ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Meb E-Book ] Predict คำทำนายของเธอ…คือฉัน [YURI]

    ลำดับตอนที่ #6 : ชอบ

    • อัปเดตล่าสุด 21 ธ.ค. 66


    ตอนที่หก : ชอบ

     

                กว่าจะรู้ตัวตอนนี้เราก็มายืนอยู่ริมชายหาดแล้ว นี่มันสถานการณ์แบบไหนกัน...

                “ลมพัดกำลังดีเลย” พี่สีน้ำพูดพร้อมสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด โดยที่ฉันก็มองการกระทำอย่างคนที่ทำตัวไม่ถูก

                “พี่สีน้ำเป็นอะไรหรือเปล่าคะ เห็นทำท่าเหมือนอยากชวนกลุ่มเปาออกมา”

                “เปล่าหรอก จริงๆ อยากชวนแค่เปาออกมาน่ะ”

                ชวนแค่ฉัน...

                ขาที่กำลังก้าวไปอย่างสม่ำเสมอหยุดชะงัก ยืนแข็งทื่อคล้ายเบื้องหน้าตอนนี้เป็นภูเขาน้ำแข็งไม่ใช่ทะเลชลบุรีอีกต่อไป

                “ขอโทษนะ”

                “ขอโทษเรื่องอะไรคะ”

                “ขอโทษเรื่องแป้งน่ะ” ไม่พูดเปล่า เธอเริ่มเดินเลียบชายหาด พร้อมกับฉันที่เดินแนบข้างไปด้วย “เหมือนเพื่อนพี่จะทำให้เปาหนักใจเลย ดูเปาหงุดหงิด”

                “เลยชวนเปาออกมาเหรอคะ”

                “อื้อ”

                “อ่า อย่างนี้นี่เอง...แต่เปาไม่ได้หนักใจอะไรหรอกค่ะ แค่จังหวะนั้นอารมณ์วัยรุ่นมันพุ่งกระฉูดเลยตอบพี่เขาไปแบบนั้น แต่รวมๆ แล้วก็แค่อารมณ์ชั่ววูบ”

                “งั้นพี่ก็คิดถูกแล้วสิที่ชวนเปาออกมา หรือว่าเปาอยากกินปังเย็นต่อ”

                “ไม่ค่ะ เดินริมชายหาดแบบนี้ดีกว่า”

                “อาฮะ”

                แล้วเราทั้งคู่ก็เข้าสู่โหมดเงียบ หรืออาจจะเป็นโหมดสบายๆ ละมั้ง ฉันลืมเรื่องที่ตัวเองเกร็งก่อนหน้านี้ไปแล้ว ส่วนพี่สีน้ำเองก็ดูปล่อยตัวให้ร่างกายได้โดนธรรมชาติอย่างสมบูรณ์

                และเพราะทุกอย่างดูเข้าที่เข้าทาง ฉันเลยเริ่มเอ่ยปากชวนคุยบ้าง

                “พี่สีน้ำเห็นหน้าของแคทกับแมนตอนเปาตอบพี่แป้งไหม”

                “ไม่นะ ทำไมเหรอ”

                “ก็จังหวะที่เปาตอบ สองคนนั้นทำหน้าอย่างกับเห็นผี ทำปากมุบมิบๆ คอยห้ามใหญ่ มันคงคิดว่าเปาจะเปิดศึกกับพี่แป้งมั้งคะ” เสียงหัวเราะของฉันดังออกมาเบาๆ โดยที่รุ่นพี่ก็มองมาด้วยรอยยิ้มเอ็นดูแบบที่พี่เขาชอบทำ

                “เสียดายที่พี่ไม่ทันได้มอง”

                “ปังเย็นกำลังอร่อยใช่ไหมคะ?”

                รุ่นพี่คนสวยพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะเริ่มขยับแขนให้แรงขึ้นคล้ายอยากให้ลมที่พัดมาโดนตัวแรงมากขึ้นกว่าเดิม

                “ตรงนั้นมีร้านขายน้ำด้วย เอาไหม เดี๋ยวพี่เลี้ยง”

                “ไม่เป็นไรค่ะ ไม่หิวเลย”

                “ถ้าหิวบอกได้เลยนะ วันนี้จะเป็นพี่เปที่พร้อมเปย์เอง”

                “ว้าว...อย่างกับแม่พระ” ฉันทำเป็นปรบมือดังแปะแปะ ส่วนรุ่นพี่คนสวยก็ยิ้มร่าออกมาทันที

                “งั้นเรียกพี่ว่าแม่เปย์สิ”

                “เปย์ให้เท่าไรคะ ถึงจะให้เรียกแม่เปย์น่ะ”

                “เท่าไรดีนะ?”

                แล้วเราทั้งคู่ก็หัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้มีคำตอบอะไรดังออกมาหลังจาประโยคนี้

                ขาทั้งสองข้างค่อยๆ เดินย่ำไปบนพื้นทรายที่ฉันรู้สึกว่ามันสนุกอย่างไม่น่าเชื่อ บรรยากาศรอบด้านก็ดูเป็นใจราวกับเสกให้ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดเท่าที่เคยเจอมา แถมอากาศก็ไม่ร้อน ไม่มีแดดเลยแม้แต่น้อย ในเวลานี้ฉันควรเก็บเกี่ยวบรรยากาศรอบข้างเอาไว้ แต่คนข้างกายกลับเรียกความสนใจได้ดีมากกว่า

                เธอหยุดเดินพร้อมกับถอดรองเท้านักเรียนออก โดยที่ถุงเท้าสีขาวสะอาดก็ถูกถอดตามมาด้วยรุ่นพี่คนสวยเริ่มบอกให้ฉันถอดรองเท้าเดินบ้าง และฉันในตอนนี้ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะปฏิเสธ ฉันทำตาม แล้วมองว่าการกระทำของเราตอนนี้มันช่างน่ารักเสียเหลือเกิน

                “เปาสูงเท่าไร”

                แล้วคำถามของรุ่นพี่คนสวยก็ดังขึ้น ฉันที่กำลังมองเม็ดทรายมากมายดูดกลืนเท้าอยู่ก็รีบเงยหน้าขึ้นมา

                “น่าจะ 167 ซม. ค่ะ”

                “สูงจัง” เธอทำหน้าตัดพ้อ ปากล่างยื่นออกมานิดๆ ก่อนจะใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้ถือรองเท้าไว้ทำท่าวัดความสูงจากตัวของฉัน “ตอนใส่รองเท้านักเรียนก็ยังพอสูง แต่ตอนถอดออกมาแบบนี้เตี้ยขึ้นมาเลย”

                “พี่สีน้ำสูงเท่าไรคะ”

                “160 มั้งนะ”

                “ก็ไม่ได้เตี้ยนี่คะ พูดเกินจริงไปไกลเลย”

                “หรือ 159 นะ เอ๊ะ หรือจะ 158 ดี” หน้าตาขี้เล่นที่เป็นธรรมชาตินั้นเรียกรอยยิ้มจากเด็กตัวสูงอย่างฉันได้ไม่ยากเลย

                “สรุปสูงเท่าไรคะ” ฉันหัวเราะออกมาเบาๆ ส่วนเธอเองก็ยิ้มออกมานิดๆ

                “158 น่ะ เตี้ยใช่ไหมล่ะ แถมพี่น่าจะหยุดสูงแล้วด้วย แต่เปานี่สิ ยังมีเวลาให้สูงอีกเยอะเลย จะหยุดสูงที่กี่เซนกันนะ”

                “320 ค่ะ”

                “ไม่ใช่คนแล้ว” เสียงของพี่สีน้ำพูดตอบทันที และนั่นทำให้เสียงหัวเราะของฉันดังสวนคล้ายเป็นจังหวะที่ช่างลงตัวเสียเหลือเกิน

                “แล้วชอบคนตัวสูงไหมคะ”

                “จีบเหรอ?”

                ช่วงเวลานั้นฉันเผลอกลั้นลมหายใจเอา แต่เพียงไม่กี่วิทุกอย่างก็ดูเป็นปกติขึ้นมาอย่างง่ายดาย

                “เปล่าค่ะ จะจีบได้ยังไงกัน”

                “แล้วเปาล่ะ ชอบคนตัวสูงหรือเปล่า”

                “ชอบค่ะ สูงสัก 10 เซนขึ้นไปก็ชอบแล้ว”

                “นี่มีสเปกเป็นคนทั้งโลกหรือไง”

                สิ้นเสียงของเธอ ฉันก็หัวเราะออกมาเบาๆ แล้วตอบกลับไปเพียงแค่ว่าไม่เคยคิดถึงเรื่องความสูงเลย แล้วก็โดนรุ่นพี่คนสวยพูดกลับมาว่าฉันยังเด็ก เดี๋ยวโตกว่านี้ก็จะรู้เองว่าชอบคนแบบไหน

                พอได้ยินแบบนั้นในใจก็อยากจะตะโกนออกมาเสียเหลือเกินว่าคนแบบพี่สีน้ำไงที่เด็กตัวสูงอย่างเปาชอบ แต่ก็นั่นแหละ...ตะโกนแค่ในใจ

                “ว่าแต่เปาต้องกลับบ้านกี่โมงนะ”

                “ก็ได้เรื่อยๆ นะคะ กลับบ้านไปก็อยู่คนเดียวอยู่ดี”

                “แล้วข้าวเย็นล่ะ”    

                “ก็หม่ำคนเดียว”

                “พูดหม่ำด้วย” เสียงหัวเราะเอ็นดูดังขึ้น ก่อนเสียงหวานจะพูดต่อ “งั้นเราไปร้านข้าวกันไหม พี่มีร้านหนึ่งวิวดีมาก ตอนพระอาทิตย์ตกดินคือวิวหลักล้านราคาหลักสิบ”

                “ว้าว ไปค่ะ”

                “เอ๊ะ ไม่คิดหน่อยเหรอ”

                “ไม่ค่ะ อยากรู้ว่าวิวหลักล้านราคาหลักสิบเป็นไง”

                “ดีมาก เป็นเด็กก็ต้องอยากรู้ให้มากเข้าไว้ งั้นปะ วิ่งเลยนะ”

                “เอ๊ะ” ยังไม่ทันที่ฉันจะทักท้วง รุ่นพี่คนสวยก็พุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว โดยที่เวลาเดียวกันนั้นก็มีเด็กสองคนวิ่งตัดหน้าออกมาพอดี 

                “ระวังค่ะ!”

                ฉันคว้ามือรุ่นพี่มาดึงไว้โดยอัตโนมัติ และดูเหมือนคนถูกดึงเอาไว้จะไม่ได้ตั้งตัวเลยสักนิด ร่างเล็กเซมาหาฉันทันทีคล้ายฉากในหนังที่แสนจะโรแมนติก แต่ทว่า...

                รองเท้านักเรียนคู่เล็กที่รุ่นพี่เคยถือไว้ตอนนี้ได้วางแหมะมาบนหน้าฉันอย่างพอดิบพอดี แถมด้านที่แปะมานั้นยังเป็นด้านที่มีทรายติดอยู่เต็มไปหมดอีกต่างหาก

                “พี่ขอโทษ เป็นไรไหม”

                “ฟู่” ฉันเป่าทรายที่ติดอยู่ที่ปากออกอย่างแรง ทำหน้าเหยเกอยู่พอสมควรเพราะมีทรายบางเม็ดที่ทะลึ่งเข้ามาในตา “โอ้โห เข้ายันลูกกะตา” 

                ฉันรีบเบิกตากว้างแล้วกะพริบตาไปมาคล้ายพยายามเอาเม็ดทรายอันจ้อยออก ให้ตาย! แสบเป็นบ้า! 

                ในขณะเดียวกันรุ่นพี่ก็ค่อยๆ คลายร่างออกจากการจับกุมของฉัน ความแสบของสิ่งแปลกปลอมทำให้มองหน้ารุ่นพี่คนสวยไม่ชัด น้ำตาเอ่อนองเพราะอาการเคืองที่เพิ่มมากขึ้น แต่เพียงไม่นาน...หน้าของฉันก็ถูกรุ่นพี่คนสวยดึงให้หันหน้าตรงอย่างรวดเร็ว ทิชชูในซองพลาสติกถูกดึงมาแปะอยู่บนหน้าในทันที มือเล็กเริ่มเช็ดทรายที่ตาออกให้คล้ายเห็นว่าทรายเม็ดไหนที่กำลังจะวิ่งเข้าไปอยู่ในเบ้าตา ทุกอย่างดูรวดเร็วพร้อมกับน้ำเสียงของรุ่นพี่ที่ดังออกมาในขณะที่พยายามช่วยฉันอยู่

                “ขอโทษนะ ทรายเต็มหน้าเลยอะ เดี๋ยวพี่เช็ดให้” 

                ในตอนแรกมีความเป็นห่วงเป็นใยฉายออกมาคล้ายตอนที่เธอเคยช่วยฉันไว้ แต่เมื่อหน้าตาถูกเช็ดจนดูสะอาดหมดจด รุ่นพี่คนสวยก็พ่นหัวเราะออกมาอย่างหยุดไม่ได้ ร่างเล็กย่อตัวลงไปนั่งยองๆ พร้อมกับเอาหน้าซุกไปบนหัวเข่าที่มีกระโปรงนักเรียนปิดอยู่

                ส่วนฉัน...งง

                “ท..ทำไมหัวเราะขนาดนั้นคะ”

                “ก็หน้าเปาตลก ไม่สิ เมื่อกี้มันตลกไปหมด” เธอพูดด้วยเสียงกลั้นขำ หน้าสวยค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แถมดวงตาสวยนั้นก็มีน้ำตาเอ่อออกมานิดๆ “ขอโทษนะ แต่พี่หยุดขำไม่ได้อะ”

                “มันตลกขนาดนั้นเลยเหรอคะ...”

                “อาฮะ โกรธพี่ไหมอะ”

                ฉันทำได้เพียงแค่มองหน้าเธอที่ยิ้มหัวเราะจนตาปิด ความรู้สึกต่างๆ เริ่มเล่นงานคล้ายบอกให้ฉันรู้ว่าเธอในตอนนี้น่ารักมากแค่ไหน และถึงแม้ฉันจะไม่ได้หัวเราะตามเธอ แต่รอยยิ้มที่ส่งไปให้คงเป็นเครื่องยืนยันแล้วว่าฉันไม่ได้โกรธกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลยสักนิด

                “ตอนที่เปาดึงพี่มาเมื่อกี้ไม่เจ็บใช่ไหมคะ เผลอดึงซะแรงเลย”

                “ไม่เจ็บๆ” เธอโบกมือไปมา ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง รองเท้าที่เป็นประเด็นอยู่ตอนนี้ถูกยกขึ้นมาถือไว้อีกครั้ง “เมื่อกี้แอบเท่นะเนี่ย”

                “...”

                “จะเท่กว่านี้ถ้ารองเท้าไม่ได้ไปแปะบนหน้า”

                “นี่ชมใช่ไหมคะ?”

                “ชมสิ”

                “อ่า...” ฉันหรี่ตาลงนิดๆ ทำหน้าเหมือนคนที่กำลังจับผิดอยู่ ซึ่งรุ่นพี่คนสวยก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง

                “อะไร...พี่ดูโกหกเหรอ”

                “ก็เปล่านี่คะ ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย”

                “ก็สายตาเราน่ะมันฟ้อง”

                “ฟ้องยังไงคะ” ฉันเริ่มเบิกตากว้างสบตากับคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างท้าทาย

                “ไม่บอกดีกว่า... ปะ เดี๋ยวพี่พาไปเลี้ยงข้าวเป็นการขอโทษ”

                และในครั้งนี้รุ่นพี่คนสวยก็เริ่มหันหน้าไปยังทิศทางที่มีร้านอาหารอยู่ ฉันพยักหน้าให้แม้เธอจะไม่ได้มองกันแล้ว สายตาเริ่มจับจ้องไปที่ด้านหลังของคนที่ฉันแอบชอบ เธอดูสบายๆ แต่เพียงไม่กี่วิก็หันมาหากันคล้ายบอกให้ไปยืนแนบข้างกัน ฉันเริ่มเร่งความเร็วให้ไปยืนอยู่ข้างตัวเธอ ก่อนจะลดความเร็วลงเพื่อให้เราก้าวไปข้างหน้าอย่างเสมอกัน

                เราเดินเลียบชายหาดมาเกือบสิบนาทีก็ถึงสถานที่แห่งหนึ่งที่เป็นกึ่งๆ ร้านอาหารแล้วก็กึ่งๆ บาร์ และถึงแม้เราจะเดินเข้ามาด้วยชุดนักเรียน แต่พนักงานก็ไม่ว่าอะไรเลยแถมยังรีบต้อนรับพาไปนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของร้าน โดยที่มุมนั้นก็อยู่ชิดติดกำแพงที่ทำมาจากไม้ไผ่ แถมยังมองเห็นทะเลและพระอาทิตย์ที่กำลังตกได้อย่างชัดเจน

                “เอาข้าวหน้าเนื้อย่างน้ำจิ้มแจ่วกับน้ำผึ้งมะนาวโซดาหวานน้อยค่ะ เปาล่ะ”

                “เอาเหมือนกันค่ะ”

                พนักงานรับออเดอร์ไปอย่างรวดเร็ว เราทั้งคู่นั่งอยู่ฝั่งเดียวกันเพื่อจะได้มองวิวด้านหน้าได้อย่างเต็มตา ตอนนี้คนที่มาใช้บริการก็พอมีอยู่บ้าง และมันเป็นเรื่องที่ดีที่ไม่มีเสียง  พูดคุยของคนรอบข้างมาทำลายบรรยากาศให้เสีย ข้อเสียที่มีอยู่ตอนนี้คงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถมองหน้ารุ่นพี่คนสวยได้ แต่มีเธอนั่งอยู่ข้างๆ ก็ดีเหมือนกัน

                “วิวดีไหม”

                “ดีค่ะ เพิ่งรู้ว่ามีร้านแบบนี้อยู่ด้วย”

                “ไม่ค่อยได้ออกมาเที่ยวเหรอ”

                “ก็ออกบ้างนะคะ แต่จะว่าไปนอกจากห้างแล้วก็ตลาดใกล้คอนโดก็ไม่ได้ไปไหนเลย ต้องรอพ่อกับแม่พาไป แต่ก็ยากมากกก เพราะงานยุ่งจนแทบไม่มีเวลาเจอกันเท่าไร”

                “ไม่เหงาเหรอ”

                “มีแมนกับแคทคอยอยู่คุยเล่นใน MSN ก็หายเหงาไปเยอะเลยค่ะ อ้อ มีเกมออดิชันให้เล่นด้วย พี่สีน้ำเล่นไหมคะ”

                “พี่ไม่ชอบเล่นเกมน่ะ”

                “แล้วปกติทำอะไรคะ”

                “ถ้าเบื่อก็อ่านหนังสือบ้าง ดูหนังบ้าง ไม่ก็นอนไปเลย”

                “เปาก็ชอบเหมือนกันค่ะ”

                “ชอบอ่านหนังสือเหรอ”

                “ใช่ค่ะ หนังสือการ์ตูน”

                “ถือว่าอ่านเหมือนกัน” พี่สีน้ำพยักหน้าอย่างจริงจัง โดยที่ฉันก็ได้แต่หัวเราะออกมาเบาๆ “แล้วนี่ต้องโทร.บอกที่บ้านหรือเปล่า”

                “จริงด้วย ลืมเลย” ไม่พูดเปล่า ฉันคว้ามือถือฝาพับออกมาจากกระเป๋ากระโปรง ก่อนจะกดเบอร์โทร.หาแม่ทันที

                [ว่าไงลูก ถึงบ้านหรือยัง]

                “ยังเลยค่ะ พอดีเปาออกมาทานข้าวกับรุ่นพี่ค่ะ เลยโทร.มาบอกแม่ก่อน เผื่อกลับบ้านไปแล้วไม่เจอลูกสาวคนสวย” 

                [รุ่นพี่? ผู้หญิงหรือผู้ชาย]

                “ผู้หญิงสิคะ”

                [ไหนให้แม่คุยด้วยหน่อย]

                “เอ๊ะ...” ฉันอึกอัก ทำหน้าลำบากใจออกมา แต่ในสถานการณ์แบบนี้ก็คงเลี่ยงไม่ได้ “เอ่อ พอดีแม่อยากคุยด้วยค่ะ

                “อ๋อ...” เธอหยิบมือถือฝาพับของฉันไปถือไว้ ก่อนจะทักทายกับคนปลายสายด้วยน้ำเสียงนอบน้อมทันที “สวัสดีค่ะ”

                “...”

                “ใช่ค่ะ ชื่อเปค่ะ แต่ว่าเปาเรียกว่าพี่สีน้ำค่ะ.. ค่ะ ..พอดีชวนน้องออกมาหาอะไรทานด้วยกันค่ะ .. ค่ะ ได้ค่ะ ไม่ได้จะไปไหนต่อค่ะ... ได้ค่ะ ยังไงเดี๋ยวถ้าทานข้าวกันเสร็จแล้วจะให้เปาโทร.หานะคะ .. ชื่อร้านริมเลเฮลั่นค่ะ ใช่ค่ะ...ค่ะ สวัสดีค่ะ”

                แล้วมือถือของฉันก็ถูกส่งกลับคืนมาให้พร้อมกับปลายสายที่วางสายไปแล้ว

                “แม่ว่าอะไรหรือเปล่าคะ”

                “เปล่านะ แค่ถามชื่อแล้วก็บอกว่าถ้าเราเสร็จแล้วให้เปาโทรหาแม่ เดี๋ยวแม่เปามารับที่ร้าน”

                “อ๋อ...เอ๊ะ มารับเหรอคะ”

                “อื้อ ทำไมเหรอ”

                นะ..นี่มันเป็นการแนะนำลูกสะใภ้ให้แม่รู้จัก!

                เพียงแค่ความคิดนี้เด้งเข้ามาในหัว เลือดในกายก็ดูสูบฉีดอย่างกับนางเอกในละครหลังข่าวที่มักเขินอายจนหน้าแดงให้พระเอกทัก ทั้งๆ ที่จ้องให้ตายยังไงก็ไม่ได้เห็นว่าหน้ามนุษย์ในจอจะแดงถึงขนาดมองออกเลยสักนิด

                แล้วการทานอาหารสองต่อสองระหว่างฉันกับพี่สีน้ำก็เริ่มมีอาการเกร็งขึ้นมา ฉันแทบไม่คุยอะไรเลยด้วยซ้ำ พอรุ่นพี่คนสวยเห็นว่าฉันถามคำตอบคำก็เริ่มเงียบบ้าง เราทำเพียงแค่มองไปยังทะเลเบื้องหน้าที่พระอาทิตย์จะลับขอบฟ้า ในช่วงเวลาที่ฟ้าค่อยๆ มืดลง เมฆบางที่ก็กลายเป็นสีส้มอมชมพู รอยยิ้มของฉันก็เด่นชัดขึ้นมากับความสวยที่ได้เห็น อาการเกร็งที่มีค่อยๆ ลดลงพร้อมกับหน้าที่เริ่มหันไปหารุ่นพี่คนสวยเพื่อบอกว่า

                “ฟ้าสวยจัง ว่าไหมคะ” 

                และในช่วงเวลาที่พี่สีน้ำหันมาสบตากัน แสงสีส้มจากท้องฟ้าก็กระทบหน้าขาวที่มีดวงตาสวยยิ่งกว่าน้ำทะเล ฉันถูกมนต์สะกดทันทีอย่างไม่ได้เตรียมใจ หัวใจเต้นแรงขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่ค่อยๆ หายไป สายตาที่มองพี่เขาคงเป็นสายตาแก่แดดแน่ๆ แต่จะทำไงได้ ในเมื่อเธอสวยขนาดนี้

                “อื้อ ชอบใช่ไหม”

                “ใช่ค่ะ ชอบ...แต่ไม่ใช่แค่วิวตอนนี้นะคะ”

                “...”

                “พี่สีน้ำก็ด้วย”

    #####

    ฝากกดหัวใจหรือคอมเมนต์ให้กันด้วยนะคะ ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×