คุณเชื่อเรื่องกฏแห่งกรรมมั้ย?
ทำดีได้ดี
ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป?
ในวิชาเลข x+x ก็จะได้ 2x
ถามว่า ถ้าคนทั้งโลกไม่รู้วิชาเลข
x+x ยังจะได้ 2x หรือไม่
......
สมการมันก็มีของมันอยู่ก่อนแล้ว ไม่ใช่มนุษย์เป็นผู้สรางมัน แต่แค่เพียงค้นพบมัน แม้แต่คอมพิวเตอร์อันเป็นหน้าเป็นตาของมนุษย์ที่มีระบบซับซ้อน จริงๆแล้วมนุษย์ก็แค่ค้นพบมัน ไม่ได้สร้างมัน มนุษย์จะอวดอ้างความสามารถของตนได้มากที่สุดก็เพียงแค่ค้นพบความจริงเป็นเสตฺปๆ และเอามันมาโยงๆทำให้มันจับต้องได้เท่านั้น
.......
กฏแห่งกรรม?
ฟังดูเป็นเรื่องศาสนามากเลย และค่อนข้างเข้าใจยากและไม่ค่อยอยากจะเข้าใจสักเท่าไหร่
เปลี่ยนเป็นคำว่า
กฏสมการ
ความหมายเดียวกันเลย แค่เรียกต่างกันให้เป็นรูปธรรมจับต้องได้มากขึ้น
จักรวาลพยามรักษาสมดุล โครงสร้างอะตอมๆในมวลสสารที่เกิดปฏิกิริยามากมาย ก็เพียงเพื่อรักษาสมดุล การเล่นแร่แปรธาตก็อาศัยหลักของการรักษาสมดุล กรเปลี่ยนแปลงสารหลายๆตัวทางเคมีก้อาศัยหลักแห่งการรักษาสมดุล
แม้แต่การเปลี่ยนแปลงทั้งหลาย ก็อิงหลักของการรักษาสมดุล
กฏสมการก็เป็นเช่นนั้น
เราลืมและเริ่มจะไม่สนใจกฏสมการแห่งดีชั่ว ก็เพราะเรา\"รู้สึกไปเอง\"ว่าเราห่างไกลจากมัน จิตเป็นพลังงานอย่างนึง ถ้าความโกรธทำให้คุณร้อนรุ่มได้
คงไม่มีใครเถียงนะครับ  .....ว่าสมการดีชั่วไม่ใช่เรื่องเดียวกับสมการx+xได้2x
.....
ที่ปัจจัยนึงที่ทำให้คนเริ่มไม่เชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม ก้เพราะเรื่องกฏแห่งกรรมใส่ไว้ในหมวดสติปัญญาฝ่ายศาสนา ....จะง่ายกว่ามาก ที่คนจะเข้าใจเรื่องกฏแห่งกรรมถ้ามันอยู่ในวิชาคณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์
แต่ปัญหาที่ไม่สามารถเอากฏแห่งกรรมไปใส่ไว้ในวิชาเลขหรือวิทยาศาสตร์ได้ก็มีเหตผลที่จำเป็นอยู่ ....เพราะว่า
ตัวแปร และค่าคงที่ทั้งหมด ต้องมองด้วยสายตาฝ่ายศาสนาจึงจะมองเห็น
ก็คือว่า
หลักการและตรรกกะทั้งหมดอยู่ในวิชาคณิตศาสตร์
แต่วิธีหาตัวแปรและค่าคงที่ซึ่งต้องรู้ทั้งหมดนั้น ..กลับไปอยู่ในวิชาศาสนา
ร้ายกว่านั้น ....
ศาสนามากมายกลับยิ่งสอนในสิ่งที่จะให้คนมองไม่เห็นตัวแปร
แต่ไปสอนให้คนสร้างหลักการและตรรกะใหม่ ที่ขัดแย้งกับกฏจักรวาลที่พวกเค้าไม่มีวันขัดขืนอะไรได้.....
---------
ความจริงง่ายๆพื้นๆหลายอย่างถูกหลงลืมไปเพราะเราไม่ค่อยสนใจที่จะมองมัน เพราะต้องเอาเวลาไปทำนู่นทำนี่เพื่อสนองกิเลสตัณหาและความจำเป็นฝ่ายเนื้อหนัง
จนในที่สุดมนุษย์ก็เริ่มทำตัวเป็นเจ้านายตัวเอง กำหนดชีวิตตัวเอง และคิดว่าตัวเองเจ๋งพอ คิดไปถึงขนาดว่าตัวเองเป็นพระเจ้า ทั้งที่ก็ยังมักจะแอบยกมือปลกๆกับรูปเคารพอยู่บ่อยๆ ขอนู่นขอนี่ สังคมสอนว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่เลยไหว้มันเสียหน่อย
คนมักจะเชื่อและยอมรับในสิ่งที่เห็นผลทันตา แต่เหมือนว่ากฏแห่งกรรมซึ่งเป็นสมการพื้นๆที่ทุกคนก็ยอมรับว่ามันทำงานขอมันอยู่จริงๆอย่างอัตโนมัติกลับถูกมองข้ามไป ....เพราะพวกเค้ามองไม่เห็น หรือคิดไปว่าทำชั่วปุ้บไม่เห็นมีไรเกิดขึ้นเลย สงสัยกฏแห่งกรรมจะไม่มีจริง
................
ที่จริงแล้วทุกอย่างมันก็ส่งผลทันตาเห็นนะครับ
ถ้าจะมองให้เห็นเป็นรูปธรรม ก็คล้ายๆการกระทบกันเป็นทอดๆแบบพลังงาน
ปัญหาจริงๆที่คนมักไม่สนใจ และคิดว่าการกระทำ\"ทุกอย่าง\" ส่งผลกระทบกันอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เพราะใจที่กระด้างและเริ่มจะ\"ตาบอด\" มองไม่เห็น สมการพวกนี้
ซึ่งจริงๆแล้วสมการพวกนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ความรู้หรือไปถามผู้รู้เกจิอาจารย์ที่ไหนเลยว่ามันส่งผลอย่างไร เพราะมนุษย์ทุกคนสามารถมองเห็นมันได้อย่างเป็นรูปธรรมด้วยตัวเอง
คนประเภทที่ต้องมาคอยถามคนนู้นคนนี้ว่าทำอย่างนี้บาปมั้ย อย่างนั้นได้บุญมั้ยนั้น
ก็คือคน\"ตาบอด\"
แต่คนพวกนี้ก็ยังดีที่ยังอุตส่าสนใจที่จะรู้
เพราะบางคน\"ตาบอด\" ไม่พอ จิตสำนึกยังบอดอีก
......
การอุปมานึงที่น่าสนใจของเรื่องผลกระทบของกรรม ที่จะสามารถเข้าใจและรู้จักวิธีมองมันให้เห็นด้วยตาเปล่ามากขึ้น
เคยดูเรื่อง เมตตริก
คนทั่วๆไป ในโลกเมตริก จะเห็นแค่สิ่งที่ถูกปรุงแต่งแล้ว
แต่นีโอพระเอกของเรื่อง
จะมองเห็นทุกอย่างในนั้น ตามสภาพความเป็นจริง ไม่มีกรปรุงแต่ง
ถ้าพลังงานจากตรงไหนเกิดขึ้น และส่งไปตรงไหน ก็สามารถเห็นได้หมดด้วยการมองแบบนั้น
ไม่ต้องใช้สมองด้วยซ้ำ ไม่ต้องใช้พลังจิตระดับไหนทั้งนั้นไม่ต้องใช้ความรู้หรือหลักตรรกกะไดๆเลย
เพราะสมการเหล่านั้นมันก็มีของมันอยู่แล้วโดยปกติ
แค่เปิดใจ ลดทิฐิ ลดการปรุงแต่งลงให้หมด
ภาพเหล่านั้นมันก็จะปรากฏออกมาเอง
...
คน\"ตาบอด\" มองไม่เห็น\"รหัสดิบ\"พวกนี้ที่ซ้อนอยู่และเป็นของจริงยิ่งกว่าที่เรารับรู้กันโดยทั่วไปนั้น
ส่วนนึงก็เพราะเค้า ส้ราง\"เหตุผลจอมปลอม\"
ขึ้นมาเพื่อปกปิดอะไรๆของเค้าที่เค้าอาจจะอยากลืม หรืออยากจะเปลี่ยนแปลง
และประเด็นก็คือ เค้าพยามที่จะอยู่เหนือความจริงโดยอาสศัยความจริงใหม่ๆ โดยความจริงใหม่ๆนั้นก็ต้องถูกออกแบบให้เหมาะและให้เค้าดูดีที่สุด ...หรือที่เรียกกันว่า\"ลัทธิ\"
....
การแก้ตัวไปเรื่อย การพยามหาคนผิด หรือหาคนที่ผิดยิ่งกว่าตัว เพื่อตัวจะบริสุทธิขึ้น
หรือกระทั่งว่าพยามมองหาคนที่ชั่วช้ากว่าตัวเพื่อตัวจะพอเรียกตัวว่าเป็นคนดีได้นั้น
ก็เป็นหนึ่งในเหตผลจอมปลอม
และก็สาเหตพวกนี้เองที่คนบริสุทธิ์ซึ่งเคยมองเห็น\"รหัสดิบ\"
กลับกลายเป็นคน\"ตาบอด\" ที่มองเห็นแค่ \"ผลมูลของรหัส\"
...
และขอย้ำอีกทีว่า
สิ่งเหล่านี้เป็นรูปธรรม ไม่ใช่นามธรรม
เห็นก็แปลว่าเห็น ไม่ใช่แปลว่านึกเอา หรือตรึกตรองเอา
การเห็นไม่ต้องคิดหรือใช้ความรู้อะไรทั้งนั้น
เพราะทันทีที่เอาความรู้หรือความเห็น ความฉลาดเข้ามาปน
มันก็จะเข้าสู่การคิดไปเองทันที
แล้วในที่สุดก็จะ \"ตาบอด\"
ขอพระเจ้าคุ้มครองครับ
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น