ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Umbrella [END]

    ลำดับตอนที่ #15 : Umbrella '15': ร่มคันที่ 15

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.ค. 63


    อรุณสวัสดิ์ไอ้ทงฮ” ฮยอกแจเอ่ยทักเมื่อเดินเข้าห้องเรียนมาอย่างเริงร่า ผิดกับคนที่นั่งฟุบหน้าซังกะตายอยู่กับโต๊ะ เมื่อเห็นสีหน้าท่าทีของเพื่อนรักฮยอกแจก็ชักเป็นห่วง “เป็นอะไรไปเนี่ยเมิงไม่สบายหรือเปล่า?”

    หืม...หวัดดีไอ้ฮยอก” ตอบแค่นั้นแล้วก็เสหน้าไปทางอื่น ฮยอกแจเดินมานั่งใกล้ๆ

    เมิงอย่าเป็นแบบนี้สิ ไม่ร่าเริงแบบนี้ไม่ใช่เมิงเลย ใครทำอะไรเมิงบอกกุมากุจะไปกระทืบมันให้จมดิน”

    จบประโยคนั้นทงเฮหลุดหัวเราะ เพราะเผลอคิดภาพตามไปว่าหากฮยอกแจไปกระทืบคิบอมให้จมโคลนจะเป็นอย่างไรทั้งๆที่คิบอมตัวใหญ่(หนา)กว่าฮยอกแจตั้งเยอะ

    แล้วเพื่อนเขามันจะไปมีแรงกระทืบอีกคนได้อย่างไร?

    ...เฮ้อ...อุตส่าห์พยายามจะเอาคิม คิบอมออกไปจากหัวแล้ว ก็ยังไม่วายกลับมาคิดถึงอีกจนได้...

    สีหน้าของทงเฮที่กลับมาเศร้าอีกได้อย่างฉับพลันไม่ทำให้ฮยอกแจรู้สึกดีขึ้น เขากำลังจะอ้าปากถามต่อเมื่อทงเฮโพล่งขึ้น

    คิบอมบอกว่าจะไม่เดิมพันอะไรกับฉันอีกแล้ว และดังนั้นเราสองคนจึงไม่จำเป็นต้องเจอกันอีก”

    ฮยอกแจกระพริบตาปริบๆ พยายามคิดตามให้ทัน “และนั่นทำให้เมิงซึมเป็นปลาตากแห้งมาสองวันแล้วใช่ไหม?”

    ดวงตาเศร้าสร้อยของทงเฮเต็มไปด้วยคำถาม “กุดูแย่ขนาดนั้นเชียว?”

    เออ!” ฮยอกแจว่า “ถ้าเมิงจะซึมขนาดนี้เพราะไม่ได้เจอเขา...ก็ไปหาเขาซะสิ”

    ทงเฮอึ้งไปกับคำตอบง่ายๆของฮยอกแจ “ตะ...แต่...กุไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปหาเขานี่ กุไปท้าเขาเดิมพันเพื่อจะเอาร่มคืน แล้วกุก็แพ้ กุไปท้าเขาอีกเพื่อจะถามเหตุผลของ...การกระทำบางอย่าง...แล้วกุก็แพ้อีก และในเมื่อเขาบอกว่าเขาจะเลิกเล่นเดิมพันกับกุแล้ว มันก็คงไม่เหลือเหตุผลอะไรที่กุจะใช้อ้างเพื่อไปหาเขาอีกแล้วไม่ใช่เหรอ?”

    นี่ตกลงเมิงก็ไม่ได้ร่มคืนอย่างงั้นสิ?” เลิกคิ้วถามแม้จะไม่ประหลาดใจเท่าไหร่นัก

    จะไปได้ได้ยังไง!?” ทงเฮแหว “ก็กุเล่นเกมแพ้เขาทุกครั้งนี่!”

    พวกเมิงนี่ไร้สาระกันสุดๆไปเลย!” ฮยอกแจโพล่งขึ้นอย่างอดรนทนไม่ได้ “เล่นเกมเดิมพันบ้าบออะไรกัน มันก็แค่ข้ออ้างทั้งนั้นแหละ!”

    ปลาน้อยกระพริบตาปริบๆ “เมิงหมายความว่าไง?”

    ก็หมายความตามนั้น เกมเดิมพันนั่นมันก็แค่ข้ออ้างที่เมิงเอาไว้ใช้เพื่อจะได้เจอเขาไม่ใช่หรือไง!?”

    ไม่จริงหรอก...” ทงเฮปฏิเสธไม่เต็มเสียงเหมือนกำลังลังเล

    เมิงสนุกที่ได้อยู่กับเขาไม่ใช่เหรอ? มีความสุขที่ได้เจอเขาไม่ใช่หรือไง? ไม่ต้องตอบคำถามนี้หรอกเพราะควายตัวไหนก็ดูออก อย่างสองวันมานี่ที่เมิงไม่ได้เจอเขา มันแทบทนไม่ได้เอาเลยไม่ใช่หรือไง? ดูเมิงไม่มีกะจิตกะใจจะมีชีวิตอยู่เลยนะลี ทงเฮ กุจะบอกให้เอาบุญก็ได้ว่าเมิงเป็นอะไรถ้าเมิงไม่รู้...เมิงตกหลุมรักไอ้คิบอมนั่นเข้าแล้วยังไงล่ะ!”

    คำพูดของฮยอกแจค่อยๆซึมเข้าไปในสมองของทงเฮช้าๆ และกว่าสมองของเขาจะรับรู้คำพูดทุกคำและแปลความหมายมันออกมาได้หมดก็ใช้เวลานานโขทีเดียว

    หวัดดีฮยอกแจ หวัดดีทงเฮ” คยูฮยอนที่เดินเข้ามาพร้อมกระเป๋าสะพายใบใหญ่ร้องทักเพื่อนทั้งสอง ฮยอกแจหันไปสนใจกระเป๋าของคยูฮยอนทันที

    จะไปไหนเนี่ย!?”

    คืนนี้กุจะไปค้างที่บ้านของซองมิน” พ่อหมาป่าน้อยตอบอย่างเห็นเป็นเรื่องธรรมดา

    นี่ขอแม่แล้วเหรอ?” ฮยอกแจเลิกคิ้วถามอย่างประหลาดใจหนัก ปกติแล้วคยูฮยอนไม่ค่อยยอมออกจากบ้านไปค้างแรมที่ไหน ขนาดบ้านเขากับบ้านทงเฮยังไม่เคย แล้วนี่มันอะไรกัน?

    ขอแล้ว แม่ให้” หมาป่าตอบ

    ซองมินนี่ใคร?” จู่ๆทงเฮก็ถามโพล่งขึ้นมา

    หืม...ก็เด็กโรงเรียนซอดองโยที่ช่วงนี้กุไปเที่ยวด้วยบ่อยๆ” คยูฮยอนพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาอีกแล้ว

    เมิงชอบเขาเหรอ?”

    คำถามของทงเฮทำเอาฮยอกแจและคยูฮยอนหันมามองเป็นตาเดียวอย่างประหลาดใจ คยูฮยอนนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ

    ก็คงอย่างงั้นมั้ง”

    เมิงเจอเขาทุกวันเลยเหรอ?” ทงเฮยังเซ้าซี้

    ก็ทุกวัน แล้วสุดสัปดาห์นี้กุก็จะไปค้างบ้านเขา 3 คืน” พูดออกมาได้ไม่อายปากเอาบ้างเลย

    แล้วเวลาเมิงไปเจอเขา เมิงให้เหตุผลว่าอะไรเหรอ?” ปลาน้อยถามต่อแม้จะด้วยแววตาไม่มั่นใจ

    หืม...ก็ไม่เห็นต้องมีเหตุผลอะไรนี่” คยูฮยอนเลิกคิ้ว สีหน้าแฝงแววไม่เข้าใจคำถาม “กุแค่อยากเจอเขา กุก็ไปหาเขาได้แล้วไม่ใช่เหรอไง?”


    ///////////////////////////

     

    ลีทึกก้าวขาออกมาจากโรงเรียนพร้อมฮันกยอง เขาเหลียวซ้ายแลขวา ไม่นานคังอินที่ยืนรออยู่พร้อมมอเตอร์ไซค์คู่ใจก็ก้าวออกมารับเขา

    แปลกแฮะ...วันนี้มันมาคนเดียว

    ซีวอนไปไหน?” ทันทีที่คังอินเดินเข้ามาในระยะได้ยิน ลีทึกก็เอ่ยถาม คังอินทำหน้าบูดทันที

    ฉันเป็นคนไปรับไปส่งนายทุกวัน แต่นายกลับถามหาซีวอนเนี่ยนะ!? เป็นแฟนใครกันแน่หา!?” โวยลั่น

    ฉันถามเผื่อเพื่อนฉันเว้ย! อีกอย่างใครเป็นแฟนนายไม่ทราบหาไอ้คังอิน!?”

    นายไง” คนร่างสูงตอบหน้าตาย มัดมือชกเต็มที่ ลีทึกกำลังจะอ้าปากเถียงแต่ฮันกยองขัดขึ้น

    ถ้าง้านกุปายล่ะนะ” ตัดบทแล้วจะผละจากลีทึกกับคังอินไป ขี้เกียจอยู่ฟังไอ้สองคนนี้มันทะเลาะกัน คนจีนรำคาญ

    เฮ้ยเดี๋ยวไอ้ฮัน ฝนตกปรอยๆอยู่นะ เอาร่มกุไปสิเมิงทำร่มหาย(อีกแล้ว)ไม่ใช่เหรอ?” ยื่นร่มของตัวเองที่ใช้กำบังฝนให้ตัวเองกับฮันกยองอยู่ขณะนี้ให้เพื่อนรักก่อนที่มันจะเดินออกไปจากเงาร่ม เมื่อเห็นฮันกยองทำท่าจะปฏิเสธเขาก็รีบเสริม “กุไม่เป็นไรหรอก คังอินก็มีร่มเดี๋ยวมันก็ให้กุใช้ เมิงน่ะกลับบ้านคนเดียวเอาร่มกุไปใช้เถอะ”

    คำพูดของลีทึกเหมือนจะทิ่มแทงเด็กหนุ่มชาวจีนโดยไม่รู้ตัว... ‘กลับบ้านคนเดียว’ งั้นเหรอ? ให้ตายสิ...

    ...นี่เขาเจ็บปวดกับการไม่มีคนมาคอยรับคอยส่งเหมือนลีทึกตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?...อย่าบ้าน่าฮันกยอง...นายไม่ได้กำลังคิดถึงซีวอนอยู่หรอกใช่ไหม!? ทั้งๆที่ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวไปแล้วเมื่อวานนี้ และคำพูดที่ออกจากปากเขาก็เรียกได้ว่าถึงขั้นตัดขาด แล้วนี่เขากลับมาเป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีกล่ะเนี่ย!?

    ไอ้ฮัน...” ลีทึกที่เห็นฮันกยองอยู่ๆก็ยืนนิ่งเป็นท่อนไม้แบบนั้นเริ่มตระหนก แต่คนจีนก็เรียกสติกลับมาได้ทัน

    หา? อ่อเออ ง้านขอล่มมาห้ายกุก็แล้วกาน” ตัดบทแล้วคว้าร่มมาจากมือของลีทึก “เจอกานวานจันทร์นะ” ก่อนจะเดินดุ่มจากไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางสายฝนพรำ ลีทึกกับคังอินมองตามไปอย่างไม่มั่นใจนัก

    ซีวอนมันตัดสินใจเลิกตื๊อซะแล้วเหรอ?” นางฟ้าหันมาถามคังอินหลังจากฮันกยองเดินลับตาไปแล้ว คังอินยักไหล่

    วันนี้มันไม่มาโรงเรียน”

    ลีทึกอึ้งไป “นี่อกหักขนาดนั้นเชียว?” ถามขณะเดินตามคังอินไปยังรถมอเตอร์ไซค์ ตัวเจ้าปัญหาที่ทำให้เขาสองคนได้เจอกันและจากกันไปไหนไม่ได้มาจนบัดนี้

    จะไปรู้มันเหรอ” คนตัวใหญ่ว่าอย่างไม่สนใจ เขาจัดให้ลีทึกนั่งซ้อนท้ายสบายๆก่อนจะขึ้นนั่งประจำที่คนขับ

    นี่ไม่สนใจเพื่อนเลยนะเอ็ง” ลีทึกแขวะ คังอินยิ้ม หันหน้ากลับมาเผชิญกับลีทึก

    จะเอาเวลาที่ไหนไปสนใจ...” ใบหน้าหล่อเหลายื่นเข้าไปใกล้ ลีทึกที่ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจจึงชะงักค้างอย่างตกใจ ริมฝีปากหนาประกบเข้ากับริมฝีปากนิ่มของนางฟ้าแนบแน่น เพียงครู่เดียวก่อนจะละออกพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม “...ในเมื่อในหัวฉันมีแต่นายคนเดียวเท่านั้นนี่...”


    ////////////////////////////////////

     

    เรียวอุคเก็บกระเป๋านักเรียนเสร็จเรียบร้อยแม้เพื่อนๆร่วมห้องคนอื่นจะออกจากห้องไปนานแล้ว วันนี้วันศุกร์และใครต่อใครต่างก็มีแพลนสำหรับคืนนี้กันทั้งนั้น แม้แต่ซองมินเองก็เก็บกระเป๋าเสร็จตั้งแต่ออดยังไม่ทันดังเสียด้วยซ้ำ และก็รีบพุ่งออกจากห้องไปทันทีเมื่อกริ่งดังขึ้นบอกเวลาเลิกเรียน ไม่รู้เหมือนกันว่าซองมินมีธุระที่ไหน เขาเองก็ไม่ได้ถามเสียด้วยเพราะมัวแต่คิดแต่เรื่องของตัวเอง...

    ...แต่ตอนนี้เขาตัดสินใจได้แล้ว...

    เรียวอุคสะพายกระเป๋า สูดลมหายใจลึก หันหลังกลับอย่างแน่วแน่แล้วเดินตรงไปหาเยซองที่ยังง่วนเก็บกระเป๋าอย่างเชื่องช้า เด็กหนุ่มหน้ากลมเงยหน้าขึ้นมองความเคลื่อนไหววูบหนึ่งก่อนจะก้มลงวุ่นวายกับกระเป๋าตัวเองต่อ คนตัวเล็กหยุดอยู่ตรงหน้าเยซอง ก่อนจะค้อมศีรษะให้

    เยซองเงยหน้ามองอย่างประหลาดใจจริงๆคราวนี้

    ฉันขอโทษ” เรียวอุคเอ่ยขึ้น น้ำเสียงแน่วแน่จริงจังจนตัวเองยังแปลกใจ “ฉันขอโทษที่เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับชีวิตนายทั้งๆที่ไม่รู้อะไรเลย...ฉันมันโง่เอง ต่อจากนี้ไปนายจะไม่ต้องเห็นหน้าฉันอีกแล้ว...”

    เยซองตะลึง

    “...ตอนนี้ฉันเข้าใจเหตุผลของนายแล้ว...” เรียวอุคพูดต่อ “...ฉันขอโทษที่ไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น นายจะคืนร่มฉันมาก็ได้หากนายไม่ต้องการมัน และฉันสัญญาว่าจะไม่ทำให้นายลำบากอีกแล้ว” ตลอดเวลาที่พูด เรียวอุคก้มหน้ามองพื้น เขารับรู้ด้วยเสียงว่าเยซองเงียบไปครู่หนึ่งอย่างตะลึงงัน ก่อนจะลงมือเก็บของต่ออย่างรวดเร็ว

    แล้วเขาก็เดินออกไปจากห้องเรียน ทิ้งเพียงเรียวอุคไว้เบื้องหลัง

    คนร่างบางเงยหน้าขึ้น พยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหล เขาสอดส่ายสายตามองหาอะไรบางอย่างบนโต๊ะ บนเก้าอี้ และในเก๊ะของเยซอง ตอนแรกก็อย่างรวดเร็ว แต่เมื่อหาเท่าไหร่ก็ไม่พบ เขาก็ยิ่งลงมือค้นหนักข้อขึ้นไปอีก

    แต่เยซองไม่ได้ทิ้งร่มของเขาเอาไว้...ไม่ว่าที่ไหนก็ไม่มี...


    /////////////////////////////


    คยูฮยอนกับฮยอกแจเดินมาโรงเรียนซอดองโยด้วยกัน ฮยอกแจสอดส่ายสายตาหาชายหนุ่มเจ้าของร่มสีฟ้าสดใส ในขณะที่คยูฮยอนไม่ต้องคิดมาก เดินไปรอที่รถเวสป้าสีชมพูคุ้นตาที่จอดอยู่ตรงที่ประจำในลานจอดอย่างรู้หน้าที่

    ฮีชอล!”

    น้ำเสียงสดใสดังขึ้นก่อนที่คนพูดจะพุ่งเข้าถึงตัวเจ้าของชื่อเสียอีก ฮีชอลหันขวับมาตามเสียงเรียกแม้จะพอเดาได้ว่าใครกันที่เอ่ยชื่อเขาได้อย่างไม่มีสัมมาคารวะขนาดนี้

    ใครอนุญาตให้นายเรียกชื่อฉันห้วนๆอย่างงั้นไม่ทราบ!?” ฮีชอลแหวทันทีที่ฮยอกแจพุ่งเข้ามาถึงตัว “แล้วต้องการอะไรอีกวะ!?” เมื่อวานนี้เขาเลี้ยงข้าวมันอย่างที่มันต้องการ แล้วก็ได้แหวนคืนมาแล้วตามสัญญา แล้ววันนี้มันโผล่หัวมาหาแม่มันหรือไง? ยังต้องการอะไรจากกุอีกวะ!?

    ให้ผมเรียกชื่อคุณเฉยๆไม่ได้เหรอ?” ฮยอกแจยิ้ม

    ไม่ได้!” ฮีชอลแหว “แล้วนายมาทำไม!? ฉันไม่มีเวลาเล่นด้วยหรอกนะวันนี้ คนเขาก็มีธุระเหมือนกันนะเว้ย!”

    เปลี่ยนเป็นมีธุระกับผมไม่ได้เหรอ?” ฮยอกแจยังคงใช้ความหน้าด้านเอาชนะความเหวี่ยงของฮีชอลต่อไป “ผมไม่มีอะไรหรอก ก็แค่อยากเจอคุณเฉยๆน่ะ” แล้วก็ฉีกยิ้มโชว์เหงือกอย่างกล้าหาญชาญชัย ฮีชอลที่จะอ้าปากด่าสวนเกิดติดอ่างขึ้นมาทันใด

    วะ...ว่าไงนะ?”

    แต่ฮยอกแจกลับซ้ำเติมอารามไม่เชื่อหูของอีกฝ่าย ด้วยคำถามที่ทวีความอึ้งของฮีชอลแบบคูณสอง

    นี่ฮีชอล...ขอจีบได้มั้ยอ่ะครับ?”


    /////////////////////////////

     

    ลี ทงเฮยืนอยู่หน้าเกมเซ็นเตอร์มาเป็นเวลาสิบนาทีแล้ว เขาสูดลมหายใจลึก พยายามบังคับตัวเองให้ก้าวขาเข้าไปข้างใน ในใจคิดหาประโยคที่ฟังขึ้นที่จะทักทายและบอกคิบอมว่าเขากลับมาที่นี่ทำไม

    ไงคิบอม ไม่ได้เจอกันตั้งนานนะ(วันเดียว) เล่นเกมคนเดียวเหงาหรือเปล่า? เหงาอ่ะเด่ งั้นให้ฉันเล่นเป็นเพื่อนนะ’

    สวัสดีคิบอม เจอกันอีกแล้วนะ โทษทีฉันเองก็เล่นเกมที่นี่เป็นประจำมาตั้งหลายปีแล้ว เสียใจด้วยที่ต้องมาเจอฉันอีกนะ’

    ฮัลโหลคิบอม จำฉันได้หรือเปล่า? ลี ทงเฮไง ที่นายเคยจูบฉันแล้วก็ทิ้งฉันไป เจอกันอีกแล้วนะ’

    คิบอม ฉันเอง ฉันจะบ้าตายถ้าไม่ได้เจอนาย ฉันทนไม่ได้ มาเล่นเกมกันอีกนะ เดิมพันอะไรก็ได้ แค่อย่าทิ้งฉันไปอีกเหมือนคราวที่แล้ว และฉันจะยอมทำทุกอย่างที่นายต้องการ...’

    ทงเฮสูดลมหายใจอีกราวกับจะปลุกปั้นกำลังใจให้ตัวเอง

    ...แต่ถ้าหากคิบอมไม่ได้อยู่ในนั้นล่ะ?...

    เอาเหอะ...ไม่เข้าไปก็ไม่มีทางรู้ใช่ไหม?

    แล้วทงฮก็ก้าวเข้าไปในเกมเซ็นเตอร์ด้วยหัวใจที่กล้าๆกลัวๆ

    ทงเฮแสร้งทำเป็นเดินหาในบริเวณอื่นของเกมส์เซ็นเตอร์ก่อน...พยายามตีวงให้กว้างและห่างที่สุดจากจุดที่พวกเขานั่งเล่นเกมเดิมพันกันเป็นประจำ เขาเดินช้าๆ สอดส่ายสายตาอย่างเอื่อยเฉื่อยราวกับไม่เต็มใจ แต่แน่นอน คิบอมไม่ได้อยู่แถวนั้น...ไม่ใช่ตรงไหนสักแห่งในระยะสายตาเขา แต่กระนั้นปลาน้อยก็ยังทำเป็นเดินหาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เช็คทุกมุมทั้งในห้องน้ำ หลังตู้เกม ใต้โต๊ะบิลเลียด แต่ไม่มีคิม คิบอมอยู่ในสายตา...

    ...งั้นก็เหลือแค่ที่นั่นเพียงแห่งเดียวสินะ...

    มาป๊อดอะไรเอาตอนนี้วะลี ทงเฮ!? ปลาน้อยด่าตัวเองในใจ แต่เขาก็รู้ดีแก่ใจว่าสิ่งที่เขากลัวคืออะไร...เขากลัวสายตาของคิบอม กลัวน้ำเสียงของคนร่างสูง...กลัวว่าน้ำเสียงของคิบอมจะทำให้เขาหวั่นไหว กลัวว่าหากเขาจ้องตาของคิบอมมากเกินไป ความลับทุกอย่างที่เขาแอบซ่อนไว้จะถูกเปิดเผยออกมาอย่างห้ามตัวเองไม่ได้...

    แล้วถ้าหากนายรู้ความในใจของฉัน...นายจะคิดแบบเดียวกับฉันไหมคิบอม?

    ทงเฮสูดลมหายใจลึก แล้วเหมือนตัดสินใจได้ เขาเดินพุ่งตรงไปที่ที่เขากับคิบอมนั่งท้าแข่งเล่นเกมกันเป็นประจำ...หลายก้าวกว่าจะเดินไปถึงตรงนั้น และทงเฮก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าตลอดทางที่เดินมาตรงนี้ เขาลืมหายใจไปเสียสนิท

    คิบอมอยู่ตรงนั้น

    เด็กหนุ่มนั่งหันหน้าเข้าหาตู้เกม หันหลังให้ทงเฮ ท่าทางเหมือนจะขะมักเขม้นเล่นเกมอยู่เหมือนทุกๆวันและทุกๆครั้งที่เจอกัน แต่น่าแปลกที่หลังจากทงเฮเฝ้ามองอีกฝ่ายอยู่เงียบๆสักพัก ตัวละครที่คิบอมเล่นก็แพ้คอมพิวเตอร์ไม่เป็นท่าแบบที่คิบอมตัวจริงไม่มีทางแพ้ไปได้

    เสียงหัวเราะคิกคักที่ดังขึ้นเบาๆทางด้านหลังทำให้เด็กหนุ่มแก้มป่องหันไปมอง แล้วก็ต้องสะดุ้งนิดๆเมื่อเห็นว่าใครกันที่ยืนอยู่ตรงนั้น

    มะ...มาอยู่ตรงนี้ since เมื่อไหร่?”

    คำถามของคิบอมทำเอาปลาน้อยสะอึก เขาก้มหน้าหลบสายตาคมนั่น จู่ๆความคิดหนึ่งก็แวบขึ้นมา ว่าอยากจะหายไปจากตรงนี้เสียให้พ้นๆ

    ...ไม่น่ามาเลยเรา...

    ...ดูสิ...คำถามแรกที่ออกจาปากเขาก็เห็นกันชัดๆอยู่แล้วว่าตรงนี้ไม่ต้อนรับเราอีกต่อไปแล้ว...

    ...แล้วเขาจะพูดอะไรได้? จะบอกอีกฝ่ายว่ายังไง?...

    ... ‘คิดถึง’... อย่างงั้นเหรอ?

    คิบอมลุกขึ้นยืน หน้าเสียนิดหน่อยเมื่อเห็นลูกปลาน้อยเงียบไปไม่ตอบคำ

    ทงเฮ...ฉัน...”

    คิบอม...ฉันขอโทษ...” คิบอมกล่าวไม่ทันจบ ทงเฮก็ขัดขึ้น เด็กหนุ่มร่างสูงเลิกคิ้ว สีหน้าไม่เข้าใจ

    “ ‘ขอโทษ’? เรื่องอะไรงั้นเหรอ?”

    “...ขอโทษ...ที่ฉันต้องกลับมาหานาย...แต่คิบอม...” คำพูดของทงเฮทำเอาลมหายใจของคิบอมสะดุด และเมื่อปลาน้อยเอ่ยประโยคต่อไป หัวใจของเขาก็เต้นรัวขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้

    “...ฉันทนอยู่โดยไม่มีนาย...ไม่ได้จริงๆ...”


    //////////////////////////////////

     

    รถเวสป้าของซองมินวิ่งเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์สไตล์เหมือนหลุดออกมาจากหนังย้อนยุคของเจ้าตัว คยูฮยอนก้าวลงจากรถพลางถอดหมวกกันน็อคออก กระเป๋าเป้ใส่เสื้อผ้าสำหรับ 3 คืนสะพายอย่างหมิ่นเหม่ที่ไหล่ซ้าย ในขณะที่เหล่าคนรับใช้พากันเข้ามากุลีกุจอรับรถไปจากซองมิน ก่อนที่คนตัวเล็กจะเดินมาสบทบกับคยูฮยอนที่แหงนหน้ามองสถาปัตยกรรมเก่าแก่อันหาได้ยากยิ่งในกรุงโซลปัจจุบันตรงหน้าของตนอย่างเหม่อลอย

    ทรงพร้อมจะเสด็จกันหรือยัง?” ซองมินเอ่ยถาม คนร่างสูงหันมามองหน้ากระต่ายน้อยแล้วยิ้มอ่อนโยน

    อื้อ...ไปกันเถอะ...” มือใหญ่ถูกยื่นให้ คนร่างเล็กมองมือที่ถูกส่งมาให้ตน อมยิ้มเขินอายก่อนจะยื่นมือเล็กของตัวเองไปสัมผัสตอบช้าๆ หมาป่ารีบกุมมือนั้นแนบแน่น แล้วดึงให้ซองมินเดินตรงเข้าไปในตัวบ้าน

    ...นับจากตรงนี้ เราสองคนจะก้าวเดินไปด้วยกัน...

     

    หลังรับประทานอาหารเย็นกับเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของซองมินเสร็จตามพิธีการประจำบ้าน ทั้งสองก็ถูกเรียกตัวให้เข้าไปในห้องๆหนึ่ง โดยครั้งนี้เหลือเพียงเสด็จแม่ของซองมินและเหล่าคนใช้ 2-3 คน ซองมินและคยูฮยอนถูกจับเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดแฮงบกสีแดง ก่อนจะโดนลากมานั่งบนเบาะรองนั่งข้างๆกันต่อหน้าเสด็จแม่ มาลัยดอกไม้เส้นยาวถูกนำมาคล้องคอเด็กหนุ่มทั้งสองเข้าไว้ด้วยกัน คยูฮยอนเงยขึ้นมองตรงหน้า ก็พบว่าเสด็จแม่ของซองมินกำลังหลับตาตั้งสมาธิอะไรอยู่สักอย่างในขณะที่มือถือพัดสีแดง

    ราวกับรู้ว่าเด็กหนุ่มทั้งสองนั่งลงเรียบร้อย เสด็จแม่ก็เริ่มบ่นงึมงำเป็นบทสวดแปลกๆก่อนจะใช้ปลายพัดในมือจุ่มคนน้ำอะไรสักอย่างในถ้วยลวดลายวิจิตรข้างหน้าตน คยูฮยอนเลิกคิ้วอย่างงุนงง เหลือบมองซองมินที่นั่งอยู่ข้างๆก็พบว่าอีกฝ่ายหลับตาอย่างสำรวม คยูฮยอนจึงหลับตาบ้างแม้ในใจจะข้องใจไม่ได้ขาด

    ...นี่มันพิธีอะไรกันหว่า? เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น...

    หลังจากนั่งหลับตาสำรวมฟังบทสวดประหลาดๆอยู่สักพัก คยูฮยอนก็รู้สึกว่ามีความเคลื่อนไหวข้างหน้าตน เสด็จแม่ลุกขึ้นยืนแม้จะยังคงบทสวดไว้ไม่ว่างเว้น ก่อนจะเริ่มต้นก้าวย่างอย่างช้าๆไปรอบตัวของซองมินและคยูฮยอนพลางสะบัดพัดใส่ศีรษะของทั้งคู่ให้หยดน้ำพร่างพรมจนชุ่มฉ่ำ

    ...เอ่อ...นี่รดน้ำมนต์กันหรือไง? คยูฮยอนนึกในใจอย่างงงงวย

    นางวนรอบตัวพวกเขา 3 รอบ ก่อนจะกลับไปนั่งลงที่เดิม คยูฮยอนลืมตาขึ้น

    พวกเจ้าสองคนวางมือลงข้างๆกัน” เสด็จแม่ของซองมินสั่ง คยูฮยอนมีทีท่าไม่แน่ใจ เขาเหลือบมองซองมินที่ค่อยๆวางมือซ้ายลงบนพื้นข้างหน้า คยูฮยอนจึงทำตามโดยการวางมือขวาลงบนพื้นถัดกับมือของซองมิน เสด็จแม่หลับตาลงอีกครั้ง ในมือนางตอนนี้เปลี่ยนจากพัดมาเป็นเส้นด้ายสีแดงบางๆเส้นหนึ่ง

    บทสวดประหลาดดังขึ้นอีกครั้งจากริมฝีปากจิ้มลิ้มของเสด็จแม่ “...ขะแมตะเรียงเปรียงกั๊ด เมรียงบะงวงตวงสะอองบรึนมึนจริง...” น้ำคำดูทรงพลังและรุนแรงขึ้นกว่าเดิมแม้คยูฮยอนจะฟังไม่ออกแม้สักนิด เสด็จแม่จุ่มเส้นด้านสีแดงลงในถ้วยน้ำมนต์จนชุ่ม ก่อนจะโน้มตัวมาใช้เส้นด้ายนั้นตวัดตีใส่มือเรียวของคยูฮยอนและซองมิน ทั้งแรงและนานจนหมาป่าน้อยชักรู้สึกเจ็บ เสด็จแม่จึงหยุด นางลืมตาขึ้นแม้ปากจะยังท่องบทสวดพิสดารอยู่ไม่ขาด มือเรียวของนางยกมือของคยูฮยอนขึ้นจากพื้น แล้วบรรจงผูกเส้นด้ายสีแดงเข้าที่ปลายนิ้วก้อย...

    นางทำแบบเดียวกันนี้กับนิ้วก้อยของซองมิน...ใช้ด้ายเส้นเดียวกัน ดังนั้นเขาทั้งสองคนจึงเชื่อมต่อกันด้วยด้ายเส้นนี้

    เมื่อผูกให้ซองมินเสร็จ บทสวดก็จบลง เสด็จแม่ของซองมินกระถดตัวกลับไปยังที่นั่งของนางบนเบาะข้างหน้า มือทั้งสองของเธอประสานกันอย่างสำรวม ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    พิธีกรรมก่อนการขออภิเษกสมรสของตระกูลลีของเราตามบัญญัติสุดท้ายจะเริ่มขึ้นนับจากวินาทีนี้เป็นต้นไปจนกระทั่งแสงสุริยันแรกโผล่พ้นขอบฟ้าในเช้าวันจันทร์ถัดจากนี้ไปอีก 3 รัตติกาล ตลอดเพลานี้พวกเจ้าจะต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันทุกวินาทีมิอาจพรากจาก แม้ในยามสุขสำราญหรือหมองเศร้า แม้ขณะเสวยพระกระยาหารหรือสรงน้ำ จะยามบรรทมหรือยามตื่น ตราบจนถึงวินาทีสุดท้ายของพิธีกรรมนี้ เส้นด้ายศักดิ์สิทธิ์สีแดงที่ร้อยพวกเจ้าไว้ด้วยกันอยู่ ณ ขณะนี้ห้ามถูกปลดออกหรือสะบั้นลงไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม”

     ดะ...เดี๋ยวก่อน! คยูฮยอนเบิ่งตาอย่างตกใจ หันไปมองซองมินก็เห็นอีกฝ่ายนั่งสำรวมไม่กระดิกดวงตาคู่ใสจ้องมองไปทางมารดาของตนไม่วาง สายตาของคยูฮยอนจึงหลุบลงไปมองนิ้วมือของเขา ที่ที่เส้นด้ายสีแดงขนาดความยาวไม่เกิน 1 เมตรร้อยเชื่อมนิ้วก้อยเขาข้างขวาของเขาเข้ากับนิ้วก้อยซ้ายของซองมิน...

    ไหนบอกว่าแค่ต้องค้างคืนด้วยกัน 3 คืนไง!? ไม่เห็นมีใครบอกเขาซักคำว่าต้องตัวติดกันตลอดเวลาแม้กระทั่งตอนอาบน้ำน่ะห๊ะ!!!??

    เขามีแต่คู่บ่าวสาวห้ามหลับนอนกันก่อนวันส่งตัวขึ้นหอ แต่ไอ้บ้านนี้นี่มันอะไร!? ทำไมพิธีกรรมมันช่างส่งเสริมการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรอย่างงี้ล่ะห๊ะ!!!??

    นี่มันธรรมเนียมเห้อะไรกันเนี่ย!!???


    ////////////////////////////////

     

    เกิดความเงียบขึ้นเนิ่นนานระหว่างคิบอมและทงเฮ ลูกปลาน้อยยืนนิ่งงันหลังจากเอ่ยประโยคที่ไม่คิดว่าชีวิตนี้ตัวเองจะพูดอะไรน่าอายแบบนั้นออกมาได้เต็มปาก ในขณะที่คิบอมเองก็อึ้งกับคำพูดนั้นด้วยความคาดไม่ถึง ดวงตาสองคู่จ้องมองกันแน่นิ่ง เมื่อเวลาผ่านไป ดวงตาคู่สวยของทงเฮแปรเปลี่ยนจากความสับสนไม่แน่ใจ เป็นดวงตาที่ท้าทายอย่างแรงกล้าราวกับเฝ้ารอคอยคำตอบของคิบอมอย่างใจจดใจจ่อ ในขณะที่เด็กหนุ่มหน้ากลมจ้องกลับด้วยดวงตาแฝงความประหลาดใจจนพูดไม่ออก

    ความเงียบนั่นเนิ่นานจนทำเอาทงเฮรู้สึกอึดอัดหัวฟัดหัวเหวี่ยง

    ทำไมไม่พูดอะไรบ้างเล่า!?” คนร่างเล็กเดินกระแทกส้นไปนั่งข้างตู้เกมที่คิบอมนั่งเล่นอยู่ก่อน พูดเสียงดังลั่นโดยไม่หันมามองหน้าเด็กหนุ่มที่ตนกำลังพูดด้วยและไม่สนใจว่าคนรอบข้างจะหันมามองพวกเขาเป็นตาเดียวยังไงบ้าง “เอาสิ...” เขาหันขวับกลับมาเผชิญหน้ากับคิบอม “...อยากจะท้าฉันเล่นเกมอะไรอีกก็ได้! เดิมพันด้วยอะไรก็ได้ฉันจะเล่น! ...อะไรก็ตามที่นายอยากได้...คิบอม...พูดอะไรสักอย่างสิ! ขออย่างเดียว...” ดวงตาคมกล้าเป็นประกายนั่นเหมือนจะมีน้ำตาเอ่อคลอ ก่อนทงเฮจะกล้ำกลืนมันลงไปอย่างรวดเร็ว...แต่ก็ไม่เร็วเกินไปจนคิบอมไม่ทันสังเกตเห็น... “...อย่าทิ้งฉันไว้...อย่าผลักไสฉันอีกเลย...!”

    คำพูดเหล่านั้นทำเอาคิบอมตะลึงยิ่งขึ้นไปอีก

    เด็กหนุ่มร่างสูงค่อยๆเดินมาหาทงเฮ และโดยไม่คาดคิด แขนแข็งแรงก็ตวัดโอบรอบร่างเล็กของทงเฮโดยพลัน เสียงฮือฮาเบาๆดังขึ้นรอบตัวพวกเขา ปลาน้อยเบิ่งตาค้าง ใบหน้าแดงซ่าน ตกใจทำอะไรไม่ถูก

    “...หึ...นายจะท้าฉัน play game อีกจริงๆเหรอ?” เสียงของคิบอมดังขึ้นแผ่วหวิว...ประโยคที่เขาตั้งใจพูดให้ทงเฮได้ยินเพียงคนเดียว “...ไม่ว่าจะ compete กันอีกครั้ง นายก็ lose ฉันอยู่วันยังค่ำนั่นแหละ...”

    คนตัวเล็กเปลี่ยนสีหน้าจากที่กำลังเขินอยู่เป็นบูดทันที กำลังอ้าปากจะเถียง แล้วคิบอมก็พูดต่อ “ในเมื่อเป็นแบบนี้...ก็ถือว่า you lose me forever ไปเลยก็แล้วกัน...

    “...แล้วนายก็ต้องยอมเสียเดิมพันให้ฉันทุกครั้งโดยไม่ต้องแข่งให้ waste money and time...อย่างงั้น deal ไหม?”

    ทงเฮอ้าปากค้าง ลนลานขึ้นมาทันที

    ดะ...เดิมพันอะไร? บอกกันมาก่อน!” ไม่ใช่ให้กุไปเลี้ยงบุฟเฟต์อาหารฝรั่งเศสอะไรแบบนั้นนะโว้ยไอ้เด็กนอกหัวสูง! กุไม่มีเงิน!

    คิบอมยกยิ้มที่มุมปาก อ้อมแขนแกร่งกระชับร่างบางแน่นขึ้น ทงเฮที่ลืมไปแล้วว่าตัวเองถูกกอดอยู่ในท่าไหนระลึกขึ้นมาได้อีกครั้งด้วยใบหน้าร้อนผ่าว จมูกซุกซนซุกไซร้ซอกคอขาวหอมกรุ่น ลมหายใจร้อนรวยรินกระทบผิวเรียกให้ทงเฮขนลุกซ่านไปทั้วตัว

    “...คะ...คิบอม...” ทงเฮเขินจนพูดไม่ออก เหลือบมองเด็กนักเรียนคนอื่นรอบกายที่ตอนนี้ต่างจ้องมองพวกเขาเป็นตาเดียวแล้วก็ยิ่งเขินหนัก ดวงตาตี่ๆที่เคยเป็นประกายของคิบอมบัดนี้หลับพริ้ม ริมฝีปากนุ่มบรรจงจุมพิตเบาๆลงบนต้นคอขาวนวลของคนในอ้อมกอดอย่างหวงแหน

    “...เดิมพันสำหรับ today...” เด็กหนุ่มร่างสูงกระซิบเสียงเบา “...ขอเป็น kiss สักสิบทีก็แล้วกันนะ...”

    คำขอของคิบอมเล่นเอาปลาน้อยที่หน้าแดงอยู่แล้วหน้าแดงแปร๊ดยิ่งขึ้นไปอีก ความประหลาดใจ ตกใจ และดีใจผสมปนเปกันมั่วไปหมด เด็กหนุ่มร่างบางเลื่อนมือมาแตะไหล่หนาของคิบอม ก่อนจะค่อยๆผลักอีกฝ่ายออกจากร่างตัวเองเบาๆ คิบอมเลิกคิ้วสูง ละใบหน้าออกมาจากซอกคอของทงเฮอย่างไม่เต็มใจนัก คิ้วเรียวขมวดมุ่น ดวงตาหยีคู่เล็กเต็มไปด้วยประกายคำถามและไม่มั่นใจในคำตอบของอีกฝ่าย ทงเฮอมยิ้มเมื่อเห็นประกายวูบไหวในดวงตานั่น...ปกติแล้วคิบอมเป็นเด็กที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง เพิ่งจะครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นแววตาลังเลสับสนในดวงตาสวยคู่นั้น ปลาน้อยอมยิ้มขำ นิ้วเรียวของทงเฮยกขึ้นแตะริมฝีปากนุ่มของคนตรงหน้า ไล้ไปมาเพียงแผ่ว ก่อนจะค่อยๆเลื่อนใบหน้าสวยเข้าใกล้อีกคน...

    ...ริมฝีปากของพวกเขาประกบกันแนบสนิท...

    เสียงอื้ออึงดังขึ้นรอบกายของคนทั้งสอง เหมือนคนทั้งเกมเซ็นเตอร์จะแห่มาดูฉากละครรักของพวกเขาจนหมดร้าน แต่ทงเฮไม่สนใจ...เรียวปากบางขยับเบาๆ แลกเปลี่ยนรสหวานละมุนของกลีบปากตนเองกับคิบอมช้าๆ คนร่างสูงที่มีทีท่าตกตะลึงในตอนแรก บัดนี้ปล่อยให้ทงเฮทำตามอำเภอใจแล้วยังตอบสนองด้วยการส่งลิ้นร้อนแทรกเรียวปากเข้าไปหยอกล้อในโพรงปากอุ่น เรียกเสียงครางอือจากคนตัวเล็กได้เบาๆ

    อ้อยอิ่งอยู่ได้ไม่นาน ทงเฮก็เป็นคนละริมฝีปากออกก่อน ใบหน้าสวยแดงซ่านเม้มปากตัวเองแน่น...ทำไปแล้วเพิ่งจะมาเขิน ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองทำลงไปได้ยังไง คิบอมแลบลิ้นเลียความหวานที่ติดอยู่บนริมฝีปากตัวเองอย่างเสียดาย ดวงตาคมสบกับดวงตาคู่สวยของคนตัวเล็กไม่ยอมละไปไหน จนทงเฮต้องเป็นฝ่ายเบนสายตาหลบเสียเองด้วยทนความร้อนแรงที่แผดเผาเขาอยู่นั่นไม่ไหว...

    นั่นหนึ่งที...” เสียงอุบอิบของทงเฮดังขึ้นเบาๆ คิบอมเลิกคิ้ว แม้ตอนแรกจะไม่เข้าใจ แต่ความกระจ่างชัดก็ปรากฏขึ้นทันทีเมื่อปลาน้อยพูดประโยคต่อไปอย่างเขินสุดๆ “...ที่เหลือ...ก็นับเอาเองนะ...”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×