คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Your life ไม่อยากได้ฉันขอนะ :: Chapter 13
Chapter 13
ก็คนผมแดงที่มาเฝ้านายทุกวันไง...
ระหว่างที่ผมวิ่งหนีมาพร้อมกับยองแจ ประโยคที่ได้ยินไปไม่กี่นาทีก่อนยังคงวนเวียนอยู่ในหัวผมเรื่อยๆจนแทบไม่มีสมาธิ เวลาวิ่งก็สะดุดนู้นนี่ไปเรื่อยจนยองแจต้องสั่งให้หยุดพักที่ซอกตึกแห่งหนึ่ง
“เหนื่อยเป็นบ้า แฮ่กๆๆ” คนตัวเล็กบ่นพร้อมทิ้งตัวลงนั่งหอบหายใจถี่
“ที่นายพูดหมายความว่าไง.. คนผมแดงอ่ะ”
“หึ นี่อย่าบอกนะว่าไม่รู้ว่ามีคนตามน่ะ”
“..........” ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ
“นายผมแดงนั้นฉันเห็นตั้งแต่นายเจอฉันครั้งแรกแล้ว ตอนแรกคิดว่าการ์ดในองค์กรของนายซะอีก หน้าตาก็ดีหรอกแต่ทำตัวอย่างกับลิง เจอทีไรอยู่บนต้นไม้ทุกที” ยองแจเล่ายาว ซึ่งผมก็คิดตามไปด้วย
งั้นที่ผมเห็นเขาก็ไม่ได้ตาฝาดล่ะสิ แล้วไอที่ว่าเหมือนผีไม้ก็เขามั้ง
เหอะ ไอโหดเอ้ยยย
“แล้วองค์กร.....” ยังไม่ทันจะได้ถามยองแจก็ขัดขึ้นเสียงกร้าวจนผมสะดุ้งตกใจ
“ฉันไม่เข้า!!!!”
“ไม่ใช่ ผมแค่จะถามว่าสรุปองค์กรนี่มันยังไงทำไมนายถึงถูกตามล่า”
“อย่ามาทำเป็นเสแสร้ง นายก็คนขององค์กรจะถามฉันทำไม หลอกให้ตายใจ? หึ ฉันไม่โง่”
“เปล่า ผมไม่รู้จริงๆ” ผมตอบไปอย่างแน่วแน่ และไม่หลบตาแต่อย่างใด เป็นยองแจที่เสหลบไปก่อนจะถอนหายใจออกมา
“หรือนายเป็นเด็กพิเศษแบบฉันหรอ นายเป็นลูกใคร” ผมส่ายหน้า
“ผมเป็นแค่คนธรรมดา” เขามองมาอย่างจับผิดอีกครั้ง ผมจึงต้องบอกไปอีกครั้งว่าผมเป็นแค่ลูกชายของคนธรรมดา ที่มีหนี้สินติดตัวมาด้วยเท่านั้น ความพิเศษก็คงมีคนตามล่าเพราะหนี้ที่ไม่ได้เป็นคนก่อล่ะมั้ง
“แล้วพ่อแม่นาย?”
“เสียแล้ว”
“ขอโทษแล้วกัน”
“ไม่เป็นไร แต่นายช่วยบอกได้มั้ยว่าเด็กพิเศษนี่คืออะไรหรอ แล้วทำไมต้องถูกตามล่า” ผมถามเขาอีกครั้ง
“ไอองค์กรบ้านั้นจะเรียกลูกๆของพวกนักฆ่าหรือคนในองค์กรว่าเด็กพิเศษ พวกมันมีความเชื่อว่าลูกของคนที่มีฝีมืออยู่แล้วต้องเหนือกว่าพ่อแม่ เหมือนรวมยีนส์ความเก่งขึ้นมาก็ว่าได้ ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมพวกมันถึงคิดอย่างนั้น”
ยองแจหยุดไปพักหนึ่งก่อนจะเล่าต่อ
“และฉันก็คือลูกชายของนักประดิษฐ์ไวรัสซอร์ฟแวร์ที่เก่งที่สุดคนหนึ่ง ฉันเลยถูกตามล่าไง”
“โหหห อยู่ยากเลยสิ”
“ก็ไม่เชิง ถ้าฉันเก่งกว่านี้มันคงง่าย ฉันถือว่าธรรมดา”
“ว่าแต่พ่อนายก็มีองค์กร ทำไมนายไม่เข้าเหมือนพ่อล่ะ”
“............................” เขาเงียบ ก่อนจะเหยียดยิ้มอย่างนึกสมเพชในสิ่งที่ผมพูดนัก
“............................”
“เด็กพิเศษน่ะนะ พอรู้ว่าเป็นใครจะถูกโดนแย่ง แต่ถ้ามีสังกัดเด็กคนนั้นจะต้องถูกไล่ฆ่าจากองค์กรอื่น”
ผมลอบกลืนน้ำลายทันทีหลังจากฟังมาถึงตอนนี้ ผมไม่คิดว่าโลกใบนี้จะมีอะไรอย่างนี้ด้วยซ้ำ ดีนะที่ผมเป็นแค่คนธรรมดา
“นี่คงหมดธุระแล้ว แยกทางเลยล่ะกัน แล้วก็ขอบใจ”
“เดี๋ยว!” นั้นไม่ใช่เสียงผม แต่เป็นเสียงใครคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลัง
“ค คุณ..” ผมยืนนิ่งเมื่อหันไปพบกับคนผมแดงที่เพิ่งไล่ผมมายืนจ่อปืนไปที่ยองแจด้วยใบหน้าเรียบเฉย ส่วนใบหน้าก็ถูกปิดบังด้วยผ้าสีดำผืนใหญ่อย่างทุกครั้งที่เขาออกมาทำงานข้างนอก
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงสายลมพัดเอื่อยๆ ยองแจยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ ส่วนเขาก็จ่อปืนที่เตรียมเหนี่ยวไกไว้อย่างมั่นคง ..ถ้ายองแจขยับนี่ลั่นแน่
“หึ!” ยองแจส่งเสียงจากลำคอ ก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับมาร์คที่เป็นดั่งมัจจุราชอย่างไม่เกรงกลัว
“...........................”
“ยิงเลยดิ่ ไม่ว่าจะอยู่หรือตายฉันก็ไม่มีวันอยู่องค์กรบ้าๆนั้นหรอก”
“..........................” ท่าทางของเขายังคงนิ่งและมั่นคง ไม่แสดงอาการใดๆออกมาทำให้ยองแจหงุดหงิดไม่น้อยเผลอสบถคำหยาบออกมายาวเหยียด
“พล่ามจบยัง”
“เหอะ”
“ให้เลือก.........”
“กูไม่เลือก!”
ปัง!! เสียงปืนลั่นพร้อมกับร่างเล็กของยองแจทรุดตัวลง เลือดสีแดงข้นไหลตามแนวขาเล็กอย่างน่ากลัว
“คุณทำบ้าอะไรเนี่ย ยิงยองแจทำไม” ผมวิ่งเข้าไปหาคนบาดเจ็บหวังจะช่วยแต่โดนผลักออกมา
“จะไปแบบดีๆหรือไปแบบพิการ”
“ฉันไม่ไป ต่อให้ตายฉันก็ไม่”
“ต่อให้นรกจะต้องการนายขนาดไหน ฉันก็ไม่ยอมปล่อยนายไปแน่ นายต้องไปกับฉัน”
“ฉันไม่อยากมีจุดจบเหมือนพ่อฉัน ฉันไม่ไป!”
แกร๊ก! เสียงปืนที่พร้อมจะเหนี่ยวไกยองแจอีกครั้งทำให้ผมวิ่งเอาตัวไปบังยองแจทันที เอาดิ่ ยังไงชีวิตผมก็ไม่มีอะไรจะเสียอยู่และ
“อย่ายิงนะ คุณก็น่าจะรู้นะว่าจุดจบของเด็กพิเศษเป็นยังไง ปล่อยยองแจไปเถอะ”
ให้ตายเถอะนี่ใช้แค่มาตีสนิทนิดหน่อยเล่นเกินล้านไปมั้ย ถึงกับเอาตัวมาบังลูกกระสุนแทนเลย
“จุดจบคือมันต้องไปกับฉัน หลบ” เขาเดินมาดึงตัวผมออกก่อนจะกระชากแขนยองแจให้ตามเขาไปอย่างแรง แต่คนตัวเล็กไม่ยอมยังคงขัดขืน จนทรุดลงพื้นไปอีกครั้ง
“ย ยองแจ!”
“อึก! .. ฉัน ไม่ ไป” ยองแจกัดฟันพูด ดวงตารีเล็กจ้องคนที่ยังจับแขนตัวเองอยู่เขม่ง ซึ่งคนผมแดงก็จ้องกลับเช่นกัน แต่ก็จ้องได้ไม่นานเพราะโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกงดึงความสนใจไปเสียก่อน
“.... อือ”
“..................”
หลังจากที่เขารับโทรศัพท์เขาก็นิ่งไป ทุกอย่างเงียบสงบ แต่ผมแอบเห็นนะว่าคิ้วของเขาแอบขมวดนิดๆก่อนจะคลายออก
ผลั่กก!!!
“...เอ้ยย ...”
ปังง!!!!!
“อะ อะไรกัน”
“หยุดพูดมาแล้วตามมา”
เหตุการณ์มันรวดเร็วมากจนผมตั้งสติแทบไม่ทัน หลังจากที่เขาวางโทรศัพท์ไปร่างของยองแจก็กระเด็นไปตามแรงถีบของเขา ก่อนที่มือแกร่งจะจับมือผมไว้แล้วพาวิ่ง
ลูกกระสุนผ่านเฉียดเราไปจากฝีมือใครสักคน เพียงแค่ผมวิ่งเบี่ยงไปทางซ้ายอีกนิดคงลงนรกอย่างที่เคยตั้งใจไว้แน่ๆ ส่วนคนผมแดงสบถมาตลอดทาง วิ่งลากผมจนตัวปลิว
ฟังไม่ผิดหลอก ตัวปลิวจริงๆ แทบไม่เสียแรงวิ่งเองเลย
“มานี่” เขาวิ่งพาผมมายังบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งเปิดประตูค้างไว้พอดี ร่างสูงของเขาผลักผมเขาไปที่ห้องๆหนึ่งซึ่งเปิดประตูทิ้งไว้เช่นกัน
พอเข้ามาก็พบว่ามีบันไดสิบกว่าขั้นพาลงไปชั้นล่างอีกที
“นี่มันอะไรกัน”
“............”
“คุณ ผมถามอยู่นะ” เขาไม่ตอบ แต่หันไปจัดการกับไม้แผ่นหนึ่งซึ่งเอามากั้นระหว่างบันไดกับประตูอีกทีแทน
“ค...”
“ชู่ววว” เขาเอามือปิดปากผมไว้ให้เงียบ ก่อนจะค่อยๆพาเดินลงไปชั้นล่างเบาๆ ซึ่งข้างล่างไม่มีอะไรเป็นเพียงห้องเล็กๆโล่งๆเท่านั้น นี่น่าจะเป็นบ้านที่กำลังสร้างแต่ยังไม่เสร็จแน่ๆ
“ในนี้เสียงมันก้อง เงียบๆไว้” เขากระซิบเบาๆที่ข้างหูผม เสียงแหบและลมหายใจที่รดต้นคอทำเอาผมจั๊กจี้ขนลุกจนผมต้องเอามือขึ้นมาลูบต้นคอตัวเอง
ปังง!!!! เสียงเปิดประตูข้างบนดังสนั่น ผมตกใจคว้าเสื้อของอีกคนมาจับไว้แทบไม่ทันเพราะความกลัว เผลอหยุดหายใจไปแล้วด้วย
“ไม่มี!”
“หายไปไหนวะ” เสียงของคนข้างบนคุยกันแล้วเริ่มหายไปเรื่อยๆ ผมจึงค่อยๆถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
... เกือบไปแล้ว
“อย่าขยับ พวกมันไม่ได้โง่” เขากระซิบอีกครั้ง
“แล้วเราจะรอดมั้ย ที่นี่มันโล่งนะ” ผมกระซิบตอบ
“ภาวนาให้ไอแจบอมมาให้ทันพอ”
กึกๆ
“ฮ....” เกือบหลุดเสียงร้องออกไปเมื่อได้ยินเสียงเหมือนใครบางคนกำลังแงะอะไรบางอย่างจากด้านบน ดีที่คนผมแดงตะครุบปากไว้ทัน
....ชิบ มันรู้แล้ว
โครมมม!!!
เศษซากไม้ที่คนผมแดงปิดไว้เมื่อก่อนจะลงมาที่นี่กระเด็นลงมาถึงตรงที่เรายืนพอดี ผมเบิกตากว้างมองหน้าอีกคนที่ยืนนิ่งไม่แสดงความรู้สึกอะไร
“เลิกแกล้งได้ละ ฉันไม่ใช่เด็กอมมือ” เขาพูดเสียงเรียบก่อนจะดันตัวผมออกแล้วเดินขึ้นชั้นบนไป
“อ่าวคุณ รอด้วย!”
“ดีนะที่กูมาทัน โด่วว ไม่งั้นพวกมึงไม่รอดละ”
“...........................”
“เอ้าา! จะไม่ขอบคุณกูสักคำเลยรึไง”
“...........................”
“ไอเชี่ยมาร์ค”
“จินยอง” คนผมแดงไม่สนใจเพื่อนตัวเองที่เอาแต่เซ้าซี้ทวงบุญคุณตั้งแต่กลับมาถึงเซฟเฮ้าส์ แต่กลับเดินไปหาเพื่อนร่างเพรียวอีกคนที่นั่งอยู่หน้าจอคอมแทน
“ดีนะที่คอมฉันอึด เกลียดไอหน้าจืดยองแจจริงๆ ไวรัสแม่งเยอะบรม ข้อมูลอื่นหายไปจนกู้ไม่ได้เลย ไอบ้าเอ้ย!”
“ใจเย็นน่าหนูเนียร์”
“ไม่ยงไม่เย็นมันแล้ว ฉันเกือบจะเอาข้อมูลของแจ็คสันตัวจริงมาได้อยู่แล้วเชียว”
“สรุปเรื่องมันเป็นยังไง” คนผมแดงเอ่ยแทรกบทสนทนาของคู่รักขึ้นมา
“ชเว ยองแจ ไอเวรนั่นมันอยู่อีกองค์กรไปแล้ว องค์กรเดียวกับพ่อมันนั่นแหละ แล้วไอองค์กรที่ว่าก็คือไอองค์กรเหี้ยนั้นไง แม่งส่งคนมาปั่นหัวเราอีกแล้ว”
“เหอะ! ไอพวกแพ้พาล ส่งคนมาป่วนก็ห่วยแตกอยู่ดี”
“ไอดิสห่าเหวนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลย แม่งตัวปล่อยไวรัสชัดๆ โถ่เว้ยย!!” จินยองโวยวายหัวฟัดหัวเหวี่ยง มันจะไม่อะไรเลยสักนิดถ้าข้อมูลสำคัญมันไม่หายไปด้วย
“ใจเย็นนะครับคนดี”
“ก็เย็นไปคนเดียวสิ!”
“โออออ๋ เฮียบี๋แค่ไม่อยากให้หนูเนียร์เครียดแค่นั้นเอง”
“หึ้ยย”
“..................” คนผมแดงที่ดูเหมือนเริ่มจะเป็นส่วนเกินในโลกสีชมพูของเพื่อนทั้งสอง จึงเดินหนีออกมาปล่อยให้คู่รักเขาปลอบใจกันไป เมื่อเข้ามาถึงในห้องนอนก็พบแต่ความว่างเปล่าไร้ร่างของใครบางคน รวมถึงเด็กน้อยด้วย
..หายไปไหน
“มาร์คคคค!!! มาร์ค ชั่วด้วยย” สงสัยได้ไม่นานเด็กน้อยคนเดียวของบ้านก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“นายนั้นอยู่ๆก็โล้ลง แต่ตาลืมอยู่ หัวแตกด้วย”
“ที่ไหน”
“หน้าห้องน้ำ ไปเรวมาร์ค”
จำไว้นะว่าแกคือ หวัง แจ็คสัน
I’m back.
ความคิดเห็น