ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Umbrella [END]

    ลำดับตอนที่ #10 : Umbrella '10': ร่มคันที่ 10

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.ค. 63


    เฮ้ยไอ้ฮัน! ได้โปรดเดินช้ากว่านี้อีกหน่อย ขากุเจ็บนะว้อย!

    ลีทึกโวยวายเสียงเขียวขณะพยายามก้าวเดินให้ทันเพื่อนที่ดูเหมือนจะไม่เป็นห่วงสังขารของเขาเลย ขาที่แพลงของลีทึกยังไม่หายดี แต่ท่าทางฮันกยองจะลืมประเด็นนั้นไปแล้ว

    ก็เดินห้ายมานเร็วๆหน่อยเซ่!” ฮันกยองหันมาแว้ด มือข้างหนึ่งฉุดกระชากลีทึกจนอีกฝ่ายถลามาข้างหน้า ดีที่ไม่คะมำหน้าทิ่มจิ้มขี้ไปเสียก่อน

    จะรีบไปไล่ควายที่ไหนห๊ะไอ้ฮัน!?” กัดฟันกรอดด่า “เป็นบ้าอะไรถึงต้องหนีมันเดนตายกันขนาดนี้?” บุ้ยใบ้ไปยังคนที่เดินตามพวกเขาสองคนอยู่ไม่ห่าง ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก...

    ซีวอนและคังอิน

    เดี๋ยวเล่าห้ายฟางที่โรงเรียน ตรงนี้เล่าม่ายด้ายว้อย!” กระซิบเสียงเขียวแล้วกระตุกแขนลีทึกอีกครั้งหวังจะเร่งให้อีกคนเดินเร็วขึ้น แต่นางฟ้าทำได้สุดฝีตีนแค่นี้แล้ว

    เค้าเป็นอะไรของเค้า!?”

    ซีวอนโวยวายใส่คังอินอย่างไม่เข้าใจสถานการณ์เอาเสียเลย นี่มันอะไรกันเมื่อวานนี้ยังดีๆกันอยู่เลย แต่แล้ววันนี้...ทั้งๆที่คนหล่ออย่างเขาอุตส่าห์มาดักรอที่บ้านตั้งแต่เช้า พอออกมาจากบ้าน ฮันกยองที่ไปเอาร่มคันใหม่มาจากไหนก็ไม่รู้กลับปฏิเสธเขาท่าเดียวและยืนยันว่าจะต้องไปรับลีทึก

    ...เพราะไอ้หมีอ้วนนี่แท้ๆเชียว!

    เมื่อไหร่เมิงกับลีทึกจะเคลียร์กันรู้เรื่องว๊ะห๊ะ!เมื่อวานไม่มีปัญญาแก้ปัญหาหรือไง!?” พอระบายอารมณ์ใส่ใครไม่ได้ก็มาลงที่คังอิน

    เฮ้ยอะไรของเมิง!ขี้แพ้อย่าชวนตีสิโว๊ย! เมิงจัดการของเมิงไม่ได้เองต่างหาก เมื่อวานไปทำอะไรเขาไว้ล่ะวันนี้เขาถึงได้เฉดหัวเมิงทิ้งแบบนี้!?” คังอินสวน

    เมื่อวานเขาจูบกุว่ะ” ซีวอนสารภาพ พี่หมีทำตาถลน

    อะไรนะ!ว่าไงนะไอ้ซีวอน!แรงนี่หว่าเมิง! แล้วไหงวันนี้เขาถึงได้เมินเมิงล่ะนอกจากนั้นเมิงไปทำอะไรเขาอีกล่ะสิท่า?”

    กุเปล่านะโว้ย!!! นั่นแหละที่กุไม่เข้าใจ ทำกุปวดตับมาตั้งแต่เช้าแล้ว! เมื่อวานนี้ยังดีๆอยู่เลยแล้วไหงวันนี้ทำตัวเย็นชากับกุซะได้ แม่งมันเพราะอะไรก๊าน!เกิงไปกินยาอะไรผิดมา หรือเห็นคราบปีศาจบนใบหน้าหล่อๆของกุเสียแล้วว๊ะ!!??”

    ไง จะเล่าให้กุฟังได้หรือยังว่าเกิดอะไรขึ้น?”

    ลีทึกเค้นคอเพื่อนทันทีที่พวกเขามาถึงห้องเรียนอย่างปลอดภัยก่อนเวลาเข้าเรียนเล็กน้อย

    กุม่ายอยากประจบหน้ากาบมาน” ฮันกยองพูดเสียงอ่อย

    “ ‘ประจัน’ ไอ้เพื่อนยาก ไม่ใช่ ‘ประจบ’ หรือถ้าเมิงไม่อยากประจบหน้ากับมันจริงส่งต่อมาให้กุก็ได้นะ กุยินดีรับ ว่าแต่มันทำอะไรเมิงงั้นเหรอเล่าให้กุฟังได้นะ เผื่อกุจะช่วยได้” น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย แต่จริงๆแล้วต่อมเสือกกำลังกระตุก หูผึ่งเต็มที่

    คือ...เมื่อวานนี้...กุ...” ฮันกยองอึกอัก เป็นแบบนี้อีกแล้ว ลีทึกพยายามปลอบเพื่อน

    เอาจริงๆนะไอ้ฮัน ไม่ว่าเมิงจะทำอะไรมากุก็ไม่ว่าเมิงหรอก กุเป็นเพื่อนเมิงนะเว้ย! ถ้าเมิงไม่ปรึกษากุแล้วเมิงจะไปปรึกษาใคร?” แต่กุไม่รับประกันว่ากุจะเป็นที่ปรึกษาที่ดี และไม่ปากสว่างนะ

    เมื่อวานกุจูบเค้า” ฮันกยองสารภาพ คราวนี้ลีทึกไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่ เขาตบหลังเพื่อนดังป้าบ

    เฮ้ย ก็ดีแล้วนี่หว่า! แล้วเกิดอะไรขึ้นทำไมวันนี้มางอนกันซะละ?”

    ไอ้ห่าลีถึก! กุม่ายด้ายต้างจายห้ายมานเปนแบบน้าน กุม่ายรุว่ากุทามอารายลงปาย รุตัวอีกที กุก็จูบเค้าปายแล้ว ตอนนั้นกุ...กุ...กุควบคุมตัวเองม่ายด้าย!” ฮันกยองโวยวาย ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “ทามยางงายดีอีถึกกุ...กุมองหน้าเขาม่ายติด

    ไม่เห็นจะต้องทำอะไรเลยไอ้ฮัน กุว่าซีวอนแม่งดีใจตายห่าแล้วที่เมิงเล่นด้วยแบบนี้ ไม่เห็นจะมีอะไรเสียหายนี่” เอ่ยความคิดของตัวเอง

    เมิง...กุม่ายรุว่ากุกล้าทามแบบน้านด้ายยางงาย กุม่ายรุว่าตอนน้านกุคิดอารายอยู่ กุสาบสนว้อย!!!” คนจีนโวยวาย ยกมือขึ้นกุมหัวตัวเอง

    ไอ้ห่า นี่เมิงควายหรือไงเมิงจะเป็นอะไรไปได้นอกจากหลงรักมันเข้าแล้วไงไอ้ฮันเอ๊ย! ถึงขั้นควบคุมตัวเองไม่ได้แบบนี้ ท่าทางเมิงจะหลงมันเอามากๆเลยนะเนี่ย!” นางฟ้าตบหลังเพื่อนไปอีกป้าบใหญ่ “กุไม่ว่าอะไรหรอก ก็ซีวอนมันหล่อนี่ สาวๆอยากได้มันกันทั้งบาง เมิงได้มันไปน่ะบุญเท่าไหร่แล้วรู้ตัวหรือเปล่า?”

    แต่กุม่ายเข้าจายตัวเอง!” ฮันกยองกรีดร้อง “กุต้องการเวลา เมิงวานนี้กุม่ายอยากเจอเค้า!

    แล้วกุห้ามเมิงเรอะ!?” ลีทึกถลึงตา “วันนี้เมิงเอาร่มมาไม่ใช่เหรออย่าให้หายอีกละ แล้วก็ไปส่งกุที่บ้านด้วย กุก็ไม่อยากเจอไอ้คังอิน!

    พวกเราสองคนเป็นอะไรกันวะเนี่ยไอ้ซีวอน!?” คังอินโวยวายหลังจากพวกเขามาถึงห้องเรียนเช่นกัน “เป็นหมาตามตูดเด็กโรงเรียนจูมงกันทั้งคู่เลยนะ แล้วก็โดนเขาเมินทั้งคู่อีกต่างหาก!

    อย่าเอากุไปเปรียบกับเมิงไอ้คัง!” ซีวอนสวน “ปกติเขาไม่เมินกุอย่างงี้ว้อย วันนี้แค่มีอะไรผิดปกตินิดหน่อย ส่วนของเมิงน่ะ ท่าทางจะโดนเกลียดเข้าแล้วละสิไม่ว่า!

    ไอ้เวรนี่อย่ามาแช่งกันน่ะ! ของเมิงน่ะเมื่อวานกุก็เห็นเขาเมินเมิงอย่างงี้แหละ อย่าหลอกตัวเองเลยเพื่อน!

    โอ๊ยพวกเมิงสองตัวน่ะ หยุดเถียงกันสักที ของซีวอนนี่กุไม่รู้หรอกนะ แต่ของเมิงน่ะไอ้คัง ก็สมน้ำหน้าเมิงแล้วว่ะ!” ฮีชอลที่เพิ่งมาถึงขัดขึ้นกลางวงสนทนา ที่พูดแบบนี้ก็เพราะเมื่อวานคังอินเล่าเรื่องทุกอย่างให้เขาฟังหมดแล้วหลังจากฮีชอลไปปะคังอินกับลีทึกที่ทะเลาะกันกลางสายฝนอยู่ริมถนนโดยบังเอิญ

    ฮีชอล ถ้าจะมาซ้ำเติมกุละก็ หุบปากหมาๆของเมิงไปเลย!” คังอินโวย


    ///////////////////////////////////


    ไอ้ทงเฮ วันนี้เมิงจะไปไหน?”

    ฮยอกแจส่งเสียงถามเพื่อนรักเมื่อถึงเวลาเลิกเรียนและเห็นทงเฮเก็บกระเป๋าได้รวดเร็วเหมือนปกติ จริงๆแล้วเขาก็พอจะเดาออกว่าไอ้เพื่อนตัวดีของเขาจะไปไหน จะที่ไหนได้เสียอีกนอกจากเกมเซ็นเตอร์บ้านหลังโปรดของมัน แต่สิ่งที่ฮยอกแจชักจะผิดสังเกตก็คือ...

    ...ช่วงนี้มันไม่ออกปากชวนเขาไปเป็นเพื่อนเลยแหะ...

    ปกตินี่ยอมติดสนบนเขาด้วยค่าเกม 2-3 เกมเพื่อลากเขาไปเป็นเพื่อนให้ได้ทุกทีสิน่า

    เกมเซ็นเตอร์” ปลาน้อยตอบอย่างไม่ใส่ใจ คว้ากระเป๋าสะพายขึ้นไหล่แล้วเดินดุ่มออกจากห้องเรียนโดยไม่เอ่ยคำลาสักแอะ

    ฮยอกแจกระพริบตาปริบๆ นี่มันจะไม่ชวนเขาจริงๆใช่ไหมนี่?

    ไอ้คยู วันนี้เมิงจะไปไหน?” ในเมื่อทงเฮไม่สนใจ เขาหันมาเกาะคยูฮยอนเพื่อนเลิฟอีกคนก็ได้

    โรงเรียนโซดองโย” ฝ่ายนี้ก็ตอบแบบไม่ต้องคิดเช่นเดียวกัน หมาป่าน้อยสะพายกระเป๋าขึ้นบ่า เดินดุ่มออกจากห้องเรียนไปอีกคน ทิ้งฮยอกแจให้เป็นหมาหัวเน่าอยู่คนเดียว

    เด็กหนุ่มหน้าเหมือนไก่กระพริบตาปริบๆ

    เฮ้ย พวกเมิงทั้งสองตัว พอไม่ต้องการความช่วยเหลือนี่ทิ้งกุกันไม่ไยดีเชียวนะ! ซักคนน่ะรอกุด้วย!!!

    สุดท้ายฮยอกแจก็ไปจบลงที่หน้าโรงเรียนโซดองโยกับคยูฮยอน เพราะทงเฮหายตัวไปไวยิ่งกว่าลิง

    เมิงยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่จะมาดักรอเจ้าของแหวนวงนั้นอีกเรอะ!?” ฮยอกแจเอ่ยถามคยูฮยอน

    เปล่า กุจะมารอเด็กคนที่ถือร่มสีชมพูต่างหาก” หมาป่าตอบ ฮยอกแจเลิกคิ้ว

    แล้วมันไม่เหมือนกัน?” ถามงงๆ

    ไม่เหมือน เพราะคนที่ถือร่มสีชมพูคนนั้นไม่ใช่เจ้าของแหวน

    พูดไม่ทันขาดคำ คนที่คยูฮยอนเฝ้ารอก็เดินออกมาจากโรงเรียนใต้ร่มสีชมพูกระตู้ฮู้วฮยอกแจทำหน้าอ๋อ

    คนนี้เองน่ะเหรอ?” แต่คยูฮยอนเดินตรงไปหาซองมินแล้ว หลังจากยืนคุยกันอยู่หน้าโรงเรียนสักพัก ซองมินก็เดินนำไปยังที่ที่จอดรถเวสป้าของเขาทิ้งไว้

    กุไปนะไอ้ฮยอก!” คยูฮยอนตะโกนกลับมาหาเพื่อน...ก็ยังดีที่ยังรู้จักร่ำลาบ้างไม่เหมือนไอ้ทงเฮ แต่ให้ตายเหอะ...!

    ...นี่ติดคนใหม่กันหมดใช่มั้ยถึงได้ถีบหัวกุส่งกันแบบนี้เนี๊ย!!!??

    ฮยอกแจหงุดหงิด ทั้งๆที่ในใจไม่อยากกลับบ้านเอาเสียเลยแต่ก็ไม่รู้จะไปไหนเมื่อโดนเพื่อนทิ้งแบบนี้ เขาหันซ้ายแลขวากำลังตัดสินใจว่าจะเดินเอ้อระเหยไปไหนดี สายตาก็ปะเข้ากับใครคนหนึ่งกับร่มคันหนึ่งที่มีสีสันสะดุดตา...

    ...เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินออกมาจากโรงเรียนโซดองโยพร้อมกับร่มสีชมพูสะท้อนแสงในมือ...

    ลี ฮยอกแจชะงักกึก

    หากมองผ่านๆใครต่อใครอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าเด็กคนนั้นเป็นผู้หญิงเนื่องมาจากความสวยบาดตา แต่หากพินิจมองดีๆแล้ว...ฮยอกแจก็เห็นว่าเขาใส่ชุดนักเรียนชายและร่างกายยังสูงโปร่งแม้จะดูเอวบางร่างน้อยก็เถอะ

    ...นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้คยูฮยอนมองข้ามเด็กหนุ่มคนนี้ไปตลอดเวลาที่ผ่านมาหรือเปล่า?

    เด็กหนุ่มใต้ร่มสีชมพูสะท้อนแสงตั้งท่าจะเดินไปทิศทางตรงข้ามกับที่ฮยอกแจยืนอยู่ ด้วยความต้องการจะช่วยเหลือคยูฮยอน(ที่บัดนี้ทิ้งเขาไปกับกิ๊กใหม่เรียบร้อยแล้ว)โดยคิดว่าลองเข้าไปถามอีกฝ่ายก่อน หากใช่ก็ค่อยส่งต่อให้ไอ้คนก่อเรื่องมาคุยเองก็ไม่เสียหาย ฮยอกแจจึงพุ่งปราดตรงไปหาเด็กหนุ่มคนนั้นทันที

    ขอโทษนะครับ” เด็กหนุ่มหน้าเหมือนไก่ตะโกนไล่หลังพลางวิ่งจะให้ทันอีกฝ่าย “คนที่ถือร่มสีชมพูตรงนั้นน่ะ! ขอโทษนะครับคุณ...

    คิม ฮีชอลหยุดเดินเมื่อตระหนักว่าใครบางคนกำลังเรียกเขา ก่อนจะหันกายมาช้าๆด้วยท่วงท่าราวกับนางพญา

    แกเป็นใคร?” น้ำเสียงที่เปล่งออกมา แม้จะฟังดูประหลาดใจอยู่บ้างแต่แววเหยียดหยามดูจะมีมากกว่า “และต้องการอะไรจากฉัน?”

    ฮยอกแจหยุดกึกอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่มคนนั้นเมื่อวิ่งมาถึง ริมฝีปากที่มีถ้อยคำมากมายพร้อมจะพรั่งพรูออกมาบัดนี้เผยอค้าง จู่ๆเขาก็เกิดลืมบทขึ้นมาเสียเฉยๆ...

    คิ้วเรียวเลิกขึ้นสูง ดวงหน้าสวยคมเชิดขึ้นอย่างหยิ่งยโสเมื่อไอ้เด็กหน้าเหมือนไก่ที่ตะโกนโหวกเหวกเรียกเขาแต่ไกลไม่มีทีท่าว่าจะขยับปากพูดสักที “ว่ายังไงล่ะ?” ฮีชอลเร่งด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “ขอให้รู้ไว้ซะด้วยว่าฉันไม่มีเวลาคุยกับแกทั้งวันนะ มีอะไรก็ว่ามา!

    แต่นั่นก็ยังไม่สามารถเรียกสติที่หลุดลอยไปแล้วของฮยอกแจให้คืนกลับมาได้...

    ...สวยชิบหายวายวอดขนาดนี้...

    ...กุไม่ส่งต่อให้ใครหน้าไหนทั้งนั้นแหละโว้ย!!!


    ////////////////////////////////////


    เกิงครับ หลบหน้าผมทำไม?”

    น้ำเสียงอ้อนของซีวอนเหมือนอ้อนขอตีนดังขึ้นข้างกายเขาทันทีที่ฮันกยองก้าวออกมาจากโรงเรียนพร้อมลีทึก เด็กหนุ่มชาวจีนถือร่มสีน้ำตาลที่...ไม่ใช่ของเขาเสียทีเดียว เพราะเขาไปขโมยมันมาจากลิ้นชักของพ่อ ให้ตายเหอะก็เขาทนเผชิญหน้ากับซีวอนไม่ได้นี่นา!!!

    เมื่อฮันกยองไม่ตอบคำถาม ซีวอนก็รบเร้า “เกิงเป็นอะไรมีอะไรก็พูดกันตรงๆได้ไหม?” ยึดต้นแขนคนจีนไม่ให้เดินหนีพร้อมกับทำเสียงอ่อยอย่างจะให้ดูน่าสงสาร ฮันกยองได้แต่กลืนน้ำลาย

    ซีวอน...ฉะ...ฉานขอโทษ...” ก้มหน้าหลบตาแม้แต่ตอนเอ่ยคำ

    ทำไม?” ซีวอนไม่เข้าใจ

    ฉะ...ฉานขอโทษ แต่วานนี้ขอตัวด้ายม้าย?” ปฏิเสธเสียงอ่อน ซีวอนก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

    ทำไมล่ะผมทำอะไรผิดงั้นเหรอ?” เริ่มร้อนรน ฟังคำพูดปฏิเสธของฮันกยองแล้วหัวใจจะสลาย คนจีนอึกอัก...ซีวอนไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก...ใช่ เขาเองต่างหากที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นบ้าอะไร มันสับสนอยู่ในอก อยากจะบ้าตายที่ตอบคำถามไม่ได้...

    ...ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นกับเขากันแน่...

    ลีทึกเห็นท่าว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้เรื่องอาจจะไปกันใหญ่จึง(แสลน)เข้ามาช่วย

    วันนี้ฮันรู้สึกไม่ค่อยดีน่ะซีวอน ปล่อยมันไปสักวันเหอะนะ อีกอย่างมันต้องไปส่งฉันที่บ้านด้วย...” ยึดแขนฮันกยองแล้วพยายามดึงเข้าหาตัวเอง ไม่ยอมชายตามองคังอินที่ยืนทำตาปริบๆอยู่ไม่ไกลสักนิดขณะพูด “ไปนะ” ว่าแล้วก็ลากฮันกยองออกไปจากตรงนั้นท่ามกลางสายฝนพรำ

    ซีวอนได้แต่ทำตาปริบๆ

    นี่เมิงไม่คิดจะช่วยกันเลยใช่ไหมเนี่ย!!??” ลงกับใครไม่ได้ก็ลงกับคังอินอีกแล้ว พ่อหมีเองก็พูดไม่ออก

    ก็เขาโกรธกุนี่” พูดเสียงอ่อย ก่อนจะสวนกลับ “แล้วถ้ากุแก้ปัญหาของกุไม่ได้ เมิงจะแก้ปัญหาของเมิงไม่ได้หรือไง!เรื่องของกุไม่ใช่ปัญหาเลยนะเว้ยถ้าเมิงฉลาดกว่านี้สักหน่อย!” นั่น ได้ทีมันด่าว่ากุโง่อีก ซีวอนหงุดหงิด

    เพราะไอ้ร่มคันใหม่นั่นแท้ๆ!” รำไม่ดีโทษปี่โทษกลองอีกจนได้ “แล้วเมิงจะเอาไง?” หันมาถามความเห็นเพื่อนรักที่ไหนๆก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว

    รอพรุ่งนี้” คังอินว่า น้ำเสียงเด็ดขาด “วันนี้กุจะถือว่ากุปล่อยเขาไปก่อน ให้เขาลองไปคิดทบทวนดูอีกที เมิงก็ด้วยไอ้วอน เมิงควรจะให้เวลาเขาบ้าง พรุ่งนี้ละเมิง...คอยดูเถอะ...” คังอินเว้นช่วง และซีวอนก็รู้สึกได้เลยว่าเพื่อนร่างหมีของเขาคนนี้กำลังเอาจริงขึ้นมาแล้ว

    “...กุจะทำให้เรื่องทุกอย่างมันรู้ดำรู้แดงกันไปเลย...!


    ////////////////////////////////////


    ไอ้คิบอม!

    เสียงคุ้นหูเอ่ยทักเขาด้วยความมีไมตรีจิตอย่างสุดซึ้ง คิม คิบอมที่นั่งเล่นเกมอยู่คนเดียวในยามเย็นเปลี่ยวๆหันมาเลิกคิ้วให้ลี ทงเฮที่เพิ่งมาถึง

    “Good evening” เด็กหนุ่มเอ่ยทักห้วนๆแล้วหันไปเล่นเกมต่อตามสไตล์

    ไม่ต้องมากูดอีเวนน่งกูดอีเว่นนิ่ง!” ทงเฮยั๊วะ เขวี้ยงกระเป๋านักเรียนใส่คิบอมที่นั่งอยู่เต็มแรง คนหน้ากลมเลิกคิ้วสูง “ฉันมาทวงคำอธิบายเรื่องเมื่อวาน!

    ประกาศกร้าวอย่างไม่เกรงกลัวเอาเสียเลย คิบอมทำเสียงหึในลำคอ “คำอธิบาย what?” ถามแล้วก็เล่นเกมต่ออย่างไม่รู้ไม่ชี้

    ไม่ต้องมาทำไขสือ! นายก็รู้ว่าฉันพูดเรื่องอะไร!” แทบจะกรีดเสียง

    “Don’t โวยวายได้ไหม? Shy คนอื่นเขาน่า” คิบอมปราม “Sit down ก่อนสิ

    อะไรนะ!?” ได้ยินชัดเต็มสองหู แต่ท่าทางนิ่งๆของมันทำเอาปลาน้อยอยากจะแว้ด “นี่นายฟังที่ฉันพูด...!?”

    “I told you to sit down ก่อนไง” คนร่างสูงย้ำเสียงเข้ม “I listened to you อยู่หรอกน่า” ทงเฮทำเสียงจิ๊จ๊ะไม่พอใจ แต่ก็ยอมนั่งลงบนเบาะนั่งข้างๆแต่โดยดี

    แล้วก็อย่าให้ฉันรอนาน!” ปลาน้อยส่งเสียงขู่

    เรามา play game กันซักตาเป็นไง?”

    คำถามของคิบอมเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาว ทงเฮอ้าปากค้างตั้งท่าจะด่า แต่พ่อเด็กนอกชิงอธิบายต่อเสียก่อนว่า “...ถ้านาย win ฉันจะ explain เรื่องเมื่อวานให้ฟัง

    คราวนี้ทงเฮอ้าปากค้างจริงๆ เอะอะก็เอาการเดิมพันมาอ้างใช่ไหมเนี่ย?

    ...ถ้าเขาชนะงั้นเหรอ?...

    เช็ดแม่! แล้วชาตินี้จะได้รู้เรื่องกันไหมวะ!!?

    แล้วถ้านายชนะล่ะ?” ถามต่ออย่างกล้าๆกลัวๆ ไม่อยากจะคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะเอาอะไรเป็นเบี้ยพนัน หากมันถึงขั้นนี้แล้วละก็...

    ถ้า I win, ฉันจะได้ reward เป็น your lips อีกที” คิบอมพูดออกมาโดยแทบไม่ต้องคิด แม้ทงเฮจะงงบ้างอะไรบ้างกับคำบางคำ แต่โดยรวมแล้วเขาว่าเขาเข้าใจว่าคิบอมต้องการอะไร...

    ...และนั่นก็ทำให้พ่อปลาน้อยกลืนน้ำลายดังเอื๊อก

    ว่ายังไง? Deal หรือเปล่า?” คิบอมเซ้าซี้ เลิกคิ้วสูงอย่างวางท่า มือหนาถกแขนเสื้อนักเรียนทั้งสองข้างขึ้นจนถึงศอก เตรียมพร้อมเต็มที่สำหรับการดวลครั้งต่อไป


    //////////////////////////////////////


    ว่ายังไงล่ะ?” คิม ฮีชอลกำลังถือร่มสีชมพูด้วยท่วงท่าราวกับนางพญาอยู่หน้าโรงเรียนโซดองโย สายตาจิกกัดที่ราวกับจะเหยียดหยามทุกคนในโลกมองเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า “มีอะไรก็รีบๆว่ามาจะได้ไหมว๊ะ!?”

    เอ่อ...คือ...” ฮยอกแจอึกอัก ยังเรียกสติสตังของตัวเองกลับมาได้ไม่ดีนัก “คือว่า...

    อะไรของแก!?” ฮีชอลแว้ด “ถ้าไม่พูดอะไรฉันจะไปละ” ว่าแล้วก็หันหลังกลับตั้งท่าจะเดินไป

    เดี๋ยวก่อน! คุณชื่ออะไรครับ!?”

    ถามโพล่งออกมาโดยไม่ทันคิด เด็กหนุ่มหน้าสวยหันกลับมา จ้องมองฮยอกแจด้วยสายตาดูถูกกว่าเดิม

    แกมีสิทธิ์อะไรมาถามชื่อฉัน!?” น้ำเสียงนั่นช่างฟังดูเย็นชาเสียเหลือเกิน

    เอ่อคือ...เมื่ออาทิตย์ที่แล้วคุณทำแหวนหายหรือเปล่า?” เปลี่ยนคำถามเมื่อนึกถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงขึ้นมาได้ และยิ่งรู้สึกมั่นใจขึ้นไปอีกเพราะรู้ทันทีว่านั่นจะเป็นข้ออ้างที่ดีที่สุดในการทำความรู้จักคนตรงหน้า

    และก็จริงเสียด้วย

    เมื่อได้ยินคำว่า ‘แหวน’ ฮีชอลก็หูผึ่งทันที

    อะไรนะ!?” เขาหันกลับมา “นายเก็บมันได้งั้นเหรอมันอยู่ที่ไหน?”

    ...ใช่แน่ๆ...ฮยอกแจคิดในใจ

    เมื่ออาทิตย์ที่แล้วคุณพาเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ล้มอยู่กลางถนนไปส่งบ้านใช่ไหม?” ราวกับเขาเป็นคยูฮยอนเสียเอง ตอนนี้หัวใจของฮยอกแจเต้นตุ้มต่อม ลุ้นตัวโก่งราวกับเพิ่งพบนางในฝันที่เฝ้าฝันหามานาน

    ใช่...” ฮีชอลตอบช้าๆ หรี่ตามองฮยอกแจอย่างพินิจพิจารณา ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้อีกฝ่ายเหมือนโดนต่อยจนหน้าหงายลงไปกับพื้น “...แต่เด็กคนนั้นไม่ใช่แกนี่ เขาหน้าตาดีกว่าแกตั้งเยอะนี่นา!


    /////////////////////////////////


    วันนี้ฉันอยากเสวยข้าวหน้าแกงกะหรี่

    ประโยคนั้นไม่ใช่ประโยคคำถาม และคยูฮยอนก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้ถามความเห็นของเขา รถเวสป้าสีชมพูขับฝ่าสายฝนไปอย่างช้าๆแต่มั่นคง หมาป่าน้อยที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลังเป็นคนถือร่มบังฝนให้พวกเขาทั้งสอง

    แล้วแต่คุณเลยครับ เจ้าหญิง” คยูฮยอนตอบเอาใจ

    ซองมินพาคยูฮยอนไปยังร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นร้านหนึ่งที่หมาป่าน้อยไม่เคยมา พวกเขาสั่งอาหารและนั่งรอ

    ปกตินายกินข้าวเย็นแบบนี้เสมอเหรอ?” คยูฮยอนเอ่ยถาม

    แล้วแต่วัน” ซองมินยักไหล่ตอบ “ทำไมนายไม่โปรดการมานั่งเสวยพระกระยาหารกับฉันหรือ?”

    ไม่ใช่สักหน่อย” หมาป่าน้อยรีบแย้ง ชักชินกับภาษาประหลาดๆจนโต้ตอบได้คล่องขึ้น...ถ้าเขาไม่เจอศัพท์พิสดารกว่านี้น่ะนะ

    เดทของพวกเขาเป็นไปอย่างเชื่องช้า บทสนทนาต่างๆพรั่งพรูออกมาจากคนทั้งคู่ ความเบิกบานสนุกสนานตรงนี้มีมากเกินกว่าที่ความมืดมนอันเย็นเฉียบของสายฝนภายนอกจะแทรกเข้ามาได้ คยูฮยอนสังเกตเห็นแหวนบนนิ้วนางข้างซ้ายของซองมินแล้วอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้

    นายไม่ได้ถอดมันออกเลยหรือ?” พยักพเยิดไปที่แหวนวงนั้น ซองมินมองตาม

    ฉันจะทรงถอดมันออกเพราะเหตุใดนายเป็นคนซื้อให้ฉัน และตอนนี้เราก็ทรงหมั้นกันแล้ว

    คยูฮยอนไม่ได้ว่าอะไรต่อแม้เขาจะเข้าใจประโยคนั้นค่อนข้างดี เขาคิดว่าซองมินคงหมายความว่าเรากำลัง ‘กิ๊ก’ กันตามประสาการใช้ภาษา ‘ไพเราะระรื่นหู’ ของอีกฝ่าย แต่นั่นคือสิ่งที่คยูฮยอนยังไม่รู้...

    หลังจากทานอาหารเสร็จฟ้าก็เกือบมืดแล้ว พวกเขาเดินออกจากร้านอาหารและคยูฮยอนก็เพิ่งรู้ตัวว่ากลับเย็นย่ำเอาป่านนี้แม่ต้องเป็นห่วงแน่

    ซองมิน ฉันคงต้องแยกกลับบ้านตรงนี้...” ตั้งใจจะหันไปบอกกระต่ายน้อยที่เดินอยู่ข้างๆ แต่ทันทีที่ไม่ได้มองทาง เท้าของเขาก็พลาดลื่นไถลไปบนพื้นกระเบื้องเปียกแฉะโดยสอยซองมินไปด้วยกัน

    เฮ้ยยยย!!!

    โอ๊ยยยย!!!

    เสียงคนสองคนร้องเสียงหลงก่อนจะลงไปกลิ้งบนพื้น ร่มที่ต่างคนต่างถือหลุดมือกระเด็นไปหลายหลา แม้จะไม่ทันได้วางแผนว่าจะต้องล้มท่าไหนในสถานการณ์แบบนี้ (แน่สิยะ) แต่ก็น่าแปลกนักที่พอคยูฮยอนได้สติอีกทีหลังจากหลับตาปี๋รับความเจ็บจากแรงกระแทกเพราะก้นจ้ำเบ้าแล้ว เขาก็พบว่ากระต่ายน้อยซองมินนอนกระพริบตาปริบๆอยู่บนร่างเขาพอดิบพอดี

    อย่าถามว่าพวกเขาทั้งสองมาลงเอยที่ท่านี้ได้อย่างไร เจ้าหมาป่าเองก็ตอบไม่ได้ ศีรษะและแผ่นหลังของเขารู้สึกได้ถึงความชื้นแฉะที่ค่อยๆแทรกซึมเข้ามาในผิวเนื้อ ในใจคิดว่าคงได้เป็นไข้กันแน่แล้วคราวนี้ แต่ร่างกายของเขากลับดันไม่อาจขยับเขยื้อนไปไหนได้...

    ...ส่วนหนึ่งก็เพราะว่ามีคนน้ำหนักไม่ใช่น้อยอย่างซองมินทับเขาอยู่นั่นแหละนะ...

    ...แต่เท่าที่ผ่านมาเกือบหนึ่งนาที ซองมินก็ยังไม่มีทีท่าว่าสติจะกลับมาแต่อย่างใด

    นาย...เป็นอะไรหรือเปล่า?” คยูฮยอนเสียอีกที่เป็นคนเอ่ยคำถามนี้ ดวงตาคมกวาดมองไปทั่วใบหน้ากลมที่ตอนนี้ผมเผ้าเปียกลู่จนแนบเนื้อ

    มะ...ไม่เป็นไร...” กระต่ายน้อยพูดด้วยน้ำเสียงงงๆ ก่อนจะสำเหนียกได้ว่าตัวเองควรจะเป็นฝ่ายห่วงคยูฮยอนมากกว่า “...อะ...เอ้อ...ขอพระราชทานอภัยโทษที นายควรจะต้องเป็นฝ่ายประชวรสินะ แล้วคงรู้สึกหนักด้วยที่ฉันบรรทมทับไว้เช่นนี้...” ซองมินผลุนผลันจะลุกออกไปจากตรงนั้น แต่ทันทีที่เขายันตัวขึ้น เจ้าหมาป่าก็คว้าหมับเอาที่ต้นแขนอวบ ยึดไว้ไม่ให้อีกฝ่ายลุกไปไหน...

    ...จะเป็นหวัดตายยังไงก็ยอมวะคราวนี้!

    ซองมินกระพริบตาปริบๆ “เพราะเหตุใด...?”

    ถามไปไม่ทันจบประโยค กระต่ายน้อยก็ต้องเบิกตาโพลงเมื่อเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

    มือของคนร่างสูงดึงร่างเขาให้โน้มตัวลงไป เช่นเดียวกับที่อีกฝ่ายเองก็ดันตัวขึ้นมาหา...

    ...แล้วริมฝีปากของคยูฮยอนและซองมินก็สัมผัสกัน ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงบนตัวทั้งสองอย่างไม่ปราณี


    //////////////////////////////////


    การเดิมพันด้วย Resident Evil ผ่านไปไวเหมือนโกหก แล้วไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่านัดนี้ใครจะชนะ...

    ปกติแล้วคิม คิบอมมืออ่อนขนาดแพ้ลี ทงเฮง่ายๆเสียเมื่อไหร่แล้วในนัดชิงชนะเลิศแบบนี้มีหรือที่เขาจะยอมออมมือให้พ่อปลาน้อยตัวเล็กให้รบร้อยครั้ง คิบอมก็ชนะร้อยครั้ง ส่วนทงเฮนั้นก็ยังคงเป็นฝ่ายแพ้เขาครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่ร่ำไป...

    ทันทีที่รู้ว่าตัวเองแพ้การดวลครั้งนี้ ทงเฮก็กลืนน้ำลายเอื๊อก

    ถามว่าเตรียมใจไว้ไหมก็เตรียมใจไว้แล้ว เขาก็พอรู้อยู่ว่าไม่ว่ายังไงฝีมือการเล่นเกมของตัวเองก็ไม่มีทางสู้ไอ้เด็กนอกคิบอมได้ แต่รู้ทั้งรู้ทำไมเขาถึงยอมแข่งกับมันน่ะหรืออันนี้ทงเฮก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน...

    “You lost” คิบอมวางกระบอกปืนที่ใช้เล่นเกมลง หันมาบอกทงเฮเสียงเรียบ ปลาน้อยตีหน้านิ่ง...รู้อยู่แล้วไม่ต้องมาย้ำหรอกน่า! “Prepare หรือยัง?” ประโยคหลังถามกวนๆ

    อะไรนะ?” ทงเฮถามเสียงแหบ เขาไม่เข้าใจภาษาอังกฤษนั่น

    พร้อมหรือยัง?” คิบอมย่างสามขุมเข้ามา คนตัวเล็กสะดุ้งเฮือก ถอยกรูดโดยอัตโนมัติ

    ตรงนี้เลยเหรอ?” สีหน้าตกใจ

    ตรงไหนก็ the same” เด็กหนุ่มผิวเข้มยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ เขาเข้ามาประชิดตัวทงเฮที่ตอนนี้แผ่นหลังติดผนังหนีไปไหนไม่ได้แล้ว ปลาน้อยเบิกตาโพลง แต่แม้จะตื่นกลัวเพียงใดเขาก็พยายามสุดชีวิตน้อยๆที่จะไม่แสดงมันออกมาให้อีกฝ่ายเห็น “Close your eyes สิ” คิบอมกระซิบ

    หา?”

    หลับตา...” เสียเวลาลังเลไม่ถึงวินาที ทงเฮก็ตระหนักได้ว่าเขาควรจะทำตามที่คิบอมบอกดีกว่า ดวงตาคู่สวยหลับปี๋ และความมืดรอบตัวนั้นก็ทำให้เขาปอดแหกขึ้นมาเสียเฉยๆ

    ...ทงเฮมองอะไรไม่เห็น และนั่นทำให้เขาไม่รู้ว่าคิบอมอยู่ตรงไหนหรืออะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเอง...

    อย่าบ้าไปนักเลยน่าทงเฮ! มันก็แค่จูบเท่านั้นเอง แค่ปากประกบปากกับคนอื่นทำเหมือนไม่เคยไปได้! แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม...ครั้งนี้...

    ...หัวใจเจ้ากรรมของเขามันจะต้องเต้นแรงขนาดนี้ด้วย!?

    ในท่ามกลางความมืดมิดและเงียบงันนั้น ทงเฮแทบสะดุ้งเมื่ออะไรบางอย่างอุ่นและชื้นประกบเข้ากับริมฝีปากของเขาโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า ดวงตาของปลาน้อยยังปิดสนิท เขาพยายามต่อสู้กับเสียงหัวใจตัวเองและสั่งให้มันเต้นช้าลงได้แล้ว แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล ลมหายใจของเขาหอบถี่ สติกระเจิดกระเจิง รู้สึกเหมือนสมองตัวเองว่างเปล่าและขาวโพลน...

    ริมฝีปากของคิบอมขยับอย่างละมุนละไม ทงเฮกลั้นใจ บังคับให้ตัวเองไม่ตอบสนองอะไรอยู่ได้เพียงครู่หนึ่ง ก่อนจะปล่อยให้ร่างกายควบคุมไม่ได้อีกต่อไป...

    ...เขาเผยอริมฝีปากอ่อนนุ่มของตัวเองขึ้น ยอมให้ลิ้นร้อนของคิบอมรุกล้ำเข้ามาในช่องปากตัวเองแต่โดยดี

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×