คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : รอยยิ้ม...
ตอนที่ห้า : รอยยิ้ม...
เสียงพูดคุยของเพื่อนในห้องเริ่มดังขึ้นมาทันทีหลังจากที่อาจารย์วิชาภาษาไทยเพิ่งเดินออกไป ความจริงในคาบสุดท้ายนี้เราควรจะเตรียมตัวเพื่อเรียนอีกวิชา แต่วันนี้อาจารย์ไม่มาสอนเลยทำให้คาบนี้เป็นคาบว่างไปโดยปริยาย
เมื่อเป็นคาบว่างแมนและแคทก็เริ่มตั้งสำนักโดยมีฉันที่ทำเพียงรอให้คนต่อแถวมารุมล้อมเท่านั้น นี่คงเป็นกิจวัตรไปแล้วมั้ง เมื่อไรที่ฉันว่างก็แค่ทำนายมั่วๆ ให้คนในห้อง หรือใครก็ตามที่ผ่านไปผ่านมาได้ฟัง โดยเพื่อนทั้งสองคนจะคอยจัดสรรเรื่องคนต่อคิว รวมไปถึงขนมที่เราได้มาในแต่ละวัน และถึงแม้ฉันจะดูให้ทุกคนที่ขอให้ดูให้แต่ก็แอบตั้งกฎเล็กๆ สำหรับคนที่อยากมาดูดวงว่าในหนึ่งเดือนจะดูได้แค่คนละหนึ่งครั้งเท่านั้น หรือไม่ก็อาจจะเดือนละสองครั้ง แต่ทั้งสองครั้งนั้นจะต้องไม่ใช่เรื่องเดียวกัน นั่นหมายความว่าฉันไม่ต้องมานั่งดูดวงซ้ำซากให้กับคนคลั่งการดูดวงในทุกวัน และถึงแม้จะตั้งกฎออกไปแบบนั้น ขนมที่เราได้มาในแต่ละวันก็ยังถือว่าเยอะอยู่
“มีใครจะดูดวงอีกไหม”
“เพลานี้ผู้ที่มาดูดวงได้ดูครบทุกท่านแล้ว นั่นจึงถึงเวลาที่เจ้าแม่เปาบุ้นจิ้นจะได้พักทานขนมเพคะ” เสียงใสของแคทพูดออกมาคล้ายคนที่ยังอินกับวิชาภาษาไทยอยู่ และเหมือนฉันเองก็จะปล่อยให้มุกที่เพื่อนส่งลอยหายไปเฉยๆ ไม่ได้
“ฮ่อ! ใครอนุญาตให้บ่าวอย่างเจ้าเรียกข้าว่าเปาบุ้นจิ้นฮะ!”
“แล้วเจ้าแม่จะให้กระหม่อมเรียกว่าอันใด”
“เรียกข้าว่าคนสวย” ฉันพูดพร้อมยกขาขึ้นมาบนเก้าอี้ พร้อมกับทำท่าทางเหมือนเจ้าเมืองในสมัยก่อน
“ประหารข้าเสียเถิด ถ้าจะให้เรียกออกไปเช่นนั้น” แคทพูดพร้อมหยิบขนมบางส่วนเก็บลงกระเป๋าผ้าที่เราเตรียมไว้เพื่อขนขนมมากมายเหล่านี้ไปกินหลังเลิกเรียน
“เมื่อเจ้าร้องขอ...เห็นทีข้าจะต้องสนองให้เสียแล้ว อีแมน! ตั้งท่าเตรียมสำเร็จโทษ” ทันทีที่ฉันพูดออกไปแบบนั้น แมนก็เริ่มลุกขึ้นร่ายรำประหนึ่งเตรียมบั่นคอเพื่อนอีกคนจริงๆ
“ให้กระหม่อมประหารนางนี่ด้วยวิธีอันใดพ่ะย่ะค่ะ”
“เอามันไปที่เครื่องประหารหัวหมา!”
“แต่กระหม่อมเริ่มรำแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ เหตุใดเจ้าแม่ถึงมิให้กระหม่อมฟันคอมันทิ้งเสีย”
“ก็ถูกแล้วนี่ ก็เจ้าเป็นหมา ถ้าเจ้าฟันคอมันเจ้าก็กลายเป็นเครื่องประหารหัวหมา”
“เอ้าอีเปา เข้าขากันอยู่ดีๆ มาด่ากูเป็นหมาทำไมนิ”
“มีปัญหากับเจ้าแม่หรือไง!”
“อีแคทมึงเป็นกรรมการด้วย กูจะรำไปตบปากอีเปา” ไม่พูดเปล่า แมนเริ่มร่ายรำอีกครั้งพร้อมกับฉันที่เริ่มรำตามด้วยอีกคน
“เอ็งกล้าเรียกข้าว่าอีเปาเลยหรือ นางบ่าวเลี้ยงเสียขี้สุก”
“แดกไปคนเดียวเถอะขี้สุกน่ะ”
หลังจากนั้นก็กลายเป็นเพื่อนซี้สามคนที่ตั้งท่าร่ายรำแต่ไม่ตบกันสักที จนกระทั่ง...
“เอ่อ...” เสียงที่ดูมีมารยาทดังขึ้นจากด้านหลัง โดยที่ฉันก็หันไปมองแม้จะยังทำท่าประหลาดๆ อยู่
แต่ใครจะคิดว่าคนที่ทำเสียงเอ่อเมื่อกี้กลับเป็นคนที่ฉันไม่อยากให้เธอมาเห็นท่าทางแบบนี้เลย
“อ้าว พี่สีน้ำ มาดูดวงเหรอคะ” เสียงของแมนดังแจ๋นแหลนทันที คล้ายกำลังสะใจที่เห็นฉันในตอนนี้ยืนแข็งทื่อไปแล้ว
“พี่มาขัดจังหวะใช่ไหมนะ เหมือนกำลังสนุกกันอยู่เลย”
“เปล่าค่ะ” ฉันตอบเสียงแข็งพร้อมกับเริ่มดัดแปลงท่าทางร่ายรำของตัวเองเป็นท่าบิดขี้เกียจแทน “เมื่อกี้มีคนมาดูดวงหลายคนเลย ปวดหลังไปหมดจนต้องลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสาย โอ๊ะ หลังดังกร๊อบเลย”
“ตอ” เสียงของแคทดังขึ้น โดยที่ฉันก็รีบถลึงตาใส่ทันที
“ว่าแต่พี่สีน้ำมาดูดวงใช่ไหมคะ”
“อื้อ เห็นแคทบอกว่าทำนายเรื่องคนที่ชอบอยู่ใกล้ๆ ยังมีภาคต่ออีก เลยสนใจน่ะ อ้อ แล้วก็รอบนี้พี่เอาขนมมาให้ด้วยนะ” พี่สีน้ำพูดพร้อมยกถุงขนมให้ดู
“เอ๊ะ ภาคต่อ” ฉันหันไปสบตากับแคทที่ตอนนี้ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่
ใครมันให้เพื่อนบ้าของฉันไปบอกว่ามีภาคต่อกัน แถมพูดซะอย่างกับเรื่องเปารี่พอทเทอร์กับห้องลับๆ ในหัวใจ อ่า...นี่ฉันก็ไปเรื่อยเหมือนกันนะ
“เอามาเยอะเลย วันหลังแค่นิดหน่อยก็พอค่ะ” ฉันพูดพร้อมเดินไปนั่งบนเก้าอี้ของตัวเองด้วยท่าทางเรียบร้อย โดยที่พี่สีน้ำก็เดินมานั่งเก้าอี้ตรงข้ามด้วยทันที
“ไม่เยอะหรอก ได้แบ่งเพื่อนๆ ด้วย” ไม่พูดเปล่า รุ่นพี่คนสวยรีบวางถุงขนมลง ก่อนจะยื่นมือมาให้ “ดูเลยใช่ไหม? เดี๋ยวโรงเรียนจะเลิกแล้ว”
“อ้อ ใช่ค่ะ”
ฉันตอบไปเพียงเท่านั้น ก่อนจะเริ่มจับไปบนมือขาว ทำท่ามองลายมืออย่างตั้งอกตั้งใจ แต่ความจริงแล้วกำลังเครียดอยู่ว่าควรพูดอะไรออกไปดี ฉันเปิดทางเรื่องให้ลองรักไปแล้ว เพราะงั้นอาจจะต้องหาสถานที่ที่ทำให้เราไปเจอกันคล้ายบังเอิญ
“ร้านปังเย็นค่ะ”
“ฮื้ม?” เจ้าของมือขาวก็ทำหน้าไม่เข้าใจพร้อมกับฉันที่ต้องอธิบายเพิ่มเพื่อให้คำพูดดูมีน้ำหนักมากขึ้น
“เย็นนี้ให้ไปที่ร้านปังเย็นค่ะ ร้านตรงหัวมุมถนนหลังโรงเรียนเรา แล้วคนที่เปาเคยทำนายไว้เขาจะอยู่ใกล้ๆ แถวนั้น แต่บอกไม่ได้นะคะว่าเป็นใคร แต่เขาจะเป็นใครสักคนในร้านนั้นแหละ”
“จริงเหรอ แปลกจัง” หน้าตาประหลาดใจของพี่สีน้ำทำให้ฉันได้แต่อึกอัก
“จริงสิคะ แมนกับแคทยืนยันได้เลยค่ะว่าเปาแม่นจริงๆ” เพื่อนอีกสองคนรีบเสนอหน้ามาพูดทันที โดยที่พี่สีน้ำก็ยิ้มออกมาคล้ายเอ็นดูที่เราสามคนเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยแบบนี้
“พี่ไม่ได้สงสัยเรื่องคำทำนายหรอก แค่พูดแบบให้ตื่นเต้นนิดหน่อย”
“อ๋อ...”
“แต่นะ พี่ก็แอบสงสัยบางเรื่องอยู่”
“เรื่องอะไรคะ” ฉันถามออกไปคล้ายคนที่ไม่สามารถยับยั้งความอยากรู้ของตัวเองได้ มือที่เคยสัมผัสมือรุ่นพี่ก็ค่อยๆ เลื่อนออกมา
“สงสัยว่าทำไมเจ้าแม่เปาถึงดีกับพี่จัง”
“คะ?” นี่ไม่ใช่คำถามที่เตรียมใจตอบสักนิด หรือว่าพี่สีน้ำกำลังสงสัยอะไรอยู่...
“ก็เพื่อนพี่มาดูดวงกับเปา เห็นว่าต้องจดชื่อเลยนี่ว่าใครดูดวงไปแล้วบ้างในแต่ละเดือน แต่ทำไมของพี่ถึงได้ดูทุกอาทิตย์เลยล่ะ”
เธอมองหน้าฉันด้วยท่าทางสบายๆ รอยยิ้มที่ส่งมาให้นั้นไม่ได้บ่งบอกถึงความสงสัยอย่างคำถามที่เพิ่งเอ่ยออกมา ในเวลานี้ฉันควรอึดอัดหรือรู้สึกกลัวว่าพี่เขาจะรับรู้ความรู้สึกที่อยู่ข้างในดี แต่เมื่อจ้องมองคนตรงหน้าดีๆ อีกครั้ง ความกังวลที่มีอยู่ก็เริ่มเบาบางลง คล้ายนี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่ต้องอึดอัดเลยสักนิด แต่เป็นเหตุการณ์ที่ฉันควรพูดสิ่งที่คิดจริงๆ ออกไปบ้าง
“ก็พี่สีน้ำก็ดีกับเปาไม่ใช่เหรอคะ”
“พี่เหรอ?”
“ค่ะ” ฉันพยักหน้า “พี่สีน้ำเชื่อเรื่องความประทับใจแรกไหมคะ บอกตามตรงว่าวันแรกของการมาเรียนที่นี่เปากังวลมากเลย แถมยังหกล้มหน้าโรงเรียนอีก”
“...”
“คงเป็นประสบการณ์ที่โคตรแย่และก็น่าอายมากๆ แต่พอนึกย้อนไปอีกนิด ก็จะเจอรุ่นพี่คนหนึ่งที่ยื่นมือมาให้จับ พี่เขาไม่ได้หัวเราะแบบคนอื่นๆ เลย แถมยังช่วยตรวจร่างกายให้ด้วย เจอแผลก่อนเปาจะรู้ตัวซะอีก” ถึงแม้คำพูดที่เพิ่งเอ่ยออกไปจะดูเหมือนเป็นเรื่องที่น่าอายจริงๆ แต่ฉันกลับยิ้มคล้ายเรื่องน่าอายนั้นก็มีเรื่องดีๆ ที่แฝงมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ก็ตอนนั้นมันน่าตกใจนี่นา ใครเขาจะหัวเราะกัน”
“แต่เขาหัวเราะกันทั้งโรงเรียนเลยนะคะ”
“จริงเหรอ” พี่สีน้ำพูดพร้อมหัวเราะออกมาบ้าง ส่วนฉันก็พยักหน้าพร้อมกับส่งยิ้มกลับไป
“ถ้าพี่สีน้ำไม่ลำบากใจกับการดูดวงของเปา ก็มาดูได้ทุกอาทิตย์เลยนะคะ”
“อื้อ พี่ไม่ลำบากใจเลย ไว้จะมาใหม่นะ”
“...” ฉันส่งยิ้มให้รุ่นพี่คนสวยด้วยหัวใจที่เต้นถี่ นี่คงเป็นการพูดคุยที่สบายที่สุดเท่าที่ฉันเคยคุยมาเลยมั้ง
“เป! ดูดวงเสร็จยัง” เวลาเพียงเสี้ยววิเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้น เธอมาพร้อมกับผู้หญิงคนอื่นอีกสองสามคน โดยที่ฉันและพี่สีน้ำก็หันไปมองทันที
“เสร็จแล้วๆ” เมื่อสิ้นเสียงของพี่สีน้ำ ระฆังที่บ่งบอกถึงการเรียนในวันนี้จบลงก็ดังสวนขึ้นมา “งั้นพี่กลับก่อนนะ”
“โอเคค่ะ กลับดีๆ นะคะ”
“บ๊ายบายค่ะพี่สีน้ำ” เสียงของแคทแมนก็ดังขึ้นแบบมีตัวตนอีกครั้ง โดยที่รุ่นพี่คนสวยก็โบกมือให้ด้วยท่าทางเป็นมิตรก่อนจะเดินหายออกไป
ตอนนี้เพื่อนๆ ในห้องรีบทยอยกันเดินออกจากห้องเรียน โดยที่ฉันก็ทำเพียงแค่ส่งยิ้มกรุ้มกริ่มให้กับเพื่อนอีกสองคนที่กำลังพยักหน้าให้คล้ายบอกว่าทำได้ดีมากอยู่
“เปา” แต่อยู่ๆ เสียงของรุ่นพี่ที่เดินหายออกไปแล้วก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
“คะ” ฉันหันกลับไปมองทางประตูห้อง โดยที่รุ่นพี่คนสวยก็ทำเพียงแค่ชะโงกหัวมาให้ฉันเห็นเท่านั้น
“จริงๆ ตอนที่บอกว่าให้ไปร้านปังเย็นน่ะพี่แอบตกใจนะ เพราะนัดกับเพื่อนไว้อยู่แล้วว่าจะไปกินกัน”
“...”
“งั้นเปาไปกินปังเย็นด้วยกันไหม เผื่อคนในคำทำนายจะมาอยู่ใกล้ๆ จะได้ส่งซิกให้พี่รู้บ้าง”
“เอ่อ ปะ เปาไม่น่าบอกได้ว่าคนนั้นเป็นใคร...” เสียงพูดดูติดขัดจนน่าหงุดหงิด ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังพูดได้ไหลลื่นแท้ๆ
“พี่หยอกน่ะ แต่ไปด้วยกันเถอะ ร้านนี้อร่อยนะ แมนกับแคทจะมาด้วยกันไหม”
“ไปค่า” แมนพูดเสียงแหลม โดยที่แคทก็รีบสะพายกระเป๋าทันทีคล้ายบอกว่าจะไปด้วยเช่นกัน
“โอเค งั้นพี่ไปที่ร้านก่อน ไว้ตามมานะ”
“ได้เลยค่ะ” แมนพูดอีกครั้ง โดยที่พี่สีน้ำก็ส่งยิ้มมาให้เราก่อนจะเดินหายออกไป
“เช็ดโด้ว” เสียงของแคทตะโกนออกมาเสียงดัง ร่างเล็กแค่ไหล่ของฉันรีบเดินมาหาพร้อมกับแซวในทันที “สาวชวนไปกินปังเย็นว่ะ”
“พี่สีน้ำชอบแกหรือเปล่าวะเปา” แมนพูดเสริม โดยที่ทั้งคู่ก็ยืนประกบฉันด้วยความตื่นเต้น
“ฉันฝันเหรอวะ” ฉันเอ่ยออกไปแต่ก็ต้องรีบยกมือขึ้นห้ามทั้งคู่ทันที เพราะรู้ว่าสองคนนี้เตรียมเอามือฟาดลงมาที่หลังของฉันแน่ๆ
“ไม่ได้ฝันจ้า รีบเก็บของ เดี๋ยวอดนั่งข้างพี่สีน้ำนะ” แมนพูดออกมาโดยที่ก็รีบหยิบกระเป๋าเป้ฉันออกมาจากเก้าอี้ให้
นั่งข้างพี่สีน้ำ...ในร้านปังเย็น
“กรี๊ด!” แล้วอยู่ๆ เสียงของฉันก็ร้องกรี๊ดแต๋วแตกออกมา โดยที่เพื่อนทั้งคู่ก็สะดุ้งแล้วรีบเดินไปยืนชิดติดกัน
“เป็นอะไร้! ผีเข้าหรือไง!”
“พี่สีน้ำชวนฉันไปกินปังเย็น! พี่สีน้ำชวนฉันไปกินปังเย็น!!!”
“อะ รับบทคนความรู้สึกช้าแล้วหนึ่ง” แคทพูดพร้อมกุมหัวตัวเอง โดยที่ฉันในตอนนี้ก็ไม่สนใจอะไรอีกแล้วนอกจากปิดหน้าปิดตาแล้วกรี๊ดอยู่เกือบนาที
“อายุสิบสามได้มาเป็นสาวรำวง มาใส่กระโปรงวับๆ แวมๆ”
“เขามีแต่อายุสิบห้า” แคทพูด โดยที่ก็เดินแนบข้างฉันอยู่
“ก็ฉันอายุสิบสามจะร้องอายุสิบห้าทำไม”
“ส่วนฉันอายุสิบสามได้มาเป็นสาวรำเพื่อน มานั่งรำคาญเพื่อนบ้าผู้ชาย เอ้ย ผู้หญิงนี่หว่า”
“ทำไม มันมีปัญหาหรือไง” ฉันหันไปมองแมนด้วยความอาฆาต โดยที่เพื่อนใจสาวก็รีบตอบเสียงสูงทันที
“ก็เปล๊า จะมีปัญหาได้ยังไง้ แกนี่ก็นะ นิดๆ หน่อยๆ ก็เตรียมท้าต่อยตลอด”
“มันเป็นสไตล์”
แล้วเราทั้งสามคนก็เดินออกมาทางประตูหลังของโรงเรียนโดยที่อีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงร้านปังเย็นแล้ว เสียงพูดคุยดังออกมาข้างนอกคล้ายบอกว่าตอนนี้มีเด็กนักเรียนหลายชีวิตที่นั่งทานปังเย็นกันอยู่
“พร้อมยังเพื่อนรัก” แมนถามขึ้น โดยที่ฉันก็พยักหน้าด้วยความมุ่งมั่น
“ปะ ไปทำให้คำทำนายของฉันเป็นจริงกัน”
เราทั้งสามคนเดินตรงไปที่โต๊ะตัวยาวของรุ่นพี่สาวสวย เสียงพูดคุยดังมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเราเดินเกือบจะถึงโต๊ะนั้น และเมื่อยิ่งใกล้เท่าไรสายตาก็ยิ่งดีขึ้น ฉันไม่ได้มองแค่พี่สีน้ำอีกแล้ว แต่เริ่มสำรวจไปรอบโต๊ะ และดูเหมือนรุ่นพี่ที่ชื่อนัทอะไรนั่นก็นั่งอยู่ด้วย
ความหงุดหงิดค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาเมื่อเห็นรุ่นพี่หนุ่มคนนั้นได้นั่งข้างตัวพี่สีน้ำ แต่เมื่อมองดีๆ ก็ยังมีเก้าอี้ว่างติดกันถึงสามตัวคล้ายรุ่นพี่คนสวยตั้งใจเว้นไว้ให้รุ่นน้องที่กำลังเดินตามมาทีหลัง
และหนึ่งในสามตัวนั้นก็ยังตั้งติดชิดพี่สีน้ำอีกด้วย
“ฉันจะนั่งข้างพี่น้ำ” เสียงแห่งความมุ่งมั่นดังเบาๆ โดยเพื่อนๆ อีกสองคนก็ถอนหายใจออกมา
“ใครจะไปแย่งแก”
“มาแล้วเหรอ นั่งนี่สิ” พี่สีน้ำรีบกวักมือเรียกกลุ่มเราให้ไปนั่งข้างๆ โดยที่คนทั้งโต๊ะก็เริ่มหันมาสนใจเรา
“อ้าว เจ้าแม่เปานี่” รุ่นพี่สาวอีกคนเรียกฉัน เธอชื่อว่าอะไรนะ จำไม่ได้แฮะ แต่จำได้ว่ามาขอให้ฉันดูดวงให้เป็นคนแรกๆ เลย “หลบไปอีกุ้ง ฉันจะให้เจ้าแม่เปานั่งข้างๆ ฉัน เปา..มานั่งนี่สิ”
“เอ้า ไล่ฉันงี้ก็ได้เรอะ”
“เออ หลบไป๊”
“โว้ะ!” รุ่นพี่ชื่อกุ้งสบถออกมาทันที แต่ก็ส่งยิ้มให้ฉันคล้ายบอกว่านั่งได้เลย
ส่วนฉันกลับยืนแข็งทื่ออยู่แบบนั้น ให้ตายเถอะ! ทำไมรุ่นพี่คนนั้นต้องเรียกฉันไปนั่งด้วยเนี่ย อยากนั่งข้างพี่สีน้ำโว้ย! ถึงแม้จะตะโกนแหกปากอยู่ในใจ แต่ท่าทางด้านนอกของฉันกลับลังเลอยู่พอสมควร ถ้าไปนั่งข้างรุ่นพี่คนนั้นก็จะไม่ได้นั่งข้างพี่สีน้ำ แถมต้องแยกกับเพื่อนอีกสองคนอีก
ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ หันไปมองเพื่อนอีกสองคนที่ทำหน้าคล้ายบอกว่าไปนั่งเถอะ ขาทั้งสองข้างเดินไปนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามกับพี่สีน้ำ รุ่นพี่สาวส่งยิ้มมาให้พร้อมกับบอกให้เพื่อนหัวโต๊ะส่งเมนูมาให้ฉันและเพื่อนๆ ดู แต่ถึงอย่างนั้นฉันกลับไม่ได้สนใจเมนูนั้นเลยสักนิด แต่สายตากลับจ้องไปที่แคทด้วยความอิจฉา ทำไมแคทถึงเป็นคนที่ได้นั่งข้างพี่สีน้ำแทนที่จะเป็นฉันล่ะ!
บุญมีแต่กรรมโคตรจะบัง
“เปา..เปา! ได้ยินเปล่า” เสียงรุ่นพี่ข้างกายดังขึ้นเรียกสติ โดยที่ฉันก็รีบหันไปมองคล้ายคนที่หลุดออกมาจากภวังค์ยังไงอย่างนั้น
“คะ?”
“ทำไมถึงดูดวงให้เปเยอะกว่าคนอื่นล่ะ ไหนว่าหนึ่งเดือนดูได้ครั้งเดียว” เมื่อรุ่นพี่ถามออกมาแบบนั้น ฉันที่กำลังตัดพ้อกับโชคชะตาของตัวเองอยู่ก็ค่อยๆ หงุดหงิดขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ นอกจากจะเป็นก้างขวางชีวิตรักแล้วยังจะมาโอดโอยไร้สาระอีก
“ถ้ารุ่นพี่จะดูก็ดูได้นะคะ แต่ไม่รับประกันว่าจะแม่นไหมนะ”
“งั้นเปก็ได้คำทำนายที่ไม่แม่นน่ะสิ” เธอพูด โดยที่ฉันก็หันไปมองพี่สีน้ำทันที
พี่สีน้ำส่งยิ้มมาให้ฉันเหมือนไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าถ้าสิ่งที่รุ่นพี่อีกคนพูดออกมาเกิดเป็นความจริงขึ้นมาแล้วเธอจะต้องรู้สึกไม่ดี เธอดูไม่สนใจจนฉันแอบงงว่าทำไมถึงยอมมาดูดวงตามคำเชิญชวนง่ายๆ
“คำทำนายของพี่สีน้ำต่างจากคนอื่นค่ะ เปาก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าต่างยังไง อาจจะต่างกันที่เปาอยากดูให้พี่สีน้ำมั้งคะ มาดูทีไรก็ไม่เคยถามจู้จี้เลย ดูใช้ชีวิตแบบไม่ยึดติดกับคำพูดของคนอื่นจนเกินไปดี อ้อ ไม่งมงายด้วย” ฉันพูดออกไปด้วยหน้าตาที่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม โดยที่ตอนนี้ก็เห็นหน้าตาเหลอหลาของเพื่อนอีกสองคนที่นั่งตัวลีบอยู่
‘อีเปา!’
‘อย่าเปิดมวยกับรุ่นพี่!’
แคทและแมนที่ขยับปากบอกอยู่ตรงข้ามกำลังทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ และนั่นทำให้รู้ในทันทีว่าตัวเองเผลอกวนเท้ารุ่นพี่ไปอย่างไม่ตั้งใจ เอ่อ...เอาจริงๆ ก็ตั้งใจนั่นแหละ ถึงจะตื่นเต้นกับการอยู่กับพี่สีน้ำและเพื่อนๆ ของพี่เขา แต่ก็ไม่ได้แปลว่าฉันจะต้องเกรงใจกับใครก็ไม่รู้ที่มาเรียกร้องอะไรสักอย่างที่ตัวเองไม่สามารถเรียกร้องได้
“ตรงจังแฮะ” รุ่นพี่ที่อยู่ข้างตัวฉันพูดขึ้น เธอเท้าคางกับโต๊ะ โดยที่ก็มองฉันคล้ายอยากจะพูดอะไรสักอย่าง “คิดว่าเจ้าแม่เปาจะกลัวพี่ซะอีก”
“กลัว? ทำไมต้องกลัวคะ”
“ส่วนใหญ่รุ่นน้องก็กลัวพี่กันทั้งนั้น เพื่อนรุ่นเดียวกันบางคนยังกลัวเลย นี่พี่ดูไม่น่ากลัวเหรอ” เธอถามคล้ายหมดความมั่นใจแต่ก็ดูถูกใจไปพร้อมๆ กัน
“ก็ไม่น่ากลัวนี่คะ แค่พูดเสียงดังไม่ได้แปลว่าเป็นคนน่ากลัวสักหน่อย”
“เหรอ” เธอเลิกคิ้วสูง นั่งตัวตรงพร้อมกับเลื่อนปังเย็นที่เพิ่งมาส่งไว้ตรงหน้าฉัน “กินสิ พี่เลี้ยงเอง เราสองคนด้วยนะ สั่งเลยเดี๋ยวพี่จ่ายให้”
“ขอบคุณค่า/ขอบคุณค่า” แล้วหน้าตาที่คล้ายจะร้องไห้ของเพื่อนรักก็แปรเปลี่ยน เป็นรอยยิ้มทันที แค่ได้กินขนมฟรีมันก็เปลี่ยนอารมณ์กันง่ายขนาดนี้เลยเหรอ?
“อยู่ๆ ก็ใจดีกับรุ่นน้องเฉย กินยาผิดขวดมาเหรอแป้ง” เสียงของรุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น
“นานๆ จะเจอรุ่นน้องที่ไม่กลัวสักที แปลกดี น่าสนใจ”
“ใจเย็นเด้อ น้องม.หนึ่ง”
“ทำไม ฉันดูเหมือนจะกินน้องเขาเข้าไปหรือไง”
“ก็ไม่แน่”
“อย่ากวนตีน” รุ่นพี่ที่ชื่อแป้งตอบเสียงเหี้ยม โดยที่ฉันที่ยังงงๆ กับเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ก็ได้แต่กะพริบตาปริบๆ
“ขะ ขอบคุณค่ะ” ฉันพูดพร้อมมองหน้ารุ่นพี่ที่ชื่อแป้งด้วยหน้าตาเด๋อด๋า โดยที่เธอก็ส่งยิ้มกลับมาให้
พอพี่แกยิ้มก็ดูสวยเหมือนกันนะ ถึงจะสวยแบบร้ายๆ หน่อยก็เถอะ
“อื้อ กินเลยๆ”
“...”
“งั้นเดี๋ยวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” ประโยคหลังเหมือนเป็นการบอกคนทั้งโต๊ะมากกว่า รุ่นพี่ที่ชื่อแป้งพูดพร้อมกับลุกแล้วเดินหายเข้าไปในร้าน
บ้าจริง! นี่ฉันลืมไปได้ยังไงว่าตอนนี้กำลังนั่งร่วมโต๊ะกับพี่สีน้ำอยู่
พอคิดได้แบบนั้นก็รีบหันหน้ามามองพี่สีน้ำทันที แต่ดูเหมือนพี่เขาจะมองฉันอยู่ตลอดอยู่แล้ว
“...”
เราสบตากันนิ่งท่ามกลางเสียงพูดคุยของคนอื่นๆ บนโต๊ะ โดยที่แคทและแมนก็ไม่ได้สนใจกันแบบก่อนหน้านี้เลย ฉันไม่ได้เอ่ยถามรุ่นพี่คนสวยออกไปว่ามีอะไรหรือเปล่า ส่วนรุ่นพี่เองก็ไม่ได้พูดอะไรแม้สายตาที่มองอยู่นั้นดูเป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูก
เริ่มเกร็งๆ แล้วแฮะ...
ฉันเลือกที่จะยกยิ้มให้พี่สีน้ำไปหนึ่งที ก่อนจะก้มหน้าหยิบช้อนขึ้นมาตักปังเย็นเตรียมจะเอาเข้าปากเป็นคำแรก แต่...
“โทษที เราคงต้องกลับแล้ว” เสียงของพี่สีน้ำดังขึ้น เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้โดยที่ก็หยิบกระเป๋าถือที่อยู่ใต้โต๊ะขึ้นมาคล้ายเตรียมจะไปจริงๆ
“เอ้า ทำไมรีบกลับ ไหนว่าวันนี้อยู่ได้ยาวๆ” เสียงของรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น โดยที่ฉันเองก็วางช้อนลงไปบนถ้วยแล้วมองรุ่นพี่ตัวเล็กที่กำลังส่งยิ้มแหยๆ ให้เพื่อนอยู่
“ลืมน่ะว่าต้องไปทำธุระต่อ ไว้วันหลังจะมาชดใช้ให้นะ”
“เออๆ กลับดีๆ”
“งั้นเดี๋ยวเรากลับกับเปเลยแล้วกัน” เสียงของพี่นัทพูดขึ้น มีเสียงวี้ดว้ายจากเพื่อนในกลุ่มดังแซวคล้ายเป็นสิ่งคุ้นเคยที่ทำกัน ส่วนฉันก็ทำได้เพียงรู้สึกแปลกๆ แล้วมองไปที่พี่สีน้ำที่ดูไม่ได้รู้สึกอะไรกับการแซวนั้นเลย ทำไมกลุ่มพี่เขาต้องแซวด้วยนะ ถึงแม้จะมีคำถามขึ้นมาในใจแบบนั้น แต่ฉันก็รู้ดีว่าทั้งคู่ไม่ใช่เพื่อนปกติกันแน่นอน แม้พี่สีน้ำจะบอกว่าไม่มีแฟนก็เถอะ
เริ่มไม่สนุกแล้ว...ฉันเองก็กลับบ้านบ้างดีไหมนะ
เฮ้อ..ลมหายใจถูกพ่นออกมาเบาๆ มือเตรียมหยิบกระเป๋าแล้วชวนเพื่อนอีกสองคนออกจากร้าน
แต่ถ้าว่า...
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเรากลับกับน้องๆ เอง” พี่สีน้ำไม่พูดเปล่า เธอหันไปมองแคทและแมน โดยที่ทั้งคู่ก็ทำหน้างงๆ
“เอ๊ะ กลับกับพวกหนูเหรอคะ” แมนถามย้ำ ทำหน้าไม่อยากไปจนเห็นได้ชัด “พวกหนูยังไม่รีบกลับนะคะ ใช่มะอีเปา”
แล้วสายตาเกือบทุกคู่ก็มองมาที่ฉัน
“เปารีบกลับใช่ไหม เห็นบอกพี่ไว้ตั้งแต่ก่อนออกมาจากโรงเรียน”
สมองของฉันประมวลผลอย่างรวดเร็ว ไม่รู้หรอกว่ารุ่นพี่คนสวยกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ที่แน่ๆ คือฉันต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้
“ใช่ค่ะ...เปาต้องรีบกลับ”
“เอ้า...”
เสียงเอ้าของเพื่อนทั้งคู่ดูงงงวย ส่วนฉันก็จะไม่ยอมให้โอกาสนี้หลุดลอยไปเด็ดขาด
“แต่พวกแกอยู่ไปเถอะ เดี๋ยวฉันกลับก่อนแล้วกัน กินเผื่อด้วย” ทั้งคู่มองหน้ากันคล้ายกำลังปะติดปะต่อเรื่องราวและเพียงไม่กี่วิหลังจากนั้นทั้งคู่ก็ทำหน้าตื่นเต้นแล้วรีบไล่ให้ฉันกับพี่สีน้ำไปด้วยกันเร็วๆ
“ฝากเปาด้วยนะคะ”
“ได้สิ” พี่สีน้ำตอบรับในทันที โดยที่เธอก็หันไปมองหน้าเพื่อนที่อยู่ข้างตัวอีกครั้ง “ฝากน้องทั้งสองคนด้วยนะนัท อย่าให้พวกนี้มันแกล้งน้องล่ะ”
ทันทีที่พี่สีน้ำพูดจบ รุ่นพี่คนอื่นๆ ก็โวยออกมาอย่างไม่จริงจัง คล้ายรู้ว่าสิ่งที่รุ่นพี่คนสวยพูดมานั้นไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆ
“ไปกันเลยไหมเปา”
“ค่ะ” ฉันรีบตอบรับแล้วเดินออกมาจากตรงนั้นทันที ปล่อยให้เพื่อนทั้งสองคนมองตามไล่หลังมาอย่างภาคภูมิใจ
สองคนนี้นี่มันเวอร์จริงๆ
หลังจากที่เราเดินออกมาจากร้านปังเย็นได้ไม่นาน บรรยากาศที่น่าตึงเครียดก็ทำให้ฉันได้แต่มองนกมองไม้คล้ายหาอะไรทำ ส่วนรุ่นพี่คนสวยก็ไม่ได้พูดอะไรเลย
ลองชวนคุยสักหน่อยดีกว่า...
“เปาต้องรีบกลับหรือเปล่า/พี่สีน้ำเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“เอ๊ะ/อ้าว”
แล้วเราทั้งคู่ก็หยุดสบตากันประมาณ 0.5 วิ ก่อนที่เสียงหัวเราะจะดังขึ้นมาแทน
“พี่สีน้ำว่าอะไรนะคะ”
“พี่ถามว่าเปาต้องรีบกลับบ้านหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ” ฉันตอบทันที โดยที่รุ่นพี่คนสวยก็ยิ้มออกมาคล้ายถูกใจที่ฉันตามน้ำเธอได้อย่างแนบเนียน
“งั้นดีเลย ไปเดินเล่นกัน”
ไม่พูดเปล่า เธอรีบเดินไปโบกรถสองแถวที่กำลังจะขับเลยเราไป รุ่นพี่คนสวยเรียกฉันเสียงดัง
“เจ้าแม่เปา! มาเร็ว...” มือขาวนั้นรีบกวักมือเรียกให้รีบตามไป ฉันยังคงมึนงงกับสถานการณ์ในตอนนี้ แต่เพียงเสี้ยววินาทีที่รอยยิ้มของเธอยิ่งเด่นชัดขึ้น ขาทั้งสองข้างของฉันก็รีบวิ่งก้าวกระโดดไปอยู่บนรถคันเดียวกัน ตอนนี้ฉันแทบไม่ได้สนใจอีกแล้วว่าสายตาของคนบนรถมองเราด้วยสายตาแบบไหน
รู้เพียงแต่ว่า...ฉันเองก็มีรอยยิ้มไม่ต่างจากพี่เขาเลย
#####
กดหัวใจหรือคอมเมนต์ เพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ ^^
ความคิดเห็น