ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic GOT7] Your life ไม่อยากได้ฉันขอนะ {MarkJack Markson}

    ลำดับตอนที่ #15 : Your life ไม่อยากได้ฉันขอนะ :: Chapter 14

    • อัปเดตล่าสุด 29 พ.ค. 60


    MINOR

    Chapter 14

     






    นายคือ หวัง แจ็คสัน

     

    ไม่อยากจะเชื่อว่าจะฟันดาบเก่งนะ ไอลูกชาย

     

    แกไม่น่าเกิดมาเลยจริงๆ

     

    .....ผมคือใคร

     

    เป็นแบบนี้แหละดีแล้ว

     

    ทำไม...

     

    คำถามทุกคำถามจะมีเพียงคำตอบเดียวคือ ตัวถ่วง

     

    พวกฉันเป็นหนี้

     

    นายคือ หวัง แจ็คสัน

     

    ไม่ใช่....

     

    หวัง แจ็คสัน

     

    แจ็คสัน

     

     

     



     

    “..แจ็คสัน”

     

    “เหห้! นายฟื้นแล้วหนิเมียไอมาร์ค” คนที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่มุมห้องทักขึ้นเมื่อเห็นว่าคนบนเตียงกำลังพึมพำอะไรบางอย่าง ก่อนจะลืมตาขึ้น

     

    “... ที่นี่ที่ไหน” คนบนเตียงเอ่ยถาม

     

    “ก็เซฟเฮ้าส์ของหนูเนียร์ไง ... นี่อย่าบอกนะว่าหัวนายกระแทกพื้นจนความจำเสื่อมอ่ะ” แจบอมรีบมาดูคนเจ็บบนเตียง แล้วพลิกหัวทุยที่มีผ้าพันแผลไปมาเพื่อเชคอาการ

     

    “...... อ  เอ่ออ ผมไม่ได้สมองเสื่อม ผมแค่มึนเฉยๆ”

     

    “หรอ  ไอมาร์ค!!!! เมียมึงฟื้นแล้ว”

     

    “ฟื้อแล้วหรอ” เป็นเด็กน้อยที่เมื่อได้ยินเสียงแจบอมก็รีบวิ่งเข้ามาดู มือเล็กช่วยตัวเองตะกายขึ้นเตียง  ก่อนจะเอื้อมมือหวังจะจับแผลอีกคนเพื่อสำรวจ แต่ผมกลับปัดมือเล็กออกห่างอย่างตกใจ

     

     

    ผมไม่ได้คิดจะปัดมือเล็กนั่นนะ ร่างกายทำทั้งๆที่สมองผมยังไม่ทันสั่งเลย

     

     

    “นายเป็นอะไร” คนที่เพิ่งเดินเข้ามาเอ่ยถามเสียงเข้ม

     

    “ป  เปล่า”

     

    “แล้วทำไมถึงจ้องแบมแบมแบบนั้น”

     

     

    !!!!!

     

     

    “ฮะ!”  ผ ผมมองแบมแบมยังไง ทำไมเขาถึงพูดอย่างงั้น  ผมหันไปมองแจบอมและจินยองที่เพิ่งเดินเข้ามาอีกคนอย่างงงๆ

     

    “ผม ..มองยังไง”

     

    “มองเหมือนจะฆ่า  มาร์คชั่วด้วยย หนูแบกลัว” แบมแบมลงไปจากเตียงแล้ววิ่งไปหาคนผมแดงที่อ้าแขนรับตัวเด็กน้อยไปอุ้ม

     

    “ฉันบอกแล้วเห็นมั้ยว่านายนี่มันเป็นตัวอันตราย”

     

    “หนูเนียร์ใจเย็น มันอาจจะเป็นผลข้างเคียงจากตอนล้มหัวกระแทกนั่นก็ได้”

     

    “ผ ..ผม.....”

     

    “...........................”

     

    “ผมไม่ได้จะมองแบมแบมอย่างนั้น”

     

    “...........................”

     

    “จริงๆนะครับ” ผมพยายามอธิบาย ซึ่งปฏิกิริยาของทุกคนกลับนิ่งเฉย

     

     


    ฟึ้บบบบบ!

     

     

    “เฮ้ยยยย  หนูเนียร์!

     

    “จินยอง!

     

     

    เพล้งง!!!!

     

     

    !!!????”

     

    ทุกอย่างมันเร็วมาจนผมตั้งตัวแทบไม่ทัน  อยู่ๆจินยองก็ขว้างแก้วกาแฟมาทางผม ทำให้ผมต้องเบี่ยงตัวหลบตามสัญชาตญาณ  แต่แขนขวาของผมมันกลับยกขึ้นมาปัดแก้วปลิวออกไปกระทบกับกำแพงจนแตกเป็นเสี่ยง

     

    “ท... ทำไมนายถึง .... ทั้งๆที่ตอนนั้นนายยังหลบกระสุนฉันไม่ได้เลย”

     

    “ผม.. ไม่รู้”

     

    “อาจจะฟลุ้คก็ได้ .. หนูเนียร์กลับห้อง  ทำตัวไม่น่ารักเลยนะ” แจบอมรีบคว้าแขนของคนรักออกไปนอกห้องก่อนที่เจ้าตัวจะตั้งสติได้แล้วก่นด่าคนอื่นอีก

     

    “คุณ..”

     

    “สัญชาตญาณ”

     

    “หืม?”

     

    “คืนนี้ฉันจะไป....”  เขาพูดก่อนจะโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูผมทั้งๆที่ยังอุ้มแบมแบมอยู่

     

    “...........................”

     



    “.. ดึงสัญชาตญาณของนายเอง”

     



    “ห้ะ หนูแบไปด้วยๆๆ  น้าาา มาร์ค หนูแบอยากไป”

     

    “ตอนนี้นายควรไปทำการบ้านนะแบมแบม ฉันให้โดดเรียนวันนึงก็ดีแค่ไหนแล้ว”

     

    “ครับบบ หนูแบจะทำให้เสะ หนูแบจะไปด้วย”

     

     

    สัญชาตญาณของผม ...  มันคืออะไร

     

     

     

     

     

     

     

     









     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ภายในห้องทำงานสีทึบถูกตกแต่งไปด้วยดอกกุหลาบนานาพันธุ์เต็มห้องช่างไม่เหมาะกับเจ้าของหน้าเข้มมาดขรึมเลยสักนิด  เขาเคาะนิ้วเป็นจังหวะรอเวลาที่ใครบางคนจะมาถึง

     

    และไม่นานเวลานั้นก็หยุดลงด้วยเสียงเคาะประตูจากใครบางคน

     

     

    ก๊อกๆ

     

     

    “เชิญ” จบคำตอบรับประตูก็ถูกเปิดเข้ามาเบาๆ

     

    “สวัสดีครับท่าน” ผู้มาใหม่สองคนเอ่ยทักทาย  ซึ่งคนนึงนั่งอยู่บนรถเข็นโดยมีอีกคนที่มีส่วนสูงเกินมาตรฐานชายเป็นคนเข็นพาเข้ามา

     

    “หึ! ก็อยากจะสมเพชอยู่นะ แต่ก็ยอมรับว่านายทำดี”

     

    “ขอบคุณครับท่าน”

     

    “เสียใจกับพี่สาวนายด้วย”

     

    “....ครับ” คนบนรถเข็นยังคงตอบรับแบบนิ่งๆ  แต่ก็ไม่ยากเกินกว่าที่หัวหน้าระดับองค์กรจะเดาได้หรอกว่าที่นิ่งๆเนี่ยมันเพราะอะไร

     

    “ทั้งๆที่โกหกว่าเป็นป้าอาจจะไม่ตายแล้วแท้ๆเชียว  ดันโง่ซะได้  นี่ถ้ายอมเข้าองค์กรมาแบบนายตั้งแต่แรกก็จบไปละ น่าเสียดาย”

     

    สาบานได้ ถ้าไม่โดนไอบ้าหัวแดงนั่นยิงขาเขาคงลุกขึ้นไปเตะไอหัวหน้าเวรนี่แน่ๆ  แม้จะแลกด้วยความตายก็เถอะ  ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแม่เขาจะยอมอยู่องค์กรเดียวกับไอเวรนี่

     

    “...........................”

     

    “เอาล่ะเข้าเรื่องเลยเถอะ...”

     

    “ไอเด็กนั้นเป็นแค่คนธรรมดาครับ แต่ผมยังไม่แน่ใจเพราะมันมีไอมาร์คตามมันอยู่”

     

    “มาร์ค .. อ๋อออ ไอมือปืนหน้าโง่”

     

    “ไม่ ผมว่ามันเหมือนพวกสไน” ร่างสูงใหญ่ที่ยืนเงียบอยู่นานเอ่ยแสดงความคิดเห็นขึ้นมามาบ้าง

     

    “แต่สงครามคราวนั้นก็ชี้ชัดแล้วว่าหมอนั้นน่ะมือปืน  ไม่น่ามีอะไรผิดพลาดนะ”

     

    “...........................”

     

    “และสงครามคราวนี้  พวกมันจะต้องหายไปจากโลกใบนี้ให้หมด”

     

    “...........................”

     

    “ไปพักผ่อนเถอะ ยู ยองแจ เซโล่ฉันฝากด้วย”

     

    “ครับท่าน” ว่าจบทั้งสองจึงโค้งคำนับให้นายท่านก่อนจะออกไป 

     

     

    “องค์กรฉันจะต้องเป็นที่หนึ่งเท่านั้น!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     









     

     

     

     

     

     

    หวิวๆ

     

    สายลมแรง ณ บนตึกสูงเฉียดฟ้าใจกลางกรุงโซลพัดผ่านชายสองคนที่ยืนประจันหน้ากัน ดวงตาสองคู่สบกันอย่างไม่ลดละตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงที่แล้ว  และมันก็เป็นหนึ่งชั่วโมงที่เขานัวเนียอย่างไม่มีใครยอมใคร

     



    ไม่สิ  มีคนยอมแพ้  แต่เพราะสัญชาตญาณมันหยุดไม่ได้

     

     

     

    หยุด = เจ็บตัว

     

     

     

    เนื้อตัวที่มีรอยฟกช้ำของทั้งคู่ไม่ได้สร้างความแปลกใจให้กับผู้มาใหม่เท่าไร  แต่มันแปลกจนพูดไม่ออกก็ตรงที่คนผมแดงมีบาดแผลมากว่าน่ะสิ

     

     

    เป็นไปไม่ได้!!!

     

     

    ทั้งแจบอมและจินยองเองเข้าใจหรอกที่พวกสไนจะสู้ระยะประชิดไม่เก่ง  แต่ที่แพ้ให้ไอคนแบบแจ็คสันนี่ไม่น่าจะเป็นไปได้

     

     

    “คุณพอเถอะ  ผมเหนื่อย  แฮ่กๆๆ”  ผมบอกเขาเพราะดูท่าว่าเขาจะไม่ยอมจนกว่าจะมีคนชนะ  ซึ่งเองยอมแพ้ตั้งแต่แรกแล้ว แกล้งทำเป็นนอนสลบก็แล้วกลับโดนกระชากหัวขึ้นมาต่อจนได้  บ้าชะมัด

     

     

    ฟึ่บบ!

     

     

    เขาวิ่งไปหยิบมีดที่เหน็บอยู่กระเป๋ากางเกงของแจบอมแล้วขว้างออกมาอย่างรวดเร็วดั่งสายลม ผมที่ตกใจได้แต่ปัดมันออกไปก่อนที่มันจะมาฝันอยู่บนหัวได้อย่างเฉียดฉิว  แต่ไม่วายได้บาดแผลมาที่หลังมืออีกรอบจนรอยใหญ่ขึ้น

     

     

    นี่แค่เฉียดๆมือยังแทบขาดเลย  ผมจะไม่ไหวแล้วนะ  เจ็บ!

     

     

    พลั่กก!

     

     

    “มาร์ค!!!!!!”  เสียงกองเชียร์ทั้งสามคนร้องลั่นเมื่อชายผมแดงโดนผมวิ่งพุ่งใส่จนตัวปลิวถลาเกือบตกตึก

     

    ผมรีบวิ่งไปช่วยเขาทันที  แต่ทว่าโดนเขาถีบกลับมาอย่างแรง  กระเด็นมาแทบเท้าเด็กน้อยคนเดียวของบ้าน  ก่อนที่เขาจะวิ่งมากระทืบผมซ้ำ ดีที่กลิ้งหลบทัน

     

    “มีด ... เอาวะ”  โชคดีหรืออะไรไม่รู้ผมหลบมาเจอมีดที่ตกอยู่พอดี

     

     


    ขว้างไปสุดแขน

     

     


    ..ก็แค่หลอกน่ะ

     

     


    ผมเปลี่ยนทิศขว้างมาทางที่เขาหมุนตัวหลบและมันก็เสียบเข้าที่ท้องเขาพอดี

     


     

    “เห้ยคุณ!!!

     

    “มาร์ค!!!”  ทุกคนรีบวิ่งไปดูผู้บาดเจ็บทันทีก่อนจะเบือนหน้าหนีเมื่อเขาชักมีดออกมา  เลือดสีแดงข้นทะลักไม่หยุดทำเอาผมอยากจะอาเจียน

     

    “ไม่เลวหนิ”

     

    “ยังจะพูดอย่างนี้อีก รีบไปทำแผลเร็ว” ผมเอื้อมมือไปช่วยเขากดปากแผลอย่างรู้สึกผิด

     

    “หึ.. รู้งี้ถีบตกตึกตั้งแต่วันนั้นดีกว่า เห็นโง่มาตั้งนาน”

     

    “คุณ!










    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×