ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Umbrella [END]

    ลำดับตอนที่ #16 : Umbrella '16': ร่มคันที่ 16

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.ค. 63


    "หลังจากมรสุมจากทะเลญี่ปุ่นถล่มกรุงโซลด้วยพายุฝนกระหน่ำมาตลอด อาทิตย์จนแทบจะเรียกได้ว่าไม่มีวันไหนที่ฝนไม่ตก ตอนนี้มรสุมได้เคลื่อนตัวผ่านไปแล้ว นั่นหมายความว่าแม้จะยังมีฝนอยู่บ้าง แต่ปริมาณน้ำฝนจะน้อยลงกว่าช่วงที่ผ่านมา โดยคาดว่าพอสิ้นสุดอาทิตย์นี้สภาพอากาศจะกลับสู่ภาวะปกตินั่นคือมีปริมาณน้ำฝนประมาณ 20 มิลลิเมตรต่อสัปดาห์...”

    เสียงผู้ประกาศข่าวดังลอดออกมาจากร้านอาหารในละแวกที่ฮันกยองเดินผ่าน เด็กหนุ่มลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกหลังจากได้ยินข่าวนั้น...มรสุมผ่านไปแล้ว แม้หน้าฝนจะยังไม่ผ่านพ้นไปเต็มตัวก็เถอะแต่นั่นก็หมายความว่าฝนจะตกน้อยลง...หลังจากนี้ฟ้าก็คงไม่เทลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตาอย่างเช่นที่ผ่านมาทุกวันหรอกจริงไหม?

    ฟ้าหลังฝนย่อมสดชื่นและสดใสเสมอ ไม่รู้เหมือนกันว่าชีวิตเขาจะผ่านพ้นวิกฤติแบบที่กรุงโซลได้ผ่านมันไปแล้วหรือยัง? เรื่องซวยซ้ำซ้อนทั้งหลายนี่ ทั้งร่มหายไม่เว้นแต่ละวันเอย ทั้งปัญหาเรื่องซีวอนเอย...

    ฮันกยองกัดปากตัวเอง ซีวอนโผล่เข้ามาในความคิดของเขาอีกแล้ว...ทำไมกันนะถึงไม่ยอมปล่อยให้หัวเขาโล่งๆสบายๆบ้าง? ช่วยเอาหนังหน้าหล่อๆไปไกลๆตีนเขาได้ไหม ทำไมจะต้องวนเวียนเข้ามาในความคิดเขาทุกๆ 5 นาทีด้วยวะ!? แล้วนายก็เหมือนกันฮันกยอง ปล่อยให้หน้ามันเล็ดรอดเข้ามาได้ยังไง!? เด็กหนุ่มชาวจีนยกมือขึ้นเขกมะเหงกตัวเองแรงๆราวกับจะเตือนสติ เด็กหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่เดินสวนเขาไปหันมามองเขาอย่างไม่มั่นใจว่าบ้าหรือเปล่า

    ฮันกยองเดินดุ่มตากฝนเม็ดเล็กที่โปรยปรายเป็นละอองมุ่งหน้าไปโรงเรียน เขาไม่มีร่มเหลือที่บ้านอีกแล้ว แต่เอาน่ะ ไหนๆก็ใกล้จะหมดหน้าฝนอยู่แล้ว ร่มอาจจะไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้วก็ได้ เท่านี้ล่ะ ไอ้โจรขโมยร่มนั่นก็จะทำอะไรฮันกยองคนนี้ไม่ได้อีกต่อไป

    เสียงเด็กนักเรียนตะโกนโหวกเหวกทักทายกันแต่เช้าเมื่อใกล้ถึงโรงเรียน ทั้งๆที่อากาศก็ดีขึ้นและบรรยากาศรอบข้างก็รื่นเริง แต่ทำไมฮันกยองถึงรู้สึกหงอยอย่างนี้ก็ไม่รู้ เด็กหนุ่มชาวจีนพยายามบอกตัวเองว่าเป็นเพราะลีทึก เช้านี้ลีทึกบอกว่าคังอินจะมารับ ดังนั้นฮันกยองไม่ต้องเป็นห่วงให้มาโรงเรียนได้เลย มันอาจจะเป็นความรู้สึกที่ว่าลีทึกกับคังอินกำลังไปกันได้ดี และเขากำลังจะเสียเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวไป...

    แต่ลึกๆแล้ว ฮันกยองรู้ดีว่ามันไม่ใช่เพราะเหตุนั้น...

    เสียงฮือฮาดังมาจากรั้วโรงเรียนพร้อมฝูงเด็กนักเรียนกลุ่มใหญ่ถึงใหญ่มากที่กำลังยืนมุงอะไรบางอย่าง เด็กหนุ่มชาวจีนมุ่นคิ้ว...มีเรื่องอะไรกัน? แล้วมายืนออกันแบบนี้เกะกะการจราจรยามเช้าเสียจริง ทำไมอาจารย์ไม่มาไล่ไอ้พวกนี้ไปบ้างนะ?

    ฮันกยองฝ่าวงล้อมเบียดฝูงนักเรียนที่ยืนขวางทางเข้าไป ไม่ได้ใส่ใจอะไรก็ตามที่เป็นจุดสนใจของนักเรียนฝูงนั้นแม้สักนิด แต่ถึงกระนั้นเมื่อเดินผ่านจุดที่สามารถมองเห็นวิวกลางสนามหญ้าหน้าโรงเรียนได้ถนัดชัดเจน ฮันกยองก็ต้องเลิกคิ้วสูง

    ตรงกลางสนามหญ้ามีร่มหลากสีหลายคันวางกางอยู่เรียงเป็นทิวแถว และบนร่มแต่ละคันมีตัวอักษรภาษาอังกฤษสีขาวเขียนอยู่ด้วยสเปรย์แบบที่พวกเด็กมือบอนชอบใช้พ่นตามฝาผนัง แม้ฮันกยองจะได้คะแนนวิชาภาษาอังกฤษตั้งเกรด 1...แย่กว่าวิชาภาษาเกาหลีที่เขาพูดได้งูๆปลาๆนี่เสียอีก แต่ฮันกยองเข้าใจสิ่งที่เขียนอยู่บนร่มอย่างชัดแจ้งแดงแจ๋

    I-L-O-V-E-Y-O-U

    ร่ม 8 สีมีตัวอักษรเหล่านั้นขีดเขียนไว้ครบทั้ง 8 คันพอดิบพอดี

    เป็นวิธีบอกรักที่ช่างเรียกร้องความสนใจมาก...ฮันกยองคิดในใจ...อยากจะรู้เหมือนกันว่าใครแม่งช่างสรรหาวิธีการขนาดนี้ และใครกันนะเป็นคนที่ข้อความเหล่านั้นตั้งใจจะส่งไปถึง...

    แล้วจู่ๆเด็กหนุ่มชาวจีนก็ชะงัก

    เดี๋ยวก่อน...ร่มพวกนั้นมันมีสีและหน้าตาเหมือนกับร่มเขาที่หายไปเลยนี่นา...

    หัวของฮันกยองเริ่มหมุน แต่มันไม่น่าเป็นไปได้! ไม่น่า...ไม่ใช่หรอก! เด็กหนุ่มบอกตัวเอง มันอาจจะแค่สีคล้ายๆเท่านั้นเอง แม้จะมีคันหนึ่งที่เขาแน่ใจว่าเขาไม่เคยเห็นเด็กคนอื่นใช้...อันที่เป็นลายกำแพงเมืองจีนที่เขาซื้อตอนไปเที่ยวที่นั่นกับครอบครัวและเขาทำมันหายไปเมื่อหน้าฝนปีที่แล้ว...แต่ก็ไม่แน่เสมอไป อาจจะมีใครมีลายซ้ำกับเขาก็ได้ในเมื่อมันก็เป็นของที่ระลึกที่สวยดีนี่นา

    ฮันกยองบังคับตัวเองให้ผละออกจากตรงนั้น ขาเรียวพาร่างโปร่งมุ่งไปยังตึกเรียนแล้วก้าวขึ้นบันไดอย่างเร่งรีบแต่เลื่อนลอย แม้จะพยายามปฏิเสธ แต่สมองของเขากำลังทำงานจ้าละหวั่นแบบที่มันไม่ค่อยได้ทำยามปกติ นับดูจำนวนร่มที่เขาทำหายไปทั้งของปีนี้และปีที่แล้วรวมกัน เพราะมันก็มีแค่สองปีนี้แหละที่เขาทำร่มหายเป็นว่าเล่นเหมือนมีใครจงใจขโมยร่มของเขาอยู่ได้อย่างนั้น...

    8 คัน...เท่าที่นึกออก จะว่าไปเขาก็จำไม่ได้ขนาดนั้นหรอกในเมื่อมันเล่นหายไปเยอะและบ่อยขนาดนี้ อืม...คงไม่ใช่หรอกมั้ง น่าจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำ...10 แหละ น่าจะซัก 10 คัน...เด็กหนุ่มบอกตัวเอง ร่มที่อยู่บนสนามพวกนั้นมันจะเป็นของเขาไปได้อย่างไรกัน? อย่าบ้าไปหน่อยเลยน่าฮันกยอง ใครเขาจะมาทำอะไรบ้าๆอย่างนั้นให้ฉัน? แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม...

    ใบหน้าของซีวอนมันถึงลอยเข้ามาในความคิดอย่างห้ามไม่ได้ก็ไม่รู้

    เด็กหนุ่มเดินขาแข็งเข้าไปในห้องเรียน พยายามกรอกหูตัวเองว่ามันไม่มีทางเป็นเขา แต่แล้วก็มีเหตุให้ต้องสะดุดกึกอีกครั้งเมื่อเห็นเพื่อนร่วมชั้นยืนล้อมวงเป็นกลุ่มย่อยๆอยู่รอบโต๊ะเรียนตัวหนึ่ง

    และไอ้โต๊ะบ้านั่นก็ดันเป็นของเขาเสียด้วยสิ

    ...อะไรกันอีกล่ะทีนี้?

    เสียงฮือฮาเงียบสนิทลงทันทีเมื่อทุกคนตระหนักว่าเจ้าของโต๊ะมาถึงแล้ว และดูเหมือนทุกคนก็จะพร้อมใจกันแหวกทางให้ฮันกยองเห็นว่ามีอะไรอยู่บนโต๊ะที่กระตุ้นต่อมเสือกของพวกมันได้หนักหนา

    ...มันก็แค่ดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ช่อหนึ่ง...

    ...แค่นั้นเท่านั้นเอง...

    ฮันกยองเม้มริมฝีปากแน่น เดินตรงไปที่โต๊ะของตัวเองด้วยท่าทางอกผายไหล่ผึ่งอย่างหญิงมั่น เสียงเพื่อนๆบางคนทักทายเขาด้วยถ้อยคำสวัสดียามเช้า แต่ฮันกยองไม่ตอบ จะว่าไปเขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์เสวนาภาษาเกาหลีสักเท่าไหร่นัก เด็กหนุ่มเดินไปถึงโต๊ะ หยิบช่อดอกไม้เจ้าปัญหาขึ้นแล้วพลิกไปมาอย่างสำรวจตรวจตรา ส่งผลให้ซองจดหมายฉบับหนึ่งหล่นลงมาจากช่อดอกกุหลาบ

    เสียงงึมงำดังขึ้นรอบโต๊ะ ฮันกยองอยากจะกรีดร้องเผื่อจะไล่เพื่อนร่วมห้องฝูงนี้ไปให้พ้นรำคาญได้บ้าง แต่เขาก็ไม่ได้ทำ เด็กหนุ่มหยิบซองขึ้นมา หน้าซองว่างเปล่าแต่ก็สัมผัสได้ถึงกระดาษแผ่นบางๆที่อยู่ข้างใน

    ฮันกยองสูดลมหายใจลึก ก่อนจะเปิดซองออกแล้วหยิบกระดาษขึ้นมาคลี่อ่าน

    เกิง

    ชอบของขวัญที่ผมให้ไหมครับ? ทั้งบนโต๊ะนี้ แล้วก็บนสนามหญ้าหน้าโรงเรียน ^^

    บอกแบบนี้ เกิงก็คงรู้แล้วว่าใครคือโจรขโมยร่มของเกิงคนนั้น

    ขอโทษด้วยที่ทำแบบนี้ แต่ผมคิดวิธีอื่นไม่ออก สารภาพตรงๆเลยว่าตอนนั้นไม่รู้จริงๆว่าจะทำยังไงถึงจะเข้าใกล้เกิงได้ รู้ตัวอีกที ผมก็หยิบร่มเกิงติดมือออกไปจากร้านอาหารแล้ว...

    ผมขอยอมรับผิดสำหรับร่มเกิงที่หายไปทุกคัน

    แต่ตอนนี้เอามาคืนให้แล้วนะ อยู่ที่สนามหญ้านั่นไง ^^

    ส่วนเรื่องอื่นๆ ผมก็ขอโทษ...ขอโทษสำหรับทุกๆอย่าง ไม่รู้ว่าเขียนไปเกิงจะเชื่อหรือเปล่า แต่ผม...ชอบเกิงมาก มากจนไม่รู้ว่าทำยังไงถึงจะดีถึงจะถูก ทำยังไงถึงจะทำให้เกิงมองผมกลับมาในแบบเดียวกับที่ผมมองเกิงบ้าง...

    ...ทำยังไง ถึงจะทำให้สายตาเกิงมีแต่ผม ทำยังไงถึงจะทำให้เกิงชอบผมบ้าง...

    เกิงให้อภัยผมได้หรือเปล่า?

    วันนี้ตอนเย็นผมจะรออยู่หน้าโรงเรียนโซดองโย

    มานะครับ’

    จดหมายนั้นไม่ได้ลงชื่อ แต่ฮันกยองรู้ว่าเป็นใคร...ไม่ได้ยากเกินไปที่จะเดา เด็กหนุ่มกำกระดาษแผ่นนั้นแน่นหลังจากอ่านจบ หลุบตาลงมองช่อดอกไม้บนโต๊ะอย่างหนักใจ

    แต่ที่หนักใจยิ่งกว่า

    ...เขาจะเดินลงไปเก็บร่มทั้ง 8 คันขึ้นมาจากสนามหญ้าหน้าโรงเรียนโดยไม่ตกเป็นเป้าสายตาและหัวข้อนินทาทั่วโรงเรียนไปอีกหนึ่งเดือนเต็มได้อย่างไร?

    ฮันกยองถอนหายใจ ริมฝีปากบางเม้มแน่นเข้าหากัน เขากวาดตามองจดหมายฉบับนั้นอีกครั้งเผื่อจะมีอะไรรอดสายตาไป...

    ‘…ผมขอยอมรับผิดสำหรับร่มเกิงที่หายไปทุกคัน

    แต่ตอนนี้เอามาคืนให้แล้วนะ อยู่ที่สนามหญ้านั่นไง ^^...’

    ก็รู้สึกขอบคุณหรอกนะที่เอาของคนอื่นไปแล้วก็เอามาคืนพร้อมคำขอโทษ แต่แม่ง ช่วยคิดวิธีคืนให้มันพิสดารน้อยกว่านี้ได้ไหมห๊า!!!??


    //////////////////////////////////

     

    อรุณสวัสดิ์ไอ้คยู” น้ำเสียงร่าเริงของทงเฮดังขึ้นตั้งแต่คยูฮยอนยังเดินไม่พ้นประตูห้อง เด็กหนุ่มพึมพำตอบอ้อมแอ้ม ทงเฮเลิกคิ้ว กระโดดข้ามแถวโต๊ะเรียนด้วยท่าทางอย่างกับลิงมาดักคยูฮยอนที่โต๊ะ

    เป็นไรทำไมดูแปลกๆวะ?”

    กุเปล่าสักหน่อย” หมาป่าน้อยบอกปัด ยัดกระเป๋าเสื้อผ้าตัวเองไว้ใต้โต๊ะ ทงเฮเลิกคิ้วสูงกว่าเดิม

    เอากระเป๋าเสื้อผ้ามาทำไม? จะไปไหนวะ?”

    กุไปมาแล้วต่างหาก” คยูฮยอนแก้ เขานั่งลง ทงเฮเซ้าซี้ถามต่อไม่หยุด

    ไปไหน?”

    ก็...บ้านซองมินไง กุบอกเมิงไปแล้วเมื่อวันศุกร์”

    อ่าว แล้วนี่ยังไม่ได้กลับบ้านหรือไงถึงเอาของมาด้วยน่ะ”เป็นประโยคคำถามที่มีคำตอบอยู่ในตัวแล้วเสร็จสรรพ และมันก็เป็นคำตอบที่ถูกเสียด้วย ดังนั้นคยูฮยอนจึงคิดว่ามันเป็นคำถามที่ไม่น่าออกมาจากปากทงเฮหรือใครก็ตามเอาเสียเลย

    ก็...เออ” เขาตอบอ้อมแอ้ม

    นี่เมิงไปค้างบ้านเขาตั้ง 3 คืนเลยเนี่ยนะ!?” ปลาน้อยโวยวาย ก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับคยูฮยอน ข้อศอกสองข้างวางบนโต๊ะยกมือขึ้นเท้าคางเหมือนเด็กน้อยที่พร้อมจะฟังนิทานสนุกๆ “เป็นยังไงบ้าง? เมิงเล่ามาเดี๋ยวนี้”

    ก็...ไม่ได้มีอะไรมากมายหรอก...” หมาป่าอิดออด และนั่นก็ยิ่งตรงกันข้ามกับคำว่า ‘ไม่มีอะไร’ ที่ออกมาจากปากอย่างสุดขั้ว ในวินาทีนั้นฮยอกแจก็เดินมาสมทบ ทักทายเด็กหนุ่มร่างสูงที่นั่งอยู่จากทางด้านหลังด้วยการฟาดฝ่ามือลงบนแผ่นหลังป้าบเข้าให้

    เป็นไงไอ้คยู? ไม่ได้ไปติดโรคอะไรมาอีกใช่ไหมสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานี่?”

    คยูมันไปนอนค้างบ้านซองมินมาตั้ง 3 คืนล่ะ และมันกำลังจะเล่าให้พวกเราฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง” น้ำเสียงของทงเฮร่าเริงสุดๆ ฟังดูก็รู้ว่ากำลังบังคับให้คยูฮยอนเล่า และฮยอกแจก็ไม่ลังเลแม้แต่นิดที่จะผสมโรงด้วย

    เจรงอ้า? แบบนี้ก็มันส์อ่ะดิ” ไก่ฮยอกแจคว้าเก้าอี้ข้างๆอีกตัวที่ว่างอยู่ลากมานั่งประชิดคยูฮยอนร่วมวงด้วยทันที “เล่ามาตั้งแต่ต้นเลยเมิง!”

    เฮ้ย มันก็ไม่ได้มีอะไรขนาดนั้นซักหน่อย!” คยูฮยอนพยายามปกป้องตัวเอง ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของผู้ฟังที่จะต้องงัดเรื่องราวออกมา

    ใครเป็นคนเสนอไอเดียให้ไปนอนค้างเนี่ย?” ทงเฮเปิดประเด็นขึ้น เมื่อวันศุกร์ที่เขายอมปล่อยเรื่องนี้ไปโดยไม่ซักไซ้ก็เพราะเขามีเรื่องอื่นอยู่ในหัวต้องจัดการเยอะเกินไปต่างหาก ไม่อย่างนั้นเรื่องชาวบ้านชาวช่องเนี่ยไม่มีรอดเงื้อมมือเขาไปได้หรอก

    มันเป็นธรรมเนียมของบ้านซองมิน” คยูฮยอนตอบเบาๆ

    ธรรมเนียม? ธรรมเนียมอะไรวะ?” ฮยอกแจถามอย่างงงหนัก

    เขาบอกว่า กุทำอะไรบางอย่างที่เป็นการขอเขาแต่งงานตามประเพณีของตระกูลไปแล้วสองข้อ...การไปนอนค้างที่บ้านเป็นเวลา 3 คืนติดต่อกันเป็นข้อที่ 3…”

    แล้วไอ้สองข้อที่เมิงทำมาแล้วเนี่ยมันอะไรบ้างเหรอ?” ทงเฮไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปแม้แต่นิด

    เอ่อก็...กุให้แหวนเขา ถือเป็นการขอเขาหมั้น นั่นหนึ่งข้อ แล้วก็...กุก็จูบเขา...นั่นอีกข้อ”

    เหรอ? แล้วไปนอนด้วยกัน 3 คืนเป็นไงมั่ง?”

    เอ่อก็...ดี...”

    ต้องนอนหัองเดียวกันด้วยใช่ไหม? แล้วเพราะธรรมเนียมบ้าๆนี่มีอะไรต้องทำนอกจากนอนอีกป่ะล่ะ?” เหมือนทงเฮจะรุ้ ทำไมถามได้จี้ใจดำเยี่ยงนี้

    เอ่อ...ประเด็นคือ ก่อนเริ่มธรรมเนียมนั่นเขาใช้ด้ายแดงผูกนิ้วก้อยกุกับซองมินเข้าไว้ด้วยกัน...น่ะ”

    โห ไมโรแมนติกงี้อะ!?” ฮยอกแจอุทานอย่างประหลาดใจ แต่ทงเฮคิดอีกอย่าง

    เดี๋ยวก่อน แล้วด้ายนั่นนายแกะได้หรือเปล่า?” ชักฉงนฉงายกับธรรมเนียมของไอ้บ้านนี้มันเข้าไปทุกที

    ได้แล้วมันจะไปสนุกอะไรวะ?” คยูฮยอนเล่นตัวเองซะอย่างนั้น

    เฮ้ยจริงเด้ งั้นอย่างงี้แหละสนุกของจริง!” ทั้งฮยอกแจและทงเฮร้องออกมาพร้อมกัน

    ลงแล้วคยูฮยอนก็เล่าให้ไอ้เพื่อนตัวแสบทั้งสองฟังจนหมดเปลือก

    เวลาอาบน้ำทำยังไง?” เป็นคำถามแรกที่ผู้ชมทางบ้านยิงเข้ามา แล้วก็เข้าเป้าจังๆ

    ก็อาบด้วยกันอ่ะดิ” มาบทนี้คยูฮยอนไม่องไม่อายมันแล้ว ยิ่งอายไอ้พวกนี้จะยิ่งล้อเขาล่ะสิไม่ว่า

    จริงอะ แล้วทำอย่างอื่นป่าวนอกจากอาบน้ำ?”

    ไม่ได้ทำโว้ย!” แหวลั่น “อายจะตาย เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ไม่เคยได้อาบน้ำกับผู้ชายเลยนะ! (???)”

    แต่ทำไมกุเคยอาบกับไอ้ทงเฮวะ?” ฮยอกแจเหล่ตามองไอ้เพื่อนตัวดีข้างๆ จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่อาบกับมันตอนป.6 นู่นแน่ะ

    แล้วเขาเขินหรือเปล่า?” ทงเฮไม่สนใจฮยอกแจ ถามต่ออย่างสอดรู้

    สมองของคยูฮยอนพาลคิดไปถึงคืนแรกที่เขากับซองมินอาบน้ำด้วยกัน...ก็คืนวันศุกร์นั่นน่ะแหละ!

     

    อ่ะนี่ ผ้าซับพระองค์” มือเรียวของซองมินส่งผ้าเช็ดตัวผืนใหม่หอมกรุ่นให้คยูฮยอนก่อนเข้าห้องน้ำ หมาป่าน้อยรับมาแล้วก็อึกอักไม่ยอมเดินเข้าห้องน้ำ ซองมินอมยิ้ม “นี่...ทรงอายอะไรเล่า? ฉันไม่ทำอะไรนายหรอกนะ...” แกล้งแหย่คนตรงหน้าเล่น ก่อนจะจับมือคยูฮยอนลากอีกคนเข้าไปในห้องน้ำด้วยกัน

    ซองมินหันหลังให้คยูฮยอน แม้จะเดินหนีจากกันไปได้ไม่ไกลนักเนื่องจากเส้นด้ายที่ร้อยกันอยู่ มือเล็กบรรจงปลดสายคาด ปล่อยให้ชุดแฮงบกที่สวมไว้ตั้งแต่ตอนทำพิธีหลุดจากลาดไหล่ร่วงลงไปกองกับพื้น คยูฮยอนกลืนน้ำลายแม้ไม่อาจกระพริบตาแม้สักครั้ง ซองมินเปลื้องเสื้อผ้าชิ้นอื่นๆบนเรือนกายตนเองออกจนเหลือแต่เพียงร่างเปลือยเปล่า ก่อนจะใช้ผ้าเช็ดตัวพันรอบท่อนล่างของตัวเองไว้อย่างเชื่องช้า แต่นั่นก็ยังทำให้คยูฮยอนหายใจได้ไม่ทั่วท้องอยู่ดี

    ...แผ่นหลังขาวเนียนที่ส่งกลิ่นกายหอมอ่อนๆออกมาชวนให้เขาเอื้อมมือไปสัมผัสนั่นทำเอาสติของคยูฮยอนกระเจิงได้ไม่ยากเลยสักนิด

    นายเปลื้องฉลองพระองค์หรือยัง?” เด็กหนุ่มร่างเล็กเอี้ยวหน้ามาถาม ยังไม่ยอมหันร่างกลับมาเผชิญหน้ากับคยูฮยอนตรงๆ

    อะ...เอ่อ...ยัง...” หมาป่าน้อยตอบตะกุกตะกัก เขากลืนน้ำลายลงคอเอื๊อกใหญ่อย่างหนักใจ

    ทรงถอดซะซี่ จะได้ไปสรงน้ำกัน...” แล้วซองมินก็หัวเราะคิกคัก “...หรือนายประสงค์จะให้ฉันเป็นผู้เปลื้อง...”

    มะ...ไม่ต้อง! ฉันถอดเอง” คยูฮยอนรีบพูดจนลิ้นแทบจะพันกัน เขายกมือขึ้นปลดสายคาดชุดแฮงบกของตัวเองช้าๆ ริมฝีปากบางเม้มแน่นเป็นเส้นตรงอย่างกลั้นใจ ก่อนจะปล่อยให้เสื้อผ้าหลุดลุ่ยลงไปกองกับพื้น แล้วรีบพันผ้าเช็ดตัวรอบร่างกายท่อนล่างของตัวเองเร็วปานสายฟ้าแลบ และเขาก็สาบานว่าได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนานดังมาจากริมฝีปากของซองมิน

    ซองมินไม่ได้หันมามองเขาด้วยซ้ำ คนตัวเล็กหันร่างเดินนำไปยังส่วนที่ใช้อาบน้ำ เพราะมัวแต่ลนลานคยูฮยอนจึงไม่ได้สังเกตแต่แรกว่าห้องน้ำนี้ใหญ่แค่ไหน มันถูกแบ่งเป็นสัดส่วน และส่วนที่ใช้ ‘สรงน้ำ’ ก็มีทั้งห้องอาบน้ำขนาดใหญ่ใช้ฝักบัวและอ่างจากุชชี่ขนาดย่อม...คยูฮยอนลืมหายใจเมื่อซองมินเดินนำไปยังอ่างจากุชชี่ เขาโน้มตัวลงแล้วหมุนก๊อกเปิดน้ำลงอ่าง

    เสียงซู่ซ่าของน้ำที่ไหลด้วยความแรงสูงสุดเป็นสรรพเสียงเพียงอย่างเดียวในท่ามกลางความเงียบงันรอบกาย ซองมินกับเขายืนห่างกันหนึ่งเมตรไกลที่สุดเท่าที่ความยาวของด้ายสีแดงเอื้ออำนวย ทั้งคู่เปลือยอกห่อหุ้มร่างกายด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียว และต่างก็จ้องพื้นกระเบื้องบ้างอ่างอาบน้ำบ้างไปตามเรื่องโดยไม่ยอมแม้แต่จะเหล่ตามองกันและกัน

    น้ำใกล้จะเต็มอ่าง และซองมินก็ค่อยๆปิดก๊อกน้ำอย่างช้าๆ ก่อนที่เขาจะแกะผ้าเช็ดตัวโดยไม่รีรออะไรทั้งสิ้นแล้วกระโดดลงอ่างไป

    แรงดึงจากร่างของซองมินเกือบจะทำให้คยูฮยอนคะมำหัวทิ่มลงไปในอ่าง ดีที่เขาทรงตัวไว้ได้ทัน เด็กหนุ่มร่างสูงนั่งยองๆอยู่ข้างอ่างในขณะที่ซองมินโผล่ขึ้นมาจากน้ำด้วยเส้นผมเปียกปอน

    ทรงลงมาได้แล้วน่า” เสียงคนที่อยู่ในอ่างกระเซ้า เครื่องนวดใต้น้ำเริ่มทำงานทำให้ผิวน้ำกระเพื่อมเป็นลูกคลื่น และคยูฮยอนยังสังเกตเห็นฟองสบู่เกิดขึ้นได้เอง... “มันมีท่อน้ำสบู่ที่ปล่อยสบู่ออกมาอัตโนมัติน่ะ” ซองมินมองตามสายตาของคยูฮยอนแล้วอธิบาย “ทรงลงมาได้แล้ว ไม่ต้องกลัวโป๊หรอกเดี๋ยวฟองสบู่ก็เต็มอ่างแล้ว” ซองมินยิ้ม หมาป่าน้อยเลื่อนมือขึ้นจะปลดผ้าเช็ดตัวตรงเอว แต่แล้วก็ชะงัก ใบหน้าคมขึ้นสีเรื่อ

    เอ่อ...”

    อ้อ ขอประทานโทษที...” ซองมินอมยิ้ม เบือนหน้าไปทางอื่น รอสักพักคยูฮยอนก็กระโดดลงมาในอ่างอยู่ข้างเขา ทิ้งผ้าเช็ดตัวไว้นอกอ่างข้างๆผ้าเช็ดตัวของซองมิน

    การอาบน้ำเป็นไปอย่างเงียบเชียบ จริงอย่างที่ซองมินว่า ไม่นานฟองสบู่ก็ฟูฟ่องขึ้นเต็มอ่าง และนั่นก็ทำให้ร่างของพวกเขาจมอยู่ใต้ฟองสีขาวเหล่านั้น

    มันเป็นหนึ่งชั่วโมงที่อึดอัดในตอนแรก ก่อนจะแปรเปลี่ยนมาเป็นค่อยๆปล่อยตัวปล่อยใจมากขึ้นจนหมาป่าลืมไปเสียสนิทว่าเขากำลังโป๊อยู่ คยูฮยอนเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรกันแน่ที่ทำให้เขารู้สึกแบบนี้...เป็นเพราะกลิ่นอโรมาของสบู่ในน้ำ แรงดันของน้ำที่นวดหลังจนเขารู้สึกผ่อนคลายสบายตัว หรือเป็นเพราะคนข้างๆกันแน่...

    แต่ที่แน่ๆ...คยูฮยอนบอกตัวเอง...เขาคงไม่มีวันยอมอาบน้ำแบบนี้กับใครได้อีก...


    โหย...แล้วก็ไม่ได้ทำอะไรเลยเนี่ยนะ?” น้ำเสียงของทงเฮฟังดูผิดหวัง

    ก็อาบน้ำเฉยๆ เมิงจะให้กุทำอะไร?” คยูฮยอนย้อนเสียงแข็ง

    งั้นแล้วตอนนอนล่ะเป็นไงมั่ง?” ฮยอกแจถามบ้าง

    “...เอ่อ...ก็...”


    มันก็เป็นประสบการณ์อีกอย่างที่คยูฮยอนจะไม่มีวันลืมไปทั้งชีวิตเช่นกัน ตลอดชีวิตการเป็นลูกคนเดียวที่ผ่านมา 15 ปีของเขาคยูฮยอนนอนคนเดียวมาตลอด อาจจะมีบ้างก็ตอนเข้าค่ายกับทางโรงเรียนที่ได้นอนรวมกับเพื่อนๆอีกหลายชีวิต แต่ไม่เคยเลยสักครั้งที่คยูฮยอนจะได้นอนห้องเดียวกันกับใครสองต่อสอง ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็เถอะ

    คืนแรกเป็นคืนที่กระอักกระอ่วนที่สุด คยูฮยอนพยายามจะไม่เสียมารยาทโดยการนอนหงายมองเพดาน ไม่ได้หันหลังให้อีกคนหรือหันหน้าเข้าหาทั้งนั้น ซองมินอยู่ไม่เคยสุข เขาพลิกตัวไปมา เดี๋ยวก็นอนคว่ำ เดี๋ยวก็นอนหงาย เดี๋ยวตะแคงซ้าย เดี๋ยวตะแคงขวา ท่าทางจะเป็นคนหลับยากเอาการอยู่ และนั่นก็ทำให้คยูฮยอนที่ปกติไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการนอนนอนไม่หลับไปด้วยเพราะผ้าห่มที่ใช้ร่วมกันและเตียงนอนที่ไหวพะเยิบพะยาบตลอดเวลา จนในที่สุด ซองมินลงเอยด้วยการนอนตะแคงหันหน้ามาทางคยูฮยอน แล้วไม่ยอมกระดิกไปไหนอีก

    แต่สิ่งที่ทำให้หัวใจของคยูฮยอนเต้นรัว ก็คือดวงตาคู่ใสแป๋วที่ลืมโพลงจ้องมองเขา สายตานั้นรุนแรงจนคยูฮยอนสัมผัสได้ทั้งๆที่ไม่ได้หันไปมอง

    นะ...นอนไม่หลับเหรอ?” เด็กหนุ่มร่างสูงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักหลังจากนอนนิ่งอยู่นานและซองมินก็ไม่ยอมละสายตาไปสักทีจนเขาเริ่มทนไม่ได้ คยูฮยอนหันร่างให้ตะแคงมาทางซองมินเพียงครึ่งๆกลางๆ ยังไม่กล้าเผชิญหน้าอีกคนตรงๆ...รู้สึกแปลกๆหากจะทำแบบนั้นเพราะใจเขาตอนนี้มันเต้นแรงไม่หยุด...

    ...เป็นครั้งแรกที่ความรู้สึกมันชัดเจนแบบนี้...ในความสัมพันธ์ที่ดูจะสับสนงงงวยจนเขาไม่รู้ว่ามาถึงจุดนี้ได้ยังไง เป็นครั้งแรกที่คยูฮยอนเข้าใจตัวเองได้มากขนาดนี้

    เข้าใจ ว่าตัวเขาเองชอบซองมินมากขนาดไหน จนถึงกับหัวใจเต้นรัวเป็นตีกลองเมื่อได้อยู่ใกล้เพียงแค่ลมหายใจ...

    อือ...” เสียงซองมินครางตอบ ดวงตาคู่ใสยังจ้องคนตรงหน้าไม่กระพริบ คยูฮยอนเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะหมุนตัวเต็มที่หันไปสบตาอีกคนตรงๆ

    ดวงตาของซองมินน่าหลงใหลเช่นทุกคราว...

    แล้วโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าของคยูฮยอนก็ค่อยๆเลื่อนเข้าไปใกล้อีกคนมากขึ้นๆ...ตาประสานตา ราวกับกำลังเล่นเกมจ้องตากันว่าใครหลบตาก่อนคนนั้นต้องแพ้ ดังนั้นจึงไม่มีใครยอมใคร ดวงตาคู่คมของคยูฮยอนจ้องตอบดวงตาใสของซองมินไม่วาง...

    จนกระทั่งพวกเขาอยู่ใกล้กันจนไม่อาจจ้องตาได้อีกต่อไป

    ริมฝีปากนุ่มของคยูฮยอนสัมผัสแผ่วบนกลีบปากอิ่มของคนตรงหน้า จุมพิตนุ่มละมุนที่หวานกว่าน้ำตาลทำให้คยูฮยอนรู้สึกเหมือนร่างกายตนเองเบาหวิวราวกับจะลอยได้ กลีบปากอิ่มของซองมินเผยอออกเพียงนิดรับรสปร่าแปร่งแปลกประหลาดที่คนร่างสูงมอบให้ด้วยจิตใจล่องลอย สมองเขาตื้อตันคิดอะไรไม่ออก

    เมื่อคยูฮยอนละริมฝีปากออกมาอีกครั้ง ใบหน้าของพวกเขาก็แดงซ่าน แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ริมฝีปากของเขาสัมผัสกัน แต่จะเรียกว่าเป็นจูบแบบ ‘จงใจ’ ครั้งแรกจะได้ไหมนะ?

    ขะ...ขอโทษ” คยูฮยอนกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงอุบอิบ เขารู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองร้อนผ่าว สายตาคมหลบลงมองผ้าปูเตียงไม่อาจสู้สายตากระต่ายน้อย เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าซองมินกำลังจ้องเขาด้วยดวงตากลมโตใสแป๋วแบบที่เจ้าตัวชอบทำอยู่หรือเปล่า หรือก็กำลังจ้องหาเลขอยู่บนผ้าปูเตียงในความมืดไม่ต่างกัน

    ขอโทษเรื่องอะไร? ไม่เห็นมีอะไรจะต้องขอโทษนี่” กระต่ายน้อยเอ่ยขึ้นเสียงอุบอิบเช่นกัน ฟังดูก็รู้ว่าเขาเขินไม่น้อย

    พวกเขานอนนิ่งอยู่ในความเงียบครู่ใหญ่ แสงไฟสลัวที่ส่องลอดเข้ามาทางหน้าต่างทำให้เห็นเค้าหน้าของอีกฝ่ายเพียงรางๆ ดวงตาคู่กลมของซองมินสะท้อนแสงไฟเป็นประกาย เขาไม่ยอมหลับตาแม้คยูฮยอนจะปิดเปลือกตาลงแล้ว คนตัวเล็กนอนตะแคงหันหน้าเข้าหา ‘คู่หมั้น’ ของตน และแม้คยูฮยอนจะแสร้งหลับ แต่ลมหายใจที่ไม่สม่ำเสมอของเขาก็ฟ้องได้อย่างดีว่าเจ้าตัวยังไม่เข้าสู่ห้วงนิทราอย่างที่หวังจะให้มันเกิดขึ้นโดยเร็ว ในที่สุดคยูฮยอนก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง แล้วก็สบเข้ากับดวงตาของซองมินที่ลืมค้างอยู่ตลอดเข้าพอดิบพอดี

    นะ...นอนไม่หลับเหรอ?” คยูฮยอนเอ่ยขึ้น แล้วก็รู้สึกเหมือนเพิ่งเห็นเดจาวู เขาระลึกได้ในทันใดว่าพูดประโยคนั้นไปแล้ว หมาป่าน้อยหน้าแดง และซองมินก็ยกยิ้มที่มุมปากอย่างเห็นขัน คราวนี้ซองมินไม่ตอบคำถาม เขากระเถิบร่างเข้ามาใกล้ ในขณะที่คยูฮยอนนอนตัวแข็งทื่อ เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป ไม่ว่ามันจะคืออะไรก็เถอะ

    แต่ซองมินเพียงยกแขนเรียวขึ้นโอบรอบเอวของคยูฮยอน เด็กหนุ่มร่างเล็กซุกใบหน้าเข้ากับแผงอกของหมาป่าร่างสูง แล้วนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น หัวใจของคยูฮยอนเต้นระรัว และเขาก็มั่นใจว่าซองมินจะต้องได้ยินเสียงโครมครามของมันแน่ในเมื่อเขาอยู่ใกล้ถึงเพียงนี้ แต่กระต่ายน้อยก็ไม่ได้เอ่ยอะไร และคยูฮยอนก็ไม่มีวิธีใดที่จะสั่งให้มันสงบลง นอกจากปล่อยให้มันเต้นแรงไปแบบนั้น

    จนกระทั่งเขาหลับไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×