คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : :: Chapter 1::
The Rhythm of Demon, The Sound of Love : Chapter 1
Author: Daisyincubus
Category: Drama, Romance, Angst
Pairing: Yunho x Jaejoong , Yuchun x Junsu
Rating: ???
▒ ░▓◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫▒ ░▓
The Rhythm of Demon, The Sound of Love
:: Chapter 1::
“ รู้จักไหม ”
“.......................”
“ ไม่รู้จักเหรอ ”
“......................”
“ ทำไมไม่รู้ว่ะ......เบื่อโว๊ย!! ”
ร่างบางเจ้าของใบหน้าหวานดิ้นพล่านไปมาบนพรมสีเทาราคาแพง ฝ่าเท้าขาวเนียนถูกยกขึ้นมาทำท่าถีบไปถีบมากลางอากาศราวกับเด็กน้อยเวลาที่ถูกขัดใจ มือเรียวยาวขยี้เรือนผมอ่อนนุ่มของตัวเองเสียจนยุ่งเหยิง
เมื่อความคิดต่างๆในหัวพันกันจนแยกไม่ออก ภาพสายน้ำเกลือและสายออกซิเจนระโยงระยางพาดผ่านร่าง
ของเพื่อนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงสีขาวทำให้แจจุงอดเป็นห่วงไม่ได้ถึงแม้คุณหมอบอกว่าฮยอคแจปลอดภัยแล้ว
ก็ตาม เจ้านั่นคงเจ็บน่าดู ดีที่คู่กรณียอมจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้เขาจึงสบายใจไปได้เปราะหนึ่ง ไม่งั้นต้องมา
นั่งกลุ้มอีกว่าจะไปหาเงินจากที่ไหนมาจ่าย แค่เรื่องมือกลองชั่วคราวที่จะหามาแทนฮยอคแจนี่ก็ปวดหัวจะตาย
อยู่แล้ว ร่างบางถอนหายใจออกมาก่อนจะเบนใบหน้าขาวใสไปทางเจ้าสิ่งมีชีวิตขนปุยอีกครั้ง ตากลมโตจ้องเขม็งไปยังร่างเล็กสีขาวที่กำลังสั่นน้อยๆด้วยความกลัว ท่าทางราวกับจะกินเลือดเนื้อของร่างบางพาลให้เจ้าตัวเล็กเริ่ม
ขยับกายหลีกเลี่ยงตามสัญชาติญาณเมื่อรู้ว่าภัยกำลังมาถึงตัว แต่ไม่ทันที่จะหนีพ้น มือขาวๆของคนสวยก็ประกบเข้ากับสีข้างของอีกฝ่าย ก่อนจะซุกใบหน้าตามลงไปแล้วใช้จมูกโด่งรั้นบดเบียดหนักๆจนเจ้าตัวน้อย
ต้องร้องออกมา
“ เอ๋ง.. เอ๋ง ”
“ นี่แหนะ แค่นี้ไม่รู้เหรอโปจิ
นี่แหนะตายซะเถอะ ”
“ ทำอะไรหน่ะพี่แจจุง เดี๋ยวเจ้าโปจิก็ขาดใจตายหรอก ” ร่างสูงของมือคีบอร์ดและซินธิไซเซอร์ประจำวง
ที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องครัวเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าพี่ชายหน้าสวยกำลังทำการทารุณกรรมสัตว์เลี้ยงตัวโปรด
ของพี่จุนซู
“ ก็ฉันถามแล้วมันไม่ตอบ เลยลงโทษมันซะเลย นี่แหน่ะ ”
“ พี่เป็นพวกซาดิสหรือไง หมาก็ยังไม่เว้น ”
แจจุงหันขวับไปทำตาถลึงใส่น้องชายร่วมวงทันที ก่อนที่ริมฝีปากอวบอิ่มจะเอื้อนเอ่ยคำพูดไพเราะเสนาะหูตามแบบฉบับของเจ้าตัว
“ อยากโดนแบบโปจิเหรอ ไอ้เด็กเปรตมาโซ ”
ชางมินหยักไหล่แบบไม่กลัวตายด้วยชินแล้วกับอารมณ์ผีเข้าผีออกของอีกฝ่าย มือใหญ่วางจานขนมที่ถือมาลงบนโต๊ะไม้ทรงเตี้ยสีน้ำตาลเข้ม ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเบาะรองนั่งลายทางสีดำสลับขาวที่อยู่ข้างกัน
ร่างสูงมองร่างบางของคนเป็นพี่ที่ยังไม่เลิกรุกรานอิสระภาพของลูกหมาตัวน้อย
สปีชี่ย์เดียวกันแท้ๆยังรังแกมันอยู่ได้นะพี่แจจุง
.
ชางมินส่ายหน้าเบาๆอย่างเอือมระอา ก่อนจะหันมองออกไปนอกหน้าต่างบานใหญ่ ภาพของใบไม้สีเขียวปลิวไหวยามเมื่อมีลมพัดผ่านทำให้รู้สึกสดชื่นได้อย่างประหลาด วันนี้หลังจากไปเยี่ยมพี่ฮยอคแจ
ที่โรงพยาบาล พี่ยูชอนก็แยกตัวไปทำงานพิเศษอย่างเคย เขากับพี่อีกสองคนที่เหลือจึงกลับมารวมตัวกัน
ในสถานที่ซึ่งพี่แจจุงเรียกสั้นๆว่า
รัง ห้องนั่งเล่นตรงปีกซ้ายของบ้านชั้นเดียวหลังใหญ่ถูกนำมาประยุกต์
เป็นห้องซ้อมดนตรีสำหรับสมาชิกทั้งห้าของวงเลวีอาธานด้วยความเมตตาของเจ้าของบ้าน
นอกจากจุนซูแล้วสมาชิกที่เหลือก็ไม่ใช่พวกร่ำรวยอะไร แจจุงกับชางมินเองก็มาจากครอบครัวฐานะปานกลาง
การไปเช่าห้องซ้อมสภาพดีที่ราคาแพงหูฉี่จึงถือเป็นเรื่องเกินตัว กอรปกับการที่พ่อแม่ของจุนซูไม่ค่อย
อยู่บ้านเพราะต้องไปทำงานต่างประเทศ เจ้าตัวจึงออกปากให้เพื่อนๆในวงมาใช้สอยพื้นที่ของตนได้
ตามสะดวก ห้องสี่เหลี่ยมขนาดกำลังพอดีถูกตกแต่งแบบเรียบง่ายในโทนสีเทาอมดำโดยฝีมือของมัณฑนากร
ที่ชื่อแจจุงและชางมิน ผนังด้านหนึ่งประดับด้วยภาพ Portrait ลอกลายขนาดยักษ์ของเทพเจ้าเพลงกรันจ์
เคิร์ท โคเบน แห่งวงเนอร์วาน่าโดยจิตรกรคนเก่งอย่างยูชอนและฮยอคแจ แม้ไม่ใช่สตูดิโอสุดเพอร์เฟ็ค
ที่มีเครื่องไม้เครื่องมือทุกอย่างครบครัน แต่ห้องธรรมดาๆห้องนี้ก็ดีเพียงพอสำหรับการแต่งเติมความฝันและ
เติมเต็มความหลงไหลในเสียงดนตรีของพวกเขาได้
“ ทำอะไรหน่ะแจจุง อย่าแกล้งโปจิสิ ” เสียงแหบเล็กของเจ้าของบ้านดุออกมาอย่างไม่จริงจักนัก
เมื่อเห็นว่าร่างน้อยๆของลูกรักกำลังตกอยู่ในอุ้งมือมารอย่างเพื่อนร่วมวงหน้าหวาน จุนซูวางแก้วบรรจุน้ำ
รสขมสีเข้มที่ตนเพิ่งชงเสร็จไว้ข้างจานสีขาว ก่อนจะหยิบขนมชิ้นเล็กสีสวยในนั้นขึ้นมากิน
“ กะ...ก็เจ้าโปจิมันไม่ยอมตอบคำถามนี่ ”
“ ฉันเพิ่งรู้นะว่าแจจุงคุยกับโปจิรู้เรื่อง ” จุนซูพูดพลางส่งแก้วใบหนึ่งให้ชางมิน
“ โถ่
จุนซูอ่ะ ” แจจุงงึมงำออกมาเบาๆทำเอาชางมินแทบจะสำลัก อดหมั่นไส้นักร้องนำของวงไม่ได้
กับคนอื่นพี่แจจุงไม่เคยไว้หน้าแบบว่าด่าชาตินี้แต่เจ็บไปถึงชาติหน้า ทีกับพี่จุนซูกลับเสียงอ่อนเสียงหวาน
ไม่กล้าเถียง สงสัยเขาจะทำบุญมาน้อย ศักดินาถึงได้ต่ำต้อยต่างกับมือกีตาร์าวฟ้ากับดินแบบนี้
“ แล้วแจจุงถามอะไรโปจิหล่ะ ” จุนซูเอ่ยถามด้วยความสงสัย ถึงขนาดลงไปคุยกับโปจิได้แสดงว่าเจ้าตัว
คงมีเรื่องที่คิดไม่ตกอยู่จริงๆ
“ ฉันถามมันว่า...รู้จักอินคิวบัสไหม ” พูดเสร็จร่างบางก็ยันตัวขึ้นมานั่ง แจจุงเกยคางไว้กับเข่าข้างหนึ่ง
ของตัวเอง ก่อนจะใช้มือเรียวยื่นออกไปรับแก้วกาแฟมาจากมือของจุนซู เจ้าโปจิลูกสุนัขพันธ์มัลทีสตัวจิ๋ว
จึงได้โอกาสรีบวิ่งไปหลบใต้กระเดื่องกลองที่ตั้งอยู่ตรงมุมห้อง
“ อินคิวบัสเหรอ ” คิ้วเรียวบนใบหน้ากลมของจุนซูเลิกขึ้นเล็กน้อย
“ นายรู้จักไหม ”
คนถูกถามส่ายหน้าไปมาแทนคำตอบ
“ แต่ผมรู้ ”
“ จริงเหรอ ”
“ ก็อินคิวบัสวงดนตรีจากอเมริกาที่นักร้องนำชอบถอดเสื้อร้องเพลงไงพี่ ” ชางมินอธิบายพลางนึกภาพของแบรนดอนนักร้องนำของวงดนตรีอัลเทอเนทีฟร็อกชื่อดังที่มักเปลือยกายท่อนบนเวลาเล่นคอนเสิร์ต
กางเกงเอวต่ำแบบจะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่เรียกเสียงฮือฮาจากแฟนเพลงสาวๆได้เป็นอย่างดีจนได้รับฉายา
ว่าเป็นหนึ่งในนักร้องนำสุดเซ็กซี่คนหนึ่งของโลก
“ ไม่ใช่วงนั้นโว้ย ถ้าวงนั้นฉันก็รู้จัก ”
“ ไม่ใช่วงนี้แล้วมันวงไหนหล่ะฮะ ”
“ คนเกาหลีนี่แหละ อินคิวบัสที่เป็นมือกลอง แกรู้จักไหม ”
ชางมินส่ายหน้า ถ้าพูดถึงอินคิวบัสเขาก็นึกออกแค่ชื่อของวงดนตรีกับชื่อปีศาจในตำนานโบราณของ
ทางตะวันตกเท่านั้น อินคิวบัสที่เป็นมือกลองอะไรนี่เขาไม่เคยได้ยินชื่อเลยสักครั้ง
“ ว่าแต่พี่ถามทำไม อย่าบอกนะว่า.....”
“ ใช่
อย่างที่นายคิดนั่นแหละ ฉันอยากได้เขามาเป็นมือกลองชั่วคราวให้วงเรา ”
“ เขาเล่นเก่งมากเลยเหรอแจจุง ” จุนซูอดสงสัยไม่ได้ ถ้าลองแจจุงสนใจหรืออยากได้มาร่วมวง
แสดงว่าคนๆนั้นต้องไม่ธรรมดา เพราะถ้าไม่เข้าขั้นตามมาตรฐานของนักร้องนำหล่ะก็
ไม่มีทางได้เฉียดเข้าใกล้อาณาจักรเลวีอาธานเป็นแน่ อย่างพวกที่มาคัดตัวเมื่อวันก่อน ความจริงฝีมือบางคน
ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ ถ้าลองได้ซ้อมสักหน่อยก็น่าจะเล่นเข้าขากับพวกเขาได้ แต่เป็นเพราะ
..
ฉันไม่เอาพวกที่ไร้พลังหรอกนะ ถ้าทำให้ฉันขนลุกไม่ได้ก็ไม่เอา
สุดท้ายการคัดตัววันนั้นจึงกลายเป็นเสียเวลาเปล่า
“ไม่รู้สิ คังอินแนะนำมา บอกว่าฝีมือดี ” ร่างบางตอบก่อนยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบ จุนซูและชางมินหันมามองหน้ากันโดยไม่นัดหมาย ต่างคนต่างรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยกับการที่แจจุงอยากได้มือกลองคนนี้มาร่วมวงทั้งที่ยังไม่เคยเห็นฝีมือ
“ มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอพี่ ” ชางมินเอ่ยถาม
“ แปลกยังไง ” แจจุงวางแก้วลงบนโต๊ะ มือขาวปัดปอยผมดำขลับที่เกะกะใบหน้าหวานของตนออก
“ แปลกสิ
.แปลกที่พี่เป็นฝ่ายวิ่งเข้าหา มันไม่ดูผิดวิสัยของพี่เกินไปหน่อยเหรอ ” ชางมินตอบออกไป
ตามที่ตนรู้สึก คนที่ศรัทธาในตัวเองอย่างพี่แจจุงไม่มีทางวิ่งเข้าหาคนอื่นก่อนเป็นแน่ถ้าไม่จนตรอกแบบ
ถึงที่สุด และถ้าถามความเห็นส่วนตัว ชางมินเองก็เห็นว่าเลวีอาธานยังไม่ได้ตกอยู่ในสภาวะการณ์เช่นนั้น
ถึงแม้พี่ฮยอคแจบาดเจ็บและการคัดตัวมือกลองจะไม่สำเร็จก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีทางออกอย่างอื่นเสียหน่อย
“ คำว่าอยากได้หลุดออกมาจากปากพี่ ทั้งที่พี่ยังไม่เคยเห็นฝีมือของเขาทำให้ผมแปลกใจเล็กน้อยฮะ ” ดวงตาคมภายใต้กรอบแว่นจ้องมองดวงตากลมใสแน่นิ่งราวกับจะทะลุให้ถึงความคิดที่อยู่ภายในใจของคนปากแข็ง
“ นายเห็นคังอินเป็นพวกชอบโกหกหรือไง อีกอย่าง
ฉันแค่ขี้เกียจหาแล้ว ” ร่างบางตอบแบบเลี่ยงๆ
ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปอุ้มเจ้าโปจิที่นอนหลบอยู่มาลูบขนเล่น ไม่ใช่ว่าแจจุงไม่รับรู้ถึงสายตาเคลือบแคงสงสัย
ของเพื่อนร่วมวงทั้งสอง แต่จะให้อธิบายอย่างไรในเมื่อตัวเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้เหมือนกัน
นั่นสิ
ทำไมกัน
ฉันเองก็แปลกใจ
คำว่าอยากได้ที่หลุดออกไปฉันแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
ไม่ได้คิดเลยว่าอินคิวบัสเป็นคนแบบไหน
ไม่ได้สนใจว่าหน้าตาอินคิวบัสเป็นอย่างไร
ไม่ได้สงสัยด้วยซ้ำว่าอินคิวบัสตีกลองเก่งอย่างที่ได้ยินมาหรือไม่
ก็แค่คำว่าอินคิวบัสมันลอยไปลอยมาอยู่ในหัวตลอดเวลา
สลัดเท่าไหร่ก็สลัดไม่ออก
.
ราวกับว่ากำลังถูกครอบงำด้วยอำนาจมืดบางอย่างที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
.
จุนซูแอบหัวเราะในลำคอกับท่าทีของแจจุง ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าการที่ร่างบางลุกขึ้นไปเล่นกับเจ้าโปจิ
เพราะต้องการตัดบท แจจุงเป็นอย่างนี้เสมอเวลาที่ไม่อยากตอบคำถามหรือทำตัวไม่ถูก
“ อยากเจอจังเลยน้า....คุณอินคิวบัส ” จุนซูลุกขึ้นแล้วสาวเท้าไปตรงที่ร่างบางยืนอยู่ ก่อนจะใช้มือเรียวเล็กลูบหัวเจ้าตัวน้อยในมือของแจจุงเบาๆ
“ รู้ชื่อจริงเขาไหม ” จุนซูเอ่ยถาม
“ ยุนโฮ ”
“ ยุน..โฮ ” ชางมินพึมพำเบาๆ รู้สึกคุ้นกับชื่อที่พี่แจจุงเอ่ยออกมา แต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินที่ไหน
“ ไปตามล่ากันเถอะ ” จุนซูละสายตาจากเจ้าโปจิก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับแจจุง รอยยิ้มสดใส
ราวกับดอกทานตะวันๆถูกส่งให้คนตรงหน้า แม้จะยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้แจจุงสนใจในตัวมือกลองคนนี้หนักหนาแต่ในเมื่อการอยู่เฉยๆก็ไม่ช่วยให้อะไรกระจ่างขึ้นมาอยู่ดี ถ้าเป็นเช่นนั้น
ก็ควรไปพิสูจน์ด้วยตาของตัวเองมิใช่หรือ
“..............................”
“ ไปล่าอินคิวบัสกัน ”
▒ ░▓◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫▒ ░▓
“ โอ้โห!! มายก็อด ไม่อยากจะเชื่อเลย ทำไมแม่งอลังการงานสร้างอย่างอย่างนี้วะ ” แจจุงอุทานออกมา
ด้วยความตะลึงไม่ต่างอะไรกับชางมินที่กำลังยืนอ้าปากค้างกับความใหญ่โตและหรูหราของ Reina Bruja
คลับระดับห้าดาวกลางย่านอับกูจอง ทันทีที่ก้าวเข้ามาในคลับตามที่ได้ที่อยู่มาจากคังอินว่าเป็นที่สิงสถิตย์
ของมือกลองนามว่าอินคิวบัส แจจุงและชางมินก็ต้องประหลาดใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า
พื้นที่ภายในถูกตกแต่งในสไตล์นีโอโมเดิร์น ผนังที่ทำจากอิฐแก้วเรียงตัวสลับกันไปมาทำให้เกิดมิติคล้ายกับ
ลูกคลื่นขนาดใหญ่ โต๊ะทรงสี่เหลี่ยมเรืองแสงถูกจัดวางไว้อย่างพอเหมาะพอเจาะ แสงไฟของเสาอควาเรี่ยม
ที่ทอดตัวเป็นแนวยาวเปลี่ยนสีตามเฉดของรุ้งกินน้ำ เสียงเพลงบีทดิสโก้ที่เล่นคลอด้วยกีตาร์ไฟฟ้าและ
ซินธิไซเซอร์จากดีเจฝีมือฉมังดังกระหึ่มไปทั่ว บรรดาลูกค้าที่นั่งอยู่ในร้านล้วนเป็นบุคคลที่พวกเขาเคยเห็น
ผ่านหน้าจอทีวีมาแล้วทั้งสิ้น อย่างนักการเมือง นักธุรกิจ รวมถึงบรรดาลูกหลานไฮโซ ถ้าเทียบกันแล้วเด็กอย่าง
พวกเขาคงไม่ต่างอะไรกับลูกเป็ดขี้เหร่ที่พลัดหลงเข้ามาในฝูงหงษ์ นี่ถ้าไม่ได้บัตรสี่เหลี่ยมสีดำขลับของจุนซู
หล่ะก็คงไม่ได้มีวันเข้ามาเหยียบที่นี่เป็นแน่
ลูกเป็ดน้อยสามตัวที่ยืนเก้ๆกังๆไม่รู้จะปักหลักลงตรงไหนทำเอาชายหนุ่มร่างบางที่ยืนมองอยู่นาน
อดขำไม่ได้ การแต่งตัวแสนธรรมดาไม่ได้หรูหราฟู่ฟ่าเหมือนลูกค้าคนอื่นแต่ก็ดูมีสเน่ห์อย่างน่าประหลาด
จนราชินีแม่มดแห่ง Reina Bruja เองต้องหยุดมอง แต่ละคนหน้าตาธรรมดาซะที่ไหน คนหนึ่งก็หน้าสวยหวาน
ราวกับผู้หญิง อีกคนก็น่ารักสดใสเหมือนเด็ก ส่วนคนตัวสูงที่สุดในกลุ่มออกจะเนิร์ดๆหน่อยแต่ก็ดูดีไม่เบา
“ พี่แจจุง..พี่จุนซู ...ดูดิสวยชะมัดเลย ” ชางมินพยักเพยิดหน้าไปทางคนงามที่กำลังเดินเข้ามาหาพวกตน ใบหน้าเรียวรูปไข่ ดวงตาคมกริบรับกับผมยาวตรงสีบรูเน็ต ริมฝีปากบางยกยิ้มน้อยๆ ท่าทางการเยื้องกาย
ที่ดูราวกับเป็นนางพญาทำให้ทั้งสามคนแอบกลืนน้ำลายลงคอ
โอ้
.สวยฉิบหายเลย
“ ผู้ชายหรือผู้หญิงวะ ” แจจุงกระซิบกับชางมินไม่ดังนัก แต่ก็ไม่อาจเล็ดลอดหูทิพย์ของนางพญาเจ้าถิ่นไปได้ ร่างบางใช้สายตาคมไล่มองแจจุงตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
ช่างไม่ได้ดูตัวเองเลยนะ
เด็กน้อย
หน้าตาแบบนี้ รูปร่างแบบนี้
เธอต่างจากฉันตรงไหนไม่ทราบ
“ สวัสดีครับ มีอะไรให้ช่วยไหมครับ ” หางเสียงตรงท้ายประโยคบ่งบอกให้ลูกเป็ดทั้งสามหายสงสัย
ในเรื่องเพศของคนสวย
“ เอ่อ...พวกเรา ” แจจุงลังเลที่จะตอบตามประสาคนที่ไม่ไว้ใจใครง่ายๆ ที่ผ่านมาแจจุงเจอมาเยอะแล้ว
กับพวกแสร้งเข้ามาทำดีคุยนู่นคุยนี่เพราะหวังบางอย่างจากเขา ผิดกับจุนซูที่เอาแต่แอบเหลือบมองใบหน้าหวาน
ของคนแปลกหน้าด้วยความชื่นชม อดอิจฉาไม่ได้
ทำไมเราไม่หน้าเรียวเหมือนเขานะ
“ ผมเป็นพนักงานที่นี่ เห็นพวกคุณยืนอยู่นานแล้ว จะนั่งตรงไหนดีครับ ”
“ ไม่นั่งหรอกฮะ พวกเราแค่มาตามหาคน ” น้องเล็กของวงเอื้อนเอ่ยออกไปตามความจริง ความจริงที่หรูหราแบบนี้มันก็น่านั่งอยู่หรอกแต่คงไม่เหมาะกับคนที่ยังต้องแบมือขอเงินจากพ่อแม่อย่างเขา
คนสวยปรายตามองไปที่เด็กหนุ่มร่างสูงแล้วยิ้มออกมา ปกติคนอย่างฮีซอลไม่ใช่พวกรักเด็กเท่าไหร่
แต่ดวงคมของเด็กร่างสูงที่แว่นตาอันใหญ่โตไม่สามารถบดบังได้นั้นทำให้เขาพอใจได้อย่างประหลาด
พอดูใกล้ๆเด็กคนนี้หล่อมากกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก ถ้าตัดผมตัดเผ้าที่ยาวแบบไม่เป็นทรงนี้ออก
ปรับเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวให้ทันสมัยขึ้นอีกเล็กน้อย คิมฮีซอลรับรองได้...
เด็กคนนี้ไม่ต่างจากพวกคุณชายตระกูลใหญ่ที่นั่งอยู่ในร้านของเขาเป็นแน่
“ ตามหาคน? ใครครับ บอกมาสิเผื่อผมรู้จัก ”
“ ยุนโฮ...ยุนโฮ
อินคิวบัส ”
คำตอบจากเด็กหน้าหวานทำให้ดวงตากลมโตของราชินีแม่มดเบิกกว้าง แค่มาหายุนโฮก็ว่าแปลกแล้ว
แต่มาหายุนโฮที่เป็นอินคิวบัสนี่ยิ่งไม่น่าเชื่อเข้าไปใหญ่ ในเมื่อหมอนั่นสละปีกแห่งจอมมารไปแล้วตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน เจ้าพวกนี้ก็ดูไม่น่าจะใช่พวกทาสดนตรีของยุนโฮเพราะถ้าใช่เขาเองก็ต้องคุ้นหน้าอยู่บ้าง หรือเจ้าหมอนั่นจะไปก่อเรื่องอะไรไว้อีกโดยที่เขาไม่รู้ แต่ก็ไม่น่าเป็นไปได้ ถ้าไม่นับเรื่องผู้หญิงยุนโฮก็อยู่แบบสงบราวกับหมีจำศีลแทบจะไม่ข้องเกี่ยวกับใครมานานแล้ว
“ คุณยุนโฮเหรอครับ เขาเป็นลูกค้าประจำของทางร้านเราครับ ”
“ งั้นเหรอ แล้ววันนี้เขาอยู่ไหม ”
“ อยู่ครับ แต่ว่า
ปกติเขาไม่ชอบให้ใครเข้าไปยุ่ง ”
“ พอดีเรามีธุระกับเขา ” แจจุงเอ่ยออกไป
“..............................” คิมฮีซอลขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัย
“ ผมอยากคุยกับเขาเรื่องกลอง ”
“..............................”
“ ได้ยินมาว่าเขาตีกลองเก่ง ผมอยากให้เขามาเล่นให้วงของพวกเรา ” แจจุงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ถึงจุดประสงค์ในการมาเหยียบที่แห่งนี้
แสงไฟสีเหลืองอ่อนที่ส่องสะท้อนจากเสาอควาเรี่ยมเผยให้เห็นใบหน้าของคนพูดได้อย่างชัดเจน
ฮีซอลจ้องมองใบหน้าของหนุ่มน้อยอย่างพิจารณา สวย
ยิ่งดูใกล้ๆยิ่งสวย ใบหน้าหวานและดวงตาดำขลับของคนตรงหน้าพาลให้เขาหวลนึกถึงใครบางคนที่เคยรู้จักในอดีต
“ พวกคุณไม่รู้เหรอว่าเขาไม่ได้ตีกลองแล้ว ”
“ รู้ ” แจจุงตอบห้วนๆก่อนจะส่งสายตาถมึงทึงให้อีกฝ่าย
แม่งจะถามให้ได้โล่ห์รึไงวะ
.น่ารำคาญฉิบหายเลย
“..............................” ฮีซอลยิ้มบางๆกับท่าทีของแจจุง
หึ
ยัยเด็กนี่คงจะแสบไม่เบา
ทั้งที่รู้ก็ยังมาแสดงว่าเจ้าพวกนี้ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับยุนโฮเลยนอกจากที่ว่ายุนโฮตีกล่องเก่ง
จะกล้าเกินไปหน่อยแล้วมั้ง คิมฮีซอลไม่ปฏิเสธว่ายุนโฮฝีมือขั้นเทพแต่เจ้านั่นก็อันตรายขั้นเทพเหมือนกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กหน้าหวานที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาคนนี้
อาหารโปรดของปีศาจ
ฉันควรช่วยเธอดีหรือเปล่า..เด็กน้อย ถ้าเธอได้เจอกับเจ้านั่น...คำตอบมันมีไม่มากนักหรอก
เรื่องกลองอย่าไปหวังเลย ฉันพนันด้วยเกียรติของแม่มดว่าเจ้านั่นมันไม่มีทางตกลงอยู่แล้ว
เพราะพวกเธอไม่ใช่รายแรก หลายคนที่เข้ามาล้วนกลับไปมือเปล่า
ถ้าเธอโชคดี ยุนโฮไม่สนใจ
เธอก็แค่โดนไล่ตะเพิดกลับไป
แต่ถ้าเธอโชคร้าย เจ้านั่นดันถูกใจเธอขึ้นมา
.ฉันไม่อยากจะจินตนาการเลย
เด็กน้อย
ปีศาจมันมีเล่ห์เหลี่ยมเยอะ จนลูกเป็ดอย่างเธออาจจะตามไม่ทันก็ได้
“ คุณรู้ไหมว่าอินคิวบัสหมายถึงอะไร ”
แจจุงส่ายหน้าเบาๆ
“ ปีศาจแฝงฝัน ”
ปีศาจที่แสนจองหองและร้ายกาจ
ปีศาจที่จะพรากความบริสุทธิ์และไร้เดียงสาไปจากเธอ
ถ้าพลาดเพียงครั้ง...จะต้องตกอยู่ในวังวนแห่งมนตราไปชั่วกัปชั่วกัลป์
“ ผมไม่รู้หรอกว่าคุณกำลังอยากบอกอะไร ผมแค่มาหาคนชื่อยุนโฮ ถ้าไม่พาไปก็ช่วยหลีกทางด้วย”
แจจุงพูดออกไปห้วนๆ ไม่ได้อยากรู้สักหน่อย จะเป็นปีศาจเป็นมารที่ไหนก็ไม่เกี่ยวกับเขาอยู่แล้ว
ที่อุตส่าห์ถ่อมาถึงที่นี่ก็แค่อยากได้คนมาเล่นแทนฮยอคแจ แค่อยากเห็นเองกับตาว่าหมอนั่นเก่งอย่าง
ที่คังอินบอกหรือเปล่าก็เท่านั้น
คิมฮีซอลแอบยิ้มในใจ
ดวงตากลมโตที่จ้องมองมาดูแน่นิ่งไม่มีประกายไหววูบใดๆทั้งสิ้นแบบนี้ แสดงว่ามั่นใจในตัวเองอยู่ไม่น้อย
เอาสิ...ถ้าเธอมุ่งมั่นขนาดนี้จะช่วยสนองให้
แม่มดอย่างฉันไม่ได้เจอเรื่องสนุกๆมานานแล้วด้วย
อยากรู้เหมือนกันว่าลูกเป็ดอย่างเธอจะสู้กับปีศาจอย่างไร
“ เข้าใจแล้วครับ ตามมาสิผมจะพาไปหาเขา ”
เด็กหนุ่มทั้งสามเดินตามร่างบางของนางพญาฮีซอลผ่านบันไดเวียนขึ้นมาที่ชั้นสองของร้านซึ่งพื้นที่ถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่ง คนสวยเดินนำพวกเขามาหยุดอยู่ที่พื้นต่างระดับตรงปีกซ้ายของชั้นซึ่งถูกตบแต่งไว้อย่างสวยงามไม่ต่างกับชั้นล่าง
“ นั่นไง...คุณยุนโฮ ”
ทั้งสามคนหันไปตามทิศที่ฮีซอลเพยิดหน้า ....โซฟาหนังสีดำตัวยาวเต็มไปด้วยเหล่านารีรูปงามภายใต้
อาภรณ์ชั้นดีที่กำลังโยกย้ายส่ายสะโพกไปตามเสียงเพลง มือข้างหนึ่งถือแก้วทรงเหลี่ยมบรรจุน้ำสีอำพัน
มือข้างหนึ่งคีบบุหรี่ในขณะที่ริมฝีปากก็พ่นควันใส่กันไปมาราวกับเป็นเรื่องสนุก ใบหน้าที่เคลือบด้วย
เครื่องสำอางราคาแพงทำให้เมรีขี้เมาเหล่านี้ดูสวยงามอยู่ไม่หยอก แต่ที่โดดเด่นกว่าคนอื่นๆเห็นจะเป็น
ร่างบางในชุดเดรสเกาะอกสีชมพูสดที่ตอนนี้ล่นลงมากองอยู่ตรงเอวของเจ้าตัว เผยให้เห็นแผ่นหลังเปลือยเปล่า
ที่กำลังบิดเร้าไปมา มือใหญ่ที่ลูบไล้อย่างเมามันอยู่ตรงช่วงบั้นท้ายบ่งบอกให้รู้ว่าสาวน้อยใจกล้ากำลังนั่งคร่อมตัวอยู่บนตักของชายหนุ่มที่แทบไม่ต้องเสียเวลาคิดให้หนักสมองเลยว่าเป็นใคร
ยุนโฮ
อินคิวบัส
“ คะ.. คนนี้...นะ แน่เหรอชางมิน ” คิมจุนซูผู้ที่มีภูมิต้านทานเรื่องสกปรกโสโครกใต้สะดือต่ำกว่าทุกคน
เอ่ยออกมาแบบตะกุกตะกักพลางใช้มือจับชายเสื้อของรุ่นน้องร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ
ในขณะที่คนโดนดึงก็อึ้งไม่แพ้กัน
หูย ..อะไรมันจะขนาดนั้นครับพี่น้องอย่างกับดูหนังเอวีอยู่ก็ไม่ปาน
“ คนนี้แหละครับ ” ฮีซอลกระซิบบอก สีหน้าเหรอหราของจุนซูทำให้คนสวยหลุดหัวเราะในลำคอ
ผิดกับคนสวยอีกคนที่ขำไม่ออก
ไอ้ห่านี่...ถ้าอยากมากทำไมไม่เปิดโรงแรมให้แม่งรู้แล้วรู้รอดวะ
กลัวลูกอ๊อดในตัวมึงหมดอายุหรือไง
“ ยุนโฮ มีคนอยากเจอคุณแหน่ะ ”
เสียงเรียกจากฮีซอลทำให้ฝ่ามือที่กำลังเล่นซุกซนอยู่บนเรือนร่างของหญิงสาวหยุดชะงัก ยุนโฮเงยหน้า
จากยอดอกของร่างบางบนตัก ก่อนจะเหลือบตามองตามเสียงเรียกผ่านไหล่เนียนขาว น่าแปลกที่ตรงหน้ามีคนยืนอยู่สี่คนแต่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถดึงดูดสายตาของจอมมารได้ ถ้าแผ่นอกไม่ราบเรียบขนาดนี้เขาคงดูไม่ออกว่าคนที่ยืนทำหน้าสวยอยู่นี้เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง เรือนกายผอมบางในชุดกางเกงยีนส์สีซีดเข้ารูปกับเสื้อยืดสกรีนลายสีดำราคาถูกดูเซ็กซี่อย่างไม่นาเชื่อ ผิวเนื้อขาวเนียนราวกับหิมะ คิ้วโก่งดังคันศรรับกับดวงตาสีนิลดูน่าหลงไหล ริมฝีปากอวบอิ่มสีกุหลาบช่างเย้ายวนจนอยากจะเอาริมฝีปากของตัวเองเข้าไปประกบ องค์ประกอบทุกอย่างบนร่างบางช่างดูลงตัวไปหมด ไม่อยากจินตนาการเลยว่ารสชาติของคนตรงหน้าจะหวานหอมขนาดไหนยามที่ได้สัมผัส งดงามจนอยากจะได้มาครอบครองไว้ใต้ปีกเพียงครั้งแรกที่เห็น
“ ลงไปก่อน ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกร่างบางออกจากตัว หญิงสาวใช้มือเล็กๆดึงเสื้อผ้าของตน
ให้มาอยู่ตำแหน่งที่เหมาะสมพลางส่งสายตาค้อนๆให้พวกที่มาขัดขวางความสุขในการสมสู่กับจอมมาร
ที่ตนเองพยายามแทบตายกว่าจะกระเสือกกระสนเข้าใกล้ได้ขนาดนี้
แสงไฟที่พาดผ่านทำให้แจจุงมองเห็นร่างตรงหน้าที่ไร้การบดบังจากเรือนกายของนารีได้อย่างชัดเจน
ร่างสูงผิวสีขาวในชุดเสื้อเชิ้ตพับแขนสีเขียวหม่นทับเสื้อกล้ามตัวในสีขาว กางเกงยีนส์เดนิมสีเข้มเนื้อดี
ดวงตาเรียวเข้ากันอย่างลงตัวกับจมูกโด่งคม ริมฝีปากหยักได้รูป เส้นผมสีน้ำตาลเข้มซอยสั้นที่ปัดข้างหน้าขึ้น
ให้ดูยุ่งๆเล็กน้อยทำให้คนตรงหน้าดูเท่ห์เกินคำบรรยาย
ไอ้นี่มันใช่คนแน่เหรอวะ
แม่งหล่อกว่ากูอีก
“ มีธุระอะไร ” เสียงทุ้มนุ่มน่าฟังที่หลุดออกมาจากริมฝีปากของจอมมารทำให้ลูกเป็ดตัวน้อยกระตุกวาบราวกับเพิ่งตื่นจากภวังค์
“ เอ่อ
”
“..............................”
“ ได้ยินมาว่านายตีกลอง ฉันเลย...”
“ ฉันเลิกเล่นแล้ว ” เสียงทุ้มตัดบททั้งที่ร่างบางยังพูดไม่จบ ก่อนจะหยิบบุหรี่ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาจุด
ใบหน้าคมคายเสมองไปยังผู้คนที่กำลังวาดลวดลายเท้าไฟอยู่ตรงกลางฟลอร์ด้านล่าง ทำท่าราวกับ
ไม่สนใจการมีตัวตนของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“ นายจะไม่ฟังฉันพูดให้จบก่อนเหรอ ” ท่าทีของร่างสูงที่ทำเหมือนกับว่าเขาเป็นเพียงอากาศธาตุ
ทำให้แจจุงเริ่มไม่สบอารมณ์
“ ไม่จำเป็น ” ริมฝีปากหยักพ่นควันสีหมอกออกมาช้าๆ ในขณะที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่เดิม
“..............................”
“ บอกมาซิว่าพวกนายมีดีอะไร ” ยุนโฮดันร่างของตัวเองขึ้นจากโซฟา แล้วเดินเข้ามาใกล้ร่างบาง
“..............................” คนโดนถามไม่ตอบเพราะกำลังรู้สึกอึดกับสายตาดุดันที่จับจ้องมาอย่างไม่ลดละ
ราวกับว่าอากาศรอบตัวกำลังหายไปทีละน้อยๆ
เกลียด...แจจุงเกลียดสายตาแบบนี้
สายตาที่แฝงไว้ด้วยด้วยความดูแคลนอันน่าสะอิดสะเอียน
“ อุตส่าห์ให้โอกาสโฆษณาตัวเอง หึ...ถ้าแค่ข้อดีของตัวเองยังไม่รู้ ฉันก็คงไม่จำเป็นต้องลดตัวลงไปเกลือกกลั้วกับพวกเธอหรอกมั้ง ” ร่างสูงพูดออกไปพร้อมรอยยิ้มร้าย ก่อนจะยกแท่งสีขาวในมือขึ้นมาสูบ
ควันกลิ่นฉุนถูกพ่นใส่ใบหน้าขาวใสด้วยหวังจะยั่วยุอารมณ์ของอีกฝ่าย ยุนโฮยิ้มบาง ดวงตาคมพิจารณา
ร่างบางที่กำลังกระแอมไอด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ความจริงไม่ได้รังเกียจอะไรคนตรงหน้า
แต่คนสวยหน้าตาขมึงตึงที่กำลังสั่นด้วยความโกรธนั้นมันดูน่ารักไม่หยอกจนเขาอดที่จะแกล้งไม่ได้
สายตาดุดันจากดวงตากลมโตที่ฉายออกมาราวกับว่าจะข่มขู่ให้เขาหวาดกลัวนั้นมันช่างไร้ผล
ในสายตาของยุนโฮร่างบางไม่ต่างอะไรกับลูกแมวยั่วสวาทตัวน้อยที่พยายามจะแปลงร่างเป็นนางพญาเสือ
...มันไม่น่ากลัวเลยสักนิด กลับน่าสั่งสอนให้เชื่องเสียมากกว่า
จุนซูกระตุกชายเสื้อของรุ่นน้องร่างสูงแรงๆ เมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มไม่ดี กลัวเหลือเกินว่าปรอทอารมณ์ในตัวของเพื่อนรักจะเบิดออกจนควบคุมไม่อยู่ ชางมินที่เข้าใจความหมายจากการกระทำของจุนซู
เป็นอย่างดีพยายามจะเดินเข้าไปดึงพี่ชายหน้าหวานให้ออกจากสถานการณ์ที่ล่อแหลมต่อการวิวาท
แต่กลับถูกมือเรียวขาวของคนสวยเจ้าของถิ่นรั้งไว้เสียก่อน ใครจะว่าคิมฮีซอลโรคจิตก็ได้
แต่เพราะตอนนี้เขากำลังสนุกกับฉากสงครามย่อยๆตรงหน้าเสียจนไม่อาจให้ใครมาขัดจังหวะได้
ถ้าหากการรบกันครั้งนี้ของท่านจอมมารกับลูกเป็ดตัวจ้อยจะทำให้ร้านของเขาต้องเสียหายไปบ้างก็ไม่เป็นไร
คิมฮีซอลยอมได้จนกว่าจะรู้ว่าสุดท้ายแล้วใครได้ยืนอยู่บนยอดเขาแห่งชัยชนะ
“ ยุนโฮ ” แจจุงเรียกชื่ออีกฝ่ายโดยพยายามระงับเสียงตัวเองไม่ให้สั่นในยามที่ความอดกลั้นใกล้จะถึงขีดสุด
“ นี่ยัยเปี๊ยก เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นสักหน่อย อย่ามาเรียกชื่อฉันเฉย ๆ ต้องเรียก...ชองยุนโฮ
ไหนพูดตามสิเด็กน้อย.. ชองยุนโฮ ”
“ ชอง...ยุน...โฮ ” เด็กว่าง่ายเรียกชื่อของร่างสูงออกมาช้าๆแบบชัดถ้อยชัดคำราวกับจะย้ำเตือนตัวเองว่าอย่าได้ลืมเลือนชื่อที่สุดแสนจะอัปรีย์นี้เด็ดขาด
“ หึหึ..ดีมาก ” เจ้าของชื่อแสยะยิ้มพลางใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งลูบเรือนผมของคนตรงหน้าด้วยความเอ็นดู
ก่อนจะใช้มืออีกข้างโอบเอวบางเข้ามาแนบชิดอย่างถือวิสาสะ
ยุนโฮเลื่อนใบหน้าหล่อคมเข้าไปใกล้ร่างบาง
“..............................”
“ แต่จะดีกว่านี้แน่ยัยเปี๊ยก...นอนกับฉันสิ ถ้าเธอทำให้ฉันพอใจ ฉันก็จะลองเอาเรื่องที่เธอพูดไปคิดดู ”
เสียงทุ้มกระซิบแผ่วเบาที่ข้างใบหูนิ่ม ก่อนจะกดริมฝีปากลงบนต้นคอขาวประทับรอยแห่งความปราชัยให้อีกฝ่าย
เธอแพ้แล้ว...ลูกแมวน้อย
คิมแจจุงยืนกำมือแน่นแน่นิ่งราวกับฝ่าเท้าถูกตรึงไว้ ความรู้สึกร้อนราวกับน้ำเดือดกำลังแล่นไปตามขาและแขน
คำพูดและการกระทำของแสนอันหยาบคายแสนชั่วช้าของร่างสูงทำให้เส้นแห่งความอดทนเส้นสุดท้ายขาดผึง
เกลียด...คิมแจจุงเกลียดคนแบบนี้ที่สุด
เกลียด...คิมแจจุงเกลียดคนที่เห็นศักดิ์ศรีของผู้อื่นเป็นของที่ไร้ค่า
เกลียดเข้ากระดูก
จะเก่งแค่ไหนก็ไม่ต้องการแล้ว...
ไม่อยากได้แล้ว...
“ ชองยุนโฮ ”
“ กลัวลืมหรือไง ไม่ต้องเรียกบ่อยหรอก เก็บไว้เรียกตอนครางอยู่บนตัวฉันดีกว่า ”
“ ชองยุนโฮ ....หยุดเห่าได้หรือยัง
.ไอ้ชาติหมาเอ๊ย ” แจจุงสบถใส่ใบหน้าหล่อคม ก่อนจะใช้แขนเรียว
ผลักอกร่างสูง
‘พลัก!!’
หมัดลุ่นๆถูกปล่อยออกมาอย่างสุดแรงกระแทกเข้าที่ปลายคาง
ทำเอาท่านจอมมารลงไปกองกับพื้นทันที
“ มึงคิดว่ามึงเป็นใคร ห๊า! !”ขาเรียวยาวกระทืบซ้ำเข้าไปที่หน้าท้องร่างสูง เหล่านางบำเรอน้อยใหญ่พากันส่งเสียงกรีดร้องระงมวิ่งพล่านด้วยความตกใจ
“ วิเศษมาจากไหนกันถึงได้กล้ามาดูถูกคนอื่นแบบนี้ ไอ้สันดาน
รู้ไว้ซะด้วยว่าที่กูมาวันนี้ก็แค่อยากมาเห็นด้วยตาตัวเองว่ามือกลองที่เค้าว่ากันว่าเก่งหนักหนาหน้าตาเป็นยังไง
หึ... ถ้ารู้ว่าสันดานต่ำขนาดเนี้ย กูไม่มาให้เสียเวลาหรอกโว้ย
ถ้าจะปฎิเสธไม่เล่นให้กูไม่ว่า แต่อย่ามาดูถูกพวกกู
คนที่ทำอะไรไม่เป็นนอกจากเอาน้องชายยัดใส่รูหลวมๆของผู้หญิงงี่เง่าพวกนั้นอย่างมึงไม่มีสิทธ์เหยียบย่ำ
ศักดิ์ศรีของคนอื่น หึ..ข้อดีของกูคืออะไรรู้ไหม
ข้อดีของกูก็คือการเกิดมากำจัดพวกสวะอย่างมึงไง
เรื่องดีๆหัดเอาใส่สมองซะบ้างนะ เผื่อจิตใจต่ำๆของมึงจะได้สูงขึ้นมาบ้าง
ไอ้สัตว์นรก ”
ดวงตาคมทอดมองร่างสูงด้วยคงามเกลียดชัง
แค่นี้มันยังน้อยไป สำหรับแววตาเย่อหยิ่งถือดีและการทำลายความศรัทธาในตัวเองของคนอื่น
นายสมควรโดนมากกว่านี้
.ชองยุนโฮ
“ อ้อ อีกอย่าง
จำไว้ว่าอย่าเรียกกูว่ายัยเปี๊ยก
ถ้าจะเรียก..ก็เรียกว่าท่านคิมแจจุง เข้าใจไหม..ไอ้โง่ ” แจจุงกล่าวคำอำลาพร้อมชูนิ้วกลางข้างซ้ายให้คนตรงหน้า
“ กลับ ” คำสั่งสั้นๆที่คนฟังอย่างจุนซูและชางมินรีบปฏิบัติตามทันทีอย่างไม่รีรอเพราะเกรงว่าขืนชักช้าอาจโดนลูกหลงจากพายุอารมณ์ที่กำลังโหมกระหน่ำอยู่ตอนนี้ได้ จุนซูและชางมินโค้งศรีษะเล็กน้อยให้คิมฮีซอลก่อนจะรีบเดินตามคนสวยออกไป
ยุนโฮใช้มือแกร่งยันตัวเองจากพื้นขึ้นมาอยู่ในท่านั่ง นัยตาคมมองตามร่างบางที่กำลังเดินแหวกฝูงชน
ด้านล่างออกไปอย่างไม่เกรงกลัวใคร
“ ฮ่าๆๆๆ ”
“ หัวเราะอะไรพี่ ผมเจ็บอยู่นะ ”
“หึ
อย่ามาโกหก แค่นี้นายไม่เจ็บหรอก สมน้ำหน้าอยากไปแกล้งเขาก่อนทำไมหล่ะ ”
“ ก็เห็นว่าน่ารักดี ใครจะไปรู้ว่าดุขนาดนี้
เฮ้อ ” ร่างสูงถอนหายใจออกมาเบาๆ ยุนโฮทิ้งกายลงกับ
พื้นอีกครั้งมือเรียวลูบที่ปลายคางของตัวเองไปมาก่อนจะหยุดปลายนิ้วที่ริมฝีปากหยัก ยุนโฮหลับตาลงช้าๆ
พยายามซึมซับกลิ่นหอมแปลกๆที่หลงเหลืออยู่
คิมฮีซอลแสยะยิ้มกับท่าทางของยุนโฮ
ซวยแล้วยัยลูกเป็ดน้อย
“ แล้วจะเอายังไง ”
“ หึ
ทำกับผมไว้ขนาดนี้ ผมไม่ยอมแน่ ” ร่างสูงเอื้อนเอ่ยทั้งที่ยังหลับตา
“ ที่ว่าไม่ยอมหมายถึงอะไรเหรอน้องรัก
ไม่ยอม
.ต้องเอาคืนให้สาสม
หรือว่า ไม่ยอม
ปล่อยให้หลุดมือกันแน่ ”
สัญชาติญานของแม่มดของฉันบอกว่าปีศาจแฝงฝันอย่างนายกำลังต้องการไอชีวิตของลูกเป็ดหน้าหวาน ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ตอนแรกฮีซฮลคิดว่าเด็กคนนั้นคงโดนชกสักทีสองทีโทษฐานท้าทายอำนาจของปีศาจ
แต่ยุนโฮกลับไม่ตอบโต้อะไรเลย ลองเป็นคนอื่นถ้าทำแบบนี้รับรองมันได้ชะตาขาดแน่
“ ฮ่าๆๆ ไม่รู้สิฮะ ” ยุนโฮตอบออกไปตามที่คิด
วูบหนึ่งอยากสวนกลับให้เจ็บแสบแต่ก็กลัวว่าใบหน้าสวยๆจะเป็นรอย
ใจหนึ่งอยากจะทำลายเสียให้สิ้นซาก
ใจหนึ่งอยากจะค้นหาให้ถึงเนื้อใน
บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ารู้สึกอย่างไรกับสายตาคู่นั้นกันแน่
พอๆกับที่ไม่รู้ว่า
ทำไมเลือดที่ไหลอยู่ในปากจากฝีมือของคนๆนั้นถึงได้หอมหวานขนาดนี้
“ คิมแจจุง แล้วเจอกัน
ยัยเปี๊ยก”
To be continued
Talk :
สวัสดีค่ะ วันนี้เอา Chapter หนึ่งมาลงให้แล้วนะคะ
เนื่อเรื่องตอนนี้อาจจะยังไม่มีอะไรมากเพราะมันเป็นแค่การปูเรื่องเฉยๆ
แต่ว่าแจจุงก็ได้เจอกับปีศาจแฝงฝันแล้ว หุหุ
ไม่อยากจะบอกเลยว่าไรเตอร์เพิ่งสำเหนียกได้ว่าการแต่งเรื่องยาวมันยากมากเลยนะเนี่ย
อยากขอบคุณคนแต่งฟิคคนอื่นๆที่เคยอ่านมามากเลยคะ
สำหรับตอนใหม่จะมาเมื่อไหร่ อันนี้บอกไม่ได้เหมือนกัน
แต่จะพยายามไม่ดองค่ะ
ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ
อ๊ะ ลืมบอกไปเผื่อมีคนสงสัยที่ไรเตอร์เรียกฮีซอลว่าแม่มด
ความจริง Reina Bruja เป็นภาษาสเปนแปลว่าราชินีแม่มดค่ะ
ความคิดเห็น