ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Am I just a substitute(SJ::WONCIN)

    ลำดับตอนที่ #1 : chapter1 ~ลัลลา ได้ฤกษ์ลงเเล้ว

    • อัปเดตล่าสุด 27 เม.ย. 52


     
     
                               Am I just a substitute
     
     
     
     
     
    Chapter1
     
     
     
     
     
    “ซองมิน...ฉันรักนายมากที่สุดเลยนะ..อื้ม แล้วเจอกัน..บ๊ายบาย”
     

    ฟังบทสนทนาแล้วอาจเหมือนว่าเป็นคู่รักปรกติที่พูดคุยมือถือกันด้วยความรัก แต่หากแผงอกของชายหนุ่มนั้นกำลังโดนรุกเร้าสัมผัสด้วยหญิงสาวที่เป็นหนึ่งในคู่นอน แต่นี้..อาจเป็นเพราะเป็นภาพที่ชินตาของทุกคนแล้ว ไม่มีใครกล้าไปตักเตือนคุณชายชเวหรอก หนุ่มหล่อที่หนึ่งของโรงเรียนที่มีแต่คนอยากข้องแวะ นอกจากจะหล่อรวยแล้วยังเรียนเก่งอีก แต่ดูท่าคุณชายจะไม่ค่อยขยันเท่าไหร่ เกรดเลยออกมาเพียงแค่พอดูได้


     
    “แค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรียนต่อคาบบ่ายวันนี้คงไปรับไม่ได้ ขอโทษจริงๆนะ”
     

    แฟนเพียงคนเดียวที่ถือว่าเป็นตัวจริงของ ชเว ซีวอนก็คงมีเพียงแค่ ‘ลี ซองมิน’ พวกเขาคบกันมาเกือบเข้าล่วงเลยถึงปีที่สองแล้ว แม้ซองมินจะรับรู้พฤติกรรมแบบนี้ของซีวอน แต่ซีวอนนั้นให้เกียรติเขามาก ซองมินจึงถือว่าไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร แต่ที่สำคัญคือ ที่ซีวอนเจ้าชู้เป็นเพราะเขาต้องการที่ระบายความใคร่เท่านั้น และเขาไม่ยอมไปทำกับซองมินเพราะอยากถนอมคนตัวเล็กไว้อย่างดีที่สุด เรื่องนี้ใครๆก็รู้ดี.. ไม่เว้นแม้แต่ตัวเขา..
     

    ดวงตากลมโตกระพริบถี่เพื่อไล่น้ำหยาดใสออกไปให้พ้น มันช่างน่ารำคาญสิ้นดี.. แต่ที่มันไหลก็เพราะความเจ็บที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดยั้ง เขาต้องทนเห็นภาพบาดตาอยู่ทุกวัน..และไม่มีทางเลยที่จะสามารถทำให้ภาพเหล่านั้นเลือนหายไปจากหัวสมอง..
     

    คิม ฮีชอล..หรือตัวเขาเองนั้นหลงรักซีวอนมาตั้งนานแล้ว นานก่อนที่ซีวอนจะเป็นแฟนคบหากับซองมินเสียอีก แม้ว่าเขาจะถือว่าค่อนข้างเนื้อหอม แต่ก็ไม่มีเลยสักครั้งที่ซีวอนจะชายตามองมาทางนี้บ้าง คิดแล้วก็อดถอนหายใจหน่อยๆไม่ได้ ถ้าเขายังอยู่แบบนี้ต่อไป ซีวอนก็ไม่มีวันเห็นเขา
     

    แต่ก่อนคิดว่าแค่สามารถมองดูห่างๆก็พอใจแล้ว
     

    ..ทำไมตอนนี้เขาถึงอยากเป็นมากกว่านี้..
     

    “ฮีชอล..นายเป็นอะไรรึเปล่า เหม่ออีกแล้วนะ” เพื่อนสนิทเสียงใสถามอย่างเป็นห่วง แต่สิ่งที่เขาได้รับกลับมาคือรอยยิ้มบางเหมือนเช่นทุกครั้ง เส้นด้ายบางอย่างที่รัดตรึงทำให้น้ำเสียงของร่างบางหายไป แต่แค่สายตาที่ทอดมองไปทางซีวอน ดงแฮก็เดาออกได้ไม่ยากว่าร่างบางนั้นทำตาโศกๆเพราะเหตุอันใด
     

    ฉันมีโอกาสแค่เฝ้ามองนายอยู่ตรงนี้เท่านั้นใช่ไหมซีวอน..
     

    แต่ช่างเถอะ..นั้นก็คงดีเกินพอสำหรับคนอย่างฉันแล้ว..
     
     
     



     
     
     
     
    -----------------------------------------------------
     
     
     
     
     
    บางครั้ง..เขาก็เคยคิดเหมือนกันนะว่าถ้าสารภาพกับซีวอนไป
     

    สถานะที่เป็นอยู่ในตอนนี้มันจะเปลี่ยนไปรึเปล่า..
     
     

    ฮีชอลมองดูใบหน้าที่สะท้อนกระจกในห้องน้ำชายอย่างฉงน.. ตัวเขาเองก็ใช่ว่าหน้าตาจะแย่ ติดไปทางดีมากเลยด้วยซ้ำ แต่เพราะอะไรซีวอนถึงไม่สนใจ.. นี่รึเปล่านะที่เขาพูดกันว่าถ้าไม่ใช่คู่กันจริงๆก็คงไม่มีวันสมหวังหรอก แม้หน้าตาจะวิเศษอย่างไรก็เถอะ ร่างบางเปิดก๊อกน้ำเพื่อล้างมือด้วยความใจเย็น เขาคิดทบทวนไปถึงบทเรียนที่เพิ่งผ่านตามา ช่วงนี้เป็นวิชาเรียนคาบบ่าย แต่เพราะเขาปวดหัวหนึบอย่างประหลาดเลยขอตัวมาล้างหน้าก่อน
     

     
    แกร๊ก..
     
     

    ด้วยสัญชาตญาณ ไม่สิ..มนุษย์ทุกคนเมื่อได้เสียงก็ต้องหันเหใบหน้าไปดูต้นตออยู่แล้ว ไม่ต่างจากฮีชอลเท่าไรหร่นัก เขาแง้มหน้าต่างดวงตาเปิดดูอย่างปรือๆ อาจเป็นเพราะความง่วงที่ครอบงำทำให้เขามองเห็นภาพตรงหน้าแต่เพียงรางๆ ต้องรีบใช้มือข้างที่ไม่เปียกมานักขยี้ตาให้เห็นชัด เพราะเขาไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ซีวอน!ซีวอนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว!!
     

    ฮีชอลเบือนใบหน้าแดงๆไปอีกทาง เขาส่องกระจกและเห็นการกระทำของซีวอนในอิริยาบถต่างๆ กระทั่งชายหนุ่มเดินมาหยุดอยู่ข้างเขาเพื่อล้างมือ อุณหภูมิความร้อนแล่นสูบฉีดไปทั่วใบหน้า เขาไม่อยากจะเงยหน้ามองความเข้มของตัวเองเลย เสียงก๊อกน้ำที่ปิดเมื่อล้างเสร็จ ซีวอนกำลังจะเดินออกไปจากห้องแล้ว แม้ดวงหน้าหล่อนั้นจะแอบเหลือบมามองผู้ที่หายใจร่วมห้องด้วย แต่มันก็แค่ไม่ถึงหนึ่งวินาทีด้วยซ้ำ
     

    ไม่น่าเชื่อว่าเขาบ้าดีเดือดอย่างไรถึงทำลงไปได้
     

    แต่พอมาคิดๆดูแล้วนี้ละมั้งคือจุดที่พลิกเปลี่ยนชะตากรรมของเขา
     

    มือเล็กเอื้อมไปคว้าชายเสื้อชายหนุ่มไว้อย่างจาบจ้วง
     

    ก้อนแข็งๆพลันมาจุกอยู่ในลำคอ ฮีชอลพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ปรกติเขาเป็นคนที่ออกจะหน้าด้านหน้าหนา แต่ทำไมพอมายืนอยู่ตรงจุดนี้แล้วมันยากเกินไปจะพูด ดวงตาคมนั้นสำรวจตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า แล้วมาหยุดอยู่ที่ใบหน้าของเขาเล็กน้อย ริมฝีปากหยักขมุบขยิบเหมือนจะบ่นอะไรสักอย่าง แรงผลักดันมหาศาลนั้นสั่งให้ฮีชอลโพล่งความในใจออกไป
     

    โอกาส..ในเมื่อโอกาสมาถึงก็ต้องรีบคว้าไว้ไม่ใช่หรอ?
     

    “คะ..คือ..ผมแอบชอบคุณมานานแล้ว..อะ..เอ่อ...” เสียงของเขาขาดเป็นห้วงเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ ถ้าขอให้เป็นแฟนมันก็กระไรอยู่เพราะอย่างที่รู้ๆกันว่าซีวอนนั้นมีตัวจริงเป็นซองมินอยู่แล้ว นาทีนั้นฮีชอลแค่ต้องการจะปลดสัมภาระที่เขียนแปะไว้อยู่หน้ากระเป๋าว่า ‘ความในใจ’ ก็แค่นั้น
     

    “นาย..อยากนอนกับฉันสินะ..พูดตรงๆก็ได้นี้ อย่ามาทำเป็นอินโนเซนต์หน่อยเลย”
     

    เพียงชั่วพริบตาร่างบางก็ถูกเบียดชิดให้แผ่นหลังชนสัมผัสกับผนังคอนกรีตแข็งๆ เขาขนลุก คงไม่มีคำไหนมาอธิบายได้ดีกว่านี้แล้ว แต่หากก้อนเนื้อที่เรียกว่าหัวใจก็ถูกบีบรัดตรึงด้วยมือที่มองไม่เห็น คำพูดของซีวอนนั้นกรีดลึกเข้าไปในหัวใจ ดวงตากลมลุกวาวโรจน์กว่าเดิมเมื่อจมูกโด่งซุกไซร้หายวับไปในซอกคอหอมกรุ่น ตั้งแต่เมือ่ไหร่ไม่รู้ที่มือหน้าเริ่มบีบเคล้นคลึงสะโพกของเขาให้มันอ่อนระทวยตาม ริมฝีปากบางพยายามขบเม้มไม่ส่งเสียงหน้าอายออกมาก็เผลออ้ากว้างแผดความรู้สึกที่อัดแน่น
     

    “อ๊ะ..อื้อ..”
     

    “แค่จับนิดเดียวก็เป็นถึงขนาดนี้แล้ว ท่าทางนายจะช่ำชองมากเลยสินะ..เอาเถอะ ฉันจะสนุกด้วยหน่อยก็ได้..” ซีวอนคงต้องยอมรับว่า..ร่างบางที่เขาไม่รู้แม้กระทั่งชื่อนั้นมีใบหน้าที่สวยมากกว่าคนไหนที่เขาเคยพบเจอ และมันเป็นแรงดึงดูดสำคัญที่จูนเขาเข้าหา ทีแรกที่เห็นก็เริ่มสนใจอยู่หน่อยๆ กะว่าจะเอามาควงสักพัก แต่เมื่อเห็นว่าใจง่ายขนาดนี้..สนุกด้วยครั้งเดียวก็คงจะเกินพอแล้วละ
     

    ริมฝีปากหยักลาดผ่านตั้งแต่ปลายคางมนสวยได้รูปเลื่อนไปถึงพวงแก้มที่ขึ้นสีระเรื่อ แขนของฮีชอลยกขึ้นเป็นเกราะกำบัง แต่เมื่อมือหนารวบไว้เขาดูอ่อนแรงลงในทันใด ฟันคมเรียงสวยได้รูปกัดลงผะแผ่วตรงริมใบหูเพื่อสร้างความต้องการในอารมณ์ให้ฮีชอล 
     

    “ขอ..ขอร้อง..พะ..พอเถอะ..”
     

    เขาเริ่มรู้สึกไม่ไหวแล้วจริงๆ
     

    ไม่เคยมีประสบการณ์กับเรื่องพวกนี้
     

    แต่รู้แค่ว่า ‘อันตราย’
     

    “หือ..นายไม่อยากนอนกับฉันหรอ..หรือว่าที่ตรงนี้มันแคบไป..นั้นสินะ ชั่วโมงคาบบ่ายฉันไม่มีเรียนซะด้วย.. งั้นก็รีบเดินตามมาละกัน..ฉันรีบ” ฮีชอลไม่ใคร่จะเข้าใจนักว่าเขาจะเดินตามซีวอนทำไม เขาวิ่งตามอย่างไม่หยุดหย่อนจนมาถึงชั้นล่าง..ลานจอดรถของพวกคุณหนูไฮโซทั้งหลาย จนมาถึงจุดนี้ฮีชอลปฎิเสธไม่ได้แล้ว เพราะเขาเป็นคนที่วิ่งตามโดยยอมรับทุกอย่าง เขาไม่ได้เป็นคนที่ยอมละทิ้งทุกอย่าง แต่ดูเหมือนสิ่งเหล่านั้นจะหายไปเมื่อเจอซีวอน..
     

    ฮีชอลยืนนิ่งอยู่หน้ารถ เขาสองจิตสองใจว่าจะวิ่งหนีไปเลยหรือยอมเดินตามดีๆ แต่ไวเหนือความคิด ซีวอนก็กระชากเขามานั้งที่ข้างๆคนขับเสียแล้ว ต้องเรียกว่ากระชากจริงๆ ฮีชอลเหงื่อแตกทั้งๆที่แอร์เปิดเย็นฉ่ำ ดูจากใบหน้าของซีวอนก็พอคาดเดาได้ไม่ยาก..พาเขาไปจนที่โรงแรมเหมือนพวกผู้หญิงไร้ค่าพวกนั้น..
     

    ไร้ค่างั้นหรอ..ซีวอนคงจะเห็นเขาเป็นแบบนั้นสินะ?
     

    ชายหนุ่มนั้นไล้สายตาแอบเหลือบมองร่างบางที่นั้งอยู่ข้างกายเป็นระยะ ก็คงเหมือนหลายคนที่ผ่านมาแล้วผ่านไปในชีวิตเขา แต่รอยที่เขาพึ่งขบเม้มเมื่อครู่นั้นยังเด่นชัด ปรากฎบนผิวขาวเรืองรองดังหิมะนั้น กลีบปากนุ่มที่ยังไม่ได้ลิ้มรสนั้นเผยออย่างตกใจคล้ายจะเชิญชวนเขาทางอ้อม ความจริงเขาเป็นคนที่เก็บความรู้สึกค่อนข้างเก่ง..แต่ไม่รู้ว่าทำไมเด็กหนุ่มแปลกหน้าคนนี้ถึงทำให้อารมณ์เขาสั่นไหวถึงเพียงนี้..
     

    ฮีชอลสะดุ้งเมื่อรถนั้นเร่งความเร็วมากกว่าเดิม ไม่ได้ขับไปที่โรงแรมอย่างที่คิดไว้ในตอนแรก แต่กลับแอบจอดไว้ที่ซอกซอยที่ไม่ค่อยมีใครเดินผ่าน เป็นถิ่นลับตาคน หัวใจของเขาราวออกมาเริงระบำข้างนอกเมื่อเห็นซีวอนแหงนหน้ามามองทางตนด้วยแววตาที่..คาดหวังอะไรบางอย่าง ก่อนที่ใบหน้านั้นจะเริ่มเคลื่อนเลื่อนมาแนบชิดมากขึ้นจนเกือบกลื้นเป็นเนื้อเดียวกัน
     

    ริมฝีปากอุ่นนั้นทาบลงมา เขารู้สึกเหมือนมีของร้อนมาทาบทับ เผามอดไหม้จนเขาผงะหนี แต่โดนมือหนานั้นรั้งท้ายทอยไว้ เขาแอบเจ็บเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าไม่ได้มีความอ่อนโยนมาเจือปนเลยสักนิดเดียว โดนง้างปากจนต้องยอมให้ชิ้นเนื้อหลุนๆแฝงไว้ด้วยความระอุนั้นเข้ามาสำรวจเล่นในโพร่งปากนุ่มนิ่ม เขาพยายามต้อนลิ้นเล็กให้จนมุมและคล้อยตามในที่สุด ซึ่งมันก็สำเร็จด้วยดี คิ้วหนากระตุกเล็กน้อยเมื่อทราบถึงความไร้เดียงสาในรสจูบ
     

    เหมือนว่าไม่เคยโดนมือผู้ชายคนไหนมาก่อน..
     

    รึว่านี้คือวีธียั่วแบบใหม่..?
     

    “อื้อ...” เสียงใสส่งคำครางประท้วงในขณะที่มือซีวอนเริ่มซุกซนล้วงลึกเข้าไปใต้สาบเสื้อเพื่อสัมผัสผิวอ่อนนุ่มละมุนไม่ผิดแผกจากเด็กทารกเท่าไหร่ เป็นอีกครั้งที่เขาไม่ค่อยแน่ใจว่าฮีชอลเคยผ่านมือคนมาแล้วจริงๆ มันลื่นไหล ขาวผ่อง น่าสร้างรอยรักไว้ให้ทั่วลำตัว จากที่ซีวอนอยู่ในท่าเอี้ยวตัว เขาเขยิบขึ้นมาคร่อมร่างบางไว้
     

    แม้มันจะไม่สะดวกและเล็กแคบเกินกว่าจะดำเนินบทรัก
     

    แต่ความปราถนาของเขามันครอบครองไปตั้งแต่วินาทีที่ถอดเสื้อเชิ้ตออกแล้ว.. ร่างบางใช้มือและแขนบังไว้ด้วยความเขินอาย ใบหน้าหวานนั้นแปรเป็นสีกุหลาบแดงซะยิ่งกว่าแดง  มือทั้งสองข้างถูกเสื้อเชิ้ตสีขาวของเจ้าตัวเองรวบไว้เหนือหัว ฮีชอลโผล่พ้นมาเพียงแค่เสี้ยวใบหน้า เขามีความละอายมากกว่าจะจ้องหน้าซีวอนตรงๆ
     

    ดวงตาลุกวาวกลาดมองทั่วทุกตารางนิ้ว
     

    ฮีชอลเสียววาบ เมื่อมือเย็นแปะลงมาประทับบนหน้าท้องแบนราบ ไล้ขึ้นไปจนถึงติ่งไตสองข้างที่ประดับไว้ชูชันท้าลม ชายหนุ่มหยอกล้ออย่างนึกสนุกเมื่อเห็นใบหน้าหวานบูดเบี้ยวมากขึ้นเรื่อยๆ ขาของเขาเกร็งจนเหยียดเป็นเส้นตรงต้องเป็นภาระให้ซีวอนกดปุ่มที่ทำให้ที่นั้งเอนลงจนเป็นแนวนอน
     

    “อะ..ทำอะไร..อะ..อย่า ขอร้อง..” ริมฝีปากซีวอนปรี่เข้าครอบครองยอดอกที่เริ่มแข็งสู้มือ ลิ้นร้อนตวัดเข้าช่วงชิมในขณะที่มืออีกข้างก็ไม่ปล่อยให้นิ่งเฉย ลูบเนินขาอ่อนเพื่อเพิ่มความต้องการ ทำให้ฮีชอลหลงใหลในความรู้สึกนั้นไปด้วยอีกคน กางเกงยีนส์แบบเดปส์ถูกร่นไปอยู่แทบข้อเท้าผอมบาง เอวคอดยิ่งดูน่าเย้ายวนมากไปกว่าเดิมเมื่อปราศจากปราการใดๆมาขว้างให้รกหูรกตา
     

    “นายนี่มัน..หวานไปทั้งตัวเลยจริงๆ”
     

    เสียงทุ้มบ่นพึมพำเบาแต่ฮีชอลก็พอได้ยิน เขาแทบอยากแทรกแผ่นดินหนีรึไม่ก็ฆ่าตัวตายให้มันรู้แล้วรู้รอดเมื่อกางเกงในตัวจิ๋วถูกฉุดออกไป เผยให้เห็นแท่งเนื้อสีชมพูอ่อนที่แข็งขืนเพราะถูกปรนเปรอไว้เสียมาก ดูท่าซีวอนจะลืมไปว่าเขาเองไม่ใช่หรอที่เป็นคนปลุกอารมณ์ให้ฮีชอลมาถึงขั้นนี้ ทั้งๆที่ตั้งแต่เกิดมาฮีชอลยังไม่เคยเกิดอารมณ์กับใครเลยสักครั้ง
     

    มือหนากอบกุมแก่นกายเสียเต็มมือ รูดขึ้นรูดลงด้วยความเชื่องช้า ปล่อยให้เล็บที่ไม่ค่อยยาวมากครูดกับส่วนปลายเล่นๆ น้ำสีขุ่มเริ่มปริมขอบบน ส่วนขนาดนั้นก็ยิ่งขยับขยายขึ้นตามความรู้สึก ริมฝีปากเรียวเม้มเข้าหากันแน่น เขาก้มหน้าพยายามมองว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายตัวเอง
     

    เขามวนท้อง เขาอึดอัด เขารู้สึกทรมานไปพร้อมกับความสุขสมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
     

    ฮีชอลไม่เคยผ่านมือใครแต่ใช่ว่าเขาจะใสซื่อไปในทุกเรื่อง
     

    แบบนี้เขาก็เคยได้ยินพวกเพื่อนๆพูดถึงบ้างเหมือนกัน แต่ไม่นึกว่าลองจริงๆแล้วมันจะ..
     

    มันจะปวดปวดแบบนี้ ถูกอยู่ว่าในความเจ็บปวดนั้นมีความสุขซ่อนเร้น
     

    แต่หากดวงตาที่มีเพียงซองมินอยู่ข้างใน ระยะใกล้แค่นี้ มันทำเขาเกือบกระอักเลือด
     

    อีกนิดเดียว..ฮีชอลสาบานได้ว่าอีกนิดเดียวเขาก็จะไปถึงจุดที่เรียกกันว่าความสุดยอดแล้ว เล็บของเขาตรึงจิกเข้าหากัน ริมฝีปากอิ่มเม้มยิ่งกว่าครั้งไหน ราวจะสะกดกลั้นอารมณ์ทั้งหมดลงทีริมฝีปากจนห่อเลือด แต่หากในตอนนั้น ซีวอนคลายมือออกอย่างทนไม่ไหว ดวงตากลมโตราวลูกแมวน้อยที่ปรือเล็กน้อยเล่นเอาอารมณ์ของเขากระเจิงไปที่ไหนต่อไหน
     

    ชายหนุ่มก้มลงช่วงชิงความหอมหวานจากพ่วงแก้มที่ขึ้นสีระเรื่อ
     

    แต่ดูท่าฮีชอลจะไม่พอใจ..ก็แน่ละสิ ทำให้เขาตื่นตัวแล้วไม่รับผิดชอบให้เสร็จ..
     

    ใครมันจะไปมีความสุขลง ร่างบางบิดเร่าอย่างไม่พอใจ
     

    สติของเขากระเจิงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ความกระดากอายก็เลือนหายไปด้วย
     

    เขารับรู้ถึงอะไรบางอย่างที่จ่ออยู่ตรงปลายทางปากทางเข้าช่องทางสีหวาน ฮีชอลผวาเมื่อเหลือบสายตาไปมองเห็นขนาดความใหญ่ของซีวอน เขาไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้ามันมาอัดแน่นอยู่ในกายเขา เขาจะเจ็บมากแค่ไหน จะดิ้นพล่านสักเพียงใด แต่ไม่มีเวลาให้เขาคิดมาก ซีวอนสอดเสียดแก่นกายเข้ามาโดยไม่คิดจะรุกเร้าให้ช่องทางเปิดกว้างมากกว่านี้
     

    ความแน่นขนัดพร้อมเลือดที่ปริตามการขยายวงกว้างทำให้ซีวอนรู้โดยทันทีว่าฮีชอลยังบริสุทธิ์อยู่จริงๆ เขาจ้องใบหน้าหวานอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง แต่ในเมื่อเขาทำไปแล้ว..มันก็คงแก้ไข้อะไรไม่ได้ ผนังร้อนระอุนั้นช่างรัดตอดความต้องการของเขาได้มากกว่าที่คิดไว้เสียอีก ขยับนิดเขยื้อนหน่อยก็เหมือนขึ้นสวรรค์ทั้งเป็น ยิ่งเร่งจังหวะเสียงของร่างข้างใต้ก็ดังระงม
     

    ซีวอนแปลกใจเล็กน้อย เพราะปรกติเขาเป็นพวกที่รำคาญเสียงครางของคู่นอน
     

    แต่พอได้ยินเสียงของคนนี้ มันทำให้เขารู้สึกดีและต้องการมากขึ้นไปกว่าเดิม
     

    ตัวของฮีชอลพยายามดิ้นและร่นถอยหลังเพื่อหนี แม้จะรู้ว่าไม่มีทางรอด
     

    ซีวอนจึงต้องใช้เข็มขัดนิรภัยอย่างช่วยไม่ได้ ถึงมันจะสร้างรอยลาดยาวผ่าเอวเพื่อผิวขาวขยับสั่นไหวไปโดน มือหนารั้งจับสะโพกมนให้อยู่แต่ที่เดิม บดขยี้ให้กลืนกินจุดอ่อนไหวไปทั้งอัน ฮีชอลยอมรับว่าเขาไม่เคยเจ็บโดยปราศจากความสุขมากขนาดนี้มาก่อน มันทั้งจุกทุกครั้งที่กระแทก คล้ายร่างกายจะแตกแยกออกกันเป็นเสี่ยงๆ เป็นหลายแขนง
     

    เขาไม่ไหวจริงๆ มันเกินที่มนุษย์คนหนึ่งจะทนไหว
     

    สติของฮีชอลเริ่มวูบไหวก่อนจะแทบเป็นลมคาที่
     

    กว่าจะรู้สึกตัวขึ้นมาอีกทีก็เมื่อตอนที่แก่นกายแข็งขืนนั้นควานหาจนไปเจอจุดกระสันของเขา รู้สึกดีแปลบบนจุดชีพจรเสียจนกระตุกโอดร้องเสียงดัง เขาได้ยินซีวอนครางอย่างพอใจเสียงโทนต่ำมาเป็นระยะ ตัวเขาเองก็รู้สึกจะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ถ้าเป็นไปได้เขาอยากโอบประคองคอของชายหนุ่มไว้เพื่อเพิ่มความสุขและลดความเจ็บปวดให้น้อยลง
     

    แต่มือที่ถูกมัดไว้ทำให้ขยับไม่ค่อยสะดวก
     

    หยาดน้ำตาสีใสปริ่มล้นขอบตา
     

    เขาหอบหายใจถี่..ถี่จนเกือบหยุด..
     


    “อื้อ..อะ..ไม่ไหวแล้ว!!” แน่นอน..นั้นต้องไม่ใช่เสียงของเขาอยู่แล้ว เป็นเสียงครางด้วยความสุขสมของซีวอน น้ำสีขาวขุ่นราวน้ำนมถูกสูบฉีดเข้าไปในช่องทางสีหวานล้นทะลักออกมาพร้อมเลือดที่ผสมกันจนสีเปลี่ยน ฮีชอลหมดแรงจริงๆ พลังงงานที่เขาสะสมไว้ตั้งแต่เช้าดูเหมือนจะกลายเป็นธาตุอากาศไปแล้ว ฮีชอลสลบไม่ได้สติในสภาพที่เปลือยเปล่า เขาไม่สนแล้วว่าซีวอนจะเอาเขาไปทิ้งไว้ข้างถนนหรือเปล่า แต่เปลือกตามันหนักอึ้งเกินไป..
     


    เป็นแค่ตัวสำรอง..มันเจ็บ..เจ็บแบบนี้เองงั้นหรอ..
     


    อยากร้องไห้ แต่ดูเหมือนน้ำตาเขาจะไม่ออก..
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×