ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : BleeDiNg LovE 1 :: Best Friend
Title : BleeDiNg LovE
Pairing : KyuHae or EunHae Ft.Sungmin
Author : dandora
Rating : PG-13
Author note : ฟิคสั้นจบในตอน แต่หลายๆ ตอนอาจกลายเป็นเรื่องยาว (งงมั้ย?) สาเหตุที่ทำแบบนี้เพราะความขี้เกียจของไรเตอร์นั่นเอง ฮ่าๆ
แรงบันดาลใจที่เขียนมาจากเพลง Bleeding Love ที่ได้ยินตอนเดินไปเข้าห้องน้ำเมื่อวานที่สยามดิสคัฟเวอรี่ (^^") บวกกับซีรีย์ญี่ปุ่นเรื่องโปรด Last Friends ค่ะ
BleeDiNg LovE
Part 1 [Best Friend]
ลืทงเฮเชื่อเหลือเกินว่าเขาคือคนโชคดีที่สุดในโลก
ถึงจะต้องทำงานตัวเป็นเกลียวเพื่อหาเงินมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันทั้งของตัวเองและแม่บังเกิดเกล้า รวมถึงเคลียร์หนี้สินที่แม่มักก่อขึ้นในบ่อนพนัน ที่ไม่ว่าจะได้หรือเสียสถานที่แห่งนั้นก็นับเป็นแหล่งพักใจที่แม่ของทงเฮมักไปหมกตัวอยู่ทุกๆ วัน นับแต่วันที่พ่อของทงเฮหนีออกจากบ้านไป
แต่ทงเฮก็เชื่อมั่นอยู่ตลอดว่า ขอเพียงแค่เขายังยิ้ม... โลกที่สดใสก็จะมาถึงอย่างแน่นอน
ทงเฮไม่เคยนึกโทษพ่อเลยสักนิด เด็กหนุ่มรู้แก่ใจดีว่าสาเหตุที่บังคับให้พ่อต้องทำแบบนั้นคืออะไร...
ธุรกิจของพ่อทงเฮล้มละลาย พ่อเลยฉวยโอกาสที่ยังพอมีเวลาหย่ากับแม่และเก็บข้าวของออกจากบ้านไป... ทงเฮกับแม่ไม่ได้พบหน้าพ่ออีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น
ถึงจะรู้ว่าพ่อทำเพื่อเขากับแม่ แต่ลึกๆ แล้ว... ทงเฮก็อดเศร้าไม่ได้
ทงเฮไม่เคยโกรธพ่อ ทงเฮก็แค่อยากถามพ่อว่า พ่อรู้ได้ยังไงว่าทำแบบนี้แล้วเขากับแม่จะมีความสุข
แต่ถึงอย่างนั้นทงเฮก็ยังคงยิ้ม...
ทงเฮจะยิ้มให้กับตัวเองและเผื่อแผ่ไปถึงทุกคนด้วย
ถึงชีวิตในแต่ละวันจะวุ่นวายหรือน่าเบื่อหน่ายแค่ไหน ทุกวันของทงเฮก็ยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม คนตัวเล็กจะต้อนรับลูกค้าทุกคนที่ก้าวเข้ามาในร้านหนังสือที่เขาทำงานด้วยอัธยาศัยและความจริงใจเสมอ
ไม่ใช่เพราะทงเฮเข้มแข็งหรอก
ว่ากันว่าคนเรายิ่งอ่อนแอเท่าไหร่ ยิ่งมักซุกซ่อนความหวาดกลัวเอาไว้ใต้รอยยิ้มและเปลือกนอกอันแข็งแกร่งมากเท่านั้น
เพียงแต่ในกรณีของทงเฮนั้น คนตัวเล็กได้แต่ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงประทานคนๆ นั้นเข้ามาในชีวิต...
คนที่เรียกความสุขที่แท้จริงในชีวิตของทงเฮกลับคืนมา
“หนังสือประวัติศาสตร์โลกอยู่ตู้ด้านซ้ายใกล้ๆ กับชั้นวางแม็กกาซีนครับ อ๊ะ เดี๋ยวผมพาไปดีกว่า ทางนี้เลยครับ” ทงเฮก้มศีรษะปลกๆ ให้ลูกค้าหญิงสูงวัยที่ดูท่าจะอายุใกล้เคียงกับแม่ของเขา ก่อนผายมือเดินนำเธอไปยังชั้นวางหนังสือส่วนที่เธอถามหา หลังจากช่วยหญิงวัยกลางคนหาหนังสือที่ต้องการเจอแล้วคนตัวเล็กก็ขอตัวไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ เพียงแต่ชั่ววินาทีที่ดวงตากลมโตเหลือบไปมองที่หน้าต่างบานกว้าง รอยยิ้มกว้างก็ระบายเหนือใบหน้าหวานอ่อนเยาว์ในทันที
บริเวณอีกฟากหนึ่งของถนน ร่างสูงโปร่งคุ้นตาของโจวคยูฮยอนกำลังพยายามยืนโบกมือเรียกร้องความสนใจจากทงเฮที่อยู่บนชั้นสองอยู่ สูทสีดำสนิทพอดีตัวยิ่งขับให้คยูฮยอนดูตัวสูงขึ้นไปอีก บวกรวมกับความหล่อเหลาที่ฉายชัดจากใบหน้าคมเข้มขาวจัด... ในตอนนี้คนรักของทงเฮดูโดดเด่นออกมาจากฝูงชนที่เดินสวนไปมาบริเวณย่านพาณิชย์นี้มาก
เรียวขาเพรียวเล็กก้าวเข้าไปยืนใกล้ๆ กระจกบานใหญ่ที่กินพื้นที่เกือบครึ่งผนังร้าน แล้วผิวหน้าขาวก็ปรากฏเฉดแดงซ่าน เมื่อร่างสูงโปร่งยกมืออีกข้างขึ้นป้องปากทำท่าเหมือนกำลังตะโกนบอกอะไรบางอย่าง ที่ถึงทงเฮจะไม่มีทางได้ยินก็เข้าใจความหมายของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี
ร่างเล็กแกล้งทำท่าเคาะกระจกให้เหมือนส่งกำปั้นไปให้คนตัวสูง แล้วชี้ลงไปด้านล่างเป็นสัญลักษณ์ให้อีกฝ่ายรู้ทันทีว่าทงเฮกำลังหมายความถึงคาเฟทีเรียบริเวณชั้นล่างของตึก
คนตัวสูงพยักหน้ารับทันที ก่อนจะส่งยิ้มกว้างจนตาหยีในแบบที่ทงเฮชอบล้อว่าเพิ่มความตาตี่ให้อีกห้าสิบเปอร์เซ็นต์มาเป็นครั้งสุดท้าย แล้ววิ่งข้ามถนนมายังอาคารสูงสามชั้นอันเป็นที่ตั้งของร้านหนังสือที่ทงเฮทำงานอยู่
ถึงจะดีใจที่อีกฝ่ายแคร์ตัวเองจนห้ามรอยยิ้มบนใบหน้าไม่ได้ แต่ในใจลึกๆ ทงเฮก็แอบเกรงใจคนรักอยู่ไม่น้อย
ยิ่งคยูฮยอนเริ่มงานประจำที่มหาวิทยาลัย ทงเฮก็ยิ่งไม่อยากให้คนรักเสียเวลามานั่งรอเขากลับบ้านด้วยกัน แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากออกไปเพราะกลัวคยูฮยอนจะเสียน้ำใจ
ความสัมพันธ์ของทงเฮกับคยูฮยอนเลยกลายเป็นในรูปแบบที่คยูฮยอนว่าอย่างไรทงเฮก็ว่าอย่างนั้น จนกลายเป็นความเคยชินไปเสียแล้ว
“วันนี้กลับก่อนก็ได้นะพี่ทงเฮ เดี๋ยวผมเช็คสต็อคส่วนที่เหลือให้”
ลีทงเฮทำหน้าเหลอหลาเมื่อจู่ๆ รุ่นน้องหนุ่มที่กำลังช่วยเขาเช็คสต็อกนิตยสารประจำสัปดาห์ก็เอ่ยแกมสั่งขึ้นมาหน้าตาเฉย แต่พอเห็นทงเฮทำหน้างงไอ้รุ่นน้องตัวแสบก็ระบายแย้มยิ้มกรุ้มกริ่มให้ทงเฮได้หน้าแดงขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ไปเถอะน่า มีคนมารอไม่ใช่เหรอ”
“นายรู้ได้ไง!!” ทงเฮจำไม่ได้แล้วว่าเขาแหวหมอนั่นไปเสียงดังแค่ไหน แต่ใบหน้าผอมๆ ขาวๆ ที่ฉีกยิ้มเผล่บวกรวมกับมือยาวๆ ที่ยกขึ้นชี้นิ้วมาที่เขาก็ยิ่งทำให้คนตัวเล็กหน้าแดงไปถึงใบหู
“เค้ารู้กันทั้งร้านแล้วพี่ พวกพี่อึนจองยังบ่นเลยนะว่าอิจฉาพี่ทงเฮอะ อยากมีคนมารอบ้าง... โอ๊ย!!!” คนตัวสูงร้องลั่นเพราะกองหนังสือพิมพ์ใช้แล้วที่รุ่นพี่ตัวเล็กใช้ฟาดลงมาที่หัวเขามันไม่ใช่บางๆ เลย แต่ยังไม่ทันจะได้บ่นให้หายเจ็บใจ ร่างเล็กๆ ของเด็กหนุ่มรุ่นพี่ก็สะบัดหน้าเดินเข้าห้องล็อคเกอร์ไปเรียบร้อยแล้ว ปล่อยให้คนหวังดีได้แต่ลูบหัวป้อยๆ ด้วยความไม่เข้าใจ
ถ้าไม่อยากให้ล้อแล้วมาทำให้เห็นแต่แรกทำไมวะ!!?
::~::~::~::~::~::~::~:: Bleeding Love ::~::~::~::~::~::~::~::
แสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์เริ่มเลือนลับไปแล้วเมื่อร่างเล็กๆ ของลีทงเฮวิ่งกระหืดกระหอบลงบันไดผ่านประตูกระจกเข้าไปสอดส่ายสายตาหาร่างสูงโปร่งคุ้นตาภายในคาเฟทีเรียเล็กๆ ที่แสนจะเงียบสงบ
คนตัวเล็กนึกขอบคุณความสูงของคยูฮยอนที่ทำให้เขาดูโดดเด่นแม้ว่าจะนั่งอยู่ในส่วนมุมอับด้านหลังร้าน ในสายตาของคนธรรมดาๆ อย่างทงเฮ... โจวคยูฮยอนคือผู้ชายสมบูรณ์แบบมากถึงมากที่สุด ถึงแม้คยูฮยอนจะเติบโตมาเพียงคนเดียว ไม่มีทั้งพ่อและแม่คอยอยู่เคียงข้างเหมือนทงเฮ แต่เด็กหนุ่มคนนี้ก็สามารถไขว่คว้าทุกสิ่งทุกอย่างมาเป็นของตัวเองได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงาน การศึกษา หรือสถานะทางสังคม...
คยูฮยอนของทงเฮเข้มแข็งเหลือเกิน... เข้มแข็งจนบางครั้งทงเฮก็นึกอิจฉา
“รอนานมั้ย ขอโทษนะ... พอดีวันนี้มีเวรเช็คสต็อกน่ะ...”
ทงเฮยังไม่ทันจะมีโอกาสพูดให้จบประโยค ข้อมือเล็กก็ถูกลำแขนเพรียวยาวของคนตัวสูงฉุดให้ลงไปนั่งบนโซฟาเดี่ยวตัวเดียวกัน ความตกใจบวกเขินอายกลัวว่าพนักงานในร้านจะเหลือบมาเห็นทำให้ร่างเล็กพยายามจะผละลุกออก แต่กลับติดที่ท่อนแขนเพรียวที่ตวัดโอบรั้งเอาไว้
“อ๊ะ คยูฮยอน... ไม่เล่นแบบนี้สิ” ทงเฮทั้งบ่นงึมงำทั้งพยายามสะบัดตัวให้หลุดจากอ้อมกอดของคนรัก แต่กลายเป็นว่ามือปลาหมึกยิ่งเหนียวขึ้นๆ ท่ามกลางเสียงหัวเราะในลำคอราวกับว่าการได้แกล้งทงเฮแบบนี้มันชวนให้สนุกนักล่ะ ยังดีที่วันนี้ในร้านแทบไม่มีลูกค้าโต๊ะอื่นเลย ไม่อย่างนั้นทงเฮคงไม่รู้จะเอาหน้าไปซ่อนไว้ที่ไหนแน่ๆ
พอไม่รู้จะทำยังไงคนตาโตเลยหันไปถลึงตาใส่ใบหน้าเข้มๆ ของคนรัก ที่ตอนนี้ฉายรอยยิ้มกว้างชวนหมั่นไส้เป็นบ้า
“โอ๋ๆๆๆ อย่าโกรธสิ ผมล้อเล่น” เสียงทุ้มเอ่ยอ้อนก่อนลำแขนเพรียวจะค่อยๆ คลายอ้อมกอดจากร่างเล็กกว่า เพียงแต่ในเสี้ยววินาทีที่ทงเฮกำลังจะลุกผละไป อะไรบางอย่างที่ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นมาไว้ตรงหน้ากลับส่งผลให้ดวงตากลมโตต้องเบิกกว้าง
แหวน... แหวนเงินวงเล็กๆ ที่คยูฮยอนค่อยๆ สวมลงไปบนนิ้วนางข้างขวาของทงเฮ ก่อนแกล้งเอียงคอมองด้วยรอยยิ้มพอใจเหมือนเด็กๆ
“พอดีเลย ตอนแรกกลัวอยู่ตั้งนานว่าจะกะขนาดนิ้วทงเฮผิดหรือเปล่า แต่นะ... ระดับนี้แล้ว คนมันอัจฉริยะ ช่วยไม่ได้”
สมแล้วที่เป็นโจวคยูฮยอน ชมตัวเองได้หน้าตาเฉยพร้อมรอยยิ้มกว้างๆ แต่ดูใสซื่อเหมือนเด็กนี่แหละที่สะกดหัวใจทงเฮไว้จนไม่อาจละสายตาจากใบหน้าคมเข้มแต่ขาวจัดของคนข้างกายได้เลย
ทงเฮมัวแต่เผลอมองดวงตาคู่คมของคยูฮยอนจนลืมสังเกตไปเลยด้วยซ้ำว่าแหวนเงินเกลี้ยงๆ วงนั้นมีรายละเอียดพิเศษอะไรเป็นสัญลักษณ์จากหัวใจของคนตัวสูงบ้าง
“หลงตัวเองเป็นบ้า” ทงเฮบ่นพึมพำตามนิสัย แต่คนตัวเล็กคงหารู้ไม่ว่าตอนนี้หน้าขาวๆ ของตัวเองร้อนผ่าวไปหมดแล้ว ประกอบกับยิ่งจู่ๆ คนตัวสูงก็เล่นโอบอุ้มมือเล็กๆ ที่โดดเด่นด้วยแหวนเงินสว่างวาวขึ้นมาก่อนโน้มริมฝีปากลงประทับเหนือแหวนวงนั้นอย่างแผ่วเบา พร้อมเสียงทุ้มที่เอ่ยแผ่วเบา... หากฝังลึกลงไปในหัวใจของทงเฮราวคำพูดที่ถูกสลักสร้างขึ้นมาเพื่อทงเฮคนนี่เท่านั้น
“ย้ายไปอยู่ด้วยกันนะ... อยู่ด้วยกันตลอดไปได้มั้ย ทงเฮ”
::~::~::~::~::~::~::~:: Bleeding Love ::~::~::~::~::~::~::~::
มองเผินๆ แล้วลีฮยอกแจก็ไม่ต่างอะไรจากเด็กหนุ่มธรรมดาๆ ที่หาได้ทั่วไปตามท้องถนน จะต่างก็เพียงแค่ความสามารถโดดเด่นที่จะฉายชัดออกมาก็ต่อเมื่อร่างผอมเพรียวเริ่มขยับกายตามสเต็ปการเต้นอันยอดเยี่ยมเท่านั้น ถึงแม้หน้าตาของฮยอกแจจะไม่ได้หล่อเหลาอะไร แต่พรสวรรค์บวกกับพรแสวงอันโดดเด่นก็ทำได้แบ็คแดนเซอร์คนนี้คือกลายมาเป็นที่จับตามองของใครภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว
ความก้าวหน้าของหน้าที่การงานทำให้ชีวิตในแต่ละวันของฮยอกแจวุ่นวายขึ้นกว่าช่วงยังเรียนมัธยมปลายอย่างใหญ่หลวง ทั้งตารางซ้อมเต้น บรีฟตารางงาน ประชุมทีมงาน รวมไปถึงไลฟ์กับคอนเสิร์ตต่างๆ ล้วนพุ่งเข้ามาไม่เว้นแต่ละวัน ทำให้คนตัวผอมตัดสินใจย้ายจากบ้านพ่อแม่แถบชานเมืองมาอยู่หอเล็กๆ ใกล้ที่ทำงานในโซลเพียงคนเดียว ถึงจะเหงาอยู่บ้างที่ต้องจากครอบครัวแสนจะอบอุ่นมาอยู่ไกลบ้าน แต่อีกใจหนึ่งเด็กหนุ่มก็แอบโล่งใจอยู่ไม่น้อย...
เพราะถึงจะยอมรับว่ารักพ่อ แม่ กับพี่สาวแค่ไหน ฮยอกแจก็ไม่อยากเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงในทุกแง่มุมให้ทุกคนได้รู้...
นั่นสินะ จะมีใครรู้บ้างหรือเปล่าว่าคนที่ดูเหมือนจะมีความสุขอย่างลีฮยอกแจก็มีความลับดำมืดที่บอกใครไม่ได้อยู่เช่นกัน
“แล้วเจอกันพรุ่งนี้ อย่าสายอีกนะโว้ย”
ลำแขนผอมเพรียวของลีฮยอกแจยกขึ้นโบกแทนคำตอบให้เพื่อนตัวสูงที่เพิ่งขับมอเตอร์ไซค์จากไปหลังจอดส่งเขาที่ย่านการค้ากลางเมือง รอยยิ้มรื่นเริงระบายขึ้นเหนือริมฝีปากบางขณะเรียวขาเพรียวก้าวเข้าไปในช้อปปิ้งมอลล์ชื่อดัง
วันนี้ฮยอกแจตั้งใจจะมาหาซื้ออุปกรณ์เครื่องใช้ไปไว้ในห้องเช่าสักหน่อยแต่ไม่มีแก่ใจจะเดินช้อปปิ้งในห้างที่แออัดไปด้วยผู้คนสักเท่าไหร่ คนตัวผอมเลยรีบเดินตรงไปยังแผนกเครื่องเรือนอย่างรีบเร่ง
โชคดีที่ลูกค้าส่วนมากไปแออัดอยู่ที่แผนกอื่นเสียมาก ทำให้คนในแผนกเครื่องเรือนที่ดารดาษไปด้วยเครื่องใช้ไม้สอยสำหรับใช้ในบ้านมีไม่มากนัก นอกจากพนักงานขายกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กที่กำลังเลือกแก้วกาแฟจากชั้นวางใกล้ๆ อยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ ผมสีน้ำตาลเข้มหยักศกเคลียร์ข้างแก้มรับกับพูลโอเวอร์สีแดงสลับขาวตัวใหญ่ที่ปิดลงมาเกือบครึ่งน่อง ถึงเธอจะดูโดดเด่นชวนมอง แต่ฮยอกแจก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก เขาก็แค่มองผ่านแผ่นหลังของเธอไปที่กลุ่มแก้วกาแฟเซรามิกเคลือบขนาดพอดีมือที่เขาคิดว่าน่าสนใจเท่านั้น
ร่างเพรียวเดินผ่านเด็กสาวไปหยิบเอาแก้วสีครีมใบขนาดฝ่ามือขึ้นมาพิจารณา รายละเอียดรูปดาวดวงเล็กๆ ที่เรียงรายอยู่บริเวณปากแก้วนั้นชวนให้นึกถึงใครอีกคนที่ยังคงกระจ่างสว่างอยู่ในความทรงจำ ใครอีกคนที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ลีฮยอกแจก็ยังคงจำได้ไม่เคยลืม...
ริมฝีปากบางระบายรอยยิ้มขึ้นมาเมื่อความทรงจำแล่นไหลเข้าสู่ภวังค์แห่งอดีต เด็กหนุ่มไม่รู้ตัวสักนิดว่าในตอนนั้นดวงตากลมโตของใครอีกคนจะกำลังเฝ้ามองเขาด้วยสายตาสงสัยใคร่รู้...
ลีฮยอกแจคงไม่รู้หรอกว่า... สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในนาทีนั้นกำลังจะเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล
เพราะเพียงแค่ดวงตาเรียวรีเบนขึ้นจากแก้วกาแฟในมือ โฟกัสสายตาก็ปรายผ่านผนังกระจกใสไปจับจ้องยังภาพทางฟุตบาทข้างถนนภายนอก ท่ามกลางผู้คนมากมาย... ภาพร่างเล็กคุ้นตาของใครคนหนึ่งกลับสะกดสายตาของฮยอกแจเอาไว้
คนตัวเล็กที่มักจะหัวเราะอย่างร่าเริงพาลให้ฮยอกแจต้องยิ้มไปด้วย... คนที่มองโลกในแง่ดีเสมอจนฮยอกแจแทบจะลืมไปแล้วว่าเขาเองก็ควรจะมีความทุกข์ในชีวิตบ้าง เพียงแต่คนๆ นี้ก็กลับเป็นคนๆ เดียวกับที่หายไปจากชีวิตเขาเมื่อสองปีที่แล้วโดยไม่แม้แต่จะบอกกล่าวกันสักคำ...
คนใจร้ายคนนั้น... ลีทงเฮ
เพียงเท่านั้นเรียวขาเพรียวก็ก้าวออกวิ่งตั้งแต่ก่อนสมองจะสั่งการด้วยซ้ำ!!!
ฮยอกแจผลุนผลันออกไปจากแผนกเครื่องเรือนอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัวเลยว่าเขาเผลอทำสร้อยข้อมือที่ใส่อยู่หล่นลงพื้นใกล้ๆ กับร่างเล็กที่หันขวับมามองความรีบเร่งของคนตัวสูงกว่าด้วยอารามตกตะลึง เพราะไม่นึกว่าจู่ๆ จะพรวดพราดวิ่งออกไปทั้งๆ อย่างนี้
ร่างเล็กที่ไม่ใช่ ‘เธอ’ ตามความคิดของฮยอกแจด้วยซ้ำ...
“อ๊ะ! คุณ เดี๋ยวสิ!”
ทันทีที่เรียกสติได้ คนตัวเล็กก็ก้มลงเก็บสร้อยข้อมือเส้นนั้น ก่อนออกปากตะโกนเรียกร่างเพรียวที่ในตอนนี้วิ่งหายไปในกลุ่มคนแล้ว ดวงหน้าหวานเบ้ปากนิดๆ ก่อนจำใจเก็บสร้อยข้อมือเส้นนั้นเข้าไปในกระเป๋าเสื้อพูลโอเวอร์ของตัวเอง ท่ามกลางความสงสัยว่า เขาจะมีโอกาสคืนมันให้กับคนเป็นเจ้าของหรือเปล่า...
::~::~::~::~::~::~::~:: Bleeding Love ::~::~::~::~::~::~::~::
“ทงเฮ!!!”
ร่างเล็กที่กำลังจะก้าวขึ้นรถประจำทางถึงกับชะงักเพราะเสียงตะโกนเรียกชื่อตัวเอง สัญชาตญาณทำให้ทงเฮตัดสินใจหมุนตัวกลับลงมายังฟุตบาท ก่อนดวงตากลมโตจะยิ่งเบิกกว้างเมื่อร่างผอมบางแสนคุ้นเคยวิ่งเข้ามาตวัดแขนโอบรัดร่างเขาเอาไว้แน่น
“ทงเฮ... ทงเฮ นายจริงๆ ด้วย” น้ำเสียงสั่นเครือบ่งบอกความตื่นเต้นระคนดีใจทำให้ความตื่นตกใจของร่างเล็กเลือนหายกลายเป็นรอยยิ้มกว้างผุดระบายข้างริมฝีปากแทน เมื่อความทรงจำได้ตอบคำถามของทงเฮแล้วว่าเจ้าของลำแขนที่โอบกอดเขาอยู่นี้ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย...
“ฮยอกแจ... ไม่ได้เจอตั้งนานแน่ะ”
::~::~::~::~::~::~::~:: Bleeding Love ::~::~::~::~::~::~::~::
“แดนเซอร์เหรอ เจ๋งดีเนอะ”
ดวงตากลมๆ ของทงเฮยังคงเป็นประกายสดใสเหมือนกับครั้งสุดท้ายที่ฮยอกแจได้เห็นคนตัวเล็กยิ้มให้ จนบางครั้งฮยอกแจก็อดคิดไม่ได้ว่าบางทีรอยยิ้มของทงเฮอาจจะเป็นหนึ่งในของขวัญที่พระเจ้าทรงประทานมาให้เขา
“ไม่เห็นจะเจ๋งตรงไหนเลย” คนตัวสูงกว่าพูดพลางมองดูร่างเล็กกว่าออกตัววิ่งดุ๊กๆ ไปตามทางเดินกลางสวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้โรงเรียนเก่าที่เขากับทงเฮมักโดดเรียนออกมานอนแกร่วอยู่ที่นี่รอให้เวลาเลิกเรียนมาถึงกันเป็นประจำ ในสายตาของฮยอกแจไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเกือบสองปีแล้ว ทงเฮในสายตาเขาก็ยังคงเป็นทงเฮที่น่ารักและสดใสคนเดิม
“ไม่รู้ดิ ชั้นว่าเท่จะตาย เหมาะกับฮยอกแจดีออก” ทงเฮหัวเราะร่าพลางกระโดดขึ้นห้อยหัวลงจากบาร์โหนบริเวณสนามเด็กเล่นเล็กๆ เหมือนเมื่อสมัยก่อน ปล่อยให้ร่างเพรียวบางยืนล้วงกระเป๋ามองท่าทางเหมือนเด็กๆ ของตัวเอง
“เอาน่ะ ช่างมันเถอะ ว่าแต่นาย... ทำไมถึงไม่เรียนต่อล่ะ”
ฮยอกแจไม่แปลกใจแม้แต่น้อยที่คำถามของเขาเรียกแววเศร้าให้ปรากฏเหนือดวงหน้าหวานอ่อนเยาว์ เพราะเท่าที่เขาจำได้ทงเฮคนนี้เคยใฝ่ฝันจะเข้าเรียนจิตวิทยาเยาวชนที่ม.โซลให้ได้ แต่ตอนนี้กลับกลายว่าคนตัวเล็กต้องมาทำงานประจำที่ร้านหนังสืออย่างไร้ความหวัง
ถึงทงเฮจะยังไม่ได้เล่าสาเหตุให้เขาฟัง... ฮยอกแจก็คิดว่าพอจะเดาสาเหตุออก มันคงเกี่ยวกับการล้มละลายของบริษัทพ่อทงเฮซึ่งส่งผลให้ครอบครัวของคนตัวเล็กจำเป็นต้อง ‘หนี’ เมื่อสองปีก่อนแน่ๆ
“ไม่ได้หรอก... ชั้นไม่มีเงินขนาดนั้น เฮ้อ... อย่าพูดถึงมันเลย เปลี่ยนเรื่องดีกว่าเนอะ... นี่ ฮยอกแจ... รู้ป่าว ชั้นมีอะไรจะบอกฮยอกแจด้วยล่ะ” รอยยิ้มจางๆ ค่อยเริ่มระบายกลับมาประดับริมฝีปากของทงเฮอีกครั้ง... เพียงแต่คนตัวเล็กคงไม่มีโอกาสล่วงรู้หรอกว่า คำพูดของตัวเองมันบาดหัวใจของคนฟังที่เขาหวังจะให้ยินดีด้วยจนเจ็บแปลบไปหมด
“ชั้นมีคนรักแล้วนะ... เรากำลังจะย้ายไปอยู่ด้วยกัน ฮยอกแจดีใจกับชั้นหน่อยสิ”
เพียงแต่ฮยอกแจรักทงเฮเกินกว่าจะเห็นแก่ตัว ในตอนนี้ ‘เพื่อน’ อย่างเขาคงมีสิ่งที่ควรจะทำเพียงอย่างเดียวล่ะมั้ง...
“ว้าว เพื่อนชั้นขายออกแล้วเหรอเนี่ย ใครคือคนโชคร้ายคนนั้นล่ะ”
“นายใจร้ายอีกแล้วนะฮยอกแจ!!!”
เฮ้อ... ใครที่ใจร้ายกันแน่นะ ลีทงเฮ...
End of [Best Friend].
To be continue in BleeDiNg LovE.
Pairing : KyuHae or EunHae Ft.Sungmin
Author : dandora
Rating : PG-13
Author note : ฟิคสั้นจบในตอน แต่หลายๆ ตอนอาจกลายเป็นเรื่องยาว (งงมั้ย?) สาเหตุที่ทำแบบนี้เพราะความขี้เกียจของไรเตอร์นั่นเอง ฮ่าๆ
แรงบันดาลใจที่เขียนมาจากเพลง Bleeding Love ที่ได้ยินตอนเดินไปเข้าห้องน้ำเมื่อวานที่สยามดิสคัฟเวอรี่ (^^") บวกกับซีรีย์ญี่ปุ่นเรื่องโปรด Last Friends ค่ะ
BleeDiNg LovE
Part 1 [Best Friend]
ลืทงเฮเชื่อเหลือเกินว่าเขาคือคนโชคดีที่สุดในโลก
ถึงจะต้องทำงานตัวเป็นเกลียวเพื่อหาเงินมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันทั้งของตัวเองและแม่บังเกิดเกล้า รวมถึงเคลียร์หนี้สินที่แม่มักก่อขึ้นในบ่อนพนัน ที่ไม่ว่าจะได้หรือเสียสถานที่แห่งนั้นก็นับเป็นแหล่งพักใจที่แม่ของทงเฮมักไปหมกตัวอยู่ทุกๆ วัน นับแต่วันที่พ่อของทงเฮหนีออกจากบ้านไป
แต่ทงเฮก็เชื่อมั่นอยู่ตลอดว่า ขอเพียงแค่เขายังยิ้ม... โลกที่สดใสก็จะมาถึงอย่างแน่นอน
ทงเฮไม่เคยนึกโทษพ่อเลยสักนิด เด็กหนุ่มรู้แก่ใจดีว่าสาเหตุที่บังคับให้พ่อต้องทำแบบนั้นคืออะไร...
ธุรกิจของพ่อทงเฮล้มละลาย พ่อเลยฉวยโอกาสที่ยังพอมีเวลาหย่ากับแม่และเก็บข้าวของออกจากบ้านไป... ทงเฮกับแม่ไม่ได้พบหน้าพ่ออีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น
ถึงจะรู้ว่าพ่อทำเพื่อเขากับแม่ แต่ลึกๆ แล้ว... ทงเฮก็อดเศร้าไม่ได้
ทงเฮไม่เคยโกรธพ่อ ทงเฮก็แค่อยากถามพ่อว่า พ่อรู้ได้ยังไงว่าทำแบบนี้แล้วเขากับแม่จะมีความสุข
แต่ถึงอย่างนั้นทงเฮก็ยังคงยิ้ม...
ทงเฮจะยิ้มให้กับตัวเองและเผื่อแผ่ไปถึงทุกคนด้วย
ถึงชีวิตในแต่ละวันจะวุ่นวายหรือน่าเบื่อหน่ายแค่ไหน ทุกวันของทงเฮก็ยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม คนตัวเล็กจะต้อนรับลูกค้าทุกคนที่ก้าวเข้ามาในร้านหนังสือที่เขาทำงานด้วยอัธยาศัยและความจริงใจเสมอ
ไม่ใช่เพราะทงเฮเข้มแข็งหรอก
ว่ากันว่าคนเรายิ่งอ่อนแอเท่าไหร่ ยิ่งมักซุกซ่อนความหวาดกลัวเอาไว้ใต้รอยยิ้มและเปลือกนอกอันแข็งแกร่งมากเท่านั้น
เพียงแต่ในกรณีของทงเฮนั้น คนตัวเล็กได้แต่ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงประทานคนๆ นั้นเข้ามาในชีวิต...
คนที่เรียกความสุขที่แท้จริงในชีวิตของทงเฮกลับคืนมา
“หนังสือประวัติศาสตร์โลกอยู่ตู้ด้านซ้ายใกล้ๆ กับชั้นวางแม็กกาซีนครับ อ๊ะ เดี๋ยวผมพาไปดีกว่า ทางนี้เลยครับ” ทงเฮก้มศีรษะปลกๆ ให้ลูกค้าหญิงสูงวัยที่ดูท่าจะอายุใกล้เคียงกับแม่ของเขา ก่อนผายมือเดินนำเธอไปยังชั้นวางหนังสือส่วนที่เธอถามหา หลังจากช่วยหญิงวัยกลางคนหาหนังสือที่ต้องการเจอแล้วคนตัวเล็กก็ขอตัวไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ เพียงแต่ชั่ววินาทีที่ดวงตากลมโตเหลือบไปมองที่หน้าต่างบานกว้าง รอยยิ้มกว้างก็ระบายเหนือใบหน้าหวานอ่อนเยาว์ในทันที
บริเวณอีกฟากหนึ่งของถนน ร่างสูงโปร่งคุ้นตาของโจวคยูฮยอนกำลังพยายามยืนโบกมือเรียกร้องความสนใจจากทงเฮที่อยู่บนชั้นสองอยู่ สูทสีดำสนิทพอดีตัวยิ่งขับให้คยูฮยอนดูตัวสูงขึ้นไปอีก บวกรวมกับความหล่อเหลาที่ฉายชัดจากใบหน้าคมเข้มขาวจัด... ในตอนนี้คนรักของทงเฮดูโดดเด่นออกมาจากฝูงชนที่เดินสวนไปมาบริเวณย่านพาณิชย์นี้มาก
เรียวขาเพรียวเล็กก้าวเข้าไปยืนใกล้ๆ กระจกบานใหญ่ที่กินพื้นที่เกือบครึ่งผนังร้าน แล้วผิวหน้าขาวก็ปรากฏเฉดแดงซ่าน เมื่อร่างสูงโปร่งยกมืออีกข้างขึ้นป้องปากทำท่าเหมือนกำลังตะโกนบอกอะไรบางอย่าง ที่ถึงทงเฮจะไม่มีทางได้ยินก็เข้าใจความหมายของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี
ร่างเล็กแกล้งทำท่าเคาะกระจกให้เหมือนส่งกำปั้นไปให้คนตัวสูง แล้วชี้ลงไปด้านล่างเป็นสัญลักษณ์ให้อีกฝ่ายรู้ทันทีว่าทงเฮกำลังหมายความถึงคาเฟทีเรียบริเวณชั้นล่างของตึก
คนตัวสูงพยักหน้ารับทันที ก่อนจะส่งยิ้มกว้างจนตาหยีในแบบที่ทงเฮชอบล้อว่าเพิ่มความตาตี่ให้อีกห้าสิบเปอร์เซ็นต์มาเป็นครั้งสุดท้าย แล้ววิ่งข้ามถนนมายังอาคารสูงสามชั้นอันเป็นที่ตั้งของร้านหนังสือที่ทงเฮทำงานอยู่
ถึงจะดีใจที่อีกฝ่ายแคร์ตัวเองจนห้ามรอยยิ้มบนใบหน้าไม่ได้ แต่ในใจลึกๆ ทงเฮก็แอบเกรงใจคนรักอยู่ไม่น้อย
ยิ่งคยูฮยอนเริ่มงานประจำที่มหาวิทยาลัย ทงเฮก็ยิ่งไม่อยากให้คนรักเสียเวลามานั่งรอเขากลับบ้านด้วยกัน แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากออกไปเพราะกลัวคยูฮยอนจะเสียน้ำใจ
ความสัมพันธ์ของทงเฮกับคยูฮยอนเลยกลายเป็นในรูปแบบที่คยูฮยอนว่าอย่างไรทงเฮก็ว่าอย่างนั้น จนกลายเป็นความเคยชินไปเสียแล้ว
“วันนี้กลับก่อนก็ได้นะพี่ทงเฮ เดี๋ยวผมเช็คสต็อคส่วนที่เหลือให้”
ลีทงเฮทำหน้าเหลอหลาเมื่อจู่ๆ รุ่นน้องหนุ่มที่กำลังช่วยเขาเช็คสต็อกนิตยสารประจำสัปดาห์ก็เอ่ยแกมสั่งขึ้นมาหน้าตาเฉย แต่พอเห็นทงเฮทำหน้างงไอ้รุ่นน้องตัวแสบก็ระบายแย้มยิ้มกรุ้มกริ่มให้ทงเฮได้หน้าแดงขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ไปเถอะน่า มีคนมารอไม่ใช่เหรอ”
“นายรู้ได้ไง!!” ทงเฮจำไม่ได้แล้วว่าเขาแหวหมอนั่นไปเสียงดังแค่ไหน แต่ใบหน้าผอมๆ ขาวๆ ที่ฉีกยิ้มเผล่บวกรวมกับมือยาวๆ ที่ยกขึ้นชี้นิ้วมาที่เขาก็ยิ่งทำให้คนตัวเล็กหน้าแดงไปถึงใบหู
“เค้ารู้กันทั้งร้านแล้วพี่ พวกพี่อึนจองยังบ่นเลยนะว่าอิจฉาพี่ทงเฮอะ อยากมีคนมารอบ้าง... โอ๊ย!!!” คนตัวสูงร้องลั่นเพราะกองหนังสือพิมพ์ใช้แล้วที่รุ่นพี่ตัวเล็กใช้ฟาดลงมาที่หัวเขามันไม่ใช่บางๆ เลย แต่ยังไม่ทันจะได้บ่นให้หายเจ็บใจ ร่างเล็กๆ ของเด็กหนุ่มรุ่นพี่ก็สะบัดหน้าเดินเข้าห้องล็อคเกอร์ไปเรียบร้อยแล้ว ปล่อยให้คนหวังดีได้แต่ลูบหัวป้อยๆ ด้วยความไม่เข้าใจ
ถ้าไม่อยากให้ล้อแล้วมาทำให้เห็นแต่แรกทำไมวะ!!?
::~::~::~::~::~::~::~:: Bleeding Love ::~::~::~::~::~::~::~::
แสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์เริ่มเลือนลับไปแล้วเมื่อร่างเล็กๆ ของลีทงเฮวิ่งกระหืดกระหอบลงบันไดผ่านประตูกระจกเข้าไปสอดส่ายสายตาหาร่างสูงโปร่งคุ้นตาภายในคาเฟทีเรียเล็กๆ ที่แสนจะเงียบสงบ
คนตัวเล็กนึกขอบคุณความสูงของคยูฮยอนที่ทำให้เขาดูโดดเด่นแม้ว่าจะนั่งอยู่ในส่วนมุมอับด้านหลังร้าน ในสายตาของคนธรรมดาๆ อย่างทงเฮ... โจวคยูฮยอนคือผู้ชายสมบูรณ์แบบมากถึงมากที่สุด ถึงแม้คยูฮยอนจะเติบโตมาเพียงคนเดียว ไม่มีทั้งพ่อและแม่คอยอยู่เคียงข้างเหมือนทงเฮ แต่เด็กหนุ่มคนนี้ก็สามารถไขว่คว้าทุกสิ่งทุกอย่างมาเป็นของตัวเองได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงาน การศึกษา หรือสถานะทางสังคม...
คยูฮยอนของทงเฮเข้มแข็งเหลือเกิน... เข้มแข็งจนบางครั้งทงเฮก็นึกอิจฉา
“รอนานมั้ย ขอโทษนะ... พอดีวันนี้มีเวรเช็คสต็อกน่ะ...”
ทงเฮยังไม่ทันจะมีโอกาสพูดให้จบประโยค ข้อมือเล็กก็ถูกลำแขนเพรียวยาวของคนตัวสูงฉุดให้ลงไปนั่งบนโซฟาเดี่ยวตัวเดียวกัน ความตกใจบวกเขินอายกลัวว่าพนักงานในร้านจะเหลือบมาเห็นทำให้ร่างเล็กพยายามจะผละลุกออก แต่กลับติดที่ท่อนแขนเพรียวที่ตวัดโอบรั้งเอาไว้
“อ๊ะ คยูฮยอน... ไม่เล่นแบบนี้สิ” ทงเฮทั้งบ่นงึมงำทั้งพยายามสะบัดตัวให้หลุดจากอ้อมกอดของคนรัก แต่กลายเป็นว่ามือปลาหมึกยิ่งเหนียวขึ้นๆ ท่ามกลางเสียงหัวเราะในลำคอราวกับว่าการได้แกล้งทงเฮแบบนี้มันชวนให้สนุกนักล่ะ ยังดีที่วันนี้ในร้านแทบไม่มีลูกค้าโต๊ะอื่นเลย ไม่อย่างนั้นทงเฮคงไม่รู้จะเอาหน้าไปซ่อนไว้ที่ไหนแน่ๆ
พอไม่รู้จะทำยังไงคนตาโตเลยหันไปถลึงตาใส่ใบหน้าเข้มๆ ของคนรัก ที่ตอนนี้ฉายรอยยิ้มกว้างชวนหมั่นไส้เป็นบ้า
“โอ๋ๆๆๆ อย่าโกรธสิ ผมล้อเล่น” เสียงทุ้มเอ่ยอ้อนก่อนลำแขนเพรียวจะค่อยๆ คลายอ้อมกอดจากร่างเล็กกว่า เพียงแต่ในเสี้ยววินาทีที่ทงเฮกำลังจะลุกผละไป อะไรบางอย่างที่ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นมาไว้ตรงหน้ากลับส่งผลให้ดวงตากลมโตต้องเบิกกว้าง
แหวน... แหวนเงินวงเล็กๆ ที่คยูฮยอนค่อยๆ สวมลงไปบนนิ้วนางข้างขวาของทงเฮ ก่อนแกล้งเอียงคอมองด้วยรอยยิ้มพอใจเหมือนเด็กๆ
“พอดีเลย ตอนแรกกลัวอยู่ตั้งนานว่าจะกะขนาดนิ้วทงเฮผิดหรือเปล่า แต่นะ... ระดับนี้แล้ว คนมันอัจฉริยะ ช่วยไม่ได้”
สมแล้วที่เป็นโจวคยูฮยอน ชมตัวเองได้หน้าตาเฉยพร้อมรอยยิ้มกว้างๆ แต่ดูใสซื่อเหมือนเด็กนี่แหละที่สะกดหัวใจทงเฮไว้จนไม่อาจละสายตาจากใบหน้าคมเข้มแต่ขาวจัดของคนข้างกายได้เลย
ทงเฮมัวแต่เผลอมองดวงตาคู่คมของคยูฮยอนจนลืมสังเกตไปเลยด้วยซ้ำว่าแหวนเงินเกลี้ยงๆ วงนั้นมีรายละเอียดพิเศษอะไรเป็นสัญลักษณ์จากหัวใจของคนตัวสูงบ้าง
“หลงตัวเองเป็นบ้า” ทงเฮบ่นพึมพำตามนิสัย แต่คนตัวเล็กคงหารู้ไม่ว่าตอนนี้หน้าขาวๆ ของตัวเองร้อนผ่าวไปหมดแล้ว ประกอบกับยิ่งจู่ๆ คนตัวสูงก็เล่นโอบอุ้มมือเล็กๆ ที่โดดเด่นด้วยแหวนเงินสว่างวาวขึ้นมาก่อนโน้มริมฝีปากลงประทับเหนือแหวนวงนั้นอย่างแผ่วเบา พร้อมเสียงทุ้มที่เอ่ยแผ่วเบา... หากฝังลึกลงไปในหัวใจของทงเฮราวคำพูดที่ถูกสลักสร้างขึ้นมาเพื่อทงเฮคนนี่เท่านั้น
“ย้ายไปอยู่ด้วยกันนะ... อยู่ด้วยกันตลอดไปได้มั้ย ทงเฮ”
::~::~::~::~::~::~::~:: Bleeding Love ::~::~::~::~::~::~::~::
มองเผินๆ แล้วลีฮยอกแจก็ไม่ต่างอะไรจากเด็กหนุ่มธรรมดาๆ ที่หาได้ทั่วไปตามท้องถนน จะต่างก็เพียงแค่ความสามารถโดดเด่นที่จะฉายชัดออกมาก็ต่อเมื่อร่างผอมเพรียวเริ่มขยับกายตามสเต็ปการเต้นอันยอดเยี่ยมเท่านั้น ถึงแม้หน้าตาของฮยอกแจจะไม่ได้หล่อเหลาอะไร แต่พรสวรรค์บวกกับพรแสวงอันโดดเด่นก็ทำได้แบ็คแดนเซอร์คนนี้คือกลายมาเป็นที่จับตามองของใครภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว
ความก้าวหน้าของหน้าที่การงานทำให้ชีวิตในแต่ละวันของฮยอกแจวุ่นวายขึ้นกว่าช่วงยังเรียนมัธยมปลายอย่างใหญ่หลวง ทั้งตารางซ้อมเต้น บรีฟตารางงาน ประชุมทีมงาน รวมไปถึงไลฟ์กับคอนเสิร์ตต่างๆ ล้วนพุ่งเข้ามาไม่เว้นแต่ละวัน ทำให้คนตัวผอมตัดสินใจย้ายจากบ้านพ่อแม่แถบชานเมืองมาอยู่หอเล็กๆ ใกล้ที่ทำงานในโซลเพียงคนเดียว ถึงจะเหงาอยู่บ้างที่ต้องจากครอบครัวแสนจะอบอุ่นมาอยู่ไกลบ้าน แต่อีกใจหนึ่งเด็กหนุ่มก็แอบโล่งใจอยู่ไม่น้อย...
เพราะถึงจะยอมรับว่ารักพ่อ แม่ กับพี่สาวแค่ไหน ฮยอกแจก็ไม่อยากเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงในทุกแง่มุมให้ทุกคนได้รู้...
นั่นสินะ จะมีใครรู้บ้างหรือเปล่าว่าคนที่ดูเหมือนจะมีความสุขอย่างลีฮยอกแจก็มีความลับดำมืดที่บอกใครไม่ได้อยู่เช่นกัน
“แล้วเจอกันพรุ่งนี้ อย่าสายอีกนะโว้ย”
ลำแขนผอมเพรียวของลีฮยอกแจยกขึ้นโบกแทนคำตอบให้เพื่อนตัวสูงที่เพิ่งขับมอเตอร์ไซค์จากไปหลังจอดส่งเขาที่ย่านการค้ากลางเมือง รอยยิ้มรื่นเริงระบายขึ้นเหนือริมฝีปากบางขณะเรียวขาเพรียวก้าวเข้าไปในช้อปปิ้งมอลล์ชื่อดัง
วันนี้ฮยอกแจตั้งใจจะมาหาซื้ออุปกรณ์เครื่องใช้ไปไว้ในห้องเช่าสักหน่อยแต่ไม่มีแก่ใจจะเดินช้อปปิ้งในห้างที่แออัดไปด้วยผู้คนสักเท่าไหร่ คนตัวผอมเลยรีบเดินตรงไปยังแผนกเครื่องเรือนอย่างรีบเร่ง
โชคดีที่ลูกค้าส่วนมากไปแออัดอยู่ที่แผนกอื่นเสียมาก ทำให้คนในแผนกเครื่องเรือนที่ดารดาษไปด้วยเครื่องใช้ไม้สอยสำหรับใช้ในบ้านมีไม่มากนัก นอกจากพนักงานขายกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กที่กำลังเลือกแก้วกาแฟจากชั้นวางใกล้ๆ อยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ ผมสีน้ำตาลเข้มหยักศกเคลียร์ข้างแก้มรับกับพูลโอเวอร์สีแดงสลับขาวตัวใหญ่ที่ปิดลงมาเกือบครึ่งน่อง ถึงเธอจะดูโดดเด่นชวนมอง แต่ฮยอกแจก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก เขาก็แค่มองผ่านแผ่นหลังของเธอไปที่กลุ่มแก้วกาแฟเซรามิกเคลือบขนาดพอดีมือที่เขาคิดว่าน่าสนใจเท่านั้น
ร่างเพรียวเดินผ่านเด็กสาวไปหยิบเอาแก้วสีครีมใบขนาดฝ่ามือขึ้นมาพิจารณา รายละเอียดรูปดาวดวงเล็กๆ ที่เรียงรายอยู่บริเวณปากแก้วนั้นชวนให้นึกถึงใครอีกคนที่ยังคงกระจ่างสว่างอยู่ในความทรงจำ ใครอีกคนที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ลีฮยอกแจก็ยังคงจำได้ไม่เคยลืม...
ริมฝีปากบางระบายรอยยิ้มขึ้นมาเมื่อความทรงจำแล่นไหลเข้าสู่ภวังค์แห่งอดีต เด็กหนุ่มไม่รู้ตัวสักนิดว่าในตอนนั้นดวงตากลมโตของใครอีกคนจะกำลังเฝ้ามองเขาด้วยสายตาสงสัยใคร่รู้...
ลีฮยอกแจคงไม่รู้หรอกว่า... สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในนาทีนั้นกำลังจะเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล
เพราะเพียงแค่ดวงตาเรียวรีเบนขึ้นจากแก้วกาแฟในมือ โฟกัสสายตาก็ปรายผ่านผนังกระจกใสไปจับจ้องยังภาพทางฟุตบาทข้างถนนภายนอก ท่ามกลางผู้คนมากมาย... ภาพร่างเล็กคุ้นตาของใครคนหนึ่งกลับสะกดสายตาของฮยอกแจเอาไว้
คนตัวเล็กที่มักจะหัวเราะอย่างร่าเริงพาลให้ฮยอกแจต้องยิ้มไปด้วย... คนที่มองโลกในแง่ดีเสมอจนฮยอกแจแทบจะลืมไปแล้วว่าเขาเองก็ควรจะมีความทุกข์ในชีวิตบ้าง เพียงแต่คนๆ นี้ก็กลับเป็นคนๆ เดียวกับที่หายไปจากชีวิตเขาเมื่อสองปีที่แล้วโดยไม่แม้แต่จะบอกกล่าวกันสักคำ...
คนใจร้ายคนนั้น... ลีทงเฮ
เพียงเท่านั้นเรียวขาเพรียวก็ก้าวออกวิ่งตั้งแต่ก่อนสมองจะสั่งการด้วยซ้ำ!!!
ฮยอกแจผลุนผลันออกไปจากแผนกเครื่องเรือนอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัวเลยว่าเขาเผลอทำสร้อยข้อมือที่ใส่อยู่หล่นลงพื้นใกล้ๆ กับร่างเล็กที่หันขวับมามองความรีบเร่งของคนตัวสูงกว่าด้วยอารามตกตะลึง เพราะไม่นึกว่าจู่ๆ จะพรวดพราดวิ่งออกไปทั้งๆ อย่างนี้
ร่างเล็กที่ไม่ใช่ ‘เธอ’ ตามความคิดของฮยอกแจด้วยซ้ำ...
“อ๊ะ! คุณ เดี๋ยวสิ!”
ทันทีที่เรียกสติได้ คนตัวเล็กก็ก้มลงเก็บสร้อยข้อมือเส้นนั้น ก่อนออกปากตะโกนเรียกร่างเพรียวที่ในตอนนี้วิ่งหายไปในกลุ่มคนแล้ว ดวงหน้าหวานเบ้ปากนิดๆ ก่อนจำใจเก็บสร้อยข้อมือเส้นนั้นเข้าไปในกระเป๋าเสื้อพูลโอเวอร์ของตัวเอง ท่ามกลางความสงสัยว่า เขาจะมีโอกาสคืนมันให้กับคนเป็นเจ้าของหรือเปล่า...
::~::~::~::~::~::~::~:: Bleeding Love ::~::~::~::~::~::~::~::
“ทงเฮ!!!”
ร่างเล็กที่กำลังจะก้าวขึ้นรถประจำทางถึงกับชะงักเพราะเสียงตะโกนเรียกชื่อตัวเอง สัญชาตญาณทำให้ทงเฮตัดสินใจหมุนตัวกลับลงมายังฟุตบาท ก่อนดวงตากลมโตจะยิ่งเบิกกว้างเมื่อร่างผอมบางแสนคุ้นเคยวิ่งเข้ามาตวัดแขนโอบรัดร่างเขาเอาไว้แน่น
“ทงเฮ... ทงเฮ นายจริงๆ ด้วย” น้ำเสียงสั่นเครือบ่งบอกความตื่นเต้นระคนดีใจทำให้ความตื่นตกใจของร่างเล็กเลือนหายกลายเป็นรอยยิ้มกว้างผุดระบายข้างริมฝีปากแทน เมื่อความทรงจำได้ตอบคำถามของทงเฮแล้วว่าเจ้าของลำแขนที่โอบกอดเขาอยู่นี้ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย...
“ฮยอกแจ... ไม่ได้เจอตั้งนานแน่ะ”
::~::~::~::~::~::~::~:: Bleeding Love ::~::~::~::~::~::~::~::
“แดนเซอร์เหรอ เจ๋งดีเนอะ”
ดวงตากลมๆ ของทงเฮยังคงเป็นประกายสดใสเหมือนกับครั้งสุดท้ายที่ฮยอกแจได้เห็นคนตัวเล็กยิ้มให้ จนบางครั้งฮยอกแจก็อดคิดไม่ได้ว่าบางทีรอยยิ้มของทงเฮอาจจะเป็นหนึ่งในของขวัญที่พระเจ้าทรงประทานมาให้เขา
“ไม่เห็นจะเจ๋งตรงไหนเลย” คนตัวสูงกว่าพูดพลางมองดูร่างเล็กกว่าออกตัววิ่งดุ๊กๆ ไปตามทางเดินกลางสวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้โรงเรียนเก่าที่เขากับทงเฮมักโดดเรียนออกมานอนแกร่วอยู่ที่นี่รอให้เวลาเลิกเรียนมาถึงกันเป็นประจำ ในสายตาของฮยอกแจไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเกือบสองปีแล้ว ทงเฮในสายตาเขาก็ยังคงเป็นทงเฮที่น่ารักและสดใสคนเดิม
“ไม่รู้ดิ ชั้นว่าเท่จะตาย เหมาะกับฮยอกแจดีออก” ทงเฮหัวเราะร่าพลางกระโดดขึ้นห้อยหัวลงจากบาร์โหนบริเวณสนามเด็กเล่นเล็กๆ เหมือนเมื่อสมัยก่อน ปล่อยให้ร่างเพรียวบางยืนล้วงกระเป๋ามองท่าทางเหมือนเด็กๆ ของตัวเอง
“เอาน่ะ ช่างมันเถอะ ว่าแต่นาย... ทำไมถึงไม่เรียนต่อล่ะ”
ฮยอกแจไม่แปลกใจแม้แต่น้อยที่คำถามของเขาเรียกแววเศร้าให้ปรากฏเหนือดวงหน้าหวานอ่อนเยาว์ เพราะเท่าที่เขาจำได้ทงเฮคนนี้เคยใฝ่ฝันจะเข้าเรียนจิตวิทยาเยาวชนที่ม.โซลให้ได้ แต่ตอนนี้กลับกลายว่าคนตัวเล็กต้องมาทำงานประจำที่ร้านหนังสืออย่างไร้ความหวัง
ถึงทงเฮจะยังไม่ได้เล่าสาเหตุให้เขาฟัง... ฮยอกแจก็คิดว่าพอจะเดาสาเหตุออก มันคงเกี่ยวกับการล้มละลายของบริษัทพ่อทงเฮซึ่งส่งผลให้ครอบครัวของคนตัวเล็กจำเป็นต้อง ‘หนี’ เมื่อสองปีก่อนแน่ๆ
“ไม่ได้หรอก... ชั้นไม่มีเงินขนาดนั้น เฮ้อ... อย่าพูดถึงมันเลย เปลี่ยนเรื่องดีกว่าเนอะ... นี่ ฮยอกแจ... รู้ป่าว ชั้นมีอะไรจะบอกฮยอกแจด้วยล่ะ” รอยยิ้มจางๆ ค่อยเริ่มระบายกลับมาประดับริมฝีปากของทงเฮอีกครั้ง... เพียงแต่คนตัวเล็กคงไม่มีโอกาสล่วงรู้หรอกว่า คำพูดของตัวเองมันบาดหัวใจของคนฟังที่เขาหวังจะให้ยินดีด้วยจนเจ็บแปลบไปหมด
“ชั้นมีคนรักแล้วนะ... เรากำลังจะย้ายไปอยู่ด้วยกัน ฮยอกแจดีใจกับชั้นหน่อยสิ”
เพียงแต่ฮยอกแจรักทงเฮเกินกว่าจะเห็นแก่ตัว ในตอนนี้ ‘เพื่อน’ อย่างเขาคงมีสิ่งที่ควรจะทำเพียงอย่างเดียวล่ะมั้ง...
“ว้าว เพื่อนชั้นขายออกแล้วเหรอเนี่ย ใครคือคนโชคร้ายคนนั้นล่ะ”
“นายใจร้ายอีกแล้วนะฮยอกแจ!!!”
เฮ้อ... ใครที่ใจร้ายกันแน่นะ ลีทงเฮ...
End of [Best Friend].
To be continue in BleeDiNg LovE.
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น