โลกใบใหม่ของเกวลิน - โลกใบใหม่ของเกวลิน นิยาย โลกใบใหม่ของเกวลิน : Dek-D.com - Writer

    โลกใบใหม่ของเกวลิน

    เกวลิน สาวน้อยมัคุเทศน์ ที่เดินหลงเข้าไปอยู่ในยุคของสงครามโลกครั้งที่2 เธอพบใครบางคนที่แสนดี แต่เธอก็ร่ำร้องที่จะกลับบ้าน เขาคนนั้นพาเธอมายังสถานที่ที่เธอเคยอยู่ แต่ก็พบเพียงทุ่งนา เขาคือผู้ปลอบประโลม

    ผู้เข้าชมรวม

    152

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    152

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  30 พ.ย. 49 / 14:00 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                    โลกใบใหม่ของเกวลิน...

      เกวลิน  มัคคุเทศก์หน้าใหม่ที่กำลังฝึกงาน  พรุ่งนี้แล้วที่เธอจะได้ทำงานเป็นไกด์ตัวจริงเสียที  ในใจของเกวลิน อยากเป็นไกด์ให้กับนักท่องเที่ยวชาว เอเซียมากกว่า  เพราะกำลังปลื้มนักแสดงเกาหลี  และทั้งนักร้องญี่ปุ่น  แต่ส่วนสูง  และภาษาอังกฤษที่ดีเยี่ยมของเธอ  ทำให้เธอถูกเลือกให้รับงาน ของนักท่องเที่ยวชาวยุโรป   วันนี้เกวลินมาเดินท่อมๆอยู่ในวัดพระแก้ว  และพระบรมมหาราชวัง เพื่อทำการบ้านก่อนวันจริง   เธอเดินดูโน่นดูนี่  พร้อมทั้งจดโน้ตลงในสมุดเล็กๆ 

       จนตะวันตรงศีรษะแล้ว  เมื่อเธอเดินข้ามถนนกลับมาที่ท้องสนามหลวง  ผู้คนมากมาย  บ้างก็ยืนรอรถเมล์  บ้างก็เดินอย่างรีบร้อนเพื่อข้ามถนน  มองดูขวักไขว่   เกวลินเดินคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปตามทางเท้า  จนกระทั่งถึงถนนราชดำเนินโดยไม่รู้ตัว   แสงแดดที่แผดกล้า  ทำให้เกวลินรู้สึกว่า  ดวงตาของเธอเริ่มพร่าพราย  เธอหยุดเดินและหลับตาลงนิ่งๆ ฉับพลัน....หูทั้งสองข้างก็ได้ยินเสียง  เหมือนสัญญาณเตือนภัยอะไรสักอย่างดังขึ้น  ดังมากจนเธอรู้สึกตกใจ  และรีบลืมตาขึ้นทันที  เธอยืนนิ่งจังงังอยู่กับที่  อาคารทั้งสองฝั่งถนนราชดำเนิน  ทำไมมองดูเก่าแก่  ถนนแคบลง  ผู้คนที่กำลังวิ่งไปมา สีหน้าตื่นตระหนก บ้างก็นอนราบลงกับพื้นทางเท้า  เกวลินมองภาพตรงหน้า  แล้วยกมือขึ้นขยี้ตาตนเอง  เสียงวัตถุแหวกอากาศลงมาเสียงหวีดหวิว  พร้อมกับเสียงระเบิดที่ตามมา  ดังสนั่นหวั่นไหว  เกวลินยังยืนเบิ่งตามองภาพรอบๆตัว   มีเสียงวิ่งตรงมาที่เธอพร้อมกับมือที่แข็งแรงโอบตัวเธอไว้   และดึงให้เธอนอนราบลงกับพื้น  มือที่แข็งแรงกดศีรษะเธอให้แนบลงกับพื้นทางเท้า   เกวลินนอนนิ่งอยู่อย่างนั้น  ในสมองของเธออึงอล มีคำถามมากมาย  แต่เสียงระเบิดที่ดังจนพื้นสะเทือนอย่างน่ากลัวนั้น  ทำให้เธอต้องนอนนิ่งๆ   ทั้งๆที่อยากจะลุกขึ้นดูเหตุการณ์  เธอคิดในใจ  "  นี่มันเกิดอะไรขึ้น  หรือว่าเกิดการรัฐประหารขึ้นอีก  และคราวนี้ถึงกับต้องทำลายล้างกันเลยหรือนี่  " 

      สักครู่ใหญ่ผ่านไป  เสียงระเบิดเงียบลง  เธอรีบลุกขึ้นนั่งและมองหน้าชายผู้ที่ดึงเธอให้นอนราบลง  เขาหันมามองเธอเช่นกัน  เกวลินถามเขาทันที  "  นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นหรือคุณ  "

      "  อ้าว........คุณ  ก็สงครามน่ะ  คุณอยากตายหรือไง  ยืนรอลูกปืนหรือสะเก็ดระเบิดกันล่ะ  "  ชายผู้นั้นย้อนถามด้วยสีหน้าเครียดๆ  แล้วมองเธอทั่วตัวด้วยสีหน้าแสดงความประหลาดใจ

      "  สงคราม  "  เกวลินครางแผ่ว  ขมวดคิ้วเข้าด้วยกัน 

      "  เฮ้อ......สงครามโลกครั้งนี้ ทำให้ผู้คนฟั่นเฟือนได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ  "  เขากล่าวแล้วมองหน้าตื่นๆ งงๆของเธอ  สายตาที่มองมาที่เธออ่อนโยนลง 

      เกวลินไม่สนใจคำพูดและความรู้สึกของเขา  เธอเหลียวมองไปรอบๆ อย่างสับสน  เมื่อเสียงระบิดสงบลง  ผู้คนแต่งกายแบบย้อนยุคเริ่มเดินไปมา  ยวดยานรุ่นดึกดำบรรพ์  ที่เธอแทบไม่เคยเห็น  เริ่มขับเคลื่อนกันออกมาตามท้องถนน  เธอมองภาพตรงหน้าพร้อมทั้งขมวดคิ้ว   เธอมองภาพต่างๆ  เหมือนกำลังดูภาพยนตร์ย้อนยุค  เกวลินยืนนิ่งเหมือนดังกับรูปปั้น  สมองอื้ออึง  สับสน   ชายหนุ่มหน้าหล่อเข้ม  จับต้นแขนของเธออย่างสุภาพพาเธอออกเดิน  เธอเดินตามเขาไปเรื่อยๆ ความรู้สึกในขณะนั้น  ไม่สามารถตัดสินใจอะไรเองได้   ชายหนุ่มหน้าเข้ม  แต่งกายดี ท่าทางสุภาพ  รอยยิ้มอ่อนโยน  สายตาที่มองเธอแสดงความเห็นใจ  ในสภาพกึ่งช๊อคของเธอ   เขาพาเธอเดินลัดเข้าไปตามซอยเล็กๆหลังถนนราชดำเนิน  ร้านรวงและบ้านเรือน ยังคงเป็นห้องแถวไม้  มีประตูฝากระดานพับ  กลิ่นควันไฟโชยคลุ้ง  ผู้คนวิ่งกันสับสน บ้างก็หามร่างคนเจ็บที่เลือดท่วมตัว  บ้างก็ร่ำไห้อยู่กับศพที่นอนขาแขนขาด  เกวลินใช้มือทาบอกไว้  มองดูอย่างสยดสยอง  เธอเดินไปกับเขา และหลีกผู้คนด้วยท่าทางเลื่อนลอย  จนชายผู้นั้นต้องจับแขนเธอไว้  เกวลินเดินไปปะทะกับชายผู้หนึ่งที่ยืนพิงฝาบ้าน  เธอหันไปเพื่อที่จะขอโทษ   แต่ชายผู้นั้นไม่มีศีรษะ เลือดไหลลงมาจากคอที่ขาดจนนองเต็มพื้น  สุดที่เธอจะทนได้อีกต่อไป  เธอกรีดเสียงร้องและโผเข้ากอดชายหนุ่มผู้นั้นไว้  ความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลดับวูบลง 

      เธอได้กลิ่นคล้ายกับแอมโมเนียที่มารอจมูกไว้  เธอยกมือขึ้นปัดออก  และค่อยๆลืมตาขึ้น  ก็พบว่าเธออยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งเป็นห้องกว้างๆ  มีโต๊ะยาวคล้ายห้องประชุม  เธอนอนอยู่บนโต๊ะมีหมอนรองศีรษะไว้  มีผู้ชายหลายคนแต่งเครื่องแบบแปลกๆ  ยืนรายล้อมเธออยู่   ชายหนุ่มหน้าเข้ม หล่อท่าทางสุภาพคนนั้น ยังคงยืนอยู่ใกล้ๆ  เธอลุกพรวดขึ้นนั่ง  และเห็นของในกระเป๋าสะพายของเธอถูกเทลงกองไว้บนโต๊ะ

      ชายที่แต่งกายคล้ายเครื่องแบบตำรวจหรือทหารในยุคเก่า  กล่าวถาม

      "  สาวน้อยเธอเป็นใคร  มาจากไหน  " 

      "  ฉันชื่อเกวลิน  ทำงานเป็นไกด์อยู่ที่บริษัท สำราญทัวร์  บ้านฉันอยู่ถนนงามวงศ์วาน  แถวๆพงษ์เพชรค่ะ  " 

      ชายในเครื่องแบบที่อยู่ในห้องนั้นต่างมองหน้ากัน  แล้วขมวดคิ้ว แล้วส่ายหน้าน้อยๆ  ทำสีหน้าประหลาดใจในคำพูดของเธอ

      "  เอกสารในกระเป๋านั่น  ระบุว่าเธอเกิดปี 2530  "  ชายผู้ที่มีท่าทางอาวุโสที่สุดกล่าวขึ้นคล้ายจะถาม 

      "  ใช่ค่ะ  ฉันเกิดปี 2530 จริงๆ  ฉันผิดอะไรหรือคะ  แล้วใครช่วยบอกฉันหน่อยได้มั้ยคะ  ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น  และตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหนกัน  "

      "  แล้วเธอรู้มั้ยว่า นี่พ.ศ.  2484  " 

      "  สองสี่แปดสี่  จะบ้าหรือ สองสี่แปดสี่น่ะ มันสมัยสงครามโลกครั้งที่ สองนี่   "  เกวลินกล่าวเบาๆ  เหมือนกับจะพูดกับตนเอง  

      "  แล้วเธอคิดว่านี่มันพ.ศ.อะไรล่ะ" 

      "  ฉันคิดว่าปี  2549  ฉันอยู่ในพ.ศ. 2549  จริงๆ  "  เมื่อสิ้นสุดคำกล่าวอ้างของเธอ  ทุกคนในที่นั้นก็หัวเราะออกมาครืนใหญ่

      แต่สมองของเกวลินเริ่มทำงาน  เธอได้แต่โต้ตอบกับตนเองในใจ   "   เราแน่ใจว่าเราอยู่ในปีพ.ศ.  2549  เราเดินอยู่ที่ถนนราชดำเนิน เราหลับตาเพราะแสงที่จัดจ้านั้น ไปเพียงเดี๋ยวเดียว  แล้วเมื่อลืมตาขึ้นเราก็มาอยู่ที่นี่  เรากำลังอยู่ในปีพ.ศ.  2484  เราหลุดเข้ามาในมิติเวลาจริงๆหรือ   แล้วเราจะทำยังไง  แล้วพวกนี้ล่ะคือใครกัน

      "  ผมว่าเราให้เธอพักสักหน่อยดีกว่านะครับ  เธออาจจะเครียดเกินไป  "  เสียงของชายหนุ่มหล่อ หน้าเข้ม กล่าวขึ้นแล้วมองหน้าเธอ  ด้วยสายตาอ่อนโยน

      เกวลินมองหน้าเขานิดหนึ่ง  เธอนึกถึงวิชาประวัติศาสตร์ที่เธอเคยเรียน  และโพล่งออกไปทันที  "  พวกคุณคือพวกเสรีไทยใช่มั้ยคะ  พวกคุณจะทำให้ประเทศไทย ไม่ต้องแพ้สงครามพร้อมกับญี่ปุ่น  " 

      "  ญี่ปุ่นแพ้สงครามงั้นหรือ  "  เสียงทุกคนถามแทบจะพร้อมกัน 

      "  ก็ใช่น่ะสิคะ  " 

      ชายผู้ที่อาวุโสมองหน้าเธอแล้วนิ่งคิด  "  เธอรู้ได้ยังไงว่าพวกเราคือเสรีไทย " 

      "  ฉันเรียนประวัติศาสตร์  และฉันก็คิดว่าพวกคุณน่าจะเป็นพวกเสรีไทย  " 

      "  คุณหลวง พิศาล  ผมคิดว่าผู้หญิงคนนี้ จะเป็นอันตรายต่อพวกเรานะ  เธอรู้อะไรๆมากเกินไป  เราต้องกักบริเวณเธอไว้ก่อน  หรือไม่เธอก็อาจจะสติวิปลาส  ซึ่งก็ไม่เป็นผลดีกับเรา  "  ชายผู้นั้นกล่าวกับ หนุ่มหล่อหน้าเข้ม 

      หลวงพิศาลสุนทร  พยักหน้าน้อยๆ  แล้วกล่าวตัดบท  "  งั้นผมจะเป็นผู้ที่จะดูแลเธอเอง  " 

      ตั้งแต่วันนั้นมา  เกวลินก็อยู่ในความดูแลของเขา  ที่บ้านเรือนไทยริมแม่น้ำเจ้าพระยา  เขาเป็นผู้เดียวที่เชื่อว่าเธอมาจากปี 2549   ยามที่เธอเศร้าสร้อยร่ำร้องที่จะกลับบ้าน   เขาก็จะพากเพียร พาเธอไปหาถนนงามวงศ์วาน  ที่พบเพียงสวนผลไม้และทุ่งนา  ซึ่งแทบจะไม่มีบ้านคน  และทุกคราวที่มีการโจมตีทางอากาศ  เธอก็จะซุกอยู่กับอกเขา  ผู้ซึ่งคอยกอดและปลอบประโลม  ความรักที่ก่อตัวขึ้น  ทำให้เกวลินทำใจได้  และมีความสุขกับโลกใบใหม่ของเธอ   และวันหนึ่งที่เขากลับมาบ้าน พร้อมกับ รอยยิ้มที่ปลื้มปิติ  และบอกกับเธอว่า  "  เกวลินสงครามได้ยุติลงแล้ว  ญี่ปุ่นยอมแพ้แล้วละ  เธอจงภูมิใจเถอะนะ ที่เธอได้เป็นล่ามและช่วยแปลเอกสารให้พวกเรา  ฉันเชื่อว่าเราจะไม่แพ้สงครามพร้อมกับญี่ปุ่น  อย่างที่เธอบอกนะที่รัก  "  เกวลินได้แต่ยิ้ม  และพยักหน้าน้อยๆ  ..........    

                    

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×