คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่2
บทที่2
ไวภพจากไปนานแล้ว แต่ชลิศายังนั่งอยู่ที่เดิมบนเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ที่ใครๆหลายสิบ หลายร้อย หลายพันหรืออาจจะหลายหมื่นอยากนั่ง อยากกุมบังเหียนบริษัทที่มีกิจการใหญ่โต มีรายได้มหาศาล หญิงสาวไม่ได้ให้ความสนใจกับสิ่งที่เขาพูด ไม่ว่าผู้ชายที่ชื่ออนันต์จะเป็นจะตายอย่างไรเธอไม่สนและไม่คิดจะสนใจนานแล้ว แต่กับผู้ชายที่ชื่อไวภพเขารู้เรื่องส่วนตัวของเธอได้อย่างไรนั่นคือสิ่งที่เธอติดใจ
เสียงเคาะประตูดังเป็นจังหวะก่อนร่างสูงของรอนจะปรากฎตัวขึ้น เขายังคงอยู่ในชุดเดิม ในมือมีแฟ้มบางๆที่วางอยู่ตรงหน้าของเธอแต่เขากลับยังไม่ยอมส่งต่อ วางน้ำหนักมือทั้งหมดของเขาลงบนแฟ้ม
“คุณอยากรู้เกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นไปทำไม” รอนถามด้วยความอยากรู้ สีหน้าของเขามีแวววิตกกังวลเล็กน้อย ราวกับมีลางสังหรณ์เล็กๆในใจว่าชลิศากำลังคิดจะทำอะไรสักอย่างที่อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องนัก สิบห้าปีที่เขาอยู่กับชลิศา คิดว่าความผูกพันและระยะเวลามันทำให้เขารู้จักนิสัยของผู้หญิงคนนี้พอสมควรเลยทีเดียว
“คุณรู้ใช่มั้ยว่าเขาแอบอ้างว่าเป็นญาติของฉัน” ชลิศาตอบ ออกแรงดึงแฟ้มมาอ่านคร่าวๆ
“ใช่ และนั่นมันทำให้ผมอยากรู้มากเลยทีเดียวว่าเขาเป็นญาติของคุณฝ่ายไหน”
“ฉันถึงได้อยากรู้ว่าเขาเป็นญาติฝ่ายไหนของฉันยังไงล่ะ”
“แต่คุณก็ไม่ได้ร้องเรียกการ์ดทั้งที่เขาบุกรุกเข้ามาถึงห้องทำงานของคุณ” รอนตั้งข้อสังเกต และนั่นเป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจของเขาอยู่ตลอดเวลา มันต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่เขายังไม่รู้เกี่ยวกับชลิศา นอกเหนือจากที่เธอเคยบอกว่าเธอมีญาติเป็นแม่ที่เสียชีวิตไปเมื่อสิบสี่ปีก่อน
ชลิศาวางแฟ้มในมือลง แล้วถอนหายใจยาว “ฉันอยากลืม”
“แต่คุณก็ไม่ได้ลืม”
หญิงสาวยิ้มน้อยๆ เดินมาตบไหล่รอนเบาๆ “คุณรู้ดีเสมอเลยนะรอน”
รอนยิ้มกว้าง เขายอมรับชลิศาได้ในทุกเรื่องๆและไม่เคยคิดรังเกียจไม่ว่าเธอจะมีอดีตอะไรมา สองชั่วโมงที่ใช้นักสืบฝีมือดีสืบเรื่องของผู้ชายที่ชื่อไวภพ มันทำให้เขาได้รู้อะไรดีๆบางอย่างที่เขาเองไม่เคยคิดจะสนใจมันเลย
“จะบอกผมได้มั้ยว่าทำไมต้องเป็นอนันตชัย”
“ไม่ต้องรู้หรอกรอน ฉันไม่อยากให้คุณเข้ามายุ่ง”
ชลิศาหยิบแฟ้มติดมือ หมุนตัวหมายจะเดินเข้าไปพักผ่อนในห้องนอนอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่ก่อนการปรากฎตัวของไวภพ ทว่ากับต้องชะงักอยู่กับที่เมื่อได้ยินประโยคถัดมาของคนที่เรียกได้ว่าเป็คู่ทุกข์คู่ยากของเธอในทุกช่วงชีวิตที่ผ่านมา
“คุณอนันต์เป็นพ่อของคุณใช่มั้ยแซลลี่”
“ใช่”
“เพราะอย่างนั้นคุณถึงจ้องเล่นงานบริษัทของเขาในหลายปีนี้” หญิงสาวไม่ได้ตอบ แต่กำแฟ้มในมือแน่นขึ้น “คุณไม่ต้องไปอ่านประวัติของคนที่ชื่อไวภพหรอก เขาเป็นคู่หมั้นของน้องสาวคุณที่เกิดจากคนละแม่กับคุณ ผมอ่านมาหมดแล้ว”
“ใช่”
รอนเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของหญิงสาว สีหน้าของเขามีแววเครียดเล็กน้อย
“ผมหวังว่าคุณคงไม่คิดจะทำอะไรต่อไปอีกใช่มั้ย” เขาเงียบไปอึดใจเพื่อรอคำตอบ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมามีเพียงความเงียบเท่านั้น ชลิศาไม่ตอบรับหรือตอบปฎิเสธตามนิสัยพูดน้อยของเธอ และนั่นเป็นการยืนยันว่าความคิดของเขาถูกต้องทุกประการ
เพราะดวงตาสีดำสนิทของเธอมีประกายบางอย่างที่แม้แต่คนใกล้ชิดอย่างเขาเองก็ไม่อาจเดาได้ว่ามันมีซุกซ่อนอะไรอยู่ภายในใจของเธอ
“คุณไม่ทำอะไรแน่ๆใช่มั้ย” เขาเค้นขอคำตอบอีกครั้ง ซึ่งมันก็มีเพียงความเงียบตอบกลับมาเท่านั้น นี่แหละคือสิ่งที่เขาเกลียดที่สุดในตัวของผู้หญิงที่ชื่อชลิศา
เรียวปากขยับเล็กน้อย ภายใต้สมองเล็กๆของเธอกำลังเรียบเรียงคำพูดที่จะออกจากริมฝีปากของเธอ ให้ฟังดูเข้าใจง่ายที่สุดและโน้มน้าวให้รอนเชื่อเธอและไม่ขัดขวางไม่ว่าเธอจะตั้งใจทำอะไรก็ตาม
“ฉันทำมันมาหลายปีแล้วล่ะรอน”
“ถ้าเรื่องบริษัทผมเข้าใจ แต่ผู้ชายที่ชื่อไวภพ เขาไม่เกี่ยวข้องอะไร เขาเป็นแค่คู่หมั้นของน้องสาวคุณเท่านั้น”
“เขาไม่ใช่น้องสาวของฉัน”
“คุณเกลียดพ่อของคุณ” รอนได้คำตอบในทันที ซึ่งในความฉลาดของเขามีรอยยิ้มบางๆเป็นรางวัลในครั้งนี้ “คุณเลยรบกับบริษัทของพ่อคุณเงียบๆแล้วคุณก็คิดจะทำอะไรบางอย่างในเร็วๆนี้ที่เกี่ยวกับผู้ชายที่ชื่อไวภพ เพราะคุณต้องการให้บทเรียนกับน้องสาวของคุณ”
“คุณอ่านนิยายมากเกินไปหรือเปล่า”
“แต่มันก็มีส่วนถูกมากไม่ทั้งหมดแต่ก็เกือบหมด” เขาแย้ง ส่ายหน้าเบาๆแล้วถอนหายใจยาวกว่าครั้งไหนๆ “ผมรักคุณนะแซลลี่ แต่ผมอยากให้คุณหาความสุขให้กับตัวเองมากกว่าจะไปทำเรื่องงี่เง่าปัญญาอ่อนพวกนั้น คุณมีทุกอย่างทุกอย่างที่ผู้หญิงทุกคนอยากจะมี ในขณะที่คุณเองก็อยากจะมีในสิ่งที่ทุกคนมี”
“ไม่ยักรู้ว่าคุณว่างขนาดนี้ ฉันคงต้องหาอะไรให้คุณทำอีกซะแล้ว”
รอนส่ายหน้าหวืด แสดงสีหน้าขยาดออกมาอย่างชัดเจน “ทุกวันนี้ผมก็แทบไม่มีเวลาหายใจแล้วครับท่านประธาน”
“ความจริงตำแหน่งประธานน่าจะเป็นของคุณมากกว่า”
“ผมว่ามันก็แฟร์ดีสำหรับเราสองคน คุณเหนื่อยคุณก็ควรจะได้รับสิ่งตอบแทน ผมเพิ่งจะมาช่วยงานคุณได้ไม่นานนี่เองนะครับแซลลี่ที่รัก เราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีก คุณไปพักผ่อนแล้วก็ไปคิดเรื่องการแก้แค้นของคุณต่อไปเถอะ ผมไม่กวนแล้ว”
ชายหนุ่มรุ่นแผ่นหลังบางของคนที่เคยได้ชื่อว่าเป็นพี่สะใภ้ของตัวเองเข้าไปในห้องนอนกว้าง ดึงแฟ้มที่ถือติดมือออกจากมือบางแล้วคว้าข้อแขนเล็กๆพาเดินไปนอนบนเตียง ห่มผ้าให้เหมือนเด็กเล็กๆและโน้มตัวจูบหน้าผากกลมมนเบาๆ
“ฝันดีครับเจ้านาย”
“ฉันไม่ใช่เด็กๆแล้วนะคะรอน”
“หน่า.. ถือว่าผมทำหน้าที่แทนอเล็กแล้วกันนะครับ”
ชลิศายิ้มบางๆหลับตาพริ้ม “พรุ่งนี้ก็ครบรอบวันปีที่สิบปี่แล้วนะที่อเล็กจากไป”
“ครับ” รอนเองก็ยิ้มบางๆไม่ต่างจากหญิงสาว
สิบสี่ปีก่อนเหตุการณ์ร้ายๆทั้งของเขาและของชลิศาเกิดขึ้นพร้อมๆกัน มารดาของชลิศาและพี่ชายของเขา อเล็ก ประสบอุบัติเหตุรถตกไหล่เขา เสียชีวีตทั้งคู่จึงเป็นเหตุให้ชลิศาต้องขึ้นกุมบังเหียนของ cm.แมทธีเรียลตั้งแต่วัยสิบแปดปีในฐานะภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของอเล็ก
“ผมแปลกใจมากเลยว่าทำไมเราสองคนถึงอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้”
“เพราะคุณเข้มแข็ง..รอน ลมหายใจที่คุณเหลืออยู่ต่อชีวิตให้คุณเดินไปข้างหน้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฉันในอนาคต ฉันอยากให้คุณเดินหน้าต่อไป อย่าหยุดและอย่าหันหลังกลับไปมองทุกสิ่ง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม”
“คุณพูดเหมือนคุณกำลังจะสั่งลาผม” เขาแย้งเสียงขรึมแล้วลุกขึ้นยืน “เอาเป็นว่าผมไม่กวนเวลาพักผ่อนของคุณ แต่อยากให้คุณรู้เอาไว้ว่าคุณยังมีผมอีกหนึ่งคนบนโลกนี้”
“เช่นกันค่ะรอน คุณก็ยังมีฉันอีกหนึ่งคน”
รอนโคลงศีรษะให้แก่พี่สะใภ้น้อยๆ เขาส่งยิ้มบางๆให้อย่างอบอุ่น ดวงตาสีเขียวของเขาทอดมองอย่างอ่อนโยน สิ่งเดียวในชีวิตที่เขายังห่วงใยและหนักใจที่สุดคือความสุขของชลิศา
ผู้หญิงเพียงคนเดียวในชีวิตที่เขายกย่องและเทิดทูนให้เป็นทั้งแม่ พี่และเพื่อนในคราวเดียวกัน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่กำลังกวนอยู่ภายในจิตใจของผู้หญิงคนนี้ เขาพร้อมที่จะช่วยปัดเป่าและยืนเคียงข้างเสมออย่างไม่เกี่ยงงอน
ความคิดของรอนนั้นตัวชลิศาเองก็รู้ดี เธอกับรอนผูกพันยิ่งกว่าคนที่มีสายเลือดเดียวกัน หญิงสาวลุกขึ้นจากที่นอน หยิบแฟ้มที่ถูกรอนวางไว้บนโต๊ะใกล้ๆกันนั้นมาเปิดอ่านทีละหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ เรื่องราวส่วนใหญ่ที่คนของรอนสืบมาให้เธอล้วนแต่เป็นข้อมูลที่เธอท่องจำได้จนเกือบจะขึ้นใจอยู่แล้ว มีเพียงผู้ชายที่ชื่อไวภพเท่านั้นที่เธอให้ความสนใจมากเป็นพิเศษเพราะเมื่อก่อนเธอแทบไม่เคยจะให้ความสนใจเกี่ยวกับตัวเขาเลย
“แม่ชอบคนรวยขนาดนี้แล้วถ้าเกิดรู้ว่าลูกสะใภ้คนดีถังแตกจะว่ายังไงนะ” หญิงสาวเหยียดยิ้มที่มุมปาก ปิดแฟ้มรายงานผลดังพรึ่บ
คืนนี้คงจะเป็นคืนแรกเลยทีเดียวที่เธอจะนอนหลับฝันดีโดยที่ไม่ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะถูกฝันร้ายรบกวน พรุ่งนี้เป็นวันครบรอบวันตายของอเล็กและแม่ของเธอแต่ในอีกหนึ่งปีข้างหน้ามันจะเป็นวันตายของใครอีกหลายๆคน!
ความเงียบของสุสานย่านชานเมืองชวนให้จิตใจสงบนิ่ง ชลิศาในชุดกระโปรงดำขับกับผิวสีขาวนวลเนียนของเธอยืนตัวตรง จ้องรูปที่สลักบนในแผ่นหินอ่อนเบื้องหน้าด้วยสายตาอ่อนแสง กุหลาบสีขาวในมือของเธอวางลงบนแท่นอย่างเชื่องช้า
ผ่านไปแล้วสิบสี่ปี ทุกๆปีที่เธอและรอนมาที่นี่ในวันนี้เป็นประจำไม่เคยขาดเลยสักหน ไม่ว่าจะยุ่งมากเพียงไรก็ตาม แต่ที่นี่ในวันนี้จะต้องมีกุหลาบขาวสองดอกวางอยู่ตรงหน้าของหลุมศพ
“ไม่รู้ว่าพวกเขาจะได้เจอกันหรือเปล่า” รอนถามคำถามเดิมเป็นครั้งที่สิบสี่ เขาจ้องรูปของพี่ชายด้วยความภาคภูมิใจ อเล็กเป็นวีรบุรุษในใจของเขาเสมอ ตั้งแต่บิดามารดาของเขาจากไปอเล็กเป็นพี่ชายเพียงคนเดียวที่ดูแลเขาอย่างแข็งขันไม่ต่างจากที่ชลิศาดูแลเขา
“ชาวพุทธเชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิด บางทีทั้งอเล็กและแม่ของฉันอาจจะไปเกิดใหม่แล้วก็เป็นได้”
“ถ้าเกิดใหม่อีกครั้ง คุณคิดว่าพวกเขาจะเกิดเป็นอะไร”
ชลิศาไม่ตอบคำถามของรอน เธอหมุนตัวแล้วเดินออกจากสุสานไปเงียบๆคนเดียวในขณะที่รอนเลือกจะใช้เวลาในวันนี้อยู่กับพี่ชายของตัวเองเพื่อนรำลึกความหลังในวัยเด็ก
หญิงสาวผู้เป็นนายของสรรพสิ่งแห่งcm. แมทรีเรียลก้าวเรียวขาขึ้นรถเก๋งสำดำวาว ดวงตาสีรัตติกาลของเธอยังคงนิ่งสนิทเมื่อมองของฝากสำคัญที่วางอยู่ข้างตัว
ในละคร..นางเอกจะต้องสั่งพวงหรีดให้ไปส่งแก่ศัตรู แต่สำหรับชลิศาเธอไม่ใช่นางเอกแต่เป็นนางร้ายเต็มรูปแบบเพราะฉะนนั้นเธอจะเป็นคนไปส่งมันด้วยตัวของเธอเอง
ภายในอาคารของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังจึงมีหญิงสาวในชุดดำถือพวงหรีดดอกไม้สีขาว พาดตัวอักษร ‘ด้วยรักและอาลัย’ เดินเข้าลิฟต์ด้วยสีหน้านิ่งเรียบ
“สวัสดีค่ะ” ชลิศากวาดตามองคนที่อยู่ภายในห้องพักฟื้นของคนไข้ มีผู้หญงใจร้ายที่เธอจำหน้าได้ดีไม่มีวันลืมอย่างคุณกิติกาและอีกคนฌาลิศา น้องสาวต่างสายเลือดของเธอ
บนเตียงมาชายเลยวัยกลางคนนอนหายใจรวยรินด้วยเครื่องช่วยหายใจ
“คุณกิติกาและคุณฌาลิศา” ชลิศาเปิดฉากทักทายสองแม่ลูกด้วยน้ำเสียงคม ลึกที่ทำให้คนทั้งคู่ต่างแสดงอาการประหลาดใจออกมาอย่างชัดเจนที่เห็นหญิงสาวในชุดดำบุกเข้ามาในห้องพี้อมพวงหรีด
“คุณเป็นใครคะ แล้วเข้ามาในห้องนี้ได้ยังไง” ฌาลิศาดันมารดาไปด้านหลัง และเปิดฉากเจรจาอย่างเป็นทางการ
ในวินาทีนั้นทำให้ชลิศาได้สำรวจความเป็นไปของน้องสาวผู้เย่อหยิ่งของเธอชัดๆ สิบสี่ปีมันไม่ได้เปลี่ยนแปลงแค่ตัวเธออย่างเดียวเท่านั้น ยังเปลี่ยนแปลงสองแม่ลูกผู้เชิดหยิ่งและรักหน้าตาทางสังคมของตัวเองยิ่งกว่าสิ่งใดด้วย
ฌาลิศาในวันนี้ดูซูบซีด อิดโรยเพราะทำงานหามรุ่ง หามค่ำเพื่อหาเงินใช้หนี้แก่เจ้าหนี้ไปวันๆ ในขณะที่ราศีคุณนายของคุณกิติกาคงจะหายไปตั้งแต่ที่เธอเริ่มลงมือสั่นคลอนกิจการของอนันตชัย
ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่สองแม่ลูกมองเพื่อนมนุษย์ที่ต่ำกว่าเป็นเพียงเศษดินที่ต้องเหยียบย่ำให้ลมพื้นธรณี
“มันคงนานเกินไปหรือไม่ฉันก็ไม่สำคัญที่จะให้คุณจดจำว่าฉันคือใคร” หญิงสาวยื่นพวงหรีดราคาแพงที่ตั้งใจเลือกดอกไม้ที่ดีที่สุดให้กับบอร์ดี้การ์ดแล้วเอื้อมมือถอดแว่นตากันแดดสีดำออกจากใบหน้า “ถ้าอย่างนั้นฉันขอแนะนำตัวอีกครั้งนะคะ ฉันชลิศา วอลเลอร์”
“ค่ะ” ฌาลิศาพยักหน้ารับงงๆ “แล้วคุณเข้ามาที่นี่ได้ยังไงคะ”
“เดินเข้ามาค่ะ” คนถามหน้าม้านไปทันทีกับคำตอบกำกวม “ก็เมื่อวานพวกคุณไม่ใช่เหรอคะที่ส่งคุณไวภพให้ไปเทียบเชิญฉัน ให้มาร่วมงานศพของใครนะคะ ฉันก็จำไม่ค่อยได้”
“ชลิศา!” ฌาลิศาเค้นเสียงต่ำด้วยความโมโห มีเพียงผู้หญิงคนเดียวเท่านั้นในช่วงนี้ที่ไวภพให้ความสนใจ คือลูกเมียน้อยคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเธอนี้เอง
ไม่ได้เจอกันนานไม่คิดว่าสภาพเด็กบ้านนอก ยากจนที่แทบจะไม่เคยมีอะไรกินกลายเป็นเศรษฐีสาวไปได้ ถึงแม้ว่าเธอจะเคยเห็นผ่านๆตามงานเลี้ยงสำคัญและตามหน้าหนังสือพิมพ์บ้างประปราย แต่ก็ไม่คิดว่าลูกเมียน้อยคนนี้จะเป็นคนเดียวกับกระดังงาลนไฟแห่งวงการธุรกิจ
“ไม่มีใครตายทั้งนั้น” คุณกิติการ้องบอกเสียงเหี้ยม วัยที่โรยราไม่ได้ลดความโมโหร้ายลงเลยแม้แต่น้อย ในทางตรงกันข้ามมันกลับเพิ่มมากขึ้นจนชลิศาไม่แปลกใจเลยที่ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น “เอาพวงหรีดของแกกลับไปไหว้แม่ของแกเถอะนังชลิศา”
“เพิ่งไหว้เสร็จค่ะ” ชลิศายังคงน้ำเสียงของตัวเองได้อย่างราบเรียบน่าใจหาย เพราะปกติเธอไม่ใช่คนที่ยอมให้ใครมาดูถูกง่ายๆ โดยเฉพาะตอนนี้ที่ที่เธอยืนอยู่ไม่ใช่ชลิศาคนเก่าที่จำเป็นต้องยอมอีกต่อไป “ฉันเลยรีบมาไหว้คนที่นี่ แล้วตกลงงานศพใครล่ะคะ”
“ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะชลิศา แล้วก็เอาพวงหรีดของแกน่ะไปตั้งหน้าบ้านแกซะ” ฌาลิศากระชากพวงหรีดของบอรี้การ์ดแล้วยัดเยียดใส่มือของหญิงสาวจนร่างบางกระดอนเพราะไม่ทันระวัง ยังดีที่บอร์ดี้การ์ดของเธอรีบเข้ามาช่วยเจ้านายได้ทันเวลา รับร่างบางเอาไว้ก่อนจะล้มจ้ำเบ้าลงไปกองกับพื้น
ชลิศาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ พยายามข่มอารมณ์ของเธอเอาไว้อย่างสุดความสามารถ เพราะการที่เธอมาวันนี้ เธอไม่ต้องการมาเพื่อจะสร้างความเจ็บใจให้แก่ตัวเอง แต่เธอกำลังจะทำให้สองแม่ลูกนี้ได้เรียนรู้ถึงความเจ็บปวดที่เธอเคยได้รับ
“ได้ค่ะ ถ้าเช่นนั้นฉันก็คงต้องบอกลาเพราะหมดธุระของฉันแล้ว” หญิงสาวหมุนตัวออกจากห้องพักฟื้นง่ายๆ เพราะเธอรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
หน้าห้องพักชลิศาจึงยื่นทั้งพวงหรีดและที่อยู่ให้กับบอร์ดี้การ์ดเพื่อไปรับโลงศพแบบพิเศษสองโลง สลักชื่อสองแม่ลูกพร้อมด้วยพวงหรีดอีกพวงใหญ่ส่งไปให้ถึงบ้าน ส่วนตัวของเธอก็..แค่ต้องเดินหมากต่อไป
ความคิดเห็น