Fic ฟงอวิ๋น : สายลมที่แปรเปลี่ยน (yaoi) - Fic ฟงอวิ๋น : สายลมที่แปรเปลี่ยน (yaoi) นิยาย Fic ฟงอวิ๋น : สายลมที่แปรเปลี่ยน (yaoi) : Dek-D.com - Writer

    Fic ฟงอวิ๋น : สายลมที่แปรเปลี่ยน (yaoi)

    ปู้จิ้งอวิ๋นxเนี่ยฟง, ??xเนี่ยฟง

    ผู้เข้าชมรวม

    915

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    10

    ผู้เข้าชมรวม


    915

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    2
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  5 ต.ค. 56 / 20:18 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ฟิคนิยายจีนกำลังภายใน

    เขียนยากมากกกกกก  ใครมีพล๊อตเสนอแนะบอกได้นะ


    เรื่องราวคร่าวๆ (สปอย)


    เนี่ยฟงเกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมาแล้วหนีออกไปจากห้องขัง ร้อนถึงอวิ๋นต้องออกไปตาม จากนั้นก็...(อย่างที่รู้ๆกัน)

    แล้วก็ จบ!!


    ...?? แค่นี้เหรอ? : รีดเดอร์ 
    เออดิ : ไรท์
    จริงๆอ่ะ? : รีดเดอร์
    เอาไรมากล่ะ หนังมันก็มีแค่นี้ หรือจะไม่อ่านก็ได้นะ: ไรท์
    ...งั้นก้อไม่อ่าน :  รีดเดอร์
    เฮ้ย!! จริงดิ? : ไรท์


    (อ้าวววว??)



    อยากให้อ่านนะจ๊ะ แล้วเม้นติชมจะเป็นพระคุณยิ่ง
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      วายุกระซิบ : สายลมที่แปรเปลี่ยน

       

      ท่านพ่อ~!!”   สิ้นเสียงขุ่นเคือง สตรีอันดับหนึ่งแห่งพรรคใต้หล้านามว่า ข่งฉือก็เดินปึงปังเข้ามา    ใบหน้างดงามบัดนี้กลับบูดบึ้งด้วยเพลิงโทสะ

       

      สงป้าเหลียวมองธิดารักด้วยสายตาที่มิได้ประหลาดใจมากมายเท่าใดนัก    เพราะมิว่าผู้ใดในพรรคใต้หล้าต่างก็ล่วงรู้กันอยู่เป็นนิตย์    ว่าคุณหนูข่งฉือธิดาแห่งสงป้าเอาใจยากเพียงใด  น้อยนักที่จะมีผู้อื่นใดสามารถทำให้นางพึงพอใจได้     ด้วยเหตุนี้นางจึงมักมีเหตุให้ขุ่นเคืองอยู่เสมอ     ยามนี้ก็คงไม่ผิดจากที่คาดไว้เท่าใดนัก       สงป้ามองแล้วก็ทอดถอนลมหายใจ    แล้วจึงเอ่ยถามเรียบๆ   มิได้จริงจังอันใดนัก

       

      ผู้ใดทำให้เจ้าอารมณ์เสียอีกล่ะ ข่งฉือ?”

       

      นางสะบัดหน้า จนผมยาวๆปลิวไสวก่อนจะเอ่ยตอบอย่างไม่ใคร่สบอารมณ์นักจะมีผู้ใดล่ะท่านพ่อ    ก็พี่อวิ๋นน่ะสิ

       

      สงป้าฟังแล้วเกิดฉงนจนคิ้วเข้มนั้นขมวดเข้าหากัน จิ้งอวิ๋นรึ?”  ข่งฉือยังมิทันได้กล่าววาจาฟ้องอันใดต่อ     เหวินเชาเชาคนสนิทที่ล่วงรู้เหตุที่มาของอารมณ์อันขุ่นเคืองของนางก็ได้เอ่ยแทรกขึ้นมา

       

      โถ โถ จะโทษคุณชายอวิ๋นอย่างเดียวก็ไม่ได้นะขาค่ะ  ไม่ว่าจะเป็นคุณหนูหรือผู้ใดก็ห้ามย่างกายเข้าใกล้หอต้องห้ามตอนคุณชายฟงเป็นวายุแดง มิได้จริงๆ นะค่ะขา  โดยมิต้องรอให้สงป้าไถ่ถามถึงสาเหตุ เหวินเชาเชาก็ชี้แจงแถลงไขให้เสร็จสรรพ

       

      สงป้าฟังแล้วคิ้วหนานั้นก็ขมวดเข้าหากันอีกครั้ง     ก่อนจะหันมาไตร่ถามบุตรีเป็นความจริงหรือ ข่งฉือ

       

      ก็….ข้า..เป็นห่วงนี่นาพี่ฟงอยู่ในนั้นตั้งหลายวันแล้วข้าเพียงแต่คิดจะไปเยี่ยมเท่านั้นข่งฉือเสียงอ่อนลงเป็นอันมากเมื่อเห็นแววตาตำหนิของบิดา

       

      จะไปเยี่ยม ก็ให้ไปหลังจากฟงเอ๋อ  กลับไปที่เรือนวาตะแล้ว พ่อบอกเจ้าแล้วมิใช่หรือไง

       

      แต่ท่านพ่อ   ข่งฉือยังดื้อรั้นด้วยความขัดใจยิ่ง

       

      ไม่มีแต่ วายุแดงอันตรายเกินไปเชาเชาพาคุณหนูกลับห้อง

       

      ขาค่ะเหวินเชาเชากึ่งลากกึ่งจูงนางที่ออกอาการกระฟัดกระเฟียดที่ถูกขัดใจออกไป

       

      สงป้ามองตามไปด้วยความหนักใจ   ข่งฉือเป็นธิดาเพียงคนเดียวจึงรักใคร่เอ็นดูนางมากมายยิ่งนัก     น้อยนักที่จะขัดใจ จึงเป็นการปลูกฟังนิสัยเอาแต่ใจไปโดยมิได้ตั้งใจ    ตามจริงนางก็ใช่ว่าจะดื้อแพ่งมิรู้ฟังตลอดเวลาเสียเมื่อไร    ครั้งยามที่นางอารมณ์ดีก็เป็นหญิงอ่อนหวานว่าง่ายน่ารักใคร่ยิ่งนัก       หากแต่ครั้งอารมณ์เสียนางก็ดื้อรั้นจนเหลือทน       สงป้าส่ายหน้าพลางลูบคลำหนวดเครายาวคงกล่าวโทษนางเพียงผู้เดียวก็มิได้   ด้วยฐานะธิดาเพียงคนเดียวของประมุขพรรคใต้หล้า   สงป้าจึงให้การเอาอกเอาใจนางเป็นพิเศษ  บุคคลต่างๆในพรรคยิ่งยากที่จะมีผู้ใดจะหาญกล้าทำให้คุณหนูข่งฉือกริ้วโกรธได้

       

      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

       

      ฮึ! ท่านพ่อนะ ท่านพ่อข่งฉือส่งเสียงขัดใจก่อนจะกระแทกร่างนั่งลงบนตั่งเตียง    สองมือเรียวของนางกำแน่นและทุบลงบนหมอน      ยึดมันเป็นที่ระบายโทสะ

       

      คอยดูนะ ข้าจะเข้าไปหาพี่ฟง ให้ได้เลย   นางกล่าวอย่างมาดหมาย     เพียงแค่หอต้องห้ามพี่อวิ๋นมีสิทธิ์อันใดมาห้ามปรามนาง      แม้กระทั่งท่านพ่อก็ยังเห็นดีงามเข้าข้างปู้จิ้งอวิ๋นไปด้วย    ยิ่งคิดยิ่งขุ่นเคือง  จนเหวินเชาเชาที่ยืนหลบมุมอยู่ข้างเสาได้ยินเข้าต้องร้องห้าม

       

                 ต๊าย!! ตาย ตาย ตายแน่คุณหนู  อย่าเชียวนะขาค่ะ     นี่เรื่องคอขาดบาดตายเลยนะขาค่ะนั่นน่ะ

       

      ข่งฉือฟังแล้วมิได้โต้เถียงกับเหวินเชาเชาแต่อย่างใด      เพียงแต่ส่งสายตาเกรี้ยวกราดหากแต่เหวินเชาแสร้งทำเป็นไม่รับรู้       ยังคงพร่ำบ่นต่อไป    ยิ่งห้ามคล้ายยิ่งยุในหัวของนางบัดนี้กำลังคิดแผนการลักลอบเข้าหอต้องห้ามจนโลดแล่นไปไกล

       

      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

       

      หอต้องห้ามถูกสร้างไว้จนห่างไกลจากตัวตึกอื่นๆของพรรคใต้หล้า  ด้วยบรรยากาศอึมครึมที่ตอนกลางวันยังมิมีผู้ใดอยากจะเฉียดกายเข้าไปใกล้  ยามกลางคืนยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง และโดยเฉพาะยามที่ได้กักขังบุคคลผู้หนึ่งไว้ภายในด้วยแล้วละก็  ถ้ามิมีความจำเป็นจริงๆ คงมิมีผู้ใดอยากจะมาเดินเล่นแถวนี้เป็นแน่แท้แต่ทว่าคำกล่าวขานนี้มิได้ทำให้ข่งฉือท้อถอนใจไม่ กลับยิ่งทำให้นางรู้สึกท้าทายยิ่งขึ้นไปอีก

       

      เรือนร่างบอบบางปรากฎขึ้นที่ประตูหน้าหอต้องห้าม ความเงียบเฉียบและลมเย็นๆยามค่ำคืนทำเอานางผวาอยู่หลายครั้งแต่ทิฐิยังคงมีมากกว่า

       

      โซ่เส้นโตถูกล่ามไว้อย่างแน่นหนา นางยิ้มกริ่มกล่าวกับตัวเองเบาๆ

       

      คิดว่าแค่นี้จะหยุดคนอย่างข่งฉือได้หรือไงนางล้วงหยิบกุญแจที่ไปแอบขโมยออกมาไข ก่อนปลดเอาโซ่ล่ามทิ้งไป อย่างไม่ไยดี

       

      พี่ฟง หลับหรือยังนางพลักประตูให้เปิดออก ก้าวเข้าไปอย่างเปิดเผยแถมยังส่งเสียงเรียกชายในดวงใจซะหวาน

       

      “…….”

       

      พี่ฟง อยู่รึปล่าวด้วยสายตาที่ชินกับความมืดทำให้เห็นภาพในห้องลางๆ แต่ไม่มากพอ นางจึงควานหาเทียนมาจุด พร้อมส่งเสียงเรียกเนี่ยฟง

       

       พรึบ!!

       

      เทียนถูกจุดขึ้นทำให้ในห้องสว่างขึ้นทันตา นางสังเกตเห็นเงาร่างของใครบางคนหลบอยู่ในมุมมืดของตั่งเตียง  ต้องเป็นพี่ฟงแน่เลยข่งฉือไม่รอช้ารีบสาวเท้าเข้าหา

       

      พี่ฟ..เสียงเรียกเป็นอันชะงัก เมื่อสัมผัสได้ถึงจิตสังหาร

       

      เนี่ยฟงที่ข่งฉือเห็นเป็นเนี่ยฟงในสภาพที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน ใบหน้าสวยหวานดูเย็นชา ดวงตาที่เคยเป็นสีดำสนิทและมีแต่ความอ่อนโยนส่งมอบให้อยู่เนืองนิจ ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับสีของโลหิตทั้งยังส่องประกายกระหายเลือดอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากแดงราวแต้มชาดหยักขึ้นเป็นรอยยิ้มที่ไม่อาจเดาความหมาย

       

      ข่งฉือก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าคนเบื้องหน้าจะไม่มีทีท่าคุกคามเลยก็ตาม แต่ว่าอะไรบางอย่างกำลังบอกว่า บุคคลผู้นี้อันตรายและไม่น่าเข้าใกล้

                 

      “พะ…พี่ฟง..จำข้าได้ไหม?….ข้าเองไงล่ะ….ข่งฉือ….จะ..จำได้ไหม??” ข่งฉือเสียงสั่น มิทราบว่าเป็นเพราะอากาศหนาว หรือเพราะจิตสังหารที่เยียบเย็นนี่

       

      ร่างระหงของเนี่ยฟงขยับช้าๆ ปลายเท้าข้างหนึ่งค่อยๆถูกวางลงบนพื้น ก่อนจะตามด้วยอีกข้าง กริยาต่างๆเป็นไปอย่างเชื่องช้า และดูงดงามไร้ที่ติจนข่งฉือต้องเผลอไผลมองจนลืมความกลัวไปชั่วครู่

       

      วายุแดงก้าวตรงมาช้าๆ ในหน้าปรากฎรอยยิ้มอ่อยโยนที่มักจะปรากฎยามที่เป็นเนี่ยฟง หากดวงตายังคงเป็นสีแดงเพลิง แต่ละก้าวที่ใกล้เข้ามาคล้ายกับมีมือที่มองไม่เห็น เข้ามาบีบเค้นดวงใจของนาง

       

      ข่งฉือเริ่มเข้าใจถึงคำเตือนของบิดาและเหวินเชาเชาแล้ว นางไม่ควรมาที่นี่เลย

      ทันใดนั้น ร่างของเนี่ยฟงหายไปจากคลองจักษุ ไม่ทันที่ข่งฉือจะกรีดร้อง มือของเนี่ยฟงก็เค้นเข้าที่ลำคอของนาง

       

      อ๊ะ…!!”  ข่งฉือพยายามดิ้นรน แต่ก็ไร้ผล

       

      ใบหน้าเนี่ยฟงเคลื่อนเข้าใกล้ กระซิบข้างหูด้วยถ้อยคำเชือดเฉือน

       

       “…นังอัปลักษณ์…”

       

      ข่งฉือแทบจะกรีดร้องด้วยความคลั่งแค้น แต่เสียงที่ออกมาก็ได้เพียงแค่ในลำคอ นางพยายามดิ้นรนถอยห่าง ความหวาดกลัวจู่โจมจิตใจของนางจนต้องร่ำไห้ออกมา

       

      วายุแดงยิ้มหวาน ขณะที่มือก็บีบเค้นอย่างไม่ปราณี ทันใดนั้น

       

      วายุแดง!!”

       

       

      เสียงของเวรยามที่ผ่านมาพบเห็นเรียกความสนใจของวายุแดง อาจจะถือเป็นโชคดีของข่งฉือที่เวรตรวจตราสังเกตเห็นแสงไฟที่ผิดปกติจึงมาดู แต่ที่แน่ๆมันไม่ใช่ความโชคดีของนายทหารคนนี้ เพราะทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก วายุแดงก็ปล่อยร่างของ

      ข่งฉือทิ้งอย่างไม่สนใจใยดี

       

      ร่างของเนี่ยฟงกลายเป็นลมหอบหนึ่งซัดตรงไปยังทหารที่โชคร้ายตัวนั้น วายุแดงส่งเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง และคล้ายจะเยาะเย้ยถากถางข่งฉืออยู่ในที

       

      วายุแดงไม่คิดรอให้ผู้ใดติดตามมาขัดขวาง รีบถีบเท้าหลบหนีออกไปด้วยวิชาตัวเบาอันเป็นหนึ่งในใต้หล้า

       

      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

       

      สงป้าที่ทราบข่าวการหลบหนีของวายุแดงก็โกรธจนแทบเต้น และเมื่อรู้ว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของธิดาตนเองก็ยิ่งเหมือนเติมเชื้อไฟในกองเพลิง หากแต่พอเมื่อเห็นสภาพของธิดาที่ร่ำไห้ด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจอยู่แล้วจึงมิอยากดุด่าให้เป็นที่ซ้ำเติม จึงได้แต่กล่าวปลอบโยนหลายคำแล้วสั่งให้เหวินเชาเชาดูแล แล้วเรียกให้ฉินซวงและปู้จิ้งอวิ๋น เจ้าหอทั้งสองมารับคำสั่งให้พาตัววายุแดงกลับมาให้เร็วที่สุด

       

      รวมทั้งบรรดานายทหารพรรคใต้หล้าจำต้องรับเคราะห์จากการกระทำครั้งนี้ โดยต้องกระจายกำลังออกติดตาม ทั้งยามค่ำคืน

       

      ฮ้าวว~ ซวยจริงๆเล้ยย คุณหนูก็เหลือเกิน เล่นอะไรพิเรนนายทหารคนหนึ่งอดบ่นไม่ได้ เพราะมันพึงจะเปลี่ยนเวรยังไม่ทันหลับดีก็ต้องลุกขึ้นมาตามหาคนอีก จนนายทหารอีกคนต้องติง

       

      ชีย์ จะหาเรื่องคอขาดหรือไง

       

      โธ่! ก็มันจริงๆนี่

       

      นายทหารอีกคนไม่เถียงด้วย ส่ายหน้าในความขี้บ่นของเพื่อน ขณะเดินตรวจไปเรื่อยๆ นายทหารที่เดินนำหน้าก็ชะงักค้าง จนคนที่เดินตามแปลกใจขณะจะอ้าปากถามก็พบต้นเหตุ

       

      เบื้องบนต้นไม้ใหญ่ ร่างเพรียวบางที่กำลังตามหานอนก่ายเกยอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่ ส่งยิ้มละไมมาให้

       

      คนทั้งหมดหน้าซีด มือกระชับอาวุธมั่น ไม่ได้เผลอลุ่มหลงไปกับความงามที่เย้ายวนเบื้องหน้า

       

      กำลังตามหาข้าอยู่ไม่ใช่หรือวายุแดงยิ้มหวาน ดวงตาสีแดงสั่นระริกอย่างนึกสนุก ทิ้งร่างตัวเองลงมาจากคบไม้ ริมฝีปากยังคงหยักขึ้นเป็นรอยยิ้มส่งไปให้คนทั้งหมด

       

      คะ..คุณชายนายทหารคนหนึ่งตะกุกตะกักเรียก ในใจมันกำลังลังเลว่าจะทำเช่นไรดี แต่วายุแดงไม่เปิดโอกาสให้อีกแล้ว

       

      วายุแดงยังคงยิ้มขณะที่ร่างได้เคลื่อนเข้าไปในวงล้อมอย่างรวดเร็ว เพลงเตะวายุกระซิบถูกใช้ออกเต็มแรงโดยไม่มีการออมมือไว้ไมตรีแต่อย่างใด

       

      นายทหารทั้งเจ็ดคนกระเด็นออกมาตามแรงเตะไปคนละทิศละทาง เนี่ยฟงหยุดยืนนิ่งอยู่ใจกลาง อย่างไม่มีทีท่าว่าจะซ้ำเติม แต่นายทหารทั้งเจ็ดต่างทราบดีว่า นี่เป็นเพียงการหยอกล้อของวายุแดง การต่อสู้ที่แท้จริงจะเริ่มหลังจากนี้ไปต่างหาก  

       

      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

       

      เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดตกอยู่ในสายตาของคนผู้หนึ่ง คนผู้นี้รู้จัก เนี่ยฟงเป็น อย่างดี สายตาที่มองมาจึงปรากฏวี่แววของความแตกตื่น และงุนงงสงสัย เขาไม่อาจทำใจให้เชื่อได้ว่าคนที่กำลังสนุกสนานกับการต่อสู้เบื้องหน้า คือคนคนเดียวกับ เนี่ยฟงที่อ่อนโยน รักสงบคนนั้น

       

      ม่ออิงสงชายผู้ที่ได้รับขนานนามว่าเป็นคนผู้หนึ่งที่ทัดเทียมกับนิรนามแดนใต้

      อู๋หมิง แม้ว่าเดิมจะไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งเกี่ยวเรื่องราวไร้สาระ แต่ครั้งนี้เขามิอาจผละไปได้โดยง่าย คนตรงหน้าดูเหมือนจะตรงข้ามกับ เนี่ยฟงที่เขารู้จักอย่างสิ้นเชิง

       

      วายุแดงไม่สนใจ ม่ออิงสงแต่อย่างใด ในเมื่อเหยื่อยังคงอยู่ในมือ ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมขณะที่เบี่ยงกายหลบการจู่โจมของทหารคนหนึ่ง ก่อนตวัดเท้าด้วยเพลงเตะวายุกระซิบซัดร่างของนายทหารที่เหลือเป็นคนสุดท้ายกระเด็นไปปะทะกับต้นไม้ ร่วงลงมา จิตคลุ้มคลั่งไม่หยุดเพียงเท่านี้ขยับร่างตรงไปมีทีท่าว่าจะซ้ำเติม ครานี้ ม่ออิงสงมิอาจนิ่งเฉยทำเป็นไม่เกี่ยวข้องได้อีกต่อไป

       

      ร่างสูงขยับร่างเข้ามาหมายขัดขวางวายุแดง ใบหน้าของเนี่ยฟงปรากฏแววของความสมใจ ที่แท้กระบวนท่าเมื่อครู่เป็นแค่กระบวบท่าหลอก ความจริงคือต้องการล่อให้ ม่ออิงสงลงมือ

       

      ม่ออิงสงเป็นยอดฝีมือไม่ใช่ที่วายุแดงจะล้มได้ง่ายๆ เขาเป็นพี่บุญธรรมของ

      อู๋หมิง ฝึกวิชาจากสำนักเดียวกัน แม้ชื่อเสียงจะไม่โด่งดังเท่าแต่พลังฝีมือกลับสูงส่งจนไม่อาจดูแคลน

       

      เนี่ยฟง เจ้าจำข้าไม่ได้รึไง!?” ม่ออิงสงตวาดถาม วายุแดงชะงักไปวูบหนึ่งก่อนจู่โจมติดตามกันถึงห้ากระบวนท่าซ้อนๆ

       

      ม่ออิงสงใช้มือเบี่ยงเบนการจู่โจมของวายุแดง ก่อนตวัดมือจับยึดข้อมือเรียวไว้

       

      ฮึวายุแดงย่อมไม่ยอมสงบโดยง่าย หมุนตัวเตะเข้าที่ใบหน้า แต่ ม่ออิงสงที่คาดเดาไม้นี้ของวายุแดงได้ตั้งแต่แรกย่อมไม่สนใจ 

       

      วายุแดงที่จู่โจมพลาด ตวาดเสียงเกรี้ยวกราด ปล่อย!!”

       

      ม่ออิงสงตัดสินใจแล้วว่าอย่างไรก็ต้องสยบคนตรงหน้าไว้ก่อน แล้วค่อยสืบสาวเรื่องราวทีหลัง การกระทำเร็วเท่าความคิด ดรรชนีถูกจี้สกัดออกไปเพื่อหยุดยั้งการต่อต้านจากร่างบาง

       

      ร่างของวายุแดงกระตุกเกร็ง นัยน์ตาสีแดงเพลิงจับจ้อง ม่ออิงสงอย่างไม่วางตา เจ้า..”

       

      เกินกว่าที่ร่างกายจะฝืนทน สติได้หลุดลอยไปพร้อมกับร่างที่ทรุดฮวบลงในอ้อมแขนของ ม่ออิงสง

       

      ใบหน้ายามนี้ของวายุดูสงบและอ่อนโลก ผิดกับเมื่อครู่อย่างกับคนละคน ม่ออิงสงถอนใจยาว ก่อนช้อนร่างของเนี่ยฟงขึ้น เตรียมหลบออกไปจากสถานที่วุ่นวายนี้

       

      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

       

      ขณะที่ม่ออิงสงจะพาเนี่ยฟงหลบออกไปนั้น ปู้จิ้งอวิ๋นที่ติดตามสียงการต่อสู้มา ก็มาถึงพอดี ในสายตาของเมฆาหนุ่มพุ่งตรงไปยังวายุแดงที่สลบไสลอยู่ในอ้อมแขนของชายแปลกหน้า ในใจทั้งตระหนกทั้งขุ่นเคือง

       

      ขุ่นเคืองที่ร่างเพรียวบางตกไปอยู่ในอ้อมกอดของผู้อื่น ตระหนกที่ชายแปลกหน้าสามารถสยบวายุแดงได้ เขาแทบไม่กล้าครุ่นคิดต่อไปว่าจะเกิดเหตุใดขึ้นถ้าไม่สามารถชิงตัววายุแดงคืนมา

       

      แม้ว่าจะไม่เคยพบปะกันมาก่อน ม่ออิงสงกลับรู้จัก ปู้จิ้งอวิ๋นดี ลักษณะโดดเด่นเฉพาะตัวทำให้เดาได้ไม่ยาก ตอนนี้ ม่ออิงสงแน่ใจว่าบุคคลในอ้อมแขนคือเนี่ยฟงแน่นอน เพียงแต่ อะไรถึงทำให้เนี่ยฟงเปลี่ยนไปเป็นดังอสูรร้ายเช่นนี้ได้ นี่เป็นปัญหาที่ ม่ออิงสงมิยินยอมให้ผ่านเลยไป

       

      ด้วยความร้อนรน ปู้จิ้งอวิ๋นได้ฟาดฝ่ามือเข้าใส่โดยไม่มีการกล่าวเตือน ม่ออิงสงสามารถฝืนรับฝ่ามือนี้ได้ แต่เพราะต้องการสืบข้อเท็จจริงจึงหลีกเลี่ยงการปะทะ ใช้แรงฝ่ามือช่วยในการหลบหนี ปู้จิ้งอวิ๋นย่อมคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะใช้ฝีมือเช่นนี้ จึงได้แต่ต้องทุ่มเทฝีเท้าติดตามไปด้วยใจที่ห่วงกังวล

       

      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

       

      ม่ออิงสงวางร่างของเนี่ยฟง ลงบนพื้น ที่นี่ห่างไกลจากอาณาเขตของพรรคใต้หล้ามามากแล้ว เขาจึงวางใจได้ว่าภายในสองถึงสามชั่วยาม ปู้จิ้งอวิ๋นไม่มีทางหาเจอ จึงวางใจและเริ่มตรวจอาการเนี่ยฟง

       

      ม่ออิงสงปลดเปลื้องเสื้อชั้นนอกของเนี่ยฟงออก เพื่อจะลงมือตรวจหาอาการบาดเจ็บ แต่ทันใดนั้น จู่ๆเนี่ยฟงก็ลืมตาขึ้น ดวงตาของเนี่ยฟงยังเป็นสีแดงราวกับโลหิต ม่ออิงสงเกร็งลมปราณขึ้นมาทันที แต่ทว่าวายุแดงกลับไม่มีทีท่าว่าจะลงมือ  เพียงแต่ส่งสายตาหยาดเยิ้มมาให้

       

      “เนี่ยฟง??”

       

      “…ข้าคือเนี่ยฟง  แต่ก็ไม่ใช่ เนี่ยฟง “ ริมฝีปากขยับเขยื้อนขึ้นลง โดยสายตาไม่ได้ละไปจากใบหน้าของ ม่ออิงสง

       

      ชายหนุ่มรับฟังจนงุนงง แต่ก็ยังคงปิดปากเงียบ รอให้วายุแดงเป็นผู้กล่าววาจาต่อไป

       

      “ ปู้จิ้งอวิ๋น เรียกข้าว่า…วายุแดง….เจ้าจะเรียกข้าอย่างนั้นก็ได้..” ม่ออิงสงสัมผัสได้ถึงความผิดปกติอะไรบางอย่างแต่ มันยังเลือนรางจนยากจะจับเค้า

       

      เนี่ยฟง ยิ้มหวาน เมื่อพบเห็นสีหน้ายุ่งยากใจ ของอีกฝ่าย

       

      “ข้า..ชอบบุรุษแข็งแกร่ง”  ม่ออิงสงรับฟังจนต้องขมวดคิ้ว แต่ก็มิได้ปริปากพูดขัดแต่อย่างใด วายุแดงก็กล่าวต่อ พลางยันตัวลุกขึ้น เบียดกายเข้าแนบชิดกับร่างของ ม่ออิงสง

       

      “เจ้า…เป็นคนที่สอง..นอกเหนือจาก..ปู้จิ้งอวิ๋น.”  ในใจ ม่ออิงสงคล้ายปรากฏความสัมพันธ์อันใดขึ้นมาเขาจับมือยึดที่ซุกซนของเนี่ยฟงเอาไว้

       

                  วายุแดงปล่อยให้ ม่ออิงสงกุมมือไว้ ใบหน้างดงามขยับเคลื่อนใกล้อีกฝ่าย ดวงตาสีแดงเพลิงจับจ้องอีกฝ่ายไม่วางตา

       

                  ม่ออิงสงเผลอไผลไปกับดวงตางดงามของอีกฝ่ายจึงถูกแย่งชิงริมฝีปากไปโดยไม่รู้ตัว

       

                  “เจ้า!!” ม่ออิงสงผงะถอย

       

                  “ทำไม?..ไม่เคย?” วายุแดงเอียงคอถามยิ้มน้อยๆ จิตคลุ้มคลั่งกำลังใช้ใบหน้าของเนี่ยฟงอยู่ทำให้ ม่ออิงสงพูดอะไรไม่ออก ได้แต่กัดฟันกรอด

       

                  “ทำไมล่ะ? ไม่พึงใจข้ารึ? ข้าด้อยกว่าเนี่ยฟงตรงไหน?” ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมเล่นด้วยสักที วายุแดงก็ชักเริ่มหงุดหงิด ประโยคสุดท้ายที่กล่าวจึงแข็งกร้าวยิ่งอีกทั้งดวงตาวาวขึ้น

       

                  ม่ออิงสงนิ่งอึ้งไป ชายหนุ่มเริ่มจับเค้าของเรื่องราวทั้งหมดได้แล้ว แม้จะยังขาดเหตุผลไปบ้างแต่เขาคาดว่าอีกไม่นานก็คงจะทราบได้เอง แต่ก่อนอื่นคงต้องหาทางทำให้ เนี่ยฟง กลับมาเป็นปกติเสียก่อน  “…เนี่ยฟง งดงามกว่าเจ้าตรงที่จิตใจยังไงล่ะ”

       

                  เมื่อได้ยินคำตอบดวงตาสีโลหิตก็ยิ่งแดงเข้มขึ้น ฝ่ามือเรียวตวัดขึ้นหมายจะตบใบหน้าคมสันนั้น ม่ออิงสงนึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายพอไม่พอใจก็ลงมือทันทีแบบนี้จึงไม่ทันได้หลบ แต่ก็ใช้มือคว้าไว้ได้ทัน

       

                  “ข้าจะฆ่าเจ้า” วายุแดงกระซิบเสียงเหี้ยมเกรียม ก่อนจะสะบัดมือให้หลุดจากการเกาะกุม ถีบตัวออกมาตั้งหลัก บริเวณที่ ม่ออิงสงพาเนี่ยฟงหลบมาเป็นภูผาสูงนอกจากทางขึ้นด้านข้างแล้ว เป็นขอบเหวลึก นั้นหมายถึง บริเวณที่ใช้ต่อสู้เป็นบริเวณจำกัด

       

                  ทั้งสองจ้องมองกันนิ่ง ไม่มีใครขยับ ต่างฝ่ายต่างคุมเชิงกันและกัน ชั่วขณะหนึ่งที่ลมพัดวูบมา ใบไม่ที่ปลิดปลิวมาบดบังทัศนะการมองของ ม่ออิงสง วายุแดงก็พลันหายวูบไปจากสายตา!!

       

                  ม่ออิงสงเบี่ยงกายหลบวูบ กระแสลมคมเฉียดชายเสื้อไปหวุดหวิด ม่ออิงสงขมวดคิ้ว กับความเร็วของอีกฝ่ายดูท่าเขาจะประเมินคนตรงหน้าต่ำทรามไปซักหน่อย ลูกศิษย์ของสงป้านี่ดูถูกไม่ได้จริงๆ หนุ่มใหญ่เกร็งพลังเพิ่มขึ้นมาห้าส่วน ไปรวมไว้ที่ฝ่ามือขวา ฝาดออกไปอย่างแรง

       

                  “โครม!!

       

                  วายุแดงเบี่ยงตัวหลบไม่ปะทะด้วย  ทำให้พลังฝ่ามือฝาดไปโดนเข้าผนังหินจนเกิดรอยร้าวขนาดใหญ่ วายุหนุ่มรู้ดีว่าพลังตนเองสู้ไม่ได้แต่ใช้วิธีตอดเล็กตอดน้อยแทน แต่ทว่า ม่ออิงสงก็ไม่ใช่เนื้อที่เคี้ยวง่ายนัก  เพลงเตะวายุกระซิบถูกใช้ออกโดยไม่ออมแรง แต่ยิ่งสู้ดูเหมือนว่าวายุแดงก็ยิ่งคลุ้มคลั่ง การโจมตีเริ่มไร้ระเบียบแบบแผนขึ้นทุกที 

       

                  ม่ออิงสงตัดสินใจในทันที แสร้งเปิดเผยช่องว่างขึ้น เป็นอย่างที่คิดไว้ วายุแดงที่คลุ้มคลั่งไม่สนใจว่าเป็นอุบายหรือไม่ ฉกฉวยช่องว่างนั้นจู่โจมทันที หนุ่มใหญ่เบี่ยงตัวหลบก่อนสะบัดฟาดฝ่ามือที่เกร็งกำลังแปดส่วนเข้าที่ทรวงอกของวายุแดง

       

                  “โครม!!

       

                  วายุแดงกระอักเลือดออกมาลิ่มโต เสื้อชั้นในสีขาวแปดเปื้อนไปด้วยโลหิตสีแดงฉาน พลังฝ่ามือกระแทกกระทั้นจนอวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บ สมองหมุนตาลายจนสิ้นสติไป วายุหนุ่มหมดฤทธิ์ ฟุบสลบอยู่ ณ ตรงนั้น

       

                  ม่ออิงสงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนเดินเข้าไปตรวจดูอาการบาดเจ็บของวายุแดง ม่ออิงสงจัดให้ร่างของเนี่ยฟง พิงอกของเขาเอาไว้ก่อนจะถ่ายทอดพลังลมปราณเข้าไปช่วยเหลือรักษาอาการบาดเจ็บ

       

                  “..อือ..” เสียงครางของเนี่ยฟงทำเอาหนุ่มใหญ่ใจหายวูบ นึกว่าวายุแดงฟื้นคืนสติขึ้นมาอีก แต่เมื่อสังเกตเห็นว่าดวงตาคู่นั้นเป็นสีของราตรีกาลเช่นดังปกติจึงลอบถอนใจด้วยความโล่งอก

       

                  “..ผู้อาวุโส?” เนี่ยฟง เรียกด้วยความงุนงงที่จู่ๆก็ได้พบ ม่ออิงสง แต่อาการบาดเจ็บทำให้วายุหนุ่มไม่อาจคารวะตามมารยาทได้ และไม่อาจสืบถามว่าเหตุใด ม่ออิงสงถึงได้ปรากฏตัวอยู่ที่นี่

       

                  “ หลับตา..ตั้งสติ..ข้าจะช่วยชักนำลมปราณรักษาอาการบาดเจ็บให้เจ้า” เนี่ยฟงได้ยินเช่นนั้นจึงรีบรับตาโคจรลมปราณตามหลักของสำนัก แม้ใจจะมีคำถามที่อยากรู้จะสอบถามมากมายก็ตาม  ม่ออิงสงเมื่อชักนำลมปราณให้เนี่ยฟงจนอาการบาดเจ็บทุเลาลงแล้ว จึงชักมือกลับ

       

                  เนี่ยฟงค่อยๆลืมตาขึ้น ดวงตาแห่งราตรีนิรันดร์กาลไม่เจิดจ้าเท่ากับยามปกติ แต่ยังคงงดงามเฉกเช่นเดิม ขณะที่อ้าปากหมายจะเอ่ยพูดก็ต้องชะงัก เมื่อม่ออิงสงเอื้อมมือมาเช็ดคราบเลือดที่มุมปากให้  “ขอโทษ..ข้าไม่รู้วิธีหยุดยั้งวายุแดง  จึงทำให้เจ้าต้องได้รับบาดเจ็บ”

       

                  เนี่ยฟง จึงเข้าใจ  แม้ไม่ทั้งหมดแต่ก็พอคาดเดาคร่าวๆได้บ้าง จึงส่ายหน้าช้าๆ กล่าวด้วยความเสียใจว่า “มิได้ วายุแดงคลุ้มคลั่งทำร้ายผู้คนไม่เลือกหน้า  หากไม่ได้ผู้อาวุโสคงมีผู้คนมากมายต้องรับเคราะห์  ยังต้องขอบคุณผู้อาวุโสเสียอีกที่ได้หยุดเภทภัยครานี้ไว้”

       

                  “วายุแดงเกิดขึ้นได้อย่างไร  ครั้งก่อนที่เจอเจ้ายังมิเห็นเจ้าผิดปกติในที่ใด” ม่ออิงสงเอ่ยถามด้วยความสงสัย

       

                  “วายุแดงเป็นจิตมารของข้า..ผู้ชายสายเลือดตระกูลเนี่ยต่างมีโรคนี้ทุกคน มิมีผู้ใดทราบว่าโรคจะกำเริบเมื่อไร และยามใดที่โรคกำเริบจะไม่สามารถจดจำผู้ใด อาละวาดทำร้ายผู้คน” เนี่ยฟงกล่าวด้วยความเจ็บช้ำ

       

                  “แล้ว ปู้จิ้งอวิ๋นล่ะ ข้าเห็นมันไล่ติดตามเจ้า” ม่ออิงสงจับจ้องเนี่ยฟงอย่างต้องการจับพิรุธ

       

                  “พี่อวิ๋นเป็นผู้มีพลังฝีมือสูงสุดในบรรดาเราสามพี่น้อง เป็นคนเดียวที่พอรับมือวายุแดงได้” เนี่ยฟงไม่ทันสังเกต ตอบไปตามตรง ม่ออิงสงที่เฝ้ามองดูไม่สามารถสังเกตอะไรได้จึงได้แต่พยักหน้าเป็นทีว่าเข้าใจ

       

                  ทันใดนั้น ม่ออิงสงก็รับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิต รีบเงยหน้าขึ้น ที่แท้ ปู้จิ้งอวิ๋นได้มาถึงแล้ว!!

       

      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

       

                  ปู้จิ้งอวิ๋น ปรากฏกายขึ้น พร้อมด้วยสีหน้าถมึงทึง ยามนี้เพลิงโทสะเข้าครอบคลุมจิตใจของเมฆาหนุ่มบดบังจิตสำนึกไปเสียสิ้น ตั้งแต่เห็นเนี่ยฟง อิงแอบในอ้อมอกของชายแปลกหน้า ปู้จิ้งอวิ๋นก้าวยาวๆไปยังเบื้องหน้าของทั้งสอง แต่ละก้าวทิ้งรอยเท้าไว้ลึกจนเป็นรอยชัดเจน

       

                  ม่ออิงสงมีสีหน้าเคร่งเครียดลง ทราบดีว่าชายหนุ่มเบื้องหน้ามีอารมณ์ใด และคงจะลงมือด้วยความหนักหน่วงเป็นแน่ จึงกระชับตัว เนี่ยฟงเข้ามาในอ้อมอกอย่างต้องการปกป้องหากว่า ปู้จิ้งอวิ๋น กระทำการรุนแรง โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำเช่นนี้ยิ่งเป็นการเพิ่มเชื้อเพลิงของความหึงหวงให้มากยิ่งขึ้นไปอีก

       

                  “พี่อวิ๋น” เนี่ยฟงหันไปเรียกศิษย์พี่ของตน แม้สังเกตได้ถึงเพลิงโทสะของเมฆาแต่ก็ไม่เข้าใจต้นเหตุของเพลิงครั้งนี้

       

                  ปู้จิ้งอวิ๋นไม่สนใจเนี่ยฟง สายตายังคงจับจ้องไปยัง ม่ออิงสงด้วยสายตาประสงค์ร้ายอย่างยิ่ง ทันใดนั้นอย่างที่เนี่ยฟงไม่ทันคาดคิด ปู้จิ้งอวิ๋น พลันฝาดฝ่ามือด้วยเพลงฝ่ามือเมฆาล่องลอยเข้าใส่ ม่ออิงสง เนี่ยฟงยังมิทันทำอะไรก็ถูกโอบอุ้มขึ้นโดย ม่ออิงสงพริ้วหลบเพลงฝ่ามือที่กระหน่ำฟาดด้วยความดุดัน

       

      เพลงฝ่ามือฟาดไปจนครบชุดก็ยังไม่สามารถทำอะไร ม่ออิงสงได้ ทำให้ ปู้จิ้งอวิ๋นทั้งแตกตื่นทั้งเดือดดาล ทันทีที่ ปู้จิ้งอวิ๋น หยุดชะงัก เนี่ยฟงก็ดิ้นรนออกจากการโอบอุ้มของ ม่ออิงสง ตรงมาฉุดรั้งแขนของเมฆาไว้กล่าวอย่างร้อนรน

       

      “พี่อวิ๋น ทำอย่างนี้ไม่ได้ นี่คือผู้อาวุ…” ยังพูดไม่ทันจบดี ปู้จิ้งอวิ๋นก็สะบัดแขนจนหลุดจากการเกาะกุม ตบฉาดไปที่ใบหน้าของวายุหนุ่ม ฝ่ามือที่ตบแฝงไปด้วยพลังภายในทำให้เนี่ยฟงต้องฟุบลงไปกับพื้น ม่ออิงสงขยับตัวหมายจะเข้ามาช่วยเหลือแต่ก็ไม่ทัน แต่ท่าทีนั้นไม่อาจหลบลอดสายตาของ ปู้จิ้งอวิ๋นไปได้ ยิ่งทำให้อารมณ์ของเมฆาขุ่นมัวยิ่งขึ้นไปอีก

       

      “..แพศยา..” ปู้จิ้งอวิ๋นกัดฟันกรอด ด่าด้วยน้ำเสียงเย็นชา ยามนี้สติของเมฆาถูกแผดเผาจากเพลิงโทสะ มิได้สังเกตว่าเนี่ยฟง ศิษย์น้องของตนนั้นกลับมาเป็นปกติเช่นเดิมแล้ว สิ่งเดียวที่เมฆาหนุ่มต้องการเพียงสิ่งเดียวในตอนนี้คือกำจัดชายแปลกหน้าผู้นี้เสีย ฝ่ายเนี่ยฟงที่ไม่ทราบเรื่องราวใด แต่ก็ถูกด่าจนงุนงงไปวูบ

       

      ปู้จิ้งอวิ๋นไม่สนใจเนี่ยฟง อีก ใช้สายตาที่ดุดันจับจ้อง ม่ออิงสงจนแน่วนิ่ง ในใจคล้ายคิดคำนึงสิ่งใดอยู่จนเคร่งเครียด ม่ออิงสงคล้ายไม่ต้องการอธิบายให้ ปู้จิ้งอวิ๋น ทราบเหตุการณ์ที่แท้จริง จึงได้แต่นิ่งเงียบยืนรอการลงมือของเมฆาหนุ่มด้วยความสงบ

       

      ทันใดนั้น ปู้จิ้งอวิ๋นก็ตวาดด้วยเสียงอันดัง กระบวนท่ากระบี่คับแค้นเหลือคณาถูกใช้ออกในท่วงท่าของฝ่ามือ  ม่ออิงสงได้เห็นก็งุนงงวูบใหญ่ ที่แท้กระบวนท่านี้เป็นหนึ่งในกระบวนท่ากระบี่ของ อู๋หมิงผู้เป็นศิษย์น้อง

       

      ม่ออิงสงนึกไม่ถึงว่ากระบวนท่านี้จะมาถูกใช้โดยลูกศิษย์ของสงป้าอย่างปู้จิ้งอวิ๋น  การงุนงงไปวูบหนึ่งนี้ทำให้ ม่ออิงสงหลบหลีกชักช้าไปวูบ ขณะที่ฝ่ามือกำลังจะฝาดโดนนั้นร่างของเนี่ยฟงก็ถลันแทรกเข้ามากึ่งกลางของคู่ต่อสู้ อย่างที่ไม่มีใครคาดคิดเนี่ยฟง ถูกฝาดปลิดกระเด็นไปทางหุบเหว ทันทีที่ร่างของเนี่ยฟงหล่นวูบ ปู้จิ้งอวิ๋นไม่แม้แต่จะลังเล  กระโดดตามลงไปแทบจะทันที

                 

      ร่างของเนี่ยฟง ตกลงอย่างรวดเร็ว มิมีทีท่าว่าจะช่วยเหลือตัวเอง ที่แท้เนี่ยฟงหมดสติไปตั้งแต่ถูกเพลงฝ่ามือนั้นแล้ว อาการบาดเจ็บครั้งแรกทุเลายังไม่ทันจะหายดีก็มาเจอเพลงฝ่ามือที่สองอาการบาดเจ็บเลยหนักขึ้นเป็นสองเท่า ปู้จิ้งอวิ๋นที่โดดตามลงมารีบพุ่งตัวคว้าเอาร่างที่หมดสติของเนี่ยฟงเอาไว้แนบอก

                 

      “คว้าไว้!!

                 

      น้ำเสียงทรงอำนาจตวาดลงมาจน ปู้จิ้งอวิ๋นมิอาจไม่ทำตามคำสั่ง เถาวัลย์เส้นหนึ่งถูกทิ้งลงมา ปู้จิ้งอวิ๋น รีบใช้มืออีกข้างคว้าไว้อย่างรวดเร็ว ทันทีที่ยึดเถาวัลย์เส้นนั้นไว้ได้ร่างของทั้งคู่ก็ถูกดึงขึ้นมาบนหน้าผาอีกครั้ง

                 

      ทันทีที่เท้าถึงพื้น ปู้จิ้งอวิ๋นก็ใช้สายตาที่ปะปนไปด้วยการสำนึกขอบคุณกับเคียดแค้นชิงชัง จับจ้องไปยัง ม่ออิงส่งโดยมิคิดจะเอ่ยวาจา  ส่วน ม่ออิงสงที่รู้กิตติศัพท์ของ ปู้จิ้งอวิ๋นดีจึงไม่ถือสา กล่าว ”ดูอาการของฟงเอ๋อก่อนเถอะ  ..นี่เป็นยารักษาอาการบาดเจ็บ รับเอาไว้”

                 

      ปู้จิ้งอวิ๋นที่ตั้งใจเช่นนั้นอยู่แล้ว รับยามาใส่ปากก่อนก้มลงประกบริมฝีปากบังคับให้เนี่ยฟงกลืนกินลงไป แล้วรีบเกร็งลมปราณเข้าช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้วายุหนุ่มทันที สีหน้าที่ขาวซีดของเนี่ยฟงเริ่มมีสีเลือดขึ้น ปู้จิ้งอวิ๋น จึงถอนมือกลับ ม่ออิงสงฉวยโอกาสที่ปู้จิ้งอวิ๋นลืมตาขึ้นบอกเล่าเหตุการณ์คร่าวๆให้ฟัง เพื่อให้เมฆาหนุ่มคลายความข้องใจ 

      เนี่ยฟงกับข้ามีความสัมพันธ์เป็นเพียงสหายต่างวัย...ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องราวของวา...จิตมารของเขามาก่อน  ดังนั้นข้าจึงต้องการไขข้อสงสัยว่าเหตุใดเขาจึงมีพฤติกรรมโหดเหี้ยมเช่นนั้น ...ตอนที่เจ้ามาถึง ข้ากำลังรักษาอาการบาดเจ็บให้เขา………..”

                 

      ปู้จิ้งอวิ๋นเพียงรับฟังเงียบๆไม่เอ่ยวาจาใดออกมา เพียงโอบอุ้มเนี่ยฟงไว้ในอ้อมอก ถอนหายใจยาว  “เรื่องภายหน้า ข้าคงวางใจที่จะฝากเขาไว้กับท่านได้”

       

                  ม่ออิงสงส่ายหน้าช้าๆ “ข้าไม่ชมชอบตัวปัญหาเช่นนี้ เจ้าดูแลของเจ้าเองเถอะ”

       

                  ปู้จิ้งอวิ๋นไม่ว่าอย่างไรอีก เดินจากไปเงียบๆพร้อมเนี่ยฟงในอ้อมแขน ม่ออิงสงเพียงใช้สายตาจับจ้องเงาร่างของทั้งสองไว้ รับรู้ได้ว่าปัญหาของคนทั้งคู่ยากจะสะสางได้โดยง่าย โดยเฉพาะความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิงนั้น แต่กระนั้นเขาก็ยังหวังให้คนทั้งคู่จงมีความสุข…

                 

                 







      จบ












      จบแล้ว










      จบจริง









      อ้าว? ไหนบอกมีฉาก? : รีดเดอร์

      ก็ใช่ แต่นั่นมันปกติ : ไรท์

      แล้วนี่ไม่ปกติตรงไหน? : รีดเดอร์

      ก็ ตรงมันมีมือที่สามไง : ไรท์

      แค่นี้? : รีดเดอร์

      เออดิ มันแหวกกว่าปกติแล้วนะ ไม่เชื่อไปหาวายุแดงเรื่องอื่นๆอ่านได้เลย : ไรท์

      หาที่ไหน? : รีดเดอร์

      อ้าว หาเองดิ : ไรท์

      .....เอี้ยอ่ะ ไรท์ : รีดเดอร์

      อ้าว ความผิดตรูเรอะ? : ไรท์

      เออ!!! : รีดเดอร์(s)



      ขอโต้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด (ที่ทำให้ค้างนะ แต่มันจบแล้วจริงๆนะ)

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×