คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : --Just Love ทำได้แค่รัก-- Chapter 5
[Thank : http://board.sarubaga.com/index.php?topic=16007.0 นิทานเรื่อง ลูกเป็ดขี้เหร่]
“ทำไม... หึงหรอครับ” พูดพร้อมเดินไล่ต้อนคชาจนติดกำแพงห้อง แล้วเอามือกันไว้ไม่ให้คนตัวเล็กหนีไปไหน
“ปะ... เปล่า กะ....ก็ แค่ เอ่ออ....” คชาเริ่มติดอ่างเพราะเต๋าเริ่มเอาหน้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จนรู้สึกถึงลมหายใจที่รดใบหน้ากันเลยทีเดียว
“หึๆ เขินหรอไอตัวเล็ก นี่แหนะๆๆ” เต๋าเอามือขยี้หัวทุยนั้นอย่างสนุกมือ ก่อนจะอุ้มคชาไปนอนบนเตียงแล้วขึ้นค่อมทันที
-คชาหัวใจจะวายแล้วท่านผู้อ่าน .. เต๋าเขาไม่สงสารผมบ้างเลยเนอะ ใบหน้าผมร้อนจนจะระเบิดแล้ว >///<- คชาคิด
แล้วห้องทั้งห้องก็เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ ไม่มีใครคิดจะพูดอะไรเลย ... ก็เป็นคชาเองที่ทนไม่ไหว จึงทำลายความเงียบขึ้น
“เอ่อ... เต๋าลุกก่อนนะ คชาต้องโทรหาเบียร์ก่อน” ทันทีที่ได้ยินชื่อของผู้ไม่พึงประสงค์ดังออกมาจากปากของคนตัวเล็กทำเอาเต๋าขึ้นทันที
“จะโทรทำไม!! ฉันก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้องโทร!” เต๋าตะโกนออกมา ทำเอาคชาสะดุ้งสุดตัว
“ขอโทษครับ... คชาไม่โทรแล้ว เต๋าอย่าโกรธคชานะ”
“ถ้าไม่อยากให้ฉันโกรธก็อย่าทำอะไรขัดใจฉันอีก” พูดจบก็ลุกออกไปจากตัวของคชา
“ครับ...” คชาลุกขึ้นมานั่งก้มหน้าหงุด ส่วนเต๋าก็เดินไปที่หน้าระเบียงห้อง เพื่อโทรหาจอย....
.
.
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ! เดี๋ยวจะพาไปกินข้าว” เมื่อคุยโทรศัพท์จบ ก็เดินเข้ามาสั่งคชาทีในห้อง
“จอยไปด้วยหรอ...”
“อือ...” เมื่อได้รับคำตอบคชาก็เดินไปเข้าห้องตัวเอง เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าตามคำสั่งของเต๋าทันที
เมื่อแต่งตัวกันเสร็จ เต๋าก็ขับรถไปบ้านจอย (ซึ่งจอยบอกที่อยู่ตอนโทรไปหาเรียบร้อยแล้ว) แล้วรับจอยไปกินข้าวด้วยกัน บนรถ ... จากที่คชาเคยนั่งหน้าข้างเต๋า ก็ต้องมานั่งหลังแทน และมองจอยคุยเล่นกับเต๋าอย่างสนุก ทั้งๆเต๋าไม่ค่อยยิ้มอารมณ์ดีกับตัวเองขนาดนี้มากเท่าไร ...
-Kacha part-
เต๋าพามากินข้าวที่ห้างสรรพสินค้าในระแวกนี้ครับ ขณะที่เดินหาร้านที่ถูกใจ จอยกับเต๋าก็เดินกันกระหนุงกระหนิงอย่างน่ารัก ส่วนผมก็มาเดินตามหลัง ซึ่งก็ไม่อยากจะเดินไปเทียบสักเท่าไร เพราะผมมันหน้าจืดครับ เต๋าเคยบอกว่าผมขี้เหร่ ผมเหมือนลูกเป็ดขี้เหร่ หน้าตาย ซึ่งแค่เดินกับเต๋าสองคน ผมก็อายนิดหน่อยนะ แต่ตอนนี้มีจอยมาด้วย ผมยิ่งอายมาก ถ้าจะไปเดินเทียบกับคนหน้าตาดีทั้งสองคน
จอยเป็นคนที่สวย และน่ารักคนหนึ่งเลยล่ะครับ ส่วนเต๋าก็หล่อ หล่อมาก เขาสองคนที่เดินนำหน้าผมอยู่ เหมือนคู่รักกันมาก จอยเดินเกาะแขนเต๋า ส่วนเต๋าก็ช่วยจอยถือกระเป๋า เขาสองคนเหมาะสมกันดีนะครับ ว่ามั๊ย...
“เต๋า... กินฟูจิกัน จอยอยากกินอ่า” จอยหันไปพูดกับเต๋า
“เอาสิ ป่ะ!~” เต๋าจูงมือกันเข้าไปในร้านกับจอย
“เอ่อ... เต๋า คชาขอไม่กินนะ คชาอยากไปร้านอื่น” ผมบอกเขา เขาหันมาขมวดคิ้วมองหน้าผมอย่างไม่เข้าใจ
“ทำไม!”
“คชาอยากกินร้านอื่นอ่ะ ถ้าเต๋ากินเสร็จก็โทรหาคชาแล้วกันนะ” พูดจบผมก็เดินออกมาจากร้านเลย ผมไม่รอคำอนุญาตจากเขาหรอก และที่ผมออกมาเพราะผมรู้ว่าพวกเขาคงอยากอยู่ด้วยกันสองต่อสอง ผมไม่อยากเป็นก้างขวางคอหรอก ...ผมก็เจ็บนะ
ผมเดินเล่นไปเรื่อยเปื่อยครับ ไม่หิวข้าวแล้วล่ะ ... ผมเดินไปเจอร้านหนังสือร้านหนึ่ง ผมก็เลยเดินแวะเข้าดูซะหน่อย ... ผมเดินไปดูแถวมุมนิทานครับ ไม่ได้มานานแล้ว ตั้งแต่ ป.4 นู้นนน เต๋าบอกว่ามันปัญญาอ่อน -*-
ผมเดินดูไปเรื่อยครับ จนไปสะดุดตากับหนังสือเล่นหนึ่ง เรื่อง ‘ลูกเป็ดขี้เหร่’ ผมหยิบมันขึ้นมา แล้วหามุมดีๆนั่งอ่าน ... จริงๆก็เคยอ่านแล้วตั้งหลายรอบ แต่ผมไม่เคยเบื่อเรื่องนี้เลยเพราะอะไรก็ไม่รู้
‘มี แม่เป็ดตัวหนึ่ง ฟักไข่อยู่เป็นเวลานาน จนกระทั่งวันหนึ่ง ลูกเป็ดตัวน้อยๆ ก็เริ่มเจาะเปลือกไข่ออกมาทีละตัวๆ จนเกือบหมด เหลือไข่ใบใหญ่หนึ่งฟอง ที่ยังไม่ยอมออก แม่เป็ดจึงนั่งกกไข่ต่อไป ในที่สุด ไข่ใบสุดท้ายก็แตกออก’ มันไข่ออกมาแล้ว ... ผมตื่นเต้นทุกครั้งที่ผมอ่านหน้าแรก ตอนมันฟักไข่ ดูผมปัญญาอ่อนดีเนอะครับ
‘ลูก เป็ดโผล่ออกมาจากไข่ ตัวโต คอยาว ขนสีเทา รูปร่างน่าเกลียด แม่เป็ดรู้สึกสงสัยในตัวลูกเป็ดตัวนี้มาก คิดในใจว่า คงไม่ใช่ลูกของเรา วันรุ่งขึ้น แม่เป็ดพาลูกเป็ดน้อยๆ ไปว่ายน้ำที่สระ เพื่อจะได้ทดสอบว่า ลูกเป็ดขี้เหร่ตัวใหญ่ จะว่ายน้ำได้หรือไม่ ลูกเป็ดวิ่งแข่งขันลงไปลอยคออยู่ในน้ำ และว่ายได้อย่างสวยงาม’ คล้ายๆกับผมเลย เพียงแต่ พ่อแม่ผมเขาไม่ต้องพิสูจน์อะไรมาก เขาก็เอาผมไปทิ้งไว้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเลย
‘ลูก เป็ดขี้เหร่ไม่มีความสุขเลย เพราะลูกเป็ดตัวอื่นๆ รุมจิกตี ดังนั้น วันหนึ่งลูกเป็ดขี้เหร่จึงหนีไปอยู่หนองน้ำใหญ่แห่งหนึ่ง ลูกเป็ดอาศัยอยู่ที่นั่นเป็นเวลาหลายวัน วันหนึ่งมีหมาไล่เนื้อตัวหนึ่ง วิ่งผ่ายมาพบลูกเป็ดเข้า หมานั้นหยุดจ้องดูลูกเป็ดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็วิ่งเลยไป "โธ่เอ๋ย" ลูกเป็ดพูด "ฉันคงน่าเกลียดมาก จนหมาก็ไม่อยากมอง" ลูกเป็ดขี้เหร่ได้ออกเดินทางไป จนถึงกระท่อมหลังหนึ่ง เจ้าของบ้านเป็นหญิงแก่ นางเลี้ยงแมวไว้ตัวหนึ่ง แม่ไก่ตัวหนึ่ง และแม่ไก่จะออกไข่ให้หญิงแก่วันละ 1 ฟอง หญิงแก่เห็นลูกเป็ดขี้เหร่ ก็คิดว่า ถ้าเลี้ยงไว้ไม่นานก็คงจะออกไข่ ให้เรากินอีกได้วันละ 1 ฟอง จึงยอมให้ลูกเป็ดอาศัยอยู่ในห้องด้วย เลี้ยงไปจนนาน แต่ลูกเป็ดขี้เหร่ก็ยังไม่ออกไข้สักที กอร์ปกับลูกเป็ดขี้เหร่ทะเลาะกับแมว และไก่ จึงได้หนีออกจากบ้านหญิงแก่ไป’ ชีวิตลูกเป็ดน่าสงสารจัง
‘ขณะ ที่กำลังเดินออกจากบ้านหญิงแก่ ลูกเป็ดเดินเรื่อยๆ จนถึงสระน้ำแห่งหนึ่ง ก็เลยแวะหยุดพักนอน ด้วยความเหนื่อยอ่อนจนหลับไป บังเอิญมีชาวนาใจดีคนหนึ่งมาพบเข้า จึงได้พาเอาลูกเป็ดขี้เหร่ไปอยู่บ้าน ลูกๆ ชาวนาดีใจมาก อยากจะเล่นด้วย จึงวิ่งไล่จับลูกเป็ด ลูกเป็ดกลัว บินขึ้นไปเกาะบนถังนม พังนมหกกระจาย เมียชาวนาโกรธมาก ใช้เหล็กเขี่ยไหขว้าง ลูกเป็ดวิ่งหนีออกทางประตูหลัง แอบซึกอยู่ใต้พุ่มไม้’ ไม่ต่างจากหมาหัวเน่าเลยสักนิด พอเขาไม่เห็นค่า เขาก็ไล่เรา ทิ้งเราไป ไม่ใยดี...
‘ลูก เป็ดขี้เหร่ได้หนีออกมาอยู่ที่ป่าละเมาะ ริมสระน้ำเป็นเวลานาน เดี๋ยวนี้ลูกเป็ดโตขึ้นกว่าเดิมมาก มีปีกใหญ่ และแข็งแรง วันหนึ่งลูกเป็ดบินเที่ยวเล่นรอบๆ สระ เผอิญเหลือบไปเห็นนกสีขาว 3 ตัวบินลงไปเล่นอยู่ในสระน้ำ ลูกเป็ดนึกในใจว่า ถ้าเราบินลงไปเล่นในสระน้ำ ให้นกแสนสวย 3 ตัวนั้น จิกเราเสีย จะดีกว่าที่อยู่ต่อไป โดยมีรูปร่างน่าเกลียดอย่างนี้ ลูกเป็ดขี้เหร่นึกในใจ แล้วก็ก้มลงดูเงาของตัวเองในน้ำ แต่แล้วก็ต้องแปลกใจ ที่เห็นเงาเป็นหงส์แสนสวย ต่อไปนี้เราไม่ได้เป็นลูกเป็ดขี้เหร่อีกแล้ว ฝูงหงส์ในสระลอยเข้ามาใกล้ และพากันทักทาย พวกเด็กๆ ร้องว่า มีหงส์มาใหม่อีกหนึ่งตัวแล้ว หงส์ตัวใหม่สวยที่สุด แต่หงส์ตัวใหม่ไม่ได้ลำพองใจเลย เขานึกถึงคืนก่อนๆ เมื่อครั้งยังเป็นลูกเป็ดขี้เหร่ ฝูงหงส์พากันบินขึ้นจากน้ำ หงส์ตัวใหม่บินเข้าฝูงไปด้วย อย่างมีความสุข’ หิหิ สนุก^^ ผมอยากซื้อไปอ่านอีกสักล้านรอบเลย ถ้าไม่ติดว่าเต๋าจะว่านะ ชอบๆๆๆ ...
แล้วผมก็เอาหนังสือไปเก็บเข้าที่ และหาเล่มอื่นอ่านต่ออย่างเพลิดเพลิน จนกระทั้งโทรศัพท์ของผมดังขึ้น เต๋าโทรมาตามให้ผมไปรอที่รถ เพราะเขากินกันอิ่มเรียบร้อยแล้ว ผมจึงไปตามที่เขาสั่งอย่างไม่รีรอ ไม่งั้นเดี๋ยวเต๋าจะหงุดหงิด
...เมื่อผมมาถึงที่รถ เต๋ากับจอยก็ยังไม่มาเลย ผมก็เลยยืนรอ ...สักพักพวกเขาก็เดินมา
“คชา... ไปกินข้าวที่ไหนหรอ” จอยถามผม
“อ๋อ.. คชาไปกิน เอ่ออ ร้านอะไรเนี่ยแหละ จำชื่อร้านไม่ได้ เห็นร้านสวยดี เลยเข้าไปไม่ได้สนใจชื่อร้าน” ผมตอบมั่วๆส่งไป ส่วนจอยก็พยักหน้าเชื่อ
“ไปกันเถอะ ดึกแล้ว จอยขอบคุณเต๋ามากนะที่พามากินข้าวเย็น มื้อนี้อร่อยที่สุดเลย ^^ ” จอยหันไปบอกเต๋า เต๋าก็ยิ้มกลับมาเล็กน้อย แล้วเปิดประตูให้จอยเข้าไปนั่ง ก่อนจะปิดลง แล้วเดินไปนั่งฝั่งคนขับ ส่วนผมก็นั่งหลังเหมือนเดิม
.
.
“เต๋า... จอยว่าจะถามนานแล้ว แต่ลืม .. เต๋าขับรถได้ไงหรอ อายุแค่นี้เอง” จอยถามขึ้น
“ฉันเก่งไง ^^”
“โหยยย~ ไม่ค่อยเลยนะ” จอยตีลำแขนแกร่งของเต๋าหนึ่งที ส่วนเต๋าก็ตีหน้าผากจอยกลับ ...
.
.
เมื่อเต๋าขับรถมาถึงบ้านจอย เต๋าก็ลงจากรถแล้ววิ่งมาเปิดประตูฝั่งที่จอยนั่งออก
“ขอบคุณค่ะ” จอยเอ่ยขอบคุณเต๋า
“ด้วยความยินดีครับผม... ไป! เข้าบ้านได้แล้ว พรุ่งนี้เจอกัน ฝันดีนะ”
“อื้มม.. เหมือนกันนะ บ๊ายบาย” พูดจบจอยก็โบกมือลา แล้วเดินเข้าบ้านไป
“ชา! ออกมานั่งข้างหน้า” ผมทำตามที่เขาสั่ง เปิดประตูรถลงไปนั่งข้างหน้าข้างคนขับ ที่ๆจอยนั่งมาก่อนหน้านั้น
เมื่อผมปิดประตูรถเสร็จ เต๋าก็บึ่งรถออกมาเลย
“ได้กินข้าวรึเปล่า?” เต๋าหันมาถาม
“กะ ... กิน คชา กินแล้ว” ผมตอบโดยไม่กล้าหันไปมองหน้าเต๋า
“ฉันถามว่ากินมารึเปล่า !!!!” เต๋าตะคอก ทำเอาผมสะดุ้งสุดตัว
“คือ.. ยังไม่ได้กิน” ผมตอบความจริงออกไป น้ำตาผมเริ่มคลอหน่วยด้วยความกลัว
“ทำไมยังไม่กิน!” เต๋าตะโกน พร้อมกับรถที่เคลื่อนตัวเร็วขึ้นจนผมตกใจ
“ฮึก ... ฮือออ” ผมร้องไห้ออกมาแล้ว พยายามไม่ให้เสียงเล็ดลอดมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมกัดปากตัวเองแน่นจนรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปหมด
แล้วตอนนี้เต๋าก็ขับมาถึงบ้านแล้วครับ เขาเปิดประตูรถออกด้วยความรุนแรง แล้วกระชากข้อมือผมที่เดิมที่เขากระชากเมื่อเย็นอย่างแรง ..แรงกว่าเดิมซะด้วย เต๋าลากผมเข้ามาในบ้านแล้วเหวี่ยงลงโซฟาจนผมจุก พูดอะไรไม่ออก ได้แต่ร้องไห้เงียบๆ และมองหน้าเต๋าอย่างสำนึกผิด
เต๋าจ้องหน้าผมสักพัก ก็เดินออกนอกบ้าน แล้วขับรถออกจากบ้านไปเลย ปล่อยผมไว้คนเดียว
“ฮึก... ฮือออ คชา ผิด ฮึก หรอ ที่ไม่อยาก ไป ..ฮึก.. กินข้าวกับเต๋าและจอย ฮืออ .. ฮึก คชาแค่อยากอยู่กับเต๋าด้วย ฮึกกก.. กันสองคน ฮือออ. .ฮึก คชามันเห็นแก่ตัว ฮืออ. . . ฮึกๆๆ คชาไม่อยากเจ็บ ..ฮึกก ฮืออ เต๋ากลับมาาาา .. ฮืออ ชาขอโทษ ฮืออ~ ชาจะกินข้าว อึกก ฮึก ฮือ แล้วว อย่าไป” ...
ความคิดเห็น