ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Umbrella [END]

    ลำดับตอนที่ #2 : Umbrella '2': ร่มคันที่ '2'

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.ค. 63


    เสียงกริ่งเข้าเรียนชั่วโมงที่สองของวันดังขึ้นพอดิบพอดีเมื่อเด็กหนุ่มร่างสูงแต่หน้ากลมเป็นซาลาเปาเดินตัวเปียกเป็นลูกหมาตกน้ำเข้ามาในห้อง เสียงพูดคุยจ้อกแจ้กจอแจของเด็กคนอื่นๆหยุดลงทันควันกลับกลายเป็นเสียงกระซิบกระซาบที่ไม่ต้องฟังความก็รู้ว่ากำลังนินทาบุคคลที่เพิ่งเข้ามาใหม่นี้อยู่ อาจารย์วิชาต่อไปก้าวผ่านประตูห้องเข้ามาทันกับที่เห็นเยซองหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้ 

    เยซอง นั่นเธอไปทำอะไรมาถึงได้ตัวเปียกอย่างนั้น?” 

    เสียงเข้มดุของอาจารย์ทำให้ทั้งห้องเงียบกริบในบัดดล ทุกคนนั่งนิ่งต่างเงี่ยหูรอฟังคำตอบจากเด็กหนุ่มผู้ถูกตั้งคำถาม

    ผมเดินมาจากบ้านฮะ” เยซองตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับมันเป็นเรื่องธรรมดาสามัญมากๆสำหรับเขา 

    แล้วทำไมตัวเธอถึงเปียกขนาดนั้น?” อาจารย์ซักต่อ 

    ผมไม่มีร่มครับ” เยซองยังคงตอบหน้าตาย ทันทีที่พูดประโยคนั้นจบเสียงซุบซิบนินทาของเด็กอื่นๆก็ดังขึ้นอีก คุณครูถอนหายใจเฮือกใหญ่ 

    เอาเถอะ เดี๋ยวครูจะเอาร่มมาให้ก็แล้วกัน ที่ห้องพักครูครูมีสองคันพอดี แล้วก็เธอมาสายชั่วโมงหนึ่งนะ อย่าให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกไม่งั้นจะโดนทำโทษ” 

    เยซองไม่ตอบอะไร เขาเพียงพยักหน้าเบาๆราวกับจะบอกว่ารับรู้ อาจารย์ใช้ไม้เรียวเคาะโต๊ะบอกนักเรียนคนอื่นๆให้หยุดคุยได้แล้วและจะเริ่มการสอนเดี๋ยวนี้ เยซองถอดเสื้อแจ็คเก็ตมีฮูดที่เปียกจนชุ่มของเขาออกวางพาดไว้กับพนักเก้าอี้ เสื้อนักเรียนตัวในของเขาเพียงแค่ชื้น ปล่อยไว้แบบนี้สักพักไม่นานมันก็คงแห้ง... 

    ...ด้วยท่าทีที่ไม่ใยดีต่อใครทั้งสิ้น เยซองก็หยิบหนังสือเรียนขึ้นมาวางบนโต๊ะแล้วตั้งท่าฟังอาจารย์เริ่มบทเรียน... 

    เรียวอุคหันหน้ากลับมาจากการนั่งมองเด็กหนุ่มหลังห้องคนนั้นมานานสองนาน เยซองเป็นคนแปลก...ประหลาดจนเขากลายเป็นเด็กไม่มีเพื่อนในห้องนี้ หลายวันมาแล้วที่ฝนตกและเยซองก็เดินตัวเปียกมาโรงเรียน...ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีเงินซื้อร่มหรอกนะ เท่าที่เห็นเยซองก็ดูจะไม่ใช่คนขัดสนอะไร ปัญหาคือเขาไม่ยอมพกร่มมากกว่า...จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่เถอะ หากวันไหนที่ฝนตกหนักมากจริงๆ วันนั้นแหละจะเห็นเขาถือร่มมา แต่หากวันไหนที่ยังไม่ถึงขั้นฟ้ารั่วจนน้ำท่วม วันนั้นเยซองก็จะเพียงใส่เสื้อมีฮูดกันฝนมาโรงเรียน... 

    ...วันนี้อาจจะเป็นอีกวันที่เยซองคำนวณผิด เมื่อเช้าตอนเขาออกจากบ้านมาฝนคงยังไม่ตกหนักขนาดนี้ นั่นทำให้เขาไม่ยอมหยิบร่มติดมาด้วยและเมื่อมาเจอฝนตกหนักเข้ากลางทาง...เด็กหนุ่มก็เลยออกมาเป็นสภาพนี้... 

    อย่าไปสนใจหมอนั่นเลยน่าเรียวอุค!” ซองมิน เด็กหนุ่มหน้าหวานเพื่อนซี้ของเรียวอุคสะกิดเรียกเพื่อนเมื่อเห็นเรียวอุคสนใจเด็กชายหน้าซาลาเปาคนนั้นนักหนา “หมอนั่นพิลึกจะตาย ไปยุ่งด้วยเดี๋ยวก็ซวยหรอก” 

    ซองมินกับเรียวอุค ที่คุยกันนั่นเรื่องบทเรียนหรือเปล่าจ๊ะ?” เสียงนรกดังมาจากหน้าห้องเล่นเอาเด็กทั้งสองสะดุ้งสุดตัว ซองมินกับเรียวอุคไม่ตอบซึ่งก็พอจะเดาได้ว่าแปลว่า ไม่’ แต่อาจารย์ก็เพียงส่งสายตาดุมาให้เป็นเชิงปรามก่อนจะหันไปเขียนกระดานต่อ... 

    ...เป็นคน พิลึก’ งั้นเหรอ?...ไม่รู้สินะ...ตอนแรกเขาก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน แต่หลังจากเฝ้าสังเกตหมอนั่นทุกวันๆ...นานวันไป... 

    ...รู้ตัวอีกที เขาก็ละสายตาไปจากเยซองไม่ได้อีกแล้ว... 


    ///////////////////////////////////////


    นี่ นายรู้จักคนชื่อคิม คิบอมหรือเปล่า?” 

    รู้จักคิม คิบอมมั้ย?” 

    ในห้องนี้มีคนชื่อคิม คิบอมหรือเปล่า?” 

    เฮ้ยพวกนาย...” 

    เลิกล้มความตั้งใจเหอะน่าทงเฮ ทำแบบนี้เหมือนงมเข็มในมหาสมุทรเลย” คยูฮยอนที่โดนลากมาเป็นเพื่อนในขณะที่ทงเฮเดินไปตามระเบียงทางเดินและเที่ยวถามทุกคนที่ผ่านมาว่ารู้จักนาย ‘คิม คิบอม’ ไหมเริ่มหาวหวอดด้วยความเบื่อหน่าย ฮยอกแจเองก็บ่นว่าเมื่อยจนขาจะขาดอยู่แล้ว 

    ใช่ทงเฮ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหมอนั่นอยู่โรงเรียนนี้หรือเปล่าเลย ทำแบบนี้มันเปล่าประโยชน์น่า” ฮยอกแจสำทับ 

    แล้วพวกเมิงจะให้กุทำไงวะ!?” ลิงน้อยโวยลั่นอย่างอารมณ์เสีย เมิงเป็นคนหยิบร่มมาผิดคันนะ หุบปากไปเลยไอ้ฮยอกแจ!” 

    แล้วใช้ร่มคันนี้มันจะตายหรือไงวะห๊ะ!ไอ้ลิง! ร่มมันก็ยี่ห้อเดียว สีเดียวกับเมิงเด๊ะ สภาพยังดีไม่ได้เสียหายตรงไหนอีกต่างหาก! กุว่าร่มคันนี้เผลอๆจะใหม่กว่าของเมิงด้วยซ้ำ! ของเมิงน่ะมันจะเจ๊งอยู่แล้วน่า!” ฮยอกแจว่า 

    แต่มันมีชื่อไอ้ คิม คิบอม’ เขียนอยู่นี่!” ทงเฮยังคงโวยวาย “เมิงจะให้กุใช้ร่มที่มีชื่อไอ้หน้าปลาจวดที่ไหนก็ไม่รู้เขียนอยู่เนี่ยนะ!?” 

    แล้วมันจะเป็นไรไปเล่า!?” 

    อี๋ เสนียด!!!” ทงเฮทำหน้าขยะแขยงราวกับโดนแยงรูตูด 

    เสนียดยังไงวะ?” คยูฮยอนทำหน้าไม่เข้าใจ 

    ถ้าเมิงรังเกียจของคนแปลกหน้าขนาดนั้น เมิงเอาของมันมาให้กุแล้วเอาร่มกุไปใช้ก็ได้อ่ะ” ฮยอกแจยื่นข้อเสนออย่างพยายามจะทำให้มันจบๆไป 

    นั่นก็เสนียดพอกัน” ทงเฮตอบหน้าตาย 

    ไอ้...” 

    โอเค ตอนนี้กุจะเลิกตามหาไอ้คิม คิบอมแค่นี้ก่อนก็ได้ แต่ในเมื่อ ไอ้ฮยอกแจ’ มันหยิบร่มคันนี้มาผิดจากเกมเซ็นเตอร์ นั่นก็หมายความว่ามีโอกาสมากที่เราจะเจอไอ้คิบอมที่นั่น...เพราะฉะนั้น...พวกเมิงทั้งสองคนต้องไปเป็นเพื่อนกุวันนี้!” 

    ไปไหนนะเกมเซนเตอร์ไปๆๆๆ” คยูฮยอนที่กำลังจะเริ่มสัปหงกทั้งยืนเมื่อครู่นี้หูผึ่งหางกระดิกขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘เกม’ ฮยอกแจมองเพื่อนด้วยความหมั่นไส้ 

    เมื่อวานก็ป่วยมาโรงเรียนไม่ได้ พอวันนี้ไข้สร่างขึ้นมาหน่อยจะไปเล่นเกม ไม่เจียมสังขารเลยนะไอ้คยู! แต่ไหนๆก็ไหนๆ...ไอ้ลิง! เมิงก็มีไอ้คยูไปเป็นเพื่อนแล้วนี่...ขอกุกลับบ้านน๊า~~” ใช้สายตาอ้อนวอน 

    ไม่!” คำเดียวขาดตัว 

    ไมอ๊า!!??” 

    เมิงเป็นคนหยิบร่มผิดคันมา อย่าไร้ความรับผิดชอบ ไอ้ไก่!” 

    แต่...” 

    ไม่มีแต่! ยังไงเมิงก็ต้องไปกับกุ อย่าเถียงซะให้ยาก นี่คือคำขาดฮยอกแจ!” 


    ////////////////////////////////////////


    ทามมายล่มกุมานหายบ่อยอย่างงี้ว้าครายแม่งขโมยปายน้าเมิง...!!!” 

    เสียงอาฆาตเหน่อๆของใครบางคนดังมาก่อนเจ้าตัวจะปรากฏกาย...เป็นเอกลักษณ์เสียจนไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นใคร ซีวอนที่นั่งเล่นเกม Nintendo DS อยู่กับกลุ่มเพื่อนค่อยๆหมุนกายไปทางต้นเสียงเหมือนเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติสั่งตรงจากสมอง แม้มือจะยังขยับเล่นเกมอยู่ยิกๆแต่สายตาคมกลับเหลือบมองไปยังบุคคลที่กำลังเดินผ่านมาได้อย่างแนบเนียน 

    กุว่าเมิงขี้ลืมเองมากกว่าไอ้ฮัน ยิ่งเอ๋อๆอยู่ด้วย” ลีทึกว่า 

    กุม่ายด้ายขี้ลืมเว้ย เมื่อวานมานหายจริงๆเมิงก็เหน!!!” เถียงคอเป็นเอ็น 

    เออเมื่อวานน่ะเป็นข้อยกเว้น กุหมายถึงร่มคันอื่นๆของเมิง...ปีที่แล้วหายไปกี่คันนะ? 3 ใช่ไหม?” 

    เออดิว้า! เมื่อวานอีกคานก็เปนสี่ คานนี้กุเขียนชื่อกุติดว้ายแล้ว ถ้ายังจามีอ้ายฟายตัวหนายหยิบผิดปายอีกนะ...” มือนิ่มเขย่าร่มสีเทาไปมาพลางเตรียมตัวแช่งเต็มที่ 

    เออ เขียนชื่อไว้ก็ดี น่าจะคิดได้ตั้งนานแล้วนะ ว่าแต่ฮัน...เมิงจากลับบ้านเลยหรือเปล่า?” 

    ฮันกยองเบี่ยงร่มคันใหม่หลบพลางชะเง้อคอมองท้องฟ้า ตอนนี้เมฆไม่มากและฝนก็ตกเพียงปรอยๆ ใช้เวลาคิดเป็นครู่ก็ถามเพื่อนกลับ “เมิงว่างายล่า?” 

    เมิงหิวข้าวหรือเปล่าล่ะ?” ลีทึกย้อนถาม 

    ม่าย...” 

    งั้นก็รีบกลับบ้านดีกว่านะ ฝนกำลังตกปรอยๆเลยไม่หนักมาก เดี๋ยวมันหนักกว่านี้เราจะกลับกันลำบาก” 

    ก็ด้าย ง้านแยกกานตรงนี้นา เจอกานพรุ่งนี้” ฮันกยองโบกมือลาเพื่อนรักที่บ้านอยู่คนละทางกับเขา 

    ซีวอนที่เงี่ยหูฟังบทสนทนาอยู่นานปิดเกม Nintendo ดังฉับ ยัดเข้ากระเป๋านักเรียนแล้วหมุนตัวลงจากรั้วอิฐที่เขาใช้เป็นที่นั่งเล่นประจำหลังเลิกเรียนกับเพื่อนๆ 

    กุกลับบ้านละนะ” ส่งเสียงบอกคังอินและฮีชอล เพื่อนทั้งสองหันมามองเขาด้วยสายตาพิศวงปนขุ่นข้อง 

    อะไรของเมิงวะเมื่อกี๊กุถามว่าจะกลับบ้านหรือเปล่าก็บอกว่ายัง จะนั่งเล่นอยู่แถวนี้ พอมาตอนนี้นึกอยากจะกลับแม่งก็กลับเลยเอาดื้อๆ อารมณ์แปรปรวนจริงนะไอ้คุณชาย!!!” ฮีชอลด่า 

    เออน่ากุก้ออยู่มา นาที 50 วิแล้วไง” ซีวอนเถียง 

    งั้นกุกลับบ้านด้วยเลยดีกว่า” คังอินเห็นด้วย หย่อนตัวขนาดหมีควายลงจากรั้วอิฐ 

    เฮ้ยไรวะเนี่ย!ทิ้งกุกันหมดเลย!” 

    เมิงก็ควรจะกลับได้แล้ว ถ้าฝนตกหนักจนกลับบ้านไม่ได้อย่าหาว่ากุไม่เตือนนะเว้ย!” คังอินสำทับ 

    เออๆย่ะ! เข้าขากันดีเหลือเกินนะพวกเมิงทั้งสอง!” 


    //////////////////////////////////


    เรียวอุค ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ?” 

    ซองมินส่งเสียงถามเมื่อโรงเรียนเลิกไปเกือบสิบนาทีแล้วแต่เรียวอุคยังคงนั่งอยู่ที่เดิม เด็กคนอื่นๆเก็บข้าวของเสร็จต่างก็ทยอยกลับกันไปหมดจนในห้องเหลือนักเรียนไม่ถึง คน 

    นายกลับไปก่อนเลยซองมิน ฉันจะอยู่ที่นี่อีกสักพัก” ซองมินเลิกคิ้ว 

    จะอยู่ทำอะไรห๊ะ!ฝนกำลังตกไม่หนักเลย เหมาะกับการถือพระกลดเดินกลับบ้านช้าๆสบายๆ” 

     

    คราวนี้เรียวอุคเลิกคิ้วบ้าง พระกลด?” 

    ร่ม” ซองมินตอบด้วยน้ำเสียงธรรมดาสามัญพร้อมกับกางร่มสีชมพูวี้ดวิ้ว~ของตนให้ดูเป็นตัวอย่าง 

    อ้อ” 

    นี่จะนั่งทำการบ้านอยู่ที่นี่เหรอ?” ชะโงกดูสมุดการบ้านบนโต๊ะของเรียวอุค 

    คงนิดหน่อยน่ะ อีกแป๊บก็กลับแล้ว” 

    นี่...” ซองมินทำหน้าเหมือนเพิ่งตรัสรู้อะไรบางอย่าง “...อย่าบอกนะว่าที่นายทำแบบนี้เป็นเพราะ...” ดวงตาใสเหล่มองไปหลังห้องที่ใครบางคนยังคงนั่งอยู่ 

    ไม่ใช่อย่างงั้นหรอกน่า...” เรียวอุคแก้ตัว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบ “...อีกอย่าง...ช่วยพูดให้มันเบาๆจะได้ไหม!?” 

    โอ้วตายห่า! นี่มันอะไรกันนี่!แป๊บนึงนะขอหยิบผ้าซับพระพักตร์ก่อน” 

    ห๊ะ!!??” เรียวอุคขมวดคิ้วมุ่นอย่างมิใคร่จะเข้าใจคำพูดพิสดารของเพื่อนรัก 

    ผ้าเช็ดหน้า” ซองมินเฉลยพลางหยิบผ้าเช็ดหน้าสีชมพูอะอ๊าง~ขึ้นมาซับพระพักตร์ตามคำบอก 

    นี่แกช่วยพูดอะไรให้มันเป็นภาษาคนหน่อยมันจะตายไหมซองมิน?” ด่าเพื่อนอย่างเอือมระอาในความประสาทของมัน 

    ฉันเป็นกระต่าย ก็ต้องพูดภาษากระต่ายน้อยสิ” ว่าพลางแกว่งร่มกับผ้าเช็ดหน้าในมือตนไปมา ช่างเรื่องนี้เถอะ ว่าแต่ถ้าแกยังไม่คิดจะกลับบ้าน ฉันจะกลับก่อนละนะ เดี๋ยวเสด็จแม่จะโทรมาติเตียนเอา” 

    เออไปเหอะ ฉันจะอยู่ที่นี่อีกสักพักแล้วกัน” 

    ซองมินกลับไปแล้วเมื่อเหลือเด็กนักเรียนอยู่ในห้องอีกเพียง คน...แค่เยซองกับเรียวอุคเท่านั้น...แม้มือเล็กจะจับดินสอขยับยุกยิกอยู่บนสมุดการบ้าน แต่สมองและสายตาของเรียวอุคกลับไม่ได้สนใจบทเรียนตรงหน้าแม้แต่น้อย... 

    เยซองเก็บข้าวของลงกระเป๋าช้าๆ ท่าทางไม่รีบร้อนแต่อย่างใด สองหูเสียบหูฟัง iPod เปิดเพลงดังสนั่นอย่างไม่ใส่ใจสิ่งรอบข้าง ร่มสีดำคันใหญ่ที่อาจารย์นำมาให้ถูกวางไว้บนโต๊ะ เก็บของไปสักพักเด็กหนุ่มก็จะเงยหน้าขึ้นมองออกไปยังสายฝนข้างนอกหน้าต่าง เมื่อเห็นว่ามันยังไม่มีทีท่าว่าจะตกหนักขึ้นแต่อย่างใด เยซองก็ก้มลงเก็บของอย่างเชื่องช้าต่อไป 

    ผ่านไปอีกครู่ใหญ่ก็ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะเก็บข้าวของเสร็จในที่สุด เยซองยกกระเป๋าเป้ขึ้นพาดไหล่แล้วเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ… 

    ทิ้งร่มสีดำคันนั้นไว้กับเรียวอุคเพียงลำพัง... 


    ////////////////////////////////////


    ลีทึกเดินกางร่มกลับบ้านคนเดียวเปลี่ยวหัวใจ สายลมเย็นพัดพรูมาพร้อมกับสายฝนปรอยปะทะร่มคันใหญ่ของเขาเสียงดังเปาะแปะ บ้านของเขาอยู่คนละทิศละทางกับบ้านของฮันกยองแต่ห่างจากโรงเรียนเพียงไม่กี่ถนนก็ถึงแล้ว 

    ซู่!!! 

    โดยไม่มีการส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้า จู่ๆฝนห่าใหญ่ก็เทสาดลงมาราวกับเทวดากดชักโครก เสียงเด็กนักเรียนร้องโวยวายพร้อมกับวิ่งหลบสายฝนกันครึกโครม ลีทึกจับร่มของตนไว้มั่นในมือ เดินฝ่าสายฝนต่อไปได้อีกไม่กี่ก้าวลมหอบใหญ่ก็พัดมาปะทะเขาจนร่างบางแทบปลิวไปตามแรง 

    ...ร่มคันใหญ่ของลีทึกหลุดมือไป... 

    เฮ้ย!!!” 

    ปั้ก!!! เอี๊ยด!!! โครม!!!!! 

    นอกจากเสียงอุทานของบุคคลที่อยู่ข้างหลังลีทึกไม่ไกลแล้ว เสียงเอฟเฟกต์อื่นๆยังตามมาในเสี้ยววินาทีถัดไปเล่นเอาลีทึกตั้งตัวไม่ทัน คนร่างบางหันขวับไปมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยมีเสียงแบคกราวน์เป็นของเด็กนักเรียนคนอื่นๆที่อุทานอย่างตกอกตกใจอยู่รอบๆ 

    นาย!” หลังจากงงงวยอยู่พัก พอตั้งสติได้ลีทึกก็วิ่งไปหาเด็กนักเรียนคนหนึ่งที่นอนแอ้งแม้งอยู่กลางพื้นถนน มีรถมอเตอร์ไซค์คันไม่เล็กพังพาบอยู่ข้างๆพร้อมกับร่มตัวต้นเหตุของลีทึกที่ถึงจะกลิ้งอยู่บนยางมะตอยแต่ก็ดูสภาพยังดีอยู่ “นาย! เป็นอะไรมากหรือเปล่า!!??” 

    ความจริงคำถามนี้เป็นอะไรที่ไม่น่าถาม เพราะเท่าที่เห็นได้จากสองตาก็คงตอบไม่ได้ว่า ไม่เป็นอะไร’ 

    เป็นซีโว๊ยยยยย!!!” เด็กหนุ่มคนนั้นโวยวายลั่นทั้งๆที่ยังลุกไม่ขึ้น ร่างใหญ่ขยับไปมาพยายามจะยันตัวให้นั่งได้ ลีทึกเข้ามาจะช่วยพยุง แต่หลังจากลองออกแรงฉุดช้างสัก 2-3 รอบ คนหน้าสวยก็เปลี่ยนใจนั่งเป็นกำลังใจข้างๆแทนเพราะช่วยอะไรไม่ได้ “ร่มนายพุ่งเข้ามาทิ่มเต็มหน้าฉัน! บังทางฉันจนมอไซค์ล้ม แล้วจะบอกว่าไม่เป็นไรหรือไงวะ!!!??” โวยวายลั่น ลีทึกหน้าซีด...เออ กุขอโทษที่ถามคำถามปัญญาอ่อนนั่นไป! 

    เจ็บตรงไหนล่ะให้ฉันพาไปโรงพยาบาลไหม?” ก้มลงสำรวจมองหาบาดแผลตามร่างกายของคนร่างใหญ่...ที่แขนมีรอยถลอกจนน่ากลัวเช่นเดียวกับที่หัวเข่าของเด็กหนุ่ม 

    ก็ดี” ผู้บาดเจ็บกระแทกเสียง 

    งั้นยื่นมือมา ฉันจะช่วยพยุงนายลุกขึ้น” พูดจบประโยคแล้วก็เพิ่งตระหนักว่านี่มันงานช้างแน่ๆ ลีทึกถอนหายใจ แต่ในเมื่อเขาเป็นคนผิดก็ย่อมไม่มีทางเลือก...ท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก ลีทึกเอ่ยประโยคออกไป... ใกล้ๆนี้มีคลินิคที่ฉันรู้จัก เดี๋ยวจะพาไป มอไซค์นายจอดไว้แถวนี้ก่อนก็แล้วกัน ว่าแต่นายชื่ออะไร?” 

    คังอิน!” 


    ////////////////////////////////////


    อยู่ดีๆก็ตกหนักขึ้นมาซะเฉยๆ แม่งอากาศเดี๋ยวนี้มันเป็นอะไรวะ!?” ทงเฮโวยวายหลังจากวิ่งฝ่าสายฝนเข้ามาถึงร้านเกมได้ในที่สุด ตามติดมาด้วยเพื่อนร่วมก๊วนคยูฮยอนและฮยอกแจ(ที่ไม่อยากจะร่วมก๊วนด้วยสักเท่าไหร่) 

    ฮัดเช้ย!” คยูฮยอนจามเสียงดังพลางสูดน้ำมูกฟุดฟิด ฮยอกแจถอนหายใจ 

    เดี๋ยวเมิงก็เป็นหวัดอีกจนได้น่ะไอ้คยู ตากฝนแบบนี้น่ะ” 

    กลับไปก็กินยาแล้วนอนพักเยอะๆนะ” ทงเฮบอกเพื่อนพลางหุบร่มของนายคิม คิบอม

     

    กรี๊ดดดดดดดดดด!!!

    เท่ห์จังเลย!!!!

    แลปนึงใช้เวลาแค่ นาทีเอง เล่นได้ยังไงกัน!?”

    ขอเบอร์ได้มั้ยค้าสุดหล่อ???”

     

    อีพวกนั้นมันโวยวายอะไรกัน?” ทงเฮชะเง้อคอมองไปทางต้นเสียงโหวกเหวกโวยวายที่ดูเหมือนคนทั้งร้านเกมจะไปมุงดูกันอยู่อย่างประหลาดใจ “ใครมันมาเล่น Need for Speed เกมโปรดของกุ?” 

    เฮ้ย!” ฮยอกแจใช้ศอกกระทุ้งเพื่อน “สถิติเกมนั้นของเมิงเท่าไหร่นะแลปนึงใช้เวลา นาทีไม่ใช่เหรอ?” 

    มีคนทำลายสถิติเมิงแล้วเว้ยทงเฮ” คยูฮยอนสำทับ ทงเฮเดือดขึ้นมาทันที 

    มันเป็นใครวะ!!!!??” 

    ร่างบางเดินไปสมทบกับกลุ่มคนที่มุงรอบตู้เกมนั้นอยู่จนแทบจะมองไม่เห็นผู้เล่น ทงเฮใช้ร่างเล็กๆของตนให้เป็นประโยชน์โดยการแทรกตัวไปตามช่องว่างระหว่างขาจนเข้าไปถึงวงในได้... 

    เด็กหนุ่มที่นั่งเล่นเกมแข่งรถอยู่คนเดียวหน้าตาไม่คุ้นเอาเสียเลย ดวงตาหยีที่ดูมั่งมั่นนั่นแทบจะจมหายลงไปในใบหน้ากลมที่แก้มบวมจนเกือบแตก แม้จะนั่งอยู่ก็ดูออกว่าร่างของเด็กหนุ่มค่อนข้างสูง และถึงแม้ผิวกายจะคล้ำไปนิดส์ แต่โดยรวมแล้วก็จัดว่าเป็นเด็กหนุ่มที่ค่อนข้างหน้าตาดี... 

    หมอนี่เป็นใครกัน?” ทงเฮพึมพำเบาๆ ถ้าเป็นมนุษย์บ้าเกมที่อาศัยอยู่ในละแวกนี้เขาควรจะรู้จักอยู่แล้ว แต่ทำไมเขาถึงไม่รู้จักหมอนี่กัน

    เสียงของเด็กสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆทงเฮเป็นคนตอบคำถามให้ เขาชื่อคิม คิบอม อยู่โรงเรียนโซดองโย ม.ปลายปี เพิ่งย้ายมาจากอเมริกาเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง” 

    อะไรนะ!?”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×