คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : Your life ไม่อยากได้ฉันขอนะ :: Chapter 14
Chapter 14
‘นายคือ หวัง แจ็คสัน’
‘ไม่อยากจะเชื่อว่าจะฟันดาบเก่งนะ ไอลูกชาย’
‘แกไม่น่าเกิดมาเลยจริงๆ’
‘.....ผมคือใคร’
‘เป็นแบบนี้แหละดีแล้ว’
‘ทำไม...’
‘คำถามทุกคำถามจะมีเพียงคำตอบเดียวคือ ตัวถ่วง’
‘พวกฉันเป็นหนี้’
‘นายคือ หวัง แจ็คสัน’
‘ไม่ใช่....’
‘หวัง แจ็คสัน’
‘แจ็คสัน’
“..แจ็คสัน”
“เหห้! นายฟื้นแล้วหนิเมียไอมาร์ค”
คนที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่มุมห้องทักขึ้นเมื่อเห็นว่าคนบนเตียงกำลังพึมพำอะไรบางอย่าง
ก่อนจะลืมตาขึ้น
“... ที่นี่ที่ไหน” คนบนเตียงเอ่ยถาม
“ก็เซฟเฮ้าส์ของหนูเนียร์ไง ...
นี่อย่าบอกนะว่าหัวนายกระแทกพื้นจนความจำเสื่อมอ่ะ” แจบอมรีบมาดูคนเจ็บบนเตียง
แล้วพลิกหัวทุยที่มีผ้าพันแผลไปมาเพื่อเชคอาการ
“...... อ เอ่ออ
ผมไม่ได้สมองเสื่อม ผมแค่มึนเฉยๆ”
“หรอ ไอมาร์ค!!!! เมียมึงฟื้นแล้ว”
“ฟื้อแล้วหรอ” เป็นเด็กน้อยที่เมื่อได้ยินเสียงแจบอมก็รีบวิ่งเข้ามาดู
มือเล็กช่วยตัวเองตะกายขึ้นเตียง
ก่อนจะเอื้อมมือหวังจะจับแผลอีกคนเพื่อสำรวจ
แต่ผมกลับปัดมือเล็กออกห่างอย่างตกใจ
ผมไม่ได้คิดจะปัดมือเล็กนั่นนะ
ร่างกายทำทั้งๆที่สมองผมยังไม่ทันสั่งเลย
“นายเป็นอะไร” คนที่เพิ่งเดินเข้ามาเอ่ยถามเสียงเข้ม
“ป เปล่า”
“แล้วทำไมถึงจ้องแบมแบมแบบนั้น”
!!!!!
“ฮะ!” ผ
ผมมองแบมแบมยังไง ทำไมเขาถึงพูดอย่างงั้น
ผมหันไปมองแจบอมและจินยองที่เพิ่งเดินเข้ามาอีกคนอย่างงงๆ
“ผม ..มองยังไง”
“มองเหมือนจะฆ่า
มาร์คชั่วด้วยย หนูแบกลัว” แบมแบมลงไปจากเตียงแล้ววิ่งไปหาคนผมแดงที่อ้าแขนรับตัวเด็กน้อยไปอุ้ม
“ฉันบอกแล้วเห็นมั้ยว่านายนี่มันเป็นตัวอันตราย”
“หนูเนียร์ใจเย็น มันอาจจะเป็นผลข้างเคียงจากตอนล้มหัวกระแทกนั่นก็ได้”
“ผ ..ผม.....”
“...........................”
“ผมไม่ได้จะมองแบมแบมอย่างนั้น”
“...........................”
“จริงๆนะครับ” ผมพยายามอธิบาย ซึ่งปฏิกิริยาของทุกคนกลับนิ่งเฉย
ฟึ้บบบบบ!
“เฮ้ยยยย หนูเนียร์!”
“จินยอง!”
เพล้งง!!!!
“!!!????”
ทุกอย่างมันเร็วมาจนผมตั้งตัวแทบไม่ทัน อยู่ๆจินยองก็ขว้างแก้วกาแฟมาทางผม
ทำให้ผมต้องเบี่ยงตัวหลบตามสัญชาตญาณ
แต่แขนขวาของผมมันกลับยกขึ้นมาปัดแก้วปลิวออกไปกระทบกับกำแพงจนแตกเป็นเสี่ยง
“ท... ทำไมนายถึง .... ทั้งๆที่ตอนนั้นนายยังหลบกระสุนฉันไม่ได้เลย”
“ผม.. ไม่รู้”
“อาจจะฟลุ้คก็ได้ .. หนูเนียร์กลับห้อง ทำตัวไม่น่ารักเลยนะ” แจบอมรีบคว้าแขนของคนรักออกไปนอกห้องก่อนที่เจ้าตัวจะตั้งสติได้แล้วก่นด่าคนอื่นอีก
“คุณ..”
“สัญชาตญาณ”
“หืม?”
“คืนนี้ฉันจะไป....”
เขาพูดก่อนจะโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูผมทั้งๆที่ยังอุ้มแบมแบมอยู่
“...........................”
“.. ดึงสัญชาตญาณของนายเอง”
“ห้ะ หนูแบไปด้วยๆๆ น้าาา
มาร์ค หนูแบอยากไป”
“ตอนนี้นายควรไปทำการบ้านนะแบมแบม ฉันให้โดดเรียนวันนึงก็ดีแค่ไหนแล้ว”
“ครับบบ หนูแบจะทำให้เสะ หนูแบจะไปด้วย”
สัญชาตญาณของผม ... มันคืออะไร
ภายในห้องทำงานสีทึบถูกตกแต่งไปด้วยดอกกุหลาบนานาพันธุ์เต็มห้องช่างไม่เหมาะกับเจ้าของหน้าเข้มมาดขรึมเลยสักนิด
เขาเคาะนิ้วเป็นจังหวะรอเวลาที่ใครบางคนจะมาถึง
และไม่นานเวลานั้นก็หยุดลงด้วยเสียงเคาะประตูจากใครบางคน
ก๊อกๆ
“เชิญ” จบคำตอบรับประตูก็ถูกเปิดเข้ามาเบาๆ
“สวัสดีครับท่าน” ผู้มาใหม่สองคนเอ่ยทักทาย ซึ่งคนนึงนั่งอยู่บนรถเข็นโดยมีอีกคนที่มีส่วนสูงเกินมาตรฐานชายเป็นคนเข็นพาเข้ามา
“หึ! ก็อยากจะสมเพชอยู่นะ แต่ก็ยอมรับว่านายทำดี”
“ขอบคุณครับท่าน”
“เสียใจกับพี่สาวนายด้วย”
“....ครับ” คนบนรถเข็นยังคงตอบรับแบบนิ่งๆ
แต่ก็ไม่ยากเกินกว่าที่หัวหน้าระดับองค์กรจะเดาได้หรอกว่าที่นิ่งๆเนี่ยมันเพราะอะไร
“ทั้งๆที่โกหกว่าเป็นป้าอาจจะไม่ตายแล้วแท้ๆเชียว ดันโง่ซะได้
นี่ถ้ายอมเข้าองค์กรมาแบบนายตั้งแต่แรกก็จบไปละ น่าเสียดาย”
สาบานได้ ถ้าไม่โดนไอบ้าหัวแดงนั่นยิงขาเขาคงลุกขึ้นไปเตะไอหัวหน้าเวรนี่แน่ๆ แม้จะแลกด้วยความตายก็เถอะ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแม่เขาจะยอมอยู่องค์กรเดียวกับไอเวรนี่
“...........................”
“เอาล่ะเข้าเรื่องเลยเถอะ...”
“ไอเด็กนั้นเป็นแค่คนธรรมดาครับ แต่ผมยังไม่แน่ใจเพราะมันมีไอมาร์คตามมันอยู่”
“มาร์ค .. อ๋อออ ไอมือปืนหน้าโง่”
“ไม่ ผมว่ามันเหมือนพวกสไน”
ร่างสูงใหญ่ที่ยืนเงียบอยู่นานเอ่ยแสดงความคิดเห็นขึ้นมามาบ้าง
“แต่สงครามคราวนั้นก็ชี้ชัดแล้วว่าหมอนั้นน่ะมือปืน ไม่น่ามีอะไรผิดพลาดนะ”
“...........................”
“และสงครามคราวนี้
พวกมันจะต้องหายไปจากโลกใบนี้ให้หมด”
“...........................”
“ไปพักผ่อนเถอะ ยู ยองแจ เซโล่ฉันฝากด้วย”
“ครับท่าน” ว่าจบทั้งสองจึงโค้งคำนับให้นายท่านก่อนจะออกไป
“องค์กรฉันจะต้องเป็นที่หนึ่งเท่านั้น!”
หวิวๆ
สายลมแรง ณ บนตึกสูงเฉียดฟ้าใจกลางกรุงโซลพัดผ่านชายสองคนที่ยืนประจันหน้ากัน
ดวงตาสองคู่สบกันอย่างไม่ลดละตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงที่แล้ว
และมันก็เป็นหนึ่งชั่วโมงที่เขานัวเนียอย่างไม่มีใครยอมใคร
ไม่สิ มีคนยอมแพ้ แต่เพราะสัญชาตญาณมันหยุดไม่ได้
หยุด
= เจ็บตัว
เนื้อตัวที่มีรอยฟกช้ำของทั้งคู่ไม่ได้สร้างความแปลกใจให้กับผู้มาใหม่เท่าไร
แต่มันแปลกจนพูดไม่ออกก็ตรงที่คนผมแดงมีบาดแผลมากว่าน่ะสิ
เป็นไปไม่ได้!!!
ทั้งแจบอมและจินยองเองเข้าใจหรอกที่พวกสไนจะสู้ระยะประชิดไม่เก่ง แต่ที่แพ้ให้ไอคนแบบแจ็คสันนี่ไม่น่าจะเป็นไปได้
“คุณพอเถอะ ผมเหนื่อย แฮ่กๆๆ”
ผมบอกเขาเพราะดูท่าว่าเขาจะไม่ยอมจนกว่าจะมีคนชนะ ซึ่งเองยอมแพ้ตั้งแต่แรกแล้ว
แกล้งทำเป็นนอนสลบก็แล้วกลับโดนกระชากหัวขึ้นมาต่อจนได้ บ้าชะมัด
ฟึ่บบ!
เขาวิ่งไปหยิบมีดที่เหน็บอยู่กระเป๋ากางเกงของแจบอมแล้วขว้างออกมาอย่างรวดเร็วดั่งสายลม
ผมที่ตกใจได้แต่ปัดมันออกไปก่อนที่มันจะมาฝันอยู่บนหัวได้อย่างเฉียดฉิว
แต่ไม่วายได้บาดแผลมาที่หลังมืออีกรอบจนรอยใหญ่ขึ้น
นี่แค่เฉียดๆมือยังแทบขาดเลย
ผมจะไม่ไหวแล้วนะ เจ็บ!
พลั่กก!
“มาร์ค!!!!!!”
เสียงกองเชียร์ทั้งสามคนร้องลั่นเมื่อชายผมแดงโดนผมวิ่งพุ่งใส่จนตัวปลิวถลาเกือบตกตึก
ผมรีบวิ่งไปช่วยเขาทันที
แต่ทว่าโดนเขาถีบกลับมาอย่างแรง กระเด็นมาแทบเท้าเด็กน้อยคนเดียวของบ้าน ก่อนที่เขาจะวิ่งมากระทืบผมซ้ำ
ดีที่กลิ้งหลบทัน
“มีด ... เอาวะ”
โชคดีหรืออะไรไม่รู้ผมหลบมาเจอมีดที่ตกอยู่พอดี
ขว้างไปสุดแขน
..ก็แค่หลอกน่ะ
ผมเปลี่ยนทิศขว้างมาทางที่เขาหมุนตัวหลบและมันก็เสียบเข้าที่ท้องเขาพอดี
“เห้ยคุณ!!!”
“มาร์ค!!!”
ทุกคนรีบวิ่งไปดูผู้บาดเจ็บทันทีก่อนจะเบือนหน้าหนีเมื่อเขาชักมีดออกมา เลือดสีแดงข้นทะลักไม่หยุดทำเอาผมอยากจะอาเจียน
“ไม่เลวหนิ”
“ยังจะพูดอย่างนี้อีก รีบไปทำแผลเร็ว” ผมเอื้อมมือไปช่วยเขากดปากแผลอย่างรู้สึกผิด
“หึ.. รู้งี้ถีบตกตึกตั้งแต่วันนั้นดีกว่า เห็นโง่มาตั้งนาน”
“คุณ!”
ความคิดเห็น