ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Umbrella [END]

    ลำดับตอนที่ #5 : Umbrella '5': ร่มคันที่ 5

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.ค. 63


    คิม คิบอม!” 

    เด็กหนุ่มเจ้าของชื่อเลิกคิ้วสูงหันมามองทางต้นเสียง เด็กหนุ่มหน้าหวานที่เรียกชื่อเขาอย่างกระด้างและหาเรื่องบัดนี้ยืนเท้าเอวอยู่ข้างตู้เกมที่คิบอมกำลังเล่นอย่างสบายๆ 

    ...อ้อ...ไอ้เด็กคนเมื่อวานนี่เอง... 

    เหลือบมองด้วยหางตาก่อนจะหันไปสนใจตู้เกมตรงหน้าต่อ

    “What’s up?" ส่งเสียงถามเป็นภาษาอังกฤษอย่างเย็นชา

    ทงเฮเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ใบหน้าที่เปลี่ยนจากหวานเป็นงอง้ำมาตั้งนานแล้วบัดนี้หงิกกว่าเดิม

    มาแข่งกันหน่อยไหม?”

    คิบอมเลิกคิ้วสูงกว่าเดิมอย่างประหลาดใจในคำท้าที่ได้ยิน ก่อนจะหันมามองผู้ท้าชิงเต็มสองตาตี่ๆด้วยแววดูถูกอยู่ในที

    เอางั้นก็ได้...just choose game ที่ you want"

    ภาษาอังกฤษปนเกาหลีไม่ทำให้ทงเฮประหลาดใจอีกต่อไป...ถึงเขาจะแปลมันไม่ออกเลยก็เถอะ ทงเฮเดินอ้อมตู้ของคิบอมไปนั่งลงหน้าตู้เกมข้างๆที่ว่างอยู่อย่างวางท่า หยอดเหรียญลงตู้โดยไม่พูดพล่ามทำเพลงก่อนจะหันมาถามเด็กหนุ่มหน้ากลมเสียงเย็น

    พร้อมหรือยัง?”


    //////////////////////////////////


    แค่สีถลอกกับโครงบุบนิดหน่อย ซ่อมสองวันก็ได้แล้ว

    พนักงานในอู่ซ่อมรถบอกกับลีทึกอย่างมั่นใจ คนหน้าสวยพยักหน้าเบาๆเป็นเชิงรับรู้พลางชายตามองไปยังจักรยานยนต์คันนั้น ก่อนจะเหลือบไปทาง(ไอ้หมีอ้วน)คังอินที่นั่งมองนู่นมองนี่อย่างเพลิดเพลินใจอยู่บนม้านั่งสำหรับลูกค้า...ความจริงเขาไม่มีความรู้เรื่องรถมอเตอร์ไซค์เลยและอันที่จริงมันก็ดูไม่ได้เสียหายอะไรมากนัก แต่ตามคำบัญชาและเพื่อความสบายใจของ(ไอ้หมีอ้วน)คังอิน ลีทึกจึงต้องนำมันมาที่อู่ซ่อมและจัดการจ่ายค่าซ่อมแซมให้...

    ...ทั้งหมดนี่มันเป็นความผิดของเขาเหรอเนี่ย!!?? (เออ)

    ...แต่เอาเถอะ ค่าซ่อมคงไม่เท่าไหร่ จัดการจ่ายๆไปแล้วเรื่องมันจะได้จบสักที...

    ค่าซ่อม 4 หมื่นวอน รบกวนจ่ายตอนนี้เลยนะครับ” พนักงานพูดขึ้นพลางเดินนำไปที่เคาน์เตอร์จ่ายเงิน ลีทึกอ้าปากค้าง

    ...สะ...สี่หมื่นวอน...

    ...ละ...แล้ววันที่เหลือในอาทิตย์นี้คนสวยจะกินอะไรเป็นอาหารกันล่ะ!!?? T^T

    ไหนบอกว่าซ่อมนิดเดียวไงว๊า!!!??

    เงินในกระเป๋าลีทึกเกือบไม่พอจ่ายค่าซ่อม...แต่มันก็แค่ ‘เกือบ’ ละนะ หลังจากจ่ายเงินและรับใบเสร็จมานางฟ้าก็นิ่งเงียบไปในพริบตา เขาเดินกลับมาหาคังอินที่นั่งรออยู่ด้วยท่าทีสบายใจจนน่าหมั่นไส้

    กลับบ้าน!

    ขึ้นเสียงใส่คนเจ็บอย่างกระด้าง คังอินมองตอบกลับมาอย่างลอยหน้าลอยตา

    จ่ายเงินเสร็จแล้วเหรอจ๊ะ?” ถามกวนตีนอีกด้วย ลีทึกกัดฟันกรอด

    เออ!” กระแทกเสียงอย่างหงุดหงิด

    ต้องมาเอามอไซค์วันไหน?” คังอินถามต่อ

    เค้าบอกว่าสองวัน” สายตาของคังอินเงยหน้ามองเพดานขณะนับเลข...วันนี้วันพุธ...บวก 2 วันก็เป็น...วันอะไรน๊า???...

    มาเอาวันศุกร์เว้ย!!!” หลังจากรอมันสักพักลีทึกก็เฉลยให้อย่างจนใจ

    ลีทึกต้องเป็นคนแบกคังอินกลับบ้านอีกตามเคย แต่หลังจากเดินไปๆกลับๆมาสองครั้งระยะทางไปบ้านคังอินก็ดูสั้นขึ้นอย่างน่าประหลาดคงเป็นเพราะมันชักคุ้นตา คราวนี้ลีทึกไม่ได้บ่นเรื่องที่ต้องแบกคนตัวหนักกว่าตนเกือบสองเท่ามาส่งบ้านแต่อย่างใด เมื่อมาถึงหน้าประตูเรียบร้อย คนสวยก็ชิงพูดตัดหน้าคังอินขึ้นมาเมื่อเห็นอีกฝ่ายตั้งท่าจะขยับปาก

    พรุ่งนี้ตอนเช้าเวลาเดิมใช่ไหมฉันรู้แล้วน่า!” น้ำเสียงยังคงกระด้าง คังอินกระพริบตาปริบๆ

    เปล่านี่ ฉันจะบอกว่าขอบคุณต่างหาก” แก้อย่างงงๆ ลีทึกเงยหน้ามองอย่างประหลาดใจในคำขอบคุณนั่นเช่นเดียวกัน

    “...อ้อเหรอ?”

    อืม...ขอบคุณที่มาส่ง” คังอินยิ้มให้อย่างจริงใจ เล่นเอาหัวใจของลีทึกกระตุกไป แต่ยังไม่ทันไร... “ส่วนพรุ่งนี้ก็...เวลาเดิมนะคนสวย

    รอยยิ้มของคังอินกลายเป็นรอยยิ้มปีศาจในพริบตา ลีทึกที่กำลังเริ่มจะคิดว่าหมอนี่มันก็ไม่ได้ใจดำอย่างที่คาดรีบดึงความคิดตัวเองกลับมาอยู่ ณ จุดเดิมทันที

    เออ!!!


    /////////////////////////////////////


    โห่ แพ้อีกแล้ว

    โธ่เอ๊ยไม่สนุกเลย กลับบ้านกันเถอะเธอ

    แต่ฉันอยากดูอีกนี่ เดี๋ยวทงเฮก็ท้าคิบอมแข่งเกมอีกอื่นอีกนะ

    ปล่อยเขาไปเถอะน่า จะเล่นกี่ตาๆยังไงทงเฮก็แพ้อยู่ดีนั่นล่ะ!!!

     

    เสียงโห่ของคนรอบข้างดังกลบความคิดในสมองของทงเฮไปจนหมด...แพ้...เขาแพ้อีกแล้ว...หลังจากท้าคิบอมแข่งเกมต่างๆมากี่เกมก็มากเกินจะนับ ผลการชนะของเขาก็ยังคงเป็นศูนย์...ไข่...โบ๋เบ๋ว่างเปล่าเหมือนกับตอนแรกที่เขาก้าวขาเข้ามาไม่มีผิดเพี้ยน...

    ...นี่เขาจะชนะหมอนั่นสักตาไม่ได้หรือไง?...

    จะ play เกมอื่นอีกไหม?” คิบอมหันมาถามด้วยใบหน้าเรียบเฉย ทงเฮเม้มปาก

    เฮ้ยทงเฮ! กลับบ้านเหอะ ถือว่ากุขอร้อง นี่มันสามทุ่มกว่าแล้ว วันนี้พอแค่นี้เหอะทงเฮ” ฮยอกแจที่เคียงข้างเพื่อนไม่ห่างเริ่มเว้าวอน ทงเฮหันไปมองหน้าคิบอม

    งั้น...วันนี้พอแค่นี้ก็ได้...” ต้องใช้ความพยายามกว่าจะพูดออกมาได้เต็มเสียงและหนักแน่นอย่างที่ตัวเองหวัง ทงเฮลุกขึ้นท่ามกลางเสียงฮือฮาของผู้ชมรอบๆที่ติดตามดูศึกชิงเจ้าแห่งเกมเซ็นเตอร์อย่างใจจดใจจ่อ แต่ครั้งนี้คนอื่นๆพูดว่าอะไร...ทงเฮไม่ได้ฟัง...มือเล็กยื่นออกไปข้างหน้า ขอเชคแฮนด์กับคู่ต่อสู้อย่างผู้มีน้ำใจนักกีฬา คิบอมมองมือนั่นอย่างงงๆในตอนแรก แต่ก็ยื่นมือตัวเองมาจับเขย่าอย่างรับน้ำใจเช่นกัน ทงเฮไม่ได้ยิ้มให้อีกฝ่าย แต่กลับเอ่ยเสียงหนักที่ดังพอจะให้ทุกคนที่ยืนมุงอยู่รอบๆพวกเขาได้ยิน

    “...ไว้พรุ่งนี้เราเจอกัน...


    //////////////////////////////////////


    สายฝนยังคงไม่ปราณีใครเหมือนเคย ขนาดเรียวอุคออกจากบ้านเช้ากว่าปกติเขาก็ยังมาถึงโรงเรียนช้ากว่าที่ตั้งใจไว้เพราะสายฝนกระหน่ำทำให้เดินทางลำบาก แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อเขามาถึงห้องเรียน จำนวนนักเรียนในห้องก็ยังจัดว่าน้อยมากเพราะอีกตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเข้าเรียน...

    ...สายตาของเรียวอุคตวัดไปยังโต๊ะเรียนข้างๆโต๊ะของเยซองเป็นอันดับแรก...

    ...มันว่างเปล่า...

    หัวใจของคนร่างเล็กเต้นรัวเป็นตีกลอง...ร่มสีครามที่เขาวางไว้เมื่อวานมันหายไป...นี่หมายความว่าเยซองหยิบมันไปหรือเปล่าหรือจะเป็นใครคนอื่นกัน?...

    ดวงตาคู่สวยตวัดมองต่อไปยังโต๊ะของเยซอง...มันว่างเปล่าเช่นเดียวกัน มือเล็กลองควานค้นสำรวจดูเก๊ะใต้โต๊ะ แต่ก็ไม่พบอะไรที่พอจะดูเหมือนเป็นร่มของเขา ตอนนี้หัวใจของเรียวอุคเต้นแรงกว่าเดิมมากขึ้นไปอีก

    ขาเรียวก้าวช้าๆตรงไปยังโต๊ะของตัวเอง ดวงตาเลื่อนลอยเนื่องจากกำลังตกอยู่ในห้วงความคิด มือนิ่มวางกระเป๋าลงข้างๆเก้าอี้โดยอัตโนมัติ แต่เมื่อเบนสายตามาอีกที เขาก็เห็นมัน...

    ...ร่มสีฟ้าครามคันนั้นถูกใครบางคนเอามาวางทิ้งเอาไว้บนโต๊ะของเขานั่นเอง...


    ////////////////////////////////


    อรุณสวัสดิ์ฮยอกแจ ทงเฮ

    เสียงเอ่ยสวัสดียามเช้าของคยูฮยอนฟังดูไม่ค่อยสดใสนัก แต่การได้เห็นคนร่างสูงโผล่หัวมาเรียนก็ทำให้เพื่อนๆดีใจได้มากโขแล้ว

    อ้าวเฮ้ย ไอ้คยู! หายไข้แล้วเหรอวะ!เป็นไงบ้างล่ะเพื่อน!?” ฮยอกแจลุกขึ้นยืน ฟาดมือหนักลงบนหลังคยูฮยอนดังป้าบเป็นการทักทายอย่างเด็กผู้ชาย แต่นั่นก็ทำให้คนร่างสูงแต่ผอมบางเกือบจะล้มคะมำไปข้างหน้า “กุโทรไปหาเมิงเมื่อวันก่อน แม่เมิงรับเห็นบอกว่าเมิงไม่สบายมากนี่?”

    วันนี้ก็กลับบ้านเร็วๆล่ะ กุกับไอ้ฮยอกอาจจะไปเกมเซ็นเตอร์ เมิงห้ามไปกับพวกกุ ถ้าไข้ขึ้นอีกอย่าหาว่ากุไม่เตือน” ทงเฮขู่ทันควัน

    เออ กุคงไม่ไปหรอก...แค่กๆ...แม่กุกำชับเหมือนกัน” คยูฮยอนเอ่ยเสียงอ่อยก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะตัวเอง ฮยอกแจหันไปมองทงเฮอย่างละเหี่ยใจ

    วันนี้ก็ต้องไปอีกเหรอเมิงงง...?” ถามเสียงอ่อยราวกับจะขอความเห็นใจ

    แน่นอน!” คนหน้าหวานตอบเสียงแข็งและหนักแน่นอย่างโคตรบังคับเพื่อน

    เออนี่...” คยูฮยอนเริ่มพูด “...เมื่อวันที่กุไปเกมเซ็นเตอร์กับเมิงน่ะ ตอนขากลับกุเป็นลมไป...

    หาขนาดนั้นเลยเหรอ?” ฮยอกแจตกใจ “แล้วเมิงเป็นไรมากป่าวไอ้คยู?”

    กุจามจนกุปวดหัว แล้วอยู่ๆกุก็หน้ามืดไปเลยว่ะ” คนร่างสูงเล่า “แล้วทีนี้มีคนมาช่วยกุ...

    ทงเฮเลิกคิ้ว “ใคร?”

    กุก็ไม่รู้ ตอนนั้นกุหน้ามืดไปแล้ว จำอะไรไม่ค่อยได้ เขาคงหาที่อยู่กุจาก tag ที่กระเป๋านักเรียน เพราะกุเขียนติดไว้...” คยูฮยอนชี้ป้ายชื่อตัวเองที่ห้อยเป็นพวงกุญแจเล็กๆไว้ตรงกระเป๋านักเรียน “...แล้วเขาก็อุ้มกุไปส่งบ้าน

    อุ้มเมิงไปส่งบ้านเลยเหรอ!?” ทงเฮถามอย่างประหลาดใจ

    ใช่ เพราะบ้านกุอยู่ห่างจากจุดที่กุเป็นลมไปนิดเดียวเอง...

    แล้วแม่เมิงไม่ได้ถามชื่อเขาไว้เหรอ?” ฮยอกแจซัก

    แม่บอกว่าแม่ลืม” คยูฮยอนเล่าต่อ “ตอนนั้นแม่ตกใจมากที่เห็นกุเป็นลม แม่เลยรีบอุ้มกุขึ้นไปที่ห้อง รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและอื่นๆ แล้วพอแม่นึกได้ลงมาอีกที คนที่ช่วยกุก็หายไปแล้ว...

    แปลกมาก...” ทงเฮมุ่นหัวคิ้ว “...แล้วเมิงหรือแม่เมิงจำอะไรอย่างอื่นเกี่ยวกับคนๆนั้นไม่ได้เลยจริงๆเหรอซักนิดเดียว?”

    แม่บอกว่าเขาเป็นเด็กนักเรียนชาย ไม่โรงเรียนจูมงก็โซดองโยนี่แหละ แม่จำไม่ได้ว่าอย่างไหนแน่เพราะมัวแต่สนใจกุ ส่วนที่กุพอจำได้...” คนร่างสูงเล่าเสียงเบา “คือคนๆนั้นถือร่มสีชมพู...กุมองเห็นลางๆก่อนกุจะหมดสติไป แล้วก็...ไอ้นี่...” คยูฮยอนวางวัตถุบางอย่างลงบนโต๊ะเรียน ฮยอกแจกับทงเฮรีบมุงเข้ามาดู

    ...สิ่งที่วางอยู่บนโต๊ะคือแหวนสีเงินวงหนึ่ง...

    ไอ้นี่มันเกี่ยวอะไร?” ทงเฮถามคำถามที่อยู่ในใจฮยอกแจเช่นเดียวกัน

    มันอยู่ในมือกุตอนกุตื่นขึ้นมา...” เล่าเสียงเรียบ “...กุถามแม่ แม่กุก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแหวนนี่มาอยู่ในมือกุได้ยังไง กุเลยคิดว่ามันคงเป็นของคนที่ช่วยกุ มือกุอาจจะไปกำโดนนิ้วเขา แหวนมันเลยหลุดติดมือกุมา หรืออะไรทำนองนั้น

    โอ๊ย! ยิ่งฟังยิ่งเหมือนนิยายน้ำเน่าเลยเว้ยเฮ้ย!!!” ฮยอกแจโวยวาย ยกมือขึ้นขยี้ผมตัวเองที่ยุ่งอยู่แล้วให้มันยุ่งยิ่งขึ้นราวกับหมาแถวบ้านที่คันเพราะหมัดขึ้นตัว

    แล้วนี่เมิงจะทำยังไงต่อไป?”

    กุอยากรู้ว่าใครเป็นคนช่วยกุ กุจะได้ขอบคุณเขาถูก อีกอย่างกุเอาแหวนเขามาด้วย กุคงจะต้องเอาไปคืน เพราะฉะนั้น...” คยูฮยอนหันมองเพื่อนทั้งสองคนด้วยสายตาแน่วแน่ “...พวกเมิงจะต้องช่วยกุหาคนที่ใช้ร่มสีชมพู และเป็นเจ้าของแหวนวงนี้!!!


    ///////////////////////////////////////////


    ต๊าย! ซีวอนมายืนรอใครอยู่ที่หน้าโรงเรียนเราอีกแล้วก็ไม่รู้ล่ะเธอ!

    ประโยคที่เล็ดรอดเข้าหูฮันกยองเล่นเอาเด็กหนุ่มชาวจีนทำตัวลีบ มือนิ่มที่ถือร่มสีครีมคันใหม่อยู่รีบกระชับมันมาใกล้ตัวหวังจะใช้มันบังหน้าเขาให้มิดตอนเดินพ้นประตูโรงเรียนออกไปเพื่อจะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับชเว ซีวอน...ไม่ใช่ว่าเขารังเกียจหมอนั่นหรอกนะ...หล่อขนาดนั้นใครมันจะไปรังเกียจได้ลง!เพียง

    แค่ว่าเด็กหนุ่มธรรมดาอย่างนายฮันกยองไม่คุ้นกับการเดินเคียงข้างคนดังและต้องตกเป็นเป้าสายตาของนักเรียนแทบทุกคนที่เดินผ่านมา อีกทั้งยังเสียงซุบซิบตามหลังเมื่อพวกเขาเดินผ่านไปอีกเล่าอีกอย่างเขาเองก็ไม่รู้จะคุยอะไรกับซีวอน...ก็ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวซักหน่อยนี่! เมื่อวานนี้เขาจึงหุบปากสนิทไปตลอดทางที่ซีวอนเดินไปส่งเขาที่บ้าน...

    ...ก็เข้าใจหรอกนะว่าซีวอนเป็นคนใจดี เห็นเขาไม่มีร่มอาจจะนึกสงสารก็เลยอาสาไปส่งให้ แต่วันนี้เขามีร่มแล้วนะ! สีครีมอันใหม่เพิ่งซื้อมาเมื่อเช้า นี่ไงๆเห็นป่าววันนี้ไม่ต้องไปส่งเขาก็ได้ซีว๊อนนนน!!!

    เกิงครับ

    เสียงเรียกชื่อเขาดังมาเล่นเอาฮันกยองเดินสะดุด มือนิ่มที่ถือร่มบังหน้าตัวเองไว้ค่อยๆย้ายตำแหน่งจนพ้นจากการเป็นสิ่งกีดขวางสายตา เผยให้เห็นซีวอนที่กำลังมองตรงมาทางเขาพลางยิ้มขันอย่างหุบไม่อยู่ ส่วนสายตาฮันกยองที่มองตอบไปกลับเต็มไปด้วยความงงงวยและประหลาดใจจนทำอะไรไม่ถูก

    ชื่อภาษาเกาหลีของเขาคือ ‘ฮันกยอง’ แต่ถ้าออกเสียงเป็นภาษาจีน ชื่อของเขาก็คือ ‘หานเกิง’…

    ...เอ...แล้วนี่เขากับซีวอนสนิทกันจนหมอนั่นรู้ชื่อภาษาจีนของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่?...

    เกิงไม่ต้องหลบผมขนาดนั้นก็ได้” ซีวอนเดินตรงมาพร้อมร่มสีดำคันใหญ่ในมือ ใบหน้ายังเปื้อนรอยยิ้ม สายตาเหลือบมองไปยังร่มสีครีมในมือฮันกยองอย่างมีเลศนัย “คุณได้ร่มคันใหม่แล้วนี่?”

    อ้อ...เอ้อ...ช่าย...ซื้อมาเมื่อเช้านา” ฮันกยองตอบอย่างทั้งตะกุกตะกักทั้งเหน่อ ซีวอนเหลือบมองมันอีกที คราวนี้ด้วยสายตาอาฆาต แต่ก็เพียงชั่วครู่ก่อนจะหันกลับมาทำตาหวานให้ฮันกยอง

    เกิงอยากไปกินข้าวก่อนกลับบ้านไหมผมเลี้ยง” ซีวอนเอ่ยชวนโดยไม่พูดพล่ามทำเพลง ฮันกยองกระพริบตาปริบๆอย่างอึ้งๆงงๆ

    หะ...หา?”

    ไปกินข้าวกันไหมครับ?” ซีวอนเอ่ยย้ำโดยไม่มีทีท่าว่ารำคาญ “ผมเลี้ยงเอง

    ผ่านไปชั่วครู่(ใหญ่)ฮันกยองถึงจะเข้าใจความหมายของประโยคนั้น “เฮ้ยๆ ม่ายเป็นรายๆ” มือนิ่มโบกไปมาในอากาศเป็นเชิงปฏิเสธ “ฉานกลับปายกินข้าวเย็นที่บ้านด้าย เจี๊ยะปึ่งกับอาม้าอาปา...เออ...แต่วานนี้อาจจาต้องเจี๊ยะคนเดียวเพราะอาม้าอาปาปายทามงานกลับบ้านดึก แต่ม่ายเป็นราย ฉานทามข้าวผัดปากกิ่งกินด้าย ของโปรดๆ” ฮันกยองยังคงโบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน ซีวอนยิ้ม

    แทนที่จะต้องกลับบ้านไปกินข้าวคนเดียว ไปกินกับผมไม่ดีกว่าเหรอครับ?”

    ม่ายเป็นรายๆ ถึงเมื่อวานก่อนฉานจะทำข้าวผัดไหม้ก็เถอะ...

    ผมรู้จักร้านที่ขายเป็ดปักกิ่งอร่อยๆ...

    “...แต่ม่ายเป็นรายๆ นายม่ายต้องมาเสียตางค์เลี้ยงข้าวฉานหรอก ม่ายช่ายเรื่อง...

    “...อยู่ไม่ไกลจากแถวนี้ ราคาไม่แพงด้วย...

    “...แต่ฉานก็ม่ายด้ายกินเป็ดปากกิ่งมานานแล้ว ล่าสุดก็คงเมื่อปีที่แล้วอ่า...

    “...แล้วก็มีติ่มซำอร่อยๆขายด้วย แล้วยังอาหารจีนตามสั่งทุกอย่างเลย...

    “...ร้านที่ว่านี้มานอยู่ตรงหนายอ่าซีวอน?”

    ให้ผมพาไปง่ายกว่ามั้ยครับ?” กระดิกหางดิ๊กๆ

    ฮันกยองที่ห้ามใจตัวเองไม่ไหวจึงต้องพยักหน้าเบาๆตอบไป...

    ...นี่มานเกิดอารายกานเขิ้นเนี่ย!ครายช่วยบอกเขาที๊!!!...


    //////////////////////////////////////


    เลิกเรียนแล้ว เรียวอุคเก็บกระเป๋าอย่างเชื่องช้าอีกตามเคย ซองมินขอตัวออกไปก่อนตั้งนานแล้วเพราะขี้เกียจรอ เมื่อเหลือคนเพียงสองคนในห้องเรียนเหมือนทุกครั้ง คนร่างเล็กจึงลุกขึ้น เดินอย่างมั่นใจอ้อมไปทางหลังห้องตรงโต๊ะที่เยซองยังคงนั่งเก็บกระเป๋าอยู่ด้วยท่าทีไม่รีบร้อนแต่อย่างใด...

    ...เรียวอุคเดินออกไปจากห้องเรียน...

    ถึงจะมีท่าทีไม่สนใจ แต่เยซองก็มองตามแผ่นหลังของคนตัวเล็กที่เพิ่งพ้นมุมห้องไป และเขาก็ไม่ประหลาดใจเท่าไหร่นัก ที่เห็นร่มสีฟ้าครามคันเดียวกับเมื่อวานนี้ถูกทิ้งเอาไว้บนโต๊ะข้างๆเขาเหมือนเดิม...

    เด็กหนุ่มหน้ากลมเหมือนซาลาเปาเบนหน้ากลับมาจัดของลงกระเป๋าตัวเองต่อ ผ่านไปอีกพักใหญ่ๆเขาจึงลุกขึ้น...ลังเลนิดหนึ่ง ก่อนจะหยิบร่มสีครามคันนั้นขึ้นมา...

    ...เพื่อจะนำมันกลับไปวางไว้ที่โต๊ะของเรียวอุคเช่นเดิม...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×