คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เริ่มต้นเดินทาง
"ซัม! วันนี้ต้องไปสมัครเรียนนะ ตื่นเร็ว"
"หน่าแม่ ทำหยั่งกะผมอยากเรียนนักนี่ ถ้าแม่อยากเรียนแม่ก็ไปเรียนเองสิ ตอนนี้ขอนอนก่อน" เสียงงัวเงียของเด็กผู้ชายวัย10ปี ผมกะเสอะกะเสิงหยั่งกะกิ่งของต้นไม้ขนาดใหญ่ที่พันกันมั่ว แต่ไม่เหมือนตรงที่ผมเป็นสีฟ้าเท่านั้นเอง ตาสีแดงหรี่เล็กลงด้วยความง่วง
"ฉันเคยเรียนมาแล้ว และไม่จำเป็นต้องไปเรียนอีกแล้วด้วย"ผู้เป็นแม่เริ่มทำท่าโมโห"ถ้าแกไม่ตื่นฉันจะใช้ไอนั่นกับแกนะ"
"ถ้าแม่ใช้ แม่ก็ต้องมานั่งซักผ้า ถูบ้านใหม่นะ คิดดูดีๆ" แล้วเขาก็หยิบผ้าห่มที่มีสีเดียวกับสีผมขึ้นมาคลุมโปงโดยไม่สนใจแม่ของเขาเลย
"ฉันไม่ใช้น้ำฉีดแกหรอก แต่ฉันจะใช้..."แล้วเธอก็หยิบ ของแข็งแข็งสีเหลืองเหมือนหินออกมา ซึ่งมันก็คืออัญมณีนี่เอง มันเริ่มเปล่งแสงสีทอง ก่อนที่จะมีกลุ่มควันออกตามมาติดๆ และแล้วก็เกิดเสียง
"ผัวะ"
"โอ๊ย!"ซัมยันตัวขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ"มันเจ็บนะแม่"แล้วเขาก็เห็นเต่าขนาดใหญ่กว่าธรรมดาโผล่มาในห้องของเขา
"หางของทอยส์ฟาดแกแทน"ผู้เป็นแม่ตอบอย่าภาคภูมิใจ
"แม่เปลี่ยนชื่อมันเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วเนี่ย ครั้งแรกก็โทโทส ต่อมาก็อะไรน้า... ช่างมันเถอะ"ซัมทำท่าน่าเบื่อ ก่อนจะพูดว่า"เดี๋ยวก่อน แม่เคยใช้วิธีนี้กับพ่อเมื่อสองสามวันก่อนใช่มะ"เธอพยักหน้า"มิน่าละถึงได้ยินเสียงผัวะมันคุ้นหูหน่ะ"
"แกไม่ต้องพูดมาก ลงไปอาบน้ำแล้วกินข้าวซะ พ่อของแกเตรียมรถม้าอยู่ข้างนอกแล้ว รีบหน่อยละ"แล้วเธอก็เดินเปิดและปิดประตูดัง"ปัง"ออกจาห้องไป
"อะไรกันนักกันหนานะ"ซัมพูดอย่างเซ็งๆก่อนจะไปอาบน้ำ
ไม่ถึง10นาที ซัมก็เดินลงมายังห้องครัว ดึงเก้าอี้และนั่งลง
"มีอะไรกินบ้าง บ๋อย"
แม่ของเขาหันมาและวางจานขนมปังทาแยมสตรอเบอร์รี่ 3 แผ่นบนโตะ แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า"บ๋อยบัดเตี่ยแกสิ เดี๋ยวแกจะอดกินถ้าพูดหยั่งงี้อีกเพียงครั้งเดียว"
"เตี่ยผมเตรียมรถม้าอยู่ข้างนอก แม่ก็บอกผมเองนะจำไม่ได้หรอ"ซัมทำท่าชี้ไม้ชี้มือไปที่ผู้เป็ดบิดานอกบ้าน ซึ่งกำลังลากม้าหนุ่มที่พึ่งซื้อจาคนข้างบ้านมาอย่างทุลักทุเล เขาคิดในใจว่า ตกลงพ่อลากม้าหรือม้าลากพ่อกันแน่เนี่ย "อาหารเช้ามีแค่นี้หรือ เบ้"แล้วเขาก็ค่อยๆหันมาที่จานที่ใส่ขนมปังอีกครั้ง
แล้วเขาก็เอื้อมมือจะไปหยิบขนมปังชิ้นหนึ่งจากจานสีสันบาดตาจากจานที่อยู่ตรงหน้า แต่แล้วเขาก็รู้สึกเหมือนจานกำลังห่างเขาไปเรื่อยๆ เป็นเพราะแม่เขาหยิบจานไปนี่เอง
"ไปได้แล้ว"เธอพูดอย่างเสียงเข้ม
"แต่ผมยังไม่ได้..."
"แม่บอกให้แกไปได้แล้ว หรือแกอยากจะโดนอีกรอบ คราวนี้ฉันไม่ยั้งมือแน่"คราวนี้เธอพูดอย่างใส่อารมณ์เต็มที่
ซัมจึงรีบลุกออกจากเก้าอี้และเดินออกไปหาผู้เป็นพ่ออย่างรีบด่วน เพราะเขารู้สึกว่าถ้าอยู่ต่ออีกสักนาทีเดียว เขาต้องถูกเจ้าทอยส์เอาหางฟาดตายคาห้องครัวแน่ๆ ซึ่งมันคงไม่พิสมัยสักเท่าไรนัก
"ไง ไปกวนอะไรแม่อีกละ"พ่อของเขาทำท่าร่าเริงเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งคงเข้าใจว่าเจอเหตุการณ์อย่างนี้จนชินเสียแล้ว
"โธ่พ่อ ก็แค่หยอกเล่นนิดหน่อยเอง ยังไม่ได้ทำอะไรเลย"ซัมพยายามทำหน้านิ่วอย่างไร้อารมณ์ที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
"ไปได้แล้วมั้ง"
"ทำไมผมต้องไปเรียนด้วยอะ เสียเวลาป่าวๆ"
"งั้นระหว่างทางเดี๋ยวพ่อจะเล่าให้ฟัง"แล้วเขาก็ทำท่าเชิญลูกของตัวเองขึ้นไปบนรถม้าสีน้ำตาลขนาดเล็ก ซึ่งดูไกลๆเหมือนกับกระท่อมติดล้อดีดีนี่เอง
"ดีมาก เดี๋ยวถึงเป้าหมายแล้วจะให้ทิปนะบ๋อย"ซัมทำท่าร่าเริงก่อนเดินขึ้นรถไป
"โป๊ก"
"พ่อให้มะเหงกผมทำไมอะ"ซัมพูดอย่างอารมณ์เสีย
"อย่างงี้นี่เอง ถึงทำให้แม่อารมณ์เสีย"พ่อของเขาพูดอย่างอารมณ์เสียเช่นกัน
รภม้าเริ่มเคลื่อนที่อย่างๆช้าๆผ่านรั้วบ้านออกไปยังถนน
อีก 5 นาทีต่อมา ซัมก็คิดได้ว่าพ่อบอกจะบอกเหตุผลที่ส่งเขามาเรียนตอนที่อยู่บนรถม้า เขาจึงเอ่ยปากถามผู้เป็นพ่อที่กำลังบังคับบังเหียนม้าอยู่ข้างนอกกระท่อมติดล้อนี้"ไหนพ่อบอกว่าจะบอกเหตุผลที่ส่งผมมาเรียนไง"
"อ๋อ! เรื่องนั้นหรอ"เขาขยับตัวเล็กน้อยเพื่อจะได้นั่งได้เต็มที่ขึ้น"ก็แกดันเกิดมาโง่เอง ขนาดเด็กข้างบ้านอายุแค่ 6 ขวบยังเรียกสัตว์อสูร*บองเจ (สัตว์อสูรสี่ขาลักษณะคล้ายหนูตะเพาแต่ขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย ขนสีดำเหมือนถ่าน แต่ต่างกันที่บองเจจะมีเขางอกออกมาตรงกลางหัวด้วย ความสามารถของมันนั้นไม่มีอะไรมากเสียนอกจากความน่ารักของมัน ซึ่งทำให่คนส่วนใหญ่มักเรียกมันออกมาเป็นเพื่อนเวลาเหงา) ออกมาได้ตั้ง 2 นาที แถมยังไม่มีอัญมณีสำหรับผนึกพลังสัตว์อสูรด้วย แต่แกสิอายุป่านนี้แล้วยังเรียกไม่ได้เลย น่าขายหน้าจริงๆ เฮ้อ!"พ่อของเขาทำหน้าเอือมระอา อย่างที่ซัมเห็นเป็นประจำตอนพ่อของเขาพูดเรื่องของเขาให้เพื่อนบ้านในระแวกเดียวกันฟัง
"โธ่พ่อ เรียกไม่ได้ก็ไม่ต้องเรียกสิ ไม่เห็นเป็นไรเลย ยังไงมันก็ไม่สำคัญอยู่แล้ว"ผู้เป็นลูกทำหน้าเมินเฉย
"ไม่สำคัญเหรอ"สีหน้าเริ่มผิดหวัง"มันช่วยแกได้เกือบทุกอย่างเลยนะ ถ้าแกใช้มันเป็น"พ่อเริ่มมีสีหน้าเอือมระอาเล็กน้อย
"แต่ผมเรียกพวกมันไม่ได้"
"ฉันถึงส่งแกไปเรียนไงละ เผื่อแกจะได้ใช้เป็น อย่างน้อยฉันก็หวังว่าพอแกกลับมาน่าจะมีอะไรติดสมองอันกลวงๆของแกกลับมาบ้าง"
"แต่..."
"ไม่มีแต่"
"โอเค ตกลง"ซัมทำเสียงเหนื่อยหน่าย แต่ต้องตอบตกลงเพราะรู้ว่าถึงเถียงไปก็เปลืองน้ำลายเปล่าๆ
"ไอ้โรงเรียนนั่นอยู่ในเมืองเหรอ"ผู้เป็นลูกเริ่มสอบถามข้อมูลจากพ่อ
"ไม่ใช่ อยู่หลังเมืองไปอีกสักไมล์สองไมล์นะ"ผู้เป็นพ่อตอบอย่างร่าเริงกลับไปยังผู้เป็นลูก
"แล้วไอ้โรงเรียนนี้สมัครก็เข้าได้เลยเหรอไง"
"มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก ต้องสอบเข้าหน่ะ"
"งั้นถ้าฉันสอบไม่ผ่าน ฉันก็ไม่ต้องเรียนนะสิ"ตาของซัมเริ่มส่องประกายเล็กน้อย โดยหวังไว้ในใจว่าจะได้ไม่ต้องไปเรียน
"ถ้าแกสอบไม่ผ่าน ฉันก็มีเส้นให้แกวิ่งเข้าจนได้แหล่ะ ฉันว่าทางที่ดีแกน่าจะทำใจน่าจะดีกว่านะ"
"เฮ้อ!"ซัมถอนหายใจอย่างหมดความหวัง"แล้วมันเป็นการสอบไงอะพ่อ"
"ไม่รู้สิ มันเปลี่ยนทุกปีหน่ะ"
"อ๋อหรอ"
รถม้าแล่นไปตามถนนอันขรุขระ สองข้างทางมีดอกเรซี่บานรับแสงอรุณยามเช้าอย่างงดงาม บรรยากาศค่อนข้างเย็นชวนให้อยากนอนจริงๆ
"ถึงเมืองละ"พ่อเอ่ย ทำให้ซัมเริ่มมองออกไปนอกรถม้า ซึ่งเขาได้เห็นกำ
แพงสูงตระหง่านอยู่ห่างไม่ถึง2ไมล์ ที่สุดถนนมีประตูขนาดยักษ์เปิดอ้าเพื่อรับนักท่องเทียวต่างๆอยู่ และที่ข้างประตูนั้นเองมี*การ์เดี้ยน (ยักษ์ที่ถือกระบองหนามแหลมคม มีหน้าตาพิลึกตรงที่ปากถูกเย็บด้วย ด้ายศักสิทธิ์ ด้วยสาเหตุนี้เองมันจึงพูดไม่ได้ โดย ไนท์ 1 ใน 4 นักรบมนต์อสูรแห่งนคร เวย์ริน นครที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่หายสาบสูญไปหลังการต่อสู้กับ ลอร์ดสตีล ผู้บงการสัตว์อสูรแห่งความมืด อดีต 1 ใน 4 นักรบมนต์อสูรแห่งนคร เวย์ริน เชื่อกันว่าถ้าด้ายหลุดเมื่อไร เสียงของมันสามารถทำลายได้แม้กระทั่งภูเขาลูกโตๆ 3 ลูกพร้อมกันเลยทีเดียว ด้วยความสามรถที่มีพละกำลังมหาศาล มันจึงเหมาะในการเป็นยามเฝ้าสถานที่ต่างๆ) 2 ตัวคอยเฝ้าอยู่ด้วย
หลังจาผ่านประตูเมืองเข้าไปแล้ว ซัมเห็นบ้านของประชาชนในเมืองแออัดยัดเยียดมาก แต่ยิ่งกว่านั้นคือคน ที่อัดกันหยั่งกับปลากระป๋องเสียอีก
"เราไม่จอดเดินเที่ยวที่นี่ก่อนเหรอ"ซัมพูดด้วยความอยากสำรวจเมืองนี้เต็มที
"ไม่ละ ถ้าแกลงไปแม้แต่ก้าวเดียวแกได้ไปไหนต่อไหนแน่ แกไม่เห็นคนที่อัดกันหรือไง เมืองนี้ชื่อเมือง คาโซน่า ขึ้นชื่อว่าแออัดที่สุดในบรรดาเมืองที่อยู่ในระแวกเดียวกันอีก"แล้วรถม้าก็เริ่มเคลื่อนที่ผ่านเมืองที่มีฝูงชนอัดกันแน่น แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย ที่จะขับผ่านฝูงชนพวกนี้โดยไม่ทำให้ใครบาดเจ็บ
ในที่สุดพวกเขาก็ออกมายังประตูหลังของเมืองคาโซน่าจนได้ด้วยความทุลักทุเล
ซัมซึ่งอยู่ในรถม้ารู้สึกหัวระบมไปหมด เนื่องจากรถม้ามันเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาจนทำให้หัวของเขาชนกับไม้ที่ทำรถม้าไปหลายครั้ง ถ้าขนาดเขายังขนาดนี้แล้วพ่อหล่ะจะขนาดไหน
"เกือบถึงละ นั่นไงปราสาท"เสียงของพ่อทำให้ซัมสบายใจขึ้น เมื่อรู้ว่าพ่อเขาไม่ได้หายไปกับฝูงชนที่เหมือนกับฝูงปลาพะยูน แล้วเขาก็ยื่นหน้าออกไปนอกหน้าต่าง สิ่งที่เขาเห็นก็คือ ปราสาทขนาดยักษ์ ที่พื้นที่คงไม่ต้องประมาณแล้ว มันคงจะพอๆกับประเทศๆหนึ่งเลยกระมัง
"พ่อแน่ใจนะว่ามันคือโรงเรียน"เขาถามด้วยความอึ้งกับสิ่งที่เห็นที่ห่างกันไม่ถึง 5ไมล์
"ก็ใช่นะสิ แล้วแกจะให้ฉันเรียกมันว่าอะไรหละ"พ่อกำลังจัดการกับรองเท้าบู๊ทอันทุลักทุเลของเขาหลังจากผ่านเมืองคาโซน่าอันมีคนแออัดที่สุดเท่าที่ซัมเคยเห็นมา
"พ่อ สัญญากับฉันซักอย่างสิ ถ้าฉันมีเป้าหมายอาจจะทำให้มีกำลังใจเรียน และอาจจะเรียกสัตว์อสูรได้ก็ได้นะ"
"อะไรหล่ะ"
"ถ้าฉันสามารถเรียกสัตว์อสูรได้แล้ว ฉันขอให้พ่อกับแม่พาฉันไปเที่ยวรอบโลกนะได้มะ"ซัมพยายามแกล้งทำเสียงออดอ้อนที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
"ถ้าแกกลับมาบ้านแล้วสามารถเรียกมนย์อสูรได้อะเหรอ"ผู้เป็นบิดาเริ่มคิดหนัก มือซ้ายถือคันบังเหียน ส่วนมือขวาก็ถูค้างที่มีหนวดเล็กน้อย แล้วเขาก็ดีดนิ้วดัง"ป็อก"ก่อนจะตอบว่า"ก็ได้ ตกลง"
และแล้วรถม้าก็เริ่มเข้ามาใกล้โรงเรียนสัตว์อสูรเข้าไปทุกทีๆ
ความคิดเห็น