สมาธิและพลังไม่ใช่การรู้แจ้ง - สมาธิและพลังไม่ใช่การรู้แจ้ง นิยาย สมาธิและพลังไม่ใช่การรู้แจ้ง : Dek-D.com - Writer

    สมาธิและพลังไม่ใช่การรู้แจ้ง

    ช่วยกันอ่านหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ

    ผู้เข้าชมรวม

    834

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    834

    ความคิดเห็น


    6

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  7 มี.ค. 48 / 09:26 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      สมาธิและพลังไม่ใช่การรู้แจ้ง

                 สองพันกว่าปีนับจากเจ้าชายสิทธัตถะ บรรลุสู่ระดับรู้แจ้ง ทุกวันนี้สิ่งที่ถ่ายทอดมาโดยตรงจากพระพุทธเจ้าก้าวเข้าสู่ความเบี่ยงเบนและตกต่ำมาสองพันกว่าปีเช่นกัน...ตามคำทำนายของพระพุทธเจ้า
                พ.ศ.2548 ความเชื่อของคนพุทธส่วนหนึ่ง ซึ่งค่อนข้างมากและน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ว่าคนเหล่านี้จะไปถึงจุดที่พระพุทธเจ้าหวังให้เราไปถึงได้อย่างไร ในเมื่อทุกวันนี้ความเข้าใจในจุดมุ่งหมายที่เราต้องไปให้ถึงถูกความเข้าใจผิดที่ใครบางคนดึงให้คนเหล่นั้นห่างไกลจากการรู้แจ้งเข้าไปทุกที

                รู้แจ้งคืออะไร?
                ขอออกตัวก่อนว่าผมไม่เคยบวช หรือเคยศึกษามาอย่างเป็นระบบเพื่อเข้าใจสิ่งนี้ แต่อาศัยจากการอ่านในสิ่งซึ่งไม่ใช่เรื่องเหล่านี้โดยตรง แต่ผมก็เชื่ออย่างยิ่งว่า การรู้แจ้งแฝงอยู่ในทุกๆอย่างที่เราเจอ แม้สิ่งที่เป็นของไร้สาระและเป็นสิ่งชั่วร้ายในสายตาของเจ้าพวกมือถือสากปากถือศีลทั้งหลาย
                ...การรู้แจ้งแฝงอยู่ทุกที่ อยู่ที่ว่าเราจะร่อนมันออกมาได้มากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง..
               ...คุณเข้าวัดมาตลอดชีวิตจนวันตาย แต่ไม่รู้จักร่อนอะไรเลย ยังไงคุณก็รู้แจ้งได้ไม่เท่าเด็กขอทานคนหนึ่งที่มันรู้จักที่จะร่อนทุกอย่างที่เดินผ่านมัน เพื่อที่มันจะวิเคราะตะกอนที่เกิดจากการร่อนนั้นว่าให้ข้อคิดอะไรกับมันบ้าง... ฟังแล้วคุณอาจจะตลกไม่ก็ดูถูกที่ผมพูดเช่นนี้ แต่เชื่อเถอะ การรู้แจ้งต้องขวนขวายเองจากเรื่องไม่เป็นเรื่องไม่มีใครยัดเยียดสิ่งเข้าตัวคุณได้ ไม่มีโรงเรียนหรือวัดที่ไหนสอนคุณได้
                 ..เหตเพราะว่าการรู้แจ้งไม่ได้เป็นการรับถมเข้ามา... แต่มันเป็นการขุดออกมา...

                รู้แจ้งคืออะไร ตามที่ผมเข้าใจก็คือ การที่คุณสามารถจะมีความสุขสงบในใจได้โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยอะไรทั้งนั้น ไม่ต้องทำดีไม่ต้องทำชั่ว ไม่ต้องทำบุญไม่ต้องสั่งสมบารมีบ้าบออะไรทั้งนั้น ...ใจคุณจะไม่โหยหาอะไรอีกต่อไปแม้กระทั่งความรัก ..ใจคุณจะไม่เจ็บปวดอีกต่อไปแม้จะถูกทรยสหักหลังจากคนที่คุณไว้เนื้อเชื่อใจได้มากที่สุด ...คุณจะรักและให้อภัยได้แม้กระทั่งศัตรูฆ่าพ่อแม่ ..คุณจะสามารถกอดฆาตกรที่ฆ่าข่มขืนลูกคุณได้ด้วยความรักหากเขาจะกลับใจสำนึกและยอมเป็นลูกของคุณแทน ...อ่านถึงตรงนี้คุณคงคิดว่าผมบ้า..นั่นก็แล้วแต่ครับ
                 ผมคิดเอาเองนะครับ เพราะจริงๆผมก็ยังห่างไกลจากคำคำนี้ อำนาจของการรู้แจ้ง ไม่ใช่การถอดวิญญาณได้ ไม่ใช่การทำนายชีวิตหรืออะไรๆได้ ไม่ใช่การปาฏิหาริย์อะไรทั้งนั้น ไม่ใช่อำนาจบุญบารมี ไม่สามารถถึงสิ่งนี้ด้วยการทำบุญหรือทำความดี ไม่สามารถถึงด้วยการนั่งสมาธิหรือสวดมนต์ ....ไม่ใช่เช่นไรมาดูกันทีละเปราะ

                *ไม่ใช่การถอดวิญญาณได้ ไม่ใช่การทำนายชีวิตหรืออะไรๆได้ ไม่ใช่การปาฏิหาริย์อะไรทั้งนั้น
              ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้หลายทาง เช่น การรับอำนาจจากวิญญาณชั่วร้าย หรือการฝึกลมปราณถึงระดับสูงแล้วควบคุมมันได้ ถ้าคุณเคยอ่านเกี่ยวกับพลังลึกลับในตัวมนุษย์คุณจะรู้เรื่องพวกนี้ดีผมขอยืนยันอีกคนครับว่ามันเป็นไปได้ แต่ยากหน่อยเท่านั้นเอง
                การที่คุณได้อำนาจเหล่านี้มา ไม่ใช่การรู้แจ้ง การรับอำนาจจากวิญญาณชั่วร้ายไม่ต้องใช้การรู้แจ้ง
                การมีอำนาจด้วยการฝึกฝนลมปราณสมาธิทำได้เลย ถ้าอึดพอไม่ต้องใช้การรู้แจ้งเช่นกัน

                *ไม่ใช่อำนาจบุญบารมี ไม่สามารถถึงสิ่งนี้ด้วยการทำบุญหรือทำความดี
              ก็อย่างที่บอกว่า มือถือสากปากถือศีล คุณทำไปเถอะความดีซึ่งก็เป็นเรื่องดีต่อสังคมที่คุณจะทำ คุณปล้นฆ่ามา300ล้าน คุณบริจาคช่วยสังคม299ล้าน ...คุณก็ยังชั่วอยู่ดี คุณไปวัดทำบุญทุกวันที่คุณคิดว่าสมควรไป แต่คุณก็ยังมีความจำเป็นผิดศีลอยู่ทุกๆวันที่คุณหาเหตผลจากสมองที่แสนฉลาดของคุณว่าทำได้ ไม่ผิดศีล...เป็นเช่นนี้คุณคิดเหรอ ว่าจะถึงการรู้แจ้ง ก็ในเมื่อเข็มแห่งมโนธรรมในใจคุณมันตั้งได้เองตามสมองที่แสนฉลาดของคุณ แล้วคิดเหรอว่าคุณจะไปถึงการรู้แจ้งได้?

               *ไม่สามารถถึงด้วยการนั่งสมาธิหรือสวดมนต์
                คนมักจะติดภาพของเจ้าชายสิทธัตถะนั่งสมาธิจนถึงการรู้แจ้งใต้ต้นไม้ซึ่งผมจำไม่ได้แล้วว่าชื่อต้นอะไร ภาพนั้นเหมือนจะกลายเป็นสุดยอดแห่งพุทธศาสนา คนที่ไม่ค่อยรู้จักคิดอะไรให้รอบคอบ ก็เลยเหมาเอาว่านั่นคือทางแห่งการรู้แจ้ง นั่งสมาธิกันเข้าไป สวดมนต์ซึ่งใครไม่รู้เขียนขึ้นมา นั่งเข้าไปสวดเข้าไป พอออกไปทำงานหรือนอกเวลานั้นก็ไปทำผิดศีลกันหน้าตาเฉย... อนาจแท้...
                แม้แต่ในตำราทางพุทธซึ่งค่อนข้างจะยังดิบเดิมอยู่โดยไม่ได้มีการปรุงแต่งจากพวกเกจิสมองใสทั้งหลายนัก ระบุไว้ชัดเจนว่า ... เจ้าชายสิทธัตถะ ใช้การทำสมาธิเพื่อที่จะเข้าถึงความผ่อนคลายของจิต ทำสมาธิเพื่อจะเพิ่มระดับของสติปัญญาให้คิดอะไรได้ง่ายขึ้น ทำสมาธิเพื่อที่จะไม่ใช้ความฉลาดของตัวเองปรุงแต่งความคิด... จะเห็นว่ามีคำว่า “เพื่อ”...อยู่ตลอด ก็เพราะสมาธิมีเพื่อ.... ซึ่งนั่นก็แล้วแต่ว่าคุณจะเอาสมาธิไปทำอะไร....

                ถ้ามีใครจะมาเถียงว่าแค่บำเพ็ญสมาธิแล้วจะรู้แจ้งได้ งั้นถามหน่อยเหอะ พวกนักฆ่าที่ฝึกสมาธิมาอย่างดีจนถึงขั้นที่สามารถมีญานรับรู้การเคลื่อนไหวของเหยื่อ ...พวกนี้มันรู้แจ้งมั้ย...   อ่านตรงนี้คุณอาจจะคิดว่าผมเพ้อเจ้อหรือดูหนังมากไป .. ก็ขอบอกว่าอยากรู้ว่าเป็นไงก็ลองศึกษาอย่างจริงจังดูนะครับ..ไม่ต้องมาถามนะครับว่าจะหาที่ไหน ..ถึงผมจะรู้ผมก็จะตอบว่าไม่รู้ครับ ..หรือถึงผมจะไม่รู้จริงๆผมก็ตอบเหมือนเดิมคือ..ไม่รู้ครับ
              มนต์วิเศษ... ใครเคยดูเรื่องแฮรี่พอตเตอร์ ย่อมเข้าใจดีว่ามันมีทั้งมนต์ดำและมนต์ขาว และจอมขมังเวย์ทุกคนก็บ้าเลือด ไม่ก็เต็มไปด้วยการเกี่ยวพันกับอะไรบางอย่างทั้งนั้นไม่เห็นมีซักคนที่มีลักษณะแห่งการรู้แจ้ง จบ...

                นอกเรื่องนิดนึงวันก่อนฟังใครบางคนเล่าบางอย่างให้ฟังก็ตลกมากเลยเขาบอกผมว่า มีพระรูปหนึ่งบอกไว้ว่าถ้าใครวิพากษ์วิจารณ์ตัวตัวของพระรูปนั้น คนคนนั้นจะต้องเป็นเปรต เสร็จแล้วก็พูดแบบเป็นทางการหน่อยว่าห้ามวิจารณ์พระ.... ด้วยความเคารพครับ คุณพระรูปนั้นกำลังจะเป็นอย่างที่คุณไปสาปแช่งคนที่วิพากษ์วิจารณ์คุณรึเปล่า ..เพราะคุณกำลังวิพากวิจาร องคุลีมาล... มีเรื่องตลกมากมายเกี่ยวกับท่านผู้นี้ ท่านผู้นี้บอกว่าถ้าคุณไม่ได้มีคำว่าพุทธตอกพิมไว้ในบัตรประชานชนคุณจะไม่มีวันรู้แจ้ง... ขำกลิ้งอะ... ตอนนั้นสมัยเจ้าชายสิทธัตถะรู้แจ้งเนี่ยมีบัตรประชาชนยังหว่า ..แล้วก็เห็นพวกชาวพุทธตั้งเยอะตกนรกนี่นา ..ตกลงมันยังไงกันแน่เนี่ย.. ก็ท่านผู้นั้นบอกเองว่านั่งสมาธิตะบี้ตะบันมันเข้าไปเดี๋ยวหลุดเอง ...แล้วนี่ดันมาเขียนกฎหมายเพิ่มเข้าไปอีกว่า คนศาสนาอื่นห้ามนั่งสมาธิ...หรือนั่งให้ตายก็ไม่หลุดพ้น... งงนะ..ตกลงมันยังไงกันแน่.. หรือแม้แต่ท่านผู้นั้นก็ยัง งงๆตัวเองรึเปล่า...
                  
            
                 สมาธิและพลังไม่ใช่การรู้แจ้ง
              ถ้ายังคาใจถึงคำคำนี้ อยากให้ลองนึกถึงตอนที่เจ้าชายสิทธัตถะก้าวสู่การเป็นพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าคือผู้รู้แจ้ง ไม่เคยมีตำราอะไรทั้งนั้น บอกว่าพระพุทธเจ้าคือผู้มีอำนาจ หรือผู้ทรงปาฏิหาริย์
                พระพุทธเจ้าสั่งไว้ชัดเจนในบันทึกเดิม ว่าห้ามนักบวชพุทธแสดงปาฏิหาย์ หรือพลังพิเศษที่เป็นผลพลอยได้จากสมาธิ .. แต่ทุกวันนี้คุณจะเห็นว่ามีพวกอวดอุตริมากมาย นั่นก็ขอให้สันนิฐานไว้ก่อน ว่าผู้นั้นเบี่ยงเบนจากพระพุทธเจ้า.. และด้วยความหวังดีอย่าได้ไปหลงงมงายในพลังพิเศษเหล่านั้น ..
                คุณไม่จำเป็นต้องเป็นชาวพุทธด้วยซ้ำไปถ้าคุณอยากจะถอดวิญญาณได้ มนต์ซักบทก็ไม่ต้องท่อง มีคนมากมายถูกล้างสมองให้เชื่อด้วยการสอนปาฏิหาริย์แบบเด็กให้เอาไปชื่นชมกัน.. เช่นการเห็นอะไรแปลกๆ เป็นต้นว่ามองเห็นวิญญาณหรือจิตเดิมแท้ในตัวซึ่งสถิตอยู่ในทุกคนมาตั้งแต่เกิดแล้ว ..ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเห็นกันด้วยจิตที่ว่างเปล่ากันจริงรึเปล่าหรือเห็นด้วยการถูกอินพุทอะไรเข้าไปมากๆ แล้วจิตไปปรุงแต่งให้เห็นขึ้นมาเอง
                แต่ตามตำราซึ่งมีบันทึกไว้มาตั้งเป็นพันปีแล้ว ระบุไว้ว่า ร่างกายมนุษย์มี3ชั้น
                ชั้นนอกสุดคือการเนื้อ มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
                ชั้นในถัดลงมาคือจิตใจ มองไม่เห็นแต่สัมผัสได้ง่ายเป็นปกติ
                ชั้นในสุดคือวิญญาณหรือมโนธรรม ที่จะคอยควบคุมเราไม่ให้ทำความชั่ว ส่วนนี้จะสกปรกขึ้นเรื่อยๆตามอายุขัยของเรา และเมื่อถึงจุดหนึ่ง ส่วนในสุดนี้ก็จะไม่สามารถมีพลังต่อชีวิตเราอีกต่อไป เพราะเราจะใช้สองส่วนที่เหลือดำเนินชีวิตตามแต่ใจตัวเอง
                ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือมหัศจรรย์ที่จะมีใครบางคนเพ่งสมาธิจนสามารถมองเข้าไปจนเห็นส่วนที่สามได้...อย่าเพิ่งดีใจว่าคุณใกล้การรู้แจ้ง... คุณแค่มองเห็นส่วนหนึ่งของส่วนประกอบร่างกายคุก็เท่านั้น...

                สมาธิและพลังไม่ใช่การรู้แจ้ง หากอ่านมาถึงตรงนี้ผมยังไม่สามารถทำให้คุณเข้าใจได้ก็ขอยอมรับว่าเป็นความไม่เอาไหนของผมแต่เพียงผู้เดียว แต่ยังไงก็ยังเชื่อว่าสิ่งนี้ไม่มีมนุษย์ที่ไหนถมใส่ชีวิตคุณได้...เพราะผมก็บอกแล้วว่าคุณต้องขุดออกมาเอง ....

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×