ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Umbrella [END]

    ลำดับตอนที่ #6 : Umbrella '6': ร่มคันที่ 6

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.ค. 63


    ไม่เห็นมีใครใช้ร่มสีชมพูสักคน ไอ้คยู” 

    ทงเฮที่ยืนกางร่มตากฝนอยู่หน้าโรงเรียนจูมงเอ่ยกับเพื่อนอีกสองคนที่ต่างก็กำลังสอดส่ายสายตามองหาบุคคลปริศนาผู้ครอบครองร่มสีชมพู

    กุว่าวันนี้พอแค่นี้เหอะ ยืนกลางฝนแบบนี้มากๆเดี๋ยวไอเย็นจะทำเมิงไม่สบายเอานะ” ฮยอกแจเป็นห่วงเพื่อน

    กุอยากไปเล่นเกมแล้วด้วย” ทงเฮสอดขึ้นมา

    โอยยยกุไม่ไปนะ...” ไอ้ไก่โอดโอย

    กุคงไปไม่ได้เหมือนกัน เดี๋ยวแม่เป็นห่วง” คยูฮยอนว่า

    ยังไงก็ช่าง แต่เมิงควรเลิกยืนรอชายหนุ่มปริศนาของเมิงได้แล้วตอนนี้เดี๋ยวหวัดจะแดก” ทงเฮว่าคยูฮยอน

    อืมใช่ วันนี้เขาอาจไม่มาเรียน หรือไม่ก็ไม่ได้ใช้ร่มสีนั้น” ฮยอกแจว่า

    หรือไม่เขาก็อยู่โรงเรียนโซดองโย” ทงเฮสำทับ

    อืม...งั้นพรุ่งนี้กุจะลองไปดักหน้าโรงเรียนโซดองโย” คยูฮยอนตัดสินใจ

    งั้นก็แปลว่าวันนี้พอแค่นี้โอเค ไอ้ฮยอก ไปเกมเซ็นเตอร์กัน!” ปลาน้อยหันไปทำตาปริบๆใส่เพื่อนรักทันที

    ไม่ว้อยยยยย!!!!

     

    ////////////////////////////////////////

     

    เกิงอยากกินอะไรครับ?”

    มันแน่นอนอยู่แล้วที่สุภาพบุรุษอย่างชเว ซีวอนจะต้องเอ่ยถามสุภาพสตรี(?)อย่างมีมารยาทว่าอีกฝ่ายสนใจเมนูอะไรเป็นพิเศษก่อนที่จะเสนอความคิดเห็นของตนเอง ฮันกยองกวาดตาอ่านรายการอาหารด้วยท่าทีประหม่านิดๆ...ก็ไอ้ที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาคือชเว ซีวอน...เด็กหนุ่มสุดหล่อพ่อรวย ดาวเด่นที่ใครหลายๆคนหมายปองแห่งโรงเรียนโซดองโยเชียวนะ!!!

    ...แล้วทำไมอยู่ดีๆเขาต้องมากินข้าวเย็นกับมันล่ะเนี่ย!หานเกิงจะเป็นลม!

    เอ่อ...ฉานอยากกินหมูแดงกาบเป็ดปากกิ่ง” ฮันกยองตอบด้วยสำเนียงเหน่อๆ

    สองอย่างเหรอครับกินกันสองคนงั้นสั่งผักอีกสักอย่างแล้วกัน ผักอะไรดีครับเกิงช่วยแนะนำหน่อย” ซีวอนถาม

    ผากเหรอ?...เอ...เอาผาดผากรวมเพื่อนก็ด้ายม้าง” บอกไปก็กวาดตาดูเมนูไป ซีวอนเลิกคิ้วอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก

    ผัดผัก...อะไรนะครับ?” เข้าใจว่าฮันกยองอาจจะออกเสียงเป็นภาษาจีนเพราะในเมนูก็มีภาษาจีนกำกับไว้อยู่เช่นกัน...ถึงเขาจะเคยโดนพ่อบังคับให้เรียนภาษาจีนมาบ้างก็เถอะนะ แต่คำนี้ซีวอนไม่เข้าใจอย่างแรงครับอย่างแรง

    ผาดผาก...รวมเพื่อนน่ะ” ฮันกยองรู้สึกเสียงเซลฟ์เล็กน้อย แต่ก็ยังพยายามอธิบาย “...ที่เอาเพื่อนๆผากหลายๆคนมาผาดรวมกานอ่า...” ทำท่าผัดประกอบไปด้วย

    เกิงหมายถึงผัดผักรวมมิตร!!!??” ซีวอนชักเห็นทางสว่าง “ใช่ไหมครับ?”

    อือ...ก็รวมเพื่อนอ่า...ไม่ถูกเหรอ?” เอียงคอน้อยๆแต่พองามแสดงให้อีกฝ่ายเห็นว่ามิค่อยเข้าใจ

    เขาเรียกว่าผัดผักรวม ‘มิตร’ ครับเกิง...ไม่ใช่ ‘เพื่อน’ นะ” อธิบายไปซีวอนก็กลั้นยิ้มไป...ไม่ใช่จะหัวเราะเพราะเยาะเย้ยภาษาเกาหลีที่ยังต้องพัฒนาอีกมากของฮันกยองหรอกนะ เพียงแต่ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า...

    ...คนที่เขาแอบเฝ้ามองมานานคนนี้จะน่ารักได้ขนาดนี้...

    อ่าว...แล้ว ‘มิตร’ ม่ายด้ายแปลว่า ‘เพื่อน’ เหรอ?” ฮันกยองยังไม่หายข้องใจ เอียงคอถามซีวอนอย่างสงสัย ก็เท่าที่เขาจำได้ ลีทึกก็เคยบอกว่า ‘มิตร’ กับ ‘เพื่อน’ มีความหมายเดียวกันนี่นา...

    ใช่ครับ แต่ ‘ผัดผักรวมมิตร’ นี่เป็นชื่อเฉพาะนะ...หมายถึงเมนูที่เอาผักหลายๆอย่างมาผัดรวมกัน...เพื่อนๆผัก’ อย่างที่เกิงว่านั่นแหละ เพียงแต่ว่าเขาใช้คำว่า ‘มิตร’ นะ” ไม่รู้ว่าดินเนอร์มื้อนี้กลายเป็นคอร์สเรียนภาษาเกาหลีไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ซีวอนก็ไม่ขัดข้องอะไร...ในเมื่อมันเป็นคอร์สตัวต่อตัวระหว่างเขากับฮันกยองแบบนี้...

    ...ออกจะอยากให้มีบ่อยๆเลยให้คนหล่อดิ้นตายเถอะ...

    ฮันกยองพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจในที่สุด หลังจากนั้นซีวอนก็จัดการสั่งอาหารและเครื่องดื่มให้เสร็จสรรพ

    ...อาหารมื้อนั้นดูจะผ่านไปเชื่องช้าเหลือเกินสำหรับฮันกยอง...ถึงมันจะอร่อยเพราะเป็นอาหารจีนแบบที่เขาไม่ได้กินมานานและไม่สามารถทำกินเองได้ที่บ้านเพราะสติปัญญาไม่ถึง แต่การอยู่ต่อหน้าซีวอนทำให้เด็กหนุ่มชาวจีนรู้สึกเกร็งอย่างไรบอกไม่ถูก รู้ตัวดีว่ากำลังทำตัวไม่เป็นธรรมชาติ แต่ก็ไม่รู้หนทางที่จะแก้ไขมันเช่นกัน...

    เคร้ง!

    ทั้งๆที่จับตะเกียบมาตลอดชีวิต วันนี้เป็นครั้งแรกที่ฮันกยองทำมันหลุดมือ ข้างหนึ่งตกพื้น ส่วนอีกข้างตกลงบนตักเขาพร้อมด้วยรอยเปื้อนน้ำจิ้มเป็ดปักกิ่งเป็นทางยาวบนเสื้อนักเรียนสีขาวสะอาด ฮันกยองทำหน้าเบ้ในทันใด

    เสื้อเปื้อนเหรอเกิง?”

    เสียงคนที่นั่งตรงข้ามเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง และนั่นคือสิ่งที่ฮันกยองกลัวที่สุด

    มะ...ม่ายเยอะหรอก” ตอบปฏิเสธ มองหากระดาษทิชชู่บนโต๊ะแต่ไม่มี

    ผมมีทิชชู่” ซีวอนเดาใจอีกคนได้ไม่ยาก ฮันกยองเอ่ยปากจะบอกว่า ‘ขอหน่อย’ แต่ซีวอนจัดการเดินอ้อมโต๊ะมาด้วยตนเองโดยไม่สนใจท่าทีประหม่าขั้นรุนแรงของอีกคน

    นี่เหรอที่บอกว่าไม่เยอะ...?” ซีวอนพึมพำขมุบขมิบขณะย่อตัวก้มลงใช้กระดาษทิชชู่เช็ดรอยเปื้อนบนเสื้อให้ฮันกยอง น้ำเปล่าสำหรับดื่มถูกซีวอนนำมาซับใส่ทิชชู่เพื่อช่วยให้เช็ดคราบง่ายขึ้น “ดีขึ้นแล้วเห็นไหม?” เอ่ยขึ้นอย่างภูมิใจเมื่อใช้ฝีมือกำจัดคราบอาหารออกไปได้จนเกือบจะหมดจด ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นทันควัน ดวงตาลึกล้ำเป็นประกายสบเข้ากับดวงตาของฮันกยองที่ก็มองเพลินอยู่ก่อนแล้ว...ในชั่ววินาทีนั้น ลมหายใจของฮันกยองสะดุดกึกและขาดห้วงไป...

    ...ดวงตาใสรีบหลบจากการจ้องมองของอีกฝ่ายในทันใด...ใบหน้าของซีวอนช่างอยู่ใกล้...ใกล้แบบที่เขาไม่เคยใกล้กับใครขนาดนี้มาก่อน...และตลอดเวลาที่ผ่านมาทั้งชีวิตฮันกยองก็เพิ่งรับรู้ ณ บัดนี้ว่าอาการที่คนอื่นเรียกว่า ‘หัวใจเต้นแรงจนแทบจะกระดอนออกมานอกอก’ มันเป็นอย่างไร...

    ...เหมือนซีวอนจะจงใจอ้อยอิ่งอยู่ในอิริยาบทนี้นานๆทั้งๆที่ฮันกยองกลับสวดนะโมสามจบหวังจะไล่อีกฝ่ายให้ไปที่ชอบๆเสียที...ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่ฮันกยองกลับรู้สึกได้ว่าดวงตาเป็นประกายสนุกสนานของซีวอนกำลังจับจ้องใบหน้าของเขาอยู่ราวกับจะสำรวจทุกรายละเอียดในทุกซอกทุกมุม...

    ซีวอนขยับกายนิดหนึ่ง ในชั่วความคิดแรกฮันกยองโล่งใจเพราะคิดว่าอีกฝ่ายกำลังจะผละไป...ซีวอนก็กำลังจะทำอย่างนั้นจริงๆนั่นแหละ เพียงแต่ว่า...

    ...สันจมูกคม...กลับเฉี่ยวเข้ามาที่แก้มนิ่มของฮันกยอง ทิ้งค้างในท่านั้นเป็นช่วงเวลาหนึ่งวินาทีเต็ม ก่อนที่เจ้าตัวจะผละออกไป...

    เดี๋ยวผมไปขอตะเกียบใหม่ให้นะครับ

    น้ำเสียงร่าเริงนั่นดังมาจากปากไอ้คนหล่อที่ทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยหารู้ไม่...หรือจริงๆแล้วมันอาจจะรู้...ว่าทำให้หัวใจของคนที่เพิ่งโดนกลั่นแกล้งอย่างจงใจเมื่อครู่เต้นได้แรงขนาดไหน...

    ...และลมหายใจอุ่นๆของซีวอนที่รินรดในช่วงหนึ่งวินาทีที่ราวกับเวลาหยุดนิ่งไปนั้น...ก็ยังตรึงอยู่ที่แก้มเขา...สมจริงและชัดเจนที่สุดในชีวิตกว่าทุกสิ่งที่ฮันกยองเคยสัมผัสมา...

     

    /////////////////////////////////////////

     

    มาแข่งกัน

    มาถึงตอนนี้ ทุกครั้งที่คิบอมได้ยินคำพูดนี้...โดยไม่จำเป็นต้องหันไปมองเด็กหนุ่มก็รู้ว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร...หรืออีกที อาจจะเป็นเพราะเสียงๆนี้มันชินติดหูเขาไปแล้วก็เป็นได้...

    “Which game do u want?"

    เอ่ยถามกลับเป็นภาษาอังกฤษโดยไม่คิดจะหันไปมองหน้าอีกฝ่ายจริงๆ ทงเฮหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ว่างข้างๆคิบอม เตรียมพร้อมเต็มที่

    เกมที่นายกำลังเล่นอยู่ก็ได้...แต่วันนี้...

    ทงเฮพูดทิ้งท้ายไว้ คราวนี้คิบอมจึงต้องหันไปมอง

    “What?"

    ฉันแค่ตั้งข้อแม้ให้ตัวเอง ว่าถ้าวันนี้ฉันชนะนายไม่ได้...ฉันจะยอมแพ้และเลิกดวลกับนายอีกต่อไป...พอใจป่าว?” หันมามองอีกฝ่าย สีหน้าของคิบอมมีแววประหลาดใจ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ตอบอะไรมากไปกว่า...

    “Up to u"

    ...วันนี้ฮยอกแจไม่มาด้วย และทงเฮก็เบื่อที่จะบังคับจิตใจเพื่อนรักอีกต่อไป รู้ตัวดีว่าเขาเองก็หมกมุ่นกับเกมและการต่อสู้แห่งศักดิ์ศรีนี่มากเกินไป ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้าย...หากเขาไม่สามารถเอาชนะไอ้เด็กนอกคิม คิบอมนี่ได้...เขาจะเลิกท้ามันแข่ง เลิกเล่นเกม ทำตัวเป็นเด็กดีของพ่อแม่เอาเงินค่าขนมทั้งหมดที่ปกติใช้เล่นเกมไปทำบุญบ้านเด็กกำพร้า และไอ้เรื่องร่มก็ช่างหัวแม่งมันไป...

    ...แต่นั่นก็ในกรณีที่เขาแพ้คิม คิบอมทุกแมทช์น่ะนะ...

    ...ไม่ว่าความหวังจะดูช่างริบหรี่สักเพียงไหน...แต่ในเมื่อยังไม่หมดวันก็ถือว่าเขายังไม่แพ้โว๊ยยยย!!!

    วันนี้เหล่าผู้ชมที่มาดูพวกเขาแข่งกันมีจำนวนน้อยกว่าที่เคย อาจจะเป็นเพราะมันน่าเบื่อในเมื่อไม่ว่าอย่างไรก็รู้อยู่แล้วว่าใครจะชนะใครจะแพ้...เวลาล่วงเลยไปจนถึงสามทุ่ม และคนในเกมเซ็นเตอร์ก็ดูบางตาลงไปมาก ถึงจะยังไม่อยากกลับบ้าน แต่เงินค่าขนมของทงเฮกำลังจะหมด ทั้งๆที่เขายอมอดข้าวกลางวันเพื่อที่จะได้แข่งเกมกับคิบอมได้มากที่สุด แต่ครั้งนี้เขาคงต้องยอมเสียที...

    เกมนี้จะเป็นตาสุดท้าย...” ทงเฮพูดขึ้น เขาชูเหรียญเงินเหรียญสุดท้ายที่เขามีให้คิบอมดู ก่อนจะหยอดมันลงตู้เกมที่เขาเลือกไป คิบอมยักไหล่ก่อนจะหยอดเหรียญของตัวเองบ้าง

    ทำให้ best ที่สุดแล้วกัน” เขาเอ่ยอวยพรทงเฮ

    ทงเฮเล่นอย่างดีที่สุดจริงๆ เมื่อคิดซะว่าศักดิ์ศรีของการเป็นนักเล่นเกมมือหนึ่งในละแวกนี้ของเขาทั้งหมดเดิมพันอยู่กับเกมตานี้...ถึงเขาจะเป็นคนกำหนดมันขึ้นมาเองก็เถอะ...ทงเฮก็ใส่ความสามารถทั้งหมดที่เขามีลงไปไม่ยั้ง เกมตานี้จึงดูยาวนานกว่าที่ควรเป็นสำหรับคนทั้งสอง อีกทั้งยังดุเดือดกว่าทุกๆเกมที่ผ่านมา...

    ...แล้วมันก็เกิดขึ้น...

    ...ในโค้งสุดท้ายก่อนจะถึงเส้นชัย ยานอวกาศของทงเฮเฉี่ยวไปกระแทกกับวัตถุบางอย่างที่กลับไม่ทำอันตรายยานของเขา มันกระเด้งต่อไปกระแทกยานอวกาศของคิบอมจนเฉออกนอกทางไป และในวินาทีนั้น ยานของทงเฮก็พุ่งเข้าเส้นชัย...

    ...ทงเฮอ้าปากค้าง...

    หน้าจอตู้เกมส่งเสียงแห่งชัยชนะ และยานของทงเฮก็ขึ้นมาเป็น ‘Winner’ ปลาน้อยยังคงไม่เชื่อสายตาตัวเอง จนหน้าจอปรากฏคะแนนรวมที่ยานอวกาศทั้งสองลำทำได้ และยานของทงเฮก็มีคะแนนนำชนะยานของคิบอมไปเพียงไม่กี่สิบคะแนนเนื่องจากแต้มของการเข้าเส้นชัยเป็นอันดับหนึ่ง...

    ...นี่แปลว่าเขา ‘ชนะ’ ใช่ไหม?...นี่หมายความว่าไอ้คิบอมเล่นเกม ‘แพ้’ เขาใช่ไหม???

    ทงเฮค่อยๆหันมามองคู่ปรับที่ยังคงนั่งอยู่ข้างๆด้วยสเต็ปการหมุนคอราวกับหุ่นยนต์กระป๋อง คิบอมละมือจากแท่นควบคุม มองตอบทงเฮด้วยสายตาประมาณว่า

    ก็กุแพ้...ทำไงได้?’

    เมื่อกี๊ฉันชนะใช่ไหม?” ทงเฮเอ่ยความคิดตัวเองออกมาด้วยเสียงอันดัง จำต้องถามคิบอมเพราะ ณ เวลานี้เขาไม่เชื่อสายตาตัวเองจริงๆ ความอยากเอาชนะของเขามันอาจจะมากเกินจนบดบังความเป็นจริงอันโหดร้ายและทำให้เขาคิดไปเองได้ว่าเขาชนะการดวล ทั้งๆที่ความจริงแล้วมันไม่ใช่...

    นาย win" คิบอมย้ำ เด็กหนุ่มจากอเมริกาลุกขึ้นยืน ยื่นมือมาให้ทงเฮพร้อมจะเชคแฮนด์ด้วย ทงเฮมองมือนั่นอย่างงงๆในตอนแรก แต่แล้วก็นึกได้ว่าคนอเมริกันเขาทำกันยังไง “พรุ่งนี้ไว้ challenge กันใหม่” คิบอมว่าพลางกระชับมือนิ่มของทงเฮขณะเชคแฮนด์

    หะ...หา!พรุ่งนี้!?” ทงเฮที่ยังไม่ได้สติดีกล่าวอย่างงงๆ “อืมใช่ ฉันบอกว่าถ้าฉันแพ้นายทุกแมทช์ฉันก็จะเลิกท้านายแข่งนี่เนอะ แต่นี่ฉันชนะ ก็แปลว่าเรายังต้องแข่งกันต่อวันพรุ่งนี้ ใช่ๆ” พูดเองก็เหมือนจะงงเอง ณ เวลานี้ดูเหมือนทงเฮจะลืมเลือนเรื่องทุกอย่างไปเสียสิ้น การแข่งขันระหว่างเขากับคิบอมเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี และในเมื่อเขาชนะวันนี้ ก็แปลว่าในวันพรุ่งนี้เขาอาจจะเอาชนะได้อีก...

    ...เขาจะต้องกู้ความเป็นมือหนึ่งของเขาคืนมาให้ได้!...

    งั้น...ก็เจอกันพรุ่งนี้...” ทงเฮกล่าวลาคิบอมอย่างล่องลอย เด็กหนุ่มคว้ากระเป๋าสะพายแล้วหมุนตัวจะเดินออกจากเกมเซ็นเตอร์ไปอย่างสติหลุด จนคิบอมต้องร้องเรียก

    ทงเฮ

    หืม?” หันกลับมามองด้วยดวงตาล่องลอย

    นาย forgot umbrella ของนาย” เด็กหนุ่มหน้ากลมส่งร่มสีน้ำเงินลายทางที่ทงเฮวางทิ้งไว้คืนให้ ปลาน้อยรับมันไปถืออย่างไม่สนใจ

    อืมๆขอบใจ” ก่อนจะเดินออกไปจากเกมเซ็นเตอร์จริงๆ

    คิบอมทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้หน้าตู้เกมเดิมที่เขาเล่นกับทงเฮ คะแนนของทั้งสองยังคงขึ้นหราอยู่บนหน้าจอ เด็กหนุ่มจ้องมองมันอย่างนิ่งงันเพียงครู่ก่อนจะลอบยิ้มกับตัวเอง...

    นายล้มมวย

    ชินดงเดินเข้ามาหาคิบอมพร้อมกับประโยคกระแทกใจ คิบอมถามกลับ

    นาย watch อยู่เหรอ?”

    ใช่ ตอนโค้งสุดท้าย นายหลบวัตถุนั่นได้...ฉันเคยเห็นนายทำ...

    แล้วไง?” คิบอมยักไหล่อย่างไม่เห็นเป็นเรื่อง

    ทำไม?” ชินดงเอ่ยถามอย่างข้องใจ

    ฉันมี reason ของฉัน” คิบอมตอบอย่างแน่วแน่ เขาลุกขึ้นยืน คว้ากระเป๋าสะพายพลางหยิบร่มคู่ใจออกมาถือไว้เตรียมพร้อมกับสายฝนที่เขารู้ดีว่ากำลังสาดกระหน่ำอยู่ด้านนอก...ร่มคันเก่าของทงเฮ... 

    และนายก็ไม่ได้คืนร่มหมอนั่นด้วย” ชินดงย้ำอีกรอบ

    “Yes, แล้วไง? Ready ที่จะกลับบ้านกันแล้วหรือยัง?”

     

    /////////////////////////////////////

     

    มันเป็นเช้าวันใหม่ที่ยังคงหมองหม่นด้วยสายฝนเช่นหลายๆวันที่ผ่านมา เรียวอุคมาถึงโรงเรียนแต่เช้าตามนิสัย...แน่นอนอยู่แล้วที่เยซองยังไม่มา...รายนั้นมักจะโผล่มาก่อนเวลาเข้าเรียนเพียงไม่กี่นาที ไม่ก็สายเสมอ เรียวอุคเดินเข้ามาทางหลังห้องเรียน กวาดตามองแถวๆโต๊ะของเยซองไม่พบร่มของเขาวางอยู่ แต่ก็ไม่แปลกใจเท่าใดนักเมื่อเดินไปถึงโต๊ะของตัวเองแล้วเห็นมันถูกวางทิ้งอยู่บนเก้าอี้...

    เรียวอุคถอนหายใจ...

    ...คิดว่าทำแบบนี้แล้วเขาจะล้มเลิกความตั้งใจหรือไงเยซองขอบอกว่าเป็นความคิดที่ผิดมหันต์ ถ้าคิดว่าทำแบบนี้แล้วคิม เรียวอุคคนนี้จะยอมแพ้ ยอมเลิกตื๊อนายแล้วละก็...ขอบอกไว้ต่อหน้าท้องฟ้าและสายฝนตรงนี้เลยว่า...

    ...ไม่มีวัน...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×