คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Your life ไม่อยากได้ฉันขอนะ :: Chapter 2
Chapter 2
ผมลืมตาอีกครั้งท่ามกลางความมืด ทุกอย่างมันสมใจอยากแล้ว และที่นี่คงเป็นนรก
..แต่ผมเพิ่งรู้นะว่าการที่คนเราตายไปแล้วยังมีความรู้สึกเจ็บบาดแผลอยู่ ผมยังเจ็บที่ข้อมืออยู่
“ตื่อแล้ว มาร์ค! เขาตื่อแล้ว” เสียงเล็กแหลมเสียงหนึ่งตะโกนว่าอะไรสักอย่างดังอยู่ข้างหูผม จึงต้องหันไปมองตามต้นเสียง
หน้าตาที่คุ้นเคยทำให้ผมขมวดคิ้ว ..ผมตายแล้วทำไมเจ้าหนูแบยังเห็นผมอยู่แถมยังกำนิ้วมือผมไว้ด้วย มองเลยไปที่บาดแผลก็พบว่ามีผ้าก๊อตสีขาวพันไว้อย่างเรียบร้อยแล้ว
!!!!!!!!!!
“ไง ..ผิดหวังล่ะสิ” เสียงทุ้มดังมาจากตรงประตู ร่างสูงยืนพิงกรอบประตูมองมาทางผมนิ่งๆ
“ท ทำไม…” ผมคิดว่าผมหมดลมไปแล้ว แล้วทำไมผมถึงรอด
“ฉันบอกแล้วว่านายไม่มีสิทธิ์ตาย ถ้าฉันไม่ได้อนุญาต ลุกไปกินข้าวได้แล้ว” เขาสั่ง แต่ผมไม่ได้ลุกเดี๋ยวนั้นเพราะผมไม่มีแรงพอ
“เอ้า! มาร์คให้ลุก็ลุซี่ นอนต่อทำไม” มือของเด็กน้อยพยามยามยื้ฉุดดึงแขนผมให้ลุก แต่ก็ไม่ขยับเขยื่อนสักนิด ก็ดูขนาดตัวของผมกับเจ้าเด็กนี่สิ
“ฉันไม่ได้มีเวลาว่างเยอะอย่าหัดทำตัวมีภาระ ลุกขึ้นมาได้แล้ว” เขาสั่งเสียงเข้ม ถึงผมจะกลัวแต่ผมก็ไม่มีแรงจริงๆ ได้แต่ส่ายหน้าให้เขาไป
“ผ ผมลุกไม่ไหว” แทบจะทันทีที่พูดจบ เขาเข้ามากระชากแขนผมอย่างแรงให้ลุกขึ้นมา ผมได้แต่ยืนโงนเงนเพราะทรงตัวไม่อยู่ จึงจับแขนอีกข้างของเขาไว้ด้วยเป็นที่ยึดเหนี่ยว
“อย่าสำออยให้มันมากมันน่ารำคาญ”
“ผมไม่ได้…”
“ไปกินข้าวแล้วกินยา” เขาสะบัดแขนผมออกแล้วเดินออกไป ส่งผลให้ผมล้มลงไปกองกับพื้น โชคดีที่ผมไม่ได้เอาแขนข้างที่เจ็บยันพื้น ไม่งั้นมันคงระบมแน่
“นี่ๆ ถ้าเดอไม่ไหวก็คลานดิ่ หนูแบก็ทำแบบนั้น” ทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินตามคนที่เก็บตัวเองมาเลี้ยงออกไป
…คนอะไรใจร้ายที่สุดเลย
ระหว่างที่พวกเรานั่งกินข้าวกันไม่มีแม้แต่เสียงพูดคุย มีเพียงเสียงช้อนดังกระทบจานเวลาผมทำหลุดมือเท่านั้น ผมถนัดขวา ผมกรีดมือข้างขวา และนั้นเป็นสาเหตุที่ผมไม่มีแรงจับช้อน ทุกครั้งที่ผมทำช้อนหล่นผมก็เหลือบมองเขาไปด้วย กลัวเขาจะรำคาญแล้วลุกขึ้นมาตีผม
เคร้ง!!
เกือบจะรอบที่สิบโดยที่ผมกินข้าวไปได้คำเดียว คราวนี้เจ้าหนูแบที่นอนอยู่บนตักของคนใจร้ายนิ่งๆลุกขึ้นมาเท้าสะเอวด้วยความหงุดหงิด แต่พอหันไปเจอสายตาดุๆก็ยอมนั่งลงแต่โดยดี ไม่วายจ้องตาผมเขม่งอีก
อยู่ๆจานของผมก็ถูกคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามเลื่อนไป เขาตักข้าวขนาดพอดีคำก่อนจะยืนมันมาตรงหน้าผม ซึ่งผมก็ลังเลไม่กล้าเอาเข้าปาก
“อ้าปาก”
สุดท้ายผมก็ยอมรับเข้าปากแต่โดยดีเพราะกลัวสายตาดุๆของเขา คำแรกยังไม่ทันหมดคำที่สองก็รอจ่อปากทันที ผมจึงต้องรีบกินให้หมดให้เร็วที่สุดเพื่อไม่ให้เจ้าของมือที่ช่วยตักข้าวให้ต้องรอนาน เดี๋ยวเขาหงุดหงิดอีก
“พอแล้ว ..อิ่ม” ข้าวพร่องไปแค่ครึ่งถ้าผมก็รู้สึกพะอืดพะอมกินไม่ลง แต่เขาก็ไม่ยอมละช้อนไปไหน
“กินให้หมด”
“ผมไม่ไหวแล้วจริงๆ” พยายามเบือนหน้าหนีแต่เขาก็เลื่อนช้อนตามมา
“จะกินดีๆหรือจะให้คว่ำลงหัว” ผมยอมรับมันเข้าปากด้วยความกล่ำกลืน ผมเชื่อว่าเขาจะทำจริงๆตามที่พูด ดังนั้นผมไม่อยากเสี่ยง
กินจนหมดและต่อด้วยยาแก้อักเสบสองเม็ด ที่เขาได้เตรียมไว้ให้ก่อนหน้านี้ เขาเอาจานไปเก็บก่อนจะกลับมาพร้อมกล่องยาปฐมพยาบาล
มือหนาค่อยๆจับแขนผมขึ้นมาอย่างเบามือราวกับเป็นคนละคนกับก่อนหน้านี้
“หลับไปสองวัน”
“หืออ”
“นายหลับไปสองวัน”
“ห๊ะ! ผมหลับนานขนาดนั้นเลยหรอ”ผมก้มลงมองตัวเองเสื้อผ้านี่ก็ตัวเดิม เน่าชะมัด
“ใช่ หลับนานมาก หนูแบต้องชั่วมาร์คเช๊ะตัวนายดั้ว“
“ทำไมไม่หลับไปตลอดกาลเลยนะ” ผมพึมพำออกมาเบาๆ ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะไม่พอใจมาก และบีบแผลผมอย่างแรงจนต้องร้องออกมา
“ขนาดเจ็บยังร้องเลย เสือกอยากตาย” เขาไม่ผ่อนแรงลงแม้แต่น้อย ทุกการสัมผัสยังคงแรงขึ้นเรื่อยๆ แม้ผมจะร้องดังขนาดไหน เขาก็ไม่ฟัง
“ฮึก โอ้ยยยย บ เบา เบาๆ คุณ ฮือออ ผม จ เจ็บ ฮึก ขอร้อง”
“ทีตอนทำไม่คิด …เสร็จแล้ว” ผมรีบชักมือกลับมาทันทีที่เขาปล่อย
มันเริ่มชาจนแทบขยับไม่ได้แล้ว จะพิการมั๊ยครับ TT
“แหกปากอย่างกะระเบ่อลง สู้หนูแบก็ไม่ได้ โหะล้มเลื่อไหลยังไม่ร้องเลย”
“ก็มันไม่เหมือนกันนี่” แอบพึมพำเบาๆกับตัวเอง เพราะถ้าเผลอพูดดังอีกนิดคงต้องเสียผมเป็นกระจุกแน่
ผมไม่อยากอยู่ที่แล้วจริงๆ ผมไม่ชอบคนใจร้ายนั้นเลย
ตกดึกคนใจร้ายยืนแต่งตัวอยู่ที่หน้ากระจกบานใหญ่ในห้อง ผมสีแดงเพลิงไม่ได้ถูกเซตมากมายแต่กลับดูดี ร่างสูงของเขาถูกปกปิดด้วยชุดสีดำทั้งตัว เสื้อแขนยาวและกางเกงขาเดฟ เขามองซ้ายมองขวาสำรวจตัวเองอีกครั้งก่อนจะหยิบหระเป้าเป้ในโตที่ใต้เตียงออกมา
“ฉันไปก่อนนะ”
“ด เดี๋ยว! คุณจะไปไหนมันดึกแล้วนะ”
“เรื่องของฉัน” เขาตอบแค่นั้นก่อนจะเดินออกไป แต่สักพักก็หันหลังกลับมาอีกครั้ง “ห้ามเปิดประตูให้ใคร และห้ามฆ่าตัวตาย แบมแบมเฝ้าเขาไว้ด้วยนะ”
“ครับมาร์ค”
เขากลับหลังเดินออกไปอีกครั้ง และนั้นเป็นโอกาสที่ดีที่ผมคิดจะ…หนี
ผมตัดสินใจแล้ว เพราะถ้าขืนอยู่ที่นี้ต่อไปผมทนไม่ไหวแน่ แม้ร่างกายจะไม่เอื้ออำนวยก็เถอะ คงต้องรอสักพักเพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว หลังจากนั้นผมจะไป ส่วนแบมแบมผมเชื่อว่าเขาอยู่ได้ เขาเป็นเด็กฉลาดและถูกเลี้ยงดูมาไม่เหมือนเด็กคนอื่น แบมแบมไม่เคยงอแง
..เวลานี้แหละ
“จะไปไหน!” เด็กน้อยที่ตอนแรกกำลังเคลิ้มหลับเบิกตาโพร่งขึ้นมาเพียงแค่รู้ว่าผมกำลังลุกออกจากเตียง
“เอ่อ ป ไปเข้าห้องน้ำ” โกหกออกไป ส่วนเจ้าหนูแบยังคงจ้องผมเขม่ง เป็นผมที่หลบตามาก่อน
“นายโกโหะ” ..จะฉลาดเกินไปแล้ว
“……………ป่าว”
“งั้นหนูแบจะไปเฝ้า”
สุดท้ายผมก็มาอยู่ในห้องน้ำจนได้ แล้วผมจะทำไรล่ะทีนี้ เด็กน้อยนั้นก็ยังเฝ้าอยู่หน้าห้องน้ำไม่คลาดสายตา ห้องน้ำก็ดันเป็นกระจกไม่มีอะไรมากั้นทำให้เห็นหมด พระเจ้า!
ไหนๆก็เน่ามาสองวันแล้ว งั้นอาบน้ำเลยแล้วกัน ผมเปลืองผ้าออกจนเหลือไว้แค่ชั้นใน จะถอดออกหมดก็กระไรอยู่ ..ที่นี่ไม่มีฝักบัวและเครื่องทำน้ำอุ่น มีแต่น้ำเย็นๆในถังเท่านั้น การอาบน้ำจึงเป็นไปอย่างยากลำบากเพราะต้องใช้มือข้างไม่ถนัดตักน้ำราด
แกร๊ก!!!
“เสร็จแล้ว” บอกกับคนที่กึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่ ผมพันแค่ผ้าเช็ดตัวไว้ที่ท่อนล่างของตัวเอง “พาผมไปหาเสื้อใส่หน่อย”
เด็กน้อยพาผมไปยังตู้เสื้อผ้าของเจ้าของห้อง ปากเล็กหาววอดๆอย่างง่วงงุนจนผมอดที่จะยิ้มไปกับภาตรงหน้าไม่ได้
“ง่วงก็ไปนอน”
“ไม่ด้ายย มาร์คสั่งให้หนูแบเฝ้านาย”
“ตามใจ”
รื้อได้สักพักก็เจอเสื้ออยู่ตัวหนึ่งซึ่งมันใหญ่สุดแล้ว พอลองสวมก็พอดีเลย ส่วนเรื่องชั้นใน
..ขอโทษนะคนใจร้ายแต่มันจำเป็น
เมื่อแต่งตัวเสร็จผมก็พาแบมแบมไปนอน เด็กน้อยทำท่าจะหลับอยู่หลายครั้งแล้วสะดุ้งขึ้นมามองผม ไม่ยอมนอนหลับให้สนิทไป อะไรมันจะเชื่อฟังขนาดนั้น
“นี่.. ถ้ากลัวผมจะหนีไปฆ่าตัวตายอีกล่ะก็จับมือผมไว้สิ แล้วหลับให้สนิทง่วงก็นอนเถอะ” ผมยื่นมือไปกระชับมือเล็กเอาไว้แน่นพอสมควรให้เจ้าตัวน้อยได้วางใจ
“นายห้ามหนีนะ ห้ามนะ”
“อืม ครับ”
ไม่นานแบมแบมก็หลับ ลมหายใจที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอทำให้ผมรู้ว่าเด็กน้อยหลับสนิท ส่วนมือเล็กที่กอบกุมอยู่ก็ค่อยๆคลายออกทีละนิดจนผมเป็นอิสระ
..ใช่ อิสระ
ผมค่อยๆย่องออกมาเบาๆเพื่อไม่ให้เด็กน้อยตื่นขึ้นมาและโวยวาย ดีหน่อยที่ตอนมาผมมาตัวเปล่าจึงไม่ต้องมีสัมภาระมากมาย ส่วนเรื่องเสื้อของเขาที่ผมใส่อยู่ตอนนี้เดี๋ยวค่อยหาทางเอามาคืนให้แล้วกัน แต่เรื่องนั้นไว้ทีหลังเพราะผมต้องรอดมาให้ได้ก่อน
แกร๊ก แอ้ดดด!
เปิดประตูให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้และรอดตัวออกมา ผมเดินมาตามทางเรื่อยๆ ที่พอจะจำได้ลางว่าทางไหนคือทางออกตอนเขาพามาที่นี่
มันอีกนิดเดียวเท่านั้นผมก็จะหลุดพ้นจากเขา
แต่…
“อ๊ะ!!” ปวดหัวขึ้นมากระทันหัน ผมทรุดลงกับพื้นทันที
ทำไมต้องมาปวดอะไรตอนนี้ แล้วถ้าคนใจร้ายนั้นมาเห็นล่ะ
ผมพยายามเดินเกาะกำแพงมาเรื่อยๆ ไปนั่งพักอยู่ทางบันไดหนีไฟ อย่างน้อยมันก็ยังดีกว่าอยู่ข้างนอนทางเดินนั้น ส่วนเรื่องลิฟต์ตัดออกไปได้เลย ผมกลัวประตูเปิดออกมาจะเป็นเขา
นั่งนวดขมับไปได้สักพักผมก็เริ่มที่จะเดินต่อ ผมมีทางเลืออยู่สองทางระหว่างขึ้นไปบนดาดฟ้าเพื่อฆ่าตัวตายอีกรอบ หรือจะลงข้างล่างลองใข้ชีวิตบนโลกดู
ข้างล่างแล้วกันอยู่ๆไปก็ดี ตอนนี้มันอยากตายจนหายอยากและ
“จะไปไหน”
เฮิอก!!!! O.O
“ฉันว่าแล้ว มองหน้าก็รู้ว่าคิดจะทำอะไร”
“…………………….”
“หมาที่มันไม่เชื่องมันต้องล่ามใช่มั๊ย”
“อย่าทำแบบนั้นเลยผมขอร้อง ผมจะไม่หนีแล้ว”
“สำหรับฉันไม่มีคำว่าโอกาสและการแก้ตัว ฉันไม่ใจดี”
“ม ไม่..”
“คราวนี้ได้ตายสมใจแน่”
“………………………”
“…………………ตายทั้งเป็น”
ความคิดเห็น