ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic GOT7] Your life ไม่อยากได้ฉันขอนะ {MarkJack Markson}

    ลำดับตอนที่ #7 : Your life ไม่อยากได้ฉันขอนะ :: Chapter 6

    • อัปเดตล่าสุด 25 เม.ย. 57


    MINOR

    Chapter 6





    กลางดึกสงัด…..

     
     

    “นาย.. นาย ตื่น!” เสียงกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูบวกกับแรงสะกิดทำให้ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้น  พอกำลังจะอ้าปากถามมือหนาก็เข้ามาปิดปากผมไว้ซะก่อน

     

    “ชู่ววว ห้ามส่งเสียงดังเด็ดขาดแล้วตามฉันมา” ผมพยักหน้ารับเขาจึงปล่อยมือออก

     

    “แล้วโซ่..

     

    “ฉันปลดตั้งนานแล้ว” เพียงได้ยินคำว่าปลดออกปุ๊ป คำว่าหนีก็โผล่ขึ้นมาทันทีในความคิดผม  แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาให้คิดไรมาก เขาให้ตามก็ตาม


     

    ย่องเข้ามาถึงห้องนอนเขาก็เอาสายอะไรไม่รู้มาคาดเอวผม ครั้นพอจะถามเขาก็ปิดปากผมเหมือนเดิม


     

    “เอาล่ะ เรามีเวลาแค่สามนาทีที่ต้องหนีไปจากที่นี่ก่อนจะกลายเป็นศพ ฉันมีสริงเส้นเดียวฉนั้นนายอุ้มแบมแบมไว้ดีๆ ชั้นนี้ชั้นสิบห้า ระวังตัวด้วย” เขาอธิบายอย่างรวดเร็ว

     

    “เดี๋ยวนี่มัน…….

     

    “อย่าเพิ่งถาม เวลาไม่ได้รอเรา สามนาทีตอนนี้มันกลายเป็นสองกว่าแล้ว นี่แบมแบม ไปเร็ว!” เขาส่งแบมแบมให้ผมอุ้ม ก่อนจะนำออกนอกหน้าต่างไปพร้อมกระเป๋าใบใหญ่

     

    “ห เห้ยย คุณ” ผมรีบชะโงกหน้าไปดูอย่างหวาดเสียว ตกใจแทบแย่คิดว่าเขาจะกระโดดตึกสิบห้าชั้นลงไป แต่มันมีระเบียงเล็กๆเรียงกันทุกห้องทำให้ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก

     

    “รีบมา คาดว่านี่คงเหลือหนึ่งนาทีแล้ว”

     

    “ผ ผมจะลงยังไง ผมใช่ไอนี่ไม่เป็น”

     

    “ใช้สัญชาตญาณ” เขาบอกเพียงเท่านั้นและร่างของเขาก็ไปไกลจากสายตาผมแล้ว


     

    นี่มันเรื่องบ้าบออะไรอีก แล้วใช้สัญชาตญาณคืออะไร!


     

    งงโว้ยยย !


     

    แต่ดูเหมือนขณะที่ผมกำลังกระวนกระวายอยู่นั้นสิ่งที่เขาบอกก็ผุดขึ้นมาบนหัว ..หนึ่งนาที ตอนนี้มันก็เหลือนิดเดียวแล้วสิ  ไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้นผมยอมทำตามที่เขาบอกก็แล้วกัน

     

    ปีนระเบียงลงมาเหมือนกับเขา โดยมีเด็กน้อยที่หลับอยู่ในอ้อมกอดมันทำใหห้ลำบากอีกเป็นเท่าตัว ตอนนี้ขออย่างเดียวคืออย่าพลาด ผมตายน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่ถ้าแบมแบมตายเขาคงมากระทืบศพผมซ้ำแน่

     

    “เห้ยยยย ว้ากกกก ก”ขณะที่ผมกำลังจะปีนไปเหยียบระเบียงอีกชั้นเท้าของผมมันดันลื่นผลัดตกลงมา! แต่โชคดีที่ผมขว้าอะไรบางอย่างไว้ได้ทัน ทำให้เราสองคนห้อยโหนอยู่บนอากาศ ผมไม่กล้าที่จะมองลงไปเลย

     

    “อืออ หืออ  หนูแบง่วงจะตะโกนทามมายย” เด็กน้อยสะลึมสะลือตื่นขึ้น มือเล็กพยายามขยี้ตาเพื่อปรับโฟกัส “อ่าว นายอุ้มหนูแบทำไม แล้วเรา ว้ากกกกก” พอสังเกตลงไปข้างล่างก็พบว่าตัวเองไม่ได้อยู่บนพื้นดินปกติ จึงโผกอดอีกคนทันที ทำให้เสียหลักร่วงลงไปอีกครั้ง

     

    “ว้ากกกกกก กก ฮืออออ” สองเสียงร้องประสานกันด้วยความหวาดกลัว โดดตึกมันคงเป็นอย่างนี้นี่เอง

     

    “จะแหกปากกันอีกนานมั๊ย ฉันบอกให้เงียบๆ” เสียงคุ้นๆดังขึ้นใกล้ๆและอะไรบางอย่างขยุกขยิกที่รอบเอวผมทำให้ต้องลืมตาดูอีกครั้ง


     

    ..ผมตายยังเนี่ย?


     

    มองซ้ายมองขวาไปรอบๆก็พบว่าผมมาถึงข้างล่างแล้ว แต่เท้ายังไม่ถึงพื้น เพราะสายที่เขาผูกรอบเอวมันรั้งผมอยู่ สักพักร่างของผมก็ร่วงลงพื้นเมื่อเขาปลดมันออกให้





     

    บึ้มมมม ม!!!!!




     

    “หมอบ!” เขารวบตัวผมและแบมแบมๆไว้ในอ้อมกอดบังเศษหินที่ตกมาจากชั้นบน

     

    “ค คุณ..” พอผมจะหันไปถามเขาก็ใส่ผ้าปิดปากให้ผม

     

    “อุ้มแบมแบมแล้ววิ่งตามฉันมา ห้ามให้เห็นหน้าแบมๆ จำไว้ว่าห้ามยืนเป็นเป้านิ่ง วิ่งซิกแซกได้ก็ดี” เขาอธิบายรวดเดียวแบบเดิมจนผมฟังแทบไม่ทัน ก่อนจะได้ยินเสียงลูกกระสุนกระทบเสากำแพงไม่ไกลจากจุดที่เรายืนนักเขาก็ออกตัววิ่งทันที รวมถึงผมด้วย

     

    ตลอดทางที่เราวิ่งมามีลูกกระสุนพุ่งเข้ามาเป็นระยะ แต่ไม่มีเสียงปืนดังสักแอะ ถ้าคุณเคยดูจากในหนังเหมือนผมคงคิดว่ามันยิงรัวๆแบบคนโง่แถมยิงไม่ถูก แต่นี่ไม่เหมือนในหนังเลยสักนิด กระสุนทุกนั้นมาแบบใจเย็นและเฉียดตัวผมไปหลายแผลเลยอ่ะ จนแทบจะวิ่งไปต่อไม่ไหวเพราะความเจ็บปวด

     

    ส่วนเขาก็ไวเกิน วิ่งนำผมลิ่วๆเลย แถมยังหลบวิถีกระสุนได้ทุกนัดราวกับรู้ว่าอีกฝ่ายจะเล็งไปทางไหน ทำไมเขาไม่เอาแบมแบมไปวะครับ = =

     

    “อ๊ะ!!” เด็กน้อยในอ้อมกอดกระตุกตัวเกร็งเมื่อโดนกระสุนถากแขนไป ก่อนจะร้องแล้วดิ้นสุดแรงด้วยความเจ็บทำให้ผมเสียหลักล้มกลิ้งไปกับพื้น


     

    ซ ซวยแล้ว


     

    “ให้ตายสิ แบมมานี่” ร่างสูงที่หันมาเห็นสองร่างกลิ้งหลุนๆไปกับพื้นจึงต้องวิ่งย้อนกลับมาทั้งๆที่จะถึงรถอยู่แล้ว

     

    “ฮึก มาร์ค หนูแบเจ็บ ฮืออออ” เด็กน้อยโผกอดผู้ปกครองของตัวเองแน่นเมื่อเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดอุ่น เสียงทุ้มติดดุสั่งให้เด็กน้อยหยุดแหกปากแบมแบมจึงเงียบทันทีแต่ยังสะอึกสะอื้นอยู่บ้าง แล้วรีบเบี่ยงตัวหลบเมื่อรับรู้ถึงกระสุนที่พุ่งมา ก่อนจะออกตัววิ่งอีกครั้ง


     

    แล้วทำไมไม่มาดูผมบ้างเลย แผลเต็มตัวหมดแล้ว


     

    ขณะที่ผมกำลังจะหยัดตัวลุกขึ้น ลูกกระสุนอีกนัดก็ตรงเจาะเข้าที่ขาผมพอดีที่ให้ล้มลงไปอีกรอบ


     

    “ถ้าจะยิงขนาดนี้นี้ งั้นรอบนี้ขอตรงนี้รอบเดียวจบ ไม่อยากเจ็บแล้ว” ผมนั่งคุกเข่าแล้วตะโกนบอกคนที่ไม่มีตัวตนไป ชี้ไปที่ขมับเพื่อเป็นการบอกให้อีกฝ่ายเล็งมาตรงนี้ แล้วหลับตารอรับชะตากรรม


     

    ไหนๆก็ไม่มีแบมแบมแล้ว ยังไงผมก็ยังยืนยันว่าอยากตาย ถ้าหากต้องมาวิ่งหนีและเจ็บปวดแบบนี้


     

    “บ้าไปแล้วหรอ ขึ้นมา!” เขาขับมอเตอร์ไซต์มาเทียบข้างแล้วกระชากคอเสื้อผมให้ลุกขึ้น ผมจึงยอมขึ้นรถเขาแต่โดยดี เพราะถ้าไม่ลุกอาจจะเป็นเขาไม่ก็แบมๆที่ได้ตายแทน

     

     

     

     

     













     

     

    รถ KTM คู่ใจถูกจอดเทียบกับซอกตึกแคบๆเก่าๆ ก่อนเจ้าของรถจะดับเครื่องแล้วปลุกเด็กน้อยที่นั่งหน้าซีดอยู่ข้างหน้า แต่ก็ไม่ขยับ แถมตัวยังรุมๆอีก จึงเปลี่ยนเป้าหมายมาเรียกคนที่ซ้อนอยู่ข้างหลังแทน

     

    “นาย..ถึงแล้ว” พยายามเอื้อมมือไปเขย่าตัวเรียก แต่ดูเหมือนจะไม่รู้สึกตัวเช่นกัน พอแตะหน้าผากดูก็สัมผัสได้ถึงอุณหภูมิที่สูงมากจนต้องชักมือออก ..ตัวร้อนจี๋เลย

     

    สุดท้ายก็ต้องอุ้มเด็กน้อยไว้ข้างหน้าและแบกอีกคนขึ้นหลังมาด้วย เพราะเกรงว่าหากช้ากว่านี้มีใครมาเห็นเข้าคงไม่ดี

     

    ร่างสูงแบกสองร่างไว้อย่างทุลักทุเลก่อนจะดันตัวเข้ากำแพงข้างๆ ซึ่งหากไม่สังเกตคงไม่รู้ว่ามันคือประตู  แล้วใช้เท้ามันปิดเข้าที่เดิม ส่วนด่านต่อมายากหน่อยเพราะมันเป็นเครื่องแสกนนิ้ว และมันคงดีกว่านี้ถ้าไอเจ้าของห้องมันให้แสกนลายนิ้วมือไม่ใช่นิ้วเท้า!



     

    ครืดดดด ด



     

    ขณะที่กำลังจะวางร้างไร้สติสองชีวิตลงเพื่อแสกนลายนิ้วประตูก็เปิดพอดีพร้อมกับร่างผอมของใครบางคน ซึ่งก็เป็นเจ้าของห้องนี้แหละ.. ปาร์ค จินยอง

     

    “อ่าวมาร์ค แล้วนี่.. เอ่อ เดี๋ยวช่วย” พอเห็นหน้าไม่สู้ดีของอีกคนทำให้เก็บความสงสัยไว้ในใจก่อนจะเอื้อมมือไปรับเด็กน้อยในอ้อมกอดของอีกคนแล้วเดินนำเข้าไปในห้องหลังจากแสกนลายนิ้วแล้ว

     

    ภายในห้องก็ไม่ได้ต่างจากห้องของเขาสักเท่าไร เพียงแต่อุปกรณ์อาวุธครบครันกว่า และปลอดภัยกว่าห้องเขาอยู่มากเลยทีเดียว

     

    “อื้อหืออ โดนเยอะเหมือนกันนะเนี่ย” ทันทีที่วางทั้งสองร่างลงบนเตียงแล้วเหลือบไปเห็นร่างที่เพื่อนแบกมาก็อดที่จะเบ้ปากไม่ได้

     

    “โง่”

     

    “นายพูดว่าอะไรนะมาร์ค” หันไปถามอีกคนที่จ้องหน้าร่างที่แบกมานิ่ง แถมยังพึมพำๆอะไรคนเดียว

     

    “ไปเอากล่องพยาบาลมา มีดผ่าตัดด้วย ฉันจัดการนายนี่เอง ส่วนนายดูเด็ก” สั่งเพื่อนเสียงเรียบ ทั้งๆที่ยังไม่ละสายตาออกมา

     

    มือหนาค่อยๆเลิกเสื้อยืดที่ชุ่มไปด้วยเลือดของอีกคนขึ้น แผลรอยถากกระสุนก็ปรากฏแก่สายตา ตาคมเหลือไปเห็นกรรไกรที่โต๊ะตัวเตี้ยที่ข้างเตียงพอดีจึงหยิบมาตัดเสื้อออก พอดีกับที่เพื่อนร่างผอมเข้ามาพอดี

     

    “เล่ามาซิสองคนนี้เป็นใคร” เปิดประเด็นท่ามกลางความเงียบ ขณะที่มือยังเช็ดทำความสะอาดแผลที่แขนข้างซ้ายของเด็กน้อยไปด้วย “นี่ลูกติดรึไง แล้วนายนั้นอย่าบอกนะว่าแฟน”

     

    “ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก” ตอบกลับไปเสียงเรียบ เข็มฉีดยาหลอดใหญ่ถูกสอดไปบริเวณต้นขาที่มีแผลกระสุนเจาะอย่างเบามือ แต่ร่างของอีกคนก็กระตุกเป็นระยะๆราวกับรับรู้ถึงความเจ็บปวดทั้งๆที่หมดสติ

     

    “ฉันจำเป็นต้องรู้ประวัติคนที่เข้ามาอาศัยทุกคน ฉันไม่ไว้ใจ” บอกเสียงแข็งพร้อมกับจ้องอีกคนเขม่ง แต่ร่างสูงก็ไม่ได้สนใจอะไร คิดว่ามันเหมือนแมวขู่ฟ่อๆมากกว่าน่ากลัวซะอีก มือหนายังคงตั้งใจผ่าตัดเอากระสุนออกอย่างใจเย็น ไม่พูดตอบอะไรจนอีกคนถอนหายใจออกมาแรงๆอย่างไม่สบอารมณ์แล้วหันไปทำแผลต่อ

     

    “นายไว้ใจฉันแค่ไหน ก็ขอให้ไว้ใจสองคนนี้เท่าฉัน” มือหนายกมือขึ้นมาปาดเหงื่อตามแนวขมับ เมื่อผ่ากระสุนออกสำเร็จ

     

    มันเจาะไปลึกพอสมควร คาดว่าตื่นมาคงระบมแผลมากแน่สำหรับคนที่ไม่เคยโดนน่ะนะ

     

    “แล้วจะให้สืบมั๊ยว่าใครทำ”

     

    “ไม่ต้อง ยิงเป็นจังหวะและใจเย็นขนาดนี้มีคนเดียว”

     

    “อย่าบอกนะว่า……..

     

    “อืม หมอนั้นแหละ”

     

    “โอยย เรื่องเยอะจริงๆเลย เมื่อไรงานนี้จะจบวะ” มาร์คไม่ได้พูดตอบอะไรเพียงแค่ยักไหล่ให้

     

    เมื่อสำรวจแผลทุกส่วนบนร่างกายของอีกคนดีแล้วว่าไม่มีส่วนไหนที่ยังไม่ทำจึงเก็บอุปกรณ์ส่งให้อีกคนที่รับมันมาอย่างเซ็งๆ

     

    ร่างสูงเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าของเจ้าของห้องอย่างถือวิสาสะ หยิบเสื้อตัวใหญ่พร้องกางเกง และเสื้อตัวเล็กมาอย่างละตัวแล้วนำมาใส่ให้ร่างไร้สติทั้งสองอย่างเบามือ

     

    “เอ้ยๆๆ ไปนอนบนเตียงเบียดคนเจ็บได้ไงเล่า ลงมานอนพื้นเลยมาร์ค” คนตัวผอมรีบเข้าไปดึงคอเสื้อเพื่อนตัวสูงให้ลุกขึ้นมาเมื่อเห็นอีกคนกำลังจะล้มตัวนอน “น้ำก็ไม่อาบ”

     

    “อยากตายมากใช่มั๊ยมาดึงคอเสื้อฉัน! บอกเสียงดุ ตาคมจ้องอีกคนเขม่ง จินยองจึงยอมปล่อยมือแล้วถอยทัพแต่โดยดี

     

    “เออๆขอโทษ อยากทำไรก็ทำ มีไรก็เรียกแล้วกัน”

     

    “อืม” ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง พยายามนอนลงให้เบาที่สุดเพื่อไม่ให้ไปรบกวนร่างที่บาดเจ็บ

     

     

     




     














     

    “อื้อออออ  หืออ ฮืออ” แรงขยับจากคนข้างๆพร้อมกับเสียงที่ครางต่ำในลำคอปลุกให้คนตื่นง่ายต้องลุกขึ้นมาดู

     

    เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นตามไรผมคนที่ยังคงไม่ได้สติจนเปียกชุ่ม มาร์คจึงใช้หลังมือปาดมันออกให้เบาๆ ก่อนจะตบแก้มเพื่อเรียกสติ

     

    “เป็นอะไร” ถามขึ้นเมื่ออีกคนยอมลืมตา

     

    “เจ็บ ฮึก” บอกเสียงแผ่วเบาซะจนแทบไม่ได้ยิน

     

    “ทนหน่อยเดี๋ยวก็หาย หลับซะ”

     

    “ฮึก หลับไม่ได้แล้ว เจ็บ”

     

    “จะหลับดีๆหรือจะให้ฉีดยาสลบ” พอพูดถึงเข็มฉีดยาแจ็คสันก็ส่ายหน้าทันที แค่นี้ก็ระบมจะแย่อยู่แล้ว “งั้นก็หลับซะ”

     

     

     

    “ค คุณ” เรียกอีกคนหลังจากเงียบไปนาน

     

    “หืมม” ร่าสูงที่กำลังเข้าสู่นิทราอีกครั้งครางตอบในลำคอทั้งๆที่หลับตาอยู่

     

    “ขอจับมือได้มั๊ย ฮึก” มาร์คไม่ตอบอะไร เพียงแต่เอื้อมมือไปจับมืออีกคนเป็นคำตอบเท่านั้น



     

    “ขอบคุณครับ”

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×