บันทึกเรื่องราวไร้สาระของคนเป็นโรคประสาทที่พยายามหาทางปรับปรุงตัวเอง - บันทึกเรื่องราวไร้สาระของคนเป็นโรคประสาทที่พยายามหาทางปรับปรุงตัวเอง นิยาย บันทึกเรื่องราวไร้สาระของคนเป็นโรคประสาทที่พยายามหาทางปรับปรุงตัวเอง : Dek-D.com - Writer
NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด

    บันทึกเรื่องราวไร้สาระของคนเป็นโรคประสาทที่พยายามหาทางปรับปรุงตัวเอง

    โดย dahliakun

    มันเป็นแค่เรื่องราวของคนๆนึงที่มีภาวะ Passive Death Wish และนี่คือส่วนนึงของสิ่งที่เขาได้พบเจอในอดีตจนถึงปัจจุบัน

    ผู้เข้าชมรวม

    63

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    63

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  16 ธ.ค. 65 / 22:55 น.
    คำเตือนเนื้อหา NC

    มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ



    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

    มีเด็กหนุ่มคนนึงเกิดขขึ้นมาในครอบครัวที่เพรียบพร้อมในระดับนึง เป็นที่รักของทุกคนและเหมือนจะมีอนาคตที่ดี"อย่างที่พ่อแม่ต้องการ" 

    เด็กน้อยไม่ชอบวิชาการเท่าไหร่แต่ก็ไม่ได้เป็นคนขี้เกียจเกินไปจนไม่ขวนขวายอะไรเลย ตอนอนุบาลเขามักจะวิ่งเล่นกับเพื่อนๆในตอนพักกลางวันและหาอะไรเล่นไปเรื่อยระหว่างที่อยู่ในคาบเรียน จนกระทั่งได้เรียนพอเศษครั้งแรก.. พ่อแม่ของเขายอมทุ่มเงินไม่อั้นเพื่อให้เขามีอนาคตที่ดี แต่ในเริ่มในวัย3ขวบนั้น มันสมควรแล้วงั้นหรือ เขาถูกส่งไปเรียนพอเศษทุกวันหยุดโดยที่ไม่ได้บอกเหตุผลอะไร ทำไมถึงต้องรีบเก่งขึ้นขนาดนั้น พ่อแม่ก็จะบอกเพียงแต่ “เพื่ออนาคต” และแน่นอนสำหรับเด็กน้อยเหตุผลนี้มันยากจะเข้าใจและฟังไม่ขึ้นเอาเสียเลย ดังนั้นเข้าจึงทำมันเหมือนมาเที่ยวเล่นเพื่อหาเพื่อนเล่นเท่านั้น แต่เนื่องจากอนุบาลไม่มีการตัดเกรดให้คะแนน เด็กน้อยจึงยังไม่รู้ว่าการที่เราทำตามความคาดหวังของผู้ใหญ่ไม่ได้นั้นมันสามารถทำให้พ่อแม่เปลี่ยนไปได้ขนาดไหน จากนั้นเขาก็จบวัยอนุบาลมาด้วยความทรงจำดีๆมากมาย โดยที่ไม่รู้เลยว่าชีวิตหลังจากนี้จะเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้นและกลายเป็นปมด้วยในตัวมาจนโต

    ผ่านมาไม่นานนักเด็กน้อยถึงวัยที่ต้องเข้าโรงเรียนประถมแล้ว สิ่งแรกที่ทำให้ช็อกน่าจะตอนต้องตัดทรงผมนักเรียนครั้งแรกเพราะตอนอนุบาลไว้ผมยาวมาเลยไม่เข้าใจว่าทำไมต้องตัดทิ้งหมด ที่ได้คำตอบมาก็คือ"มันเป็นกฏโรงเรียน" วันต่อมาเด็กน้อยได้มางานปฐมนิเทศ เด็กน้อยถูกพามาส่งที่หน้าห้องเรียนพร้อมกับเพื่อนใหม่มากมาย และเขาก็ร้องไห้ออกมา อย่างไรก็ตามเขาก็เข้ากับเพื่อนๆได้ดีกว่าที่คิดมาก และแม้จะไม่ค่อยเต็มใจ เมื่อถึงชั้นประถมปีที่3มันก็กลับมาอีกครั้ง พ่อแม่เริ่มเห็นว่าคะแนนสอบของฉันนั้นไม่เป็นไปตามที่ต้องการเลยจ้างครูประจำชั้นให้สอนพิเศษให้หลังเลิกเรียน แต่ก็ไม่ได้แย่มากเพราะเพื่อนในห้องบางส่วนก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน เด็กกน้อยไดเติบโตขึ้นเรื่อยๆ มีรักครั้งแรกตามวัย มีเพื่อนที่รักใคร่ในตัวเขา ..จนกระทั่งเข้าประถมศึกษาปีที่6 พ่อแม่ของเขาก็ปูทางโรงเรียนมัธยมที่อยากให้เข้าไว้แล้วทั้งที่เขาก็อยากจะอยู่กับเพื่อนๆต่อไป ได้เข้าโรงเรียนเดียวกัน แต่หลังจากบอกไปก็ถูกปัดตกอย่างไร้เยื่อใย และเริ่มให้เข้าโรงเรียนกวดวิชาจริงจังเพื่อที่จะสอบเข้าโรงเรียนนั้นให้ได้เพราะเป็นโรงเรียนดังที่สร้างคนที่ประสบความสำเร็จมามากมาย เด็กน้อยก็พยายามทำตามความคาดหวังแล้ว แต่เมื่อวันสอบจริงมาถึงเขาสอบตก พ่อแม่บอกผลสอบด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่ไม่ว่ายังไงก็ต้องพาเด็กคนนี้เข้าโรงเรียนนี้ให้ได้ จึงได้พูดคุยบางอย่างกับทางโรงเรียนและให้เด็กได้ใบสมัครการเข้าเรียนด้วยการจับสลากมาจนได้ และมันก็สำเร็จ เหมือนโชคชะตาของเขาจะกำหนดให้เขาได้ลงเอยชีวิตมัธยมที่โรงเรียนนี้แล้ว

    ก่อนจะได้เข้าเรียนยังมีเวลาอยู่บ้าง พ่อแม่จึงส่งเข้ากวดวิชาเพื่อให้เรียนปรับพื้นฐาน และเขาก็ทำได้ดีจนได้คะแนนสูงสุดมามากถึง4วิชา …อย่างไรก็ตามพอเอาไปอวดพ่อแม่เขาก็ไม่ได้ตอบสนองอะไร มองว่าโรงเรียนพิเศษก็ต้องทำให้เด็กเก่งขึ้นอยู่แล้ว ค่อยคุ้มเงินที่จ่ายเพิ่มไปหน่อย

    เริ่มต้นชีวิตมัธยม! โรงเรียนนี้จัดว่าน่าตื่นตาตื่นใจ มีนักเรียนมากกว่า3พันคน ชั้นเรียนชั้นนึงจะมีตั้งแต่12-14ห้องกันเลยทีเดียว และเป็นโรงเรียนรัฐชายล้วนชื่อดังติดอันดับของประเทศ เป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับเขามาก ต่างจากตอนประถมที่เป็นสหศึกษา และมี2ห้องเรียน ซึ่งนักเรียนจะร่วมทุกข์ร่วมสุขกันไปยันเรียนจบเลยทีเดียว

    ม.1 เขาได้อยู่ห้องอันดับที่5จาก12 เป็นชีวิตที่สนุกดี ได้เห็นอะไรใหม่ๆมากมาย สังคมที่แตกต่างออกไปในแบบโรงเรียนชายล้วน แต่ก็ยังหาเพื่อนสนิทได้ ถึงจะโดนให้เรียนพิเศษตลอดเหมือนเดิมก็ไม่ได้รู้สึกลำบากอะไร และก็เป็นช่วงนี้เองที่ทำให้เริ่มสนใจฐานะทางสังคมขึ้นมา ทำให้รู้สึกว่าที่บ้านตัวเองมีไม่พอ และมักจะแขวะบ้านตัวเองอยู่เสมอ ซึ่งก็จัดว่าไม่สมควรเลย หากเขาคิดได้ดีกว่านี้และพยายามมากขึ้นเพื่อให้ตัวเองถีบตัวขึ้นไปในจุดที่สูงกว่าเดิมหรือเหนือกว่าคนที่เขาอิจฉาเขาคงจะผลักดันตัวเองไปได้อีกไกล แน่นอนว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นมันจึงเป็นสิ่งที่เขารู้สึกผิดหวังในตัวเองในตอนโต 

    อย่างไรก็ตามสิ่งที่ไม่คาดคิดได้เกิดขึ้น เขาสอบตกครั้งแรก และเป็นวิชาที่เขาถนัดมากอย่างคณิตฯอีกด้วย เขาควรพยายามหาข้อบกพร่องของตัวเอง แต่งานซ่อมครั้งแรกเป็นเพียงเรียกไปเย็บกระดาษข้อสอบ และลอกคำตอบที่ถูกต้องโดยไม่มีคำอธิบาย การจะเอามาถามพ่อแม่ให้ช่วยสอนก็ดูจะเป็นอะไรที่อันตรายเพราะเมื่อเขาทำอะไรผิดพลาดเขาจะถูกด่าและตีโดยอ้างความรักอีก เขาจึงปล่อยผ่านไปจนกระทั่งพ่อแม่รู้ทีหลังและไม่วางใจให้เขาจัดการทุกอย่างเองอีกต่อไป จากนี้ทุกวันในเทอม2 เขาจะถูกพ่อแม่ตรวจการบ้าน ในมุมมองนึงมันก็คงเป็นการแสดงความรัก เป็นความทุ่มเทเพื่อให้ลูกมีอนาคตที่ดี แต่เด็กน้อยเริ่มรู้สึกชีวิตเหมือนโดนกำกับทุกอย่างเกินไป ทำให้เกิดการต่อต้านและทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้ง จนในที่สุดก็ไม่ตั้งใจเรียนอีกต่อไป

    ม.2 การเข้าหากันด้วยฐานะทางสังคมและงานอดิเรกดูชัดเจนขึ้น และโรงเรียนนี้ช่วงม.ต้นจะเปลี่ยนห้องเรียนตามผลการศึกษา เด็กชายตกมาอยู่ห้อง9ที่เต็มไปด้วยเด็กเกเร และความไม่เป็นลงรอยในหมู่เพื่อนได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เขามีเรื่องจนทะเลาะทางวาจากับหัวโจกคนนึงของห้องเข้าอย่างรุนแรง และถูกเพ่งเล็งจนโดนรุมกลั่นแกล้งอย่างหนัก ทำให้ไม่เป็นอันเรียน เขาสู้ไม่ได้เลยไม่ว่าจะเป็นจำนวน ฐานะ หรือพละกำลัง มันเกิดขึ้นทุกวันจนเขาอยากออกจากโรงเรียน แต่ก็ไม่อยากให้พ่อแม่ผิดหวังจึงยังอดทน วันหนึ่งเขาทนไม่ไหวจึงระบายให้พ่อของเขาฟัง และสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เขาโดนต่อว่าซ้ำเติมว่าทำไมไม่ทำตัวดีๆ 

    การกลั่นแกล้งเริ่มหนักขึ้น ผลการเรียนก็ตกต่ำลงเรื่อยๆ ปิดเทอมแรกได้มาถึงและเขาตกหลายวิชาจนโดนตามตัว เขาโดนดุด่าจากทั้งครูวิชาต่างๆและครอบครัวที่เขารักมากที่สุด.. เขารู้สึกพังทลาย.. การอยากตายครัั้งแรกและอีกหลายๆครั้งเกิดขึ้นมาในช่วงเวลาเทอมที่2ในปีนี้ เขามีปากเสียงกับพ่อแม่ทุกวัน เมินทุกอย่างในห้องเรียนและถูกรังแกเช่นเคยโดยที่ไม่สามารถระบายให้ใครฟังได้ เป็นคนที่ถูกเพื่อนๆถอยห่างเพราะไม่อยากข้องเกี่ยวกับคนที่ถูกกลั่นแกล้ง ถูกละเลยจากครู ทำให้เริ่มที่จะไปไหนมาไหนคนเดียวในตอนพักกลางวัน และมักจบลงที่การเข้าไปหาอะไรทำในห้องสมุด มันทำให้เขาได้อ่านนิยายครั้งแรก อ่านมังงะ จนกลายเป็นได้งานอดิเรกใหม่ขึ้นมา เขารู้สึกมีความหวังในชีวิตอีกครั้ง มีทางที่เขาจะหาความสุขได้บ้างแล้ว แต่แน่นอนว่าความจริงไม่ได้หนีไปไหน ปิดเทอม2วันฟังเขาผลตกมากกว่า8วิชา เขาได้ครอบครัวช่วยซ่อมจนผ่านทั้งหมด เขามองคนที่บ้านเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแล้ว เขาสัญญากับตัวเองว่าในปีถัดไปเขาจะทำตัวให้ดีขึ้นอีกซักครั้ง

    ม.3 แน่นอนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จากผลการเรียนที่แย่ลงอย่างมาก ทำให้เขาตกลงมาเป็นห้อง10 แต่รอบนี้เขาจะพยายาม และห้องเรียนนี้ก็มีพวกเกเรค่อนข้างน้อย เขาเลือกที่จะนั่งหน้าสุดติดประตูเพื่อที่จะไม่โดนรังแกอีก และโชคค่อนข้างดีที่มีเพื่อนเก่าตอนม.1หลงมาอยู่ห้องนี้ รวมทั้งเพื่อนที่นั่งคู่กันก็เรียนเก่งพึ่งพาได้มาก บรรยากาศการเรียนปีนี้ค่อนข้างไปได้ด้วยดี จนกระทั่งเขามีเพศที่3หัวรุนแรงมาแกล้ง วันหนึ่งหมอนั่นพยายามจะหอมแก้มเขาในช่วงพักกลางวันขณะที่เพิ่งจะหมดคาบเรียน หนุ่มน้อยกำลังจะลุกจากที่นั่งเพื่อออกไปที่โรงอาหารและถูกจู่โจม เขาดันฝ่ายตรงข้ามออกไปและกำลังจะโดนจับกดลงพื้น ในขณะนั้นเองเพื่อนรักของหนุ่มน้อยที่นั่งข้างๆกันได้ขัดขาเขาจนล้ม เขาถูกจับกดกับพื้นและกำลังโดนปล้ำแล้ว เข้าตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ แต่ได้กลับมาเพียงการถูกยืนมุงและรุมหัวเราะ หนุ่มน้อยหยิบปากกามาทิ่มมือฝ่ายตรงข้ามจนหลุดออกมาได้ และโดนบอกว่าล้อเล่น ตามด้วยเสียงหัวเราะอย่างพร้อมเพรียงอีกครั้งของคนทั้งห้อง เด็กหนุ่มมองหน้าเพื่อนรักด้วยความผิดหวังและก็เดินออกจากห้องไปด้วยน้ำตาและสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ยจากเหตุการณ์เมื่อกี้นี้ โลกของเขาที่กำลังจะสวยงามกลับมามืดมนอีกแล้ว จากนั้นมาหลังหมดพักกลางวันเขาก็ยังคุยกับเพื่อนอยู่ด้วยความที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จากการนั่งข้างกัน แต่ความเชื่อใจต่อคนในห้องนั้นไม่เหลืออยู่อีกแล้ว 

    จากผลที่พยายามปรับปรุงตัวในการเรียนเกรดของเขาในตอนม.3ได้ออกมาเฉลี่ยค่อนข้างออกมาดีกว่าที่คิด มันทำให้เขาต่อม.ปลายได้ในที่สุด จะได้ฝึกฝนร่างกาย และใช้ชีวิตช่วงม.ปลายมาเรื่อยๆจนจบการศึกษากับเพื่อนใหม่ซะที ..เขาหวังอย่างนั้น

    ม.4 มีอะไรแปลกใหม่ค่อนข้างเยอะ สายที่เขาเลือกคือสายภาษาที่เขาไม่ถนัด แต่เขาก็อยากลองดู เขาถูกส่งเรียนพิเศษเหมือนอย่างเคยในภาษาที่เขาเลือกและก็ทำมันได้ดี เพื่อนในห้องปีนี้ก็ค่อนข้างที่จะโอเค และเขาก็ได้เพื่อนสนิทคนใหม่อีกครั้ง และมีคะแนนโดยรวมที่ดีจนทางบ้านเริ่มไว้วางใจอีกครั้ง 

    ม.5 เพื่อนสนิทของเขาไปติดเงินเพื่อนอีกคน เขาถูกเจ้าหนี้ของเพื่อนขอให้ช่วย ทำให้ทะเลาะแตกหักกับเพื่อนสนิทตัวเอง และเพื่อนสนิทของเขาเริ่มถูกเกลียดชังจากคนในห้องและทำการกั่นแกล้งจนเริ่มไม่มาโรงเรียน มันเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เข้าลำบากใจอย่างมาก แต่เขาก็ยังต้องเดินหน้าต่อไป

    ม.6 เขาเติบโตขึ้นมาก แต่ก็ไม่ข้องเกี่ยวกับใครนัก ใช้มังงะและเกมเป็นที่พึ่งทางใจ และจบการศึกษาไปได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร

    เอาล่ะ ต่อไปก็คงเป็นการเลือกมหาลัย เขาได้มหาลัยรัฐแห่งหนึ่ง และกำลังจะได้กลับไปเรียนแบบสหศึกษาอักครั้งหลังจากที่อยู่ชายล้วนมานาน

    เรียนปรับพื้นฐานก่อนเริ่มมหาลัย เป็นอะไรที่ตลกมาก เขาเลือกที่นั่งตรงที่ว่าง แต่รอบๆตัวเขานั้นเป็นคนละเอกกันทำให้เขาได้เพื่อนต่างเอกไปอย่างไม่ตั้งใจ และได้แอบชอบคนๆนึง

    ปี1 มันมีกิจกรรมรับน้องซึ่งเขาก็ไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ เขาโดนจับแข่งขันเต้นแบบทีมและต้องซ้อมหลังเลิกเรียนอยู่หลายเดือน แต่มันก็ทำให้เขาเริ่มเป็นที่คุ้นหน้าในคณะ มีเพื่อนสนิท และใช้ชีวิตได้อย่างสนุกสนาน การสอบก็ยังทำได้ดีแม่จะต้องทำกิจกรรม เขาเรียนได้ดีจนสามารถต่อรองกับทางบ้านให้ส่งไปเรียนพิเศษได้แล้ว

    ปี2 เขากับเพื่อนสนิทเลือกที่จะโดดกิจกรรมรับน้องตลอดเพราะไม่สนใจ อย่างไรก็ตามเรื่องอื่นๆก็ไม่มีปัญหาอะไร เพื่อนในกลุ่มสองคนจาก4ได้คบกับเพื่อนในห้องเป็นแฟน เขารู้สึกยินดีกับเพื่อนๆ และด้วยความที่แฟนเพื่อนก็มีกลุ่มเพื่อนอยู่ เขาจึงมีสังคมเพื่อนที่กว้างขึ้นมาก เป็นชีวิตที่ดีจริงๆ แต่ด้วยความที่ติดเพื่อนเลยทำให้เขาตั้งใจเรียนน้อยลง แต่ก็ไม่ได้แย่จนโดนต่อว่าอะไร

    ปี3 คนที่แอบชอบมีแฟนซะแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรขนาดนั้น ตอนนี้เขามีเพื่อน มีความสุขดี ชีวิตช่วงนี้ยังคงปกติสุขดังเดิม

    ปี4 ปีสุดท้ายสำหรับชีวิตมหาลัยแล้ว และเป็นปีที่จะมีการฝึกงานหรือสหกิจศึกษา เข้าเกรดค่อนข้างดีเลยได้ตัวเลือกสหกิจ และเขาได้งานเป็นครูฝึกสอนภาษาที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง แต่เวลาเปิดเรียนไม่ตรงกับที่มหาลัยกำหนดให้ เขาเลยได้รับข้อเสนอว่าต้องมาทำก่อน และเลิกก่อน เขาได้ทำข้อตกลงกับทางคณะโดยมีครูผู้ดูแลเรื่องนี้ไปคุยกับทางคณะให้ หลังจากทำไปได้ใกล้กำหนด ครูคนดังกล่าวเรียกพบ บอกว่าเรื่องที่คุยทำไม่ได้แล้วเพราะเบื้องบนไม่อนุมัติ เขาต้องฝึกงานต่อไปแม้จะทำงานได้ครบวันแล้ว ซึ่งเวลาที่ต้องทำเพิ่มนั้นกินเวลาปิดเทอมทั้งหมดที่เขาควรจะได้รับเพื่อพักผ่อนไป ทำให้แผนที่จะทำกิจกรรมสร้างความทรงจำกับเพื่อนในช่วงปิดเทอมแรกพังลงและถูกตราหน้าว่าไม่รักษาคำพูด และไม่สามารถทำงานพิเศษที่สมัครเอาไว้ได้ อย่างไรก็ตามเขาทำความเข้าใจกับเพื่อนๆได้ แม้จะโดนที่ทำงานพิเศษต่อว่า แต่ก็ได้เพียงน้อมรับไว้ เขารู้สึกว่ากฎระเบียบบางอย่างก็ไร้เหตุผลเสียจริง ทำไมเขาถึงต้องมาเสียวันหยุดไปกับเรื่องแบบนี้ด้วย เขาทำได้เพียงระบายให้คนอื่นฟังอยู่เสมอเมื่อมีใครพูดอะไรที่ทำให้เขานึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ แต่เขาก็ยังสนุกกับมันได้และผ่านมันมา

    เข้าเทอม2ปีสุดท้ายของปี4 การฝึกงานจบลงไปแล้ว เขาได้เจอเพื่อนๆและสนุกกันอย่างเคย แต่เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นหลังเข้าเรียนตามปกติไม่ถึง1เดือน ได้มีวันปัจฉิมนิเทศนอกสถานที่ เกิดอุบัติเหตุและทำให้เขาไม่สามารถใช้งานขาซ้ายได้อย่างใจ กลายเป็นคนเดินขากะเผลกกึ่งพิการไปตลอดเทอม จนกระทั่งจบการศึกษา…

    …เขาใช้เวลามากกว่า6เดือนหลังเรียนจบในการรักษาตัวทำให้เริ่มต้นอะไรต่างๆช้ากว่าเพื่อนมาก เขาได้งานแรกทั้งที่ยังบาดเจ็บและทนทำอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง จนทนไม่ไหวต้องลาออกมาพักฟื้นต่อโดยอ้างอ่านหนังสือสอบเพิ่มระดับภาษาที่เรียน เพื่อยื่นสมัครงานใหม่ในวันที่พร้อม ที่บ้านอยากให้เรียนต่อ และเขาก็ตกลงโดยจะหาเงินเรียนเอง

    เขาอ่านหนังสืออย่างตั้งใจทุกวัน แต่ก็มีเพื่อนคนนึงเสนองานมาให้ทำและเขาเลือกที่จะตกลงเพราะไม่อยากให้ที่บ้านรอเก็บเงินนาน เขาเริ่มทำงานไปเรื่อยๆและมันค่อนข้างไปได้ดี จนใกล้วันสอบที่สมัครไว้ แต่เขาโชคไม่ดีนักเพราะมีโอทีต่อเนื่องพอดี ทำให้ทวนหนังสือไม่ได้เนื่องจากเลิกงานดึกเกินไป ..เขาสอบตก และต้องรอสอบใหม่ปีหน้า..

    เขายื่นลาออกเพื่อออกไปอ่านหนังสือจริงจังอีกครั้ง แต่ด้วยความที่ทำงานในตำแหน่งสำคัญเจ้านายจึงไม่ยอม เขาลาออกอยู่หลายครั้งจนหมดความอดทนไปสมัครงานใหม่และนัดสอบสัมภาษณ์ หลังสอบผ่านเขาสอบใบขับขี่จนผ่านเพื่อเตรียมเริ่มงานเมื่อถูกเรียกตัว..

    เจ้านายเห็นว่าเขาเริ่มมีลับลมคมในจึงจัดให้คนในบริษัทมาประชุมพูดโน้มน้าวจนเขาใจอ่อนบอกว่าหางานใหม่ไว้แล้ว เน้านายยื่นผลประโยชน์ในสัญญาที่มากขึ้นทำให้เขาสละสิทธิ์งานใหม่ที่สอบสัมภาษณ์ผ่านไป

    หลังจากนั้นเขาก็ประสบอุบัติเหตุในจุดเดิมที่ขาซ้ายระหว่างกลับบ้าน และครั้งนี้มันร้ายแรงกว่าเดิมจนต้องใช้เฝือกและไม้ค้ำไปอีกหลายเดือน วันต่อมาเขาไปโรงพยาบาลพร้อมครอบครัวและยื่นใช้สิทธิ์ประกันสังคม พ่อฉันบอกว่าประกันยังไม่เข้าระบบ ต้องใช้เงินตัวเองจ่ายเต็มจำนวน เขาตกใจมากเพราะมันไม่น่าเป็นไปได้ เพื่อนร่วมงานที่มาทำงานทีหลังก็ยื่นผ่านหมดแล้ว เขาโทรถามเจ้านาย เขาอ้างว่ามันถูกยื่นไปแล้ว แต่มันตกค้างไม่สามารถทำเรื่องต่อได้ นี่เขาถูกหักหลังอีกแล้วเหรอ? จากนั้นเขาก็น้ำหนักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเนื่องจากการรักษาตัวทำให้ออกกำลังกายไม่ได้

    แต่เขาก็ยังมีเรื่องดีๆ มีกลุ่มเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยที่นัดเจอกันบ่อยๆและเมื่อเขาระบายให้ฟังเพื่อนก็ชวนเข้ามาทำงานด้วยทันที แต่เขาต้องสอบสัมภาษณ์ก่อนซึ่งก็ได้เพื่อนช่วยโน้มน้าวจนสามารถเข้าไปทำงานที่ใหม่ได้ จากนั้นก็ลาออกล่วงหน้าจากที่เก่าแบบสายฟ้าแลบทันที 

    เนื่องจากได้งานใหม่โดยที่ยังบาดเจ็บอยู่ เขาจึงต้องใส่เฝือกมาทำงาน แต่เขาก็กายภาพบำบัดอยู่หลายเดือนจนผ่านมันมาได้ แต่หลังจากเกินครึ่งปีมาไม่นาน เนื่องจากเหตุผลบางอย่างทำให้ขาขวามีอาการกำเริบเรื่อยๆจนมีครั้งหนึ่งต้องเอาไม้คำกลับมาใช้อีก เขาเริ่มไม่มั่นว่าจะทำงานนี้ต่อไหวด้วยร่างกายแบบนี้ เขาอ้วน เขามีขาที่อ่อนแอและสามารถกำเริบได้ทุกเวลา เขาจึงตัดสินใจบอกลาออกล่วงหน้ากับเพื่อนของเขา แต่เป็นการลาออกล่วงหน้าหลายเดือนเพื่อที่เพื่อนจะได้หาคนใหม่เข้ามาทำงานและให้เขาสอนงานได้ เขาจะได้ออกมาฟื้นฟูร่างกาย ลดน้ำหนักได้อย่างสบายใจ 

    ระหว่างนั้นเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เดือนท้ายๆก่อนออกจากงานเกิดโรคระบาดทำให้มีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก เขาที่วางแผนจะไปเที่ยวต่างประเทศเพื่อพักผ่อนกับเพื่อนจึงต้องยกเลิกไป แต่การทำงานของเขาก็ยังดำเนินต่อไปจนกระทั่งวันสุดท้าย

    เขาออกจากงานมาแล้ว เขาหาเงินใช้ด้วยการขายของสะสมจากงานอิดเรกของเขาอยู่หลายเดือน และลดน้ำหนักไปด้วย ตอนนี้ยังไม่มีปัญหาอะไร เขาลดน้ำหนักไปได้เยอะพอสมควร เขาเริ่มมีความมั่นใจ สมัครงานใหม่และเข้าทำด้วยชื้นใจ

    งานใหม่มีรุ่นพี่ที่ไม่ดีนัก เขามักจะถูกต่อว่าเรื่องงาน แต่ไม่ได้รับการสอนงานดีๆเลย บอกให้ถามได้ถ้ามีปัญหา แต่พอถามจริงๆมักจะไม่ว่าง หากไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่นก็จะถูกมองว่าข้ามหัว และรบกวนการทำงานคนอื่น จนกระทั่งวันนึงหัวหน้าทีมได้บอกว่าเขาไม่ผ่านโปรหรอก จะเลิกก็รีบเลิกไป เหมือนที่นี่ไม่ต้อนรับคนไม่เป็นงาน เขาจึงตัดสินใจลาออกงานนี้แม้ว่าจะทำมาได้ไม่นาน 

    เขาออกกำลังกายต่อเพื่อนดึงความมั่นใจตัวเองกลับมาตอนผอม แต่ก็บาดเจ็บจากการออกกำลังกายอีกครั้งและมันทำให้เขาต้องฟื้นตัวอีก เขาเริ่มท้อใจเพราะการฟื้นฟูนั้นกินเวลานานเสมอ น้ำหนักเขาขึ้นอีกครั้งแล้ว ทำไมทุกครั้งที่อะไรไปได้ดีถึงมีอะไรมาขัดได้ตลอดเลยนะ หลังจากเวลาผ่านไปที่บ้านเริ่มถามเขาเรื่องการหางานใหม่ ซึ่งเขาก็ยังหาไม่ได้ซึกที เขาอยากทำงานอีกครั้งในสภาพร่างกายที่พร้อมจึงยังไม่ได้เข้าสมัครที่ใด จนที่บ้านพูดขึ้นมาว่านู่นก็ไม่ทำนี่ก็ไม่ทำ ไม่เอาไหนเลย เขารู้สึกเป็นภาระ รู้สึกไร้ค่าอีกครั้ง แต่ก็มีเงินเก็บอยู่เยอะเลยไม่ได้รบกวนทางบ้านนัก พวกงานอดิเรกต่างๆที่พอจะดึงความสนใจของเขาได้บ้าง ส่วนเรื่องอื่นๆก็ยังคงมองโลกในแง่บวกต่อไป หลายครั้งเขากถูกบั่นทอนกำลังใจและทำให้จิตตกไปบ้าง อยากออกไปอยู่คนเดียวหางานทำและเช่าหออยู่ไกลๆแต่ก็เป็นห่วงที่บ้านเกินกว่าจะทำได้ลง แม้จะท้อแท้แต่บางอย่างก็จะดึงเขาขึ้นมาจากความรู้สึกนั้น เหมือนโดนผลักลงหลุมและปีนขึ้นมานับครั้งไม่ถ้วน เขาไม่รู้ว่าเขารู้สึกอยากตายมากี่ครั้งแล้ว แต่ถ้าไม่มีอะไรมาพรากชีวิตเขาไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาจะไม่ฆ่าตัวตาย จะพยายามมีชีวิตต่อไปด้วยความหวังอันน้อยนิดที่มีว่าตัวเองจะมีความสุขในซักวัน พยายามเริ่มทำอะไรที่ไม่เคยคิดจะทำเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น จะโดนดูถูกหรือเยาะเย้ยระหว่างนั้นก็ไม่เป็นไร เขาจะพยายามทำให้มันโอเคและผ่านมันไป อย่างที่เคยทำมา

     

    รู้สึกยังไงบ้างเอ่ย คิดว่ามันไร้สาระมั้ยสำหรับเรื่องราวอะไรแบบนี้^^

    สำหรับคนที่อ่านเรื่องสั้นนี้มาจนจบก็คงต้องขอขอบคุณที่สละเวลาจากใจเลย

    มันเป็นการเล่าเรื่องครั้งแรกคงมีอ่านแล้วรู้สึกแปลกๆเพราะใช้ภาษาไม่เก่งเท่าไหร่ ขอบคุณอีกครั้งที่กดเข้ามา(ノ´ з `)ノ


    @dahliakun

     

     

     

     

     

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×