ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic GOT7] Your life ไม่อยากได้ฉันขอนะ {MarkJack Markson}

    ลำดับตอนที่ #14 : Your life ไม่อยากได้ฉันขอนะ :: Chapter 13

    • อัปเดตล่าสุด 29 พ.ค. 60


    MINOR

    Chapter 13

     

     

     

     

    ก็คนผมแดงที่มาเฝ้านายทุกวันไง...

     

     

     

    ระหว่างที่ผมวิ่งหนีมาพร้อมกับยองแจ ประโยคที่ได้ยินไปไม่กี่นาทีก่อนยังคงวนเวียนอยู่ในหัวผมเรื่อยๆจนแทบไม่มีสมาธิ  เวลาวิ่งก็สะดุดนู้นนี่ไปเรื่อยจนยองแจต้องสั่งให้หยุดพักที่ซอกตึกแห่งหนึ่ง

     

    “เหนื่อยเป็นบ้า แฮ่กๆๆ” คนตัวเล็กบ่นพร้อมทิ้งตัวลงนั่งหอบหายใจถี่

     

    “ที่นายพูดหมายความว่าไง.. คนผมแดงอ่ะ”

     

    “หึ นี่อย่าบอกนะว่าไม่รู้ว่ามีคนตามน่ะ”

     

    “..........” ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ

     

    “นายผมแดงนั้นฉันเห็นตั้งแต่นายเจอฉันครั้งแรกแล้ว  ตอนแรกคิดว่าการ์ดในองค์กรของนายซะอีก  หน้าตาก็ดีหรอกแต่ทำตัวอย่างกับลิง  เจอทีไรอยู่บนต้นไม้ทุกที” ยองแจเล่ายาว ซึ่งผมก็คิดตามไปด้วย

     

     

    งั้นที่ผมเห็นเขาก็ไม่ได้ตาฝาดล่ะสิ  แล้วไอที่ว่าเหมือนผีไม้ก็เขามั้ง

     

     

    เหอะ  ไอโหดเอ้ยยย

     

     

    “แล้วองค์กร.....” ยังไม่ทันจะได้ถามยองแจก็ขัดขึ้นเสียงกร้าวจนผมสะดุ้งตกใจ

     

    “ฉันไม่เข้า!!!!

     

    “ไม่ใช่ ผมแค่จะถามว่าสรุปองค์กรนี่มันยังไงทำไมนายถึงถูกตามล่า”

     

    “อย่ามาทำเป็นเสแสร้ง นายก็คนขององค์กรจะถามฉันทำไม  หลอกให้ตายใจ? หึ ฉันไม่โง่”

     

    “เปล่า ผมไม่รู้จริงๆ” ผมตอบไปอย่างแน่วแน่ และไม่หลบตาแต่อย่างใด เป็นยองแจที่เสหลบไปก่อนจะถอนหายใจออกมา

     

    “หรือนายเป็นเด็กพิเศษแบบฉันหรอ นายเป็นลูกใคร”  ผมส่ายหน้า

     

    “ผมเป็นแค่คนธรรมดา” เขามองมาอย่างจับผิดอีกครั้ง ผมจึงต้องบอกไปอีกครั้งว่าผมเป็นแค่ลูกชายของคนธรรมดา ที่มีหนี้สินติดตัวมาด้วยเท่านั้น ความพิเศษก็คงมีคนตามล่าเพราะหนี้ที่ไม่ได้เป็นคนก่อล่ะมั้ง

     

    “แล้วพ่อแม่นาย?”

     

    “เสียแล้ว”

     

    “ขอโทษแล้วกัน”

     

    “ไม่เป็นไร แต่นายช่วยบอกได้มั้ยว่าเด็กพิเศษนี่คืออะไรหรอ แล้วทำไมต้องถูกตามล่า”  ผมถามเขาอีกครั้ง

     

    “ไอองค์กรบ้านั้นจะเรียกลูกๆของพวกนักฆ่าหรือคนในองค์กรว่าเด็กพิเศษ พวกมันมีความเชื่อว่าลูกของคนที่มีฝีมืออยู่แล้วต้องเหนือกว่าพ่อแม่ เหมือนรวมยีนส์ความเก่งขึ้นมาก็ว่าได้ ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมพวกมันถึงคิดอย่างนั้น”

     

    ยองแจหยุดไปพักหนึ่งก่อนจะเล่าต่อ

     

    “และฉันก็คือลูกชายของนักประดิษฐ์ไวรัสซอร์ฟแวร์ที่เก่งที่สุดคนหนึ่ง ฉันเลยถูกตามล่าไง”

     

    “โหหห อยู่ยากเลยสิ”

     

    “ก็ไม่เชิง ถ้าฉันเก่งกว่านี้มันคงง่าย  ฉันถือว่าธรรมดา”

     

    “ว่าแต่พ่อนายก็มีองค์กร ทำไมนายไม่เข้าเหมือนพ่อล่ะ”

     

    “............................” เขาเงียบ ก่อนจะเหยียดยิ้มอย่างนึกสมเพชในสิ่งที่ผมพูดนัก

     

    “............................”

     

    “เด็กพิเศษน่ะนะ พอรู้ว่าเป็นใครจะถูกโดนแย่ง  แต่ถ้ามีสังกัดเด็กคนนั้นจะต้องถูกไล่ฆ่าจากองค์กรอื่น”

     

    ผมลอบกลืนน้ำลายทันทีหลังจากฟังมาถึงตอนนี้  ผมไม่คิดว่าโลกใบนี้จะมีอะไรอย่างนี้ด้วยซ้ำ ดีนะที่ผมเป็นแค่คนธรรมดา

     

    “นี่คงหมดธุระแล้ว แยกทางเลยล่ะกัน แล้วก็ขอบใจ”

     

    “เดี๋ยว!” นั้นไม่ใช่เสียงผม  แต่เป็นเสียงใครคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลัง

     

    “ค  คุณ..” ผมยืนนิ่งเมื่อหันไปพบกับคนผมแดงที่เพิ่งไล่ผมมายืนจ่อปืนไปที่ยองแจด้วยใบหน้าเรียบเฉย  ส่วนใบหน้าก็ถูกปิดบังด้วยผ้าสีดำผืนใหญ่อย่างทุกครั้งที่เขาออกมาทำงานข้างนอก

     

     

    ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงสายลมพัดเอื่อยๆ ยองแจยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ ส่วนเขาก็จ่อปืนที่เตรียมเหนี่ยวไกไว้อย่างมั่นคง  ..ถ้ายองแจขยับนี่ลั่นแน่

     

    “หึ!” ยองแจส่งเสียงจากลำคอ  ก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับมาร์คที่เป็นดั่งมัจจุราชอย่างไม่เกรงกลัว

     

    “...........................”

     

    “ยิงเลยดิ่  ไม่ว่าจะอยู่หรือตายฉันก็ไม่มีวันอยู่องค์กรบ้าๆนั้นหรอก”

     

    “..........................” ท่าทางของเขายังคงนิ่งและมั่นคง  ไม่แสดงอาการใดๆออกมาทำให้ยองแจหงุดหงิดไม่น้อยเผลอสบถคำหยาบออกมายาวเหยียด

     

    “พล่ามจบยัง”

     

    “เหอะ”

     

    “ให้เลือก.........”

     

    “กูไม่เลือก!

     

     

    ปัง!!  เสียงปืนลั่นพร้อมกับร่างเล็กของยองแจทรุดตัวลง  เลือดสีแดงข้นไหลตามแนวขาเล็กอย่างน่ากลัว

     

     

    “คุณทำบ้าอะไรเนี่ย ยิงยองแจทำไม” ผมวิ่งเข้าไปหาคนบาดเจ็บหวังจะช่วยแต่โดนผลักออกมา

     

    “จะไปแบบดีๆหรือไปแบบพิการ”

     

    “ฉันไม่ไป ต่อให้ตายฉันก็ไม่”

     

    “ต่อให้นรกจะต้องการนายขนาดไหน ฉันก็ไม่ยอมปล่อยนายไปแน่ นายต้องไปกับฉัน”

     

    “ฉันไม่อยากมีจุดจบเหมือนพ่อฉัน  ฉันไม่ไป!

     

     

    แกร๊ก! เสียงปืนที่พร้อมจะเหนี่ยวไกยองแจอีกครั้งทำให้ผมวิ่งเอาตัวไปบังยองแจทันที  เอาดิ่ ยังไงชีวิตผมก็ไม่มีอะไรจะเสียอยู่และ

     

     

    “อย่ายิงนะ  คุณก็น่าจะรู้นะว่าจุดจบของเด็กพิเศษเป็นยังไง ปล่อยยองแจไปเถอะ”

     

     

     

    ให้ตายเถอะนี่ใช้แค่มาตีสนิทนิดหน่อยเล่นเกินล้านไปมั้ย  ถึงกับเอาตัวมาบังลูกกระสุนแทนเลย

     

     

     

    “จุดจบคือมันต้องไปกับฉัน หลบ”   เขาเดินมาดึงตัวผมออกก่อนจะกระชากแขนยองแจให้ตามเขาไปอย่างแรง แต่คนตัวเล็กไม่ยอมยังคงขัดขืน จนทรุดลงพื้นไปอีกครั้ง

     

    “ย ยองแจ!

     

    “อึก! .. ฉัน  ไม่  ไป” ยองแจกัดฟันพูด ดวงตารีเล็กจ้องคนที่ยังจับแขนตัวเองอยู่เขม่ง ซึ่งคนผมแดงก็จ้องกลับเช่นกัน แต่ก็จ้องได้ไม่นานเพราะโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกงดึงความสนใจไปเสียก่อน

     

    “.... อือ”

     

    “..................”

     

    หลังจากที่เขารับโทรศัพท์เขาก็นิ่งไป  ทุกอย่างเงียบสงบ แต่ผมแอบเห็นนะว่าคิ้วของเขาแอบขมวดนิดๆก่อนจะคลายออก

     

     

    ผลั่กก!!!

     

     

    “...เอ้ยย ...”

     

     

    ปังง!!!!!

     

     

    “อะ อะไรกัน”

     

    “หยุดพูดมาแล้วตามมา”

     

     

    เหตุการณ์มันรวดเร็วมากจนผมตั้งสติแทบไม่ทัน หลังจากที่เขาวางโทรศัพท์ไปร่างของยองแจก็กระเด็นไปตามแรงถีบของเขา ก่อนที่มือแกร่งจะจับมือผมไว้แล้วพาวิ่ง

     

    ลูกกระสุนผ่านเฉียดเราไปจากฝีมือใครสักคน เพียงแค่ผมวิ่งเบี่ยงไปทางซ้ายอีกนิดคงลงนรกอย่างที่เคยตั้งใจไว้แน่ๆ ส่วนคนผมแดงสบถมาตลอดทาง วิ่งลากผมจนตัวปลิว

     

     

    ฟังไม่ผิดหลอก ตัวปลิวจริงๆ แทบไม่เสียแรงวิ่งเองเลย

     

     

    “มานี่” เขาวิ่งพาผมมายังบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งเปิดประตูค้างไว้พอดี ร่างสูงของเขาผลักผมเขาไปที่ห้องๆหนึ่งซึ่งเปิดประตูทิ้งไว้เช่นกัน

     

    พอเข้ามาก็พบว่ามีบันไดสิบกว่าขั้นพาลงไปชั้นล่างอีกที

     

    “นี่มันอะไรกัน”

     

    “............”

     

    “คุณ ผมถามอยู่นะ” เขาไม่ตอบ แต่หันไปจัดการกับไม้แผ่นหนึ่งซึ่งเอามากั้นระหว่างบันไดกับประตูอีกทีแทน

     

    “ค...”

     

    “ชู่ววว” เขาเอามือปิดปากผมไว้ให้เงียบ ก่อนจะค่อยๆพาเดินลงไปชั้นล่างเบาๆ ซึ่งข้างล่างไม่มีอะไรเป็นเพียงห้องเล็กๆโล่งๆเท่านั้น นี่น่าจะเป็นบ้านที่กำลังสร้างแต่ยังไม่เสร็จแน่ๆ

     

    “ในนี้เสียงมันก้อง เงียบๆไว้” เขากระซิบเบาๆที่ข้างหูผม เสียงแหบและลมหายใจที่รดต้นคอทำเอาผมจั๊กจี้ขนลุกจนผมต้องเอามือขึ้นมาลูบต้นคอตัวเอง

     

     

    ปังง!!!! เสียงเปิดประตูข้างบนดังสนั่น ผมตกใจคว้าเสื้อของอีกคนมาจับไว้แทบไม่ทันเพราะความกลัว เผลอหยุดหายใจไปแล้วด้วย

     

    “ไม่มี!

     

    “หายไปไหนวะ” เสียงของคนข้างบนคุยกันแล้วเริ่มหายไปเรื่อยๆ ผมจึงค่อยๆถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

     

     

     

    ... เกือบไปแล้ว

     

     

     

    “อย่าขยับ พวกมันไม่ได้โง่” เขากระซิบอีกครั้ง

     

    “แล้วเราจะรอดมั้ย ที่นี่มันโล่งนะ” ผมกระซิบตอบ

     

    “ภาวนาให้ไอแจบอมมาให้ทันพอ”

     

     

     

    กึกๆ

     

     

    “ฮ....” เกือบหลุดเสียงร้องออกไปเมื่อได้ยินเสียงเหมือนใครบางคนกำลังแงะอะไรบางอย่างจากด้านบน ดีที่คนผมแดงตะครุบปากไว้ทัน

     

     

    ....ชิบ มันรู้แล้ว

     

     

    โครมมม!!!

     

     

    เศษซากไม้ที่คนผมแดงปิดไว้เมื่อก่อนจะลงมาที่นี่กระเด็นลงมาถึงตรงที่เรายืนพอดี ผมเบิกตากว้างมองหน้าอีกคนที่ยืนนิ่งไม่แสดงความรู้สึกอะไร

     

     

    “เลิกแกล้งได้ละ ฉันไม่ใช่เด็กอมมือ” เขาพูดเสียงเรียบก่อนจะดันตัวผมออกแล้วเดินขึ้นชั้นบนไป

     

    “อ่าวคุณ รอด้วย!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ดีนะที่กูมาทัน โด่วว ไม่งั้นพวกมึงไม่รอดละ”

     

    “...........................”

     

    “เอ้าา! จะไม่ขอบคุณกูสักคำเลยรึไง”

     

    “...........................”

     

    “ไอเชี่ยมาร์ค”

     

    “จินยอง” คนผมแดงไม่สนใจเพื่อนตัวเองที่เอาแต่เซ้าซี้ทวงบุญคุณตั้งแต่กลับมาถึงเซฟเฮ้าส์ แต่กลับเดินไปหาเพื่อนร่างเพรียวอีกคนที่นั่งอยู่หน้าจอคอมแทน

     

    “ดีนะที่คอมฉันอึด  เกลียดไอหน้าจืดยองแจจริงๆ  ไวรัสแม่งเยอะบรม  ข้อมูลอื่นหายไปจนกู้ไม่ได้เลย ไอบ้าเอ้ย!

     

    “ใจเย็นน่าหนูเนียร์”

     

    “ไม่ยงไม่เย็นมันแล้ว ฉันเกือบจะเอาข้อมูลของแจ็คสันตัวจริงมาได้อยู่แล้วเชียว”

     

    “สรุปเรื่องมันเป็นยังไง” คนผมแดงเอ่ยแทรกบทสนทนาของคู่รักขึ้นมา

     

    “ชเว ยองแจ  ไอเวรนั่นมันอยู่อีกองค์กรไปแล้ว องค์กรเดียวกับพ่อมันนั่นแหละ  แล้วไอองค์กรที่ว่าก็คือไอองค์กรเหี้ยนั้นไง  แม่งส่งคนมาปั่นหัวเราอีกแล้ว”

     

    “เหอะ! ไอพวกแพ้พาล ส่งคนมาป่วนก็ห่วยแตกอยู่ดี”

     

    “ไอดิสห่าเหวนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลย แม่งตัวปล่อยไวรัสชัดๆ โถ่เว้ยย!! จินยองโวยวายหัวฟัดหัวเหวี่ยง มันจะไม่อะไรเลยสักนิดถ้าข้อมูลสำคัญมันไม่หายไปด้วย

     

    “ใจเย็นนะครับคนดี”

     

    “ก็เย็นไปคนเดียวสิ!

     

    “โออออ๋ เฮียบี๋แค่ไม่อยากให้หนูเนียร์เครียดแค่นั้นเอง”

     

    “หึ้ยย”

     

    “..................” คนผมแดงที่ดูเหมือนเริ่มจะเป็นส่วนเกินในโลกสีชมพูของเพื่อนทั้งสอง  จึงเดินหนีออกมาปล่อยให้คู่รักเขาปลอบใจกันไป  เมื่อเข้ามาถึงในห้องนอนก็พบแต่ความว่างเปล่าไร้ร่างของใครบางคน รวมถึงเด็กน้อยด้วย

     

     

    ..หายไปไหน

     

     

    “มาร์คคคค!!!  มาร์ค ชั่วด้วยย” สงสัยได้ไม่นานเด็กน้อยคนเดียวของบ้านก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามา

     

    “นายนั้นอยู่ๆก็โล้ลง  แต่ตาลืมอยู่  หัวแตกด้วย”

     

    “ที่ไหน”

     

    “หน้าห้องน้ำ ไปเรวมาร์ค”

     

     

     

     

     

    จำไว้นะว่าแกคือ หวัง แจ็คสัน

     

     









    I’m  back.

     

     











    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×