ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Umbrella [END]

    ลำดับตอนที่ #11 : Umbrella '11': ร่มคันที่ 11

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.ค. 63


    โป๊ก!

    กระดาษก้อนกลมกระแทกด้านหลังศีรษะของซีวอนเข้าอย่างจัง เด็กหนุ่มร่างสูงเหลือบมองอาจารย์วิชาสังคมศาสตร์ที่ยืนสอนอยู่หน้าห้องโดยแทบไม่ต้องเงยหน้าขึ้นจากสมุดจดด้วยซ้ำ ก่อนจะหลุบตาลงมองกระดาษที่ถูกปั้นเป็นก้อนกลมดิ๊กซึ่งตกอยู่ข้างโต๊ะ พอได้จังหวะที่อาจารย์หันไปเขียนกระดาน ซีวอนก็ก้มลงตะครุบกระดาษก้อนนั้นขึ้นมาทันที

    'เมิงเอาไงวะ!?'

    เป็นคำถามที่เช็ดแม่ได้ใจความมากๆ

    ซีวอนรู้ว่าใครเป็นคนส่งกระดาษก้อนนี้มา เขาเอี้ยวคอไปมองมันด้วยหางตาเป็นคำตอบ คังอินส่งสายตาถมึงทึงกลับมา แสดงท่าทางสั่งเขาให้เขียนคำตอบลงไปโดยด่วน ท่าทางมันหงุดหงิดงุ่นง่านน่าดู...

    ...ก็พอเข้าใจว่าทำไมถึงได้หงุดหงิดนักน่ะนะ แต่ช้าๆได้พร้าสองเล่มงาม...ไอ้นี่มันท่าจะไม่เข้าใจตรรกะข้อนี้เอาซะเลย

    คิดได้ดังนั้นซีวอนจึงเขียนใส่กระดาษตอบไปว่า...

    เผด็จศึก!’

    เขาโยนไปข้างหลังให้คังอิน คนร่างใหญ่หยิบมาอ่าน ขมวดคิ้วมุ่น เขียนอะไรยึกยักๆลงไปแล้วเขวี้ยงกลับมาให้ซีวอนใหม่

    ยังไง!?’

    ซีวอนอยากจะถีบมันจริงๆ ติดตรงที่ว่ามันตัวใหญ่กว่า และถ้ามันสวนกลับมาเขาอาจหมดหล่อไปหาฮันกยองวันนี้ไมได้

    ไอ้ควาย! เมิงจะให้กุแสดงวิธีทำเลยไหมเล่า!!??’

     

    ///////////////////////////////

     

    วันนี้ไอ้คยูไม่มาโรงเรียนเหรอ?”

    ฮยอกแจเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าใกล้เวลาเข้าเรียนแล้วและไอ้เพื่อนตัวดีร่วมก๊วนอีกคนยังไม่โผล่หัวมา

    กุก็เห็นเหมือนเมิงนั่นแหละไอ้ไก่! จะไปรู้ได้ยังไง!” ทงเฮว่าก่อนจะหันมารีบลอกการบ้านให้เสร็จทันก่อนออดดัง

    แม่ง...กุมีเรื่องจะคุยกับมันซะด้วย...” ฮยอกแจพึมพำเบาๆพลางวางกระเป๋าลงบนโต๊ะข้างทงเฮ ปลาน้อยขมวดคิ้วแม้จะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากสมุดการบ้าน

    เรื่องไรของเมิงวะ?”

    เออ...ช่างเหอะว่ะ สงสัยไอ้คยูมันไปตากฝนไม่สบายอีกแล้วแน่ๆ ไว้กุค่อยรอมันมาพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” บอกปัดพร้อมกับที่เสียงออดเข้าเรียนดังขึ้น

    ชิบหายแล้วการบ้านกุยังไม่เสร็จเล้ยยยยย!!!” ทงเฮโวยลั่นแล้วรีบพลิกหน้ากระดาษปั่นการบ้านต่อไป

     

    /////////////////////////////////

     

    เสียงออดเลิกเรียนดังขึ้นเมื่อเวลาเย็นคล้อยผ่านไปอย่างเชื่องช้า หน้าฝนแบบนี้ท้องฟ้ามักจะมืดทึมเป็นสีเดียวกันตลอดทั้งวันจึงไม่สามารถบอกเวลาจากแสงสว่างของดวงอาทิตย์ได้ เรียวอุคเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะเรียนเหมือนคนอื่นๆ วันนี้ซองมินไม่มาที่นั่งข้างๆเขาจึงว่าง อาจารย์วิชาศิลปะกำชับให้เด็กๆทำงานมาส่งอาทิตย์หน้า ก่อนจะเดินออกจากห้องไป

    นักเรียนคนอื่นๆในห้องทยอยกันลุกขึ้นเก็บข้าวของเตรียมตัวกลับบ้าน คนร่างเล็กหันไปมองเด็กหนุ่มอีกคนที่ยังนั่งก้มหน้าก้มตาปั่นงานอยู่หลังห้องไม่ยอมลุกไปไหน...

    ...ถ้าเยซองยังไม่ไป เขาก็จะยังไม่ไปเช่นเดียวกัน

    เพื่อนบางคนส่งเสียงลาเรียวอุคก่อนจะเดินออกจากห้อง แต่ไม่มีใครลาเยซอง เด็กคนอื่นๆเห็นเยซองเป็นตัวประหลาดและไม่มีใครอยากจะคบค้าสมาคมด้วย แต่เรียวอุคไม่โทษคนอื่นหรอก เพราะความประหลาดนี่เองมิใช่หรือที่เป็นเหมือนแม่เหล็กดึงดูดให้เขาเข้าหาผู้ชายคนนี้...อยากคุยด้วย อยากรู้จัก อยากรู้เหตุผลเหลือเกินว่าอะไรกันทำให้เยซองแปลกแยกแตกต่างจากคนอื่นเสียเหลือเกินเช่นนี้...

    ...หรือที่เยซองทำไปทั้งหมดนั่นไม่ใช่เพราะอะไรอื่นนอกจากคิดว่ามันเท่ห์กัน? -*-

    เวลาผ่านไปไม่นานก็เหลือเพียงแค่เรียวอุคกับเยซองสองคนในห้องเช่นเดิม เมื่อทุกคนออกไปหมดแล้ว เด็กหนุ่มหน้ากลมจึงลุกแล้วเริ่มเก็บกระเป๋านักเรียนอย่างเชื่องช้า

    เรียวอุคเก็บเร็วกว่า

    เขาเก็บของตัวเองเสร็จ และด้วยความกล้าหาญขั้นสุดยอด ก็เดินมาใกล้โต๊ะของเยซอง วางกระเป๋าตัวเองลงบนโต๊ะข้างๆ ซึ่งไม่ว่าใครก็คงตีความเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากเรียวอุคกำลัง ‘รอ’

    นายต้องการอะไรอีกล่ะ?” เยซองลอบถอนหายใจ เอ่ยถามโดยไม่เงยหน้ามองคู่สนทนา

    ฉันจะเดินกลับกับนาย” ประกาศก้องอย่างไม่กลัวเกรง

    อะไรนะอย่ามาทำตัวเป็นสตอล์กเกอร์ฉันจะได้ไหม?” น้ำเสียงของเยซองดูถูก “ฉันเอาร่มนายมา และฉันจะเอามันกลับไปด้วย พอใจหรือยัง?” ชูร่มสีครามที่เอาไปจากเรียวอุคเมื่อวันก่อนให้ดู

    แต่เมื่อเช้านายเดินตัวเปียกเข้าห้องเรียน” คนร่างบางสวนทันที “ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่านายจะใช้ร่มฉันจริงแม้นายจะมีร่ม?”

    ทีเมื่อวานไม่เห็นว่าอะไรนี่” ปากของเยซองยิ้มเยาะ

    เมื่อวานฉันยอมปล่อยนายไปวันนึง แต่วันนี้อย่าหวัง” แม้เมื่อวานเยซองจะเดินตัวเปียกมาโรงเรียนตามปกติ แต่เรียวอุคกลับไม่ว่าอะไรและไม่สนใจจะเดินตามเยซองกลับบ้านด้วยซ้ำ เหตุผลหนึ่งก็คือ...เมื่อวานเขาเป็นไข้รุมๆทั้งวันจากการเดินตากฝนเมื่อวันก่อน จึงสังวรสังขารตัวเองดีว่าไม่ควรทรมานมันมากไปกว่านี้

    ...หากแต่วันนี้เขาดีขึ้นแล้ว

    ...ได้เวลาทำให้มันกลับไปป่วยเหมือนเมื่อวานแล้วล่ะ

    นายนี่ไม่กลัวฉันเอาซะเลยนะ” เยซองพูดเสียงเย็น และประโยคนั้นพร้อมกับดวงตาเชือดเฉือนที่จ้องมองเขาก็ทำเอาเรียวอุคเย็นสันหลังวาบ

    ...ไม่ใช่ว่าไม่กลัว...แต่แสร้งทำเป็นไม่กลัวต่างหาก...

    ที่ฉันแสดงออกมาทั้งหมดนั่นมากกว่าความกล้าหาญที่ฉันมีมาตลอดชีวิตรวมกันอีกรู้ไหมและฉันก็คงไม่มีทางทำตัวกล้าบ้าบิ่นแบบนี้กับใครอีกแน่ นอกจาก...

    ...นาย...

    เยซองสะพายกระเป๋าขึ้นบ่า แล้วโดยไม่รอใครทั้งนั้น เขาก็จ้ำอ้าวออกจากห้องเรียนไป เรียวอุครีบคว้ากระเป๋าตัวเองวิ่งตามทันที และโดยไม่คาดคิด ขณะที่คนตัวสูงกำลังจะเดินพ้นหลังคาตึก เยซองก็หยิบร่มขึ้นมา กางมันออก แล้วบังฝนให้ตัวเองขณะเดินดุ่มออกจากโรงเรียนไป

    เรียวอุคยิ้มที่มุมปาก เขาเฝ้ามองเยซองเดินกางร่มห่างออกไปอยู่ครู่ ก่อนจะหยิบร่มตัวเองขึ้น แล้วในจังหวะนั้นเอง เยซองก็เอี้ยวคอมองมาข้างหลัง

    ...ราวกับจะมองหาใครสักคน...

    และเมื่อเขาตระหนักว่าเรียวอุคไม่ได้ตามติดเขามาอย่างที่คิดแต่ยังคงยืนอยู่ใต้หลังคาตึก เยซองก็รีบหันกลับและจ้ำอ้าวออกไปเร็วกว่าเดิม

    เรียวอุคเห็นกิริยานั้นเต็มสองตา เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียงดัง...แน่นอนเยซองที่เดินห่างออกไปไกลแล้วไม่ได้ยินเพราะเสียงฝนรอบตัวก็ดังกระหน่ำพออยู่แล้ว คนร่างบางกางร่มออก แล้วเขาก็เริ่มออกเดิน...

    ...ตามหลังเยซองไปอย่างไม่รีบร้อนแต่อย่างใด...

     

    ////////////////////////////////////////////

     

    ฮันกยองก้าวออกมาจากประตูโรงเรียนพร้อมลีทึก ไม่รู้สึกแปลกใจเท่าไหร่นักที่เห็นเด็กหนุ่มหน้าตาคุ้นๆและหล่อบรรลัยสองคนยืนถือร่มดักรออยู่แถวนั้น ลีทึกเมินทันทีแล้วเดินหนีไปทางอื่น ฮันกยองหันตามไปติดๆ ไม่ต้องเอ่ยอะไรก็เหมือนกับซีวอนและคังอินสื่อสารกันทางจิตได้ ทั้งคู่พุ่งปรี่มาหาเด็กโรงเรียนจูมงทั้งสอง ไวจนไม่มีใครทันตั้งตัว

    มือแกร่งของคังอินคว้าหมับเข้าที่ต้นแขนลีทึก ไม่คิดจะเอ่ยทักทายสักคำ

    ปล๊อยยย!!!” กรีดเสียงทันทีเป็นปฏิกิริยาโต้กลับแบบฉับพลัน ลีทึกพยายามบิดแขนตัวเองให้หลุดจากการเกาะกุม แต่คังอินทั้งแรงเยอะกว่าแล้วยังตั้งหลักมาดีกว่า

    กลับบ้านกับฉัน” พูดนิ่งๆแต่ไม่ได้มีวี่แววจะเป็นคำถามสักนิด คนตัวใหญ่กว่าฉุกกระชากลากลีทึกไปอย่างไม่ใส่ใจว่าอีกฝ่ายจะเดินไม่ได้เพราะขาที่แพลงหรือจะเจ็บตัวหรือไม่ และนางฟ้าก็ไม่มีแรงจะไปขัดขืนอะไรได้

    เกิงก็มากับผม” ทางนี้ก็เหมือนกัน ซีวอนเข้ามายึดข้อมือฮันกยองอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง คนจีนกะพริบตาปริบๆ มองลีทึกทีมองซีวอนทีอย่างจะตั้งหลัก แต่คนร่างสูงไม่สนอะไรทั้งนั้น เขาออกเดินโดยลากฮันกยองไปด้วย เด็กหนุ่มชาวจีนทำตัวหนักทันที

    ปะ...ปายหนายปล่อยฉาน! ฉานมีล่มนาวานนี้เหนม้าย?” พยายามจะสะบัดข้อมือให้หลุดจากอีกคนแล้วใช้ร่มขู่เหมือนมันเป็นอาวุธอะไรสักอย่าง แต่ซีวอนไม่สน เขากระตุกแขนนิดเดียว ร่างบางๆของฮันกยองก็เซเข้าปะทะร่างใหญ่ของอีกคนอย่างง่ายดาย

    อย่าดื้อสิ” คนนี้ก็พูดเสียงเรียบ และนั่นก็ทำให้ฮันกยองรู้สึกเสียวสันหลังอย่างไรชอบกล “เดินไปด้วยกันสักพักนะ” ซีวอนพูดเหมือนจะขอร้อง ก่อนจะฉวยโอกาสจุ๊บหน้าผากเนียนอย่างทะนุถนอมไปหนึ่งที อึ้งเพราะเขินไปครู่หนึ่ง เด็กหนุ่มชาวจีนก็ถูกลากให้เดินตามคนตัวใหญ่ไปตามถนน และเขาก็รู้ดี...

    ...ซีวอนไม่ได้ต้องการความเห็นของเขาแม้แต่นิด...นั่นเป็น ‘คำสั่ง’ ต่างหาก...

     

    /////////////////////////////////

     

    คิบอมกำลังนั่งเล่นเกมประจำตำแหน่งอยู่ตามปกติเมื่อมีใครบางคนเดินมานั่งบนม้านั่งหน้าตู้เกมที่ว่างอยู่ไม่ไกลจากเขา

    “Good evening” พ่อเด็กนอกเอ่ยทักเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่เดินเข้ามาอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียงแล้วยังนั่งแหมะเงียบๆอยู่อย่างนั้น “เป็นอะไร? Why today you ดูซึมๆ?”

    เปล่านี่” ทงเฮเลิ่กลั่ก ทำท่าปฏิเสธเป็นพัลวันว่าวันนี้เขาไม่ได้ดูแปลกไป คิบอมเลิกคิ้ว

    ไม่ play game เหรอ?”

    วันนี้ไม่อะ” ตอบปัดทันที

    “Why ละหรือ you ไม่มี money? I ให้ borrow ได้นะ” ปล่อยเงินกู้อัตโนมัติ

    หา?” แต่สนองไม่ทัน เพราะแปลไม่ออก

    ให้ยืมเงินเอาไหม?” สุดหล่อก็เลยต้องทรานสเลทให้

    อ่อ” ปลาน้อยทำหน้าเข้าใจได้ครึ่งหนึ่ง “ไม่เอาหรอก เงินน่ะมี ฉันแค่ไม่อยากเล่น” ได้ยินแบบนี้คิบอมก็ขมวดคิ้วมุ่นกว่าเดิม

    นี่ catch a flu หรือเปล่าเนี่ย?” พอพูดจบก็เข้าใจได้จากสายตามึนงงของอีกฝ่ายทันทีว่าไม่เข้าใจที่เขาพูดสักตัวอักษร “เป็นไข้หรือเปล่า?”

    อ่อเปล่า” ทงเฮปฏิเสธอีก “ฉันไม่ได้เป็นอะไร นายเล่นเกมไปเหอะน่า!”

    เมื่อยืนยันดังนั้น คิบอมจึงหันกลับไปเล่นเกมแต่โดยดีแม้จะยังข้องใจไม่หายก็ตาม

    และทงเฮก็นั่งอยู่ตรงนั้น มองคิบอมเล่นเกมเฉยๆโดยไม่ทำอะไรเลย ผ่านไปครึ่งชั่วโมง คิบอมก็ชักทนไม่ไหว

    มา compete กันสักตาไหม?” เอ่ยคำถามที่เป็นกิจวัตรประจำวันระหว่างพวกเขา แต่ผิดคาด ครั้งนี้ทงเฮส่ายหน้าดิกจนหัวแทบหลุด พ่อเด็กนอกงงมาก “WHY?”

    แข่งให้โง่น่ะสิ!!!” เหมือนทงเฮจะรอให้ถามคำถามนี้มานานแสนนาน พอได้โอกาสจึงระเบิดออกมาเต็มที่ “แข่งกี่ทีกี่ทีฉันก็แพ้! ไม่รู้ว่าบ้าหรือเปล่าทั้งๆที่ก็รู้อยู่แก่ใจว่ายังไงก็แพ้ ฉันก็ยังทู่ซี้แข่งกับนายมาจนถึงตอนนี้ได้!” โวยวายแบบคนเพิ่งจะคิดได้ คิบอมอึ้งไปสักพัก ก่อนจะเอ่ยคำถามที่ทำให้ตัวเองรู้สึกเจ็บในอกแปลกๆเสียเอง

    งั้นก็ mean ว่า you ไม่อยาก compete กับ me แล้ว?” ถามเสียงเรียบ “แล้วถ้างั้นจะมา sit อยู่ตรงนี้ for what?”

    และทงเฮก็เตรียมคำตอบสำหรับคำถามนี้มาแล้วเช่นกัน คนร่างบางยืดอก สูดลมหายใจลึกเข้าปอด ก่อนจะประกาศอย่างไม่กลัวเกรงว่า...

    ก็แค่จะมานั่งดูนายเล่นเกมเฉยๆ มีปัญหาอะไรรึไง!?”

     

    ///////////////////////////////////////

     

    สภาพอากาศวันนี้ฝนตกแค่โปรยปราย ซีวอนกุมมือฮันกยองแน่นจูงให้เดินไปด้วยกันเรื่อยๆ ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศรอบตัวทั้งคู่จนคนจีนทนไม่ไหวต้องเอ่ยอะไรสักอย่างออกมา

    นี่นายจาพาฉานปายหนาย?” เพราะนี่มันไม่ใช่ทางกลับบ้านเขาซักนิด! ฮันกยองเอาหัวลีทึกเป็นประกัน!

    เกิงอยากไปไหนเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ?” ถามเสียงนุ่ม และนั่นก็ทำเอาฮันกยองใจเต้นอีกแล้ว

    เอ่อ...ม่าย...”

    งั้นไปบ้านผมนะ” สอดขึ้นทันที แม้น้ำเสียงจะดูตื่นเต้นจริงจังแต่ซีวอนไม่ยอมเบนสายตามามองอีกฝ่ายแม้แต่น้อย และนั่นก็ทำให้คนร่างเล็กใจเต้นมากกว่าเดิม

    ...ไม่ใช่เพราะเขินเหมือนประโยคที่แล้ว แต่เป็นเพราะกลัวมากกว่า...

    ...ว่าอะไรที่ซีวอนกำลังคิดอยู่ในใจ...

    แต่ซีวอน...” พยายามจะเอ่ยคำขึ้นขัดขืน แต่คนร่างสูงกลับบีบมือที่กุมมือนิ่มของฮันกยองอยู่ให้แน่นขึ้น แรงจนอีกคนเจ็บ เด็กหนุ่มชาวจีนอ้าปากจะร้อง แต่พอเสียงกำลังจะหลุดออกจากลำคอ ซีวอนก็คลายมือออกช้าๆ

    “...ไปด้วยกันก่อนนะ” เหมือนเป็นคำสั่งมากกว่าอีกแล้ว ทำไมต้องตัดบทแบบนี้ทุกทีฮันกยองทำหน้าบูด แต่ความที่เป็นคนว่าง่ายก็เลยไม่กล้าปฏิเสธอะไรมากโดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายดึงดันแบบนี้

    ...พวกเขาจึงเดินกุมมือกันเงียบๆไปตลอดอีก 20 นาทีที่เหลือ...

    ...ก่อนที่ซีวอนจะพาเขามาหยุดอยู่หน้าประตูรั้วที่ล้อมสนามหญ้าขนาดยักษ์และคฤหาสน์ทรงวิคตอเรียนหลังมหึมา

    ฮันกยองอ้าปากค้าง

    โฮ่ง! โฮ่ง!” สุนัขพันธุ์เยอรมัน เชพเพิร์ดกับไซบีเรียน ฮัสกี้ 2 ตัววิ่งมาเห่าเด็กหนุ่มชาวจีนถึงประตูรั้ว ฮันกยองผงะถอยไปนิด แล้วก็เห็นว่าบริเวณสนามหญ้าข้างหลังไม่ไกลนั้นยังมีอีกเป็นขโยงกำลังวิ่งห้อมาด้วยทีท่าสนุกสนาน

    นี่ต้องใช้หมาเฝ้าบ้านกี่ตัวกันเนี๊ย!!!??

    พี่ยาม เก็บหมาไปหน่อย ผมพาเพื่อนมา” ซีวอนบอกรปภ. กว่าจะล่ามหมาได้ครบทุกตัวก็เล่นเอาเสียเวลาไปโข รปภ.เปิดประตูรั้วให้แล้วพ่อลูกคนรวยก็จูงมือฮันกยองที่เดินตัวลีบตามเขาผ่านดงสุนัขเข้าไปถึงตัวบ้านได้อย่างปลอดภัย...

    ...หรือเปล่านะ?

    โฮ่งๆๆ!” แก๊งค์พุดเดิ้ลกับชิวาวาอีกหลายสิบตัวในบ้านพากันส่งเสียงระงมเมื่อพวกเขาเปิดประตู ฮันกยองผงะอีกครั้ง ซีวอนอมยิ้ม

    พวกนี้ไม่กัดหรอกครับ บ้านผมชอบหมาน่ะ เกิงไม่ชอบหมาเหรอ?”

    ชอบ” ฮันกยองว่าขณะพยายามก้าวขาช้าๆเพื่อไม่ให้วางเท้าถูกไอ้ตัวเล็กทั้งหลาย “แต่ชอบหมาตัวเอง ม่ายชอบหมาคนอื่น มานกาดฉาน” ซีวอนฉีกยิ้มทันทีที่ได้ยินคำตอบนั้น มือใหญ่ยกขึ้นขยี้เส้นผมฟูบนศีรษะอีกฝ่ายอย่างหมั่นเขี้ยว ฮันกยองเงยหน้ามอง และเมื่อสบกับสายตาที่อีกฝ่ายมองมา เขาก็ต้องรีบหลบตาแทบไม่ทัน...

    ...สายตาแบบนั้นมันหมายความว่ายังไงฮันกยองไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองแต่ก็อดไม่ได้...ห่วงใยงั้นเหรอเอ็นดูหรือว่า...

    ...นายชอบฉันจริงๆอย่างงั้นเหรอ?...

    ความนัยในดวงตานั่นมันคืออะไรนายคิดยังไงกับฉันกันแน่ซีวอน?...

    ไปที่ห้องนั่งเล่นกันดีกว่า” ไม่ปล่อยให้ความเงียบครอบคลุมบรรยากาศอยู่นานซีวอนก็ประกาศขึ้น พวกเขาแวะถอดเสื้อนอก รองเท้า และวางร่ม ณ จุดหนึ่งของบ้าน ก่อนที่ร่างสูงจะลากข้อมือคนจีนเดินต่อไป บ้านหลังนี้(หรือที่ควรเรียกว่าคฤหาสน์) ใหญ่โอ่อ่าสมกับที่มองเห็นจากภายนอก ฮันกยองมองทุกอย่างรอบตัวอย่างตะลึงลานระหว่างเดินไปยัง ‘ห้องนั่งเล่น’ ซึ่งในความรู้สึกเขามันช่างไกลโข

    ถึงแล้วคร๊าบ!” ซีวอนร้องอย่างร่าเริงเมื่อเดินมาถึงห้องที่ว่าจนได้ เขาจูงฮันกยองมานั่งที่โซฟาตัวใหญ่เบิ้มในขณะที่คนร่างบางยังเอ๋อเพราะตะลึงอยู่

    นี่ห้องน่างเล่นเร๊อะ!?” ถามอึ้งๆพลางมองไปรอบๆ...ทีวีพลาสมาขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ฮันกยองเคยเห็นกินที่ผนังด้านหนึ่งของห้องไปเกือบครึ่ง สองข้างของจอมีลำโพงสเตอริโอขนาดใหญ่ติดอยู่ นอกจากนั้น...

    ...ฮันกยองก็ไม่รู้แล้วว่าเครื่องสีดำสีเทาหน้าตาประหลาดๆอื่นๆมันเอาไว้ทำอะไร รวมทั้งรีโมททั้งหมดบนโต๊ะด้วย

    นั่งสบายไหมครับปรับเบาะไหม?” เจ้าของบ้านเอ่ยถามอย่างมารยาทดีซะจริงเชียว ฮันกยองยังไม่ทันจะตอบคนร่างสูงก็คว้ารีโมทมาตัวหนึ่งแล้วลองกดๆดู คนจีนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวรับสัญญาณอยู่ตรงไหน แต่พนักโซฟาที่พวกเขานั่งก็เอนลงไปเกิน 45 องศาแล้ว

    พะ...พอแล้วม้าง...” ตอนนี้เหมือนจะกลายสภาพเป็นเตียงมากกว่าโซฟาเสียแล้ว และนั่นก็ทำให้ฮันกยองรู้สึกผวาขึ้นมานิดๆ “ทะ...ทามแบบนี้แล้วจาดูทีวีด้ายงายอะ?” ตะเกียกตะกายจะลุกขึ้น แต่ซีวอนคว้าไหล่บางกดให้นอนลงไปอย่างเดิม

    ทำแบบนี้ได้ เดี๋ยวคอยดู” ซีวอนเอื้อมมือไปหยิบรีโมทอีกตัวมา กดให้จอทีวีพลาสมาค่อยๆเลื่อนขึ้นจนปรับระดับได้พอดีกับมุมที่พวกเขานอนอยู่ ฮันกยองได้แต่ตาโตอ้าปากค้าง...มันทำแบบนี้ได้ด้วยเร๊อะ!แล้วคนร่างสูงลองกดเปิดโทรทัศน์ “เป็นไงครับเห็นชัดขึ้นไหม?”

    อะ...อื้อ...” เพิ่งรู้ว่าวิทยาการสมัยนี้มันล้ำหน้าไปขนาดนี้แล้ว ฮันกยองได้แต่นอนนิ่งๆ มือใหญ่ของซีวอนกดรีโมทเปลี่ยนช่องไปเรื่อย

    ดูหนังกันดีกว่าเนอะ” เขากดเลือกแผ่น DVD ได้หนังฝรั่งเรื่องหนึ่งที่ฮันกยองไม่รู้จัก “ดูเรื่องนี้กันดีกว่า ผมไม่เคยดูเลย” ไม่ถามความเห็นของคนจีนจริงๆ เลือกเรื่องได้คนร่างสูงก็กดหรี่ไฟบนเพดานพร้อมกับกดรีโมทเลื่อนให้ประตูห้องปิด ฮันกยองได้แต่นอนตัวแข็งทื่อ เกร็งสนิทอยู่ข้างๆซีวอนที่นอนเอาแขนตัวเองหนุนต่างหมอน ไขว่ห้างกระดิกนิ้วเท้าอย่างสบายใจสุดๆ

    ...หนังผ่านไป 15 นาที ซีวอนก็เริ่มยุกยิก

    หนังสนุกเนอะ...” ปากว่า แต่การกระทำไม่สบทบกับคำพูดเลยแม้แต่น้อย แขนแกร่งของตัวเองที่เคยเอาไว้หนุนต่างหมอน ค่อยๆเขยิบมาสอดใต้ศีรษะของฮันกยอง และพอทำได้ดังนั้น คนตัวสูงก็ใช้กำลังดึงไหล่ของฮันกยองให้เขยิบเข้ามาชิดเขามากขึ้น

    ...แม้จะไม่ได้ทักท้วงอะไร แต่หัวใจของเด็กหนุ่มชาวจีนกำลังเต้นระส่ำเป็นตีกลอง

    หนังผ่านไปอีก 10 นาที ซีวอนก็เริ่มไม่สนใจดู

    ฮันกยองรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนที่รินรดเรือนผมเขา รู้สึกได้ถึงริมฝีปากอุ่นที่บรรจงจุมพิตเบาๆที่โคนผมเหนือหน้าผาก รู้สึกได้เลยว่าใบหน้าตัวเองกำลังร้อนผ่าวอย่างห้ามไม่ได้และหัวใจกำลังเต้นระรัว แต่เขาไม่อาจบังคับตัวเองให้เบือนหน้าหนีไปจากสัมผัสของซีวอนที่กำลังปลุกอารมณ์บางอย่างที่เขาไม่เคยรู้จักให้ปะทุไปได้...

    ...แล้วฮันกยองก็ทำอะไรบางอย่างที่อยากจะทึ้งหัวตัวเองด้วยความโมโหหลังจากทำมันไปแล้วเสียจริงๆ...

    ตรงกันข้ามกับคำสั่งของสมอง ฮันกยองหันไปเผชิญหน้ากับซีวอน...รู้สึกลางๆว่าเหตุการณ์นี้มันดูจะคุ้นๆ...เขากลั้นหายใจ และเมื่อคนร่างสูงค่อยๆเลื่อนใบหน้าลงมาจนริมฝีปากอยู่ระดับเดียวกับเขาอย่างรู้หน้าที่...

    ...เด็กหนุ่มชาวจีนก็ยอมให้อีกฝ่ายประกบริมฝีปากเข้ากับของตนโดยไม่ขัดขืนแม้แต่นิดเดียว

     

    //////////////////////////////////

     

    จะพาฉันไปไหนเนี่ยไอ้หมีควาย!?”

    ลีทึกกรีดเสียงได้ยินไปสิบถนน ข้อมือเล็กพยายามอย่างหนักที่จะสะบัดให้หลุดจากการยื้อยุดของอีกฝ่ายแต่ไม่สำเร็จเสียทีจนตอนนี้มันเริ่มช้ำเป็นรอยนิ้วคังอินแล้ว นอกจากจะเจ็บตัวฟรีแล้วคังอินยังไม่ยอมเผยไต๋อะไรมากไปกว่า...

    เดินไปเดี๋ยวก็รู้เองล่ะน่า!”

    ...ซึ่งเขาตอบมาเกือบสิบรอบแล้ว...

    เมิงต้องการอะไรกันแน่!?” เห็นได้ถึงความยั๊วะเมื่อลีทึกเริ่มเปลี่ยนมาใช้ภาษาสุภาพแบบที่ผู้ดีเขาใช้กัน ใจจริงอยากจะเตะไอ้อ้วนที่ลากเขาเหมือนจูงหมานี่สักป้าบ แต่ทำไม่ได้เพราะสังขารไม่อำนวยนี่แหละ ขนาดเดินยังกะเผลกเลยจะมีปัญาไปเตะมันได้อย่างไร?

    คุณ”

    เสียงคังอินกระซิบเบาๆโดยไม่หันมา ลีทึกไม่ได้ยิน

    เมิงว่าอะไรนะ!?” ตะคอกจนเจ็บคอไปหมดแล้วแต่ก็ยังไม่วายตะเบ็งเสียง

    ไม่ได้ยินน่ะดีแล้ว” คังอินตอบกลับเสียงเย็นชา ลีทึกกัดฟันกรอด พยศยิ่งกว่าเดิมด้วยการจิกเล็บคมลงไปบนเนื้อแน่นที่ต้นแขนคังอินข้างที่ยึดข้อมือเขาอยู่

    แต่คังอินไม่สะท้าน

    ปล่อยกุ!” ลีทึกร้อง คนเดินถนนหันมามองพวกเขาสองคนเป็นตาเดียว “ไม่งั้นจะจิกให้เนื้อหลุดเลยนะ!” ขู่เสียงเขียว

    อยากทำอะไรก็ทำ” พี่หมีไม่สะทกสะท้านเลยจริงๆ ท้าแบบนี้มีหรือลีทึกจะไม่สนอง จากที่ใช้มือเดียวเขาก็เพิ่มอีกมือเข้าไป...จากเล็บคมๆเพียง 5 เล็บตอนนี้กลายเป็นสิบ...ร่วมกันทิ่มแทงเข้าไปในผิวเนื้อขาวที่แม้จะด้านหนาสักเพียงไหนก็ย่อมมีความรู้สึกอยู่วันยังค่ำ...

    เพียงแต่คังอินเข้มแข็งพอที่จะไม่แสดงอาการเจ็บปวดออกมาก็เท่านั้น...

    เฮ้ย!”

    เป็นลีทึกเสียเองที่อุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นเลือดซิบซึมออกมาจากต้นแขนอีกฝ่ายตรงที่เขาเจาะเล็บลงไปสุดแรงเกิด และมันก็ไม่ใช่แค่แผลเดียวเสียด้วย นางฟ้ามองผลงานของตัวเองบนเนื้อหนังของอีกคนอย่างตื่นตะลึง

    ...ต้องเป็นแผลเป็นแน่ๆ เลือดยังซึมออกมาไม่หยุดเลย ท่าทางจะลึกน่าดู...

    ...และคงเจ็บน่าดู...

    ...แต่คังอินยังคงเงียบ...

    นายทำแบบนี้ทำไม...?”

    หลังจากยอมเดินไปเงียบๆอีกเกือบ 50 เมตร ลีทึกก็ถามขึ้นเสียงเบาและเริ่มใช้คำพูดดีๆ

    คังอินเงียบ และลีทึกก็เงียบ

    พวกเขาก้าวเดินไปด้วยกันอีก 50 เมตร เมื่อไม่เห็นท่าทีว่าลีทึกจะโวยวายอะไรอีก คังอินจึงเฉลยเสียงเรียบ แต่เสียงดังฟังชัดได้ยินโดยไม่ต้องเงี่ยหูสักเซนติเมตร

    ฉันแค่อยากอยู่กับนายก็เลยทำแบบนี้...”

    แล้วก็เงียบไป

    ลีทึกอึ้งไปพัก

    แค่นี้เองน่ะเหรอ?” ถามต่อเมื่อเห็นว่าพี่หมีไม่มีทีท่าว่าจะพูดอะไรต่อ คังอินสูดลมหายใจลึก

    จะให้พูดอะไรอีกในเมื่อฉันคิดอย่างไรก็บอกนายไปหมดแล้วฉันอยากเจอนายทุกวัน อยากเห็นรอยยิ้มของนาย อยากฟังเสียงของนาย อยากอยู่กับนาย...ลีทึก ฉันชอบนาย!” ประโยคสุดท้ายเขาหันมาเผชิญหน้ากับลีทึก นางฟ้าสะดุ้งเพราะไม่ทันตั้งตัว จะหลบตาก็สายไป ดวงตาคังอินตอนนี้กำลังจ้องเขม็งเข้าไปในดวงตาอีกฝ่าย ทะลุทะลวงราวกับจะเค้นหาความจริงจากแววตาของลีทึกให้จงได้ คนร่างบางหัวใจเต้นแรง เขาตอบโต้ไม่ถูกและไม่รู้จะทำอย่างไร...

    “...ลีทึก นายคิดยังไงกับฉัน?”

    ประโยคไม่คาดฝันอีกอย่างพุ่งเข้ามาในสมองของลีทึก กะทันหันจนทำเอาเจ้าตัวแทบจะผงะหงาย

    ...อีกไม่นานคังอินจะได้รู้ว่าเขาคิดถูกไหมที่ถามคำถามนี้ออกมา...

     

    /////////////////////////////////////

     

    ผ่านไป 2 ชั่วโมง ทงเฮก็ไม่ขยับไปไหน คิบอมที่เพิ่งน็อคเกมที่เล่นยืดเยื้อมานานกว่า 2 ชั่วโมงเสร็จลุกขึ้นบิดขี้เกียจพลางหาว

    ไม่ feel bored เหรอ?” เขาถามปลาน้อย

    หา?” แน่นอนว่าทงเฮไม่เข้าใจ คิบอมยิ้มตาหยี เดินไปหาอีกคนที่นั่งแกร่วอยู่มานานสองนาน แล้วโดยไม่ให้อีกฝ่ายตั้งตัวเลยแม้แต่น้อย คนร่างสูงก็โน้มตัวลง ฉกจูบจากริมฝีปากทงเฮไปหนึ่งที

    ปลาน้อยช็อคไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไรสักคำ

    ไป have dinner กันเหอะ I’m hungry จะ dead อยู่แล้ว” คิบอมว่า ทงเฮมองอีกฝ่ายอย่างผวานิดๆ

    อะไรข้าวเย็นเหรอฉันไม่ได้เล่นเกมแพ้ฉันไม่เลี้ยงนะ!” ร้อนตัวสุดๆกลัวจะโดนรีดไถ คิบอมหัวเราะก๊าก

    นี่ I’m scary ขนาดนั้นเลยเหรอ?” เขาถามติดตลก “ก็ไม่ได้บอกให้ you treat สักหน่อย This meal I เลี้ยงเอง”

    หา?” ว่าแล้วว่าปลาน้อยต้องไม่เข้าใจ คิบอมคว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็ก ไม่ได้ตั้งใจจะอธิบายเพิ่มเติมแต่อย่างใด

    “Let’s go! อย่า ask มากน่า ไป have dinner กัน!”

     

    ///////////////////////////////////////

     

    อื้อ!”

    ฮันกยองครางอื้อในลำคอ แม้สมองจะกำลังก่อม็อบประท้วงอย่างรุนแรง แต่เด็กหนุ่มชาวจีนไม่อาจควบคุมตัวเองได้ เขารู้ว่าไม่ควรปล่อยให้ตัวเองใจง่ายยอมตามอีกฝ่าย แต่ก็เหมือนวันก่อน...ใจของเขาในวันนี้มันมีอำนาจเหนือสมองเสียแล้ว...

    จูบของซีวอนอ่อนโยนละมุนละไมอยู่ในช่วงแรกๆ ก่อนจะทวีความเร่งเร้าขึ้นในทุกจังหวะที่พวกเขาก้าวไปด้วยกัน แขนแกร่งอีกข้างที่ก่อนหน้านี้ยังว่างตอนนี้โอบรอบตัวคนร่างบางอีกต่อ ตอนนี้ฮันกยองจึงตกอยู่ในอ้อมกอดของอีกฝ่ายทั้งตัว

    ลิ้นร้อนของซีวอนเกลี่ยริมฝีปากอีกคนอย่างยั่วเย้า และฮันกยองก็เปิดปากรับการรุกรานนั่นโดยไม่ต้องเสียเวลาอิดออดนาน เสียงพูดคุยจากในหนังเป็นภาษาอังกฤษที่ผ่านลำโพงสเตอริโอออกมาไม่อาจแทรกเข้ามาในพื้นที่โรแมนซ์ของพวกเขาได้ เช่นเดียวกับเสียงสายฝนนอกหน้าต่างที่ดังขึ้นทุกทีๆจนแทบจะเป็นพายุอยู่รอมร่อ...

    ...มืออุ่นของซีวอนเลื่อนเข้าไปใต้เสื้อนักเรียนตัวหนาของฮันกยอง เด็กหนุ่มชาวจีนสะดุ้งจะกระเถิบตัวหนีตามสัญชาตญาณ แต่แน่นอนว่าอ้อมแขนของคนแรงเยอะกว่าเตรียมพร้อมเพื่อการนี้เอาไว้แล้ว ซีวอนกักตัวฮันกยองไว้ให้อยู่กับที่แล้วบรรจงละเลงจูบอย่างหิวกระหายและหนักหน่วงกว่าเดิม...

    ...พร้อมกับที่มืออีกข้างจัดการลูบไล้แผ่นอกเนียนให้คนร่างบางเสียวสะท้านเล่นไปด้วย

    หนังผ่านไปอีก 5 นาที ซีวอนก็ยังไม่หยุดจูบ...

    แล้วทั้งๆที่แลกรสริมฝีปากกันอยู่อย่างนั้น มือของเขาก็เริ่มไต่ลงไปปลดกระดุมกางเกงของฮันกยอง

    อื้อ!”

    ตามคาด แม้ทีท่าเหมือนจะโอนอ่อนผ่อนตามแต่คนจีนก็ขัดขืนจนได้เมื่อถึงตรงนี้ มือเรียวยึดมือแกร่งของซีวอนไว้แน่นไม่ให้เลื่อนลงไปแตะต้องอะไรก็ตามทื่ถือเป็นท่อนล่างของเขาได้ คนจีนออกแรงต้านพยายามจะดันมือคนร่างสูงออกไป ทั้งๆที่รู้ดีว่าตัวเองไม่มีทางสู้แรงของอีกคนได้...

    ซีวอนสะบัดมือกลับ บดขยี้จูบรุนแรงกับริมฝีปากอ่อนนุ่มของอีกฝ่ายอย่างจะปลุกเร้าอารมณ์ให้ถึงที่สุดทั้งๆที่ตอนนี้เสียงลมหายใจของทั้งคู่ไม่ต่างไปจากเสียงหอบของคนใกล้จะขาดใจ

    ซะ...ซีวอน เดี๋ยว!” ฮันกยองดึงตัวเองให้หลุดออกมาจากการนัวได้ เขาพยายามหายใจให้ทันขณะพูดแล้วยังต้องหลบจูบของอีกคนที่พุ่งเข้ามากะจะปิดปากให้เขาเงียบอีกด้วย “เดี๋ยวก็มีคราย...มาเหน...ข้าวหรอก!” พูดไปก็หายใจไม่ทันไป

    ไม่มีใครอยู่บ้านหรอก” ซีวอนตอบทันทีแล้วประกบจูบอีกครั้ง ไม่สนอีกต่อไปว่าฮันกยองจะทักท้วงอย่างไร มือใหญ่คราวนี้จัดการปลดกระดุมกางเกงคนตัวเล็ก...เร็วเกินกว่าที่ฮันกยองจะขัดขืนได้ ก่อนจะส่งมือเข้าไปในกางเกงอีกคน...

    ซะ...ซีวอน!” ฮันกยองร้อง พยายามผลักไสมือของซีวอนออกไป แต่แรงบีบที่อีกคนส่งมาตรงจุดที่ไม่ควรแตะต้องที่สุดทำให้เด็กหนุ่มชาวจีนสะดุ้งเฮือก ซีวอนเลื่อนตัวขึ้นมาทาบทับร่างอีกฝ่ายเต็มตัว และนั่นยิ่งทำให้ฮันกยองดิ้นไม่หลุดขึ้นไปอีก

    ซีวอน! จาทาม...อาราย?” แม้จะพยายามบังคับเสียงให้เป็นปกติแต่แววตาสีนิลกลับฉายแววหวาดกลัวสุดขีด...ซีวอนกำลังจะทำอะไร!นี่มันไม่ใช่การจูบกันเฉยๆของพวกเขาเหมือนที่ผ่านมา ซีวอนกำลังจับตรงนั้นของเขา และนั่นก็ทำให้เกิดความรู้สึกแปลกประหลาดที่ฮันกยองไม่อยากจะคิดถึงมันเลยให้ตายสิ! แม้เขาจะกล้าเกินตัวไปหน่อยช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ แต่นี่เป็นอีกเลเวลหนึ่งที่ฮันกยองไม่รู้ว่าจะต่อกรกับมันได้อย่างไร การกระทำของซีวอนกำลังทำให้เขาสับสนสุดขีดและเขารู้ตัวดีว่ากำลังควบคุมมันไม่ได้

    ซีวอนไม่ตอบคำถามแต่กระชับอ้อมแขนให้ร่างของพวกเขาแนบชิดกันมากขึ้น เด็กหนุ่มชาวจีนอึดอัดจนหายใจไม่ออก เขาออกอาการขัดขืนเมื่อซีวอนจัดการปลดกระดุมเสื้อเขาอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อรู้ตัวว่าไม่ว่าอย่างไรซีวอนก็คงไม่ฟังที่เขาพูด และไม่ว่าจะขัดขืนเท่าไรก็สู้แรงอีกคนไม่ได้ ฮันกยองก็เริ่มนอนนิ่งอย่างปลงตก...

    ...ปล่อยให้คนร่างสูงซุกไซร้ซอกคอเขาแล้วไล่เลยมาถึงเนินอกตามใจชอบ พร้อมมืออีกข้างที่สัมผัสร่างกายส่วนล่างของเขาอยู่ก็ยังไม่ยอมละไปไหน...

    ...นายคงไม่สนอยู่แล้วว่าฉันจะคิดยังไงใช่ไหมความเห็นของฉันมันไม่เคยมีความหมาย สำหรับนาย...ฉันเป็นแค่สิ่งของที่ไร้ความรู้สึกอย่างงั้นเหรอซีวอน?...

    หน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลงด้วยจังหวะแปลกๆของฮันกยองทำให้ซีวอนยอมเงยหน้ามองในที่สุด

    กะ...เกิง! ร้องไห้ทำไม!?” ก่อนจะต้องร้องถามออกมาด้วยน้ำเสียงตกใจเมื่อพบว่าคนร่างเล็กน้ำตานองหน้า ฮันกยองไม่ตอบคำถาม ฉวยโอกาสที่ซีวอนหยุดการกระทำทุกอย่างผลักอกอีกคนให้ออกไปจากกายเขา...และช่างน่าแปลกที่คนร่างสูงยอมเซออกไปโดยไม่ขัดขืน มือเล็กของคนจีนป่ายเปะปะไปดึงกางเกงตัวเองที่ร่นลงไปกองตรงน่องขึ้นมาปกปิดร่างกายที่แม้จะยังไม่ได้เปลือยเปล่าแต่ก็ทำให้เขาอับอายถึงไหนถึงนั่น และคนร่างสูงที่กำลังตกใจอยู่ก็ไม่(กล้า)ทักท้วงอะไรมากไปกว่า... “เกิง คุณร้องไห้เพราะผมเหรอ?” ซีวอนถามเสียงแห้ง

    ร้องเพราะแม่เมิงมั้ง! ฮันกยองตะโกนด่าในใจ แต่แน่นอน ภายนอกเขาไม่ตอบอะไรสักคำ คนจีนยกมือขึ้นไส่ติดกระดุมเสื้อนักเรียนเร็วๆ ไม่ยอมสบตาอีกฝ่าย และน้ำใสๆที่ไหลลงอาบแก้มเนียนก็ทำเอาซีวอนแทบใจสลาย

    ...นี่เขาทำอะไรลงไป?...

    “...เกิง...”

    ฉานอยากกลาบบ้าน!” ฮันกยองประกาศ พยายามบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่น หลังมือยกขึ้นปาดน้ำตาจากแก้มนิ่ม ซีวอนใจตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม

    เกิง...อย่าโกรธผมเลยนะขอร้อง...”

    แต่ฮันกยองเงียบ ยังคงเสหน้ามองไปทางอื่น แต่เสียงสูดน้ำมูกฟืดฟาดนั่นก็ยังคอยหลอกหลอนตอกย้ำความรู้สึกผิดของซีวอน...บีบหัวใจเขาให้เจ็บปวดจนแทบจะปล่อยโฮตามอีกคน...

    ...ขอร้องเถอะเกิง...หยุดร้องไห้เถอะนะคนดี เห็นน้ำตาของเกิงแบบนี้ผมเจ็บจนอยากจะร้องไห้ตามเลยจริงๆ...

    เกิงผมขอโทษ” ซีวอนเอ่ย แม้เสียงจะเบาแต่คำกล่าวนั้นฟังดูหนักแน่นชัดเจน ฮันกยองสูดลมหายใจลึก

    นายม่ายต้องขอโทษหรอก” ตอบเบาๆเช่นกัน

    งั้นเกิงก็ไม่โกรธผมใช่ไหม?” รีบถามทันที แต่เมื่อคราวนี้เด็กหนุ่มชาวจีนกลับเงียบลงไปอีก หัวใจของซีวอนก็เลื่อนจากตาตุ่มไปที่นิ้วเท้า

    ฮันกยองลุกขึ้น “ฉานกลาบบ้านล่ะ” เอ่ยเสียงเบา ซีวอนรีบลุกตาม

    ให้ผมไปส่งนะ...”

    ม่าย!” ประกาศก้อง ยังคงไม่ยอมสบตาอีกฝ่ายเช่นเดิม เขาออกจากห้องนั่งเล่น เดินเร็วๆไปถึงประตูบ้านโดยหวังว่าความจำจะไม่เล่นตลกกับเขาให้เดินหลงในคฤหาสน์พันล้านนี่ และความหวังของเขาก็บรรลุผล

    แม้จะใช้เวลาสักพัก แต่ฮันกยองก็เดินมาถึงประตูหน้าบ้านได้ในที่สุด เขาคว้าเสื้อโค้ทและรีบสวมรองเท้า ดวงตารื้นสอดส่ายมองหาร่มสีน้ำตาล แต่เขาจำไม่ได้ว่าวางมันไว้ตรงไหน

    ล่มฉานปายหนาย!?” ถามขึ้นมาเมื่อมองหารอบๆแล้วไม่เจอ

    ร่มเอ...ผมก็ไม่รู้...” ซีวอนช่วยมองหา แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ได้เนียนมากเช่นเคย ฮันกยองมองออกไปนอกหน้าต่าง

    ช่างเหอะ! ฝนตกม่ายหนักแล้ว ฉานม่ายต้องช้ายล่มก็ด้าย” ตัดบทกันง่ายๆ ซีวอนอ้าปากค้างหันไปมองหน้าต่างบ้าง...แถวบ้านเกิงเรียกตกไม่หนักหรือนั่น!หากเพิ่มฟ้าร้องเข้าไปอีกอย่างก็เรียกได้ว่าเป็น ‘พายุ’ ดีๆนี่เอง! แต่เมื่อหันกลับมาอีกที ซีวอนก็ต้องรีบถลันตามอีกฝ่ายที่พุ่งออกนอกประตูไปตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วก็ไม่รู้

    เกิง อย่าทำแบบนี้!” ถูกฝนเทกระหน่ำใส่ทั่วหัวทั่วตัวแล้วนั่นแหละจึงเพิ่งรู้ตัวว่าลืมคว้าร่มติดมือมา ฮันกยองก้าวไวๆนำหน้าเข้าอยู่ เส้นผมที่เคยนุ่มสลวยเปียกลู่แม้จะมองจากด้านหลัง เสื้อนักเรียนสีขาวสะอาดแนบติดเนื้อจนซีวอนกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่สบายจับใจ “เกิง!” วิ่งมาคว้าแขนอีกคนได้ทันก็กระชากให้หันกลับมา แต่เมื่อได้มองหน้าอีกฝ่ายจะจะสมใจซีวอนกลับพูดอะไรไม่ออก คนทั้งสองประจันหน้ากันท่ามกลางสายฝนกระหน่ำ ในเวลานี้ซีวอนมองไม่ออกแล้วว่าฮันกยองยังร้องไห้อยู่หรือไม่เพราะสายฝนชะใบหน้าเขาเสียเปียกปอน

    รอก่อนได้ไหมผมจะไปส่ง!” ซีวอนตะโกนทั้งๆที่ไม่มีความจำเป็นเลย มือแกร่งยึดต้นแขนฮันกยองไว้แน่น คราวนี้เด็กหนุ่มชาวจีนไม่พยายามสะบัดหรือขัดขืนเหมือนทุกที เขาจ้องหน้าซีวอนเขม็งด้วยดวงตาที่ยังแดงก่ำเพราะผ่านการร้องไห้มา...

    ...ไม่รู้เหมือนกันว่าอยู่ดีๆความกล้ามันมาจากไหนทั้งๆที่ที่ผ่านมาเขาเอาแต่หลบตาอีกฝ่ายมาตลอด แต่เอาสิ...ในเมื่ออยาก ‘ประจบ’ หน้ากับเขานัก เขาก็จะจ้องตอบเอง

    ...และมันก็ได้ผล...

    ซีวอนค่อยๆคลายมือออกจากต้นแขนของฮันกยองช้าๆ...

    เด็กหนุ่มชาวจีนหันหลังกลับ ก่อนจะเดินฝ่าสายฝนกระหน่ำห่างออกไปจนลับตา...

     

    ///////////////////////////////////////////

     

    “...ลีทึก...นายคิดยังไงกับฉัน?”

    ...............................................

    ...นี่มันคำถามประเภทไหนกัน!หัวใจของลีทึกเต้นระรัว เขาหลบสายตาคังอินในที่สุด ประโยคคำถามนั้นก้องสะท้อนไปมาในหัวของนางฟ้า แต่แม้จะพยายามคิดหาคำตอบ สมองของเขากลับว่างเปล่าอย่างน่าประหลาด...

    ...ฉันคิดยังไงกับนายงั้นเหรอคังอิน?...

    มันเร็วไปหรือเปล่าที่จะถามอะไรแบบนี้เราเพิ่งรู้จักกันได้แค่อาทิตย์กว่าๆเท่านั้น แล้วนายก็มาบอกว่าชอบฉันอย่างงั้นเหรอนายต้องการให้ฉันตอบนายว่าอะไรหากฉันพูดออกไปว่า ‘ไม่’…หากฉันปฏิเสธนายไปตอนนี้เพราะยังหาคำตอบที่แท้จริงให้กับหัวใจตัวเองไม่ได้...นายจะว่ายังไง?

    ...นี่ไม่ใช่คำถามที่จะตอบได้ง่ายดาย หากฉันขอเวลาคิด นายจะให้ฉันไหม?

    หรือจริงๆแล้วคำตอบของฉันจะเป็นอะไรก็ช่าง ไม่ว่าอย่างไรนายก็จะใช้กำลังทำตามใจตัวเองอยู่ดี?

    คังอินฉัน...”

    แต่ลีทึกไม่อาจเอ่ยอะไรออกไปได้

    ความเงียบเข้าปกคลุมพวกเขาอีกครั้ง

    ไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร” คังอินตัดบท หันกลับแล้วลากลีทึกเดินต่อ “นายไม่จำเป็นต้องตอบฉันตอนนี้ ฉันให้ไว้เป็นการบ้านกลับไปคิดก็แล้วกัน...”

    ให้เป็น ‘การบ้าน’ งั้นเหรอ!ถุย!!! แกมีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนั้นว๊ะ!ลีทึกคันปากอยากจะด่าอีกคนออกไปแบบนี้ใจจะขาด แต่เขากลับไม่ทำ

    และก็น่าแปลกนักที่หลังจากนี้ลีทึกก็ยอมเดินตามคังอินไปแต่โดยดี

    เลี้ยวหัวโค้งหนึ่งไปคังอินก็หยุดเดิน

    หยุดทำไมอ่ะ?” ลีทึกกะพริบตาปริบๆถามงงๆ

    นี่บ้านฉัน” คังอินตอบเสียงเรียบ และนั่นก็ทำเอาลีทึกแทบตาถลน ก่อนจะกรีดเสียงดังจนได้ยินไปถึงท้ายซอย

    ว่าไงนะ!!!??”

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×