Fic ฟงอวิ๋น : สายลมที่แปรเปลี่ยน (yaoi)
ปู้จิ้งอวิ๋นxเนี่ยฟง, ??xเนี่ยฟง
ผู้เข้าชมรวม
915
ผู้เข้าชมเดือนนี้
10
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
วายุกระซิบ : สายลมที่แปรเปลี่ยน
“ท่านพ่อ~!!” สิ้นเสียงขุ่นเคือง สตรีอันดับหนึ่งแห่งพรรคใต้หล้านามว่า ข่งฉือก็เดินปึงปังเข้ามา ใบหน้างดงามบัดนี้กลับบูดบึ้งด้วยเพลิงโทสะ
สงป้าเหลียวมองธิดารักด้วยสายตาที่มิได้ประหลาดใจมากมายเท่าใดนัก เพราะมิว่าผู้ใดในพรรคใต้หล้าต่างก็ล่วงรู้กันอยู่เป็นนิตย์ ว่าคุณหนูข่งฉือธิดาแห่งสงป้าเอาใจยากเพียงใด น้อยนักที่จะมีผู้อื่นใดสามารถทำให้นางพึงพอใจได้ ด้วยเหตุนี้นางจึงมักมีเหตุให้ขุ่นเคืองอยู่เสมอ ยามนี้ก็คงไม่ผิดจากที่คาดไว้เท่าใดนัก สงป้ามองแล้วก็ทอดถอนลมหายใจ แล้วจึงเอ่ยถามเรียบๆ มิได้จริงจังอันใดนัก
“ผู้ใดทำให้เจ้าอารมณ์เสียอีกล่ะ ข่งฉือ?”
นางสะบัดหน้า จนผมยาวๆปลิวไสวก่อนจะเอ่ยตอบอย่างไม่ใคร่สบอารมณ์นัก “จะมีผู้ใดล่ะท่านพ่อ ก็พี่อวิ๋นน่ะสิ ”
สงป้าฟังแล้วเกิดฉงนจนคิ้วเข้มนั้นขมวดเข้าหากัน “จิ้งอวิ๋นรึ?” ข่งฉือยังมิทันได้กล่าววาจาฟ้องอันใดต่อ เหวินเชาเชาคนสนิทที่ล่วงรู้เหตุที่มาของอารมณ์อันขุ่นเคืองของนางก็ได้เอ่ยแทรกขึ้นมา
“โถ โถ จะโทษคุณชายอวิ๋นอย่างเดียวก็ไม่ได้นะขาค่ะ ไม่ว่าจะเป็นคุณหนูหรือผู้ใดก็ห้ามย่างกายเข้าใกล้หอต้องห้ามตอนคุณชายฟงเป็นวายุแดง มิได้จริงๆ นะค่ะขา” โดยมิต้องรอให้สงป้าไถ่ถามถึงสาเหตุ เหวินเชาเชาก็ชี้แจงแถลงไขให้เสร็จสรรพ
สงป้าฟังแล้วคิ้วหนานั้นก็ขมวดเข้าหากันอีกครั้ง ก่อนจะหันมาไตร่ถามบุตรี “เป็นความจริงหรือ ข่งฉือ”
“ก็….ข้า..เป็นห่วงนี่นา…พี่ฟงอยู่ในนั้นตั้งหลายวันแล้ว…ข้าเพียงแต่คิดจะไปเยี่ยมเท่านั้น” ข่งฉือเสียงอ่อนลงเป็นอันมากเมื่อเห็นแววตาตำหนิของบิดา
“จะไปเยี่ยม ก็ให้ไปหลังจากฟงเอ๋อ กลับไปที่เรือนวาตะแล้ว พ่อบอกเจ้าแล้วมิใช่หรือไง”
“แต่…ท่านพ่อ” ข่งฉือยังดื้อรั้นด้วยความขัดใจยิ่ง
“ไม่มีแต่ วายุแดงอันตรายเกินไป…เชาเชาพาคุณหนูกลับห้อง”
“ขาค่ะ” เหวินเชาเชากึ่งลากกึ่งจูงนางที่ออกอาการกระฟัดกระเฟียดที่ถูกขัดใจออกไป
สงป้ามองตามไปด้วยความหนักใจ ข่งฉือเป็นธิดาเพียงคนเดียวจึงรักใคร่เอ็นดูนางมากมายยิ่งนัก น้อยนักที่จะขัดใจ จึงเป็นการปลูกฟังนิสัยเอาแต่ใจไปโดยมิได้ตั้งใจ ตามจริงนางก็ใช่ว่าจะดื้อแพ่งมิรู้ฟังตลอดเวลาเสียเมื่อไร ครั้งยามที่นางอารมณ์ดีก็เป็นหญิงอ่อนหวานว่าง่ายน่ารักใคร่ยิ่งนัก หากแต่ครั้งอารมณ์เสียนางก็ดื้อรั้นจนเหลือทน สงป้าส่ายหน้าพลางลูบคลำหนวดเครายาวคงกล่าวโทษนางเพียงผู้เดียวก็มิได้ ด้วยฐานะธิดาเพียงคนเดียวของประมุขพรรคใต้หล้า สงป้าจึงให้การเอาอกเอาใจนางเป็นพิเศษ บุคคลต่างๆในพรรคยิ่งยากที่จะมีผู้ใดจะหาญกล้าทำให้คุณหนูข่งฉือกริ้วโกรธได้
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ฮึ! ท่านพ่อนะ ท่านพ่อ” ข่งฉือส่งเสียงขัดใจก่อนจะกระแทกร่างนั่งลงบนตั่งเตียง สองมือเรียวของนางกำแน่นและทุบลงบนหมอน ยึดมันเป็นที่ระบายโทสะ
“คอยดูนะ ข้าจะเข้าไปหาพี่ฟง ให้ได้เลย “ นางกล่าวอย่างมาดหมาย เพียงแค่หอต้องห้ามพี่อวิ๋นมีสิทธิ์อันใดมาห้ามปรามนาง แม้กระทั่งท่านพ่อก็ยังเห็นดีงามเข้าข้างปู้จิ้งอวิ๋นไปด้วย ยิ่งคิดยิ่งขุ่นเคือง จนเหวินเชาเชาที่ยืนหลบมุมอยู่ข้างเสาได้ยินเข้าต้องร้องห้าม
“ต๊าย!! ตาย ตาย ตายแน่คุณหนู อย่าเชียวนะขาค่ะ นี่เรื่องคอขาดบาดตายเลยนะขาค่ะนั่นน่ะ”
ข่งฉือฟังแล้วมิได้โต้เถียงกับเหวินเชาเชาแต่อย่างใด เพียงแต่ส่งสายตาเกรี้ยวกราดหากแต่เหวินเชาแสร้งทำเป็นไม่รับรู้ ยังคงพร่ำบ่นต่อไป ยิ่งห้ามคล้ายยิ่งยุในหัวของนางบัดนี้กำลังคิดแผนการลักลอบเข้าหอต้องห้ามจนโลดแล่นไปไกล
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หอต้องห้ามถูกสร้างไว้จนห่างไกลจากตัวตึกอื่นๆของพรรคใต้หล้า ด้วยบรรยากาศอึมครึมที่ตอนกลางวันยังมิมีผู้ใดอยากจะเฉียดกายเข้าไปใกล้ ยามกลางคืนยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง และโดยเฉพาะยามที่ได้กักขังบุคคลผู้หนึ่งไว้ภายในด้วยแล้วละก็ ถ้ามิมีความจำเป็นจริงๆ คงมิมีผู้ใดอยากจะมาเดินเล่นแถวนี้เป็นแน่แท้… แต่ทว่าคำกล่าวขานนี้มิได้ทำให้ข่งฉือท้อถอนใจไม่ กลับยิ่งทำให้นางรู้สึกท้าทายยิ่งขึ้นไปอีก
เรือนร่างบอบบางปรากฎขึ้นที่ประตูหน้าหอต้องห้าม ความเงียบเฉียบและลมเย็นๆยามค่ำคืนทำเอานางผวาอยู่หลายครั้งแต่ทิฐิยังคงมีมากกว่า
โซ่เส้นโตถูกล่ามไว้อย่างแน่นหนา นางยิ้มกริ่มกล่าวกับตัวเองเบาๆ
“คิดว่าแค่นี้จะหยุดคนอย่างข่งฉือได้หรือไง” นางล้วงหยิบกุญแจที่ไปแอบขโมยออกมาไข ก่อนปลดเอาโซ่ล่ามทิ้งไป อย่างไม่ไยดี
“พี่ฟง หลับหรือยัง” นางพลักประตูให้เปิดออก ก้าวเข้าไปอย่างเปิดเผยแถมยังส่งเสียงเรียกชายในดวงใจซะหวาน
“…….”
“พี่ฟง อยู่รึปล่าว” ด้วยสายตาที่ชินกับความมืดทำให้เห็นภาพในห้องลางๆ แต่ไม่มากพอ นางจึงควานหาเทียนมาจุด พร้อมส่งเสียงเรียกเนี่ยฟง
พรึบ!!
เทียนถูกจุดขึ้นทำให้ในห้องสว่างขึ้นทันตา นางสังเกตเห็นเงาร่างของใครบางคนหลบอยู่ในมุมมืดของตั่งเตียง ต้องเป็นพี่ฟงแน่เลย… ข่งฉือไม่รอช้ารีบสาวเท้าเข้าหา
“พี่ฟ..ง” เสียงเรียกเป็นอันชะงัก เมื่อสัมผัสได้ถึงจิตสังหาร
เนี่ยฟงที่ข่งฉือเห็นเป็นเนี่ยฟงในสภาพที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน ใบหน้าสวยหวานดูเย็นชา ดวงตาที่เคยเป็นสีดำสนิทและมีแต่ความอ่อนโยนส่งมอบให้อยู่เนืองนิจ ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับสีของโลหิตทั้งยังส่องประกายกระหายเลือดอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากแดงราวแต้มชาดหยักขึ้นเป็นรอยยิ้มที่ไม่อาจเดาความหมาย
ข่งฉือก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าคนเบื้องหน้าจะไม่มีทีท่าคุกคามเลยก็ตาม แต่ว่าอะไรบางอย่างกำลังบอกว่า บุคคลผู้นี้อันตรายและไม่น่าเข้าใกล้
“พะ…พี่ฟง..จำข้าได้ไหม?….ข้าเองไงล่ะ….ข่งฉือ….จะ..จำได้ไหม??” ข่งฉือเสียงสั่น มิทราบว่าเป็นเพราะอากาศหนาว หรือเพราะจิตสังหารที่เยียบเย็นนี่
ร่างระหงของเนี่ยฟงขยับช้าๆ ปลายเท้าข้างหนึ่งค่อยๆถูกวางลงบนพื้น ก่อนจะตามด้วยอีกข้าง กริยาต่างๆเป็นไปอย่างเชื่องช้า และดูงดงามไร้ที่ติจนข่งฉือต้องเผลอไผลมองจนลืมความกลัวไปชั่วครู่
วายุแดงก้าวตรงมาช้าๆ ในหน้าปรากฎรอยยิ้มอ่อยโยนที่มักจะปรากฎยามที่เป็นเนี่ยฟง หากดวงตายังคงเป็นสีแดงเพลิง แต่ละก้าวที่ใกล้เข้ามาคล้ายกับมีมือที่มองไม่เห็น เข้ามาบีบเค้นดวงใจของนาง
ข่งฉือเริ่มเข้าใจถึงคำเตือนของบิดาและเหวินเชาเชาแล้ว นางไม่ควรมาที่นี่เลย
ทันใดนั้น ร่างของเนี่ยฟงหายไปจากคลองจักษุ ไม่ทันที่ข่งฉือจะกรีดร้อง มือของเนี่ยฟงก็เค้นเข้าที่ลำคอของนาง
“อ๊ะ…!!” ข่งฉือพยายามดิ้นรน แต่ก็ไร้ผล
ใบหน้าเนี่ยฟงเคลื่อนเข้าใกล้ กระซิบข้างหูด้วยถ้อยคำเชือดเฉือน
“…นังอัปลักษณ์…”
ข่งฉือแทบจะกรีดร้องด้วยความคลั่งแค้น แต่เสียงที่ออกมาก็ได้เพียงแค่ในลำคอ นางพยายามดิ้นรนถอยห่าง ความหวาดกลัวจู่โจมจิตใจของนางจนต้องร่ำไห้ออกมา
วายุแดงยิ้มหวาน ขณะที่มือก็บีบเค้นอย่างไม่ปราณี ทันใดนั้น
“วายุแดง!!”
เสียงของเวรยามที่ผ่านมาพบเห็นเรียกความสนใจของวายุแดง อาจจะถือเป็นโชคดีของข่งฉือที่เวรตรวจตราสังเกตเห็นแสงไฟที่ผิดปกติจึงมาดู แต่ที่แน่ๆมันไม่ใช่ความโชคดีของนายทหารคนนี้ เพราะทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก วายุแดงก็ปล่อยร่างของ
ข่งฉือทิ้งอย่างไม่สนใจใยดี
ร่างของเนี่ยฟงกลายเป็นลมหอบหนึ่งซัดตรงไปยังทหารที่โชคร้ายตัวนั้น วายุแดงส่งเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง และคล้ายจะเยาะเย้ยถากถางข่งฉืออยู่ในที
วายุแดงไม่คิดรอให้ผู้ใดติดตามมาขัดขวาง รีบถีบเท้าหลบหนีออกไปด้วยวิชาตัวเบาอันเป็นหนึ่งในใต้หล้า
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สงป้าที่ทราบข่าวการหลบหนีของวายุแดงก็โกรธจนแทบเต้น และเมื่อรู้ว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของธิดาตนเองก็ยิ่งเหมือนเติมเชื้อไฟในกองเพลิง หากแต่พอเมื่อเห็นสภาพของธิดาที่ร่ำไห้ด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจอยู่แล้วจึงมิอยากดุด่าให้เป็นที่ซ้ำเติม จึงได้แต่กล่าวปลอบโยนหลายคำแล้วสั่งให้เหวินเชาเชาดูแล แล้วเรียกให้ฉินซวงและปู้จิ้งอวิ๋น เจ้าหอทั้งสองมารับคำสั่งให้พาตัววายุแดงกลับมาให้เร็วที่สุด
รวมทั้งบรรดานายทหารพรรคใต้หล้าจำต้องรับเคราะห์จากการกระทำครั้งนี้ โดยต้องกระจายกำลังออกติดตาม ทั้งยามค่ำคืน
“ฮ้าวว~ว ซวยจริงๆเล้ยย คุณหนูก็เหลือเกิน เล่นอะไรพิเรน” นายทหารคนหนึ่งอดบ่นไม่ได้ เพราะมันพึงจะเปลี่ยนเวรยังไม่ทันหลับดีก็ต้องลุกขึ้นมาตามหาคนอีก จนนายทหารอีกคนต้องติง
“ชีย์ จะหาเรื่องคอขาดหรือไง“
“โธ่! ก็มันจริงๆนี่”
นายทหารอีกคนไม่เถียงด้วย ส่ายหน้าในความขี้บ่นของเพื่อน ขณะเดินตรวจไปเรื่อยๆ นายทหารที่เดินนำหน้าก็ชะงักค้าง จนคนที่เดินตามแปลกใจขณะจะอ้าปากถามก็พบต้นเหตุ
เบื้องบนต้นไม้ใหญ่ ร่างเพรียวบางที่กำลังตามหานอนก่ายเกยอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่ ส่งยิ้มละไมมาให้
คนทั้งหมดหน้าซีด มือกระชับอาวุธมั่น ไม่ได้เผลอลุ่มหลงไปกับความงามที่เย้ายวนเบื้องหน้า
“กำลังตามหาข้า…อยู่ไม่ใช่หรือ” วายุแดงยิ้มหวาน ดวงตาสีแดงสั่นระริกอย่างนึกสนุก ทิ้งร่างตัวเองลงมาจากคบไม้ ริมฝีปากยังคงหยักขึ้นเป็นรอยยิ้มส่งไปให้คนทั้งหมด
“คะ..คุณชาย” นายทหารคนหนึ่งตะกุกตะกักเรียก ในใจมันกำลังลังเลว่าจะทำเช่นไรดี แต่วายุแดงไม่เปิดโอกาสให้อีกแล้ว
วายุแดงยังคงยิ้มขณะที่ร่างได้เคลื่อนเข้าไปในวงล้อมอย่างรวดเร็ว เพลงเตะวายุกระซิบถูกใช้ออกเต็มแรงโดยไม่มีการออมมือไว้ไมตรีแต่อย่างใด
นายทหารทั้งเจ็ดคนกระเด็นออกมาตามแรงเตะไปคนละทิศละทาง เนี่ยฟงหยุดยืนนิ่งอยู่ใจกลาง อย่างไม่มีทีท่าว่าจะซ้ำเติม แต่นายทหารทั้งเจ็ดต่างทราบดีว่า นี่เป็นเพียงการหยอกล้อของวายุแดง การต่อสู้ที่แท้จริงจะเริ่มหลังจากนี้ไปต่างหาก
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดตกอยู่ในสายตาของคนผู้หนึ่ง คนผู้นี้รู้จัก เนี่ยฟงเป็น อย่างดี สายตาที่มองมาจึงปรากฏวี่แววของความแตกตื่น และงุนงงสงสัย เขาไม่อาจทำใจให้เชื่อได้ว่าคนที่กำลังสนุกสนานกับการต่อสู้เบื้องหน้า คือคนคนเดียวกับ เนี่ยฟงที่อ่อนโยน รักสงบคนนั้น
ม่ออิงสงชายผู้ที่ได้รับขนานนามว่าเป็นคนผู้หนึ่งที่ทัดเทียมกับนิรนามแดนใต้
อู๋หมิง แม้ว่าเดิมจะไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งเกี่ยวเรื่องราวไร้สาระ แต่ครั้งนี้เขามิอาจผละไปได้โดยง่าย คนตรงหน้าดูเหมือนจะตรงข้ามกับ เนี่ยฟงที่เขารู้จักอย่างสิ้นเชิง
วายุแดงไม่สนใจ ม่ออิงสงแต่อย่างใด ในเมื่อเหยื่อยังคงอยู่ในมือ ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมขณะที่เบี่ยงกายหลบการจู่โจมของทหารคนหนึ่ง ก่อนตวัดเท้าด้วยเพลงเตะวายุกระซิบซัดร่างของนายทหารที่เหลือเป็นคนสุดท้ายกระเด็นไปปะทะกับต้นไม้ ร่วงลงมา จิตคลุ้มคลั่งไม่หยุดเพียงเท่านี้ขยับร่างตรงไปมีทีท่าว่าจะซ้ำเติม ครานี้ ม่ออิงสงมิอาจนิ่งเฉยทำเป็นไม่เกี่ยวข้องได้อีกต่อไป
ร่างสูงขยับร่างเข้ามาหมายขัดขวางวายุแดง ใบหน้าของเนี่ยฟงปรากฏแววของความสมใจ ที่แท้กระบวนท่าเมื่อครู่เป็นแค่กระบวบท่าหลอก ความจริงคือต้องการล่อให้ ม่ออิงสงลงมือ
ม่ออิงสงเป็นยอดฝีมือไม่ใช่ที่วายุแดงจะล้มได้ง่ายๆ เขาเป็นพี่บุญธรรมของ
อู๋หมิง ฝึกวิชาจากสำนักเดียวกัน แม้ชื่อเสียงจะไม่โด่งดังเท่าแต่พลังฝีมือกลับสูงส่งจนไม่อาจดูแคลน
“เนี่ยฟง เจ้าจำข้าไม่ได้รึไง!?” ม่ออิงสงตวาดถาม วายุแดงชะงักไปวูบหนึ่งก่อนจู่โจมติดตามกันถึงห้ากระบวนท่าซ้อนๆ
ม่ออิงสงใช้มือเบี่ยงเบนการจู่โจมของวายุแดง ก่อนตวัดมือจับยึดข้อมือเรียวไว้
“ฮึ” วายุแดงย่อมไม่ยอมสงบโดยง่าย หมุนตัวเตะเข้าที่ใบหน้า แต่ ม่ออิงสงที่คาดเดาไม้นี้ของวายุแดงได้ตั้งแต่แรกย่อมไม่สนใจ
วายุแดงที่จู่โจมพลาด ตวาดเสียงเกรี้ยวกราด “ปล่อย!!”
ม่ออิงสงตัดสินใจแล้วว่าอย่างไรก็ต้องสยบคนตรงหน้าไว้ก่อน แล้วค่อยสืบสาวเรื่องราวทีหลัง การกระทำเร็วเท่าความคิด ดรรชนีถูกจี้สกัดออกไปเพื่อหยุดยั้งการต่อต้านจากร่างบาง
ร่างของวายุแดงกระตุกเกร็ง นัยน์ตาสีแดงเพลิงจับจ้อง ม่ออิงสงอย่างไม่วางตา “เจ้า..”
เกินกว่าที่ร่างกายจะฝืนทน สติได้หลุดลอยไปพร้อมกับร่างที่ทรุดฮวบลงในอ้อมแขนของ ม่ออิงสง
ใบหน้ายามนี้ของวายุดูสงบและอ่อนโลก ผิดกับเมื่อครู่อย่างกับคนละคน ม่ออิงสงถอนใจยาว ก่อนช้อนร่างของเนี่ยฟงขึ้น เตรียมหลบออกไปจากสถานที่วุ่นวายนี้
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขณะที่ม่ออิงสงจะพาเนี่ยฟงหลบออกไปนั้น ปู้จิ้งอวิ๋นที่ติดตามสียงการต่อสู้มา ก็มาถึงพอดี ในสายตาของเมฆาหนุ่มพุ่งตรงไปยังวายุแดงที่สลบไสลอยู่ในอ้อมแขนของชายแปลกหน้า ในใจทั้งตระหนกทั้งขุ่นเคือง
ขุ่นเคืองที่ร่างเพรียวบางตกไปอยู่ในอ้อมกอดของผู้อื่น ตระหนกที่ชายแปลกหน้าสามารถสยบวายุแดงได้ เขาแทบไม่กล้าครุ่นคิดต่อไปว่าจะเกิดเหตุใดขึ้นถ้าไม่สามารถชิงตัววายุแดงคืนมา
แม้ว่าจะไม่เคยพบปะกันมาก่อน ม่ออิงสงกลับรู้จัก ปู้จิ้งอวิ๋นดี ลักษณะโดดเด่นเฉพาะตัวทำให้เดาได้ไม่ยาก ตอนนี้ ม่ออิงสงแน่ใจว่าบุคคลในอ้อมแขนคือเนี่ยฟงแน่นอน เพียงแต่ อะไรถึงทำให้เนี่ยฟงเปลี่ยนไปเป็นดังอสูรร้ายเช่นนี้ได้ นี่เป็นปัญหาที่ ม่ออิงสงมิยินยอมให้ผ่านเลยไป
ด้วยความร้อนรน ปู้จิ้งอวิ๋นได้ฟาดฝ่ามือเข้าใส่โดยไม่มีการกล่าวเตือน ม่ออิงสงสามารถฝืนรับฝ่ามือนี้ได้ แต่เพราะต้องการสืบข้อเท็จจริงจึงหลีกเลี่ยงการปะทะ ใช้แรงฝ่ามือช่วยในการหลบหนี ปู้จิ้งอวิ๋นย่อมคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะใช้ฝีมือเช่นนี้ จึงได้แต่ต้องทุ่มเทฝีเท้าติดตามไปด้วยใจที่ห่วงกังวล
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ม่ออิงสงวางร่างของเนี่ยฟง ลงบนพื้น ที่นี่ห่างไกลจากอาณาเขตของพรรคใต้หล้ามามากแล้ว เขาจึงวางใจได้ว่าภายในสองถึงสามชั่วยาม ปู้จิ้งอวิ๋นไม่มีทางหาเจอ จึงวางใจและเริ่มตรวจอาการเนี่ยฟง
ม่ออิงสงปลดเปลื้องเสื้อชั้นนอกของเนี่ยฟงออก เพื่อจะลงมือตรวจหาอาการบาดเจ็บ แต่ทันใดนั้น จู่ๆเนี่ยฟงก็ลืมตาขึ้น ดวงตาของเนี่ยฟงยังเป็นสีแดงราวกับโลหิต ม่ออิงสงเกร็งลมปราณขึ้นมาทันที แต่ทว่าวายุแดงกลับไม่มีทีท่าว่าจะลงมือ เพียงแต่ส่งสายตาหยาดเยิ้มมาให้
“เนี่ยฟง??”
“…ข้าคือ ’เนี่ยฟง’ แต่ก็ไม่ใช่ ‘เนี่ยฟง’ “ ริมฝีปากขยับเขยื้อนขึ้นลง โดยสายตาไม่ได้ละไปจากใบหน้าของ ม่ออิงสง
ชายหนุ่มรับฟังจนงุนงง แต่ก็ยังคงปิดปากเงียบ รอให้วายุแดงเป็นผู้กล่าววาจาต่อไป
“ ปู้จิ้งอวิ๋น เรียกข้าว่า…’วายุแดง’….เจ้าจะเรียกข้าอย่างนั้นก็ได้..” ม่ออิงสงสัมผัสได้ถึงความผิดปกติอะไรบางอย่างแต่ มันยังเลือนรางจนยากจะจับเค้า
เนี่ยฟง ยิ้มหวาน เมื่อพบเห็นสีหน้ายุ่งยากใจ ของอีกฝ่าย
“ข้า..ชอบบุรุษแข็งแกร่ง” ม่ออิงสงรับฟังจนต้องขมวดคิ้ว แต่ก็มิได้ปริปากพูดขัดแต่อย่างใด วายุแดงก็กล่าวต่อ พลางยันตัวลุกขึ้น เบียดกายเข้าแนบชิดกับร่างของ ม่ออิงสง
“เจ้า…เป็นคนที่สอง..นอกเหนือจาก..ปู้จิ้งอวิ๋น.” ในใจ ม่ออิงสงคล้ายปรากฏความสัมพันธ์อันใดขึ้นมาเขาจับมือยึดที่ซุกซนของเนี่ยฟงเอาไว้
วายุแดงปล่อยให้ ม่ออิงสงกุมมือไว้ ใบหน้างดงามขยับเคลื่อนใกล้อีกฝ่าย ดวงตาสีแดงเพลิงจับจ้องอีกฝ่ายไม่วางตา
ม่ออิงสงเผลอไผลไปกับดวงตางดงามของอีกฝ่ายจึงถูกแย่งชิงริมฝีปากไปโดยไม่รู้ตัว
“เจ้า!!” ม่ออิงสงผงะถอย
“ทำไม?..ไม่เคย?” วายุแดงเอียงคอถามยิ้มน้อยๆ จิตคลุ้มคลั่งกำลังใช้ใบหน้าของเนี่ยฟงอยู่ทำให้ ม่ออิงสงพูดอะไรไม่ออก ได้แต่กัดฟันกรอด
“ทำไมล่ะ? ไม่พึงใจข้ารึ? ข้าด้อยกว่าเนี่ยฟงตรงไหน?” ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมเล่นด้วยสักที วายุแดงก็ชักเริ่มหงุดหงิด ประโยคสุดท้ายที่กล่าวจึงแข็งกร้าวยิ่งอีกทั้งดวงตาวาวขึ้น
ม่ออิงสงนิ่งอึ้งไป ชายหนุ่มเริ่มจับเค้าของเรื่องราวทั้งหมดได้แล้ว แม้จะยังขาดเหตุผลไปบ้างแต่เขาคาดว่าอีกไม่นานก็คงจะทราบได้เอง แต่ก่อนอื่นคงต้องหาทางทำให้ เนี่ยฟง กลับมาเป็นปกติเสียก่อน “…เนี่ยฟง งดงามกว่าเจ้าตรงที่จิตใจยังไงล่ะ”
เมื่อได้ยินคำตอบดวงตาสีโลหิตก็ยิ่งแดงเข้มขึ้น ฝ่ามือเรียวตวัดขึ้นหมายจะตบใบหน้าคมสันนั้น ม่ออิงสงนึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายพอไม่พอใจก็ลงมือทันทีแบบนี้จึงไม่ทันได้หลบ แต่ก็ใช้มือคว้าไว้ได้ทัน
“ข้าจะฆ่าเจ้า” วายุแดงกระซิบเสียงเหี้ยมเกรียม ก่อนจะสะบัดมือให้หลุดจากการเกาะกุม ถีบตัวออกมาตั้งหลัก บริเวณที่ ม่ออิงสงพาเนี่ยฟงหลบมาเป็นภูผาสูงนอกจากทางขึ้นด้านข้างแล้ว เป็นขอบเหวลึก นั้นหมายถึง บริเวณที่ใช้ต่อสู้เป็นบริเวณจำกัด
ทั้งสองจ้องมองกันนิ่ง ไม่มีใครขยับ ต่างฝ่ายต่างคุมเชิงกันและกัน ชั่วขณะหนึ่งที่ลมพัดวูบมา ใบไม่ที่ปลิดปลิวมาบดบังทัศนะการมองของ ม่ออิงสง วายุแดงก็พลันหายวูบไปจากสายตา!!
ม่ออิงสงเบี่ยงกายหลบวูบ กระแสลมคมเฉียดชายเสื้อไปหวุดหวิด ม่ออิงสงขมวดคิ้ว กับความเร็วของอีกฝ่ายดูท่าเขาจะประเมินคนตรงหน้าต่ำทรามไปซักหน่อย ลูกศิษย์ของสงป้านี่ดูถูกไม่ได้จริงๆ หนุ่มใหญ่เกร็งพลังเพิ่มขึ้นมาห้าส่วน ไปรวมไว้ที่ฝ่ามือขวา ฝาดออกไปอย่างแรง
“โครม!!”
วายุแดงเบี่ยงตัวหลบไม่ปะทะด้วย ทำให้พลังฝ่ามือฝาดไปโดนเข้าผนังหินจนเกิดรอยร้าวขนาดใหญ่ วายุหนุ่มรู้ดีว่าพลังตนเองสู้ไม่ได้แต่ใช้วิธีตอดเล็กตอดน้อยแทน แต่ทว่า ม่ออิงสงก็ไม่ใช่เนื้อที่เคี้ยวง่ายนัก เพลงเตะวายุกระซิบถูกใช้ออกโดยไม่ออมแรง แต่ยิ่งสู้ดูเหมือนว่าวายุแดงก็ยิ่งคลุ้มคลั่ง การโจมตีเริ่มไร้ระเบียบแบบแผนขึ้นทุกที
ม่ออิงสงตัดสินใจในทันที แสร้งเปิดเผยช่องว่างขึ้น เป็นอย่างที่คิดไว้ วายุแดงที่คลุ้มคลั่งไม่สนใจว่าเป็นอุบายหรือไม่ ฉกฉวยช่องว่างนั้นจู่โจมทันที หนุ่มใหญ่เบี่ยงตัวหลบก่อนสะบัดฟาดฝ่ามือที่เกร็งกำลังแปดส่วนเข้าที่ทรวงอกของวายุแดง
“โครม!!”
วายุแดงกระอักเลือดออกมาลิ่มโต เสื้อชั้นในสีขาวแปดเปื้อนไปด้วยโลหิตสีแดงฉาน พลังฝ่ามือกระแทกกระทั้นจนอวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บ สมองหมุนตาลายจนสิ้นสติไป วายุหนุ่มหมดฤทธิ์ ฟุบสลบอยู่ ณ ตรงนั้น
ม่ออิงสงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนเดินเข้าไปตรวจดูอาการบาดเจ็บของวายุแดง ม่ออิงสงจัดให้ร่างของเนี่ยฟง พิงอกของเขาเอาไว้ก่อนจะถ่ายทอดพลังลมปราณเข้าไปช่วยเหลือรักษาอาการบาดเจ็บ
“..อือ..” เสียงครางของเนี่ยฟงทำเอาหนุ่มใหญ่ใจหายวูบ นึกว่าวายุแดงฟื้นคืนสติขึ้นมาอีก แต่เมื่อสังเกตเห็นว่าดวงตาคู่นั้นเป็นสีของราตรีกาลเช่นดังปกติจึงลอบถอนใจด้วยความโล่งอก
“..ผู้อาวุโส?” เนี่ยฟง เรียกด้วยความงุนงงที่จู่ๆก็ได้พบ ม่ออิงสง แต่อาการบาดเจ็บทำให้วายุหนุ่มไม่อาจคารวะตามมารยาทได้ และไม่อาจสืบถามว่าเหตุใด ม่ออิงสงถึงได้ปรากฏตัวอยู่ที่นี่
“ หลับตา..ตั้งสติ..ข้าจะช่วยชักนำลมปราณรักษาอาการบาดเจ็บให้เจ้า” เนี่ยฟงได้ยินเช่นนั้นจึงรีบรับตาโคจรลมปราณตามหลักของสำนัก แม้ใจจะมีคำถามที่อยากรู้จะสอบถามมากมายก็ตาม ม่ออิงสงเมื่อชักนำลมปราณให้เนี่ยฟงจนอาการบาดเจ็บทุเลาลงแล้ว จึงชักมือกลับ
เนี่ยฟงค่อยๆลืมตาขึ้น ดวงตาแห่งราตรีนิรันดร์กาลไม่เจิดจ้าเท่ากับยามปกติ แต่ยังคงงดงามเฉกเช่นเดิม ขณะที่อ้าปากหมายจะเอ่ยพูดก็ต้องชะงัก เมื่อม่ออิงสงเอื้อมมือมาเช็ดคราบเลือดที่มุมปากให้ “ขอโทษ..ข้าไม่รู้วิธีหยุดยั้งวายุแดง จึงทำให้เจ้าต้องได้รับบาดเจ็บ”
เนี่ยฟง จึงเข้าใจ แม้ไม่ทั้งหมดแต่ก็พอคาดเดาคร่าวๆได้บ้าง จึงส่ายหน้าช้าๆ กล่าวด้วยความเสียใจว่า “มิได้ วายุแดงคลุ้มคลั่งทำร้ายผู้คนไม่เลือกหน้า หากไม่ได้ผู้อาวุโสคงมีผู้คนมากมายต้องรับเคราะห์ ยังต้องขอบคุณผู้อาวุโสเสียอีกที่ได้หยุดเภทภัยครานี้ไว้”
“วายุแดงเกิดขึ้นได้อย่างไร ครั้งก่อนที่เจอเจ้ายังมิเห็นเจ้าผิดปกติในที่ใด” ม่ออิงสงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“วายุแดงเป็นจิตมารของข้า..ผู้ชายสายเลือดตระกูลเนี่ยต่างมีโรคนี้ทุกคน มิมีผู้ใดทราบว่าโรคจะกำเริบเมื่อไร และยามใดที่โรคกำเริบจะไม่สามารถจดจำผู้ใด อาละวาดทำร้ายผู้คน” เนี่ยฟงกล่าวด้วยความเจ็บช้ำ
“แล้ว ปู้จิ้งอวิ๋นล่ะ ข้าเห็นมันไล่ติดตามเจ้า” ม่ออิงสงจับจ้องเนี่ยฟงอย่างต้องการจับพิรุธ
“พี่อวิ๋นเป็นผู้มีพลังฝีมือสูงสุดในบรรดาเราสามพี่น้อง เป็นคนเดียวที่พอรับมือวายุแดงได้” เนี่ยฟงไม่ทันสังเกต ตอบไปตามตรง ม่ออิงสงที่เฝ้ามองดูไม่สามารถสังเกตอะไรได้จึงได้แต่พยักหน้าเป็นทีว่าเข้าใจ
ทันใดนั้น ม่ออิงสงก็รับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิต รีบเงยหน้าขึ้น ที่แท้ ปู้จิ้งอวิ๋นได้มาถึงแล้ว!!
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ปู้จิ้งอวิ๋น ปรากฏกายขึ้น พร้อมด้วยสีหน้าถมึงทึง ยามนี้เพลิงโทสะเข้าครอบคลุมจิตใจของเมฆาหนุ่มบดบังจิตสำนึกไปเสียสิ้น ตั้งแต่เห็นเนี่ยฟง อิงแอบในอ้อมอกของชายแปลกหน้า ปู้จิ้งอวิ๋นก้าวยาวๆไปยังเบื้องหน้าของทั้งสอง แต่ละก้าวทิ้งรอยเท้าไว้ลึกจนเป็นรอยชัดเจน
ม่ออิงสงมีสีหน้าเคร่งเครียดลง ทราบดีว่าชายหนุ่มเบื้องหน้ามีอารมณ์ใด และคงจะลงมือด้วยความหนักหน่วงเป็นแน่ จึงกระชับตัว เนี่ยฟงเข้ามาในอ้อมอกอย่างต้องการปกป้องหากว่า ปู้จิ้งอวิ๋น กระทำการรุนแรง โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำเช่นนี้ยิ่งเป็นการเพิ่มเชื้อเพลิงของความหึงหวงให้มากยิ่งขึ้นไปอีก
“พี่อวิ๋น” เนี่ยฟงหันไปเรียกศิษย์พี่ของตน แม้สังเกตได้ถึงเพลิงโทสะของเมฆาแต่ก็ไม่เข้าใจต้นเหตุของเพลิงครั้งนี้
ปู้จิ้งอวิ๋นไม่สนใจเนี่ยฟง สายตายังคงจับจ้องไปยัง ม่ออิงสงด้วยสายตาประสงค์ร้ายอย่างยิ่ง ทันใดนั้นอย่างที่เนี่ยฟงไม่ทันคาดคิด ปู้จิ้งอวิ๋น พลันฝาดฝ่ามือด้วยเพลงฝ่ามือเมฆาล่องลอยเข้าใส่ ม่ออิงสง เนี่ยฟงยังมิทันทำอะไรก็ถูกโอบอุ้มขึ้นโดย ม่ออิงสงพริ้วหลบเพลงฝ่ามือที่กระหน่ำฟาดด้วยความดุดัน
เพลงฝ่ามือฟาดไปจนครบชุดก็ยังไม่สามารถทำอะไร ม่ออิงสงได้ ทำให้ ปู้จิ้งอวิ๋นทั้งแตกตื่นทั้งเดือดดาล ทันทีที่ ปู้จิ้งอวิ๋น หยุดชะงัก เนี่ยฟงก็ดิ้นรนออกจากการโอบอุ้มของ ม่ออิงสง ตรงมาฉุดรั้งแขนของเมฆาไว้กล่าวอย่างร้อนรน
“พี่อวิ๋น ทำอย่างนี้ไม่ได้ นี่คือผู้อาวุ…” ยังพูดไม่ทันจบดี ปู้จิ้งอวิ๋นก็สะบัดแขนจนหลุดจากการเกาะกุม ตบฉาดไปที่ใบหน้าของวายุหนุ่ม ฝ่ามือที่ตบแฝงไปด้วยพลังภายในทำให้เนี่ยฟงต้องฟุบลงไปกับพื้น ม่ออิงสงขยับตัวหมายจะเข้ามาช่วยเหลือแต่ก็ไม่ทัน แต่ท่าทีนั้นไม่อาจหลบลอดสายตาของ ปู้จิ้งอวิ๋นไปได้ ยิ่งทำให้อารมณ์ของเมฆาขุ่นมัวยิ่งขึ้นไปอีก
“..แพศยา..” ปู้จิ้งอวิ๋นกัดฟันกรอด ด่าด้วยน้ำเสียงเย็นชา ยามนี้สติของเมฆาถูกแผดเผาจากเพลิงโทสะ มิได้สังเกตว่าเนี่ยฟง ศิษย์น้องของตนนั้นกลับมาเป็นปกติเช่นเดิมแล้ว สิ่งเดียวที่เมฆาหนุ่มต้องการเพียงสิ่งเดียวในตอนนี้คือกำจัดชายแปลกหน้าผู้นี้เสีย ฝ่ายเนี่ยฟงที่ไม่ทราบเรื่องราวใด แต่ก็ถูกด่าจนงุนงงไปวูบ
ปู้จิ้งอวิ๋นไม่สนใจเนี่ยฟง อีก ใช้สายตาที่ดุดันจับจ้อง ม่ออิงสงจนแน่วนิ่ง ในใจคล้ายคิดคำนึงสิ่งใดอยู่จนเคร่งเครียด ม่ออิงสงคล้ายไม่ต้องการอธิบายให้ ปู้จิ้งอวิ๋น ทราบเหตุการณ์ที่แท้จริง จึงได้แต่นิ่งเงียบยืนรอการลงมือของเมฆาหนุ่มด้วยความสงบ
ทันใดนั้น ปู้จิ้งอวิ๋นก็ตวาดด้วยเสียงอันดัง กระบวนท่ากระบี่คับแค้นเหลือคณาถูกใช้ออกในท่วงท่าของฝ่ามือ ม่ออิงสงได้เห็นก็งุนงงวูบใหญ่ ที่แท้กระบวนท่านี้เป็นหนึ่งในกระบวนท่ากระบี่ของ อู๋หมิงผู้เป็นศิษย์น้อง
ม่ออิงสงนึกไม่ถึงว่ากระบวนท่านี้จะมาถูกใช้โดยลูกศิษย์ของสงป้าอย่างปู้จิ้งอวิ๋น การงุนงงไปวูบหนึ่งนี้ทำให้ ม่ออิงสงหลบหลีกชักช้าไปวูบ ขณะที่ฝ่ามือกำลังจะฝาดโดนนั้นร่างของเนี่ยฟงก็ถลันแทรกเข้ามากึ่งกลางของคู่ต่อสู้ อย่างที่ไม่มีใครคาดคิดเนี่ยฟง ถูกฝาดปลิดกระเด็นไปทางหุบเหว ทันทีที่ร่างของเนี่ยฟงหล่นวูบ ปู้จิ้งอวิ๋นไม่แม้แต่จะลังเล กระโดดตามลงไปแทบจะทันที
ร่างของเนี่ยฟง ตกลงอย่างรวดเร็ว มิมีทีท่าว่าจะช่วยเหลือตัวเอง ที่แท้เนี่ยฟงหมดสติไปตั้งแต่ถูกเพลงฝ่ามือนั้นแล้ว อาการบาดเจ็บครั้งแรกทุเลายังไม่ทันจะหายดีก็มาเจอเพลงฝ่ามือที่สองอาการบาดเจ็บเลยหนักขึ้นเป็นสองเท่า ปู้จิ้งอวิ๋นที่โดดตามลงมารีบพุ่งตัวคว้าเอาร่างที่หมดสติของเนี่ยฟงเอาไว้แนบอก
“คว้าไว้!!”
น้ำเสียงทรงอำนาจตวาดลงมาจน ปู้จิ้งอวิ๋นมิอาจไม่ทำตามคำสั่ง เถาวัลย์เส้นหนึ่งถูกทิ้งลงมา ปู้จิ้งอวิ๋น รีบใช้มืออีกข้างคว้าไว้อย่างรวดเร็ว ทันทีที่ยึดเถาวัลย์เส้นนั้นไว้ได้ร่างของทั้งคู่ก็ถูกดึงขึ้นมาบนหน้าผาอีกครั้ง
ทันทีที่เท้าถึงพื้น ปู้จิ้งอวิ๋นก็ใช้สายตาที่ปะปนไปด้วยการสำนึกขอบคุณกับเคียดแค้นชิงชัง จับจ้องไปยัง ม่ออิงส่งโดยมิคิดจะเอ่ยวาจา ส่วน ม่ออิงสงที่รู้กิตติศัพท์ของ ปู้จิ้งอวิ๋นดีจึงไม่ถือสา กล่าว ”ดูอาการของฟงเอ๋อก่อนเถอะ ..นี่เป็นยารักษาอาการบาดเจ็บ รับเอาไว้”
ปู้จิ้งอวิ๋นที่ตั้งใจเช่นนั้นอยู่แล้ว รับยามาใส่ปากก่อนก้มลงประกบริมฝีปากบังคับให้เนี่ยฟงกลืนกินลงไป แล้วรีบเกร็งลมปราณเข้าช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้วายุหนุ่มทันที สีหน้าที่ขาวซีดของเนี่ยฟงเริ่มมีสีเลือดขึ้น ปู้จิ้งอวิ๋น จึงถอนมือกลับ ม่ออิงสงฉวยโอกาสที่ปู้จิ้งอวิ๋นลืมตาขึ้นบอกเล่าเหตุการณ์คร่าวๆให้ฟัง เพื่อให้เมฆาหนุ่มคลายความข้องใจ
“เนี่ยฟงกับข้ามีความสัมพันธ์เป็นเพียงสหายต่างวัย...ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องราวของวา...จิตมารของเขามาก่อน ดังนั้นข้าจึงต้องการไขข้อสงสัยว่าเหตุใดเขาจึงมีพฤติกรรมโหดเหี้ยมเช่นนั้น ...ตอนที่เจ้ามาถึง ข้ากำลังรักษาอาการบาดเจ็บให้เขา………..”
ปู้จิ้งอวิ๋นเพียงรับฟังเงียบๆไม่เอ่ยวาจาใดออกมา เพียงโอบอุ้มเนี่ยฟงไว้ในอ้อมอก ถอนหายใจยาว “เรื่องภายหน้า ข้าคงวางใจที่จะฝากเขาไว้กับท่านได้”
ม่ออิงสงส่ายหน้าช้าๆ “ข้าไม่ชมชอบตัวปัญหาเช่นนี้ เจ้าดูแลของเจ้าเองเถอะ”
ปู้จิ้งอวิ๋นไม่ว่าอย่างไรอีก เดินจากไปเงียบๆพร้อมเนี่ยฟงในอ้อมแขน ม่ออิงสงเพียงใช้สายตาจับจ้องเงาร่างของทั้งสองไว้ รับรู้ได้ว่าปัญหาของคนทั้งคู่ยากจะสะสางได้โดยง่าย โดยเฉพาะความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิงนั้น แต่กระนั้นเขาก็ยังหวังให้คนทั้งคู่จงมีความสุข…
จบ
จบแล้ว
จบจริง
อ้าว? ไหนบอกมีฉาก? : รีดเดอร์
ก็ใช่ แต่นั่นมันปกติ : ไรท์
แล้วนี่ไม่ปกติตรงไหน? : รีดเดอร์
ก็ ตรงมันมีมือที่สามไง : ไรท์
แค่นี้? : รีดเดอร์
เออดิ มันแหวกกว่าปกติแล้วนะ ไม่เชื่อไปหาวายุแดงเรื่องอื่นๆอ่านได้เลย : ไรท์
หาที่ไหน? : รีดเดอร์
อ้าว หาเองดิ : ไรท์
.....เอี้ยอ่ะ ไรท์ : รีดเดอร์
อ้าว ความผิดตรูเรอะ? : ไรท์
เออ!!! : รีดเดอร์(s)
ขอโต้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด (ที่ทำให้ค้างนะ แต่มันจบแล้วจริงๆนะ)
ผลงานอื่นๆ ของ kiririn ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ kiririn
ความคิดเห็น