ..จ-..จะทำอะไร..” เสียงใสกล่าวขาดเป็นห้วงเมื่อซีวอนมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาและใช้แขนเป็นเกราะห์กำบังไม่ให้คนสวยหลบหลีกหนีไปไหน แต่ท่าทางซีวอนจะไม่สนใจกับการตอบคำถาม สิ่งที่เขาสนคือหัวไหล่มนที่โผล่พ้นออกมาจากเสื้อหมิ่นเหม ติดกระดุมไม่ครบ
     

    “นายจะยั่วฉันหรอไงเนี่ย” ซีวอนพึมพำไม่ได้ดังไปกว่าเสียงหัวใจของตัวเขาเองเลย
     

    “อะไร..หมายความว่ายังไง..”
     

    “ก็นายมาที่นี้..เพื่อยั่วฉันไม่ใช่หรอไง” ยังไม่ทันที่ฮีชอลจะอ้าปากเถียงกลับ ริมฝีปากอิ่มก็ถูกประกบไม่ให้อากาศเล็ดลอดผ่านเข้าไปได้แม้แต่โมเลกุลเดียว ร่างกายเกร็งเพราะลิ้นที่รุกรานเข้ามาอย่างจาบจวบ ไม่มีความอ่อนโยนแฝงอยู่ในจูบ..คงเป็นเพราะเขามีหน้าที่แค่นี้ ไม่ใช่คนรักที่จะมานั้งถนุถนอมกัน.. ความน้อยใจแล่นมาจุกอยู่กลางอก ฮีชอลจึงพยายามใช้มือกั้นและขัดขืน..
     

    เขาไม่อยากยอมแบบเมื่อครั้งก่อน
     

    ให้ถือว่ามันเป็นความผิดพลาดครั้งสุดท้ายละกัน
     

    แต่คล้ายซีวอนจะไม่ยอมผละจูบออกง่ายๆ เหมือนยิ่งเขาปฎิเสธลิ้นที่รุกเร้ามาเพียงใด ความสนุกของซีวอนก็มีมากเท่านั้น แต่หากเขาคล้อยตาม ซีวอนก็จะยิ่งได้ใจ รั้งสะโพกให้เขยิบเข้ามาใกล้มาเกินควร สิ่งที่ฮีชอลพอจะทำได้จึงเป็นการระรัวหมัดลงบนอกแกร่ง เขาเคยฝันไว้ว่าอยากให้ซีวอนจูบ..กอด แต่ในเมื่อมันเป็นแบบนี้ เขาไม่ต้องการเลยสักนิด.. ซีวอนเว้นช่วงหลุดพ้นจากพันธนาการให้เข้าหายใจ แต่แล้วความอึดอัดมากมายมหาศาลจนเม็ดเหงื่อผุดไหลก็ถาโถมเข้ามา จูบครั้งนี้มีรสของเลือดเข้ามาเจื้อปนด้วย อาจเพราะริมฝีปากของเขามันทนต่อแรงเสียดสีบดขยี้ไม่ไหว จึงเกิดรอยแยกเป็นบาดแผลขึ้น
     

    “แฮ่ก..อื้อ!”
     

    ฮีชอลรวบรวมใช้พละกำลังที่พอมีเหลือถีบกระทุ้งซีวอนไปเต็มๆ แต่หากเป็นตัวเขาเองที่ต้องมานั้งตัวงอ บาดแผลที่ช่องทางหลังนั้นฉีกขาดยิ่งกว่าเดิมเนื่องจากการตวัดขาเมื่อครู่ แต่ฮีชอลไม่แสดงออกทางสีหน้าแม้แต่น้อย เขาแค่หลุบสายตาที่มีแต่น้ำตาก้มลงมองพื้น ทำให้ซีวอนย่ามใจมากขึ้น เขาคิดว่าอย่างไรฮีชอลก้ต้องการเขาอยู่แล้ว ไม่มากก็น้อย..
     

    ไม่งั้นคงไม่เสนอตัวมาถึงที่..
     

    นี้อาจเป็นการเชิญชวนแบบใหม่?
     

    เสื้อที่ครอบคลุมแผ่นกายอย่างหมิ่นเหมอยู่แล้วถูกร่นลงมาแทบเอว เจ้าของผิวขาวเนียนนุ่มน่าสัมผัสและแกล้งยกมือขึ้นปิดบังพร้อมใบหน้าแดงซ่าน ซีวอนบดเบียดลงไปตรงส่วนที่ผ่องใสซอกคอเพื่อสร้างรอยอีกครั้ง มันทำให้ฮีชอลไม่อาจนิ่งดูดายทำแสร้งราวไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกได้ ฟันขาวเรียงตัวสวยขบกันเพื่อขจัดเสียงครางจนขึ้นเป็นสัน แขนเรียวสวยถูกรวมขึ้นไว้เหนือหัว พันธนาการด้วยมือหนาหยาบ
     

    เขากำลังรู้สึกเคลิ้บเคลิมไปกับสัมผัสรุนแรง
     

    มันไม่ใช่แค่ความรักอย่างเดียวที่บังคับให้เขายินยอม..
     

    แต่มันเป็นเพราะความต้องการที่อัดอยู่ในหน้าอก
     

    ความต้องการที่เขาไม่ยอมรับและขยะแขยง..
     

    ไม่เคยนึกเลยว่าตัวเองจะเป็นคนที่โสมมได้ถึงขนาดนี้ รู้ทั้งรู้ว่าซีวอนมีแฟนอยู่แล้วก็ยังเอาตัวเข้าไปข้องเกี่ยว เพราะความรู้สึกชั่ววูบของเขามันครอบงำ แต่ความคิดทั้งหมดก็ถูกเบรคหยุดไว้ด้วยฝ่ามือที่ประทับลงบนน่องขาขาว แม้จะถูกปิดกั้นทับด้วยกางเกงยีนส์ แต่ฮีชอลก็ดิ้นสะบัดราวฝ่ามือนั้นคือค้อนเหล็กที่กำลังตีตราจองลงมา ใบหน้าเริ่มเบือนไปทางอื่นด้วยความทนไม่ไหว เขาอาจขาดอากาศหายใจถ้าซีวอนยังไม่ยอมผละออก แต่มันก็เป็นได้แค่การขัดขืนเล็กๆ
     

    ลูกไก่ในกำมือ..
     

    ถึงจะดิ้นหนีไปมากเท่าไหร่ก็ไม่มีวันรอดพ้น..
     

    เม็ดเหงื่อเริ่มผุดขึ้นตามเรือนร่างที่ออกแรงขัดขืน ฮีชอลชักเริ่มรู้ตัวแล้วว่าขัดขืนไปเท่าไหร่ก็ไม่ได้ช่วยให้เขาสามารถรอดพ้น แถมซีวอนยังจะยกยิ้มอย่างนึกสนุกอีกด้วย บางทีเขาควรจะลองขอเจรจาดีๆ แต่นั้นก็ไม่ได้อีก แค่เปิดปากออกนิดเดียวเป็นต้องหลุดเสียงน่าอับอายไปทุกที แต่มือปลาหมึกที่โอบรัดเขาก็ดูท่าทีว่าจะไม่ปล่อยง่ายๆถ้าไม่ได้สิ่งที่ตัวเองหวังหรือจับจอง
     

    จมูกโด่งสวยได้สัดส่วนยู้เข้าหากันจนเป็นรอยย่นเมื่อซีวอนตรงปรี่เข้าครอบครองยอดดอกสีระเรื่ออย่างมั่นใจ ไม่คิดจะเว้นระยะไว้ให้เขาได้ทำใจเลยสักนิด โลมเลียประหนึ่งว่าเป็นขนมของหวานที่เด็กวัยประมาณเขาชอบลิ้มลองมากที่สุด แต่หากพวกเขาต่างรู้อยู่แก่ใจดีว่ามันแค่จินตรนาการที่ไม่ค่อยจะสร้างสรรค์เท่าไหร่นัก สร้างความรู้สึกหวาบหวามเกินกว่าจะเก็บเสียงในอื้ออึงอยู่แค่ในลำคอ เขาระบายความวาบหวามด้วยการจิกเล็บลงบนปุยนุ่นของโซฟา
     

    ไม่ต้องสงสัยเลย อีกไม่นานโซฟาตัวนี้ต้องเต็มไปด้วยรอยเล็บเขาแน่
     

    กลีบปากได้รูปเริ่มบวมเจ่อจนไม่น่ามอง แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่หยุดตักต้วงหาความหอมหวาน ไม่ได้สนใจเลยว่าคนใต้อานัติจะรู้สึกเจ็บมาแค่ไหน เหมือนเพียงครั้งเดียวยังไม่พอ เขากลายเป็นคนที่ละโมบตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ที่รู้ก็แค่ว่า..สำหรับเรือนร่างตรงหน้า..ไม่เคยมีคำว่าพอ.. ลิ้นระอุลาดไล้ตั้งแต่ไหปลาร้าเรื่อนมาถึงแผ่นอกกระเพื่อมสั่นไหวตรงดิ่งเขากัดขบเนื้อขาวอย่างหยอกล้อ..ไม่ได้สร้างเพียงความเจ็บตามเส้นประสาทอย่างเดียว แต่ทำให้ฮีชอลอยากมากกว่านี้..
     

    ไม่ใช่แค่การเล้าโลมเฉพาะท่อนบน
     

    เขาอยากให้เกิดอะไรที่มากกว่านี้
     

    อาจจริงอย่างที่หลายคนพูด..เมื่อมีครั้งแรกแล้ว ก็ต้องมีครั้งที่สอง สาม สี่ ตามมา
     

    “นาย..หลงใหลฉันแล้วใช่ไหม..”
     

    นั้นคือคำถามที่หลุดออกจากปากซีวอน.. ฮีชอลไม่ตอบ แต่พันธนาการนั้นเริ่มคลายออก แทนที่เขาจะใช้มือพลักไส้ใบหน้าหล่อๆให้ออกห่างตัวและวิ่งหนี แต่สิ่งที่เจ้าของใบหน้าเลือดฝาดทำ..คือการใช้มือนุ่มนิ่มที่เกิดรอยสีแดงเจื้อจางลูบไล้ตามแนวโครงหน้าอย่างออกรส.. ต้องใช้คำว่าออกรส เพราะเขารู้สึกมีความสุขกับสิ่งที่ทำร่วมไปด้วยเสียแล้ว แม้ในใจจะร่ำร้องว่าไม่อยาก แต่บทสรุปกลับเป็นคำว่า ‘ตกลง’
     

    ซีวอนจับมือที่ลูบไล้แผ่วเบาจนน่าขย้ำด้วยความเอ็นดูอย่างถนุถนอม..
     

    ไม่รู้ว่าคำนั้นมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร..
     

    เขาถนุถนอมกับคนที่เจอหน้าไม่ถึง2ชั่วโมง..
     

    คนที่ยอมพลีกายให้เขาจนเหมือนเป็นชายใจง่าย..
     

    คนที่เขาคิดว่าพอย่ำยีจนหน่ำใจ แล้วจะทิ้ง
     

    มือหนาเลื่อนขยับจับสะโพกมนให้อยุ่นิ่งกับที่ เลื่อนลงไปจนถึงก้อนเนื้อนุ่มทั้งสอง ขยุ้มเล็กน้อยจนรับกับมือ สัมผัสถึงความแข็งขืนที่รับรู้ได้ เพราะเนื้อตัวนั้นเบียดชิดจนเกือบเป็นร่างเดียวกันแล้ว..แม้แต่เสียงของลมหายใจ..หัวใจ..เขาก็ได้ยินอย่างเด่นชัด..เขาใช้จมูก..อวัยวะซึ่งมีหน้าทีรับระบบของกลิ่นสูดลงไปทั่วบริเวณที่สาบเสื้อแยกออกจากกัน
     

    อาจเป็นเขาเองแล้วก็ได้..ที่เกิดความหลงใหลคนตรงหน้า
     

    ภาพแห่งความสวยงามสะกดเขาไว้..อาจเป็นเพราะความเห็นแก่ตัว
     

    เขาถึงเผลอคิดว่าไม่ต้องการ..ไม่ต้องการมาให้ใครเห็นภาพของฮีชอล..
     

    ซีวอนมีความต้องการ แต่เขาไม่ได้แค่ต้องการอย่างเดียว
     

    เขาต้องการคิม ฮีชอลเท่านั้น นอกจากนั้น..เขารู้สึกไม่ต้องการอีกแล้ว
     

    เหมือนที่สุดแห่งความปราถนามาหยุดลงตรงนี้.. ผ่านผู้หญิงมาก็เยอะแยะ ผู้ชายก็มีบ้างเป็นบางครั้ง แต่ไม่มีใครที่คล้ายคลึงกับภาพวาดของสวรรค์ได้มากเท่านี้มาก่อน แค่เห็น..แค่จับต้อง เพียงแค่ครั้งเดียว ไม่มีทางหรอกที่ใครจะสามารถถอนตัวออกมาได้ เขาถูกโซ่ที่ตัวเองยินยอมให้ผูกติดรัดไว้จนลืมทุกอย่างไปจนหมดสิ้น ลืมแม้กระทั้งว่าหัวใจของตัวเองไม่ควรมาตอบสนองกับฮีชอล..
     

    เขาเอาซองมินมาเปรียบกับฮีชอลไม่ได้
     

    ไม่ใช่เพราะซองมินอยู่เหนือทุกอย่าง เป็นคนที่เขารักที่สุด..
     

    แต่เป็นเพราะ..ไม่มีสิ่งไหนที่สามารถนำมาเทียบได้กับอัญมณีเล่อค่าแบบฮีชอล..
     

    ไม่..ไม่มีวัน..
     

    “ริมฝีปาก..ตรงนี้..” คิ้วเรียวเลิกขึ้นสูงมือนิ้วชายหนุ่มเดินทอดตัวมาจมอยู่กับริมฝีปากของเขา ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ที่แผ่นอก เรื่อยตามแนวทางจนถึงจุดอ่อนไหวที่ถูกซ้อนเร้น เล่นเอาเขาหน้าแดงอย่างช่วยไม่ได้ เป็นใครยังจะสามารถปั้นหน้านิ่งได้อยู่อีกละ ซีวอนมุ่ยหน้าเล็กน้อยเมื่อซิบนั้นรูดยากมากกว่าที่เขาคิด จนต้องเคลื่อนสายตาที่จับจ้องดวงหน้าหวานไปสนส่วนล่างแทน
     

    ฮีชอลตาปรื้อ เขามองเห็นทุกอย่างไม่ชัดเหมือนเดิม
     

    ตัวเองก็ไม่ใช่คนสายตาสั้นแท้ๆ..แต่ทำไม..
     

    แค่อยู่กับซีวอน ถึงทำเขาบ้าได้ขนาดนี้..
     

    “หรือแม้กระทั้งตรงนี้..ก็เป็นของฉันหมดทุกส่วน..นายเป็นของฉันแล้ว” เสียงแหบพร่ากระซิบริมใบหูเขา ฮีชอลขนลุกกับทุกคำทุกพยางค์ที่ถูกกลั่นออกมา เก็บซ้อนความดีใจลึกๆไม่ไหวจึงต้องแกล้งทำเป็นปรื้อตาเหมือนคนใกล้จะหลับ หรือไม่ก็เคลิ้มให้ห้วงอารมห์จนทำสิ่งใดไม่ถูก และคำว่าหรือแม้กระทั้งตรงนี้ของซีวอน..มันหลุดหายเข้าไปในปราการชิ้นสุดท้าย มือหนากอบกุมส่วนแท่งร้อนชูชันตามแรงความต้องการที่ถูกปลุกเร้าระงม..มืออีกข้างสอดไปตามแนวสันหลังของเขา ไล้อย่างช่ำชองและมีระบบ
     

    กุมให้แน่นมากขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะช้อนสายตามองผลงานอย่างภาคภูมิใจ ใบหน้าที่ไม่ได้สติของฮีชอล ใบหน้าที่เตลิดไปกับโลกแห่งใหม่ด้วยความเชื่องช้า ซีวอนรูดขึ้น รูดลง จนแท่งเนื้อสีชมพูอ่อนเริ่มแข็งขืนขยายความใหญ่บีบรัดมากกว่าครั้งแรก ใช้นิ้วดุนดันส่วนปลายเพื่อเรียกเสียงร้องครางของฮีชอล..สำหรับเขา มันไพเราะยิ่งกว่าเพลงไหนเพลงไหนที่มีศิลปินคนโปรดขับขานเสียอีก แถมยังกระตุ้นอารมห์ของเขาให้มากกว่าเดิมอีกด้วย..
     

    อาจไม่ใช่เรื่องง่ายที่ควรเข้าใจ
     

    เขาเคยคิดว่าเซ็กส์เป็นสิ่งปรกติในชีวิตของมนุษย์
     

    แต่มันดูจะไม่ปรกติเสียแล้ว
     

    ฮีชอลกำลังทำให้ทุกอย่างบูดเบี้ยว
     

    ร่างบางเข้ามามีอิทธิพลต่อความคิด..เขย่าประสาทเขามากเกินไป..
     

    และเขาเชื่อว่ามันคงไม่หยุดอยู่แค่นี้
     

    ตราบใดที่ตัวเขายังถล้ำลึกลงไปมากกว่าเดิม แต่หากมันคงยากยิ่งกว่าตายทั้งเป็น..
     

    เขา..รักซองมิน..ข้อนั้นไม่มีวันเปลี่ยน
     

    แต่..เขาต้องการฮีชอลมากกว่าที่ต้องการซองมิน..
     

    “อะ...อะ..เร..เร็วกว่านี้..” ผู้ควบคุมการเดินทางไปทัวร์ครั้งนี้ถึงกับหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงร้องประท้วงของให้เร่งความเร็วมากขึ้น รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้าซีวอน เขาไม่ได้เพิ่มความถี่ขึ้นอย่างที่ร่างบางต้องการ ปล่อยให้นิ้วครูดไปกับแนวยาวของส่วนนั้น..อย่างแช่มช้า ใบหน้าฮีชอลคล้ายคนใกล้ขาดอากาศหายใจตาย แต่กลับเป็นเหมือนภาพชั้นยอดสำหรับปลุกระดมเรียกเรียไรอารมห์ให้ส่วนนั้นของชายหนุ่มเริ่มต่อต้านขึ้นมาบ้าง
     

    และบางครั้ง..
     

    การที่ฝื้นความรู้สึกของตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนักหรอกนะ..
     

    “นายต้องการฉัน..มากเลยใช่ไหมฮีชอล” ซีวอนโอบประคองแผ่นหลังที่ทรุดตัวลงแนบกับพื้นยืดหยุ่นนุ่มนิ่มขึ้นมาในระยะประชิด ประชิดจนฮีชอลที่สติหายไปถูกจับกลับมาเติมเต็ม ถึงเขาจะต้องการมาก แต่ยังไงความกระดากอายก็เป็นเครื่องค้ำคอไว้อยู่ ฮีชอลไม่ตอบ เขาเสสายตาหลบหลีหนีด้วยความจนใจ แต่นั้น..คือการตอบรับในความหมายของซีวอน
     

    นิ้วแรกถูกชำแรกเขาไปในร่างกายของคนสวย ฮีชอลผวาจนให้มือทั้งสองข้างโอบรัดคอชายหนุ่มไว้ เขาทำราวกับกลัวว่าจะตกจากที่สูงเชียดฟ้า แต่มันก็ไม่ค่อยต่างกันนักหรอก ฮีชอลได้เปิดหูเปิดตาพบโลกใหม่หลายแห่งในวันวันเดียว ชายหนุ่มคว้านหาจุดที่จะทำให้ฮีชอลครางเสียงหวีดสูงอย่างพอใจไปเรื่อย แม้บางครั้งจะสะดุดกับความรัดแน่นเกินจำเป็น แต่เขาก็ยังไม่หยุดการกระทำนั้น
     

    “อ๊ะ!-อ—อื้อ!” ความโหวงเหวงตรงหน้าท้องมาบรรจุอยู่ในกล่องความคิดความอ่านของฮีชอล เขาขมวดคิ้วอย่างงุนงงเมื่อความรู้สึกเสียวซ่านอย่างแปลกประหลาดเริ่มเกาะกุมต่อมความรู้สึกหรือเส้นประสาทอันมีมากมายเหลือล้น ซีวอนกดเน้นย้ำไปยังจุดที่เขาพึ่งผ่านมาอีกครั้ง กดย้ำให้แนบแน่นฝังรากลึกไปมากกว่าเก่า ร่างบางก็ยิ่งครางเสียงกระเซ่าเข้าไปอีก 
     

    “อะ..พอแล้วตรงนั้นมัน..อย่าเลยนะ..มันรู้สึกแปลก..”
     

    “ตรงนี้งั้นสินะ..” ซีวอนพึมพำเบาๆก่อนจะเพิ่มนิ้วขึ้นมาอีกนิ้ว ฮีชอลเจ็บจนน้ำตาไหลซึมประปรายขอบตา แต่หากซีวอนก็บำบัดความเจ็บได้อย่างดีเยี่ยมโดยการทำให้ ‘ลืม’ และวิธีนั้นคือการมาง่วนปรนเปรอแก่นกายที่ยังไม่เสร็จดีของฮีชอล ครูดขึ้นลงเป็นจังหวะไม่ถึงสองสามครั้ง ขาเรียวสวยก็เหยียดตรงแหลมเป็นรูปเป็นร่าง ฟันเรียวตัวขาวขบลงบนริมฝีปากล่างอย่างอดไม่อยู่ เท่ากับว่าฮีชอลใกล้ถึงจุดหมายปลายทางเข้าไปทุกทีแล้ว
     

    แต่หากส่วนช่องทางสีหวาน..เขาก็ยังเน้นย้ำไปที่จุดเดินไม่เปลี่ยน แต่เพิ่มจำนวนนิ้วมากขึ้นตามเสียงครางดังๆ จนกระทั้งฮีชอลถึงจุดที่เขาไม่ลังเลเลยที่จะยอมแลกทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมา ทั้งมีความสุข ทั้งรู้สึกปั่นป่วนเส้นประสาท เขานอนแผ่..แต่แขนยังคงโอบประคองชายหนุ่มหลวมๆไว้อยู่ เหงื่อของฮีชอลไหลซึมทางเนื้อหนังจนเหนอะไปหมด เขาเหลือบสายตามองน้ำสีขุ่นที่ตัวเองเป็นคนปล่อยออกมาเองอย่างอับอาย..
     

    ตอนนี้..ซีวอนพูดอย่างเต็มปากจริงๆว่าเขาไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว..
     

    “อึดอัดไหม..อยากให้ฉันเอานิ้วออกแล้วสินะ”
     

    “อื้อ..เอาออกไป..ขอร้อง..” เสียงใส่ก่ำกึ่งระหว่างขอร้องกับออกคำสั่ง เขายอมไปเป็นคนสวนให้ซีวอนเดือนหนึ่งเลยจริงๆถ้าสามารถหลุดพ้นออกจากความอัดแน่นครั้งนี้ได้ มันทำให้หายใจไม่ทั่วท้อง และไม่ใช่แค่นั้น ทุกครั้งที่นิ้วแทรกผ่านอณูเมื่อนหมอกแห่งต่อมรับรู้ มันทำให้เขาแทบคลั้งตายเพราะความเสี่ยวซ่านที่พ่วงคำว่า ‘ทรมาน’ ตามหลังมาติดๆ
     

    เขารู้สึกปรอดโปร่งราวได้รับอิสระปล่อยนกน้อยให้โบยบินออกจากรง แต่ไม่กี่นาทีถัดมา นายพรานก็คงจะจับนกน้อยนั้นกลับด้วยวีธีรุนแรงมากกว่าเดิมกลับไปอีก ความเจ็บปวดและสิ่งแปลกปลอมที่มีขนาดใหญ่มหึมา ทั้งแข็งด้วย ไม่ได้โอนอ่อนไปตามข้อต่อของนิ้ว เขาจุกจนไม่เหลือความเซียวซ่านหรือสุขสมมากระทบสมอง คล้ายโลกกลมๆใบหนึ่งจะหยุดหมุนเคว้งกลางระบบสุริยะจักวาลไปชั่วหนึ่งวินาทีนั้น..
     

    แต่ความทรมานของเขา ราวกับยังไม่สาสมพอ
     

    ชายหนุ่มพลิกตัวอวดเรียวขาน่องสวยให้ขึ้นมาอยู่ข้างบนแทน ดวงตากลมวาวโรจน์ด้วยความสงสัย แต่หากทุกปัญหาก็มีเฉลยตอบให้กระจ่างอยู่แล้ว แก่นกายของซีวอนนั้นดูดกลื้นและหลุบหายวับมิดแท่งไปในเรือนร่างของเขาเพราะท่วงท่าที่ถูกจัดตั้ง ฮีชอลขยับไม่ออก มันเจ็บเกินไป แต่สำหรับซีวอนแล้ว เขากลับมองไปคนละด้าน พนังร้อนที่ตอดรัดความต้องการได้ดี มันทำให้เขาแทบทนรอไม่ไหวที่จะดำเนินความสุขครั้งนี้ต่อไป
     

    แต่ในเมื่อฮีชอลไม่ยอมขยับต่อ ยังนิ่งอยู่ท่าเดิมซีวอนเลยต้องเป็นคนควบคุมเกมส์ตามเดิม เขารั้งสะโพกมนให้อยู่ในตำแหน่งที่ควรจะยึดมั่น ก่อนจะใช้มือและแรงที่พอมีทั้งหมดเป็นคนฉุดกระชากเร่งเร่าจังหวะ
     

    เม็ดเหงื่อ
     

    หรือเสียงหอบสายใจ
     

    ทุกอย่าง..ที่เป็นฮีชอล
     

    เขาต้องการหมด
     

    ฟังดูแล้วโลภมากสิ้นดี
     

    แต่..
     

    คงไม่มีใครโง่ยอมปล่อย
     

    และเขา..ก็ไม่ใช่คนโง่คนนั้น..
     

    สุดท้ายซีวอนก้ต้องพลิกตัวฮีชอลกลับไปอยู่ใต้ร่างตามเดิม ร่างบางไร้เดียงสาเกินไปที่จะเล่นในท่วงท่านั้น เขาชกชวยริมฝีปากอิ่มที่เผยอสูดอากาศ เร่งความต้องการให้มากเพิ่มขึ้นทวีคูณเป็นเท่าตัว น้ำตาของฮีชอลไหลเป็นสายตามแนวแก้ม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเจ็บปวดที่ทนไม่ไหวอีกต่อไป หรือเป็นเพราะอารมห์ที่ยากจะเดาออกว่าตัวเองรู้สึกแบบไหน..
     

    ใช่..ฮีชอลกำลังรู้สึกสับสน..
     

    ถ้าเปรียบเหมือนสี
     

    สำหรับเขาคงเป็นสีดำ
     

    เพราะถูกผสมมั่วจนเละ
     

    ไม่รู้..ไม่เข้าใจว่าอะไรกันแน่..ที่ต้องการครอบครอง
     

    หลังของร่างบางสัมผัสรูดไปกับโซฟาจนเกิดแรงเสียดสีเป็นรอยแดง แต่ยิ่งซีวอนเพิ่มความถี่มากเพียงใด เขาเองก็เห็นแสงสว่างสีขาวในความมืดอยู่ร่ำไร มือที่โอบประคองไว้ มือที่นึกว่าจะหมดเรี่ยวแรงไปแล้วนั้นลุกกลับมาฮึดใหม่ เขามองเห็นภาพตัวเองที่ร้องเรียกเพรียกหาชื่อซีวอนด้วยความรัญจวนไม่หยุด..
     

    “อะ..อ่า..!”
     

    ไม่ใช่เสียงแหลมๆของเขา
     

    แต่เป็นเสียงครางในโทนต่ำของซีวอน
     

    เสียงที่แสดงถึงความพอใจ..
     

    และมันทำให้หัวใจที่ห่อเหี่ยวเปียกชุ่มช่ำรื้นอย่างบอกไม่ถูก..
     

    เขารับทราบถึงความสุขที่ล้มสำลักจนอยากสำรอก.. มันมีมากเกินกว่าที่ร่างบอบบางเล็กเพียงเท่านี้จะยอมรับไหว แต่ซีวอน..คงจะมีความสุขจนลืมโลกไปอีกนาน แค่เห็นใบหน้าของซีวอน เขาก็แอบมีความมั่นใจในฐานะของตัวเองขึ้นมาเล็กน้อย ร่างสูงเริ่ดหน้าขึ้นเมื่อตัวเริ่มเกร็งไว้ด้วยความโหวงเหวง เขาถูกแรงปราถนาชักจูง..
     

    หวนกลับไปที่เส้นทางเดิมไม่ได้แล้ว..
     

    “อะ.ไม่ไหวแล้ว..วะ..วอน..” รู้ตัวว่าไม่สิทธิ์แม้แต่จะเรียกซีวอนห้วนๆแบบนี้ แต่เขาก็แอบหวังว่าซีวอนจะไม่ได้ยิน และคิดว่าเป็นเพียงแค่ลมที่กระทบหู ผ่านมา..ผ่านไป ไม่มีอะไรที่น่าจารึกหรือจดจำ.. แต่ซีวอนได้ยินทุกคำ ชัดเจนกว่าสิ่งไหนที่เคยผ่านมา..เขาไม่คิดจะท้วงฮีชอลห้ามไม่ให้เรียกชื่อนี้ ทั้งๆที่ถ้าเป็นคนอื่น เขาคงหมดอารมห์แล้วปล่อยให้เจ้าตัวค้างไว้แบบนี้
     

    แต่เพราะตอนนี้เป็นเขาที่ตกสู่ห้วงอารมห์อย่างแท้จริง
     

    เขาเป็นคนที่คิดว่าจะสามารถควบทุกอย่างไว้ได้
     

    ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ที่กลายเป็นฮีชอลเอง ทำให้เขาทำบ้าอะไรไม่ถูก..
     

    เขาหลงใหลฮีชอล ความรู้สึกนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมานานแค่ไหนแล้วนะ..
     

    แล้วมันจะหยุดลง เมื่อบทรักจบ..
     

    หรือจะทวีมากขึ้น..จนหยุดไม่อยู่
     

    มวลสารที่กักเก็บไว้ขยายออกแผ่ซ่านกระจายเป็นวงกว้างล้นหลามตรึงเขาไว้ให้ตัวแข็งชา คล้ายกับการถูกน้ำแข็งที่หอมหวานแช่ไว้เป็นเวลาหลายวัน กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีก็กระตุกเส้นสายไปเสียหลายรอบ เขา..รู้สึกทรมานแบบแปลกๆ จะว่าชอบก็ไม่ใช่เกลียดชังก็ไม่เชิง แต่..มันทำให้เขาต้องการอีกหลากหลายครั้ง
     

    เขาไม่รู้หรอกนะ..หลังจากที่ความแผ่ซ่านนั้นจบลง
     

    ความเจ็บปวดก็กลับเข้ามาเยือนเหมือนเดิม..และไม่นานนักซีวอนก็ตามมาติดๆ
     

    น้ำสีขุ่นราวน้ำนมอย่างที่เขาเคยปลดปล่อย..เลอะกระจายหน้าท้องของเขาเอง พร้อมกันกับผสมผสานอย่างลงตัวมาเป็นสีชมพู แสดงว่าเลือดเขาต้องไหลซ้ำรอยแผลเก่าอีกแล้วแน่ ฮีชอลไม่ใคร่อยากรู้อีกต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ดูจากตาของซีวอน เขาก็รับทราบอยู่กรายๆว่าคงไม่ใช่แค่รอบเดียวจบ ซีวอนอุ้มช้อนตัวเขาขึ้น แต่ฮีชอลไม่แน่ใจนักว่าจะไปจบลงตรงจุดไหน..
     

    เพราะสติของเขาหลุดลอยอีกครั้งแล้ว
     

    และอยากภาวนาว่าพรุ่งนี้..
     

    เรื่องทุกอย่างจะเป็นแค่ฝันดี..
     
     
     

     
     
     
     
     
     
      
     
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×