คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1
บทที่ 1
“ฮัลโหลไอ้จาด แกอยู่ไหนฟะเนี่ย เพื่อนเจ๊โทรมาเร่งยิกๆ ว่าเค้ารอแกกันอยู่คนเดียวเนี่ย”
“โอ๊ย! เจ๊ ก็รีบอยู่เนี่ยให้เวลาเตรียมตัวกันแค่ 2 ชั่วโมงใครจะไปเตรียมทันวะ” บุลินบ่นอย่างหัวเสีย กับเจ๊น้ำ หรือ บ.ก. สำนักพิมพ์รื่นเริงที่โทรไปจิกและสั่งให้เธอไปทริปดอยผ้าห่มปก ตอนแรกเธอก็คิดว่าทริปนี้เจ๊คงใจดีโทรมาชวนไปเที่ยว แต่ที่ไหนได้ โทรมาสั่งให้ไปเก็บข้อมูลเพื่อมาลงเป็น ‘สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตประจำเดือน’ ของนิตยาสารแทนแก เฮ้อ! นี่ถ้าเจ๊ไม่บอกว่าจบงานนี้แล้วจะไม่ยุ่งกับเธอไปอีกหลายเดือน เธอคงไม่ตัดสินใจมาทริปนี้แน่ๆ
“แกอย่ามาทำบ่นนะไอ้จาด ฉันอุตส่าห์ถามแกแล้วนะว่าคิดดีแล้วใช่มั้ยว่าจะไป แกก็บอกเองว่าไปแน่ๆ”
“โอ๊ยเมื่อไรจะเลิกเรียกทรายว่าจาดเนี่ย ทรายชื่อ หาดทรายเว้ย ไม่ใช่จาด!”
“แล้วไอ้ที่บอกว่าทรายไปแน่ๆ ก็ใครจะไปคิดล่ะว่าเจ๊จะให้เค้าไปทำงาน เฮ้ยๆ เจ๊ถึงแล้วๆ แค่นี้ก่อนนะ บาย”
บุลินรีบวางสายและจ่ายค่าแท็กซี่เมื่อรู้ว่าตัวเองมาถึง ปั๊ม ปตท. ที่เป็นจุดนัดพบของการเดินทางในครั้งนี้แล้ว
บุลินรีบลงจากรถและวิ่งไปตรงจุดที่คิดว่าน่าจะเป็นคณะทัวร์ โอย! จะทำไงดีเนี่ย ลืมถามเจ๊ไปเสียสนิทว่าทริปนี้มีใครบ้าง แล้วต้องเตรียมอะไรมาบ้าง ถ้าต้องใช้เต้นท์ขึ้นมาเธอจะทำไงดีล่ะเนี่ยขึ้นดอยซะด้วยตายแน่ไอ้บุลิน เพราะทั้งเนื้อทั้งตัวมีเสื้อแค่ 3 ตัวกับกางยีนส์ที่เธอใส่อยู่ในขณะนี้อีกหนึ่งตัว นอกจากนั้นก็ของใช้ส่วนตัว
“เอ่อ...ขอโทษนะคะนี่ใช่คณะที่จะไปทริปดอยผ้าห่มปกหรือเปล่า?” บุลินถามผู้หญิงที่คิดว่าแก่กว่าตัวเองไม่มากนัก ผู้หญิงคนนั้นหันหน้ามา อ้าปากกำลังจะตอบคำถาม แต่กลับมีเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมาซะก่อน
“ใช่ครับ ไม่ทราบว่าคุณมีอะไรหรือเปล่า?” เสียงนุ่มทุ้มตอบกลับมา ทำเอาบุลินหันขวับไปทางเสียงนั้นอย่างงงๆ บุลินอ้าปากค้างตะลึงกับความหล่อเหลาของเจ้าของเสียงนี้ โอ้วมายก๊อด! พระเจ้าทรงเห็นความดีมอบผู้ชายในฝันคนนี้มาให้ลูกแล้วหรือคะ บุลินเริ่มรู้สึกตัวจึงปรับท่าทีให้เป็นปกติ
“ผมเป็นไกด์นำเที่ยวของทริปนี่น่ะครับ ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่า?” นภนต์ถามกลับไปอย่างสุภาพ ทั้งๆที่ในใจเค้าตอนนี้กำลังเดือดเป็นไฟ เพราะว่าโมโหไอ้หนุ่มบุลินอะไรนั่นที่ยังไม่โผล่หัวมาสักที ทั้งๆที่เลยเวลานัดมาได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว
“เอ่อคือ...ฉันจะบอกว่าถ้าคุณกำลังรอบุลินอยู่ ตอนนี้บุลินมาถึงแล้วค่ะ” บุลินตอบกลับไปอย่างยิ้มๆ เค้าบอกว่าเวลาทำผิดให้ยิ้มเข้าสู้
“คุณบอกว่าบุลินมาถึงแล้ว แต่ผมยังไม่เห็นผู้ชายคนไหนเลย นอกจากคุณซึ่งเป็นผู้หญิง เอ๊ะ! หรือว่า.....” ชายหนุ่มคนเดิมตอบกลับมาพร้อมทำท่าประหลาดใจ ทำเอาบุลินสะดุ้งโหยงกับคำพูดหยาบคายที่หาว่าชื่อเธอเหมือนผู้ชาย ยกมือเท้าสะเอวเตรียมท่าจะด่า แต่พอมานึกขึ้นได้ว่า เธอเป็นสาเหตุที่ให้ทุกคนต้องช้า จึงต้องเก็บคำด่านั้นไว้ในใจ แต่ยังๆ มันยังไม่จบแค่นี้หรอกเพราะว่าแค้นนี้ต้องชำระ!
“คุณเข้าใจไม่ผิดหรอกค่ะ ดิฉันบุลินที่พวกคุณกำลังรออยู่ ขอโทษนะคะ พอดีว่าเจ๊น้ำเพิ่งโทรไปบอกทรายเมื่อ 2 ชั่วโมงที่แล้วให้มาทริปนี้แทนแกหน่อยเพราะว่าแกไม่ว่าง เลยตั้งตัวไม่ทันแถมยังให้ทุกๆคนต้องมารออีก ขอโทษจริงๆค่ะ” บุลินขอโทษขอโพยทุกๆคน อย่างนอบน้อม เพราะยังอยากให้ตลอดทริปนี้ตัวเองอยู่ครบ 32
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เมื่อกี๊น้ำก็โทรมาบอกพี่แล้ว เอาเป็นว่าเรารีบออกเดินทางกันดีกว่าช้ากันมานานแล้ว เอ้อ! ลืมไป พี่ชื่อ ภูนะ เป็นผู้นำทริปนี้เอง” ภูบอกหญิงสาวซึ่งแทนตัวเองว่าทราย แล้วรีบขึ้นรถตู้ไปเป็นคนแรก ตามด้วยสมาชิกคนอื่นๆ ที่ยังเคืองเธออยู่ เพราะมีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ยอมหันมายิ้มให้เธอ เท่าที่นับคร่าวๆแล้ว บุลินคิดว่า ทริปนี้น่าจะมีประมาณสัก 13 คนถ้ารวมเธอเข้าไปด้วย
“เอ๊า! คุณจะยืนทำเอ๋ออะไรอยู่ รีบขึ้นรถสิ หรือว่าสนใจจะมานั่งตักผมครับพ่อหนุ่ม เอ๊ย! แม่สาวบุลิน” นภนต์บอกหญิงสาวอย่างติดตลก เอาเถอะถึงตอนแรกเค้าจะโมโหมากเพียงใดก็ตาม แต่พอเห็นสีหน้าตกใจอย่างกับจะฆ่าคนได้ของเธอตอนรู้ว่าเค้าคิดว่าบุลินเป็นผู้ชายแล้วก็อดจะให้อภัยไม่ได้
“แล้วจะให้ฉันนั่งตรงไหนเล่า! คุณไม่เห็นหรือไงว่ารถมันเต็มแล้ว”บุลินถลึงตาใส่พ่อหนุ่มรูปงามที่เคยคิดไว้ในตอนแรก แต่ตอนนี้มันไม่เหลืออีกแล้ว มันเหลือแต่คำว่า แค้นนี้ต้องชำระเว้ย!!
“อ่อ ผมก็ลืมไป คุณมานั่งข้างหน้ากับผมละกัน เอ้อลืมไป ผมนภนต์ หรือเรียกว่าขอบฟ้าก็ได้” บุลินแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเค้าแนะนำตัว เอากระเป๋าเสื้อผ้าทุ่มใส่หัวพ่อไกด์สุดหล่อแล้วจึงกระโดดขึ้นรถไปพร้อมกับกระเป๋ากล้องถ่ายรูปสุดหวง
นภนต์มองตามหญิงสาวผู้ซึ่งทุ่มเป้ใส่หัวเค้าเมื่อกี๊ แต่ตอนนี้กลับนั่งลอยหน้าลอยตาอยู่บนรถเหมือนไม่มีอะไรเเกิดขึ้น นั่นๆ แถมมีการหันมายักคิ้วให้เค้าอีก นภนต์หัวเราะกับหน้านวลนั่น จะว่าไปทริปนี้คงมีอะไรสนุกมากกว่าที่คิดแฮะ นภนต์คิดอย่างขำๆ
นภนต์ส่งกระเป๋าให้คนขับรถผู้รู้หน้าที่ไปเก็บ แล้วกระโดดขึ้นรถไปนั่งข้างๆแม่บุลินตัวแสบ
จากตอนแรกที่บุลินคิดว่าถ้าตาไกด์นี่ขึ้นมาเมื่อไรเธอจะแกล้งเบียดๆให้เหลือที่นั่งนิดเดียว แต่มันกลับกลายเป็นว่าไม่ต้องเบียดที่ก็แทบไม่เหลือแล้ว คนบ้าอะไร ตัวใหญ่จริง นี่เธอว่าเธอสูงแล้วนะแต่อีตานี่กลับสูงกว่า โอย! แล้วจะมีแรงชำระแค้นกับเค้าเหรอเนี่ยยัยบุลิน
“เอาล่ะครับ ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ทริปดอยผ้าห่มปก ผมหวังว่าทุกคนจะสนุกไปกับมันนะครับ แต่ตอนนี้ใครอยากหลับก็เชิญได้ตามสบายนะครับ ถึงเมื่อไรผมจะบอก ราตรีสวัสดิ์ครับทุกคน”
“ราตรีสวัสดิ์เช่นกันครับ/คะ” เสียงตอบรับจากทุกๆคนในรถตู้ดังขึ้นก่อนจะเงียบลงไป เป็นสัญญาณให้รู้ได้ว่า ทุกคนได้เข้าสู่ห้วงนิทราเรียบร้อยแล้ว
“อ้าวคุณยังไม่หลับอีกเหรอ?” นภนต์หันไปมองหญิงสาวข้างตัวอย่างแปลกใจ
“ไม่หรอกวิวตอนกลางคืนอ่ะสวยออก ฉันชอบมองไฟน่ะ มันให้ความรู้สึกมีสีสันในขณะที่ให้ความรู้เหงาในยามค่ำคืน” บุลินพูดในขณะที่สายตาทอดยาวไกลผ่านกระจกใสด้านหน้ารถ โดยลืมไปสนิทว่าตัวเองเคยมีความแค้นอะไรกับคนข้างตัว ตอนนี้บรรยากาศรอบตัวมันสงบจนทำให้ใจของเธอสงบไปด้วย
“คุณคิดเหมือนผมเลย ผมว่ามันเป็นอะไรที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัวเลยล่ะ แสงสี ความมืด และความเหงา” นภนต์หันไปมองด้านข้างของบุลิน ในตอนนี้เธอดูไม่เหมือนหญิงสาวที่เพิ่งแว๊ดๆใส่เค้าเลยสักนิด คิ้วเข้มดกดำเหมือนผู้ชาย ดวงตารียาว จมูกเชิดนิดพอให้รู้ว่าไม่ยอมใครรับกับริมฝีปากบางกำลังแย้มยิ้มอย่างมีความสุขกับบรรยากาศรอบตัว จนทำให้นภนต์เผลอมองรอยยิ้มนั้นอย่างลืมตัว
พอหลุดจากภวังค์ความคิดบุลินรู้สึกได้ว่าคนข้างตัวกำลังมองเธออยู่ จึงหันใบหน้าอันถมึงทึงไปหาเค้า กะว่าจะด่าให้หายแค้น แต่คำพูดทั้งหมดกับติดอยู่ที่ริมฝีปาก มิอาจเอื้อนเอ่ยออกไป
จังหวะที่บุลินหันไปหานภนต์นั้น เป็นจังหวะเดียวกันกับที่นภนต์เผลอขยับตัวเข้าไปสูดกลิ่นหอมจากกลุ่มผมดำเงางามของบุลิน เป็นผลทำให้ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ
บุลินจ้องมองดวงตานั้นอย่างตกตะลึงกับระยะของความห่างที่มันแสนใกล้ หัวใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำ และยิ่งแรงขึ้นเมื่อ นภนต์หลุบสายตาต่ำลงมาที่ริมฝีปากแดงระเรื่อที่กำลังสั่นกับความรู้สึกประหลาดๆที่เกิดขึ้น
“อะแฮ่ม” เสียงไอของคนขับรถทำให้ทั้งคู่เด้งออกจากกันอย่างตกใจ
บุลินเอามือเกาหัวเพื่อช่วยบรรเทาความเขิน
“อะไรติดคอเหรอพี่เหน่ง ถึงต้องอะแฮ่มซะดังเชียว” นภนต์ถามคนขับรถแก้เก้อกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี๊
“ก็แค่....ความรักมันติดคอน่ะครับคุณฟ้า” พี่เหน่งหัวเราะ หึหึ อย่างสุขใจ ที่สามารถปล่อยระเบิดความเขินให้ทั้งคู่ได้.....
ความคิดเห็น