คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Your life ไม่อยากได้ฉันขอนะ :: Chapter 1
Chapter 1
ไม่รู้ว่าสมองของผมมันเออเร่อนานแค่ไหนหลังจากที่ผู้ชายคนนั้นมาขอชีวิตของผม และไม่รู้ว่าผมยอมเดินตามมือที่ชักจูงผมมาทำไม
..รู้ตัวอีกทีก็มายืนอยู่หน้าห้องๆหนึ่งแล้ว
“ด เดี๋ยวสิ ..คุณพาผมมาที่นี่ทำไม” เมื่อตั้งสติได้ผมก็รั้งแขนที่กำลังจะไขประตูห้องไว้ เขาหันมาเหลือบตามองเล็กน้อย แสดงว่าเขาได้ยินในสิ่งที่ผมพูด แต่เขากลับไม่ยอมตอบอะไรผม มือหนาบิดประตูเข้าไปเงียบๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดไฟอย่างชำนาญทำให้ผมเห็นสภาพในห้องเต็มตา
ทุกอย่างเป็นโทนสีดำ ไฟในห้องก็เป็นเพียงแค่ไปสลัวๆ ดูน่ากลัวจนผมไม่กล้าเดินเข้าไป ส่วนเขาที่เห็นว่าผมไม่ยอมเดินตามเข้าไปจึงเดินกลับออกมาอีกครั้งและกระชากคอเสื้อผมให้ตามไป
ผมว่าผมตัวใหญ่กว่าเขานะ ใหญ่กว่าพอสมควรเลยล่ะ แค่เตี้ยกว่าเท่านั้น ส่วนเขาเป็นคนผอมสูง แต่ทำไมแรงที่เขาลากผมไปไหนต่อไหนกลับมีมากมายเหลือเกินราวกับผมตัวเบาหวิวสำหรับเขาอย่างงั้นแหละ
“ไม่คิดจะตอบผมหน่อยหรอว่าพาผมมาทำไม” ผมถามย้ำเขาอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้สีหน้าของเขาเปลี่ยนจากนิ่งเฉยเป็นรำคาญแทน แววตาที่เคยสงบนิ่งกลับแข็งกร้าวขึ้นมาจนผมตกใจ เผลอถอยหลังไปหนึ่งก้าว แต่ติดที่มีมือของเขารั้งคอเสื้อไว้อยู่
“……………..” เขาจ้องหน้าผมสักพักก่อนจะยอมปล่อยมือออก
“เอ่ออ ถ ถ้าไม่มีไรแล้วผม ข ขอตัวนะ” บอกเขาเสียงสั่น แต่ยังไม่ทันจะหันหลังเขาก็ยกมือขึ้นมาดึงเสื้อผมไว้อีกครั้ง
“จะไปไหน”
“ไปไหนก็ได้เรื่องของผม” ไม่ได้กวนตีนนะ แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะตอบเขายังไงเหมือนกัน
“คำนี้นายไม่มีสิทธิ์พูด”
“ทำไมผมจะไม่มีสิทธิ์”
“เพราะฉันคือเจ้าชีวิตของนาย”
“…..!!!!!!!!..”
“นับตั้งแต่บนดาดฟ้านั้น ทุกอย่างในตัวของนายก็เป็นของฉันหมดแล้ว” เขาบอกเสียงเรียบ
ตลกเหอะ!
“คุณจะบ้าไปแล้วหรอ มาขอชีวิตอะไรนั้นอ่ะนะ บ้าไปแล้ว” อยากจะขำแต่ขำไม่ออก เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครกันเนี่ย เทพเจ้าในการ์ตูนหรอ เหอะ!
“ในเมื่อนายไม่อยากได้ชีวิตของตัวเองฉันก็ขอไง เพราะฉันอยากได้”
“คุณมันโรคจิต”
“……………………….” เขาไม่ว่าหรือตอบอะไรผม แต่กลับเดินไปที่ห้องเชื่อมหนึ่งแทน คาดว่าน่าจะเป็นห้องนอนเพราะผมเห็นของเตียงโผล่พ้นออกมาในสายตา และนี่ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีในการที่ผมจะหนีออกไปจากที่นี่
แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าเท้าออกไปเขาก็เดินกลับมาแล้ว มาพร้อมกับใครบางคนในอ้อมกอด ใบหน้าจิ้มลิ้มที่กำลังหลับใหลซบอยู่บนหน้าอกแกร่งของเขามันดูน่าเอ็นดูจนผมอมยิ้มให้กับภาพตรงหน้าเล็กน้อย
“เขาชื่อแบมแบม” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาเบาๆเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนต่อเทวดาตัวน้อยในอ้อมกอด
“น่ารักนะครับ น้องคุณหรอ” ผมถามเขาไป
“ฉันเก็บมาได้”
เพียงแค่ได้ยินคำว่าเก็บมาทำเอาหัวใจของผมกระตุกวูบ มันเป็นการบ่งบอกว่าไม่มีใครต้องการ.. เด็กคนนี้เหมือนกับผม
“จนกว่าเขาจะโตนายช่วยดูแลเขาได้มั๊ย”
“…………………”
“..แล้วหลังจากนั้นอยากไปตายที่ไหนก็ไป”
“ผมเลี้ยงเด็กไม่เป็น ทำไมคุณไม่จ้างคนอื่นมาดู” ผมถามเขาอีกครั้งด้วยความสงสัย อยู่กับเขาดูเหมือนอะไรๆก็ทำให้ผมอยากรู้อยากเห็นไปหมด
“อย่ารู้เลย”
“งั้นผมไม่…” ยังไม่ทันจะได้ปฏิเสธเขาก็พูดแทรกขึ้นมา
“นายไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ ชีวิตที่มีนายเป็นเจ้าของมันตกตึกไปแล้ว ส่วนชีวิตนายที่อยู่ตรงหน้าฉันตอนนี้มันคือของฉัน”
“……………………..” สิ่งที่เขาพูดมันทำให้ผมอึ้ง ถ้าย้อนกลับไปได้ผมคงจะไม่เลือกออกมาโดดตึกนั้นจนได้มาเจอกับเขาหรอก
“ดูแลเขาด้วย ห้ามออกจากห้อง ห้ามเปิดประตูให้คนแปลกหน้า ใครเคาะก็ไม่ต้องสนเพราะฉันมีกุญแจ ถ้าหิวก็มีของในตู้เย็น” เขาสั่งเสียก่อนจะส่งตัวเด็กน้อยมาให้ผมที่รับไว้อย่างเก้ๆกังๆ ปลายจมูกโด่งรั้นของเขาประทับลงบนแก้มยุ้ยอย่างรักใคร่
ขายาวก้าวออกจากห้องไปอย่างไม่รีบร้อนโดยไม่หันหลังกลับมามองอีก เหลือไว้เพียงแค่ผมกับเด็กน้อยสองคน .. จริงๆถ้าผมหนีไปตอนนี้ก็ยังทัน แต่พอเหลือบมองเด็กน้อยแล้วก็ทิ้งไม่ลง แต่ถ้าจะให้หนีไปทั้งคู่ก็คงจะไม่ได้ เพราะผมมีพันธะเยอะ
สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องนอนของเขาแทน ผมค่อยๆวางเด็กตัวน้อยลงอย่างเบามือเพราะกลัวเขาจะตื่น ก่อนจะล้มตัวนอนลงข้างๆ
“เฮ้ออ แจ็คสัน”
“เกิดมาจากความผิดพลาดของป๊ากับม๊าแทนที่จะได้ตายตั้งแต่ยังเป็นแค่ก้อนเลือด”
“อากงกับอาม่าดันขอชีวิตไว้ซะงั้น”
“พอไม่เหลือใคร อยากจะฆ่าตัวตายเขาดันมารั้งไว้อีก”
“คุณนรกกับคุณสวรรค์ไม่ต้องการผมเลยหรอ”
ได้แต่บ่นน้อยใจในโชคชะตา ชาติที่แล้วผมไปทำอะไรไว้นักหนาทำไมชาตินี้ถึงต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย
“บ้านไม่มี เพื่อนไม่มี ญาติไม่มี ผมรันทดจริงๆเลยเนอะแบมแบมเนอะ” ไม่รู้จะไปพูดกับใครเลยหันไปคุยกับเด็กน้อยซึ่งหลับปุ๋ยอยู่แทน ผมใช้นิ้วเขี่ยเล่นแก้มยุ้ยนั้นเบาๆ เขี่ยเล่นจนเพลินมือและเผลอหลับไปในที่สุด
จิ้มๆ
“ตื่อ หนูแบหิว”
“………………”
จิ้มๆ
“ตื่อซี่ หนูแบหิวมากตื่อ ตื่อเร็วดี้” มือป้อมๆของเด็กชายตัวน้อยจิ้มไปบนตัวของชายแปลกหน้าที่นอนอยู่ข้างๆ ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นเขย่าตัวแทน
“มาร์คยุหนายย หนูแบหิวนม มาร์ค!! โหยหิวจะแย่ หนูแบหิว” เริ่มเรียกร้องหาใครอีกคนที่คุ้นเคยดีแต่กลับไม่มีเสียงตอบรับ จึงลงไปชักดิ้นชักงอบนเตียง เท้าเล็กพยายามถีบคนแปลกหน้าไปมาอย่างไม่เกรงกลัว
“หืมม..”
“ตื่อเร็วหนูแบหิวนม”
“อารายยย”
“นี่แหนๆๆ หนูแบหิวแล้ว ตื่อซี้” เด็กน้อยเปลี่ยนมาเป็นท่านั่งแทนแล้วรัวมือใส่คนตัวโตกว่าอย่างบ้าคลั่ง จนอีกคนเบิกตาโพล่งขึ้นมามองอย่างดุๆ จนเด็กน้อยผงะหงายหลังด้วยความตกใจ
“ตีทำไม” ถามเสียงเข้ม จนเด็กน้อยหงอลง
“ก็หนูแบหิว” บอกเสียงอ่อย “อย่าทำหน้าดุซี่ หนูแบกลัว”
“เฮ้ออ ขอโทษ.. จะกินอะไรล่ะ แต่ผมทำอาหารไม่เป็นนะ”
“หนูแบหิวนม โชนมให้หนูแบที”
“ห๊ะ! โชว์นม? ผมเป็นผู้ชายไม่มีนมให้โชว์หรอก ถึงโชว์ไปก็ไม่อิ่ม”
“ม่ายช่ายย โชนมตรงนั้นต่างหาก หนูแบเห็นมาร์คเอาโผๆอันนั้นใส่ขั่ว” มือเล็กชี้ไปทางโต๊ะตัวเล็กข้างๆตู้เสื้อผ้าที่อยู่ถัดจากเตียงไปเล็กน้อยซึ่งมีกระติกน้ำร้อนกับนมผงวางไว้อยู่ ผมจึงเดินไปดู
คงได้แต่ดูแหละ ทำไม่เป็น
“ทำไงอ่ะผมไม่เคยทำ” ผมหันไปถามเจ้าหนูแบ หรือแบมแบมที่นั่งใช้ความคิดอยู่ข้างผม
“เคอเห็นมาร์คเอาอันนี้ใส่ขั่ว ใส่เยอะๆเลย แล้วเขย่า” มือป้อมชี้ไปที่กล่องนมผง
เอาวะลองดูไม่เสียหาย
ผมหยิบขวดนมเปล่าขึ้นมาก่อนจะตักนมผงใส่ขวดตามที่น้องบอก แต่ไอที่บอกใส่เยอะๆนี่ไม่รู้ว่าต้องเยอะแค่ไหนนะ ผมใส่ไปเกือบเต็มขวดอ่ะ จากนั้นก็ปิดฝาเขย่า
…เขย่าแล้วได้อะไรล่ะเนี่ย มันก็เป็นผงแบบเดิม = =
“นายทำอะไรน่ะ” เสียงของบุคคลที่สามดังขึ้นท่ามกลางความเงียบทำให้ผมสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจจนเกือบทำขวดนมหลุดออกจากมือ
“ก ก ก็ ก็ ช ชงนมไง”
“บ้านไหนเขาสอนให้ชงนมแบบนี้” เสียงทุ้มบอกอย่างดุๆก่อนจะแย้งขวดนมในมือผมไปเทผงนมกลับคือในถุงจนหมดขวด ก่อนจะใช้ช้อนตักขึ้นมาใส่ใหม่
“ตักแค่ 6 ช้อน” เขาอธิบายสั้นๆ แล้วหันไปเสียบปลั๊กกระติกน้ำร้อน รอสักพักจนมันเดือดจึงเอาขวดไปกดน้ำใส่
“ใส่ถึงเลข 6 พอแล้วเขย่า” เขาทำท่าเขย่านมให้ดู จากนั้นก็ส่งไปให้เด็กน้อยที่รอรับด้วยรอยยิ้มที่สดใส
“ขอบคุณครับ” เมื่อได้นมสมใจอยากก็ปีขึ้นไปนั่งดูดตาแป๋วบนเตียงแทน
“คุณเก่งสุดยอดเลย” ผมเอ่ยชม
“ใครจะโง่เหมือนนายล่ะ ถ้าฉันกลับไม่ทันแบมแบมคงได้กินแต่ผงนม”
“โหยย ก็คนมันทำไม่เป็นนี่หว่า” บ่นพึมพำออกมาเบาๆ
“อย่าทำท่าทางแบบนั้น มันไม่เหมาะกับคนหน้าเถื่อนอย่างนาย”
“ทำอย่างกะท่าทางๆโหดๆเหมาะกับหน้าของคุณอย่างนั้นแหละ” ยอกย้อนกลับไป ผลที่ได้คือคนหน้าดุหันมาเผชิญหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วจิกผมอย่างแรงแทบหงาย แรงมหาศาลที่ไม่ได้บ่งบอกถึงการหยอกล้อทำให้ผมน้ำตาซึมออกมาด้วยความเจ็บ
“อย่าพูดให้มันมากนักนะ” พูดจบเขาก็เหวี่ยงผมออกอย่างแรงแทบจะล้มลงไป แต่ดีที่ตั้งหลักทัน ผมปาดน้ำตาที่ซึมออกอย่างลวกๆ แล้วพยายามคลึงหัวตัวเองเพื่อลดความเจ็บ
..เขาใจร้ายเกินไปแล้ว
“เจ็บป่าวนาย..” เด็กน้อยหันมาถาม
“….เจ็บ”
“สมน้ำหน้า แบร่ หนูแบไปหามาร์คดีกว่า” ว่าแล้วเจ้าตัวเล็กก็วิ่งออกไปทางที่คนใจร้ายเพิ่งไป ทิ้งไว้แค่ผมคนเดียว
“เหอะ! ถ้าปล่อยให้ตายๆไปแต่แรกก็ขบแล้ว ฉันควรจะหมดลมหายใจไปตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ทำไม่ต้องมานั่งบื้อให้คนใจร้ายนั้นจิกด้วย”
..ตายไปตั้งแต่แรกก็จบ จบจริงๆ
ขณะที่ผมกำลังนั่งน้อยใจในโชคชะตาเหมือนทุกครั้งอยู่นั้นก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่มันวาววับอยู่ข้างๆซอกตู้ ไม่รอช้าผมรีบไปดูทันที …และคงต้องขอบคุณคนใจร้ายนั้นที่วางของแบบนี้ไว้
…จบสักทีนะโลกใบนี้
ผมยกมืดด้ามสวยขึ้นมามองดูเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆกดมันลงไปกับข้อมือ ความเจ็บแปลบที่ได้รับทำให้ผมยิ้มออกมา จะว่าโรคจิตก็ได้ แต่ผมอยากตายจริงๆ เลือดสีแดงที่ทะลักออกมาไม่หยุดทำให้ผมมือสั่นจนต้องปล่อยมืดออกจากมือ ฟันบนขบริมฝีปากล่างเพื่อระบายความเจ็บ
ทนอีกนิดนะแจ็คสัน นายจะสบายแล้ว
สายตาเริ่มพล่าเลือนจนมองอะไรไม่ชัด เลือดสีแดงสดยังคงไหลไหลทะลักออกมาไม่สิ้นสุด นี่คงเป็นการตายที่มีความสุขที่สุดในโลกล่ะมั้ง ตายทั้งที่ยังยิ้ม ลมหายใจแผ่วเบาลงเรื่อยๆ แผ่วไปพร้อมกับหัวใจ ก่อนที่ทุกอย่างจะดับมืดลง
ดับไปพร้อมกับคนชื่อ แจ็คสัน หวัง.
ความคิดเห็น