ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Umbrella [END]

    ลำดับตอนที่ #17 : Umbrella '17': ร่มคันที่ 17

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.ค. 63


    จนแล้วจนรอดฮันกยองก็ไม่ยอมลงไปเก็บร่ม เด็กหนุ่มซ่อนช่อดอกไม้ไว้ใต้โต๊ะ และไม่ยอมพูดอะไรสักคำเมื่อลีทึกสังเกตเห็นมันเพียงวับๆแวมๆและเอ่ยถามถึง ลีทึกเลิกคิ้ว วันนี้ฮันกยองดูลนลานแปลกๆ สติสตังที่ปกติไอ้เพื่อนคนนี้ก็ไม่ค่อยจะมีอยู่แล้วดูเหมือนจะถดถอยจนถึงขั้นติดลบเมื่อจิตใจของเขาหมกมุ่นกับอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่บทเรียนอยู่ตลอดเวลา อะไรบางอย่างที่ดูจะกวนใจเขาเอามากๆเสียด้วย ซีวอนงั้นเหรอ? ถ้าเป็นแค่ช่อดอกไม้ที่ส่งมาแทนคำขอโทษ ก็ไม่เห็นต้องกระวนกระวายขนาดนี้นี่นา? แปลว่าจะต้องมีอะไรอย่างอื่นที่เขายังไม่รู้อีกงั้นสิ ชิมิๆ

    คนสวยอยากรู้จริงๆเยย

    เสียงเพื่อนๆในห้องซุบซิบกันตลอดเช้าเรื่องร่มปริศนาที่ถูกวางทิ้งไว้ทนโท่บนสนามหญ้าหน้าโรงเรียน ลีทึกเห็นมันเหมือนกันและอดจะแปลกใจไม่น้อยเมื่อสังเกตเห็นร่มคันหนึ่งที่เขามั่นใจว่าเป็นของฮันกยองชัวร์ๆ...คันที่มีลายเป็นรูปกำแพงเมืองจีนนั่น เขานึกถึงฮันกยองทันทีก่อนใครอื่นและจำได้แม่นด้วยว่าเป็นร่มคันที่ฮันกยองทำหายไปเมื่อปีก่อน แต่ลีทึกไม่แน่ใจเรื่องร่มคันอื่น มันอาจจะเป็นของคนอื่นก็เป็นได้ ว่าแต่ทั้งหมดทั้งสิ้นแล้วฮันกยองไอ้เพื่อนจอมเบ๊อะของเขาทำร่มหายไปกี่คันกัน?

    แล้วใครกันนะแม่งช่างสรรหาวิธีบอกรักโดยการประกาศให้พวกเราเหล่าจูมงรู้ได้อย่างหน้าไม่อายเช่นนั้น? ช่างไอเดียบรรเจิดเสียเหลือเกิน!

    ฉันเห็นพี่ภารโรงไปเก็บร่มพวกนั้นขึ้นมาหมดแล้วนะก่อนเข้าเรียนคาบแรก เสียงเด็กสาวคนหนึ่งในห้องซุบซิบกับเพื่อน ทุกคนอยากรู้จนตัวสั่นว่าใครเป็นเจ้าของคำสารภาพรัก หัวข้อนี้คงเป็น Talk of the School ได้สักหนึ่งอาทิตย์กว่าทุกคนจะเบื่อ

    สงสัยฝ่ายปกครองสั่งให้เก็บขึ้นไปมั้ง เด็กสาวอีกคนว่า

    ว้า แล้วทีนี้จะรู้ได้ยังไงล่ะว่าร่มพวกนั้นบอกรักใคร? อีกคนในกลุ่มโวยวายด้วยน้ำเสียงผิดหวังสุดๆ หมดสนุกกันเลยงานนี้

    ลีทึกเหลือบมองฮันกยอง และก็เห็นเพื่อนรักเขานั่งนิ่งราวกับจะตั้งใจฟังบทสนทนานั้นให้ทะลุ

    ...อย่าบอกนะว่าร่มพวกนั้นน่ะส่งมาจาก...?

    ลีทึกใจเต้นแรงกับความเป็นไปได้...ก็ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ? ร่มของฮันกยองคนเดียวก็หายไปเป็นโหล ปกติแล้วเขาก็ไม่ได้คิดหรอกนะว่าจะมีไอ้โรคจิตที่ไหนคิดจะขโมย กลับคิดไปว่าเป็นเพราะความเลินเล่อเอ๋อแดกที่เกิดขึ้นเป็นประจำของเพื่อนคนจีนของเขามากกว่า แต่ก็ไม่ใช่ว่าเรื่องมันจะกลับตาลปัตรมาเป็นแบบที่ฮันกยองพร่ำบอกเขาอยู่ตลอดหน้าฝนไม่ได้ หากมีคนขโมยร่มของฮันกยองจริง...และจะต้องเป็นหัวขโมยที่จ้องแต่จะขโมยร่มของฮันกยองด้วยเพราะร่มของลีทึกเองก็ไม่เคยหายเลยสักครั้ง...

    คนคนนั้นก็เป็นซีวอนได้ไม่ใช่เหรอ?

    ฮันกยองยังคงนั่งเงียบตลอดการเรียนคาบเช้า สมองดูเหมือนจะล่องลอยไปไกลและครุ่นคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา พอถึงเวลาพักกลางวันลีทึกจึงตัดสินใจเข้าไปกระซิบข้างหูเพื่อนเบาๆ

    ไปเอาร่มกันไหม? กุไปเป็นเพื่อน

    สายตาของฮันกยองที่มองตอบกลับมาอย่างตกตะลึงไม่ต้องการคำอธิบายอื่นใดอีก ลีทึกยักไหล่แล้วยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า เขาเดาไม่ผิดจริงๆด้วย กุนี่มันเก่งอะไรเยี่ยงเน้!

    มะ...เมิงรู้... ลีทึกรู้ดีว่าฮันกยองจะถามอะไร และเขาก็ขี้เกียจฟังประโยคเหน่อๆนั่นให้จบ มันเปลืองพลังสมองของเขามากเกินไป เด็กหนุ่มคว้าข้อมือของฮันกยอง ออกแรงดึงอีกคนให้ลุกขึ้นและเด็กหนุ่มชาวจีนก็ลุกตามอย่างว่าง่ายและงงๆ

    กุรู้ก็แล้วกัน ทีนี้ไปกันได้หรือยัง? เขาจูงฮันกยองออกไปจากห้องเรียนแล้วเดินไปตามทางเดินที่มุ่งสู่ห้องพักอาจารย์ฝ่ายปกครอง ฮันกยองกลับมานิ่งเงียบอีกครั้ง เขาเดินตามลีทึกไปอย่างครุ่นคิด ดวงหน้าเรียวก้มลงมองพื้นแทบจะตลอดเวลา

    ลีทึกเป็นคนเคาะประตูและเอ่ยความประสงค์ในการบุกรุกพื้นที่ของพวกเขาเสียด้วยซ้ำ พวกเขาได้รับอนุญาตให้เข้าไปพบอาจารย์คนหนึ่ง ลีทึกเดินอย่างองอาจมั่นใจ ในขณะที่ฮันกยองก้มหน้าอย่างอายสุดๆและไม่รู้จะให้คำตอบว่าอย่างไร

    เธอบอกว่าร่มพวกนั้นที่อยู่บนสนามหญ้าหน้าโรงเรียนเมื่อเช้าเป็นของเธอ อย่างนั้นเหรอ? เสียงอาจารย์หญิงวัยสูงอายุเอ่ยถามขึ้นหลังจากพวกเขาไปหยุดยืนอยู่หน้าโต๊ะของหล่อนราวกับเป็นนักเรียนคุมประพฤติและถูกหล่อนใช้สายตาจิกกัดกราดมองไปทั่วตัวแล้ว

    ครับ ลีทึกเป็นคนตอบคำถามอย่างฉะฉาน ฮันกยองเงยหน้าขึ้น เขาเหลือบมองเพื่อนร่างบางข้างๆแวบหนึ่ง แต่ไม่ยอมพูดอะไร

    เธอจะบอกว่าเธอเป็นคนเอาร่มพวกนั้นไปวางไว้ที่สนามอย่างนั้นด้วย ใช่ไหม? หล่อนหรี่ตามองลีทึก ก่อนจะเบนมายังฮันกยองอย่างสงสัย

    เปล่าครับ ร่มพวกนั้นเป็นของผม แต่ผมไม่ได้เป็นคนเอาไปวาง ลีทึกตอบ อาจารย์เลิกคิ้วสูง

    ถ้าอย่างนั้นมันจะเป็นร่มของเธอได้ยังไง? แล้วใครกันที่เอาไปวาง?

    ผมไม่ทราบว่าใครเป็นคนเอาไปวางครับ แต่ร่มพวกนั้นเป็นของผม มันถูกขโมยไปตลอดช่วงหน้าฝน ทุกคันเลยครับ

    อาจารย์ผู้สูงวัยเลิกคิ้วขึ้นสูงอีกและพินิจมองฮันกยองกับลีทึกอย่างไม่เชื่อคำพูด หล่อนเงียบไปครู่หนึ่งอย่างครุ่นคิดพิจารณา เมื่อเห็นว่านานไปหน่อย ลีทึกจึงเอ่ยขัดขึ้น

    ผมขอร่มของผมคืนได้ไหมครับ?

    แน่ใจเหรอว่าเธอไม่มีส่วนรู้เห็นในการประจานตัวเองกลางสนามหญ้านั่น? คำถามของอาจารย์แทบจะทำเอาฮันกยองคะมำ ลีทึกใช้หางตาเหลือบมองเพื่อนอย่างปรามๆ

    ผมไม่ได้ทำครับ และไม่ทราบว่าใครทำด้วยครับ ลีทึกตอบหน้าตาย อยากให้เรื่องมันจบๆไปตรงนี้ เขาจะได้ไปเป็นที่ปรึกษากิตติมศักด์ของฮันกยองต่อว่าจะทำอย่างไรกับไอ้เด็กโซดองโยสุดหล่อแต่โรคจิตคนนี้ดี

    งั้นเหรอ? น่าเสียดาย...” น้ำเสียงของอาจารย์ฟังดูเสียดายอย่างที่พูดจริงๆ เธอเลื่อนมือลงไปใต้โต๊ะ หยิบถุงกระดาษใบหนึ่งขึ้นมา  หัวใจของฮันกยองเต้นระรัวเมื่อตระหนักว่าเขาจะได้ร่มคืนแล้ว...ร่มของเขาที่หายไปทั้งหลายทั้งแหล่ตั้งแต่หน้าฝนปีที่แล้ว...ล่มของกุ๊!!!!

    อาจารย์วางถุงกระดาษลงบนโต๊ะ ชะโงกลงดูวัตถุข้างในเพื่อความแน่ใจว่าไม่ได้หยิบถุงผิดให้ ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงชวนฝันที่ไม่เข้ากันอย่างยิ่งกับอายุของหล่อน รู้ไหม? ครูว่ามันโรแมนติคมากนะ ใครก็ตามที่เขียนข้อความลงบนร่มพวกนี้ เขาคงอยากจะส่งให้เธอ...เก็บไว้ดีๆนะ ผู้ชายโรแมนติคน่ะ หาได้ไม่ง่ายแล้วนะในโลกนี้ โดยเฉพาะในประเทศนี้ด้วยแล้ว

    ลีทึกถลึงตาอย่างเกินคาด และฮันกยองก็หรี่ตามองเธออย่างไม่มั่นใจว่าหูของเขาเพี้ยนหรือภาษาเกาหลีของเขาย่ำแย่ถึงขีดสุดแล้ว อาจารย์สูงวัยจ้องฮันกยองสลับกับลีทึก และตีความสีหน้าของพวกเขาผิดไป เธอตวาดขึ้น

    ฉันอายุปูนนี้แล้ว เชื่อฉันเหอะย่ะ!”

    /////////////////////////////////

     

    เสียงกริ่งบอกเวลาเลิกเรียนดังขึ้นและฮันกยองก็เก็บของอย่างเชื่องช้าที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ เขาตัดสินใจไม่ถูกว่าควรจะทำอย่างไรกับจดหมายของซีวอน เขาดีใจที่ได้ร่มทั้งหมดคืน แต่แปลว่าซีวอนเป็นคนขโมยมันทั้งหมดจริงๆหรือ?

    ตั้งแต่ต้นเลยหรือ?

    ทำไมถึงเป็นคนที่หาวิธีเรียกร้องความสนใจได้ชั่วขนาดนี้ล่ะ!? ฮันกยองคิดในใจอย่างเคืองๆ คิดได้ยังไงกันที่จะจีบใครคนหนึ่งด้วยการขโมยร่ม!? มีใครที่ไหนเขาทำแบบนั้นกันบ้างห๊า!? แค่เดินเข้ามาบอกว่าชอบเฉยๆน่ะมันยากนักหรือไง ชเว ซีวอนนายนี่มันเหลือเชื่อจริงๆ!

    เดินไปโซดองโยด้วยกันไหม? ลีทึกมายืนเกาะโต๊ะเขาแล้วเอ่ยถาม ฮันกยองเล่าให้เขาฟังหมดแล้ว ชายหนุ่มชาวจีนเลิกคิ้วเมื่อได้ยินคำชวน

    คังอินม่ายด้ายมารับเมิงที่นี่เหรอ? เอ่ยถามด้วยความที่เดาได้ไม่ยากว่าคังอินจะต้องมารับลีทึกเหมือนทุกวัน หลังจากที่พวกมันคืนดีกันแล้วก็ไม่เคยเห็นหัวฮันกยองอีกเลย

    อ่อ กุโทรไปบอกคังอินว่าเดี๋ยวจะไปหาที่หน้าโรงเรียนโซดองโยน่ะ

    ฮันกยองถลึงตา นี่มันเป็นแผนชัดๆในเมื่อลีทึกพูดไปแบบนั้นเขาก็จำต้องเป็นคนเดินไปส่งเนื่องจากขากะเผลกๆของไอ้เพื่อนรักไม่มีทางพยุงสังขารไปคนเดียวได้ไกลเกินเดินจากนี่ไปหน้าประตูโรงเรียนตัวเองหรอก!

    เก็บของเร็วๆสิ!” ลีทึกเร่ง และฮันกยองก็เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างโกรธแค้น หนอยแน่ะ นี่เมิงเป็นเพื่อนกุ หรือเพื่อนไอ้ซีวอนกันเนี่ย!? เป็นลิ่วล้อให้มันดีเหลือเกินนะ!


    ////////////////////////////////////

     

    เรียวอุคกำลังเก็บกระเป๋า เขาไม่ได้จงใจใช้กิริยาเอื่อยเฉื่อยแบบที่ทำเป็นประจำ วันนี้เขาเก็บของรวดเร็วก่อนจะสะพายเป้ขึ้นบ่า ซองมินออกไปแล้วแต่ในห้องยังเหลือเด็กนักเรียนอีกหลายคน แต่เรียวอุคไม่คิดจะอ้อยอิ่งอีกต่อไป เขาจะพูดกับเยซองให้รู้เรื่อง ต่อหน้าเพื่อนๆทั้งห้องมันนี่แหละ

    เด็กหนุ่มร่างบางหันหลังกลับ เดินดุ่มไปหลังห้องที่ซึ่งโต๊ะเรียนของเยซองตั้งอยู่และเจ้าตัวก็ยังนั่งอยู่ที่นั่นอย่างไม่ทุกข์ร้อน เขายังไม่เริ่มเก็บของลงกระเป๋าด้วยซ้ำ เด็กหนุ่มหน้ากลมเงยหน้าขึ้นมองเมื่อเรียวอุคเดินมาหยุดยืนค้ำหัวเขา คิ้วหนาเลิกขึ้นอย่างสงสัยราวกับจะถามว่าอีกคนมาทำไม

    ทำไมนายไม่คืนร่มให้ฉัน?

    คำถามของเรียวอุคฟังดูขวานผ่าซาก และคิ้วของเยซองก็ขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม

    ทำไมฉันต้องคืนนายด้วย? เด็กหนุ่มหน้าซาลาเปาเอ่ยถามอย่างไม่ยี่หระ เรียวอุคผงะไปหน่อยหนึ่งอย่างแปลกใจ ก็นั่นไม่ใช่สิ่งที่เยซองต้องการมาตลอดหรอกหรือ?...

    ...การไล่เขาออกไปจากชีวิตนี่ไง

    ก็ในเมื่อมันไม่เคยเป็นสิ่งที่นายต้องการ... เรียวอุคอ้ำๆอึ้งๆหาเหตุผล ...และมันก็เตือนให้นายระลึกถึงเรื่องราวร้ายๆที่เกิดขึ้นในอดีต นายจะเก็บมันเอาไว้ทำไม?

    ก็ฝนมันยังไม่หยุดตก เยซองยักไหล่ นายอยากให้ฉันใช้มันกันฝน ไม่ใช่หรือไง?

    เรียวอุครู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนทดสอบ รู้สึกเหมือนเยซองกำลังยั่วโมโหเขา เด็กหนุ่มกำมือแน่นจนเล็บจิกลงไปในเนื้อเจ็บไปหมด เขากำลังสับสน เดาไม่ออกเลยว่าเยซองต้องการอะไรและเขาควรจะทำยังไงต่อไป

    ถ้านายไม่เต็มใจจะเก็บมันไว้ ก็คืนฉันมาเถอะ เรียวอุคกัดฟันพูด เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่เยซองทำอยู่คือการประชดหรืออะไร ก็ในเมื่อเยซองเล่าความทรงจำอันปวดร้าวนั่นให้เขาฟัง เขาก็เข้าใจได้ไม่ยากว่าสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อคือ นายมันช่างโง่เง่าไม่รู้อะไรเลย แล้วยังจะเสนอหน้ามายุ่งวุ่นวายกับอะไรไม่เข้าเรื่องอีกหรือ?

    เยซองจ้องหน้าเรียวอุคเขม็ง และเรียวอุคก็จ้องตอบ พวกเขามองหน้ากันอยู่อย่างนั้นนิ่งเป็นครู่ ลืมสังเกตไปว่ารอบตัวของพวกเขาก็เงียบสงัด เด็กนักเรียนที่เหลืออยู่ในห้องต่างถลึงตามองพวกเขาเป็นตาเดียว ต่างคนต่างงงงันกับบทสนทนาที่พวกเขาไม่เข้าใจ แต่นั่นไม่สำคัญอะไรเท่ากับการที่มีใครเข้าไปคุยกับเยซอง เด็กหนุ่มผู้ลึกลับแปลกประหลาดที่ไม่มีนักเรียนคนไหนในห้องคิดจะสุงสิงด้วย

    ไม่มีใครรู้ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน และทุกคนก็เฝ้ามองเหตุการณ์ด้วยใจจดจ่อและอยากรู้อยากเห็นสุดๆ

     เป็นนานกว่าเยซองจะเป็นคนหลบสายตา เขาหยิบกระเป๋าขึ้นมา ควานหาของในนั้นอย่างเชื่องช้าก่อนจะยื่นร่มส่งคืนให้เรียวอุค

    เด็กหนุ่มร่างบางยื่นมือมารับมัน เขาจับมันที่ปลายอีกด้านหนึ่ง แต่เยซองไม่ยอมปล่อยมือ

    ฉันผิดหวังในตัวนายจริงๆเรียวอุค

    น้ำเสียงของเยซองที่เอ่ยออกมาฟังดูเยาะเย้ย ร้อยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา เรียวอุคหน้าชาวาบ ทั้งงงงวยและคาดไม่ถึงกับความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูด

    ทำไม? เด็กหนุ่มถามกลับด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เขาสับสนไปหมดแล้ว นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?

    นายตื๊อฉันมาตั้งนาน... เยซองจ้องเข้าไปในดวงตาของเรียวอุค สายตาที่ราวกับจงใจจะเผาอีกคนให้วอดวายกลายเป็นจุล ...เจออุปสรรคแค่นี้ก็จะล้มเลิกความตั้งใจแล้วเหรอ? เหอะ ปิดท้ายด้วยเสียงพ่นลมออกจมูกแบบดูถูกเหยียดหยาม เยซองปล่อยมือจากคันร่ม ปล่อยให้เรียวอุคถือมันไว้ด้วยสายตางุนงงขณะที่เขาลุกขึ้นยืนแล้วเก็บของลวกๆลงกระเป๋า

    มะ...หมายความว่ายังไง? นายเห็นฉันเป็นตัวเกะกะไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไม...?

    จะคิดไงก็ช่าง เยซองสะพายกระเป๋าขึ้นบ่า ตั้งท่าจะเดินออกไปจากตรงนั้น ดวงตาของเขาลุกวาวและเรียวอุคก็ไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด มองแบบนั้นแปลว่าอะไร?

    โกรธ...งั้นเหรอ?

    อยากคิดยังไงก็ตามใจนายเหอะ เยซองหันหลังกลับแล้วตั้งท่าจะเดินออกไป สมองของเรียวอุคทำงานอย่างรวดเร็ว มันแปลคำพูดประโยคของเยซอง ตีความหมายท่าทางอันคาดไม่ถึง เป็นไปได้หรือ? ทำยังไงเขาถึงจะไม่คิดเข้าข้างตัวเอง?

    ทำยังไงถึงจะมีข้อพิสูจน์?

    ก่อนที่เขาจะคิดอะไรได้ต่อจากนั้น เรียวอุคก็ทำอะไรบางอย่างที่แม้แต่ตัวเองยังตกใจ ร่างกายเขาขยับไปตามใจคิด มือข้างที่ถือร่มอยู่เมื่อครู่ปล่อยมันร่วงกระทบพื้นเสียงดัง เขาพุ่งเข้าหาเยซองที่กำลังก้าวห่างออกไป กระชากไหล่คนตัวสูงให้หันกลับมา เยซองเลิกคิ้ว สายตาเต็มไปด้วยคำถาม แต่มันก็คงอยู่บนใบหน้าเขาได้เพียงไม่ถึงหนึ่งวินาที

    ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นความตกใจและคาดไม่ถึง

    เมื่อใบหน้าของเขาถูกโน้มลงต่ำด้วยแรงถ่วงของคนตัวเล็ก และริมฝีปากถูกประกบด้วยกลีบปากบางด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมแบบที่ไม่รู้ว่าเรียวอุคไปขุดมาจากไหนมากมายขนาดนี้

    เสียงฮือฮาดังขึ้นรอบตัวเขาเมื่อเพื่อนๆในห้องชักแตกตื่นกับการกระทำอันใจกล้าบ้าบิ่น แต่เยซองไม่ได้ยิน สมองของเขาว่างเปล่า ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้นนอกจากสัมผัสละมุนที่ริมฝีปาก กลีบปากของเรียวอุคนุ่มราวกับไหม และเขาก็ตะลึงลานเกินกว่าจะขยับไปไหนจนกระทั่งอีกฝ่ายละริมฝีปากออกเอง

    เสียงรอบตัวของพวกเขาเงียบกริบลงอีกครั้งเมื่อเรียวอุคสบตากับเยซองหลังจากละใบหน้าออกมาในระยะที่เหมาะสม ดวงตาคู่สวยกวาดมองใบหน้ากลมอย่างกับซาลาเปาอย่างจะหาความนัยอะไรบางอย่าง แล้วก็รู้สึกโล่งใจอย่างประหลาดที่ไม่พบความโกรธอยู่ในนั้นแม้แต่นิด

    มันมีแต่ความประหลาดใจและงุนงงสงสัย แบบที่เรียวอุคกำลังรู้สึกอยู่เช่นเดียวกัน

    ฉันเบื่อเกมร่มบ้าๆนี่เต็มทีแล้ว... เรียวอุคเอ่ยขึ้นในที่สุด น้ำเสียงของเขาฟังดูมั่นใจอยู่ในความเงียบสงัดของห้องเรียน เขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเยซอง และเมื่อพบแต่เครื่องหมายคำถามและการรอคอยอยู่ในนั้น เด็กหนุ่มจึงสูดลมหายใจลึก ก่อนจะกลั้นใจเอ่ยประโยคต่อไป ...แล้วนายล่ะ คิดว่าไง?


    ///////////////////////////////////

     

    ฮันกยองช่วยพยุงลีทึกเดินมาถึงหน้าโรงเรียนโซดองโย เป็นไปดังคาด บุคคลที่เขาอยากจะหลบหน้าเป็นที่สุดกำลังยืนอยู่กับคังอินอย่างรอคอย ทั้งสองคนกำลังสนทนาด่าทอกันอย่างออกรสเมื่อลีทึกกับฮันกยองมองเห็นพวกเขา ไม่มีใครกางร่มวันนี้เพราะฝนหยุดตกแล้ว และเมื่อซีวอนหันมาเห็นว่าใครกำลังเดินมา รอยยิ้มชวนหลงใหลก็ฉีกกว้างจนจะถึงใบหู ไม่บอกก็รู้ว่าดีใจแค่ไหนที่ได้เจอใครคนนั้นที่เขาเฝ้าฝันหามาทั้งวัน

    และใครคนนั้นก็หลบสายตาของซีวอนทำเป็นเสมองพื้นถนนลาดยางในทันใด

    ลีทึ๊กเป็นยังไงบ้างจ๊ะขาดีขึ้นไหมวันนี้? คังอินกระโดดโลดเต้นออกมาหาอย่างอารมณ์ดี เขารับช่วงต่อจากฮันกยองโดยการยกแขนลีทึกขึ้นพาดไหล่ตัวเองอย่างถือวิสาสะ แต่ลีทึกไม่ได้ว่าอะไร ฮันกยองยืนเก้อ ไม่ยอมก้าวขาต่อ ลีทึกถูกคังอินกึ่งพยุงกึ่งลากไปแล้ว แต่เขาหันกลับมา

    ไอ้ฮัน ยืนบื้ออยู่ทำไมเล่า!? มานี่สิ

    เรียกอย่างกับกุเป็นหมาเลยนะฮันกยองนึกในใจอย่างเคืองๆ แล้วเดินตามไปอย่างเสียไม่ได้ มือเรียวยกขึ้นกระชับสายสะพายกระเป๋าใบเขื่องที่ไหล่บางอย่างแก้เก้อ เขาหยุดยืนในระยะห่างจากซีวอนสิบเมตร และแทบจะผงะถอยเมื่อเด็กหนุ่มร่างสูงก้าวเข้ามาหาด้วยขายาวๆเมื่อเห็นว่าฮันกยองไม่ยอมเดินต่อ

    เกิง... ซีวอนเอ่ยทัก ทำใจดีสู้เสือแม้ฮันกยองจะไม่ยอมแม้กระทั่งเงยหน้าสบตาเขา ดวงตาคู่สวยจ้องมองพื้นอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ซีวอนรู้ดีว่าเป็นเพราะอีกฝ่ายเขินเสียมากกว่า ในเมื่อยอมเดินมาถึงหน้าโรงเรียนเขาแบบนี้เด็กหนุ่มร่างสูงก็มีกำลังใจขึ้นเป็นกอง

    นั่นแปลว่าบทง้อนั่นประสบผลสำเร็จไม่มากก็น้อย ซีวอนกลั้นยิ้มขณะเอียงคอมองใบหน้าของฮันกยองที่ก้มงุด มือหนาเข้าช้อนใต้คางมน เชยขึ้นให้สบกับตาของเขาเอง ฮันกยองทำท่าเหมือนจะขัดขืนในตอนแรก แต่แล้วก็ยอมเงยหน้าจนได้ เขาประสานสายตากับซีวอนเพียงวูบเดียวก่อนจะเฉไฉไปมองทางอื่นอีก

    ชอบของขวัญที่ผมให้หรือเปล่า? ซีวอนเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา ฮันกยองมุ่นหัวคิ้วน้อยๆ ของขวัญอะไรกัน นั่นมันล่มที่เมิงจิ๊กกุไปตั้ง คันนะโว้ย!!!

    พูดถึงเรื่องนั้นก็น่าจะถามไปให้รู้แล้วรู้รอด “เอ่อ...ซีวอน... เด็กหนุ่มชาวจีนครุ่นคิดหาคำพูด เขาไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ยิ่งเมื่อเห็นรอยยิ้มที่ซ่อนอย่างไรก็ซ่อนไม่มิดบนใบหน้าหล่อเหลาของอีกคน หัวใจของฮันกยองก็ยิ่งเต้นไม่เป็นจังหวะและสมาธิเตลิดเปิดเปิงมากขึ้นไปอีก

    ครับ? เด็กหนุ่มร่างสูงเอ่ยถามด้วยดวงตาเป็นประกายเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไปนาน อยู่ๆฟังก์ชันภาษาเกาหลีก็ไม่ทำงานหรือไง

    เอ่อ...ล่มพวกน้านอ่า นาย...เปนคนเอาปายทั้งหมดเลยเหลอ?” ถามจบก็เบนสายตาไปทางอื่น ซีวอนยังไม่ยอมปล่อยมือจากคางเขาเลย ลองแกล้งสะบัดหน้าเบาๆทีสองทีมือซีวอนก็ยังเหนียวหนึบติดคางเขาเป็นปลาหมึก แต่ก็ไม่ได้จริงจังมากเพราะจะเหมือนหมาสะบัดน้ำออกจากขนเกินไปชักไม่งาม

    พูดแล้วมันก็กระดากตัวเองนะ ซีวอนตอบเบาๆ แต่...ใช่แล้วครับ ผมเป็นคนเอาของเกิงไปเอง ทั้งหมดนั่นเลยแหละ

    ฮันกยองหันกลับมา สายตาเต็มไปด้วยคำถาม ทามมาย?

    คงเพราะอยากเรียกร้องความสนใจจากเกิงมั้ง เด็กหนุ่มร่างสูงหัวเราะกลบเกลื่อนอย่างเขินๆ ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนั้นผมคิดอะไรไม่ออก ผมแค่อยากรู้จักเกิง แต่ไม่รู้ว่าจะทำยังไง...

    ก้อแค่เดินเข้ามาทามความรู้จาก ม่ายเห็นจายากตรงหนายเลยนี่นา ฮันกยองออกความเห็น หลังจากอ่านจดหมายฉบับนั้นเขาก็นั่งคิดมาตลอดทั้งวันว่ามันมีเหตุผลอะไรที่ซีวอนจะต้องคอยขโมยร่มของเขาด้วย แค่อยากรู้จักเขาอย่างนั้นเหรอ? ถ้าแค่นั้นทำไมต้องวุ่นวายด้วย เดินเข้ามาคุยเฉยๆไม่ได้หรือยังไงวะ?

    ซีวอนกะพริบตาปริบๆเมื่อได้ยินคำถาม ก่อนจะฉีกยิ้มแหยอย่างรู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน

    ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เขาตอบเบาๆ มือแกร่งเลื่อนจากคางมนลงมาจับกระชับที่มือนิ่มของฮันกยอง และอีกคนก็ไม่ได้ขัดขืน เขาจ้องตาซีวอนเขม็งแล้วตอนนี้ เฝ้ารอคอคำตอบที่กวนใจมาทั้งวัน กลับเป็นซีวอนเสียอีกที่เขินเสียจนทนมองสายตาของอีกคนไม่ได้ ผมคงชอบเกิงมากจนสมองทำงานไม่ปกติซะละมั้ง

    ฮันกยองหน้าแดง เขามีถ้อยคำอยากจะเอ่ยอีกมากมายแต่กลับลืมไปเสียหมดเมื่อเจอคำพูดแบบนี้ ซีวอนยื่นหน้าเข้ามาใกล้ หน้าผากของเขาแนบกับหน้าผากเนียนของเด็กหนุ่มชาวจีนและฮันกยองก็รู้สึกว่าลมหายใจของเขาขาดห้วงอย่างประหลาด

    เกิงหายโกรธผมแล้วใช่มั้ย? ซีวอนกระซิบถาม ฮันกยองนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง

    นาย...ชอบฉาน...จริงๆเหลอ? เป็นคำถามที่ช่างยากเย็นแสนเข็ญกว่าจะเค้นออกมาจากลำคอ พอถามจบฮันกยองก็หน้าแดง นี่เขากล้าพูดออกไปได้อย่างไรเนี่ย อ๊ายยยยยยยย >/////<

    จะ...จริงสิครับ ซีวอนตอบเบาๆ ใบหน้าหล่อเหลาเรื่อสีนิดๆเมื่อเจอคำถามแทงใจดำแบบนี้ แต่แล้วก็ต้องอมยิ้มเมื่อเจอกับปฏิกิริยาของคนถามที่พูดเองเขินเอง ซีวอนจึงเอ่ยต่ออย่างจะตอกย้ำพลังรักของตัวเอง ชอบมากขนาดที่บ้าขโมยร่มเกิงมาตั้ง คันเลยล่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำได้ยังไง

    เออกุก็อยากรู้เหมือนกันว่าเมิงทำได้ยังไง ไม่โรคจิตจริงไม่สามารถนะเนี่ย ฮันกยองนึก

    งะ...ง้านก้อแปลว่านาย...ชอบฉานมาต้างแต่ฤมองฝนปีที่แล้วง้านสิ? เขาถามต่อด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้ม ซีวอนฉีกยิ้มกว้าง รู้สึกอยากจะฟัดคนตรงหน้าขึ้นมาเสียเดี๋ยวนี้จริงๆ ทำไมแม่งน่ารักขนาดนี้วะ!?

     ฤดู ครับ ไม่ใช่ ฤมอง’ และจริงๆแล้วผมอาจจะชอบเกิงตั้งแต่ก่อนหน้านั้นก็ได้มั้ง ซีวอนทำท่ารำลึกความหลัง อยู่ดีๆความกล้ามันก็ท่วมท้นขึ้นมาเสียเฉยๆทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ล่ะโชว์ลีลาขโมยร่มอยู่ตั้งนาน ผมมองเกิงอยู่ตั้งนาน แต่จนแล้วจนรอดก็คิดไม่ออกว่าจะเข้าไปทำความรู้จักยังไงดี...ผมจีบใครไม่เป็น และเกิงก็ป๊อปปูล่าร์มากเพราะหน้าตาดี... พอถึงประโยคนี้ฮันกยองทำตาโต เห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวไม่เคยตระหนักถึงความจริงข้อนี้ว่าเวลาเดินผ่านเขาตกเป็นเป้าสายตาของเด็กนักเรียนทั้งสองโรงเรียนแค่ไหน...โอเค อาจจะน้อยกว่าซีวอนอยู่ซักหน่อย แต่ก็ไม่ได้เรียกว่าเป็นคนหน้าตา ธรรมดา’ หรอกนะ

    ซีวอนเล่าต่อ ...ตอนที่ผมอดใจไม่ไหวเป็นตอนหน้าฝน ที่ร้านอาหารวันนั้นเกิงตากร่มทิ้งไว้ติดกับคันของผมพอดี ก็เลยคิดเล่นๆว่าถ้าแกล้งเอาไป แล้วเอากลับไปคืนเกิงในวันต่อมาจะเป็นยังไง ผมจะได้มีข้ออ้างคุยกับเกิง เขาหัวเราะกลบเกลื่อน แต่จนแล้วจนรอดผมก็ไม่ได้เอาไปคืน ผมปอดแหกเกินไป แล้วโอกาสก็มาถึงอีก ผมก็เลยขโมยร่มเกิงคันที่สอง เขายักไหล่เมื่อดวงตาคู่สวยของฮันกยองเบิ่งโตขึ้นเรื่อยๆตลอดเวลาที่เรื่องราวหลุดออกจากปากซีวอนมากขึ้นๆ แล้วผมก็เลยคิดได้ว่า ทำไมไม่ขโมยร่มให้ครบสักจำนวนหนึ่ง แล้วหาวิธีบอกรักเกิงด้วยร่มพวกนั้นล่ะ? อย่างเช่นคำว่า I Love You มันฟังดูน่าสนุกดี

    พอถึงตอนนี้ฮันกยองอ้าปากตาค้าง

    นี่นาย...ขโมยล่มฉานปายต้างแปดคานด้วยเหตุผลพวกน้านเนี่ยน้า!?” เขาแทบไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน ถ้ามีใครมารู้เข้าว่าชเว ซีวอนสุดหล่อพ่อรวยมีเมียสวยคนนี้ปัญญาอ่อนขนาดนี้แล้วละก็ แฟนคลับมันจะยังเหลืออยู่ไหมนะ

    ก็ด้วยเหตุผลพวกนั้นแหละครับ ซีวอนยืดอกตอบอย่างภาคภูมิใจเลยทีเดียว ณ จุดนี้ แล้วผมก็ทำสำเร็จ ใช่ไหมล่ะครับเกิง?” ฮันกยองเลิกคิ้ว

    ทามอารายสามเหร็จ?

    ก็เอาชนะใจเกิงไง” ตอบแล้วฉีกยิ้มร่าแบบชวนให้หลงใหลใจละลาย คนจีนเบนสายตาหลบ ไหนจะเรื่องขโมยร่มไหนจะยังเรื่องที่เขางอนซีวอนไม่หาย ทำไมก็ไม่รู้แต่ ณ จุดนี้ ฮันกยองโกรธอีกคนไม่ลงจริงๆ

    ไปกินข้าวด้วยกันนะครับ ซีวอนฉีกยิ้มสดใส มือใหญ่ที่กุมมือนิ่มของฮันกยองกระชับแน่นขึ้นอย่างจะให้มั่นใจ คนจีนนิ่งคิดอยู่ครู่ ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ เด็กหนุ่มร่างสูงลิงโลดใจอย่างห้ามไม่อยู่ เขาก้มลงหอมขโมยแก้มฮันกยองไปฟอดหนึ่งอย่างหมั่นเขี้ยว ไม่สนใจสายตาใครทั้งนั้น ก่อนจะจูงมืออีกคนเดินไปตามถนนสายเก่าที่อบอุ่นด้วยแสงอาทิตย์ยามบ่าย

    เป็นการเริ่มต้นชีวิตบทใหม่ของทั้งสองคน ที่ไม่มีพายุฝนอึมครึมอีกต่อไปแล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×