ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Umbrella [END]

    ลำดับตอนที่ #4 : Umbrella '4': ร่มคันที่ 4

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.ค. 63


    อรุณสวัสดิ์ฮีชอล คังอิน”

    เด็กหนุ่มร่างสูงเดินสะบัดร่มสีดำคันใหญ่ที่เปียกปอนด้วยน้ำฝนเข้ามาในห้องเรียนที่เพื่อนรักทั้งสองนั่งอยู่ก่อนแล้ว รอยยิ้มกรุ่มกริ่มประดับอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาอย่างหุบไม่อยู่เล่นเอาฮีชอลเลิกคิ้วสูงอย่างพิศวงสงสัย

    อารมณ์ดีมาจากไหนไอ้ซิมบ้า?”

    ซีวอนหันมาเลิกคิ้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้ของตัวเอง ฮีชอลหน้าบูดทันที

    กุถามเมิงดีๆนะไอ้...!”

    อาจารย์ประจำชั้นเดินเข้ามาพอดีทำให้ฮีชอลต้องหยุดการต่อล้อต่อเถียงที่เจ้าตัวกำลังจะเริ่ม เสียงเอ่ยทักทายนักเรียนของคุณครูวัยกลางคนดังพอเป็นพิธีก่อนจะเริ่มต้นเช็คชื่อเป็นรายบุคคล...

    ป๊อก!

    กระดาษก้อนกลมตกลงบนพื้นข้างๆเก้าอี้ของชเว ซีวอนหลังจากมันกระแทกศีรษะของเจ้าของเก้าอี้ไปเรียบร้อย ซีวอนหันขวับไปมองเพื่อนโต๊ะข้างๆทันทีซึ่งก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากฮีชอลไม่ก็คังอิน เมื่อเห็นคนหน้าสวยถลึงตากลับมาเป็นการขมขู่และยอมรับว่าเป็นฝีมือของตนกลายๆ ซีวอนจึงทำหน้าบูดกลับ มือใหญ่ข้างหนึ่งยกขึ้นคลำหัวป้อยๆในขณะที่อีกข้างเอื้อมลงไปหยิบกระดาษก้อนนั้นขึ้นมาคลี่อ่าน

    ‘...เมื่อวานฉันทำแหวนหาย...’

    ซีวอนเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ หันกลับไปหาฮีชอลก็พบว่าเจ้าตัวกำลังชูนิ้วให้เขาดู...ที่นิ้วนางข้างขวาของฮีชอลปกติจะมีแหวนสีเงินวงสวยสวมอยู่เสมอ แต่มาวันนี้มันหายไป...

    ซีวอนก้มลงเขียนอะไรยุกยิกๆลงในกระดาษ หันไปมองอาจารย์ที่หน้าห้องครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่ายังคงยุ่งอยู่กับการเช็คชื่อนักเรียนและไม่มีทีท่าว่าจะสนใจเขาแต่อย่างใด เด็กหนุ่มร่างสูงจึงปากระดาษกลับไปให้ฮีชอล

    ‘...ก็ไปซื้อใหม่สิ...’

    เป็นคำตอบไร้เยื่อใยที่คนหน้าสวยอ่านได้จากกระดาษ ฮีชอลทำหน้าเบ้กว่าเดิมก่อนจะเขียนบางอย่างเพิ่มลงไป...

    ป๊อก!!

    เป็นอีกครั้งที่ซีวอนโดนปาหัวด้วยกระดาษ คราวนี้เขาไม่ได้หันไปมองว่าใครแต่กลับก้มลงหยิบมันขึ้นมาอย่างว่าง่าย...

    ‘...แหวนวงนั้นมันแพงนะโว้ย! นี่ไม่คิดจะแสดงความสงสารกันบ้างเลยหรือไง!!??’

    ซีวอนอ่านประโยคสุดท้ายแล้วก็นึกละเหี่ยใจ ฮีชอลก็แบบนี้เป็นประจำ ขี้โวยวายบวกกับชอบเรียกร้องความสนใจโดยเฉพาะจากเขา แหวนวงนั้นมันแพงก็จริงอยู่ ซีวอนพอจำได้เพราะเขาเป็นคนไปซื้อกับฮีชอล แต่มันก็เป็นแค่เครื่องประดับของวัยรุ่นธรรมดาๆ ไม่ได้หรูหราขนาดทำมาจากทองคำขาวหรือมีความหมายพิเศษอะไรเสียเมื่อไหร่...

    ...แต่ในเมื่อฮีชอลเป็นแบบนี้ ถ้าหากเขาไม่ตอบตามใจคนสวยเสียหน่อยหมอนั่นก็คงไม่เลิกโวยวายง่ายๆ กระดาษที่ซีวอนส่งตอบกลับไปจึงมีข้อความว่า...

    เสียใจด้วย แล้วมันหายได้ยังไงล่ะ?’

    ป๊อก!!!

    ยังไม่ทันจะทิ้งช่วงให้หายใจ กระดาษก้อนใหม่ก็ถูกปามาโดนศีรษะทุยๆของซิมบ้า ซีวอนถลึงตาหันไปมองฮีชอล ก็พบว่าเจ้าตัวกำลังง่วนอ่านกระดาษที่เขาเพิ่งส่งตอบกลับไปอยู่...

    ...แล้วถ้างั้นจะเป็นใครเสียอีกที่บังอาจปากระดาษใส่หัวคนหล่ออย่างเขาถ้าไม่ใช่...

    ซีวอนหันขวับไปหาคังอินเป็นเป้าหมายต่อไป แล้วก็พบว่าเด็กหนุ่มร่างใหญ่กำลังพยักเพยิดมาที่กระดาษก้อนกลมที่ตกอยู่ตรงปลายเท้าของซีวอน ไม่ต้องเอ่ยอะไรเด็กหนุ่มร่างสูงก็รู้ว่าคังอินคือตัวการแน่ๆ เขาทำตาขวางก่อนจะก้มลงหยิบมันขึ้นมาคลี่ดู...

    พวกเมิงสองคนเล่นอะไรกันอยู่ได้วะ!!?? สนใจกุกันบ้างซี่! เมื่อวานมอเตอร์ไซค์กุล้มนะโว้ยยยย!!!’

    ซีวอนหันไปมองเจ้าตัวพลางเลิกคิ้วสูงอย่างไม่ค่อยจะเชื่อถ้อยคำในกระดาษเพราะคังอินก็ดูปกติดี เด็กหนุ่มร่างหนาจึงจัดการยกแขนข้างที่มีผ้าพันแผลติดไว้ให้ดูเป็นหลักฐาน ซีวอนแม้จะยังมีสีหน้าไม่ค่อยเชื่อแต่ก็พยักเพยิดเป็นเชิงว่ารับรู้ไปแกนๆ หันหน้ากลับมาที่โต๊ะตัวเองอีกทีเพื่อจะเขียนกระดาษตอบคังอิน

    แต่ทว่า...

    ชเว ซีวอน ครูเห็นเธอนั่งส่งกระดาษอะไรอยู่ตั้งนานแล้ว อยากออกไปส่งข้างนอกห้องมั้ย?”

    ...T^T

     

    /////////////////////////////////////

     

    ...ฝนตกอีกแล้ว...

    ...เป็นวันธรรมดาอีกวันหนึ่งที่ใครต่อใครจะเห็นเยซองเดินตัวเปียกมาโรงเรียน แม้วันนี้จะไม่มากเท่าไหร่เพราะสายฝนเพิ่งจะเริ่มเทลงมาตอนที่เขาเดินมาจะถึงหน้าประตูโรงเรียนอยู่แล้ว เสื้อมีฮู้ดที่เขาใส่มาด้วยจึงช่วยไว้ได้มาก เยซองเดินมานั่งที่ของเขาก่อนจะจัดการถอดเสื้อตัวนอกที่เปียกปอนออกตากไว้กับเก้าอี้ วันนี้เขามาถึงก่อนเวลาเข้าเรียนเพราะฉะนั้นก็คงจะไม่มีปัญหากับครูเหมือนเมื่อวาน

    เรียวอุคเห็นเยซองตั้งแต่เด็กหนุ่มหน้ากลมเดินเข้าประตูโรงเรียนมาแล้วด้วยความที่โต๊ะของเขาตั้งอยู่ชิดริมหน้าต่าง เด็กหนุ่มร่างบางถอนหายใจ ไม่ว่ายังไงก็ดูเหมือนเยซองจะไม่ยอมใช้ร่ม ร่มสีดำคันใหญ่ที่เด็กหนุ่มทิ้งเอาไว้เมื่อวานบัดนี้นอนอยู่ในกระเป๋าของเรียวอุค และเจ้าตัวก็กำลังคลำมันอย่างคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรกับมันดี...

    คิดอะไรอยู่เรียวอุค?”

    ซองมินที่นั่งอยู่ข้างๆชะโงกหน้ามาถามเมื่อเห็นเพื่อนรักนั่งเหม่อไปไกล เรียวอุคสะดุ้ง “อะ...หา!? เปล่า” แต่คำตอบนั่นก็เล่นเอาซองมินเลิกคิ้วหนัก

    นั่งเหม่ออะไรอยู่ได้นายน่ะ มีอะไรกวนพระทัยหรือไง?”

    เปล่าๆ” เรียวอุคปฏิเสธเป็นพัลวัน “ฉันแค่คิดเรื่องเย็นนี้นิดหน่อยน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”

    เย็นนี้เหรอ?” ซองมินหางกระดิกทันที “นายมีแพลนอะไรหรือยัง? ถ้าไม่มีเราเสด็จไปเสวยไอติมที่ร้านข้างๆร้านกาแฟกันไหม? ฉันอยากเสวยไอศกรีมสตอว์เบอร์รี่สีชมพูวู้วฮูว ไม่ได้เสวยมาเป็นอาทิตย์แล้ว”

    แต่พยากรณ์อากาศบอกว่าตอนเย็นฝนจะตกหนักมากนะซองมิน” เรียวอุคแย้ง “เปลี่ยนไปเป็นพรุ่งนี้เถอะ”

    พรุ่งนี้ฝนมันก็ตกอีกแหละน่า!” ซองมินท้วง “เสด็จวันไหนมันก็เหมือนกัน เพราะฉะนั้นก็เสด็จไปวันนี้ซะเลยสิอิอั๊ง~”

    เอ้อ...แต่...” เรียวอุคดูอ้ำอึ้ง

    ทำไมล่ะ? หรือนายมีแพลนอย่างอื่นแล้ว?”

    เอ้อ...ก็...ทำนองนั้น...” เรียวอุคพูดเสียงเบา

    อ่าวเหรอ? บอกฉันแต่แรกก็หมดเรื่อง!”

     

    //////////////////////////////////

     

    วันนี้ไอ้คยูไม่มาโรงเรียนอีกแล้ว”

    ทงเฮที่นั่งเท้าคางมองออกไปยังสายฝนที่โปรยปรายไม่หยุดนอกหน้าต่างปรารภขึ้น

    เมื่อวานกุโทรไปหามัน แม่มันรับสายบอกว่ามันไม่สบายมาก” ฮยอกแจบอก

    เหรอ? คงเพราะโดนฝนเมื่อวานสินะ แย่จังเลย” ทงเฮทำหน้ายู่

    ก็เพราะเมิงน่ะแหละลากมันไปเกมเซ็นเตอร์น่ะ!” ฮยอกแจแหวทันที

    กุเนี่ยนะลากมันไปเกมเซ็นเตอร์!?” ทงเฮสวนเสียงสูง “มันเสนอตัวจะไปเองมากกว่า! ถึงกุไม่พูดมันก็ไปของมันเองอยู่แล้วล่ะ ไอ้คยูมันติดเกมซะขนาดนั้น! คนที่กุลากไปคือเมิงต่างหากเว้ยไม่ใช่มัน!!!”

    เออ แล้วตกลงเรื่องร่มของนายคิม คิบอมเนี่ย...ไหนบอกว่าเสนียดนักหนาไง? วันนี้เมิงก็ยังเอามาใช้อยู่ดีไม่ใช่เรอะ!?” ฮยอกแจพยักเพยิดไปยังร่มสีน้ำเงินลายทางที่ยังคงมีชื่อ ‘คิม คิบอม’ เขียนอยู่ซึ่งทงเฮวางตากเอาไว้หลังห้อง ทงเฮทำหน้ายู่อย่างไม่สบอารมณ์ขั้นแมกซ์ก่อนจะโวยลั่น

    ก็กุไม่มีเงินซื้อคันใหม่นี่หว่า!!!”

     

    //////////////////////////////////////////

     

    ไอ้อ้วนคังอิน!” ฮีชอลเรียกเพื่อนด้วย adjective แสนไพเราะที่เจ้าตัวเติมให้ข้างหน้าชื่อ “แล้วนี่เมิงจะกลับบ้านยังไง? ขาเดี้ยงขนาดนี้เนี่ย!” หลังจากผ่านมาทั้งวันจนทั้งฮีชอลและซีวอนได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อวานจากปากคังอินแล้ว เมื่อถึงเวลาเลิกเรียนก็เกิดคำถามขึ้นในใจของทั้งสองว่าจะทำอย่างไรกับมันดี

    กุไม่เดินไปส่งเมิงที่บ้านหรอกนะ! ตัวหนักขนาดนี้!” ฮีชอลรีบพูดดักทันที

    โอ้โห กุละซาบซึ้งใจยิ่งนัก เมิงช่างเป็นเพื่อนแท้ของกุซะเหลือเกินนะไอ้ฮีชอล!!!” คังอินว่าพลางพยายามลองขยับตัวดูว่าจะสามารถลุกขึ้นยืนด้วยลำแข้งของตัวเองได้หรือเปล่า...มันก็ได้อยู่หรอกนะ แต่ถ้าจะให้เขาเดินกลับบ้านในสภาพแบบนี้ด้วยระยะทางไกลขนาดนั้น...วันนี้คงได้ถึงบ้านเที่ยงคืนเป็นแน่!!!

    ...แต่เดี๋ยวก่อน...ใครบอกว่าเขาจะต้องเดินกลับบ้านคนเดียวล่ะ?...

    ไม่เป็นไรหรอก...” คังอินเอ่ยต่อ “...เดี๋ยวกุก็มีคนมารับ” พูดจบก็ยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างมีชัย

    อ้อ เด็กโรงเรียนจูมงคนเมื่อเช้าน่ะเหรอ?” ฮีชอลถาม

    หืม? ใคร?” ซีวอนทำหน้าเลิกลั่กไม่รู้เรื่อง

    ก็คนที่ทำร่มหลุดมือจนทำมอเตอร์ไซค์มันล้มเมื่อวานน่ะแหละ เมื่อเช้าเขาเดินมาส่งมันถึงห้องเรียนเลยนะเว้ย” ฮีชอลฟ้องซีวอนทันควัน

    ของมันแน่” คังอินยักไหล่สำทับอย่างภาคภูมิใจ

    แล้วยังไง? เดี๋ยวเขาจะเดินมารับเมิงที่นี่เหรอ?” ซีวอนถาม

    ก็อย่างงั้นแหละ” คังอินยักไหล่ด้วยท่วงท่าภูมิใจเช่นเดิม

    เออดี ไม่เป็นภาระพวกกุ” เหมือนซีวอนจะรอคำตอบนั้นมานาน ร่างสูงลุกขึ้นยืนสะพายกระเป๋านักเรียน หยิบร่มสีดำคันเก่งของตนออกมาด้วยท่าทีเตรียมพร้อมจะกลับบ้าน

    หะ...หา? นี่เมิงจะทิ้งกุไว้งี้เหรอ!?” คังอินทำหน้าเหรอหรา

    ก็เมิงมีคนมารับแล้วนี่” ซีวอนว่า “อีกอย่าง...วันนี้กุมีธุระ”

    ธุระอะไรของเมิงวะไอ้ซิมบ้า?” ฮีชอลเลิกคิ้วถาม “ฝนตกแบบนี้น่ะนะ?”

    เออน่า” เด็กหนุ่มร่างสูงตัดบท ฮีชอลชักสีหน้าไม่พอใจ

    มีอะไรไม่บอกพวกกุอีกแล้วนะ!” คนหน้าสวยโวยวาย “ชอบทำอะไรมีความลับนักนะไอ้ซีวอน!!!”

     

    /////////////////////////////////////

     

    เสียงกริ่งเลิกเรียนของโรงเรียนจูมงดังขึ้นเป็นดั่งเสียงสวรรค์ที่อนุญาตให้เด็กๆลุกขึ้นเก็บกระเป๋ากลับบ้าน เย็นนี้ฝนตกหนักอีกเช่นเคยเหมือนที่พยากรณ์อากาศบอกไว้ เรียวอุคเก็บของอย่างเชื่องช้าจนซองมินขี้เกียจรอจึงขอตัวกลับก่อน ซึ่งคนร่างเล็กก็ไม่ได้ว่าอะไรอยู่แล้วเพราะนั่นแหละคือสิ่งที่เขาต้องการ...

    เยซองเป็นบุคคลเกือบสุดท้ายที่อยู่ในห้องอีกเช่นเคยยามเลิกเรียนเช่นนี้ บ่อยครั้งที่เรียวอุคเหลือบมองไปทาง ‘คนพิลึก’ ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะหลังห้องโดยพยายามไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว ความจริงเขาเก็บของเสร็จตั้งนานแล้ว ที่ยังไม่ไปก็เพราะกำลังรอโอกาสดีๆอยู่นี่แหละ...

    ...จนในที่สุดก็เหลือเรียวอุคกับเยซองเพียงสองคนในห้อง เด็กหนุ่มหน้ากลมยังคงนั่งเอ้อระเหยเก็บของอย่างพิถีพิถันราวกับจะยื้อเวลาเพื่อจะได้ไม่ต้องกลับบ้านให้นานที่สุด ภายนอกหน้าต่างสายฝนสาดกระหน่ำราวฟ้ารั่วผสมผสานกับเสียงฟ้าร้องครืนเป็นครั้งคราว เรียวอุคหันมองซ้ายขวา เมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครอยู่ในห้องแล้วจึงลุกขึ้นด้วยความตั้งใจแน่วแน่ที่พยายามสร้างให้กับตัวเองมาตั้งแต่เช้า มือขวากำร่มสีฟ้าครามของตัวเองไว้แน่นแล้วเดินตรงดิ่งไปยังโต๊ะที่เยซองนั่งอยู่...

    ...ก่อนจะเดินผ่านไปโดยไม่ได้เอ่ยอะไรสักคำ...

    ...แต่ร่มสีครามคันนั้นกลับถูกวางเอาไว้บนโต๊ะข้างๆเยซองอย่างจงใจ...

    ...เรียวอุคไม่ได้หยุดรอหรือคิดจะอยู่ดูว่าเยซองจะเอาร่มคันนั้นไปใช้หรือไม่ แต่เขาแน่ใจว่าเยซองเห็นเมื่อเขาวางร่มคันนั้นไว้ให้

    ...มั่นใจว่าเห็นแววตาสงสัยที่มองมาเมื่อไม่เข้าใจการกระทำของเขาด้วยซ้ำ...แต่เยซองเป็นเพียงนักเรียนคนเดียวที่เหลืออยู่ในห้อง เพราะฉะนั้นร่มที่ถูกทิ้งไว้คันนั้นจะมีความหมายอะไรได้นอกจากจงใจทิ้งเอาไว้ให้เขา และยิ่งวางเอาไว้บนโต๊ะที่ติดกับโต๊ะของเด็กหนุ่มร่างสูงแบบนี้...

    ...เรียวอุคก็ได้แต่หวังว่าพรุ่งนี้เช้าเมื่อเขากลับมา...เขาจะไม่พบมันวางอยู่ที่เดิม...

     

    ///////////////////////////////////////

     

    เมิงจาปายหนายว้าลีถึก!?”

    คำถามของฮันกยองทำเอาลีทึกถอนหายใจ คนหน้าสวยกำลังเก็บกระเป๋านักเรียนของตนอยู่แต่ก็พยายามทำมันอย่างเชื่องช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้

    ไปรับคนที่กุไปส่งแม่งที่ห้องเรียนเมื่อเช้าน่ะเซ่!!!” จบประโยคก็กระแทกกระเป๋าอย่างไม่สบอารมณ์ “กุแค่ทำร่มหลุดมือแค่นั้นแหละ ใช้กุซะคุ้มเชียว! ฝนตกอย่างกับฟ้ารั่วแต่กุต้องไปรับมัน ตัวก็ใหญ่กุก็ต้องพยุงแม่งกลับบ้าน นอกจากนั้นวันนี้กุคงต้องไปเอารถมอ’ไซค์ของมันไปซ่อมให้ด้วยเพราะมันเอาไปเองไม่ได้ แม่ง!!!” ลีทึกแทบจะกรีดร้องลั่นห้อง “เพราะฉะนั้นเนี่ย วันนี้กุคงไปไหนกับเมิงไม่ได้นะไอ้ฮัน กลับบ้านดีๆก็แล้วกัน”

    กุยางม่ายรู้จากลับยางงายเลยเนี่ย ห่าแม๊งงง!!! ล่มกุก็หายอีก แล้วดูฝนข้างนอกน่านเซ่!!!” พยักเพยิดไปทางห่าฝนนอกหน้าต่างที่ไม่มีทีท่าว่าจะซาง่ายๆ ลีทึกส่ายหน้าอย่างไม่รู้จะช่วยยังไง

    แล้วเมื่อเช้าเมิงมายังไงล่ะ?” ถามไปอย่างงั้นแต่คำถามนั่นเล่นเอาฮันกยองสะอึกไปทันควัน

    เอ้อ...”

    หืม?” ลีทึกเลิกคิ้ว ประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นฮันกยองอ้ำอึ้งไปแต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรนัก คนหน้าสวยก้มลงเก็บกระเป๋านักเรียนต่อพลางเอ่ย “เมิงออกไปหน้าโรงเรียนกับกุก็ได้นะ กุต้องเดินไปทางโรงเรียนโซดองโย แถวนั้นมีร้านขายของคงจะมีร่มขายแหละน่า”

    เออโอเค” ฮันกยองรีบตกลง

    สายฝนยังคงตกหนักเมื่อฮันกยองติดร่มลีทึกเดินมาถึงหน้าประตูโรงเรียน เหล่าเด็กนักเรียนถือร่มหลากสีต่างทยอยกันเดินออกสู่ท้องถนนอย่างเร่งรีบจะกลับให้ถึงบ้านหรือที่หลบฝนใดๆก็ตามให้เร็วที่สุด เมื่อถึงหัวมุมเลี้ยว อยู่ๆลีทึกก็หยุดกึก

    เฮ้ย! หยุดทำมาย? มีอารายว้า?” ฮันกยองที่เดินเลยเงาร่มออกไปเปียกฝนเป็นที่เรียบร้อยรีบกระเด้งตัวกลับมายืนใต้ร่มของลีทึก

    ซีวอนมาทำอะไรที่นี่น่ะ?”

    เหมือนเขายืนรอใครอยู่เลยนะเธอ”

    จริงเหรอ!? ใครน่ะที่โชคดีขนาดนั้น? เด็กโรงเรียนเราเหรอ?”

    ก็คงงั้นแหละ ไม่งั้นเขาจะมายืนรอหน้าโรงเรียนจูมงไหมล่ะ!?”

    เขาดูดีจริงๆเลยนะเธอ!!!”

    เสียงสาวๆรอบกายดังขึ้นระงมอย่างตื่นเต้นและนี่ก็คือสิ่งที่ฮันกยองจับความได้ หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินชื่อนั้น...’ซีวอน’ งั้นเหรอ? สายตาของเด็กหนุ่มชาวจีนกวาดช้าๆมองไปข้างหน้าด้วยหวังว่าจะสะดุดตากับใบหน้าหล่อเหลานั่นในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง ไม่ได้อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองเลยสักนิด แต่เขาก็คิดเหตุผลอื่นไม่ออกว่าชเว ซีวอนจะมายืนอยู่หน้าประตูโรงเรียนจูมงภายใต้สายฝนกระหน่ำยามเลิกเรียนแบบนี้ทำไมถ้าไม่ใช่มารอใครบางคนแบบที่เด็กนักเรียนหญิงพวกนั้นเดา...

    ...และใครบางคนคนนั้นคือใครกัน?...ทั้งๆที่ไม่ได้อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองแท้ๆ...

    ...แต่ทำไมหัวใจของเขาถึงได้พองโตขนาดนี้เมื่อสายตาพานไปประสานกับสายตาคมของซีวอนที่มองมาที่เขาอยู่ก่อนแล้ว?...

    เฮ้! นายว่าซีวอนมาทำอะไรแถวนี้?” ลีทึกกระซิบถามฮันกยอง สายตายังคงไม่ละไปจากเด็กหนุ่มร่างสูงใบหน้าหล่อเหลาที่ยืนอยู่ห่างจากพวกเขาไปไม่ไกลนัก

    ฮันกยองไม่ได้ตอบคำถามแต่อย่างใด แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ลีทึกประหลาดใจได้มากเท่ากับที่พบว่าซีวอนขยับกายแล้วเดินตรงมาทางพวกเขาอย่างแน่วแน่...

    ...ก่อนจะมาหยุดยืนตรงหน้าฮันกยอง...

    ลีทึกกับฮันกยองยืนนิ่งงันและเงียบกริบ เช่นเดียวกับบรรยากาศรอบตัวที่ตอนนี้เด็กนักเรียนทุกคนดูเหมือนจะจงใจหุบปากสนิทพร้อมๆกัน

    ในเมื่อคุณไม่มีร่ม...” ซีวอนพูดขัดความเงียบขึ้นมา “...ให้ผมไปส่งที่บ้านให้ไหมครับฮันกยอง?”

    ลีทึกอ้าปากค้าง หันมามองเพื่อนตัวเองด้วยสายตาทึ่งๆ และเมื่อพบว่าฮันกยองมีทีท่าอ้ำอึ้งเหมือนอยู่ๆก็มีใครเอาหมั่นโถวมาอุดปาก ลีทึกจึงจัดการตัดบทให้

    ถ้างั้น ฉันไปก่อนนะ”

    สั้นๆง่ายๆได้ใจความ แล้วก็รีบชิ่งทิ้งฮันกยองเอาไว้ตรงนั้นเสียเลย

    เอ้อ...”

    หลังจากลีทึกจากไปเร็วปานสายฟ้าแลบ เด็กหนุ่มชาวจีนก็ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะพูดเป็นภาษาคนได้ ซีวอนกลั้นยิ้มขณะถือร่มสีดำคันใหญ่บังสายฝนให้กับพวกเขาทั้งสองคน

    ไม่ต้องห่วงหรอกครับ บ้านผมไปทางเดียวกับคุณ...”

    ฮันกยองเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายพลางเลิกคิ้วสูงอย่างไม่เข้าใจ...แล้วซีวอนรู้ได้อย่างไรว่าบ้านเขาไปทางไหน?...

    ...แต่คำถามนั่นก็ไม่ได้หลุดออกมาจากปากของฮันกยอง...

     

    ////////////////////////////////////

     

    ทงเฮ...” เสียงของฮยอกแจดังฝ่าสายฝนที่เทกระหน่ำ “...แน่ใจเหรอว่าจะกลับไปที่เกมเซ็นเตอร์น่ะ?”

    กุแน่ใจล้านเปอร์เซ็นต์!!!” คนหน้าหวานพูดอย่างแน่วแน่ขณะก้าวไปตามถนนโดยมีร่มของนายคิม คิบอมทำหน้าที่กันเปียกให้ “ไอ้คิบอมนั่นต้องอยู่ที่ร้านเกมแน่ กุจะดวลกับมันจนกว่ากุจะชนะ และเมื่อกุชนะ กุจะเอาร่มของกุคืน!!!”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×