คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่3
บทที่3
ชลิศาเงยหน้าขึ้นมองตึกสูงตระหง่านตรงหน้า แสงแดดในยามบ่ายจัดสะท้อนกับกระจกเป็นแสงวิบวับจนตาพร่ามัวจำต้องหรี่ตามอง นับว่าฌาลิศาเป็นคนมีความคิดมากเลยทีเดียวที่ตัดสินใจเลือกไวภพเป็นคู่ชีวิต เพียบพร้อมไปด้วยฐานะและชาติตระกูล แถมยังมีรูปสมบัติเป็นต่อ ควงออกงานจะได้ไม่อายใคร แถมทั้งสองครอบครัวยังรักใคร่ปรองดอง คบกันมานานหลายปี เข้าตำราตามสูตรเรือล่มในหนอง ทองจะไปไหนเสียเป๊ะ
หญิงสาวพาตัวเองมาหยุดอยู่ตรงหน้าเค้าเตอร์ประชาสัมพันธ์ ด้วยท้วงท่าที่สง่างามประดุจนางพญาหงษ์และใบหน้าสวยเฉี่ยวอันแสนนิ่งเรียบของเธอ เรียกความสนใจจากสายตาของผู้คนโดยรอบได้แทบจะทันทีที่ปรากฎกาย
“ฉันมาขอพบคุณไวภพค่ะ ไม่ทราบว่าจะพบได้ที่ไหนคะ”
“ไม่ทราบว่าใครจะขอเข้าพบคะ” พนักงานสาวก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป ทว่าเสียงที่ตอบรับมาหาใช่เสียงของพนักงานเค้าเตอร์ไม่ แต่มันกลับดังมาจากเบื้องหลัง
ชลิศาหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้าคนพูด แว่นตากันแดดของเธอถูกย้ายออกจากใบหน้าหย่อนเข้ากระเป๋าถือราคาแพงระยับที่ช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพของเธอให้ดูทัดเทียมกับนักธุรกิจหญิงคนอื่นๆ เผชิญหน้ากับผู้พูดชัดๆพร้อมด้วยนามบัตรสีม่วงอ่อนเคลือบขอบทองที่ยื่นให้
“ดิฉันชลิศา วอลเลอร์ค่ะคุณรัชนี”
คุณรัชนีรับนามบัตรมาพิจารณาชัดๆแล้วกรีดตามองผู้แนะนำซึ่งเป็นหญิงสาววัยรุ่นลูกตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างประเมิน เชิดหน้าขึ้นด้วยความเย่อหยิ่งไม่ผิดแบบคุณกิติกาสักเท่าไหร่นัก
มิน่า..ถึงคบกันได้
“เป็นประธานกรรมการบริษัทเลยเหรอคะ”
ชลิศายิ้มรับบางๆ มองท่าทีอ่อนน้อมที่เปลี่ยนไปของคุณรัชนี “แล้วคุณมีธุระอะไรกับตาภพ เอ่อ..ไวภพ ลูกชายของคุณพี่เหรอคะ”
“ธุระส่วนตัวนิดหน่อยค่ะ”
“งั้นเดินขึ้นพร้อมคุณพี่เลยดีมั้ยคะ”
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งค่ะ” ชลิศาภายมือ โคลงศีรษะเล็กน้อยเพื่อให้อีกฝ่ายเดินนำก่อน ใบหน้าของเธอยังนิ่งเรียบ แต่สายตาภายใต้แว่นกันแดดกลับสำรวจอีกฝ่ายอย่างโจ่งแจ้งโดยที่อีกฝ่ายมิอาจได้รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย
ไวภพต้องประหลาดใจเป็นครั้งแรกของวันในรอบหลายๆครั้งเมื่อรับทราบจากเลขาหน้าห้องที่รายงานเข้ามาว่าใครต้องการขอเข้าพบ นับเป็นเรื่องแปลกจริงๆเพราะสำหรับตัวชลิศาเป็นเขาเองที่ต้องเข้าหาและรุกอยู่เสมอ แต่ครั้งนี้หญิงสาวกลับเลือกที่จะเข้ามาขอพบเขาเองเป็นการส่วนตัว
“เชิญครับ”
“ค้า.. เชิญนั่งตามสบายเลยนะคะ จะดื่มอะไรดีคะ” คุณรัชนีบอกสำทับอีกรอบ เจ้ากี้เจ้าการจนดูเกินงาม ในขณะที่คนเป็นแขกยังคงส่งยิ้มบางๆ ถอดแว่นกันแดดราคาแพงออกจากใบหน้าให้ชายหนุ่มได้เห็นชัดๆว่าดูโดดเด่นเพียงไรเมื่อยามที่มีรอยยิ้มอ่อนๆประดับอยู่บนดวงหน้า
“อะไรก็ได้ค่ะ ดิฉันไม่ใช่คนกินยากอยู่ยากอะไร”
“ค่ะ งั้นขอเป็นกาแฟกับน้ำส้มดีมั้ยคะ”
“ค่ะ”
“คุณมาที่นี่มีธุระอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าครับ” ไวภพเปิดฉากขึ้นทันทีอย่างไม่ปล่อยให้เสียเวลาเปล่าเพราะดูท่าทีเป็นมิตรแบบแปลกๆของผู้มาเยือน มันทำให้เขาไม่ไว้ใจเลยแม้แต่น้อย
“นั่นสิคะ” คุณรัชนีเยี่ยมหน้าเข้ามาด้วยความอยากรู้อยากเห็นเช่นเดียวกัน
ชลิศา วอลเลอร์ นับว่าเป็นนักธุรกิจหญิงที่ประสบความสำเร็จและถูกกล่าวถึงในวงกว้าง อีกทั้งยังปิดตัวอย่างมิดชิด มิยอมให้ใครได้กล้ำกรายหรือเข้าใกล้ชีวิตส่วนตัวมากนัก เท่าที่ได้ปรากฎตัวอยู่ตรงนี้นับว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์มากเลยทีเดียว
“ฉันมาวันนี้ก็แค่จะมาบอกคุณเกี่ยวกับเรื่องที่คุณเคยเข้าไปขอร้องดิฉันถึงที่ทำงานค่ะ”
“ครับ” ไวภพมีแววประหลาดใจเล็กน้อย วันที่เขาเข้าไปพบ ยังเห็นเธอมีอาการกระด้างกระเดื่องไม่เป็นมิตรเหมือนวันนี้เลยแม้แต่น้อย มันเกิดอะไรขึ้นถึงได้เปลี่ยนใจผู้หญิงที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงอย่างเธอลงไปได้ “วันนี้ผมเองก็เสียมารยาท ต้องขอโทษเป็นอย่างมาก”
“ฉันต่างหากล่ะคะที่ควรจะขอโทษ เพราะฉันเองเป็นฝ่ายที่เสียมารยาท ทั้งที่คุณเป็นคนหวังดี อุตส่าห์เข้าไปบอกเกี่ยวกับอาการป่วยของคุณอนันต์ เอ่อ..ฉันหมายถึงคุณพ่อน่ะค่ะ”
“ผมดีใจครับที่คุณไปเยี่ยมท่าน หวังว่าท่านจะอาการดีขึ้นในเร็ววันนี้”
ชลิศาก้มหน้าต่ำ สีหน้าของเธอไม่ได้มีแววดีใจหรืออะไรทั้งสิ้น “ฉันยังไม่ได้คุยกับท่านหรอกค่ะ คุณคงจะทราบบ้างแล้วนะคะว่าคุณกิติกากับฌาลิศาไม่ค่อยชอบหน้าฉันเท่าไหร่”
“คุณได้เจอคุณน้ากับน้องลิศาแล้วงั้นเหรอครับ”
“ค่ะ” ชลิศายิ้มเนือยๆ ยิ่งทำให้ไวภพเกิดอาการหนักใจมากขึ้นอีก เขาทราบดีว่าทั้งคุณกิติกาและฌาลิศานั้นจงเกลียดจงชังชลิศามากเพียงไร แต่เพื่อทำตามคำขอของคนป่วย เขาจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องบากหน้าของตัวเองไปขอร้องเจ้าหล่อนครั้งแล้วครั้งเล่า “ก็เป็นไปตามที่คาดเอาไว้ ฉันที่เป็นถึงประธานกรรมการบริษัท ถูกไล่ออกมาจากโรงพยาบาลอย่างไร้ศักดิ์ศรีสิ้นดี”
“ท่านคงไม่ได้ตั้งใจ”
“ฉันไม่ถือสาหรอกค่ะ ฉันแค่จะมาแจ้งกับคุณเท่านั้นว่าค่ารักษาพยาบาลของคุณอนันต์ทั้งหมดฉันจะเป็นคนรับผิดชอบเอง”
ความประสงค์ของชลิศา ขัดกับคำบอกเล่าจากฌาลิศาที่เคยได้ยินมาโดยสิ้นเชิง จากที่เขาได้สัมผัสกับความอ่อนโยนและดวงตาแสนเศร้าของชลิศาแล้ว ไม่เห็นมีตรงไหนที่ผู้หญิงคนนี้จะเป็นดั่งอสรพิษร้ายอย่างที่ถูกใส่ร้าย ความคิดของเขาเกี่ยวกับชลิศาจึงเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
“แต่ฉันไม่ต้องการให้คุณบอกกับใครทั้งสิ้นว่าฉันเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด ไม่อย่างนั้นสองแม่ลูกคงไม่ยอมรับและทำให้การรักษาคุณอนันต์ต้องล้มไป” หญิงสาวลอบมองใบหน้าคมคายที่ดูอ่อนโยนแล้วถอนหายใจยาว “ถึงฉันกับท่านจะไม่ได้สนิทสนมกันมากนัก แต่ท่านก็ได้ชื่อว่าเป็นพ่อผู้ให้กำเนิด ถือว่าการกระทำครั้งนี้ของฉันจะทำไปเพื่อตอบแทนพระคุณของท่านที่ทำให้ฉันมีวันนี้”
“ถ้าคุณต้องการเช่นนั้นผมก็พอจะช่วยได้ หากคุณต้องการ”
“ส่วนเรื่องบริษัทที่คุณบอกว่าฉันจ้องจะเล่นงาน ฉันแค่อยากมาแก้ตัวเท่านั้นว่าฉันไม่เคยคิดจะจ้องเล่นงานใคร แต่กลไกของตลาดเป็นยังไง ฉันว่าคุณน่าจะรู้ดีกว่าฉันนะคะคุณไวภพ”
“หากคุณจะทำ ผมเองก็เชื่อว่าคุณทำได้ และหากคุณจะปราณี ผมเองก็เชื่อเช่นกันว่าคุณทำได้”
ชลิศาเลือกที่จะยิ้ม และเป็นรอยยิ้มเย็นให้ความรู้สึกหนาวสั่นไปทั่วทั้งห้อง อย่างที่ไวภพไม่เคยรู้สึกมาก่อน และไม่อยากจะเชื่อว่าผู้หญิงคนนี้จะมีอิทธิพลที่ทำให้ห้องทั้งห้องมีอุณหภูมิเช่นนั้นได้
“ได้อย่างก็ต้องเสียอย่างค่ะ วันนี้คุณอาจจะยังไม่เข้าใจ แต่วันหน้าคุณจะรู้ว่าทำไม”
“ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในอดีต แต่ผมอยากให้คุณปล่อยวางมันไปบ้าง คุณอาท่านก็ป่วยขนาดนี้แล้ว อภัยเท่านั้นนะครับมันถึงจะทำให้คุณเป็นสุขได้”
“งั้นฉันจะขอให้คุณอภัยให้ฉัน ได้มั้ยคะ”
ไวภพจ้องดวงตาสีดำสนิทที่ยากหยั่งถึงคู่นั้นอย่างประเมินและระแวดระวัง รอยยิ้มของเธอเปรียบดังคมมีดที่ที่พร้อมกรีดและเพิ่มบาดแผลให้ต่อใคร
“การอภัยให้คุณไม่ใช่เรื่องยาก เพราะระหว่างผมกับคุณ..”
“อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจเลยค่ะ” ชลิศาแทรกขึ้นมาก่อน ลุกขึ้นพร้อมกับหยิบกระเป๋าสะพายใบหรูมาคล้องแขน “เพราะเรื่องระหว่างฉันกับคุณมันยังไม่ทันได้เริ่มขึ้นเลย ลาก่อนค่ะคุณไวภพ ถ้าจะติดต่อเรื่องของคุณอนันต์ติดต่อผ่านเลขาของดิฉันได้เลยนะคะ แล้วก็ไม่ต้องบุกไปหาถึงบริษัทด้วย แค่คุณเอ่ยปาก ฉันจะมาหาคุณเองค่ะ”
“กรี๊ด!!!!!!!!!”
“ลิศา ลิศา ลิศาลูก” คุณกิติการีบประคองร่างผอมบางของบุตรสาวที่เต้นเร่าอยู่หน้าบ้านราวกับคนเสียสติ ทันทีที่เดินทางกลับมาจากโรงพยาบาลและเห็นโลงศพสองโลงตั้งอยู่หน้าบ้านพร้อมด้วยรูปถ่ายของสองแม่ลูกที่ประดับประดาอย่างสมเกียรติ
“มันทำแบบนี้หมายความว่ามันต้องการจะเป็นศัตรูกับเราอย่างถาวรนะคะคุณแม่” ฌาลิศาคว้าพวงหรีดที่ตั้งเด่นไว้อาลัยให้กับตัวเธอและแม่ทิ้งลงพื้นและกระทืบจนแหลกคาเท้า ร่างกายสั่นเทิ้มด้วยความโกรธอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
ชีวิตของฌาลิศานั้นเต็มไปด้วยความหรูหรา ฟุ้งเฟ้อและเป็นที่อิจฉา รวมทั้งเป็นดาวเด่นของวงสังคมที่ทุกคนต่างให้ความสนใจ แต่วันนี้เธอกลับเป็นเพียงคนคนหนึ่งที่ไร้คุณค่าและไม่มีอะไรเหลืออีกเลย ตั้งแต่ธุรกิจล้มไปอย่างไม่เป็นท่า ติดหนี้ติดสินล้นพ้นตัวจนบ้านที่อยู่อาศัยทุกวันนี้จะถูกยึดเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แถมเสาหลักของครอบครัวอย่างคุณอนันต์ก็ล้มป่วย ต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อรักษา
และนั่นมันไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกแย่เท่ากับการได้เห็นนังลูกเมียน้อยอย่างชลิศายังอยู่ดีกินดีและเป็นที่สนใจของวงสังคม โดดเด่นยิ่งกว่าที่เธอเคยได้เป็น
“ช่างมัน วันนี้มันเป็นวันของมัน”
“ช่างไม่ได้ค่ะคุณแม่ ลิศาจะทำให้มันรู้ว่าการเป็นศัตรูกับคนอย่างฌาลิศา เท่ากับเป็นการเปิดประตูนรกรอรับตัวเอง คนอย่างชลิศาต้องเจอกับลิศาเท่านั้นค่ะ”
“แต่เราจะทำอะไรมันได้ลูก ทุกวันนี้เราก็แทบจะเอาตัวเองไม่รอดอยู่แล้วนะลูก” คุณกิติกาถอนหายใจยาว มองดูบ้านหลังใหญ่ที่เคยอยู่อย่างสุขสบายและเต็มไปด้วยคนงานที่เดินเข้าออกขวักไขว่ มีสีสันแต่บัดนี้กลับเหลือเพียงความอ้างว้าง หม่นเศร้าและหม่นหมอง
“มันต้องมีทางและมีวิธีค่ะ วันนี้มันไม่ใช่วันของเรา แต่สักวันมันจะต้องเป็นวันของเรา”
ฌาลิศาประกาศกร้าว ดวงตาหวานของเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธและแค้น ยิ่งมองเห็นโลงศพทั้งสองโลงที่ตั้งอยู่เบื้องหน้ายิ่งเจ็บใจ ใช่! วันพระไม่ได้มีหนเดียว ยังไงเสียวันของเธอก็จะต้องมาถึงและวันนั้นจะเป็นวันที่เธอจะได้เห็นผู้หญิงอย่างชลิศาต้องเจ็บปวดใจเป็นที่สุด
“ลิศาจะเริ่มทำให้นังชลิศามันเจ็บใจและเจ็บปวดตั้งแต่วันนี้ ของที่มันรักและของที่มันหวงลิศาจะทำลายมันทั้งหมด และจะแย่งมันมาเป็นของลิศาให้หมด แล้วที่แม่มันเคยเจ็บปวดเท่าไหร่ ลูกของมันก็จะต้องเจ็บปวดมากกว่าเป็นพันเท่า”
ความคิดเห็น