ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    =+ The Rhythm of Demon, The Sound of Love += (TVXQ : Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #1 : :: Prologue ::

    • อัปเดตล่าสุด 14 มิ.ย. 52


    The Rhythm of Demon, The Sound of Love : Prologue

    Author: Daisyincubus

    Category: Drama, Romance, Angst

    Pairing: Yunho x Jaejoong , Yuchun x Junsu

    Rating: ???

     

     

     

     

    ░▓◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫▒ ░▓

     

     

     The Rhythm of Demon, The Sound of Love

     

     

    :: Prologue ::

     

     

     

     

    บุรุษรูปงามร่วงหล่นจากสรวงสวรรค์

     

    ปีกที่บินไม่ได้เป็นดั่งตราบาป

     

    ปีศาจที่ถูกสาป

     

    เปี่ยมด้วยอำนาจแห่งราคะและความยโส

     

    แฝงกายดั่งเงามืด

     

    ออกล่าความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของหญิงสาว

     

    ด้วยลักลอบเข้าในฝัน

     

    ล่อลวงด้วยความหวานของรสกาม

     

    บทรักอาบยาพิษ

     

    ก่อนสะกดจิตครอบครองวิญญาณ

     

    ดูดกลืนไอแห่งชีวิต

     

    เพื่อปลูกเมล็ดพันธ์แห่งความชั่วร้าย

     

    ทิ้งไว้เพียงร่างกายที่ไร้การควบคุม

     

    กับความทรงจำที่เลือนลางในค่ำคืนแห่งฝันร้าย

     

    แม้อยากลืมตาตื่นเพียงใดก็ไม่อาจละจากสเน่ห์ร้ายของจอมมาร

     

    ปีศาจแฝงฝัน

     

    .

    .

    .

    .

     

    แม้มนุษย์ได้รับการสั่งสอนมาตั้งแต่ลืมตาดูโลกว่าการให้ถือเป็นพรอันประเสริฐ การสละความสุขบางอย่างของตัวเองเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ตกทุกข์ได้ยากเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย แต่ในความเป็นจริงบนโลกของสัตว์สองเท้า ไม่มีมนุษย์คนไหนที่ไม่พ่ายแพ้ต่อความเห็นแก่ตัวอันน่ารังเกียจที่เกาะอยู่ตามเส้นขน ดอกไม้สีดำแห่งความละโมบเบ่งบานจนบดบังดวงตาแห่งความปราณีที่ควรมีให้กับผู้อื่นไปจนหมดสิ้น 
    นึกถึงแต่ตัวเองจนมองไม่เห็นหัวใคร หน้าไหนจะล้มลุกคลุกคลานอย่างไรไม่สนขอเพียงตัวเองยังยืนอยู่ได้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก นี่คือกฏแห่งธรรมชาติ

     

    ปัง

     

    เสียงปิดประตูดังลั่นท่ามกลางความเงียบในห้องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กไร้การตกแต่งพาลให้ไม้กลองสีงาช้างที่กำลังถูกควงเล่นในมือของหนุ่มน้อยร่างสูงร่วงลงสู่พื้น สายตาคมภายใต้แว่นตากรอบหนาทรงโบราณหันไปมองร่างสองร่างที่เพิ่งเดินเข้ามาเพียงแวบหนึ่ง ก่อนจะก้มตัวเอื้อมมือไปเก็บของที่ตนทำหล่นเมื่อสักครู่

     

    เป็นยังไงบ้าง เสียงแหลมเป็นเอกลักษณ์ถูกปล่อยออกมาจากริมฝีปากของร่างเล็กที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากเด็กร่างสูง ความกังวลฉายชัดในใบหน้ากลมใสอย่างปิดไม่มิด มือเรียวเล็กเอื้อมไปแตะท่อนแขนแกร่งของร่างโปร่งที่เพิ่งทรุดกายลงข้างตน

     

    ว่ายังหล่ะยูชอน คนตัวเล็กเอ่ยถามออกไปอีกครั้งพลางเขย่าลำแขนของคนโดนถามเบาๆราวกับเด็กน้อยที่พยายามเรียกร้องความสนใจจากมารดา

     

    จะว่ายังไงหล่ะจุนซู กลับเป็นเสียงหวานของร่างบางอีกคนที่ดังขึ้นมาแทน ใบหน้าที่งดงามราวกับงานเขียนชิ้นเอกของจิตรกรฝีมือเยี่ยมกำลังบึ้งตึ้ง คิ้วเรียวสวยได้รูปขมวดกันยุ่ง ริมฝีปากอวบอิ่มสีกุหลาบเชิดขึ้นเล็กน้อยยามที่เจ้าตัวไม่สบอารมณ์

     

    ก็แบบนี้ไง หมัดซ้ายฮุกเข้าลำตัว อ๊ากกกกก คนสวยร้องตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่งพลางยกแข้งยกขาขึ้นมาทำท่าประกอบ

     

    แล้วก็นี่ หมัดขวาเหี่ยวๆ เข้าหน้าอย่างจัง ฮึก ร่างบางทำท่าราวกับถูกหมัดหนักๆเสยได้อย่างสมจริงสมจรังจนคนดูเห็นภาพเหมือนตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ด้วย แม้ไม่ได้เอื้อนเอ่ยออกมาตรงๆ แต่คนฟังก็พอเข้าใจได้ไม่ยากว่าสุดท้ายแล้วคำตอบที่นั่งรอมานานนับชั่วโมงออกหัวหรือออกก้อย

     

    ร่างบางที่เพิ่งออกท่าทางแมกไม้มวยไทยไปหมาดๆทิ้งตัวลงบนโซฟาหนังเก่าๆที่ถูกใช้งานมายาวนานจนมีรอยขาดอยู่เป็นช่วงๆ 
    มือเรียวขาวหยิบบุหรี่ในกระเป๋ากางเกงยีนส์สีซีดออกมาจุด ก่อนจะสูดเอารสขมเฝื่อนเข้าไปจนเต็มปอด ร่างบางพิงลำคอยาวระหงษ์กับขอบของโซฟา ก่อนจะพ่นควันสีขุ่นออกมาช้าๆ

     

    ไอ้ห่านั่นไม่ให้เราเล่น จนกว่าวงเราจะพร้อม... แม่งเอ๊ย คำสบถที่แสนจะขัดกับรูปลักษณ์ภายนอกของคนพูด ถูกปล่อยออกมาตามแรงอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ภายใน หากเป็นคนอื่นก็คงอยากจะจับร่างบางมาตีก้นสักทีสองสีโทษฐานที่ทำตัวไม่สมกับเป็นกุลสตรี แต่ไม่ใช่กับอีกสามคนที่ใช้อากาศในการหายใจร่วมกับร่างบางอยู่ตอนนี้ เพราะต่างรู้ดีว่าเมื่อไรก็ตามที่ร่างบางอารมณ์เดือดขึ้นมาจากปากหวานๆก็จะกลายเป็นปากหมาๆได้ในฉับพลัน

     

    ทำอย่างนี้ได้ยังไง เราเรียกลูกค้าได้ตั้งเยอะ

     

    เฮียเขาบอกว่าลูกค้าเบื่อ เพลงช้าๆ เพลงอะคูสติกมันก็เพราะอยู่หรอก แต่ทุกวันมันก็ไม่ไหว ยูชอนอธิบาย ก่อนจะรับซองบุหรี่จากคนที่นั่งตรงข้ามมาไว้ในมือ แล้วดึงแท่งสีขาวออกมาจุด

     

    จริงอย่างที่จุนซูว่า แม้วงของพวกเขาเป็นเพียงวงดนตรีเล็กๆ แต่ที่ผ่านมาก็พิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าความสามารถบวกกับสเน่ห์ที่ติดกายมาตั้งแต่เกิดของสมาชิกแต่ละคนเป็นเครื่องมือในการเรียกเม็ดเงินให้ไหลเข้ามาต่อชีวิตให้กับผับเก่าๆแห่งนี้ได้ไม่น้อย ถึงอย่างนั้นก็ตาม ความผิดพลาดที่ไม่มีใครต้องการให้เกิดกลับกลายเป็นข้ออ้างให้ตาแก่เจ้าของร้านใช้ยื่นคำขาดว่าจะให้วงของพวกเขาหยุดพักชั่วคราวหากสมาชิกของวงยังไม่ครบ เมื่อสัปดาห์ก่อนฮยอกแจมือกลองประจำวงประสบอุบัติเหตุรถชนทำให้ขาหักแขนหักและต้องพักฟื้นร่างกายอย่างน้อยสามถึงสี่เดือน การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของสมาชิกที่เหลือคือการเปลี่ยนจากดนตรีกรันจ์สุดมันส์ที่เล่นอยู่ทุกวันมาเป็นเพลงช้าสลับกับเพลงอะคูสติกเบาๆ แม้ลูกค้าและบรรดาแฟนเพลงที่จงรักรักภักดีจะยังมาฟังพวกเขาเล่นเป็นปกติ แต่นั่นก็ยังไม่มากพอที่จะตอบสนองความต้องการของเจ้าของร้านหน้าเลือด

     

    เฮียจะหาโชว์อื่นมาเล่นแทนไปก่อน อย่าว่าเฮียใจร้ายเลยแจจุง เฮียเองก็เห็นพวกนายเหมือนลูกเหมือนหลาน เพลงอะคูสติกของพวกนายหน่ะมันก็เพราะอยู่หรอกแต่มันไม่เร่าร้อน ลูกค้าที่มาผับเขาก็ต้องการมาปลดปล่อยอารมณ์กันทั้งนั้น พวกนายเข้าใจที่เฮียพูดใช่มั้ย 
    วงดนตรีที่ไม่มีกลองหน่ะมันไม่ได้หรอก
    ร้านเฮียก็เหมือนกัน ถ้าไม่มีลูกค้าเข้าร้านเฮียก็เจ๊ง...

     

    ลูกหลานแม่มึงสิ ถ้ารู้ว่าจะต้องมาเจอญาติแบบนี้กูไม่เกิดมาร่วมตระกูลกับมึงแน่

     

    ดวงตากลมโตของนักร้องนำประจำวงฉายแววเคืองขุ่นเมื่อนึกใบหน้าอ้วนกลมที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งกาลเวลากับหัวใสๆไร้เส้นผมของเจ้าของร้าน เขาเองก็ไม่ปฏิเสธหรอกว่าวงดนตรีจะขาดกลองไม่ได้ เพราะกลองเปรียบเสมือนหัวใจของวงที่ควบคุมจังหวะการเล่นของทุกคนให้ออกมาสม่ำเสมอ แต่คำกล่าวอ้างเห็นแก่ตัวที่อีกฝ่ายหยิบยกขึ้นมาใช้ทำให้เส้นแห่งความเคารพบนับถือขาดผึง คิดแต่ว่าตัวเองจะเสียประโยชน์ แล้วไม่คิดบ้างเหรอว่าพวกเขาจะรู้สึกอย่างไร ไม่ใช่พระเจ้าหรือซุปเปอร์ฮีโร่กลับชาติมาเกิดนี่ถึงจะได้ห้ามอุบัติเหตุไม่ให้เกิดได้ จะต้องให้เขาลากเพื่อนมาเล่นทั้งสภาพที่ผ้าพันแผลเต็มตัวหรือไงถึงจะพอใจ อยากเฉาะหัวใสๆนั่นดูสักทีจะได้รู้ว่าเลือดที่อยู่ข้างในมันสีแดงหรือสีดำ

     

    โชว์อื่นรึ ถุย!! ก็แค่โคโยตี้ราคาถูกที่ทำอะไรไม่เป็นนอกจากแอ่นสะโพกเด้งหน้าเด้งหลังกับเอานมฟาดหน้าไอ้พวกตัณหากลับ 
    นอกจากหุบๆอ้าๆแล้วสเต็ปการเต้นแม่งนับเป็นหรือเปล่าก็ไม่รู้

     

    แล้วจะเอายังไงกันดีฮะพี่ ชิมชางมินน้องเล็กของวงเอื้อนเอ่ย ก่อนจะขยับขาแว่นอันโตให้กระชับขึ้น

    พลางกวาดตามองไปยังใบหน้าของพี่ชายต่างสายเลือดทั้งสาม

     

    ยูชอนกดมวนบุหรี่ที่ยังสูบไม่หมดลงบนจานเขี่ยบุหรี่สีขาว ใช้มือหยาบขยี้เบาๆจนไฟสีแดงตรงส่วนปลายดับลง ก่อนจะลุกไปหยิบกีตาร์เบสคู่ใจที่ถูกวางชิดกับผนังห้องด้านหนึ่งมาเก็บใส่กระเป๋า โดยมีสายตาของมือกีตาร์ร่างเล็กมองตามแบบตาไม่กระพริบ

     

    ก็แค่หามือกลองคนใหม่ พูดเสร็จก็สะพายกระเป๋าใบโตขึ้นบ่า

     

    พูดง่ายนะมึง แล้วนี่จะไปไหน แจจุงเอ่ยถามเมื่อเห็นว่ายูชอนทำท่าเก็บข้าวเก็บของ

     

    ไอ้ห่านี่ ยังไม่เคลียร์เลยจะรีบไปไหนของมันว่ะ อย่าบอกนะว่า….

     

    เมื่อสองวันก่อนได้งานพิเศษเพิ่ม ไปก่อนนะ ยูชอนตอบสั้นๆ ก่อนจะเดินออกไป

     

    อ๊ะ! ฉันกลับด้วย ไปก่อนนะแจจุง ชางมิน มือเล็กๆของจุนซูกวาดสัมภาระของตัวเองลงกระเป๋าแบบลวกๆ แล้วรีบวิ่งตามมือเบสของวงออกไปทันที

     

    แจจุงมองตามร่างเล็กที่เพิ่งวิ่งออกไปด้วยสายตาที่บอกไม่ได้ว่ารู้สึกเช่นไร ผิดกับสายตาของชางมินที่ดูเหมือนว่าสามารถอ่านความเป็นไปทุกอย่างออกได้แบบทะลุปรุโปร่ง

     

    พี่แจจุง แล้วเราจะไปหามือกลองที่ไหนฮะ ร่างสูงเอ่ยถามออกไปเพื่อเบี่ยงความสนใจของพี่ชายหน้าหวาน

     

    ไม้รู้โว้ย!!

     

    งั้นเราจะต้องพักจริงๆเหรอฮะ

     

    ไม่มีทาง ฉันไม่มีทางยอมแพ้ไอ้แก่นั่นง่ายๆ

     

    ใช่ไม่มีทาง คนที่รักดนตรีกับคนที่ทำการค้ากับดนตรีมันต่างกันตรงนี้เอง ต่อให้ฮยอคแจไม่เจ็บ ในอนาคตไอ้สัตว์สองเท้าคนนั้นมันก็ต้องหาทางบีบพวกเราออกอยู่ดี ในเมื่อพวกเรามันไม่ใช่พวกเนื้อนมไข่ที่ล่อเสือล่อตะเข้ได้ ค่าเข้าผับหรือค่าบัตรคอนเสิร์ตจากแฟนเพลงของพวกเขาคงเทียบไม่ได้กับทิปหนักๆจากไอ้พวกโคแก่อยากกินหญ้าอ่อนที่หนีบอยู่ตามเสื้อในกางในของผู้หญิงพวกนั้นได้หรอก ด้วยเหตุนี้คนอย่างแจจุงจึงยอมแพ้ไม่ได้เด็ดขาด อีกอย่างจะให้ไปหาที่เล่นใหม่ก็คงไม่ได้เหมือนกัน เพราะคงไม่มีใครกล้าเสี่ยงรับคนที่อายุยังไม่บรรลุนิติภาวะอย่างพวกเขาเข้าทำงานเหมือนไอ้แก่นั่น แล้วที่สำคัญเขาเป็นห่วงเจ้าสองคนนั่น เพราะคบกันมานานจนพอจะรู้ว่าสำหรับยูชอนและร่างที่นอนเหงาอยู่ในโรงพยาบาลนั้นดนตรีไม่ใช่แค่สิ่งที่รักหรือหลงไหล แต่มันคือน้ำทิพย์ที่ช่วยหล่อเลี้ยงให้ชีวิตยังดำรงอยู่ได้ เงินค่าจ้างที่ได้จากไอ้แก่เจ้าของร้านช่วยลดภาระให้กับคนที่ต้องหาเลี้ยงตัวเองอย่างสองคนนั่นได้ไม่น้อย

     

    แล้วอีกอย่างฉันไม่อยากให้เจ้าพวกนั้นลำบาก

     

    ชางมินมองใบหน้าหวานของพี่ชายแล้วยิ้มบางบางที่มุมปาก ใครๆก็ชอบว่าพี่แจจุงปากร้ายและเย็นชา แต่สำหรับเขาพี่แจจุงคือคนที่ใจดีที่สุดเสมอ ร่างสูงลุกขึ้นมาเก็บสัมภาระของทั้งตัวเองและของพี่ชายที่ยังนั่งนิ่งไม่ขยับเยื้อน

     

    พี่ กลับกันเถอะฮะ

     

    แจจุงถอนหายใจเบาๆก่อนจะพยักหน้าให้น้องเล็กของวง

     

    อืม

     

     

     

     

     

     .

    .

    .

    .

     

    ร่างสองร่างกำลังเดินเคียงข้างกันในตรอกเล็กๆหลังร้านที่ลัดออกถนนสายหลักได้ แสงสลัวจากร้านรวงต่างๆที่เดินผ่านสว่างพอให้จุนซูมองเห็นใบหน้าของยูชอนได้อย่างชัดเจน ดวงตาเรียวเล็กจับจ้องไปที่ขนตางอนยาวของยูชอน จมูกโด่งได้รูป ริมฝีปากหยักเป็นกระจับ มองเท่าไหร่ก็ไม่เคยเบื่อ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ไม่สามารถละสายตาจากคนๆนี้ได้ ในอกข้างซ้ายนี่ก็เหมือนกัน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่มันร้องหาแต่คนตรงหน้า แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่เคยรับรู้เลยก็ตาม

     

    คราวนี้งานอะไรเหรอยูชอน

     

    ปรับปรุงผิวถนน

     

    หา จะไหวเหรอ ฉันว่ามันหนักเกินไปหรือเปล่า จุนซูกล่าวออกไปด้วยความเป็นห่วง แค่งานพิเศษที่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็แน่นเอี้ยด
    จนยูชอนเองก็แทบไม่ค่อยได้พักผ่อนอยู่แล้ว ขืนทำเพิ่มอีกร่างกายอาจรับไม่ไหวก็ได้

     

    ไหวสิ ฉันมันชนชั้นรากหญ้า เรื่องแค่นี้สบายมาก ยูชอนตอบออกไปตามความเป็นจริง ด้วยความที่ต้องหาเลี้ยงตัวเองมาตั้งแต่เด็ก ทำมาสารพัดตั้งแต่ล้างจานในร้านอาหาร เป็นพนักงานเสิร์ฟ ส่งหนังสือพิมพ์ ชีวิตไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทองให้เสวยสุขได้สบายๆ เพราะฉะนั้นไม่ว่างานหนักงานเบาเขาก็ไม่เคยเกี่ยงถ้าทำแล้วได้เงินมายาไส้

     

    ฉันแค่เป็นห่วง จุนซูกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

     

    ร่างสูงหยุดฝีเท้าลงแล้วหันไปสบใบหน้าของคนที่อยู่ข้างกาย ยูชอนรู้ว่าคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ตรงนี้รู้สึกอย่างไรกับตนรู้ดีว่าคำว่าเป็นห่วงของจุนซูหมายถึงอะไร แต่เขาก็ไม่สามารถรับมันไว้ได้

     

    ไม่ใช่รังเกียจ

     

    ไม่ใช่ไม่ต้องการ

     

    แต่โลกของยูชอนกับโลกของจุนซูต่างกันเกินไป

     

    ไม่อยากให้ความมืดมิดกลืนกินแสงสว่าง

     

    ไม่อยากให้ผ้าสีขาวอย่างจุนซูต้องแปดเปื้อนด้วยน้ำครำสีดำอย่างเขา

     

     

    ขอบใจ

     

    เสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นถนนดังขึ้นอีกครั้ง ยูชอนฮัมเพลงขึ้นเบาๆ ราวกับต้องการตัดบนสนทนาเพื่อไม่ให้ความรู้สึกบางอย่างถลำลึกไปมากกว่านี้

     

     

    ปล่อยให้อีกคนก้าวเท้าตามมาอย่างเงียบๆเพียงลำพัง

     

     

    โลกของฉันมีนายอยู่เต็มไปหมด

     

    ในฝันฉันก็ยังเห็นนาย

     

    จะมีวันนั้นมั้ย

     

    วันที่โลกของนายมีฉัน

     

     

     

     

    ░▓◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫◘╫▒ ░▓

     

     

     

     

    ว่าไงจ๊ะน้องสาว ให้พี่นั่งเป็นเพื่อนมั้ย

     

    ไอ้สาด

     

    โหไอ้แจ แดกหมาแทนข้าวหรือไง กูอุตส่าห์ถามดีๆ ร่างสูงใหญ่ของเพื่อนร่วมชั้นนามว่าคังอินนั่งปุกลงบนม้าหินข้างๆร่างบาง

     

    เห็นว่าเป็นเพื่อนหรอกนะไอ้แจ ไม่งั้นกูจับทำเมียไปนานแล้ว ปากแม่งดีจริงๆ

     

    สมน้ำหน้า เสือกเรียกกูว่าน้องสาว

     

    แล้วนี่ไอ้พวกที่เหลือไปไหน คังอินถามก่อนจะคว้ากระป๋องน้ำผลไม้ที่คนสวยกินเหลือมาซดต่อโดยไร้การขออนุญาต ทำราวกับว่าตัวเองเป็นคนซื้อมาก็ไม่ปาน

     

    จุนซูกับชางมินไปห้องสมุดส่วนยูชอนคงไปแอบหลับอยู่ที่ไหนสักที่ ร่างบางตอบก่อนจะซุกหน้าลงบนแขนขาวที่วางพาดอยู่บนโต๊ะ

     

    อ๋อเหรอ เออนี่ได้ข่าวว่าวงมึงยุบ งั้นมาเล่นวงกูมั้ย

     

    ไม่เอา วงมึงมีแต่คนขี้เหร่ไม่คู่ควรกับกู อีกอย่างพวกกูยังไม่ได้ยุบวงเว้ย

     

    แล้วมึงเอาไง ไอ้ฮยอคมันต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มไปอีกหลายวันไม่ใช่เหรอ

     

    กูถึงได้เครียดอยู่เนี่ยไง

     

    ทำไมไม่ลองงประกาศรับสมัครดูวะ อาจมีคนสนใจก็ได้นะมึง คังคินแนะนำ

     

    ที่มึงพูดหน่ะ พวกกูทำหมดแล้ว แต่แม่งไม่ได้เรื่องเฮ้อ

     

    แจจุงถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย เมื่อสองวันก่อนมีคนมาคัดตัวตามที่ชางมินไปติดประกาศไว้ แต่ไม่มีใครน่าสนใจสักคน 
    มีแต่พวกขาดๆเกินๆ บางคนทำท่าเหมือนตัวเองเป็นกลองฮีโร่ที่เก่งขั้นเทพ แต่พอตีออกมากลับไม่ได้เรื่อง บางคนแค่จังหวะธรรมดายังตีมั่ว 
    บางคนแม่งก็หน้าหม้อ สรุปคือการคัดตัวล้มเหลว

     

    นี่มึงรู้จักมือกลองดีๆบ้างเปล่าวะ แจจุงเอ่ยถามออกไป เมื่อนึกได้ว่าคังอินเองก็เล่นดนตรีเหมือนกัน น่าจะพอรู้จักคนในแวดวงนี้อยู่บ้าง

     

    ดีของมึงเนี่ย หมายถึงแบบไหนหล่ะ ร่างใหญ่เอ่ยถามออกไป คังอินรู้ดีว่าคนอย่างแจจุงมีมาตรฐานสูงดูจากสมาชิกในวงก็พอรู้ เพราะฉะนั้นคำว่าดีของแจจุงมันต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ

     

    อย่างน้อยก็ต้องสูสีกับฮยอคแจหรือไม่ก็ดีกว่า เอาแบบที่เล่นแล้วทำให้กูขนลุกได้อ่ะมีมั้ย

     

    มี โยชิกิวงเอ็กซ์แจแปนไงมึง

     

    กูดูทีไรขนลุกทุกที กลัวชิบหายเลย

     

    กวนตีนและมึง ร่างบางพูดพร้อมส่งสายตาเขียวปั้ดไปให้

     

    คนเครียดจะตายอยู่แล้วเสือกล้อเล่นอยู่ได้

     

    มึงนั่นแหละ มึงคิดว่ามือกลองดีๆขั้นเทพที่ไหนเขาจะมาเล่นให้วงนักเรียนธรรมดาอย่างพวกเราวะ

     

    นั่นสิ เฮ้อ เครียดโว้ย !!แจจุงตะโกนออกมาดังลั่น เป็นอย่างที่คังอินว่า เขามั่นใจพอสมควรว่าวงของเขาทำได้ดีไม่แพ้มืออาชีพบางวง แต่ก็อีกนั่นแหละ คนเก่งที่ไหนจะมาสนใจพวกเขา พวกที่เก่งมากๆก็มักมีอีโก้ในตัวเองสูงจนมองคนอื่นเป็นเพียงฝุ่นผงที่ติดอยู่บนส้นรองเท้า 
    ไม่มีค่าอะไรให้ต้องลดสายตาลงไปมอง

     

    เออ แต่จะว่าไปก็มีอยู่อีกคนหนึ่งร่างใหญ่พูดขึ้นมาเมื่อนึกได้ว่ามีอีกคนที่เข้าข่ายที่ร่างบางต้องการ

     

    ใครวะ เสียงหวานๆเอ่ยถามออกไปด้วยความสนใจ แววตาขุ่นมัวเมื่อสักครู่แปรเปลี่ยนประกายตาระยิบระยับด้วยความหวัง

     

    อินคิวบัส

     

    หา!! คนเชี่ยอะไรชื่ออินคิวบัส

     

    ไอ้แจ มึงโง่หรือไง อินคิวบัสหน่ะมันฉายาโว้ย อินคิวบัส อดีตมือกลองที่ฝีมือเยี่ยมที่สุดในวงการใต้ดิน

     

    อดีตเหรอ แจจุงถามด้วยสีหน้าสงสัย

     

    เออ ได้ยินมาว่าไม่เล่นแล้วแต่ก็มีคนเคยเห็นว่ายังวนเวียนอยู่ในผับแถวอับกูจอง มึงลองไปดูสิ ไม่แน่นะเขาอาจยอมเล่นให้วงมึงก็ได้  ได้ข่าวมาว่าเจ้าตัวชอบของสวยๆงามๆ แบบไม่มีจำกัดเพศไม่จำกัดอายุ

    หน้าสวยๆอย่างไอ้แจนี่นอกจากจะเล่นให้ฟรีแล้วฝ่ายนู้นอาจจะแถมของสมนาคุณให้อีกเพียบจนตูดบานเลยมึงเอ๊ย

     

    นี่มึง ว่าแต่ชื่อจริง

     

    ยุนโฮ

     

    ยุนโฮเหรอ

     

     

    ยุนโฮอินคิวบัส

     

    .

    .

    .

    .

    บุรุษรูปงามร่วงหล่นจากสรวงสวรรค์

     

    ปีกที่บินไม่ได้เป็นดั่งตราบาป

     

    ปีศาจที่ถูกสาป

     

    เปี่ยมด้วยอำนาจแห่งราคะและความยโส

     

    แฝงกายดั่งเงามืด

     

    ออกล่าความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของหญิงสาว

     

    ด้วยลักลอบเข้าในฝัน

     

    ล่อลวงด้วยความหวานของรสกาม

     

    บทรักอาบยาพิษ

     

    ก่อนสะกดจิตครอบครองวิญญาณ

     

    ดูดกลืนไอแห่งชีวิต

     

    เพื่อปลูกเมล็ดพันธ์แห่งความชั่วร้าย

     

    ทิ้งไว้เพียงร่างกายที่ไร้การควบคุม

     

    กับความทรงจำที่เลือนลางในค่ำคืนแห่งฝันร้าย

     

    แม้อยากลืมตาตื่นเพียงใดก็ไม่อาจละจากสเน่ห์ร้ายของจอมมาร

     

    ปีศาจแฝงฝัน

     

    อินคิวบัส

     

     

     

     

    To be continued

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×