ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic GOT7] Your life ไม่อยากได้ฉันขอนะ {MarkJack Markson}

    ลำดับตอนที่ #11 : Your life ไม่อยากได้ฉันขอนะ :: Chapter 10

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.ค. 57


    MINOR

    Chapter 10






     

     

     

     

    ค่ำคืนที่มืดมิดไร้แม้แต่แสงสว่างของดวงจันทร์  ชั้นดาดฟ้าของตึกห้าชั้นแห่งหนึ่งถูกจับจองโดยร่างของผู้ชายสองคน รอบด้านเงียบสงบราวกับไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่บนโลก  มีเพียงเสียงลมหวีดหวิวพัดมาเอื่อยๆเท่านั้น

     

    ผมสีแดงเพลิงปลิวสะบัดไปตามแรงลมจนปิดหน้าปิดตา มือหนาทำเพียงแค่เสยมันขึ้นไปให้พ้นหน้า  ก่อนจะลงมือต่ออุปกรณ์คู่ใจ  โดยมีผมยืนมองอยู่ด้านหลังด้วยอาการสั่นนิดๆเพราะอากาศเย็นในตอนกลางคืนแถมยังกลัวอีก

     

    เมื่อเขาเหลือบมองผมเขาก็จิ๊ปากด้วยความลำคาญ

     

     

    ...นี่คิดถูกรึเปล่าที่เอามันมาด้วย

     

     

    “ค  คุณจะทำอะไรหรอ”

     

    Kill

     

    “ห๊ะ! จะ  อื้ออออ” ขณะที่ผมเผลอส่งเสียงดังออกมาเขาก็รีบพุ่งเข้ามาปิดปากผมทันทีพร้อมกับสายตาดุๆ

     

    “ถ้าขืนยังส่งเสียงดังอีก คนที่ตายเป็นนายแน่ แจ็ค-สัน-หวัง”

     

    “อ่อยย เอี้ยบแอ้วอุน”

     

    “หยุดพูด”

     

    “อุน”

     

    “หยุด!

     

    “..........................” เมื่อมั่นใจว่าผมยอมหุบปากแล้วจึงปล่อยมือออกก่อนจะหยิบผ้าสีดำล้วนผืนหนึ่งขึ้นมาปิดปากผมไว้ และอีกผืนปิดปากตัวเอง

     

    มือหน้าทั้งสองข้างจับไหล่ผมแน่น แววตาเรียบเฉยมองผมอย่างจริงจัง ซึ่งผมเองก็จ้องกลับเช่นกัน

     

     

     

    เอ่ออ จ้องนานไปก็แอบเขินนะ -//////-

     

     

     

    “สังเกตข้างหลังฉัน ถ้าเห็นอะไรผิดปกติให้สะกิดทันที” ผมพยักหน้าเป็นเชิงรู้

     

    เขาลงไปนอนหมอบเล็งสไนเปอร์ ทุกอย่างกลับมาเงียบแบบเดิม ผมเดินไปนั่งขัดสมาธิข้างๆเขาอย่างเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาเหลือบมามองผมที่ตั้งใจทำหน้าที่เป็นตาหลังให้เขา ก่อนจะเอื้อมมือมากดหัวผมลงแทบจะติดพื้น แล้วจะชักมือกลับไป

     

     

    ตาคมสอดส่องมองบุคคลเป้าหมายที่เพิ่งเข้ามาในฉากอย่างตั้งใจ ร่างผอมเดินถือกระเป๋าโน๊ตบุ๊คส์นิ่งๆ สายตาหลังแว่นที่หนาเตอะดูลอกแลกแปลกๆจนคนมองอดที่จะขำแบบสมเพชไม่ได้

     

     

    ....หน้าโง่ชะมัด หึ!

     

     

    เมื่อมั่นใจว่าใช่เป้าหมายจริงจึงจับปืนเล็งไปทันที แต่ไม่ทันที่จะได้เหนี่ยวไกกลับเห็นเงาดำหนึ่งตามหลังเป้าหมายมาจึงละสายตาจากจอกล้องไปดู

     

     

    แปะ!

     

     

    ขวับ!

     

     

    “ทำไร” คนผมแดงหันมามองข้างตัวทันทีที่ได้ยินเสียงเหมือนตบอะไรบางอย่าง

     

    “แฮะๆ ขอโทษครับ มดกัด” ผมบอกเสียงแหยๆ แววตาของคนตรงหน้าจึงเปลี่ยนเป็นมองอย่างจะกินเลือดกินเนื้อทันที

     

    “ถ้ามีเสียงอีกนิดระวังกะโหลกเป็นรูไม่รู้ตัว”

     

     

     

    อ  ไอโหด!

     

     

     

    มาร์คหันกลับไปมองเหตุการณ์ตรงหน้าอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่ปล่อยให้เป้าหมายหลุดมือไปหรอก เพราะไม่อย่างนั้นไอเจ้าของเงาดำนั้นอาจจะแย่งตัวไป

     

     

     

    ปุ๊!!!!

     

     

     

    เสียงลมแน่นๆออกมาจากปลายกระบอกปืนที่คนผมแดงยิงออกไปทำให้ผมสะดุ้งสุดตัวเผลอจับเสื้อเขาแน่น ถึงแม้ว่ามันจะเป็นปืนอัดเสียงก็เถอะ ใครจะรับได้ นี่มีคนตายเพราะเขาเลยนะ!!!

     

    แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเขาพลิกตัวนอนหงายแล้วกระชากตัวผมปลิวไปนอนทับเขาอย่างรวดเร็วไม่ทันตั้งตัว มือหนาปัดปืนจนกระเด็นเข้ามุมมืด ก่อนจะโอบตัวผมไว้หลวมๆ

     

    “ใครมา?” เสียงทุ้มกระซิบถาม

     

    “ป เปล่า...”

     

    “แล้วสะกิดฉันเพื่อ!!!!!” เขาตะคอกออกมาเบาๆ  มือหนาจากที่กอดผมไว้กลับผลักผมจนกลิ้งไปด้านข้างดังอั๊ก ผมถึงกับต้องงอตัวด้วยความจุกแถมเจ็บแผลที่เพิ่งโดนกระทืบมาด้วย

     

    เขาตามมาค่อมผมไว้แล้วกระชากคอเสื้อผมจขนตัวแทบลอยเหนือพื้น

     

    “งานฉันจะพลาดเพราะนาย!” เขากัดฟันพูดอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ มือหน้ายังคงกำเสื้อผมไว้ไม่ปล่อย

     

    “ผ... ผม....”

     

     

     

    “เห้ยยยยย!!!!! ใครอยู่ตรงนั้นอ่ะ! เสียงของใครบางคนตะโกนมาจากด้านหลังของพวกเรา เขาจึงกระชากเสื้อผมออกอย่างแรงรวมถึงของเขาด้วย แล้วโน้มหน้าลงมาหาผมที่งงๆอึ้งๆอยู่

     

    “ร้องดังๆนะที่รัก” รอยยิ้มร้ายเจ้าเล่ห์ที่ผมไม่เคยเห็นจากเขามาก่อนถูกส่งมาให้ทำให้ผมงงหนักกว่าเก่า สมองประมวลอะไรไม่ทันสักอย่าง แต่ยังไม่ทันได้คิดอะไรเขาก็ก้มลงปิดปากผมโดยปากของเขาซะแล้ว

     

     

    ถึงจะมีผ้าปิดปากกั้นก็เถอะ ....แต่มันก็ ...

     

     

    “กูถามว่าใคร!!

     

     

    “อ๊าาาา า า อื้อออ อ เจ็บ ค คุณ ..” ผมร้องลั่นเมื่อเขาก้มลงมางับไหล่ที่โผล่พ้นเสื้อของผมออกมาอย่างแรง

     

    “โอออ๋ ไม่ร้องนะ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”

     

     

    “เชี่ย!! คนเอากันว่ะมึง เสือกมาเอากันอะไรตรงนี้” เสียงของบุคคลที่สามดังไม่ไกลจากพวกเราเท่าไหร่ ทำให้มาร์คย้ายมาจูบผมอีกครั้ง มือหนาสะเปะสะปะอยู่แถวๆหน้าท้องผม มันหวิวจนผมหายใจแทบไม่ทั่วท้อง

     

    “ไปเหอะมึง มันคงไม่มาเล็งปืนแถวนี้ ตบะแตกพอดี”

     

    เมื่อสิ้นเสียงชายสองคนนั้นได้สักพักเขาจึงค่อยๆหันหน้าไปดู แล้วลุกออกจากตัวผมไป ปล่อยให้ผมนอนใจเต้นรัวอยู่ที่เดิม อากาศที่หนาวทั้งๆที่เสื้อผ้ายังหลุดรุ่ยมันไม่ได้ทำให้ผมสะท้านเหมือนตอนแรกแต่อย่างไร แต่รู้สึกเหมือนมันจะร้อนขึ้นอีกต่างหาก

     

    “จะนอนอีกนานมั๊ย” เขาที่เก็บอุปกรณ์เสร็จตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ถามขึ้นเรียกสติผมให้กลับคืนมาอีกครั้ง

     

    “ห  ห๊ะ! ม ม ไม่ ...เจ็บไหล่” เออดีเรียบเรียงคำพูดไม่ถูกเลยทีนี้

     

    “อย่าสำออย ไป เดี๋ยวพวกมันก็กลับมาอีก” เขากระชากเสื้อผมแล้วลากให้ตามไปโดยที่สติยังกลับมาไม่ครบดี

     

     

    ผมจะเป็นอย่างงี้ตลอดไปมั๊ยเนี่ย หัวใจนี่ก็เต้นแรงจังจะทะลุออกมาอยู่และ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “เป็นไงบ้าง” แทบจะทันทีที่ก้าวขาเข้ามาในเซฟเฮ้าส์ของจินยองก็ถูกถามทันที

     

    “เกือบพลาด”

     

    “อะไรคือเกือบพลาด นายไม่เคยพลาดหนิ”

     

    “.........................” คนผมแดงไม่ตอบเพียงแต่เหลือบมามองผมเท่านั้น ทำให้จินยองหันมามองตามด้วยแววตาไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

     

    “ฉันบอกแล้วว่าให้ฉันช่วยก็ไม่เชื่อ”

     

    “... ช่างมันเหอะ สำเร็จและรอดก็พอ” เขาหลุดมาดบิดขี้เกียจสองสามทีก่อนจะเดินเข้าห้องoheไปทิ้งให้ผมยืนอยู่กับจินยองแค่สองคน

     

     

     

    ดีจัง ปล่อยให้ผมยืนอยู่กับคนที่ไม่ชอบขี้หน้าตัวเองสองต่อสองเนี่ย

     

     

    “อ  เอ่ออ ผมขอตัวนะ”

     

    “ใครล่ามขาไว้ล่ะ”

     

    “เปล่า .. ราตรีสวัสดิ์ฮะ”

     

     

     

    ผมพาร่างกายอันเหนื่อยอ่อนล้มตัวนอนข้างแบมแบมที่กำลังหลับอย่างสบายเลย  บางทีก็น่าอิจฉานะ อยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งจัง

     

    “ไอบ้าเอ้ยย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เกินไปแล้วนะ หัวใจจะหลุดแล้วให้ตายสิ ไอโหด! ไอใจร้าย เจ็บตัวอยู่แล้วยังจะมากัดไหล่ให้เจ็บขึ้นอีก ไอฟันใหญ่ ไอ…….

     

    “บ่นอารายยย”

     

    “บ่นไอโหด... เอ้ยย! ตื่นตั้งแต่เมื่อไร” ผมสะดุ้งนิดๆเมื่อหันไปเจอเด็กน้อยกำลังนอนมองตาแป๋วอยู่

     

    “ตั้งแต่นายเริ้นบ่น”

     

    “ป เปล่า”

     

    “อย่าว่ามาร์ค ไม่งั้นหนูแบโก่แน่” เด็กน้อยยกมือชี้หน้าผมเป็นเชิงขู่

     

    “ครับๆ นอนไปๆ ไม่บ่นแล้ว”

     

    “ดีมาก เป็นไงบ้างชั่วมาร์ค หนุมั๊ย”

     

    “ไม่เห็นจะหนุกเลย” ผมบ่นงุ้งงิ้งๆอีกนิดหน่อยตามประสา

     

    “หนุจะตาย หนูแบก็เคยชั่ว ตอนนั้นปาหินไปโดหัวคนที่อยู่ข้างหลังมาร์คได้ดั้ว หนูแบเก่งมั๊ย” หนูแบยังคงอวดความหลังของตัวเองต่อไป ยิ่งฟังก็ยิ่งนึกสมเพชตัวเอง นี่เด็กอนุบาลทำไรได้มากกว่าผมเยอะเลย แต่อดที่จะตำหนิเขาในใจไม่ได้เพราะเขาทำให้เด็กน่ารักใสซื่อกลายเป็นเด็กโหดไปแล้ว

     

    “นินทาผู้ใหญ่เด็กไม่ดี” ตัวเองของเรื่องที่แบมแบมกำลังพูดถึงเดินเข้ามาในห้อง เขาโยนผ้าขนหนูพาดกับเก้าอี้ส่งๆ ก่อนจะเดินมานอนข้างแบมแบมอีกฝั่ง

     

    “หนูแบไม่ได้นินทานะ หนูแบชมต่างหาก”

     

    “อืม”

     

    “มาร์คตัวหอม หอมเหมือหนูแบเลย”

     

    “แน่นอนสิ ฉันไม่ได้เหม็นเหมือนคนที่แบมแบมคุยด้วยเมื่อกี้หนิ”

     

    “คิๆ ช่ายยยย”

     

     

     

    .....ไม่ทราบว่า

     

     

    ......สองคนนั้นกำลังนินทาผมใช่มั๊ย?

     

     

    ด้ายยยย เดี๋ยวพ่อจะอาบให้หอมชาตินี้ยันชาติหน้าเลยคอยดู แล้วได้ข่าวว่าก่อนออกไปกับเขาผมก็อาบน้ำไปแล้วรอบนึง เหม็นแล้วหรอ

     

     

    “คิๆ ไปแล้วมาร์ค”

     

    “นอนได้แล้วเราพรุ่งนี้ไปเรียน ฉันต้องเข้าองค์กรด้วย” พูดก่อนจะหลับตาลง

     

    “หนูแบอยากโตไวๆจัง อยากเข้าองค์กอแล้ว”

     

    “นอน”

     

    “ก็ด้ะ”

     

     

     

     

    ผมเดินออกมาจากห้องน้ำเข้าห้องห้องมาก็พบว่าสองคนนั้นหลับไปแล้ว ผมจึงเดินไปล้มตัวนอนข้างๆ รวบตัวแบมแบมมากอดไว้ด้วยความเคยชินซึ่งเด็กน้อยเองก็กอดตอบเช่นกัน

     

     

     

    “มาร์ค!! แย่แล้ว! ตื่น” ขณะที่ผมกำลังจะปิดเปลือกตาลง เสียงแหลมของจินยองก็ปลุกขึ้นมาเสียก่อน รวมถึงมาร์คและแบมแบมด้วย

     

    “มีอะไรจินยอง” เขาถามเสียงงัวเงีย

     

    “นายเก็บผิดคนคนรึเปล่า”

     

    “........................”

     

    “พลาดแล้วมึง พลาดมากด้วย” ร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีเทาเดินเข้ามาสมทบกับคนรักด้วยสีหน้าเคร่งเครียด  ส่วนเขานั่งนิ่งๆรอฟังประโยคถัดมา

     

    “อะไรพล่าหรอ” แบมแบมถามท่ามกลางความตึงเครียด

     

    “คนที่มาร์คยิงมันคือ.....”

     

    “เด็กพิเศษคนล่าสุด” คำพูดของเจบีทำให้ใบหน้าเรียบเฉยกลายเป็นตึงเครียดทันที

     

    “ฉันยิงถูกคน นั้นคือคนของอีกฝ่าย”

     

    “ไม่มาร์ค นั้นแหละเด็กพิเศษ ฉันแฮ็กระบบขององค์กรมาได้ว่าเป็นคนนี้ และแน่นอนฝ่ายอื่นต้องไม่ยอมแน่ เพราะเด็กนี้มันลูกของนักสร้างไวรัสองค์กรระดับเอ” จินยองอธิบาย

     

    “............................”

     

    “เพราะใครควรรู้ไว้นะมาร์ค ฉันเตือนนายแล้วว่าอย่าเอาคนที่มีชื่อซ้อนทับมาอยู่ด้วยแบบนี้”

     

    “ไม่เอาหนูเนียร์ อย่าก้าวร้าว เมียมาร์คมัน” เจบีห้ามปรามคนรักที่จ้องมาทางผมราวกับจะกินเลือดกินเนื้อกัน

     

    “บี๋อย่ามาห้าม เมียบ้าอะไร บี๋อย่ามโนแถวนี้ นายนี้ก็มีแต่สร้างความเดือดร้อนให้เรา!

     

    “เนียร์ใจเย็น”

     

    “ไม่เย็นแล้ว! มาร์คพลาดเพราะใครละ ทั้งๆที่เด็กนั้นเป็นที่ต้องการมากแท้ๆ”

     

    “ผมขอโทษ” แทบจะไม่หลงเหลือเสีงให้ผมเปล่งออกมา ผมผิดเอง ถ้าผมไม่กลัวจนเกินไป เขาคงไม่พลาด ผมผิดเอง พอมองไปทางเขาผมก็แทบจะร้องไห้เพราะเขาเอาแต่ก้มหน้าแล้วขมวดคิ้วแน่น

     

    “ขอโทษแล้วเด็กนั้นจะกลับมามั๊ย นายมัน อื้อออ... อ่อยย!” แจบอมรีบตะครุบปากของที่รักทันทีที่เริ่มจะรุนแรงขึ้นแล้วรีบลากออกไปก่อนจะเกิดสงครามซะก่อน  

     

    “เคลียร์กันดีๆนะมึง กูขอปรามหนูเนียร์ก่อน” ว่าจบก็พากันถูลากถูกังกันออกไป

     

     

     

    .........................

     

     

    .........................

     

     

     

    ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบไม่มีใครปริปากอะไรออกมาจนผมทนไม่ไหวเอื้อมมือไปกระตุกเสื้อเขาเป็นเชิงเรียก

     

     

    “ขอโทษนะคุณ”

     

    “อือ ช่างมันเหอะ”

     

    “ขอโทษนะครับ”

     

    “ไม่ต้องพูดแล้วไม่ใช่ความผิดนาย นายไม่ใช่คนยิง”

     

    “ไม่ใช่คนยิง แต่เป็นคนทำพลาด ..คุณจะโดนเจ้านายด่ามั๊ย”

     

    “ไม่”

     

    “...................”

     

    “......ไม่รู้”

     

     

    เอ่อออ อ

     

    “นอนเถอะ ฉันไม่โดยองค์กรเก็บเพียงเพราะพลาดครั้งเดียวหรอก”

     

    “..................”

     

    “...ฝันดี” เขาดึงมือผมออกจากเสื้อตัวเองก่อนจะล้มตัวนอนอีกครั้ง แล้วดึงแบมแบมที่นั่งฟังตาแป๋วไปกอด

     

    “ฝันไม่ดีหรอก เครียด”

     

    “นอนไป”

     

    “จะโดนเจ้านายด่ามั๊ยเนี่ย แล้ว งุ้งงิ้งๆๆ”

     

     

    คงเป็นครั้งแรกเลยมั้งที่ทำให้มาร์คเอ็นดูมากกว่ารำคาญอีกคนที่กำลังบ่นงุ้งงิ้งอยู่คนเดียวก่อนจะผล่อยหลับไปเอง เพียงเพราะประโยคเดียวที่หลุดออกจากปากเจ้านี่ตอนบ่นเลยก็คือ...

     

     

    ถ้าโดนด่าผมให้ตีผมก็ได้ ถ้าโดนไล่ออกผมจะไม่คิดหนีคุณไปเพื่อไถโทษ

     

    ..ทั้งๆที่ตัวเองอยากหนีใจจะขาดแท้ๆ

     

     

     

     

    ก็น่ารักดีว่ามั๊ย

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    แฮร่! มาครั้งนี้ยาวๆเลย แล้วจะหายไปสักพักอย่างจริงจังนะฮ๊าา า 

    ขอบคุณที่ทนรอเรานะ คิดถึงเอฟซีเสมอ รักคุณ จุ้บบแก้มก้มเรียงคน

     

     

    เนื่องจากว่าตอนนี้ไรท์ม.6แล้วนะฮะ จึงต้องมีการเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยนิสสนึง

    จึงอยากให้รู้ว่าที่หายไปไม่ได้ทิ้งนะ เราแค่อยากให้ผ่านพ้นช่างใกล้สอบไปก่อน

    คอมเม้นทุกคนเราตามอ่านทุกครั้งนะ ขอบคุณทุกกำลังใจ ขอบคุณที่อ่าน ขอบคุณที่ชอบฟิคนี้นะคะ

    ไรท์จะพยายามให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก็จริงๆฝีมือมีแค่นี้ ปมเปิมในเรื่องไม่มีไรหรอก 5555คิดไม่ออก

    ถ้าสอบแล้วจะพยายามมาอัพนะฮะ รักทุกคน

    ปล.ขอให้เราสอบติด ส๊าาาาธุ 55555

    ปล.ขอโทษที่ทำให้ต้องรอนะ รักคุณ

     

    #ฟิคขอชีวิต






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×