คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Your life ไม่อยากได้ฉันขอนะ :: Chapter 10
Chapter 10
ค่ำคืนที่มืดมิดไร้แม้แต่แสงสว่างของดวงจันทร์ ชั้นดาดฟ้าของตึกห้าชั้นแห่งหนึ่งถูกจับจองโดยร่างของผู้ชายสองคน รอบด้านเงียบสงบราวกับไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่บนโลก มีเพียงเสียงลมหวีดหวิวพัดมาเอื่อยๆเท่านั้น
ผมสีแดงเพลิงปลิวสะบัดไปตามแรงลมจนปิดหน้าปิดตา มือหนาทำเพียงแค่เสยมันขึ้นไปให้พ้นหน้า ก่อนจะลงมือต่ออุปกรณ์คู่ใจ โดยมีผมยืนมองอยู่ด้านหลังด้วยอาการสั่นนิดๆเพราะอากาศเย็นในตอนกลางคืนแถมยังกลัวอีก
เมื่อเขาเหลือบมองผมเขาก็จิ๊ปากด้วยความลำคาญ
...นี่คิดถูกรึเปล่าที่เอามันมาด้วย
“ค คุณจะทำอะไรหรอ”
“Kill”
“ห๊ะ! จะ อื้ออออ” ขณะที่ผมเผลอส่งเสียงดังออกมาเขาก็รีบพุ่งเข้ามาปิดปากผมทันทีพร้อมกับสายตาดุๆ
“ถ้าขืนยังส่งเสียงดังอีก คนที่ตายเป็นนายแน่ แจ็ค-สัน-หวัง”
“อ่อยย เอี้ยบแอ้วอุน”
“หยุดพูด”
“อุน”
“หยุด!”
“..........................” เมื่อมั่นใจว่าผมยอมหุบปากแล้วจึงปล่อยมือออกก่อนจะหยิบผ้าสีดำล้วนผืนหนึ่งขึ้นมาปิดปากผมไว้ และอีกผืนปิดปากตัวเอง
มือหน้าทั้งสองข้างจับไหล่ผมแน่น แววตาเรียบเฉยมองผมอย่างจริงจัง ซึ่งผมเองก็จ้องกลับเช่นกัน
เอ่ออ จ้องนานไปก็แอบเขินนะ -//////-
“สังเกตข้างหลังฉัน ถ้าเห็นอะไรผิดปกติให้สะกิดทันที” ผมพยักหน้าเป็นเชิงรู้
เขาลงไปนอนหมอบเล็งสไนเปอร์ ทุกอย่างกลับมาเงียบแบบเดิม ผมเดินไปนั่งขัดสมาธิข้างๆเขาอย่างเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาเหลือบมามองผมที่ตั้งใจทำหน้าที่เป็นตาหลังให้เขา ก่อนจะเอื้อมมือมากดหัวผมลงแทบจะติดพื้น แล้วจะชักมือกลับไป
ตาคมสอดส่องมองบุคคลเป้าหมายที่เพิ่งเข้ามาในฉากอย่างตั้งใจ ร่างผอมเดินถือกระเป๋าโน๊ตบุ๊คส์นิ่งๆ สายตาหลังแว่นที่หนาเตอะดูลอกแลกแปลกๆจนคนมองอดที่จะขำแบบสมเพชไม่ได้
....หน้าโง่ชะมัด หึ!
เมื่อมั่นใจว่าใช่เป้าหมายจริงจึงจับปืนเล็งไปทันที แต่ไม่ทันที่จะได้เหนี่ยวไกกลับเห็นเงาดำหนึ่งตามหลังเป้าหมายมาจึงละสายตาจากจอกล้องไปดู
แปะ!
ขวับ!
“ทำไร” คนผมแดงหันมามองข้างตัวทันทีที่ได้ยินเสียงเหมือนตบอะไรบางอย่าง
“แฮะๆ ขอโทษครับ มดกัด” ผมบอกเสียงแหยๆ แววตาของคนตรงหน้าจึงเปลี่ยนเป็นมองอย่างจะกินเลือดกินเนื้อทันที
“ถ้ามีเสียงอีกนิดระวังกะโหลกเป็นรูไม่รู้ตัว”
อ ไอโหด!
มาร์คหันกลับไปมองเหตุการณ์ตรงหน้าอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่ปล่อยให้เป้าหมายหลุดมือไปหรอก เพราะไม่อย่างนั้นไอเจ้าของเงาดำนั้นอาจจะแย่งตัวไป
ปุ๊!!!!
เสียงลมแน่นๆออกมาจากปลายกระบอกปืนที่คนผมแดงยิงออกไปทำให้ผมสะดุ้งสุดตัวเผลอจับเสื้อเขาแน่น ถึงแม้ว่ามันจะเป็นปืนอัดเสียงก็เถอะ ใครจะรับได้ นี่มีคนตายเพราะเขาเลยนะ!!!
แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเขาพลิกตัวนอนหงายแล้วกระชากตัวผมปลิวไปนอนทับเขาอย่างรวดเร็วไม่ทันตั้งตัว มือหนาปัดปืนจนกระเด็นเข้ามุมมืด ก่อนจะโอบตัวผมไว้หลวมๆ
“ใครมา?” เสียงทุ้มกระซิบถาม
“ป เปล่า...”
“แล้วสะกิดฉันเพื่อ!!!!!” เขาตะคอกออกมาเบาๆ มือหนาจากที่กอดผมไว้กลับผลักผมจนกลิ้งไปด้านข้างดังอั๊ก ผมถึงกับต้องงอตัวด้วยความจุกแถมเจ็บแผลที่เพิ่งโดนกระทืบมาด้วย
เขาตามมาค่อมผมไว้แล้วกระชากคอเสื้อผมจขนตัวแทบลอยเหนือพื้น
“งานฉันจะพลาดเพราะนาย!” เขากัดฟันพูดอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ มือหน้ายังคงกำเสื้อผมไว้ไม่ปล่อย
“ผ... ผม....”
“เห้ยยยยย!!!!! ใครอยู่ตรงนั้นอ่ะ!” เสียงของใครบางคนตะโกนมาจากด้านหลังของพวกเรา เขาจึงกระชากเสื้อผมออกอย่างแรงรวมถึงของเขาด้วย แล้วโน้มหน้าลงมาหาผมที่งงๆอึ้งๆอยู่
“ร้องดังๆนะที่รัก” รอยยิ้มร้ายเจ้าเล่ห์ที่ผมไม่เคยเห็นจากเขามาก่อนถูกส่งมาให้ทำให้ผมงงหนักกว่าเก่า สมองประมวลอะไรไม่ทันสักอย่าง แต่ยังไม่ทันได้คิดอะไรเขาก็ก้มลงปิดปากผมโดยปากของเขาซะแล้ว
ถึงจะมีผ้าปิดปากกั้นก็เถอะ ....แต่มันก็ ...
“กูถามว่าใคร!!”
“อ๊าาาา า า อื้อออ อ เจ็บ ค คุณ ..” ผมร้องลั่นเมื่อเขาก้มลงมางับไหล่ที่โผล่พ้นเสื้อของผมออกมาอย่างแรง
“โอออ๋ ไม่ร้องนะ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”
“เชี่ย!! คนเอากันว่ะมึง เสือกมาเอากันอะไรตรงนี้” เสียงของบุคคลที่สามดังไม่ไกลจากพวกเราเท่าไหร่ ทำให้มาร์คย้ายมาจูบผมอีกครั้ง มือหนาสะเปะสะปะอยู่แถวๆหน้าท้องผม มันหวิวจนผมหายใจแทบไม่ทั่วท้อง
“ไปเหอะมึง มันคงไม่มาเล็งปืนแถวนี้ ตบะแตกพอดี”
เมื่อสิ้นเสียงชายสองคนนั้นได้สักพักเขาจึงค่อยๆหันหน้าไปดู แล้วลุกออกจากตัวผมไป ปล่อยให้ผมนอนใจเต้นรัวอยู่ที่เดิม อากาศที่หนาวทั้งๆที่เสื้อผ้ายังหลุดรุ่ยมันไม่ได้ทำให้ผมสะท้านเหมือนตอนแรกแต่อย่างไร แต่รู้สึกเหมือนมันจะร้อนขึ้นอีกต่างหาก
“จะนอนอีกนานมั๊ย” เขาที่เก็บอุปกรณ์เสร็จตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ถามขึ้นเรียกสติผมให้กลับคืนมาอีกครั้ง
“ห ห๊ะ! ม ม ไม่ ...เจ็บไหล่” เออดีเรียบเรียงคำพูดไม่ถูกเลยทีนี้
“อย่าสำออย ไป เดี๋ยวพวกมันก็กลับมาอีก” เขากระชากเสื้อผมแล้วลากให้ตามไปโดยที่สติยังกลับมาไม่ครบดี
ผมจะเป็นอย่างงี้ตลอดไปมั๊ยเนี่ย หัวใจนี่ก็เต้นแรงจังจะทะลุออกมาอยู่และ
“เป็นไงบ้าง” แทบจะทันทีที่ก้าวขาเข้ามาในเซฟเฮ้าส์ของจินยองก็ถูกถามทันที
“เกือบพลาด”
“อะไรคือเกือบพลาด นายไม่เคยพลาดหนิ”
“.........................” คนผมแดงไม่ตอบเพียงแต่เหลือบมามองผมเท่านั้น ทำให้จินยองหันมามองตามด้วยแววตาไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
“ฉันบอกแล้วว่าให้ฉันช่วยก็ไม่เชื่อ”
“... ช่างมันเหอะ สำเร็จและรอดก็พอ” เขาหลุดมาดบิดขี้เกียจสองสามทีก่อนจะเดินเข้าห้องoheไปทิ้งให้ผมยืนอยู่กับจินยองแค่สองคน
ดีจัง ปล่อยให้ผมยืนอยู่กับคนที่ไม่ชอบขี้หน้าตัวเองสองต่อสองเนี่ย
“อ เอ่ออ ผมขอตัวนะ”
“ใครล่ามขาไว้ล่ะ”
“เปล่า .. ราตรีสวัสดิ์ฮะ”
ผมพาร่างกายอันเหนื่อยอ่อนล้มตัวนอนข้างแบมแบมที่กำลังหลับอย่างสบายเลย บางทีก็น่าอิจฉานะ อยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งจัง
“ไอบ้าเอ้ยย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เกินไปแล้วนะ หัวใจจะหลุดแล้วให้ตายสิ ไอโหด! ไอใจร้าย เจ็บตัวอยู่แล้วยังจะมากัดไหล่ให้เจ็บขึ้นอีก ไอฟันใหญ่ ไอ…….”
“บ่นอารายยย”
“บ่นไอโหด... เอ้ยย! ตื่นตั้งแต่เมื่อไร” ผมสะดุ้งนิดๆเมื่อหันไปเจอเด็กน้อยกำลังนอนมองตาแป๋วอยู่
“ตั้งแต่นายเริ้นบ่น”
“ป เปล่า”
“อย่าว่ามาร์ค ไม่งั้นหนูแบโก่แน่” เด็กน้อยยกมือชี้หน้าผมเป็นเชิงขู่
“ครับๆ นอนไปๆ ไม่บ่นแล้ว”
“ดีมาก เป็นไงบ้างชั่วมาร์ค หนุมั๊ย”
“ไม่เห็นจะหนุกเลย” ผมบ่นงุ้งงิ้งๆอีกนิดหน่อยตามประสา
“หนุจะตาย หนูแบก็เคยชั่ว ตอนนั้นปาหินไปโดหัวคนที่อยู่ข้างหลังมาร์คได้ดั้ว หนูแบเก่งมั๊ย” หนูแบยังคงอวดความหลังของตัวเองต่อไป ยิ่งฟังก็ยิ่งนึกสมเพชตัวเอง นี่เด็กอนุบาลทำไรได้มากกว่าผมเยอะเลย แต่อดที่จะตำหนิเขาในใจไม่ได้เพราะเขาทำให้เด็กน่ารักใสซื่อกลายเป็นเด็กโหดไปแล้ว
“นินทาผู้ใหญ่เด็กไม่ดี” ตัวเองของเรื่องที่แบมแบมกำลังพูดถึงเดินเข้ามาในห้อง เขาโยนผ้าขนหนูพาดกับเก้าอี้ส่งๆ ก่อนจะเดินมานอนข้างแบมแบมอีกฝั่ง
“หนูแบไม่ได้นินทานะ หนูแบชมต่างหาก”
“อืม”
“มาร์คตัวหอม หอมเหมือหนูแบเลย”
“แน่นอนสิ ฉันไม่ได้เหม็นเหมือนคนที่แบมแบมคุยด้วยเมื่อกี้หนิ”
“คิๆ ช่ายยยย”
.....ไม่ทราบว่า
......สองคนนั้นกำลังนินทาผมใช่มั๊ย?
ด้ายยยย เดี๋ยวพ่อจะอาบให้หอมชาตินี้ยันชาติหน้าเลยคอยดู แล้วได้ข่าวว่าก่อนออกไปกับเขาผมก็อาบน้ำไปแล้วรอบนึง เหม็นแล้วหรอ
“คิๆ ไปแล้วมาร์ค”
“นอนได้แล้วเราพรุ่งนี้ไปเรียน ฉันต้องเข้าองค์กรด้วย” พูดก่อนจะหลับตาลง
“หนูแบอยากโตไวๆจัง อยากเข้าองค์กอแล้ว”
“นอน”
“ก็ด้ะ”
ผมเดินออกมาจากห้องน้ำเข้าห้องห้องมาก็พบว่าสองคนนั้นหลับไปแล้ว ผมจึงเดินไปล้มตัวนอนข้างๆ รวบตัวแบมแบมมากอดไว้ด้วยความเคยชินซึ่งเด็กน้อยเองก็กอดตอบเช่นกัน
“มาร์ค!! แย่แล้ว! ตื่น” ขณะที่ผมกำลังจะปิดเปลือกตาลง เสียงแหลมของจินยองก็ปลุกขึ้นมาเสียก่อน รวมถึงมาร์คและแบมแบมด้วย
“มีอะไรจินยอง” เขาถามเสียงงัวเงีย
“นายเก็บผิดคนคนรึเปล่า”
“........................”
“พลาดแล้วมึง พลาดมากด้วย” ร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีเทาเดินเข้ามาสมทบกับคนรักด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ส่วนเขานั่งนิ่งๆรอฟังประโยคถัดมา
“อะไรพล่าหรอ” แบมแบมถามท่ามกลางความตึงเครียด
“คนที่มาร์คยิงมันคือ.....”
“เด็กพิเศษคนล่าสุด” คำพูดของเจบีทำให้ใบหน้าเรียบเฉยกลายเป็นตึงเครียดทันที
“ฉันยิงถูกคน นั้นคือคนของอีกฝ่าย”
“ไม่มาร์ค นั้นแหละเด็กพิเศษ ฉันแฮ็กระบบขององค์กรมาได้ว่าเป็นคนนี้ และแน่นอนฝ่ายอื่นต้องไม่ยอมแน่ เพราะเด็กนี้มันลูกของนักสร้างไวรัสองค์กรระดับเอ” จินยองอธิบาย
“............................”
“เพราะใครควรรู้ไว้นะมาร์ค ฉันเตือนนายแล้วว่าอย่าเอาคนที่มีชื่อซ้อนทับมาอยู่ด้วยแบบนี้”
“ไม่เอาหนูเนียร์ อย่าก้าวร้าว เมียมาร์คมัน” เจบีห้ามปรามคนรักที่จ้องมาทางผมราวกับจะกินเลือดกินเนื้อกัน
“บี๋อย่ามาห้าม เมียบ้าอะไร บี๋อย่ามโนแถวนี้ นายนี้ก็มีแต่สร้างความเดือดร้อนให้เรา!”
“เนียร์ใจเย็น”
“ไม่เย็นแล้ว! มาร์คพลาดเพราะใครละ ทั้งๆที่เด็กนั้นเป็นที่ต้องการมากแท้ๆ”
“ผมขอโทษ” แทบจะไม่หลงเหลือเสีงให้ผมเปล่งออกมา ผมผิดเอง ถ้าผมไม่กลัวจนเกินไป เขาคงไม่พลาด ผมผิดเอง พอมองไปทางเขาผมก็แทบจะร้องไห้เพราะเขาเอาแต่ก้มหน้าแล้วขมวดคิ้วแน่น
“ขอโทษแล้วเด็กนั้นจะกลับมามั๊ย นายมัน อื้อออ... อ่อยย!” แจบอมรีบตะครุบปากของที่รักทันทีที่เริ่มจะรุนแรงขึ้นแล้วรีบลากออกไปก่อนจะเกิดสงครามซะก่อน
“เคลียร์กันดีๆนะมึง กูขอปรามหนูเนียร์ก่อน” ว่าจบก็พากันถูลากถูกังกันออกไป
.........................
.........................
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบไม่มีใครปริปากอะไรออกมาจนผมทนไม่ไหวเอื้อมมือไปกระตุกเสื้อเขาเป็นเชิงเรียก
“ขอโทษนะคุณ”
“อือ ช่างมันเหอะ”
“ขอโทษนะครับ”
“ไม่ต้องพูดแล้วไม่ใช่ความผิดนาย นายไม่ใช่คนยิง”
“ไม่ใช่คนยิง แต่เป็นคนทำพลาด ..คุณจะโดนเจ้านายด่ามั๊ย”
“ไม่”
“...................”
“......ไม่รู้”
เอ่อออ อ
“นอนเถอะ ฉันไม่โดยองค์กรเก็บเพียงเพราะพลาดครั้งเดียวหรอก”
“..................”
“...ฝันดี” เขาดึงมือผมออกจากเสื้อตัวเองก่อนจะล้มตัวนอนอีกครั้ง แล้วดึงแบมแบมที่นั่งฟังตาแป๋วไปกอด
“ฝันไม่ดีหรอก เครียด”
“นอนไป”
“จะโดนเจ้านายด่ามั๊ยเนี่ย แล้ว งุ้งงิ้งๆๆ”
คงเป็นครั้งแรกเลยมั้งที่ทำให้มาร์คเอ็นดูมากกว่ารำคาญอีกคนที่กำลังบ่นงุ้งงิ้งอยู่คนเดียวก่อนจะผล่อยหลับไปเอง เพียงเพราะประโยคเดียวที่หลุดออกจากปากเจ้านี่ตอนบ่นเลยก็คือ...
‘ถ้าโดนด่าผมให้ตีผมก็ได้ ถ้าโดนไล่ออกผมจะไม่คิดหนีคุณไปเพื่อไถโทษ’
..ทั้งๆที่ตัวเองอยากหนีใจจะขาดแท้ๆ
ก็น่ารักดีว่ามั๊ย
แฮร่! มาครั้งนี้ยาวๆเลย แล้วจะหายไปสักพักอย่างจริงจังนะฮ๊าา า
ขอบคุณที่ทนรอเรานะ คิดถึงเอฟซีเสมอ รักคุณ จุ้บบแก้มก้มเรียงคน
เนื่องจากว่าตอนนี้ไรท์ม.6แล้วนะฮะ จึงต้องมีการเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยนิสสนึง
จึงอยากให้รู้ว่าที่หายไปไม่ได้ทิ้งนะ เราแค่อยากให้ผ่านพ้นช่างใกล้สอบไปก่อน
คอมเม้นทุกคนเราตามอ่านทุกครั้งนะ ขอบคุณทุกกำลังใจ ขอบคุณที่อ่าน ขอบคุณที่ชอบฟิคนี้นะคะ
ไรท์จะพยายามให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก็จริงๆฝีมือมีแค่นี้ ปมเปิมในเรื่องไม่มีไรหรอก 5555คิดไม่ออก
ถ้าสอบแล้วจะพยายามมาอัพนะฮะ รักทุกคน
ปล.ขอให้เราสอบติด ส๊าาาาธุ 55555
ปล.ขอโทษที่ทำให้ต้องรอนะ รักคุณ
#ฟิคขอชีวิต
ความคิดเห็น