ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    =+ The Rhythm of Demon, The Sound of Love += (TVXQ : Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #2 : :: Chapter 1::

    • อัปเดตล่าสุด 14 มิ.ย. 52


     

    The Rhythm of Demon, The Sound of Love : Chapter 1

    Author: Daisyincubus

    Category: Drama, Romance, Angst

    Pairing: Yunho x Jaejoong , Yuchun x Junsu

    Rating: ???

     

     

     

     

    ░▓◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫▒ ░▓

     

     

    The Rhythm of Demon, The Sound of Love

     

     

    :: Chapter 1::

     

     

     

    รู้จักไหม

     

    “.......................”

     

    ไม่รู้จักเหรอ

     

    “......................”

     

    ทำไมไม่รู้ว่ะ......เบื่อโว๊ย!!

     

    ร่างบางเจ้าของใบหน้าหวานดิ้นพล่านไปมาบนพรมสีเทาราคาแพง ฝ่าเท้าขาวเนียนถูกยกขึ้นมาทำท่าถีบไปถีบมากลางอากาศราวกับเด็กน้อยเวลาที่ถูกขัดใจ มือเรียวยาวขยี้เรือนผมอ่อนนุ่มของตัวเองเสียจนยุ่งเหยิง

    เมื่อความคิดต่างๆในหัวพันกันจนแยกไม่ออก ภาพสายน้ำเกลือและสายออกซิเจนระโยงระยางพาดผ่านร่าง

    ของเพื่อนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงสีขาวทำให้แจจุงอดเป็นห่วงไม่ได้ถึงแม้คุณหมอบอกว่าฮยอคแจปลอดภัยแล้ว

    ก็ตาม เจ้านั่นคงเจ็บน่าดู ดีที่คู่กรณียอมจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้เขาจึงสบายใจไปได้เปราะหนึ่ง ไม่งั้นต้องมา

    นั่งกลุ้มอีกว่าจะไปหาเงินจากที่ไหนมาจ่าย แค่เรื่องมือกลองชั่วคราวที่จะหามาแทนฮยอคแจนี่ก็ปวดหัวจะตาย

    อยู่แล้ว ร่างบางถอนหายใจออกมาก่อนจะเบนใบหน้าขาวใสไปทางเจ้าสิ่งมีชีวิตขนปุยอีกครั้ง ตากลมโตจ้องเขม็งไปยังร่างเล็กสีขาวที่กำลังสั่นน้อยๆด้วยความกลัว ท่าทางราวกับจะกินเลือดเนื้อของร่างบางพาลให้เจ้าตัวเล็กเริ่ม

    ขยับกายหลีกเลี่ยงตามสัญชาติญาณเมื่อรู้ว่าภัยกำลังมาถึงตัว แต่ไม่ทันที่จะหนีพ้น มือขาวๆของคนสวยก็ประกบเข้ากับสีข้างของอีกฝ่าย ก่อนจะซุกใบหน้าตามลงไปแล้วใช้จมูกโด่งรั้นบดเบียดหนักๆจนเจ้าตัวน้อย

    ต้องร้องออกมา

     

    เอ๋ง.. เอ๋ง

     

    นี่แหนะ แค่นี้ไม่รู้เหรอโปจินี่แหนะตายซะเถอะ

     

    ทำอะไรหน่ะพี่แจจุง เดี๋ยวเจ้าโปจิก็ขาดใจตายหรอก ร่างสูงของมือคีบอร์ดและซินธิไซเซอร์ประจำวง

    ที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องครัวเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าพี่ชายหน้าสวยกำลังทำการทารุณกรรมสัตว์เลี้ยงตัวโปรด

    ของพี่จุนซู

     

    ก็ฉันถามแล้วมันไม่ตอบ เลยลงโทษมันซะเลย นี่แหน่ะ

     

    พี่เป็นพวกซาดิสหรือไง หมาก็ยังไม่เว้น

     

    แจจุงหันขวับไปทำตาถลึงใส่น้องชายร่วมวงทันที ก่อนที่ริมฝีปากอวบอิ่มจะเอื้อนเอ่ยคำพูดไพเราะเสนาะหูตามแบบฉบับของเจ้าตัว

     

    อยากโดนแบบโปจิเหรอ ไอ้เด็กเปรตมาโซ

     

    ชางมินหยักไหล่แบบไม่กลัวตายด้วยชินแล้วกับอารมณ์ผีเข้าผีออกของอีกฝ่าย มือใหญ่วางจานขนมที่ถือมาลงบนโต๊ะไม้ทรงเตี้ยสีน้ำตาลเข้ม ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเบาะรองนั่งลายทางสีดำสลับขาวที่อยู่ข้างกัน

    ร่างสูงมองร่างบางของคนเป็นพี่ที่ยังไม่เลิกรุกรานอิสระภาพของลูกหมาตัวน้อย

     

    สปีชี่ย์เดียวกันแท้ๆยังรังแกมันอยู่ได้นะพี่แจจุง….

     

    ชางมินส่ายหน้าเบาๆอย่างเอือมระอา ก่อนจะหันมองออกไปนอกหน้าต่างบานใหญ่ ภาพของใบไม้สีเขียวปลิวไหวยามเมื่อมีลมพัดผ่านทำให้รู้สึกสดชื่นได้อย่างประหลาด วันนี้หลังจากไปเยี่ยมพี่ฮยอคแจ

    ที่โรงพยาบาล พี่ยูชอนก็แยกตัวไปทำงานพิเศษอย่างเคย เขากับพี่อีกสองคนที่เหลือจึงกลับมารวมตัวกัน

    ในสถานที่ซึ่งพี่แจจุงเรียกสั้นๆว่ารัง ห้องนั่งเล่นตรงปีกซ้ายของบ้านชั้นเดียวหลังใหญ่ถูกนำมาประยุกต์

    เป็นห้องซ้อมดนตรีสำหรับสมาชิกทั้งห้าของวงเลวีอาธานด้วยความเมตตาของเจ้าของบ้าน

    นอกจากจุนซูแล้วสมาชิกที่เหลือก็ไม่ใช่พวกร่ำรวยอะไร แจจุงกับชางมินเองก็มาจากครอบครัวฐานะปานกลาง

    การไปเช่าห้องซ้อมสภาพดีที่ราคาแพงหูฉี่จึงถือเป็นเรื่องเกินตัว กอรปกับการที่พ่อแม่ของจุนซูไม่ค่อย

    อยู่บ้านเพราะต้องไปทำงานต่างประเทศ เจ้าตัวจึงออกปากให้เพื่อนๆในวงมาใช้สอยพื้นที่ของตนได้

    ตามสะดวก ห้องสี่เหลี่ยมขนาดกำลังพอดีถูกตกแต่งแบบเรียบง่ายในโทนสีเทาอมดำโดยฝีมือของมัณฑนากร

    ที่ชื่อแจจุงและชางมิน ผนังด้านหนึ่งประดับด้วยภาพ Portrait ลอกลายขนาดยักษ์ของเทพเจ้าเพลงกรันจ์

    เคิร์ท โคเบน แห่งวงเนอร์วาน่าโดยจิตรกรคนเก่งอย่างยูชอนและฮยอคแจ แม้ไม่ใช่สตูดิโอสุดเพอร์เฟ็ค

    ที่มีเครื่องไม้เครื่องมือทุกอย่างครบครัน แต่ห้องธรรมดาๆห้องนี้ก็ดีเพียงพอสำหรับการแต่งเติมความฝันและ

    เติมเต็มความหลงไหลในเสียงดนตรีของพวกเขาได้

     

     

    ทำอะไรหน่ะแจจุง อย่าแกล้งโปจิสิ เสียงแหบเล็กของเจ้าของบ้านดุออกมาอย่างไม่จริงจักนัก

    เมื่อเห็นว่าร่างน้อยๆของลูกรักกำลังตกอยู่ในอุ้งมือมารอย่างเพื่อนร่วมวงหน้าหวาน จุนซูวางแก้วบรรจุน้ำ

    รสขมสีเข้มที่ตนเพิ่งชงเสร็จไว้ข้างจานสีขาว ก่อนจะหยิบขนมชิ้นเล็กสีสวยในนั้นขึ้นมากิน

     

    กะ...ก็เจ้าโปจิมันไม่ยอมตอบคำถามนี่

     

    ฉันเพิ่งรู้นะว่าแจจุงคุยกับโปจิรู้เรื่อง จุนซูพูดพลางส่งแก้วใบหนึ่งให้ชางมิน

     

    โถ่จุนซูอ่ะ แจจุงงึมงำออกมาเบาๆทำเอาชางมินแทบจะสำลัก อดหมั่นไส้นักร้องนำของวงไม่ได้

    กับคนอื่นพี่แจจุงไม่เคยไว้หน้าแบบว่าด่าชาตินี้แต่เจ็บไปถึงชาติหน้า ทีกับพี่จุนซูกลับเสียงอ่อนเสียงหวาน

    ไม่กล้าเถียง สงสัยเขาจะทำบุญมาน้อย ศักดินาถึงได้ต่ำต้อยต่างกับมือกีตาร์าวฟ้ากับดินแบบนี้

     

    แล้วแจจุงถามอะไรโปจิหล่ะ จุนซูเอ่ยถามด้วยความสงสัย ถึงขนาดลงไปคุยกับโปจิได้แสดงว่าเจ้าตัว

    คงมีเรื่องที่คิดไม่ตกอยู่จริงๆ

     

    ฉันถามมันว่า...รู้จักอินคิวบัสไหม พูดเสร็จร่างบางก็ยันตัวขึ้นมานั่ง แจจุงเกยคางไว้กับเข่าข้างหนึ่ง

    ของตัวเอง ก่อนจะใช้มือเรียวยื่นออกไปรับแก้วกาแฟมาจากมือของจุนซู เจ้าโปจิลูกสุนัขพันธ์มัลทีสตัวจิ๋ว

    จึงได้โอกาสรีบวิ่งไปหลบใต้กระเดื่องกลองที่ตั้งอยู่ตรงมุมห้อง

     

    อินคิวบัสเหรอ คิ้วเรียวบนใบหน้ากลมของจุนซูเลิกขึ้นเล็กน้อย

     

    นายรู้จักไหม

     

    คนถูกถามส่ายหน้าไปมาแทนคำตอบ

     

    แต่ผมรู้

     

    จริงเหรอ

     

    ก็อินคิวบัสวงดนตรีจากอเมริกาที่นักร้องนำชอบถอดเสื้อร้องเพลงไงพี่ ชางมินอธิบายพลางนึกภาพของแบรนดอนนักร้องนำของวงดนตรีอัลเทอเนทีฟร็อกชื่อดังที่มักเปลือยกายท่อนบนเวลาเล่นคอนเสิร์ต

    กางเกงเอวต่ำแบบจะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่เรียกเสียงฮือฮาจากแฟนเพลงสาวๆได้เป็นอย่างดีจนได้รับฉายา

    ว่าเป็นหนึ่งในนักร้องนำสุดเซ็กซี่คนหนึ่งของโลก

     

    ไม่ใช่วงนั้นโว้ย ถ้าวงนั้นฉันก็รู้จัก

     

    ไม่ใช่วงนี้แล้วมันวงไหนหล่ะฮะ

     

    คนเกาหลีนี่แหละ อินคิวบัสที่เป็นมือกลอง แกรู้จักไหม

     

    ชางมินส่ายหน้า ถ้าพูดถึงอินคิวบัสเขาก็นึกออกแค่ชื่อของวงดนตรีกับชื่อปีศาจในตำนานโบราณของ

    ทางตะวันตกเท่านั้น อินคิวบัสที่เป็นมือกลองอะไรนี่เขาไม่เคยได้ยินชื่อเลยสักครั้ง

     

    ว่าแต่พี่ถามทำไม อย่าบอกนะว่า.....

     

    ใช่อย่างที่นายคิดนั่นแหละ ฉันอยากได้เขามาเป็นมือกลองชั่วคราวให้วงเรา

     

    เขาเล่นเก่งมากเลยเหรอแจจุง จุนซูอดสงสัยไม่ได้ ถ้าลองแจจุงสนใจหรืออยากได้มาร่วมวง

    แสดงว่าคนๆนั้นต้องไม่ธรรมดา เพราะถ้าไม่เข้าขั้นตามมาตรฐานของนักร้องนำหล่ะก็

    ไม่มีทางได้เฉียดเข้าใกล้อาณาจักรเลวีอาธานเป็นแน่ อย่างพวกที่มาคัดตัวเมื่อวันก่อน ความจริงฝีมือบางคน

    ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ ถ้าลองได้ซ้อมสักหน่อยก็น่าจะเล่นเข้าขากับพวกเขาได้ แต่เป็นเพราะ…..

     

    ฉันไม่เอาพวกที่ไร้พลังหรอกนะ ถ้าทำให้ฉันขนลุกไม่ได้ก็ไม่เอา

     

    สุดท้ายการคัดตัววันนั้นจึงกลายเป็นเสียเวลาเปล่า

     

    ไม่รู้สิ คังอินแนะนำมา บอกว่าฝีมือดี ร่างบางตอบก่อนยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบ จุนซูและชางมินหันมามองหน้ากันโดยไม่นัดหมาย ต่างคนต่างรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยกับการที่แจจุงอยากได้มือกลองคนนี้มาร่วมวงทั้งที่ยังไม่เคยเห็นฝีมือ

     

    มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอพี่ ชางมินเอ่ยถาม

     

    แปลกยังไง แจจุงวางแก้วลงบนโต๊ะ มือขาวปัดปอยผมดำขลับที่เกะกะใบหน้าหวานของตนออก

     

    แปลกสิ….แปลกที่พี่เป็นฝ่ายวิ่งเข้าหา มันไม่ดูผิดวิสัยของพี่เกินไปหน่อยเหรอ ชางมินตอบออกไป

    ตามที่ตนรู้สึก คนที่ศรัทธาในตัวเองอย่างพี่แจจุงไม่มีทางวิ่งเข้าหาคนอื่นก่อนเป็นแน่ถ้าไม่จนตรอกแบบ

    ถึงที่สุด และถ้าถามความเห็นส่วนตัว ชางมินเองก็เห็นว่าเลวีอาธานยังไม่ได้ตกอยู่ในสภาวะการณ์เช่นนั้น

    ถึงแม้พี่ฮยอคแจบาดเจ็บและการคัดตัวมือกลองจะไม่สำเร็จก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีทางออกอย่างอื่นเสียหน่อย

     

    คำว่าอยากได้หลุดออกมาจากปากพี่ ทั้งที่พี่ยังไม่เคยเห็นฝีมือของเขาทำให้ผมแปลกใจเล็กน้อยฮะ ดวงตาคมภายใต้กรอบแว่นจ้องมองดวงตากลมใสแน่นิ่งราวกับจะทะลุให้ถึงความคิดที่อยู่ภายในใจของคนปากแข็ง

     

    นายเห็นคังอินเป็นพวกชอบโกหกหรือไง อีกอย่างฉันแค่ขี้เกียจหาแล้ว ร่างบางตอบแบบเลี่ยงๆ

    ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปอุ้มเจ้าโปจิที่นอนหลบอยู่มาลูบขนเล่น ไม่ใช่ว่าแจจุงไม่รับรู้ถึงสายตาเคลือบแคงสงสัย

    ของเพื่อนร่วมวงทั้งสอง แต่จะให้อธิบายอย่างไรในเมื่อตัวเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้เหมือนกัน

     

    นั่นสิทำไมกัน

     

    ฉันเองก็แปลกใจ

     

    คำว่าอยากได้ที่หลุดออกไปฉันแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

     

    ไม่ได้คิดเลยว่าอินคิวบัสเป็นคนแบบไหน

     

    ไม่ได้สนใจว่าหน้าตาอินคิวบัสเป็นอย่างไร

     

    ไม่ได้สงสัยด้วยซ้ำว่าอินคิวบัสตีกลองเก่งอย่างที่ได้ยินมาหรือไม่

     

    ก็แค่คำว่าอินคิวบัสมันลอยไปลอยมาอยู่ในหัวตลอดเวลา

     

    สลัดเท่าไหร่ก็สลัดไม่ออก….

     

    ราวกับว่ากำลังถูกครอบงำด้วยอำนาจมืดบางอย่างที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า….

     

     

    จุนซูแอบหัวเราะในลำคอกับท่าทีของแจจุง ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าการที่ร่างบางลุกขึ้นไปเล่นกับเจ้าโปจิ

    เพราะต้องการตัดบท แจจุงเป็นอย่างนี้เสมอเวลาที่ไม่อยากตอบคำถามหรือทำตัวไม่ถูก

     

    อยากเจอจังเลยน้า....คุณอินคิวบัส จุนซูลุกขึ้นแล้วสาวเท้าไปตรงที่ร่างบางยืนอยู่ ก่อนจะใช้มือเรียวเล็กลูบหัวเจ้าตัวน้อยในมือของแจจุงเบาๆ

     

    รู้ชื่อจริงเขาไหม จุนซูเอ่ยถาม

     

    ยุนโฮ

     

    ยุน..โฮ ชางมินพึมพำเบาๆ รู้สึกคุ้นกับชื่อที่พี่แจจุงเอ่ยออกมา แต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินที่ไหน

     

    ไปตามล่ากันเถอะ จุนซูละสายตาจากเจ้าโปจิก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับแจจุง รอยยิ้มสดใส

    ราวกับดอกทานตะวันๆถูกส่งให้คนตรงหน้า แม้จะยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้แจจุงสนใจในตัวมือกลองคนนี้หนักหนาแต่ในเมื่อการอยู่เฉยๆก็ไม่ช่วยให้อะไรกระจ่างขึ้นมาอยู่ดี ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ควรไปพิสูจน์ด้วยตาของตัวเองมิใช่หรือ

     

    “..............................”

     

    ไปล่าอินคิวบัสกัน

     

     

     

    ░▓◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫▒ ░▓

     

     

     

     

    โอ้โห!! มายก็อด ไม่อยากจะเชื่อเลย ทำไมแม่งอลังการงานสร้างอย่างอย่างนี้วะ แจจุงอุทานออกมา

    ด้วยความตะลึงไม่ต่างอะไรกับชางมินที่กำลังยืนอ้าปากค้างกับความใหญ่โตและหรูหราของ Reina Bruja

    คลับระดับห้าดาวกลางย่านอับกูจอง ทันทีที่ก้าวเข้ามาในคลับตามที่ได้ที่อยู่มาจากคังอินว่าเป็นที่สิงสถิตย์

    ของมือกลองนามว่าอินคิวบัส แจจุงและชางมินก็ต้องประหลาดใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า

    พื้นที่ภายในถูกตกแต่งในสไตล์นีโอโมเดิร์น ผนังที่ทำจากอิฐแก้วเรียงตัวสลับกันไปมาทำให้เกิดมิติคล้ายกับ

    ลูกคลื่นขนาดใหญ่ โต๊ะทรงสี่เหลี่ยมเรืองแสงถูกจัดวางไว้อย่างพอเหมาะพอเจาะ แสงไฟของเสาอควาเรี่ยม

    ที่ทอดตัวเป็นแนวยาวเปลี่ยนสีตามเฉดของรุ้งกินน้ำ เสียงเพลงบีทดิสโก้ที่เล่นคลอด้วยกีตาร์ไฟฟ้าและ

    ซินธิไซเซอร์จากดีเจฝีมือฉมังดังกระหึ่มไปทั่ว บรรดาลูกค้าที่นั่งอยู่ในร้านล้วนเป็นบุคคลที่พวกเขาเคยเห็น

    ผ่านหน้าจอทีวีมาแล้วทั้งสิ้น อย่างนักการเมือง นักธุรกิจ รวมถึงบรรดาลูกหลานไฮโซ ถ้าเทียบกันแล้วเด็กอย่าง

    พวกเขาคงไม่ต่างอะไรกับลูกเป็ดขี้เหร่ที่พลัดหลงเข้ามาในฝูงหงษ์ นี่ถ้าไม่ได้บัตรสี่เหลี่ยมสีดำขลับของจุนซู

    หล่ะก็คงไม่ได้มีวันเข้ามาเหยียบที่นี่เป็นแน่

     

    ลูกเป็ดน้อยสามตัวที่ยืนเก้ๆกังๆไม่รู้จะปักหลักลงตรงไหนทำเอาชายหนุ่มร่างบางที่ยืนมองอยู่นาน

    อดขำไม่ได้ การแต่งตัวแสนธรรมดาไม่ได้หรูหราฟู่ฟ่าเหมือนลูกค้าคนอื่นแต่ก็ดูมีสเน่ห์อย่างน่าประหลาด

    จนราชินีแม่มดแห่ง Reina Bruja เองต้องหยุดมอง แต่ละคนหน้าตาธรรมดาซะที่ไหน คนหนึ่งก็หน้าสวยหวาน

    ราวกับผู้หญิง อีกคนก็น่ารักสดใสเหมือนเด็ก ส่วนคนตัวสูงที่สุดในกลุ่มออกจะเนิร์ดๆหน่อยแต่ก็ดูดีไม่เบา

     

    พี่แจจุง..พี่จุนซู ...ดูดิสวยชะมัดเลย ชางมินพยักเพยิดหน้าไปทางคนงามที่กำลังเดินเข้ามาหาพวกตน ใบหน้าเรียวรูปไข่ ดวงตาคมกริบรับกับผมยาวตรงสีบรูเน็ต ริมฝีปากบางยกยิ้มน้อยๆ ท่าทางการเยื้องกาย

    ที่ดูราวกับเป็นนางพญาทำให้ทั้งสามคนแอบกลืนน้ำลายลงคอ

     

    โอ้….สวยฉิบหายเลย

     

    ผู้ชายหรือผู้หญิงวะ แจจุงกระซิบกับชางมินไม่ดังนัก แต่ก็ไม่อาจเล็ดลอดหูทิพย์ของนางพญาเจ้าถิ่นไปได้  ร่างบางใช้สายตาคมไล่มองแจจุงตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ

     

    ช่างไม่ได้ดูตัวเองเลยนะเด็กน้อย

    หน้าตาแบบนี้ รูปร่างแบบนี้เธอต่างจากฉันตรงไหนไม่ทราบ

     

    สวัสดีครับ มีอะไรให้ช่วยไหมครับ หางเสียงตรงท้ายประโยคบ่งบอกให้ลูกเป็ดทั้งสามหายสงสัย

    ในเรื่องเพศของคนสวย

     

    เอ่อ...พวกเรา แจจุงลังเลที่จะตอบตามประสาคนที่ไม่ไว้ใจใครง่ายๆ ที่ผ่านมาแจจุงเจอมาเยอะแล้ว

    กับพวกแสร้งเข้ามาทำดีคุยนู่นคุยนี่เพราะหวังบางอย่างจากเขา ผิดกับจุนซูที่เอาแต่แอบเหลือบมองใบหน้าหวาน

    ของคนแปลกหน้าด้วยความชื่นชม อดอิจฉาไม่ได้

     

    ทำไมเราไม่หน้าเรียวเหมือนเขานะ

     

    ผมเป็นพนักงานที่นี่ เห็นพวกคุณยืนอยู่นานแล้ว จะนั่งตรงไหนดีครับ

     

    ไม่นั่งหรอกฮะ พวกเราแค่มาตามหาคน น้องเล็กของวงเอื้อนเอ่ยออกไปตามความจริง ความจริงที่หรูหราแบบนี้มันก็น่านั่งอยู่หรอกแต่คงไม่เหมาะกับคนที่ยังต้องแบมือขอเงินจากพ่อแม่อย่างเขา

     

    คนสวยปรายตามองไปที่เด็กหนุ่มร่างสูงแล้วยิ้มออกมา ปกติคนอย่างฮีซอลไม่ใช่พวกรักเด็กเท่าไหร่

    แต่ดวงคมของเด็กร่างสูงที่แว่นตาอันใหญ่โตไม่สามารถบดบังได้นั้นทำให้เขาพอใจได้อย่างประหลาด

    พอดูใกล้ๆเด็กคนนี้หล่อมากกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก ถ้าตัดผมตัดเผ้าที่ยาวแบบไม่เป็นทรงนี้ออก

    ปรับเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวให้ทันสมัยขึ้นอีกเล็กน้อย คิมฮีซอลรับรองได้...

    เด็กคนนี้ไม่ต่างจากพวกคุณชายตระกูลใหญ่ที่นั่งอยู่ในร้านของเขาเป็นแน่

     

    ตามหาคน? ใครครับ บอกมาสิเผื่อผมรู้จัก

     

    ยุนโฮ...ยุนโฮอินคิวบัส

     

    คำตอบจากเด็กหน้าหวานทำให้ดวงตากลมโตของราชินีแม่มดเบิกกว้าง แค่มาหายุนโฮก็ว่าแปลกแล้ว

    แต่มาหายุนโฮที่เป็นอินคิวบัสนี่ยิ่งไม่น่าเชื่อเข้าไปใหญ่ ในเมื่อหมอนั่นสละปีกแห่งจอมมารไปแล้วตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน เจ้าพวกนี้ก็ดูไม่น่าจะใช่พวกทาสดนตรีของยุนโฮเพราะถ้าใช่เขาเองก็ต้องคุ้นหน้าอยู่บ้าง หรือเจ้าหมอนั่นจะไปก่อเรื่องอะไรไว้อีกโดยที่เขาไม่รู้ แต่ก็ไม่น่าเป็นไปได้ ถ้าไม่นับเรื่องผู้หญิงยุนโฮก็อยู่แบบสงบราวกับหมีจำศีลแทบจะไม่ข้องเกี่ยวกับใครมานานแล้ว

     

    คุณยุนโฮเหรอครับ เขาเป็นลูกค้าประจำของทางร้านเราครับ

     

    งั้นเหรอ แล้ววันนี้เขาอยู่ไหม

     

    อยู่ครับ แต่ว่าปกติเขาไม่ชอบให้ใครเข้าไปยุ่ง

     

    พอดีเรามีธุระกับเขา แจจุงเอ่ยออกไป

     

    “..............................” คิมฮีซอลขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัย

     

    ผมอยากคุยกับเขาเรื่องกลอง

     

    “..............................”

     

    ได้ยินมาว่าเขาตีกลองเก่ง ผมอยากให้เขามาเล่นให้วงของพวกเรา แจจุงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    ถึงจุดประสงค์ในการมาเหยียบที่แห่งนี้

     

    แสงไฟสีเหลืองอ่อนที่ส่องสะท้อนจากเสาอควาเรี่ยมเผยให้เห็นใบหน้าของคนพูดได้อย่างชัดเจน

    ฮีซอลจ้องมองใบหน้าของหนุ่มน้อยอย่างพิจารณา สวยยิ่งดูใกล้ๆยิ่งสวย ใบหน้าหวานและดวงตาดำขลับของคนตรงหน้าพาลให้เขาหวลนึกถึงใครบางคนที่เคยรู้จักในอดีต……

     

    พวกคุณไม่รู้เหรอว่าเขาไม่ได้ตีกลองแล้ว

     

    รู้ แจจุงตอบห้วนๆก่อนจะส่งสายตาถมึงทึงให้อีกฝ่าย

     

    แม่งจะถามให้ได้โล่ห์รึไงวะ….น่ารำคาญฉิบหายเลย

     

    “..............................” ฮีซอลยิ้มบางๆกับท่าทีของแจจุง

     

    หึยัยเด็กนี่คงจะแสบไม่เบา

    ทั้งที่รู้ก็ยังมาแสดงว่าเจ้าพวกนี้ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับยุนโฮเลยนอกจากที่ว่ายุนโฮตีกล่องเก่ง

    จะกล้าเกินไปหน่อยแล้วมั้ง คิมฮีซอลไม่ปฏิเสธว่ายุนโฮฝีมือขั้นเทพแต่เจ้านั่นก็อันตรายขั้นเทพเหมือนกัน

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กหน้าหวานที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาคนนี้

    อาหารโปรดของปีศาจ

    ฉันควรช่วยเธอดีหรือเปล่า..เด็กน้อย ถ้าเธอได้เจอกับเจ้านั่น...คำตอบมันมีไม่มากนักหรอก

    เรื่องกลองอย่าไปหวังเลย ฉันพนันด้วยเกียรติของแม่มดว่าเจ้านั่นมันไม่มีทางตกลงอยู่แล้ว

    เพราะพวกเธอไม่ใช่รายแรก หลายคนที่เข้ามาล้วนกลับไปมือเปล่า

    ถ้าเธอโชคดี ยุนโฮไม่สนใจเธอก็แค่โดนไล่ตะเพิดกลับไป

    แต่ถ้าเธอโชคร้าย เจ้านั่นดันถูกใจเธอขึ้นมา….ฉันไม่อยากจะจินตนาการเลยเด็กน้อย

    ปีศาจมันมีเล่ห์เหลี่ยมเยอะ จนลูกเป็ดอย่างเธออาจจะตามไม่ทันก็ได้

     

    คุณรู้ไหมว่าอินคิวบัสหมายถึงอะไร

     

    แจจุงส่ายหน้าเบาๆ

     

    ปีศาจแฝงฝัน

     

    ปีศาจที่แสนจองหองและร้ายกาจ

     

    ปีศาจที่จะพรากความบริสุทธิ์และไร้เดียงสาไปจากเธอ

     

    ถ้าพลาดเพียงครั้ง...จะต้องตกอยู่ในวังวนแห่งมนตราไปชั่วกัปชั่วกัลป์

     

    ผมไม่รู้หรอกว่าคุณกำลังอยากบอกอะไร ผมแค่มาหาคนชื่อยุนโฮ ถ้าไม่พาไปก็ช่วยหลีกทางด้วย

    แจจุงพูดออกไปห้วนๆ ไม่ได้อยากรู้สักหน่อย จะเป็นปีศาจเป็นมารที่ไหนก็ไม่เกี่ยวกับเขาอยู่แล้ว

    ที่อุตส่าห์ถ่อมาถึงที่นี่ก็แค่อยากได้คนมาเล่นแทนฮยอคแจ แค่อยากเห็นเองกับตาว่าหมอนั่นเก่งอย่าง

    ที่คังอินบอกหรือเปล่าก็เท่านั้น

     

    คิมฮีซอลแอบยิ้มในใจ

    ดวงตากลมโตที่จ้องมองมาดูแน่นิ่งไม่มีประกายไหววูบใดๆทั้งสิ้นแบบนี้ แสดงว่ามั่นใจในตัวเองอยู่ไม่น้อย

    เอาสิ...ถ้าเธอมุ่งมั่นขนาดนี้จะช่วยสนองให้

    แม่มดอย่างฉันไม่ได้เจอเรื่องสนุกๆมานานแล้วด้วย

    อยากรู้เหมือนกันว่าลูกเป็ดอย่างเธอจะสู้กับปีศาจอย่างไร

     

    เข้าใจแล้วครับ ตามมาสิผมจะพาไปหาเขา

     

     

    เด็กหนุ่มทั้งสามเดินตามร่างบางของนางพญาฮีซอลผ่านบันไดเวียนขึ้นมาที่ชั้นสองของร้านซึ่งพื้นที่ถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่ง คนสวยเดินนำพวกเขามาหยุดอยู่ที่พื้นต่างระดับตรงปีกซ้ายของชั้นซึ่งถูกตบแต่งไว้อย่างสวยงามไม่ต่างกับชั้นล่าง

     

    นั่นไง...คุณยุนโฮ

     

    ทั้งสามคนหันไปตามทิศที่ฮีซอลเพยิดหน้า ....โซฟาหนังสีดำตัวยาวเต็มไปด้วยเหล่านารีรูปงามภายใต้

    อาภรณ์ชั้นดีที่กำลังโยกย้ายส่ายสะโพกไปตามเสียงเพลง มือข้างหนึ่งถือแก้วทรงเหลี่ยมบรรจุน้ำสีอำพัน

    มือข้างหนึ่งคีบบุหรี่ในขณะที่ริมฝีปากก็พ่นควันใส่กันไปมาราวกับเป็นเรื่องสนุก ใบหน้าที่เคลือบด้วย

    เครื่องสำอางราคาแพงทำให้เมรีขี้เมาเหล่านี้ดูสวยงามอยู่ไม่หยอก แต่ที่โดดเด่นกว่าคนอื่นๆเห็นจะเป็น

    ร่างบางในชุดเดรสเกาะอกสีชมพูสดที่ตอนนี้ล่นลงมากองอยู่ตรงเอวของเจ้าตัว เผยให้เห็นแผ่นหลังเปลือยเปล่า

    ที่กำลังบิดเร้าไปมา มือใหญ่ที่ลูบไล้อย่างเมามันอยู่ตรงช่วงบั้นท้ายบ่งบอกให้รู้ว่าสาวน้อยใจกล้ากำลังนั่งคร่อมตัวอยู่บนตักของชายหนุ่มที่แทบไม่ต้องเสียเวลาคิดให้หนักสมองเลยว่าเป็นใคร

     

    ยุนโฮอินคิวบัส

     

     

    คะ.. คนนี้...นะ แน่เหรอชางมิน คิมจุนซูผู้ที่มีภูมิต้านทานเรื่องสกปรกโสโครกใต้สะดือต่ำกว่าทุกคน

    เอ่ยออกมาแบบตะกุกตะกักพลางใช้มือจับชายเสื้อของรุ่นน้องร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ

    ในขณะที่คนโดนดึงก็อึ้งไม่แพ้กัน

     

    หูย ..อะไรมันจะขนาดนั้นครับพี่น้องอย่างกับดูหนังเอวีอยู่ก็ไม่ปาน

     

    คนนี้แหละครับ ฮีซอลกระซิบบอก สีหน้าเหรอหราของจุนซูทำให้คนสวยหลุดหัวเราะในลำคอ

    ผิดกับคนสวยอีกคนที่ขำไม่ออก

     

    ไอ้ห่านี่...ถ้าอยากมากทำไมไม่เปิดโรงแรมให้แม่งรู้แล้วรู้รอดวะ

    กลัวลูกอ๊อดในตัวมึงหมดอายุหรือไง

     

    ยุนโฮ มีคนอยากเจอคุณแหน่ะ

     

    เสียงเรียกจากฮีซอลทำให้ฝ่ามือที่กำลังเล่นซุกซนอยู่บนเรือนร่างของหญิงสาวหยุดชะงัก ยุนโฮเงยหน้า

    จากยอดอกของร่างบางบนตัก ก่อนจะเหลือบตามองตามเสียงเรียกผ่านไหล่เนียนขาว น่าแปลกที่ตรงหน้ามีคนยืนอยู่สี่คนแต่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถดึงดูดสายตาของจอมมารได้ ถ้าแผ่นอกไม่ราบเรียบขนาดนี้เขาคงดูไม่ออกว่าคนที่ยืนทำหน้าสวยอยู่นี้เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง เรือนกายผอมบางในชุดกางเกงยีนส์สีซีดเข้ารูปกับเสื้อยืดสกรีนลายสีดำราคาถูกดูเซ็กซี่อย่างไม่นาเชื่อ  ผิวเนื้อขาวเนียนราวกับหิมะ คิ้วโก่งดังคันศรรับกับดวงตาสีนิลดูน่าหลงไหล ริมฝีปากอวบอิ่มสีกุหลาบช่างเย้ายวนจนอยากจะเอาริมฝีปากของตัวเองเข้าไปประกบ องค์ประกอบทุกอย่างบนร่างบางช่างดูลงตัวไปหมด ไม่อยากจินตนาการเลยว่ารสชาติของคนตรงหน้าจะหวานหอมขนาดไหนยามที่ได้สัมผัส งดงามจนอยากจะได้มาครอบครองไว้ใต้ปีกเพียงครั้งแรกที่เห็น

     

    ลงไปก่อน เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกร่างบางออกจากตัว หญิงสาวใช้มือเล็กๆดึงเสื้อผ้าของตน

    ให้มาอยู่ตำแหน่งที่เหมาะสมพลางส่งสายตาค้อนๆให้พวกที่มาขัดขวางความสุขในการสมสู่กับจอมมาร

    ที่ตนเองพยายามแทบตายกว่าจะกระเสือกกระสนเข้าใกล้ได้ขนาดนี้

     

    แสงไฟที่พาดผ่านทำให้แจจุงมองเห็นร่างตรงหน้าที่ไร้การบดบังจากเรือนกายของนารีได้อย่างชัดเจน

    ร่างสูงผิวสีขาวในชุดเสื้อเชิ้ตพับแขนสีเขียวหม่นทับเสื้อกล้ามตัวในสีขาว กางเกงยีนส์เดนิมสีเข้มเนื้อดี

    ดวงตาเรียวเข้ากันอย่างลงตัวกับจมูกโด่งคม ริมฝีปากหยักได้รูป เส้นผมสีน้ำตาลเข้มซอยสั้นที่ปัดข้างหน้าขึ้น

    ให้ดูยุ่งๆเล็กน้อยทำให้คนตรงหน้าดูเท่ห์เกินคำบรรยาย

     

    ไอ้นี่มันใช่คนแน่เหรอวะแม่งหล่อกว่ากูอีก

     

    มีธุระอะไร เสียงทุ้มนุ่มน่าฟังที่หลุดออกมาจากริมฝีปากของจอมมารทำให้ลูกเป็ดตัวน้อยกระตุกวาบราวกับเพิ่งตื่นจากภวังค์

     

    เอ่อ…”

     

    “..............................”

     

    ได้ยินมาว่านายตีกลอง ฉันเลย...

     

    ฉันเลิกเล่นแล้ว เสียงทุ้มตัดบททั้งที่ร่างบางยังพูดไม่จบ ก่อนจะหยิบบุหรี่ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาจุด

    ใบหน้าคมคายเสมองไปยังผู้คนที่กำลังวาดลวดลายเท้าไฟอยู่ตรงกลางฟลอร์ด้านล่าง ทำท่าราวกับ

    ไม่สนใจการมีตัวตนของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า

     

    นายจะไม่ฟังฉันพูดให้จบก่อนเหรอ ท่าทีของร่างสูงที่ทำเหมือนกับว่าเขาเป็นเพียงอากาศธาตุ

    ทำให้แจจุงเริ่มไม่สบอารมณ์

     

    ไม่จำเป็น ริมฝีปากหยักพ่นควันสีหมอกออกมาช้าๆ ในขณะที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่เดิม

     

    “..............................”

     

    บอกมาซิว่าพวกนายมีดีอะไร ยุนโฮดันร่างของตัวเองขึ้นจากโซฟา แล้วเดินเข้ามาใกล้ร่างบาง

     

    “..............................” คนโดนถามไม่ตอบเพราะกำลังรู้สึกอึดกับสายตาดุดันที่จับจ้องมาอย่างไม่ลดละ

    ราวกับว่าอากาศรอบตัวกำลังหายไปทีละน้อยๆ

     

    เกลียด...แจจุงเกลียดสายตาแบบนี้

     

    สายตาที่แฝงไว้ด้วยด้วยความดูแคลนอันน่าสะอิดสะเอียน

     

    อุตส่าห์ให้โอกาสโฆษณาตัวเอง หึ...ถ้าแค่ข้อดีของตัวเองยังไม่รู้ ฉันก็คงไม่จำเป็นต้องลดตัวลงไปเกลือกกลั้วกับพวกเธอหรอกมั้ง ร่างสูงพูดออกไปพร้อมรอยยิ้มร้าย ก่อนจะยกแท่งสีขาวในมือขึ้นมาสูบ

    ควันกลิ่นฉุนถูกพ่นใส่ใบหน้าขาวใสด้วยหวังจะยั่วยุอารมณ์ของอีกฝ่าย ยุนโฮยิ้มบาง ดวงตาคมพิจารณา

    ร่างบางที่กำลังกระแอมไอด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ความจริงไม่ได้รังเกียจอะไรคนตรงหน้า

    แต่คนสวยหน้าตาขมึงตึงที่กำลังสั่นด้วยความโกรธนั้นมันดูน่ารักไม่หยอกจนเขาอดที่จะแกล้งไม่ได้

    สายตาดุดันจากดวงตากลมโตที่ฉายออกมาราวกับว่าจะข่มขู่ให้เขาหวาดกลัวนั้นมันช่างไร้ผล

    ในสายตาของยุนโฮร่างบางไม่ต่างอะไรกับลูกแมวยั่วสวาทตัวน้อยที่พยายามจะแปลงร่างเป็นนางพญาเสือ

    ...มันไม่น่ากลัวเลยสักนิด กลับน่าสั่งสอนให้เชื่องเสียมากกว่า

     

    จุนซูกระตุกชายเสื้อของรุ่นน้องร่างสูงแรงๆ เมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มไม่ดี กลัวเหลือเกินว่าปรอทอารมณ์ในตัวของเพื่อนรักจะเบิดออกจนควบคุมไม่อยู่ ชางมินที่เข้าใจความหมายจากการกระทำของจุนซู

    เป็นอย่างดีพยายามจะเดินเข้าไปดึงพี่ชายหน้าหวานให้ออกจากสถานการณ์ที่ล่อแหลมต่อการวิวาท

    แต่กลับถูกมือเรียวขาวของคนสวยเจ้าของถิ่นรั้งไว้เสียก่อน ใครจะว่าคิมฮีซอลโรคจิตก็ได้

    แต่เพราะตอนนี้เขากำลังสนุกกับฉากสงครามย่อยๆตรงหน้าเสียจนไม่อาจให้ใครมาขัดจังหวะได้

    ถ้าหากการรบกันครั้งนี้ของท่านจอมมารกับลูกเป็ดตัวจ้อยจะทำให้ร้านของเขาต้องเสียหายไปบ้างก็ไม่เป็นไร

    คิมฮีซอลยอมได้จนกว่าจะรู้ว่าสุดท้ายแล้วใครได้ยืนอยู่บนยอดเขาแห่งชัยชนะ

     

    ยุนโฮ แจจุงเรียกชื่ออีกฝ่ายโดยพยายามระงับเสียงตัวเองไม่ให้สั่นในยามที่ความอดกลั้นใกล้จะถึงขีดสุด

     

    นี่ยัยเปี๊ยก เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นสักหน่อย อย่ามาเรียกชื่อฉันเฉย ๆ ต้องเรียก...ชองยุนโฮ

    ไหนพูดตามสิเด็กน้อย.. ชองยุนโฮ

     

    ชอง...ยุน...โฮ เด็กว่าง่ายเรียกชื่อของร่างสูงออกมาช้าๆแบบชัดถ้อยชัดคำราวกับจะย้ำเตือนตัวเองว่าอย่าได้ลืมเลือนชื่อที่สุดแสนจะอัปรีย์นี้เด็ดขาด

     

    หึหึ..ดีมาก เจ้าของชื่อแสยะยิ้มพลางใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งลูบเรือนผมของคนตรงหน้าด้วยความเอ็นดู

    ก่อนจะใช้มืออีกข้างโอบเอวบางเข้ามาแนบชิดอย่างถือวิสาสะ

    ยุนโฮเลื่อนใบหน้าหล่อคมเข้าไปใกล้ร่างบาง

     

    “..............................”

     

    แต่จะดีกว่านี้แน่ยัยเปี๊ยก...นอนกับฉันสิ ถ้าเธอทำให้ฉันพอใจ ฉันก็จะลองเอาเรื่องที่เธอพูดไปคิดดู

    เสียงทุ้มกระซิบแผ่วเบาที่ข้างใบหูนิ่ม ก่อนจะกดริมฝีปากลงบนต้นคอขาวประทับรอยแห่งความปราชัยให้อีกฝ่าย

     

    เธอแพ้แล้ว...ลูกแมวน้อย

     

    คิมแจจุงยืนกำมือแน่นแน่นิ่งราวกับฝ่าเท้าถูกตรึงไว้ ความรู้สึกร้อนราวกับน้ำเดือดกำลังแล่นไปตามขาและแขน

    คำพูดและการกระทำของแสนอันหยาบคายแสนชั่วช้าของร่างสูงทำให้เส้นแห่งความอดทนเส้นสุดท้ายขาดผึง

    เกลียด...คิมแจจุงเกลียดคนแบบนี้ที่สุด

    เกลียด...คิมแจจุงเกลียดคนที่เห็นศักดิ์ศรีของผู้อื่นเป็นของที่ไร้ค่า

    เกลียดเข้ากระดูก

    จะเก่งแค่ไหนก็ไม่ต้องการแล้ว...

    ไม่อยากได้แล้ว...

     

    ชองยุนโฮ

     

    กลัวลืมหรือไง ไม่ต้องเรียกบ่อยหรอก เก็บไว้เรียกตอนครางอยู่บนตัวฉันดีกว่า

     

    ชองยุนโฮ ....หยุดเห่าได้หรือยัง….ไอ้ชาติหมาเอ๊ย แจจุงสบถใส่ใบหน้าหล่อคม ก่อนจะใช้แขนเรียว

    ผลักอกร่างสูง

     

    พลัก!!

     

    หมัดลุ่นๆถูกปล่อยออกมาอย่างสุดแรงกระแทกเข้าที่ปลายคาง

    ทำเอาท่านจอมมารลงไปกองกับพื้นทันที

     

    มึงคิดว่ามึงเป็นใคร ห๊า! !ขาเรียวยาวกระทืบซ้ำเข้าไปที่หน้าท้องร่างสูง เหล่านางบำเรอน้อยใหญ่พากันส่งเสียงกรีดร้องระงมวิ่งพล่านด้วยความตกใจ

     

    วิเศษมาจากไหนกันถึงได้กล้ามาดูถูกคนอื่นแบบนี้ ไอ้สันดาน

    รู้ไว้ซะด้วยว่าที่กูมาวันนี้ก็แค่อยากมาเห็นด้วยตาตัวเองว่ามือกลองที่เค้าว่ากันว่าเก่งหนักหนาหน้าตาเป็นยังไง

    หึ... ถ้ารู้ว่าสันดานต่ำขนาดเนี้ย กูไม่มาให้เสียเวลาหรอกโว้ย

    ถ้าจะปฎิเสธไม่เล่นให้กูไม่ว่า แต่อย่ามาดูถูกพวกกู

    คนที่ทำอะไรไม่เป็นนอกจากเอาน้องชายยัดใส่รูหลวมๆของผู้หญิงงี่เง่าพวกนั้นอย่างมึงไม่มีสิทธ์เหยียบย่ำ

    ศักดิ์ศรีของคนอื่น หึ..ข้อดีของกูคืออะไรรู้ไหม

    ข้อดีของกูก็คือการเกิดมากำจัดพวกสวะอย่างมึงไง

    เรื่องดีๆหัดเอาใส่สมองซะบ้างนะ เผื่อจิตใจต่ำๆของมึงจะได้สูงขึ้นมาบ้างไอ้สัตว์นรก

     

    ดวงตาคมทอดมองร่างสูงด้วยคงามเกลียดชัง

    แค่นี้มันยังน้อยไป สำหรับแววตาเย่อหยิ่งถือดีและการทำลายความศรัทธาในตัวเองของคนอื่น

    นายสมควรโดนมากกว่านี้….ชองยุนโฮ

     

    อ้อ อีกอย่างจำไว้ว่าอย่าเรียกกูว่ายัยเปี๊ยก

    ถ้าจะเรียก..ก็เรียกว่าท่านคิมแจจุง เข้าใจไหม..ไอ้โง่ แจจุงกล่าวคำอำลาพร้อมชูนิ้วกลางข้างซ้ายให้คนตรงหน้า

     

    กลับ คำสั่งสั้นๆที่คนฟังอย่างจุนซูและชางมินรีบปฏิบัติตามทันทีอย่างไม่รีรอเพราะเกรงว่าขืนชักช้าอาจโดนลูกหลงจากพายุอารมณ์ที่กำลังโหมกระหน่ำอยู่ตอนนี้ได้ จุนซูและชางมินโค้งศรีษะเล็กน้อยให้คิมฮีซอลก่อนจะรีบเดินตามคนสวยออกไป

     

    ยุนโฮใช้มือแกร่งยันตัวเองจากพื้นขึ้นมาอยู่ในท่านั่ง นัยตาคมมองตามร่างบางที่กำลังเดินแหวกฝูงชน

    ด้านล่างออกไปอย่างไม่เกรงกลัวใคร

     

    ฮ่าๆๆๆ

     

    หัวเราะอะไรพี่ ผมเจ็บอยู่นะ

     

    หึอย่ามาโกหก แค่นี้นายไม่เจ็บหรอก สมน้ำหน้าอยากไปแกล้งเขาก่อนทำไมหล่ะ

     

    ก็เห็นว่าน่ารักดี ใครจะไปรู้ว่าดุขนาดนี้เฮ้อ ร่างสูงถอนหายใจออกมาเบาๆ ยุนโฮทิ้งกายลงกับ

    พื้นอีกครั้งมือเรียวลูบที่ปลายคางของตัวเองไปมาก่อนจะหยุดปลายนิ้วที่ริมฝีปากหยัก ยุนโฮหลับตาลงช้าๆ

    พยายามซึมซับกลิ่นหอมแปลกๆที่หลงเหลืออยู่

     

    คิมฮีซอลแสยะยิ้มกับท่าทางของยุนโฮ

    ซวยแล้วยัยลูกเป็ดน้อย

     

    แล้วจะเอายังไง

     

    หึทำกับผมไว้ขนาดนี้ ผมไม่ยอมแน่ ร่างสูงเอื้อนเอ่ยทั้งที่ยังหลับตา

     

    ที่ว่าไม่ยอมหมายถึงอะไรเหรอน้องรัก

    ไม่ยอม….ต้องเอาคืนให้สาสม

    หรือว่า ไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือกันแน่

     

    สัญชาติญานของแม่มดของฉันบอกว่าปีศาจแฝงฝันอย่างนายกำลังต้องการไอชีวิตของลูกเป็ดหน้าหวาน ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ตอนแรกฮีซฮลคิดว่าเด็กคนนั้นคงโดนชกสักทีสองทีโทษฐานท้าทายอำนาจของปีศาจ

    แต่ยุนโฮกลับไม่ตอบโต้อะไรเลย ลองเป็นคนอื่นถ้าทำแบบนี้รับรองมันได้ชะตาขาดแน่

     

    ฮ่าๆๆ ไม่รู้สิฮะ ยุนโฮตอบออกไปตามที่คิด

     

    วูบหนึ่งอยากสวนกลับให้เจ็บแสบแต่ก็กลัวว่าใบหน้าสวยๆจะเป็นรอย

     

    ใจหนึ่งอยากจะทำลายเสียให้สิ้นซาก

     

    ใจหนึ่งอยากจะค้นหาให้ถึงเนื้อใน

     

    บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ารู้สึกอย่างไรกับสายตาคู่นั้นกันแน่

     

    พอๆกับที่ไม่รู้ว่าทำไมเลือดที่ไหลอยู่ในปากจากฝีมือของคนๆนั้นถึงได้หอมหวานขนาดนี้

     

    คิมแจจุง แล้วเจอกันยัยเปี๊ยก

     

     

     

     

    To be continued

     

     

     

     

     

    Talk :

    สวัสดีค่ะ วันนี้เอา Chapter หนึ่งมาลงให้แล้วนะคะ

    เนื่อเรื่องตอนนี้อาจจะยังไม่มีอะไรมากเพราะมันเป็นแค่การปูเรื่องเฉยๆ

    แต่ว่าแจจุงก็ได้เจอกับปีศาจแฝงฝันแล้ว หุหุ

    ไม่อยากจะบอกเลยว่าไรเตอร์เพิ่งสำเหนียกได้ว่าการแต่งเรื่องยาวมันยากมากเลยนะเนี่ย

    อยากขอบคุณคนแต่งฟิคคนอื่นๆที่เคยอ่านมามากเลยคะ

    สำหรับตอนใหม่จะมาเมื่อไหร่ อันนี้บอกไม่ได้เหมือนกัน

    แต่จะพยายามไม่ดองค่ะ

    ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ

    อ๊ะ ลืมบอกไปเผื่อมีคนสงสัยที่ไรเตอร์เรียกฮีซอลว่าแม่มด

    ความจริง Reina Bruja เป็นภาษาสเปนแปลว่าราชินีแม่มดค่ะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×