กฏแห่งกรรม สมการ สมการ... - กฏแห่งกรรม สมการ สมการ... นิยาย กฏแห่งกรรม สมการ สมการ... : Dek-D.com - Writer

    กฏแห่งกรรม สมการ สมการ...

    และก็สาเหตพวกนี้เองที่คนบริสุทธิ์ซึ่งเคยมองเห็น\"รหัสดิบ\" กลับกลายเป็นคน\"ตาบอด\" ที่มองเห็นแค่ \"ผลมูลของรหัส\"

    ผู้เข้าชมรวม

    876

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    876

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  จิตวิทยา
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  1 พ.ย. 48 / 05:50 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      คุณเชื่อเรื่องกฏแห่งกรรมมั้ย?
      ทำดีได้ดี
      ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป?

      ในวิชาเลข x+x ก็จะได้ 2x
      ถามว่า ถ้าคนทั้งโลกไม่รู้วิชาเลข
      x+x ยังจะได้ 2x หรือไม่
      ......
      สมการมันก็มีของมันอยู่ก่อนแล้ว ไม่ใช่มนุษย์เป็นผู้สรางมัน แต่แค่เพียงค้นพบมัน แม้แต่คอมพิวเตอร์อันเป็นหน้าเป็นตาของมนุษย์ที่มีระบบซับซ้อน จริงๆแล้วมนุษย์ก็แค่ค้นพบมัน ไม่ได้สร้างมัน มนุษย์จะอวดอ้างความสามารถของตนได้มากที่สุดก็เพียงแค่ค้นพบความจริงเป็นเสตฺปๆ และเอามันมาโยงๆทำให้มันจับต้องได้เท่านั้น

      .......
      กฏแห่งกรรม?
      ฟังดูเป็นเรื่องศาสนามากเลย และค่อนข้างเข้าใจยากและไม่ค่อยอยากจะเข้าใจสักเท่าไหร่
      เปลี่ยนเป็นคำว่า
      กฏสมการ
      ความหมายเดียวกันเลย แค่เรียกต่างกันให้เป็นรูปธรรมจับต้องได้มากขึ้น

      จักรวาลพยามรักษาสมดุล โครงสร้างอะตอมๆในมวลสสารที่เกิดปฏิกิริยามากมาย ก็เพียงเพื่อรักษาสมดุล การเล่นแร่แปรธาตก็อาศัยหลักของการรักษาสมดุล กรเปลี่ยนแปลงสารหลายๆตัวทางเคมีก้อาศัยหลักแห่งการรักษาสมดุล
      แม้แต่การเปลี่ยนแปลงทั้งหลาย ก็อิงหลักของการรักษาสมดุล
      กฏสมการก็เป็นเช่นนั้น

      เราลืมและเริ่มจะไม่สนใจกฏสมการแห่งดีชั่ว ก็เพราะเรา\"รู้สึกไปเอง\"ว่าเราห่างไกลจากมัน จิตเป็นพลังงานอย่างนึง ถ้าความโกรธทำให้คุณร้อนรุ่มได้
      คงไม่มีใครเถียงนะครับ  .....ว่าสมการดีชั่วไม่ใช่เรื่องเดียวกับสมการx+xได้2x
      .....


      ที่ปัจจัยนึงที่ทำให้คนเริ่มไม่เชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม ก้เพราะเรื่องกฏแห่งกรรมใส่ไว้ในหมวดสติปัญญาฝ่ายศาสนา ....จะง่ายกว่ามาก ที่คนจะเข้าใจเรื่องกฏแห่งกรรมถ้ามันอยู่ในวิชาคณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์
      แต่ปัญหาที่ไม่สามารถเอากฏแห่งกรรมไปใส่ไว้ในวิชาเลขหรือวิทยาศาสตร์ได้ก็มีเหตผลที่จำเป็นอยู่ ....เพราะว่า

      ตัวแปร และค่าคงที่ทั้งหมด ต้องมองด้วยสายตาฝ่ายศาสนาจึงจะมองเห็น

      ก็คือว่า
      หลักการและตรรกกะทั้งหมดอยู่ในวิชาคณิตศาสตร์
      แต่วิธีหาตัวแปรและค่าคงที่ซึ่งต้องรู้ทั้งหมดนั้น ..กลับไปอยู่ในวิชาศาสนา
      ร้ายกว่านั้น ....
      ศาสนามากมายกลับยิ่งสอนในสิ่งที่จะให้คนมองไม่เห็นตัวแปร
      แต่ไปสอนให้คนสร้างหลักการและตรรกะใหม่ ที่ขัดแย้งกับกฏจักรวาลที่พวกเค้าไม่มีวันขัดขืนอะไรได้.....

      ---------
      ความจริงง่ายๆพื้นๆหลายอย่างถูกหลงลืมไปเพราะเราไม่ค่อยสนใจที่จะมองมัน เพราะต้องเอาเวลาไปทำนู่นทำนี่เพื่อสนองกิเลสตัณหาและความจำเป็นฝ่ายเนื้อหนัง
      จนในที่สุดมนุษย์ก็เริ่มทำตัวเป็นเจ้านายตัวเอง กำหนดชีวิตตัวเอง และคิดว่าตัวเองเจ๋งพอ คิดไปถึงขนาดว่าตัวเองเป็นพระเจ้า ทั้งที่ก็ยังมักจะแอบยกมือปลกๆกับรูปเคารพอยู่บ่อยๆ ขอนู่นขอนี่ สังคมสอนว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่เลยไหว้มันเสียหน่อย

      คนมักจะเชื่อและยอมรับในสิ่งที่เห็นผลทันตา แต่เหมือนว่ากฏแห่งกรรมซึ่งเป็นสมการพื้นๆที่ทุกคนก็ยอมรับว่ามันทำงานขอมันอยู่จริงๆอย่างอัตโนมัติกลับถูกมองข้ามไป ....เพราะพวกเค้ามองไม่เห็น หรือคิดไปว่าทำชั่วปุ้บไม่เห็นมีไรเกิดขึ้นเลย สงสัยกฏแห่งกรรมจะไม่มีจริง
      ................
      ที่จริงแล้วทุกอย่างมันก็ส่งผลทันตาเห็นนะครับ
      ถ้าจะมองให้เห็นเป็นรูปธรรม ก็คล้ายๆการกระทบกันเป็นทอดๆแบบพลังงาน

      ปัญหาจริงๆที่คนมักไม่สนใจ และคิดว่าการกระทำ\"ทุกอย่าง\" ส่งผลกระทบกันอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เพราะใจที่กระด้างและเริ่มจะ\"ตาบอด\" มองไม่เห็น สมการพวกนี้
      ซึ่งจริงๆแล้วสมการพวกนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ความรู้หรือไปถามผู้รู้เกจิอาจารย์ที่ไหนเลยว่ามันส่งผลอย่างไร เพราะมนุษย์ทุกคนสามารถมองเห็นมันได้อย่างเป็นรูปธรรมด้วยตัวเอง

      คนประเภทที่ต้องมาคอยถามคนนู้นคนนี้ว่าทำอย่างนี้บาปมั้ย อย่างนั้นได้บุญมั้ยนั้น
      ก็คือคน\"ตาบอด\"
      แต่คนพวกนี้ก็ยังดีที่ยังอุตส่าสนใจที่จะรู้
      เพราะบางคน\"ตาบอด\" ไม่พอ จิตสำนึกยังบอดอีก
      ......
      การอุปมานึงที่น่าสนใจของเรื่องผลกระทบของกรรม ที่จะสามารถเข้าใจและรู้จักวิธีมองมันให้เห็นด้วยตาเปล่ามากขึ้น

      เคยดูเรื่อง เมตตริก
      คนทั่วๆไป ในโลกเมตริก จะเห็นแค่สิ่งที่ถูกปรุงแต่งแล้ว

      แต่นีโอพระเอกของเรื่อง
      จะมองเห็นทุกอย่างในนั้น ตามสภาพความเป็นจริง ไม่มีกรปรุงแต่ง
      ถ้าพลังงานจากตรงไหนเกิดขึ้น และส่งไปตรงไหน ก็สามารถเห็นได้หมดด้วยการมองแบบนั้น

      ไม่ต้องใช้สมองด้วยซ้ำ ไม่ต้องใช้พลังจิตระดับไหนทั้งนั้นไม่ต้องใช้ความรู้หรือหลักตรรกกะไดๆเลย
      เพราะสมการเหล่านั้นมันก็มีของมันอยู่แล้วโดยปกติ
      แค่เปิดใจ ลดทิฐิ ลดการปรุงแต่งลงให้หมด
      ภาพเหล่านั้นมันก็จะปรากฏออกมาเอง
      ...
      คน\"ตาบอด\" มองไม่เห็น\"รหัสดิบ\"พวกนี้ที่ซ้อนอยู่และเป็นของจริงยิ่งกว่าที่เรารับรู้กันโดยทั่วไปนั้น
      ส่วนนึงก็เพราะเค้า ส้ราง\"เหตุผลจอมปลอม\"
      ขึ้นมาเพื่อปกปิดอะไรๆของเค้าที่เค้าอาจจะอยากลืม หรืออยากจะเปลี่ยนแปลง
      และประเด็นก็คือ เค้าพยามที่จะอยู่เหนือความจริงโดยอาสศัยความจริงใหม่ๆ โดยความจริงใหม่ๆนั้นก็ต้องถูกออกแบบให้เหมาะและให้เค้าดูดีที่สุด ...หรือที่เรียกกันว่า\"ลัทธิ\"

      ....
      การแก้ตัวไปเรื่อย การพยามหาคนผิด หรือหาคนที่ผิดยิ่งกว่าตัว เพื่อตัวจะบริสุทธิขึ้น
      หรือกระทั่งว่าพยามมองหาคนที่ชั่วช้ากว่าตัวเพื่อตัวจะพอเรียกตัวว่าเป็นคนดีได้นั้น
      ก็เป็นหนึ่งในเหตผลจอมปลอม

      และก็สาเหตพวกนี้เองที่คนบริสุทธิ์ซึ่งเคยมองเห็น\"รหัสดิบ\"
      กลับกลายเป็นคน\"ตาบอด\" ที่มองเห็นแค่ \"ผลมูลของรหัส\"

      ...
      และขอย้ำอีกทีว่า
      สิ่งเหล่านี้เป็นรูปธรรม ไม่ใช่นามธรรม
      เห็นก็แปลว่าเห็น ไม่ใช่แปลว่านึกเอา หรือตรึกตรองเอา
      การเห็นไม่ต้องคิดหรือใช้ความรู้อะไรทั้งนั้น
      เพราะทันทีที่เอาความรู้หรือความเห็น ความฉลาดเข้ามาปน
      มันก็จะเข้าสู่การคิดไปเองทันที
      แล้วในที่สุดก็จะ \"ตาบอด\"

      ขอพระเจ้าคุ้มครองครับ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×