คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : นิสัยเสีย...
ตอนที่สี่ : นิสัยเสีย...
ณ ตอนนี้เป็นเวลายี่สิบสองนาฬิกาสามสิบสองนาที
และฉัน...ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมแม้เพื่อนทั้งสองคนจะกลับไปหลายชั่วโมงแล้ว โดยที่ทั้งคู่ทิ้งระเบิดไว้ให้ฉันคิดไม่ตกอยู่เพียงลำพัง
“เปา! แม่กลับมาแล้ว” เสียงของแม่ดังขึ้นพร้อมกับร่างของผู้หญิงวัยกลางคนที่ยังสวยสดรีบเดินมากอดฉันไว้
“เย่ กลับมาแล้วว เหนื่อยไหมคะ” ฉันสลัดความคิดมากมายก่อนหน้านี้ออกไปอย่างรวดเร็ว สวมบทเป็นเด็กดีที่เอาแต่คิดถึงพ่อแม่ที่ยังไม่กลับได้อย่างแนบเนียน
“เหนื่อยมาก ทานอะไรหรือยังลูก”
“ยังเลยค่ะ รอแม่อยู่”
“แล้วพ่อล่ะ จะรอแค่แม่หรือไง” เสียงติดเล่นของพ่อดังขึ้น โดยที่ฉันก็ได้แต่ยิ้มออกมา
“รอดีไหมนะ...”
“ใจร้ายจริง” ฉันเพียงแค่หัวเราะออกมาเบาๆ ให้กับบทสนทนาที่ดูไม่ได้น้อยใจจริงๆ นั้น
ครอบครัวสุขสันต์พูดคุยกันเพียงเล็กน้อย โดยที่ทั้งคู่ก็จัดอาหารด้วยท่าทางหวานแหวว โดยมีฉันที่มโนภาพไปคนเดียวว่าตัวเองได้ทำอาหารด้วยกันแบบนี้กับพี่สีน้ำ
แต่เดี๋ยวนะ...ไอ้บ้าเอ๊ย! นี่ฉันอาการหนักแล้วนะเนี่ย พอคิดได้แบบนั้นก็สะบัดหัวไปมาอยู่สองสามทีก่อนจะเริ่มทำตัวปกติอีกครั้ง
หลังจากผ่านพ้นค่ำคืนที่นอนพลิกตัวไปพลิกตัวมาอยู่จนดึกดื่นเพราะเอาแต่คิดเรื่องพี่สีน้ำ ในตอนเช้าก็แทบจะเหมือนร่างที่ไร้วิญญาณเดินไปเดินมาคล้ายจะล้มฟุบไปในอีกห้านาทีนี้
“เป็นอะไรไปเปา ดูเหนื่อยๆ” พ่อพูดพร้อมขยี้ผมฉันน้อยๆ โดยที่เราก็มาเดินเล่นอยู่ที่ห้างแถวคอนโด
“เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับค่ะ”
“แล้วทำไมไม่มานอนห้องพ่อกับแม่ล่ะ”
“ใครจะไปนอนกันคะ เปาสิบสามแล้วนะ”
“แต่เหมือนสามขวบ”
“พ่ออะ!”
ในเช้าวันอาทิตย์คงเลี่ยงไม่ได้ที่พ่อและแม่ของฉันจะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ และสิ่งนั้นก็คือการพามาซื้อเสื้อผ้าเป็นการทดแทนที่ปล่อยให้ฉันอยู่บ้านคนเดียวบ่อยๆ และถึงแม้สถานการณ์ในตอนนี้จะดูสบายใจมากๆ แต่ทุกอย่างก็ดูติดขัดขึ้นมา เมื่อต้องเจอใครบางคนในร้านเสื้อผ้าที่ตัวเองกำลังเลือกซื้ออยู่
พี่สีน้ำ...และรุ่นพี่ผู้ชายอีกคน
มือฉันยังคงจับไปที่เสื้อยืดตัวสวยค้าง สายตาแอบมองรุ่นพี่ที่ยิ้มหัวเราะกับรุ่นพี่หนุ่มรูปงาม ถ้าจำไม่ผิดรุ่นพี่คนนั้นน่าจะอยู่ห้องเดียวกับพี่สีน้ำ และถึงแม้ฉันจะเคยสัญญาเอาไว้ว่าถ้าเจอกันจะส่งยิ้มไปให้ แต่ในสถานการณ์นี้กลับไม่สามารถรักษาสัญญานั้นไว้ได้เลย ใจฉันตอนนี้น่ะนะ...มันแอบหงุดหงิดหน่อยๆ
และดูเหมือนการแอบมองจะมีพลังมากเกินไป อยู่ๆ รุ่นพี่คนสวยก็หันมามองตรงที่ฉันยืนอยู่ เราสบตากันผ่านเสื้อผ้ามากมายที่บดบัง เธอมีอาการตกใจนิดๆ ที่เจอฉันในเวลานี้ แต่สิ่งที่ฉันทำกลับเป็น...
“แม่คะ ไปร้านอื่นกันเถอะ”
“อ้าว แล้วเสื้อผ้าที่เลือกไว้ล่ะ งั้นเปาเดินไปดูก่อนเลยก็ได้ เดี๋ยวแม่จ่ายพวกนี้ก่อน”
“โอเคค่ะ” นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันหุนหันพลันแล่นรีบเดินออกมาจากร้านนั้นโดยไม่ได้รอพ่อและแม่แบบทุกทีที่เคยทำ
“เฮ้อ...” เสียงถอนหายใจดังขึ้นเบาๆ โดยที่ตอนนี้ตัวเองก็มายืนอยู่ที่ร้านเสื้อผ้าอีกร้านที่ถัดมาจากร้านเก่า “ทำไมต้องทำตัวประหลาดแบบนี้ทุกทีด้วยนะ”
ฉันยังคงพึมพำคล้ายพูดให้ตัวเองรู้ตัวว่าท่าทางที่เพิ่งทำไปเมื่อกี้นี้มันช่างน่าหงุดหงิดเสียเหลือเกิน
“เอาเถอะ ทำไปแล้วนี่นา” ฉันพยายามเลิกสนใจสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนจะเริ่มเดินไล่แหวกเสื้อผ้าในร้านดู และดูเหมือนตัวเองจะไปจับเสื้อของคนข้างๆ ที่เลือกเสื้อผ้าฝั่งเดียวกันอยู่
“ขอโทษค่ะ” ฉันเอ่ยปากขอโทษออกไปทันที โดยที่ก็รีบหันไปสบตาคล้ายบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ แต่...
“ไง...เจ้าแม่เปา มาซื้อเสื้อเหรอ?”
ฉันอึ้ง ยืนตัวแข็งคล้ายถูกปูนซีเมนต์ฉาบมาที่ตัว กว่าจะเรียกสติตัวเองกลับมาได้ก็ปาไปหลายวิแล้ว
“อะ อ้าวว พี่สีน้ำ” ฉันทำเป็นตื่นเต้น เรียกชื่อพี่เขาเสียงดังกว่าโทนปกตินิดหน่อย “มาซื้อเสื้อเหรอคะ”
“เปล่าๆ มาซื้อปลาทูให้แม่น่ะ แต่พอถามพนักงานในร้านเขาไล่ให้ไปตลาด”
ซื้อปลาทู? ฉันได้แต่ยืนยิ้มแห้งอยู่แบบนั้น มองซ้ายมองขวาอย่างไม่เข้าใจ และเวลาหลังจากนั้นไม่นานเสียงหัวเราะเบาๆ ของพี่สีน้ำก็ดังขึ้น
“พี่ล้อเล่นน่ะ ไม่เห็นต้องทำหน้าเอือมแบบนั้นเลย” พี่สีน้ำยกมือขึ้นปิดปากนิดๆ ก่อนจะพยายามหุบยิ้มลง
“อ้อ มุกเหรอคะ อ่า...ปลาทูในร้านเสื้อเนอะ” แล้วฉันก็หัวเราะออกมาเสียงดังซะดื้อๆ ให้คนตรงหน้าตกใจกับท่าทางที่อยากเออออจนเกินเบอร์นี้ไป
ฮือออ ไอ้บ้าเอ๊ยยย ฉันจะหัวเราะโอเวอร์แบบนั้นทำไมวะ!
“ว่าแต่เปาเลือกเสื้อแบบไหนอยู่เหรอ” แล้วรุ่นพี่คนสวยก็เปลี่ยนเรื่องไปในทันที คล้ายรับความเด๋อด๋าของฉันไว้ไม่ไหวแล้ว
“ไม่ได้เจาะจงเลยค่ะ แค่ดูๆ ตัวที่ชอบ”
“งั้นให้พี่เลือกให้ไหม” ไม่พูดเปล่า เธอรีบแหวกเสื้อผ้าตรงหน้าดูด้วยหน้าตาที่มีแต่รอยยิ้ม ฉันมองหน้ารุ่นพี่ด้วยความตื่นเต้น ความน้อยอกน้อยใจที่เห็นพี่เขามากับผู้ชายคนอื่นถูกลืมเลือนไปในทันที
ผู้ชายคนอื่น! พูดไปได้! ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับพี่เขาซะหน่อย
แต่รุ่นพี่ที่อยู่ตรงหน้านี่...น่ารักชะมัด
“ตัวนี้ไหม น่ารักนะ” พี่สีน้ำดึงเสื้อกล้ามสีขาวโดยมีตัวหนังสือภาษาอังกฤษเขียนด้วยฟอนต์อาร์ตๆ ว่า SMILE มาให้
เอาจริงๆ เหมือนจะสื่อให้ฉันยิ้มให้เลย
“อ่า ตัวนี้ก็ได้ค่ะ” ฉันยื่นมือไปรับเสื้อตัวนั้นไว้ แต่เธอกลับดึงเสื้อนั้นกลับไป
“พี่ล้อเล่นน่ะ เสื้อดูไม่ค่อยมีอะไรเลย แต่ราคาแพงเกินความจำเป็น” รุ่นพี่คนสวยพูดจบก็หันมายิ้มให้ฉัน ก่อนจะหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าเหมือนมีใครโทร.มา
“ฮัลโหล อือ กำลังลงไปแล้ว ข้าวมาแล้วเหรอ โอเคๆ” ฉันยังคงมองหน้ารุ่นพี่คนสวยที่เก็บมือถือเข้ากระเป๋าไปอย่างรวดเร็ว เธอมีท่าทางสบายๆ และ “พี่ต้องไปแล้ว ไว้เจอกันที่โรงเรียนนะ”
“โอเคค่ะ”
เธอโบกมือให้ฉันนิดๆ ก่อนจะเดินออกไปจากร้านโดยที่ไม่มองกลับมาที่ฉันเลยสักนิด มีแค่ฉันเพียงคนเดียวที่มองร่างสวยนั้นหายลับไปจากสายตา
และนี่คงเป็นครั้งแรกที่รู้สึกเศร้าแปลกๆ ทั้งๆ ที่เดินหนีออกมาจากร้านหนึ่งเพื่อเลี่ยงการเจอกันแล้วแท้ๆ แต่พอพี่เขาเดินตามมาและเราได้พูดคุยกันฉันกลับเสียดายที่ตอนนี้เราไม่ได้อยู่ในสายตากันแล้ว
แต่เอ๊ะ พี่เขาตามฉันมาเหรอ?
“ได้เสื้อไหมลูก”
แล้วความคิดของฉันก็หยุดชะงักไปดื้อๆ ตอนนี้แทบจะปรับอารมณ์ไม่ทันด้วยซ้ำ
“หิวไหม ไปหาอะไรทานกัน” แม่เอ่ยถามออกมาพร้อมกับแหวกเสื้อจากร้านนี้ดูนิดหน่อย
“ปะค่ะ แต่...” ฉันชูเสื้อกล้ามที่รุ่นพี่คนสวยเพิ่งเลือกให้ขึ้นมา “เปาอยากได้ตัวนี้เพิ่มค่ะ”
“จะซื้อเสื้อกล้ามไปใส่เหรอ แดดที่นี่แรงนะ ลองดูตัวอื่นดีกว่าไหม” และเหมือนครั้งนี้แม่จะไม่เห็นด้วย ฉันรีบกวาดสายตาไปทั่วก่อนจะคว้าเสื้อยีนในราวใกล้ๆ มาส่งให้อีกตัว
“จะใส่กับเสื้อตัวนี้ค่ะ นะคะ...สวยออก”
“มันจะเข้ากันเหรอลูก”
“เมื่อคืนวันศุกร์เปาเหงามากเลย ต้องอยู่คนเดียว หัวใจเจ็บจนเกือบจะแตกออกมาเป็นเสี่ยงๆ...แล้วนะ เกือบจะร้องไห้ออกม..”
“อะๆ พอเลย ซื้อก็ซื้อ ไม่เห็นต้องเล่นบทดราม่า” พ่อพูดพร้อมหยิบเสื้อทั้งสองตัวมาไว้ในมือแล้วเดินไปจ่ายเงินให้แต่โดยดี
“เรานี่จริงๆ เลย ถ้าจะใส่เสื้อตัวนั้นต้องใส่เสื้อทับทุกครั้งนะ ไม่งั้นแม่จะทิ้ง”
“รู้แล้วค่า ปะ ไปรอพ่อจ่ายเงินแล้วลงไปหาอะไรทานกันดีกว่า หิวแล้ว” ฉันรีบคล้องแขนแม่อย่างออดอ้อนแล้วลืมความรู้สึกแสนเศร้าเมื่อต้องแยกกับรุ่นพี่คนสวยนั้นไปอย่างง่ายดาย
แล้ววันอาทิตย์แสนสุขสันต์ก็จบลงพร้อมกับเช้าวันจันทร์ที่ฉันไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังรู้สึกอะไรอยู่
“อรุณสวัสดิ์เพคะคุณหนูเปา” เสียงแมนพูดพร้อมย่อตัวถอนสายบัวให้ฉันหนึ่งที โดยที่มีแคทก็ย่อตัวตามด้วยอีกคน “พระกระยาหารในเช้าวันนี้มีข้าวมันเพคะ เครื่องเคียงคือน้ำจิ้ม ซุปกระดูกไก่ และแตงกวาประดับเพคะ อ้อ ผักชีด้วย”
“นอกเหนือจากนั้น หม่อมฉันมีน้ำเป๊ปซี่ น้ำส้ม น้ำเขียว น้ำแดง พร้อมกับเกลือที่สามารถโรยไว้บนน้ำเหล่านั้นได้ไม่จำกัด หากคุณหนูเปาต้องการเสวยสิ่งใดต่อให้เป็นใส่เกลือจนไตพัง หม่อมฉันและบ่าวแมนก็จะนำมาถวายให้ในทันทีเพคะ”
ถ้าให้เปรียบเทียบเส้นสีขาวๆ บนถนนว่าตรงแค่ไหนคงเทียบได้กับตาของฉันในตอนนี้นี่แหละ
“อะไรของพวกแก” ฉันมองหน้าเพื่อนด้วยความละเหี่ยใจ ก่อนจะฟุบหน้าลงบนโต๊ะข้างโรงอาหาร
“อุ๊ยคุณหนูเปา จะเอาหน้าราคาแพงนั้นไปสัมผัสกับโต๊ะที่แสนสกปรกไม่ได้! เงยหน้าขึ้นมาเพคะ” เสียงของแมนพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าปกติ ทั้งคู่เล่นสวมบทเป็นนายบ่าวอะไรนั่นจริงจังจนรู้สึกเกินเหตุ ส่วนฉันก็ไม่มีอารมณ์เล่นด้วยเลยสักนิด
“พอเถอะ ไม่มีอารมณ์”
ทันทีที่ฉันเอ่ยปากออกไปแบบนั้น เพื่อนทั้งคู่ก็ตัดสินใจมานั่งฝั่งตรงข้ามฉันด้วยความอยากรู้ทันที
“เป็นไร ทำหน้าเหมือนหมาที่เจ้าของไม่เล่นด้วย” แคทพูดพร้อมกับเอานิ้วมาจิ้มที่หัวคล้ายกำลังเอาไม้เขี่ยขี้หมาอยู่
“เฮ้ออออ”
“อาการหนัก” แมนเท้าคางแล้วชะโงกหัวมามองฉันนิดหน่อย “เรื่องพี่สีน้ำเหรอ”
“อีแมน ไปซื้อหวยไป๊ แม่นกว่าที่ฉันดูดวงให้คนอื่นอีก” ฉันเลิกเอาหน้าฟุบโต๊ะ เงยหน้านั่งตัวตรงคุยกับเพื่อนรักทั้งสองคนอย่างหมดอาลัยตายอยาก “เมื่อวานไปเจอพี่สีน้ำที่ห้างมา”
“อุ๊ยตาย บังเอิญหรือแกแอบเป็นสตอล์กเกอร์”
“บังเอิญสิ ฉันไปซื้อเสื้อกับที่บ้าน แล้วก็บังเอิญเจอพี่เขากับรุ่นพี่ที่โรงเรียนเรานี่แหละ เขาไปด้วยกัน...รุ่นพี่ผู้ชาย”
“อ่า...เข้าใจ” แคทพูดก่อนจะมองหน้าฉันด้วยท่าทางจริงจัง “พี่นัทแน่เลยว่ะ เห็นเขาชอบตัวติดกัน”
“นัท? นัทไหน”
“โน่นไง” และทันทีที่แคทพูดแบบนั้น ฉันและแมนก็รีบหันไปมองตามสายตาของเพื่อนสาว
ภาพที่เห็นตอนนี้คือพี่สีน้ำเดินมาพร้อมกลุ่มเพื่อนสี่ห้าคน และหนึ่งในนั้นคือรุ่นพี่ผู้ชายที่ฉันเพิ่งเจอเมื่อวาน กลุ่มพี่เขาพูดคุยกันเสียงดังคล้ายไม่จำเป็นต้องกลัวรุ่นพี่คนไหนเดินมาว่าเพราะตัวเองคือรุ่นใหญ่สุดของระดับชั้นตอนนี้แล้ว
ฉันรวบรวมความกล้า ถึงแม้จะยังหาคำตอบให้กับความรู้สึกตอนนี้ไม่ได้แต่ก็ยังอยากรักษาสัญญาที่ให้ไว้ นั่นก็คือการส่งยิ้มให้เมื่อเราเจอกัน
แต่เหมือนอะไรๆ ก็ไม่เป็นใจ ทั้งๆ ที่ฉันจ้องพี่เขาคล้ายกำลังจะทำสิ่งที่รุ่นพี่สาวสวยเคยขอไว้ แต่ตอนนี้เธอกลับไม่ได้มองฉันเลยด้วยซ้ำ ฉันไม่ได้อยู่ในระดับสายตาของพี่เขาสักนิด หรือบางที...อาจมีใครบางคนที่สามารถมองเห็นได้ชัดมากกว่า
ฉันตัดสินใจเลิกมองกลุ่มรุ่นพี่คนนั้นไป โดยที่เพื่อนอีกสองคนก็มองหน้าฉันคล้ายเวทนาเสียเหลือเกิน
“พอแล้วล่ะ ฉันคิดว่าตัวเองคงต้องเลิกล้มความคิดที่จะจีบหรือชอบพี่เขาสักที”
“ทำไมวะ” แคทถามด้วยความไม่เข้าใจ คิ้วขมวดคล้ายเสียดายที่จะไม่ได้ล้อฉันเรื่องรุ่นพี่คนสวยอีกแล้ว
“ก็ไม่ทำไม รุ่นเราก็ห่างกันเยอะ แถมฉันเป็นผู้หญิง ดูจากทรงพี่เขาก็คงชอบผู้ชาย อีกอย่างตอนนี้ฉันก็ไม่เข้าใจว่าตัวเองรู้สึกอะไร เอาจริง มันแอบหงุดหงิด”
“อ่า” แมนและแคทพยักหน้าให้ฉันเหมือนเข้าใจ
“ก็ถ้าแกว่างั้นก็ดี อีกอย่างตอนดูดวงอะไรนั่นแกก็น่าจะบอกเปรยๆ ว่าให้ชอบแก เผื่ออะไรจะดีขึ้นมากกว่านี้”
“ส่วนใหญ่พวกพลังวิเศษมักไม่เป็นผลกับเจ้าของไม่ใช่เหรอ”
“ยังไม่ลองจะรู้ได้ไง” แมนพูดอีกครั้ง พร้อมกับทำหน้าเหมือนนึกอะไรออก “เอางี้มะ ก่อนตัดใจทำไมแกไม่ลองใช้พลังวิเศษบอกให้พี่เขาชอบแกดู ไหนๆ ก็จะเลิกชอบแล้วนี่”
“เพื่อไร”
“ก็ไม่เพื่อไร แค่ลองดู เพราะที่แน่ๆ แกก็คงสับสนกับความรู้สึกตัวเองไปอีกสักพัก”
“ถึงจะบอกให้ไปดูดวงให้แล้วจะไปดูยังไง อยู่ๆ ก็เดินไปบอก พี่สีน้ำคะ เปาดูดวงให้นะคะ ในฐานะอยากดู ประหลาด”
“อะ ก็ไม่แน่ บางทีพี่เขาอาจจะเข้ามาคุยกับแก หรือทักทายให้ของอะไรแบบนั้นก็ได้”
“ฮะ?” ฉันทำหน้าไม่เข้าใจ แล้วในเวลานั้นหน้าของแมนก็มีรอยยิ้มกรุ้มกริ่มออกมาให้เห็น โดยที่แคทเองก็ยิ้มหน้าบานมองไปอีกทิศทางหนึ่งที่ไม่ใช่การมองหน้าฉันแบบก่อนหน้านี้ด้วย
“บอกตามตรงนะอีเปา” แคทพูดอ้อมแอ้ม “แกตัดใจไม่ได้หรอก”
นังเพื่อนเส็งเคร็ง อยู่ๆ มาพูดงี้ทำมะเขืออะไร
“เจ้าแม่เปา...”
ยังไม่ทันที่ฉันจะเริ่มฟาดงวงฟาดงาใส่เพื่อนที่พูดจาไม่เข้าหู สายตาของตัวเองก็ต้องเลิกสนใจเพื่อนทั้งสองคนมาสนใจเจ้าของเสียงแทน
“พี่ซื้อน้ำมาฝาก เห็นเพื่อนบอกว่าต้องให้ของเป็นพวกน้ำสีๆ ด้วย เลยกลัวว่าพวงกุญแจที่ให้ไปจะไม่พอ”
โธ่ ตัวฉัน แล้วจะตัดใจจากผู้หญิงแสนน่ารักคนนี้ได้ยังไง!
“ขอบคุณค่ะ แต่จริงๆ ไม่ต้องก็ได้นะคะ คนเขาก็คิดกันไปเอง” ฉันตอบไปแบบอาการคนตื่นเต้น แต่นะ ก็แอบดีใจไปพร้อมๆ กันด้วย
“อ้าวเหรอ แต่ซื้อมาแล้วด้วย เปาชอบน้ำเขียวหรือเปล่า”
“ไม่ชอบค่ะ” ฉันตอบ แอบกลั้นยิ้มจนรู้ว่าตรงคอคงมีเส้นอะไรต่อมิอะไรปูดขึ้นมา
“อ้าวเหรอ..”
“แต่รักเลย”
“...” แล้วหน้าสวยของรุ่นพี่ที่เคยผิดหวังก็มีรอยยิ้มออกมานิดๆ เธอกลั้นขำกับความขี้เล่นที่ไม่เป็นธรรมชาติของฉัน และใช่ พูดแบบนั้นออกไปทำไม้!
“ตกใจหมด คิดว่าไม่ชอบจริงๆ”
“พี่สีน้ำลองให้เปาดูดวงเรื่องความรักให้ไหมคะ เมื่อกี้เห็นพี่มากับแฟนด้วย ลองให้เปาทำนายให้สิคะ” แมนพูดด้วยท่าทางสบายๆ แต่ฉันรู้ในทันทีว่านี่คือการเปิดทางให้ฉันได้ลองใช้พลังวิเศษ หรือบางทีอาจจะพยายามทำให้รู้ดำรู้แดงไปเลยว่ารุ่นพี่ทั้งสองคนเป็นแฟนกันจริงๆ หรือเปล่า
“แฟน? แฟนไหน พี่ไม่มีแฟน”
พี่สีน้ำพูดด้วยรอยยิ้ม และถึงแม้ตอนนี้ฉันจะแอบยิ้มตามด้วยความดีใจอยู่ แต่รอยยิ้มนั้นก็ต้องจางหายไป
“หมายถึงยังไม่ใช..เอ่อ แต่ช่างเถอะ”
รุ่นพี่คนสวยทำเพียงแค่ยิ้มบางๆ มาให้ ฉันไม่เข้าใจว่ารอยยิ้มนั้นเป็นรอยยิ้มของความเขินอายที่พยายามปกปิดเอาไว้ หรือความจริงเป็นรอยยิ้มที่ไม่มั่นใจอะไรสักอย่างกันแน่
“งั้นให้เปาดูดวงให้เลยค่ะ” แคทพูดเสริมอีกครั้ง
และครั้งนี้กลายเป็นฉันเองที่รู้สึกแปลกอย่างบอกไม่ถูก จากที่เคยนั่งหมดอาลัยตายอยากก่อนหน้านี้ก็แปรเปลี่ยนเป็นรีบดีดตัวลุกขึ้น คว้ามือของรุ่นพี่คนสวยเอาไว้อย่างไม่ขออนุญาตใดๆ ใช้มืออีกข้างจับไปที่ฝ่ามือขาวเนียน ลูบไปบนมือขาวนั้นคล้ายทำเพื่อให้มองเห็นลายมือชัดขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นสายตากลับไม่ได้มองที่มือของรุ่นพี่เลยสักนิด ฉันสบตานิ่งกับคนตรงหน้า เธอเองก็มีท่าทางตกใจคล้ายไม่ชินกับการแสดงออกของฉันในตอนนี้สักเท่าไร
“มีคนแอบชอบพี่สีน้ำอยู่ค่ะ”
“...”
“และคนนั้นก็อยู่ใกล้ตัวในตอนนี้มากๆ เพราะงั้น...ถ้าพี่สีน้ำลองเปิดใจลองรักสักครั้ง นั่นจะเป็นความรักที่ดีอย่างที่พี่คิดไม่ถึงเลยค่ะ”
“อยู่ใกล้ตัวตอนนี้เหรอ? หมายถึง...” จากท่าทางตกใจในตอนแรกก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มบางเบาแทน เธอไม่ได้ขยับมือหนีออกจากรุ่นน้องที่ทำตัวประหลาดๆ แต่กลับเปลี่ยนท่าทางมาจับมือฉันแทน เราอยู่ในท่าทางที่แปลกพอสมควร และคนตรงหน้าก็เริ่มพูดอีกครั้ง
“แบบ..มีคำใบ้ไหมว่าคนคนนั้นเป็นใคร อายุน้อยกว่าหรือเท่ากัน ไม่ก็ เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“คะ?”
และเหมือนครั้งนี้เป็นฉันเองที่ถูกสะกดด้วยอะไรสักอย่าง ทำไมรุ่นพี่ที่ดูเหมือนชอบผู้ชายแน่ๆ ถึงถามว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ หรือจริงๆ แล้วเธอกำลังสงสัยว่าสิ่งที่ฉันพูดนั้นเป็นการเบิกทางให้ตัวเองอยู่
นี่...เธอจับได้แล้วเหรอว่าฉันชอบ หรือแค่กำลังหลอกถาม ความกล้าหาญแบบก่อนหน้านี้หายไปหมด แต่ถึงอย่างนั้นมือก็ยังคงยอมให้คนตรงหน้าจับไว้ วิ่งหนีดีไหมนะ หรือจะหัวเราะออกไปเสียงดังแล้วบอกว่าไม่รู้ดี แต่บรรยากาศสบายๆ แบบนี้ก็เหมาะที่จะสารภาพไปเลยไม่ใช่เหรอ
ถ้าบอกชอบไปเลยล่ะ...
“คือพี่สีน้ำคะ เปา..”
“เป ทำไรอะ”
ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดอะไรออกไป ร่างของผู้ชายคนหนึ่งก็เดินมาจากข้างหลัง รอยยิ้มถูกแต่งแต้มไว้อย่างคนที่สนุกกับชีวิตวัยเรียน และฉันที่ตั้งใจจะบอกชอบออกไปให้รู้แล้วรู้รอดก็ต้องพับความคิดนั้นเก็บไป
รุ่นพี่คนสวยส่งยิ้มให้ผู้ชายคนนั้นอย่างตอนที่เดินมากับกลุ่มเพื่อน มือที่เคยจับฉันไว้ค่อยๆ คลายออกอย่างเป็นธรรมชาติ และในตอนนั้นนี่แหละที่ฉันเข้าใจบางอย่าง ความเข้าใจที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเข้าใจถูกหรือเปล่า
รอยยิ้มที่พี่สีน้ำมีให้ผู้ชายคนนี้คือรอยยิ้มของเพื่อน มันมีความสนุกสนานไม่เหมือนรอยยิ้มเอ็นดูแบบที่ส่งมาให้ฉัน และบางที...พี่สีน้ำเองก็อาจจะชอบผู้หญิงด้วยก็ได้
“เอาน้ำมาให้เจ้าแม่เปาน่ะ แล้วน้องก็อาสาดูดวงให้เป็นค่าตอบแทน ถึงคำทำนายจะงงๆ หน่อยก็เถอะ”
“เพิ่งรู้ว่าแกชอบดูดวงด้วย” รุ่นพี่ผู้ชายพูดด้วยท่าทางประหลาดใจ
“ก็ไม่เชิงหรอก”
“ไหนน้ำล่ะ”
“อ้าว ลืมเลยว่ามาซื้อน้ำ ตอนจะสั่งน้ำเห็นเจ้าแม่เปานั่งอยู่พอดีเลยแวะมาคุย แล้วแกซื้อข้าวมาให้แล้วใช่ปะ”
“ซื้อแล้วสิ ข้าวเย็นจนแมลงวันจะตอมแล้ว” สิ้นเสียงของรุ่นพี่ผู้ชาย เสียงหัวเราะของพี่สีน้ำก็ดังขึ้นพร้อมกับหันมาหาฉันอีกครั้ง
“เมื่อกี้เปาจะพูดอะไรหรือเปล่านะ”
“คะ? อ้อ เปล่าค่ะ แค่จะบอกว่าขอบคุณสำหรับน้ำเขียวนะคะ”
“ไม่เป็นไรๆ ขอบคุณที่ดูดวงให้เหมือนกันนะ” เธอทิ้งท้ายเพียงเท่านั้น ร่างสวยของรุ่นพี่คนที่ฉันเกือบจะสารภาพรักออกไปค่อยๆ เดินหายเข้าไปในโรงอาหาร และฉันเองก็หย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยท่าทางหมดแรง
“นี่ฉันกับอีแมนยังมีบทอยู่ถูกมะ” แคทพูดพร้อมทำหน้าเหนื่อยใจ
“ว่าแต่แกจะพูดอะไรกับพี่สีน้ำ ก่อนที่พี่นัทจะเข้ามาน่ะ”
“บอกชอบ”
“ฮะ/ฮะ”
“เออ ฉันเกือบหลุดปากบอกชอบไปแล้ว ตอนนั้นบรรยากาศมันพาไปอะ ฉันลืมไปเลยด้วยซ้ำว่ามีแกสองคนนั่งอยู่ตรงนี้ด้วย”
“ดีนะที่พี่นัทเดินเข้ามาพอดี” แคทพูดพร้อมหยิบน้ำเขียวที่พี่สีน้ำซื้อมาให้ฉันไปดูด แต่หลอดยังไม่ทันถึงปากฉันก็คว้ากลับมา “อีเปา อย่างกได้มะ”
“ไม่ได้งก แต่นี่ของฉัน”
“งก”
“อีนี่! พูดต่อ สรุปที่พี่นัทอะไรนั่นเข้ามาขัดจังหวะมันดียังไง”
“ก็ถ้าแกบอกชอบไปเลย ไม่กลัวพี่เขาจะมองหน้าไม่ติดหรือไง หมายถึงถ้าผลลัพธ์มันออกมาว่าพี่เขาไม่ได้ชอบแกน่ะนะ”
“ก็ถูกของอีแคท ฉันให้แกลองพูดให้พี่เขาชอบแก ไม่ได้ให้แกไปบอกชอบพี่เขา”
“เอออ ก็รู้อยู่ แต่นะ จังหวะนั้นมันแบบ...เหมือนโลกหยุดหมุน ฉันว่าตัวเองคงเลิกชอบพี่เขาไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ คนอะไรจะน่ารักได้ขนาดนั้นวะ”
“เยี่ยมยอด ถ้าแกตัดสินใจได้แล้วก็ลุยเลย รู้แล้วด้วยว่าพี่เขาไม่ได้มีแฟน เดี๋ยวฉันให้อีแคทไปส่งสารให้พี่สีน้ำ”
“ส่งสาร?”
“ส่งสารไรวะ” แคทที่อยู่ๆ ก็โดนโยนงานมาให้ทำหน้างงงวยขึ้นมาทันที
“ไปส่งสารว่าหลังจากนี้เจ้าแม่เปาจะดูดวงให้พี่สีน้ำทุกอาทิตย์จนกว่าจะหมดเทอม!”
“เพื่อไรอะ” ฉันที่นั่งมองท่าทางยิ่งใหญ่ของเพื่อนหนุ่มใจสาวถามออกไปด้วยความไม่เข้าใจ และไม่ได้มีอารมณ์ร่วมใดๆ ด้วยสักนิด
“ช่วยตื่นเต้นเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหม พวกไม่ทำหน้าที่เพื่อน”
“ว้าว ยิ่งใหญ่ เกรียงไกร!” แคทยืนปรบมือเสียงดังจนเรียกสายตานักเรียนคนอื่นที่เดินผ่านไปผ่านมาให้หันมามอง
“ดีมาก แต่เยอะเกิน นั่ง!” แมนรีบดึงให้แคทลงมานั่งเหมือนเดิม ก่อนจะพูดแผนของตัวเองต่อ
“ก็ถ้าที่แกพูดไปมันไม่ได้ผลใช่มะ แกก็แค่ทำนายส่งๆ ไปเลย แล้วค่อยทำเองตามคำทำนายที่บอกไป”
“ยังไง”
“แบบ...ถ้าแกทำนายว่าวันนี้พี่สีน้ำจะได้โชคลาภเรื่องของกินนะ แกก็แค่เดินไปซื้อช็อกโกแลตรูปหัวใจส่งให้พี่เขาสักอันอะไรแบบนี้ ในทางกลับกันนอกจากแกจะได้มีวิธีจีบพี่เขาแบบเนียนๆ โดยมีพวกฉันช่วยคิดแล้ว แกก็ยังได้ความสนิทสนมเพิ่มมากขึ้นด้วยนะ เพราะจากที่พี่เขาบอกว่าเห็นแกนั่งอยู่เลยเดินมาคุยด้วยเนี่ย มันก็เหมือนบอกเป็นนัยๆ แล้วปะว่ามีความสนิทแบบรุ่นพี่รุ่นน้องอยู่ประมาณหนึ่ง”
“...”
“ถ้าแกเชิญชวนให้พี่เขามาดูดวง มีหรือจะปฏิเสธลง แกเป็นคนดังของโรงเรียนเลยนะเว้ย แล้วก็เป็นคนรวยที่เลี้ยงเพื่อนฝูงด้วย เพราะงั้น...ขอกินน้ำหน่อยคอแห้ง”
“อย่ากินแก้วที่พี่สีน้ำซื้อให้ฉัน...”
“อีงก!”
“แต่ที่อีแมนพูดมาก็ดูดีอยู่นะ สงสัยอ่านนิยายเยอะ” แคทพูดเสริมขึ้นมาหลังจากนั่งฟังอยู่เงียบๆ มาสักพัก
“อะ นิยายที่ว่าสนุกๆ มันก็ต้องแฝงมากับเรื่องจริงที่ใช้ได้ทั้งนั้นแหละ”
ฉันที่นั่งฟังทั้งคู่เถียงกันได้แต่คิดไม่ตก วิธีที่แมนพูดมาก็ดูดีแต่จะใช้ได้จริงหรือเปล่าก็ยังไม่รู้
ในขณะที่นั่งคิดอะไรต่อมิอะไรอยู่ อยู่ๆ รุ่นพี่คนสวยก็เดินออกมาจากโรงอาหารพร้อมกับเพื่อนผู้หญิงอีกสองคน ทั้งสามคนคุยกันสนุกสนานแบบที่จับใจความไม่ได้ว่ากำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่ เพราะอยู่ไกลเกินไป แต่สิ่งที่ฉันเห็นได้ชัดแน่ๆ คือรอยยิ้มสดใสของรุ่นพี่คนสวยที่กำลังสะกดให้ฉันต้องมองอยู่แบบนั้น
“เอาสิ” เสียงของฉันดังขึ้น แรงใจมีมากเมื่อเห็นเธอยิ้มสดใสแบบนั้น
“.../...”
“ให้แคทลองไปบอกพี่สีน้ำดู ถ้าพี่เขาตกลง เราก็มาคิดกันว่าจะยังไงดี บอกตามตรงนะ ฉันเหมือนกำลังงัดนิสัยเสียข้อหนึ่งของตัวเองออกมา ทั้งๆ ที่ตั้งใจว่าจะไม่เป็นแบบนั้นแท้ๆ”
“หมายถึงอะไรวะ” เสียงของแคทถามด้วยความสงสัย ส่วนฉันทำได้เพียงแค่ยิ้มออกมาด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์ประหนึ่งมโนว่าตัวเองคือนางร้ายในละครหลังข่าว
“นิสัยเสียของคนรวยไง อยากได้อะไรก็ต้องได้”
ความคิดเห็น