คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 2 เจ้าหญิงกับเจ้าชาย
2
เจ้าหญิงกับเจ้าชาย
ฉันเทเลพอร์ตตัวเองกลับมาหน้าห้องเรียนก่อนจะเปิดประตูเข้าไป อาจารย์ประจำวิชาเริ่มสอนแล้ว ฉันพูดขออนุญาตก่อนจะเข้าไปนั่งที่ตัวเอง
“คุณฟีดาร่า ไหนลองมาตอบคำถามบนกระดานซิ” เสียงอาจารย์ดังขึ้น
ฉันไม่ได้ตอบคำถามในทันทีเพราะรู้สึกว่ามีคนเข้ามาในพื้นที่อาณาเขต ‘พลังจิต’ ของฉัน ฉันหันขวับไปทางประตูก่อนจะพบว่ามีร่างสามร่างยืนอยู่หน้าประตู ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนคินและคุโระจะเดินไปเปิดประตู
“สวัสดีครับ” แล้วคนที่อยู่หน้าสุดก็พูดขึ้น
ด้วยอิทธิพลของเด็กห้องพิเศษ S อาจารย์ที่กำลังสอนอยู่จึงเกรงอกเกรงใจและขอตัวออกไปก่อนเวลาหมด ให้ตายสิ
“นายมีธุระอะไร ‘จีม์’ ” จีม์ คือเจ้าชายประจำห้อง S เขาเป็นคนที่หน้าตาดีและเก่งกาจ เขาอยู่สายพิเศษ F แต่ไม่มีคู่หู ก็อย่างที่รู้ๆกันอยู่ว่าคู่หูเขาตายไปแล้ว...แต่เบื้องหลังของคำว่า ‘ตาย’ ของคู่หูเขาน่ะมันมีมากกว่าที่คนทั่วไปเขารู้กันน่ะสิ
“ธุระของฉันก็คือเธอไง ฟีดาร่าที่รัก” เขาส่งยิ้มหวานมาให้ฉัน ทำเอาฉันขนลุกเกรียว นัยน์ตาสีฟ้าครามหรี่จ้องมาทางฉันอย่างสื่อความหมาย ข้างกายของเขามีอัศวินสายน้ำเงินและแดง รู้สึกว่าจะเป็นคู่หูกันล่ะนะ
“ใครที่รักนายกัน จีม์” ฉันพูดขึ้น เขาปัดเส้นผมสีดำเหลือบน้ำตาลของเขาที่หล่นมาปรกหน้าออกด้วยท่วงท่าที่เขาคิดว่า ‘สง่างาม’ ก่อนจะเบนสายตามาจ้องฉันอีกครั้ง ฉันอยากจะบอกว่าสายตาแบบนั้นของเขาไม่ได้ช่วยให้ฉันพิศวาสเขาขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว
“อย่าพูดอย่างนั้นสิฟีด้า ฉันรู้ข่าวจากครูใหญ่แล้วนะ ว่าเธอกำลังจะมี ‘คู่หู’ ”
“หึ จะมีไม่มีไม่ได้เกี่ยวกับนาย ออกไปจากห้องฉันซะจีม์ ถ้านายจะมาพล่ามเรื่องไร้สาระก็เชิญค่ะ” ฉันจบบทสนทนาก่อนจะลุกขึ้นและเดินหนีไป
“หนีงั้นเหรอ? แบบนี้มันไม่ใช่เธอเลยนี่ฟีด้า หึหึ...เธอก็รู้ว่าไม่ควรทำให้ฉันโกรธนะที่รัก” จีม์แค่นเสียงจากทุ้มเป็นก้าวร้าวและแข็งกระด้าง
“ฉันไม่ได้หนี แค่คิดว่า...ใครน่ะ!!” ฉันใช้ ‘พลังจิต’ ผลักมีดสั้นไปที่หน้าต่างก่อนที่มันจะแตกเสียงดัง ร่างสูงในชุดนักเรียนยืนอยู่ตรงขอบตึกพอดี ผมสีดำสนิทของเขาปลิวสยายจนฉันรำคาญแทน นัยน์ตาสีทองประกายฉายแววสนุกสนานออกมาอย่างเห็นได้ชัด จมูกโด่งได้รูป ริมฝีปากหยักยิ้มขึ้นนิดๆ คิ้วโค้งสวยรับกับใบหน้าเรียว จนลดทอนความเป็นบุรุษเพศลงไปมากทีเดียว...
“แก!!” เสียงเกรี้ยวกราดของอัศวินสีน้ำเงินอยู่ยืนอยู่ข้างกายจีม์พอจะทำให้ฉันรู้ว่าบุคคลที่มาใหม่คือคนที่สู้กลางสนามเมื่อสักครู่ รู้สึกว่าตัวเองความจำสั้นแฮะ!
“เก่งสมที่มาสเตอร์โม้ไว้จริงๆ” เขาหยักยิ้มมากขึ้นก่อนจะกระโดดมาหาฉัน ฉันวาดมือไปข้างหลังสื่อให้คินกับคุโระว่าไม่ต้อง แต่กลับเป็นจีม์ที่เดินมาจ้องหน้าบุคคลมาใหม่
“แก...เป็นใคร!” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดเต็มที่
“ ‘คู่หู’...ของคุณฟีดาร่า” เสียงทุ้มของเขาคล้ายๆเสียงของมาสเตอร์...เป็น ‘แวมไพร์’ จริงๆสินะ
“อะ...อะไรนะ แกเองเหรอ!! คู่หูของฟีด้า!!” ใบหน้าของจีม์บิดเบี้ยวจนน่ากลัว ความหล่อเหลานั้นหายไปพร้อมกับอารมณ์เกรี้ยวกราด ก่อนฉันจะตัดสินใจ ‘เคลื่อนย้าย’ ทุกคนในห้องเรียนไปที่หอกีฬา
“ถ้าจะสู้กัน สู้กันที่นี่เถอะ ฉันไม่อยากให้ห้องเรียนเสียหายสักเท่าไหร่” ฉันพูดแค่นเสียงและเดินไปนั่งตรงโซฟา VIP ที่อยู่หน้าสังเวียนและมองเห็นการต่อสู้บนสังเวียนได้ชัดเจน ก่อนจะประกาศว่า “กติกาไม่มี ฉันก็อยากจะรู้นักว่า ‘คุณคู่หู’ ของฉันจะเก่งกาจเท่าจีม์รึป่าว” สิ้นเสียงของฉันคินกับคุโระก็มานั่งข้างๆฉันและทุกคนก็รีบลงจากสังเวียนเพื่อเปิดทางให้จีม์และผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นคู่หูฉันต่อสู้กัน
จีม์เป็นฝ่ายเริ่มชักอาวุธออกมาก่อน อาวุธของเขาก็คือแส้เลเซอร์ที่สามารถยืดและหดได้ ฉันจำได้ว่าฉันเคยบอกว่าแส้นี้ทำให้เขาเหมือนพวกซาดิสม์ที่ชอบความรุนแรงน่ะนะ คู่หูของฉันยังยืนนิ่งอยู่กับที่ราวกับจะพิจารณาคู่ต่อสู้ก่อน ถ้าจำไม่ผิดล่ะก็ตอนที่เขาสู้กับอัศวินนั้น...เขาไม่ได้ใช้อาวุธอะไรเลย สู้ด้วยมือเปล่าและพลังของแวมไพร์เท่านั้น...อืม เป็นผู้ชายที่น่าสนใจจริงๆนั่นแหละ
จีม์เริ่มตะวัดแส้อย่างบ้าคลั่งราวกับงู แส้เลเซอร์นั้นเป็นอาวุธร้ายแรงชนิดหนึ่งที่แม้แต่ แวมไพร์เองก็ต่อกรไม่ได้ง่ายๆนักหรอก ส่วนคู่หูของฉันก็ยังยืนอยู่นิ่งๆ เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าราวกับจะหยิบหาของบางอย่าง ฉันเพ่งมองที่มือเขาโดยที่กำลังคิดว่าเขาจะใช้อาวุธอะไร แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าเขาจะหยิบ ‘ยางรัดผม’ ออกมา
“...หมอนั่น แน่ชะมัด!!” ฉันแค่นเสียงพูดขึ้นเบาๆอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาสักเท่าไหร่
“คู่หูเธอนี่สุดยอดดดด” คุโระพูดอย่างตื่นเต้น
“หึหึ” ฉันนั่งคิ้วกระตุก ในใจลึกๆแล้วฉันเชียร์คู่หูฉันมากกว่า ถ้าจะถามว่าเพราะอะไร...ไว้ถ้าฉันไม่ลืมจะบอกก็แล้วกัน J
หลังจากที่คู่หูของฉันรวบผมยาวของเขาเก็บไว้แล้วจีม์ก็เริ่มพูดถากถางและยกยอตัวเอง ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องจริงทุกเรื่องแต่ฉันก็ยังรังเกียจผู้ชายที่ได้สายพิเศษ F มาด้วยเบื้องหลังอันน่ารังเกียจนี้อยู่ดี...เบื้อหลังที่ฉันไม่อยากจำ...
เขาทั้งสองคนเริ่มสู้กันแล้ว ผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างสูสีแต่เท่าที่ดูแล้วฉันคดว่าคู่หูฉันน่าจะชนะเพราะว่าเขาดูมีเชิงในการต่อสู้มากกว่า...ประมาณว่าประสบการณ์โชกโชนมากกว่าแบบนี้ล่ะนะ อาจเป็นเพราะคู่หูของฉันแก่กว่าจีม์ล่ะมั้ง! เท่าที่ฉันรู้ก็รู้ว่าจีม์เป็นเทพเปกาซัส อายุก็ไม่มากเท่าไหร่ประมาณ 18 ปี แต่เขาก็เคยต่อสู้ระดับประเทศและชนะมาโดยตลอดในการแข่งขันต่างๆ มีความสามารถหลายๆด้าน แต่ฉันไม่เคยเห็นว่าฉันด้อยหรืออ่อนกว่าเขาเลย ว่าตามจริงแบบแอบโม้นะ ฉันคิดว่าฉันอาจจะสู้เขาได้ด้วยซ้ำอาจจะแพ้แบบคะแนนไม่ห่างกันมากหรืออาจจะเสมอ
ตอนนี้ฉันเห็นว่าคู่หูของฉันเริ่มมีเหงื่อผุดพรายให้เห็นบ้างแล้ว เขากระโดดขึ้นไปยืนบนเสาที่มุมสังเวียนก่อนฉันจะเห็นเขา ‘เรียก’ อะไรบางอย่างที่ทำให้ฉันอึ้งจนไม่รับรู้อะไรอีกเลย...
ฉันตื่นขึ้นมาก่อนจะพบว่ามีแต่สีขาวโพลนไปหมด ฉันลุกขึ้นช้าๆก่อนจะเดินไปตามความรู้สึก ความรู้สึกที่ไม่อยากจะรับรู้ จากที่เดินก็กลายเป็นวิ่ง ฉันวิ่งไปท่ามกลางแสงสีขาววิ่งตรงไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย...ไร้ซึ่งทางออกใดๆ ฉันหยุดพักและหอบแฮกๆก่อนจะเห็นจุดสีเขียวที่ปลายสายตาจะมองเห็น...อย่างน้อยมันก็มีสีเขียวล่ะนะ!
ฉันวิ่งไปตามทางไปยังจุดสีเขียว เมื่อวิ่งเข้าใกล้มันมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งกว้างขึ้นเท่านั้น และสุดท้ายฉันก็ออกมาพบทุ่งหญ้าสีเขียวที่แสนอุดมสมบูรณ์ ทุ่งหญ้าที่กว้างไกลสุดสายตา...ทุ่งหญ้าที่ฉันไม่เคยลืม...
ฉันเดินตรงไปเรื่อยๆด้วยสัญชาตญาณที่มีมากมายอยู่ในกายทำให้ฉันเดินต่อไปอย่างไม่กลัวเกรง ก่อนจะพบหมู่บ้านที่ดูแล้วไม่ใหญ่มากแต่กลับน่าอยู่และอบอุ่นอย่างประหลาด
ฉันเดินตรงเข้าไปในหมู่บ้านพลางกวาดสายตามองไปเรื่อยๆ หมู่บ้านนี้มีผู้คนยิ้มแย้มและดูเป็นมิตรมาก ฉันยิ้มตอบกลับบ้างตามมารยาทก่อนจะเห็นใครบางคนวิ่งตรงเข้ามา...ใครบางคนที่อยากจะลืม...
‘หลบไป!’ ร่างที่สูงกว่าฉันพูดขึ้นแต่ฉันที่หลบไม่ทันจึงโดนชนโครมจนล้มไปนอนกับพื้นถนน แต่คู่กรณีของฉันวิ่งหนีไปแล้วล่ะ... ฉันไม่ได้คิดมากอะไรก่อนจะยันตัวลุกขึ้น ฉันเห็นมือสีขาวนวลยื่นมาตรงหน้า ฉันปัดมือนั้นออกเบาๆก่อนจะทำหน้าขรึมลงเพราะอายที่จะต้องมีคนมาช่วย แต่ก็พบว่าเจ้าของมือนั้นยืนยิ้มอย่างสดใสอยู่ตรงหน้าและเปล่งเสียงใสกังวานออกมาว่า...
‘เป็นอะไรมั้ย?’ ฉันมองใบหน้านั้นอย่างอึ้งๆก่อนจะยิ้มเจื่อนๆแล้วตอบกลับว่าไม่เป็นไร
ผู้หญิงคนนั้นพาฉันกลับไปทำแผลที่บ้านเธอ แม้ว่าฉันจะปฏิเสธไปแต่เธอก็ยังดันทุรังลากฉันกลับไปบ้านเธออยู่ดีนี่สิ!
‘เธอชื่ออะไรเหรอ?’ ผู้หญิงคนนั้นถามฉันก่อนจะเดินไปหยิบกล่องยาและกลับมานั่งตรงหน้าฉัน และเธอก็พูดขึ้นอีกประโยคว่า ‘ฉันชื่อ...’
เฮือก!!
ฉันสะดุ้งจนกระเด้งตัวขึ้นมาตามสัญชาตญาณ บนใบหน้ามีเหงื่อเม็ดโป้งผุดพรายอยู่ ฉันใช้แขนเสื้อเช็ดอย่างไม่หยี่ระก่อนจะลุกขึ้นนั่งตรงๆ และมองไปรอบๆตัวอย่างช้าๆก่อนจะพบว่าตัวเองอยู่ห้องพยาบาล ฝันไปงั้นเหรอ? จริงสินะเราเห็น ‘สิ่งนั้น’ ก่อนจะสลบไป...ให้ตายสิ! น่าอายจริงเชียว!
“ฟื้นแล้วเหรอ...ฟีด้า” เสียงทุ้ม นุ่มแบบแวมไพร์ดังขึ้นก่อนเจ้าของเสียงจะมานั่งอยู่ตรงขอบเตียงและเอนตัวเข้ามาใกล้ฉัน
ฉันมองเขาด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะตอบกลับว่า “ถ้าไม่ฟื้นแล้วฉันจะลุกขึ้นนั่งเหรอ?”
“หึหึ” เขาหัวเราะอย่างชอบใจก่อนจะยิ้มออกมา รอยยิ้มเสแสร้งที่เหมือนมาสเตอร์ไม่มีผิด “เธอรู้ตัวมั้ยว่าตัวเองปะทุพลัง” เขาพูดขึ้นเบาๆ
“ปะทุ...พลัง?” ฉันหันขวับไปหาคู่หูของฉัน
“ใช่...พลังจิตของเธอปะทุจนเกิดกระแสไฟฟ้าขนาดใหญ่ทำให้หอกีฬา...ไฟไหม้”
“!!!?” ฉันรับฟังอย่างอึ้งๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าฉันจะปะทุพลังจนทำให้หอกีฬาไฟไหม้
“แต่ไฟดับไปแล้วล่ะ เสียหายไม่มาแต่มีเด็กนักเรียนบาดเจ็บไปหลายคน” เขาพูดรายงานสถานการณ์ “ดีนะที่ข้างกายเธอมี ‘เทพจิ้งจอก’ ช่วยควบคุมพลังและสร้างบาเรียครอบเอาไว้ แต่ไม่อยากจะเชื่อว่าพลังจิตของเธอจะทำให้บาเรียแตก”
“อะไรนะ!! บาเรียของจิ้งจอกขาวก็เอาไม่อยู่เหรอ?” ฉันหันไปถามเพื่อความแน่ใจ
“ใช่...”
“แล้วใครเป็นคนควบคุมพลังของฉัน หรือว่าจะเป็นมาสเตอร์?” เพราะฉันไม่เคยปะทุพลังมาก่อนจึงไม่รู้ว่าการปะทุพลังของตัวเองเป็นอย่างไร
“ผมเอง...”
!!?
====================================================================
อัพแล้วนะครับ...สำหรับตอนนี้ ผมหวังว่า...จะเดาถูกกันนะครับ!!
ความคิดเห็น