ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Meb E-Book ] Predict คำทำนายของเธอ…คือฉัน [YURI]

    ลำดับตอนที่ #3 : สีขาวหรือสีน้ำตาล

    • อัปเดตล่าสุด 19 ธ.ค. 66


    ตอนที่สาม

    สีขาวหรือสีน้ำตาล

     

                   เสียงพูดคุยที่เคยดังอยู่ทุกมุมของโรงเรียนค่อยๆ จางหาย เหลือเพียงเสียงตะโกนของนักเรียนคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านล่างดังมาเป็นระยะ หรือไม่ก็เป็นเสียงลมพัดที่ทำให้ในห้องเรียนตอนนี้ไม่รู้สึกร้อนเลยสักนิด

                   “มาดูเรื่องอะไรเหรอคะ” ฉันเอ่ยถามออกไป โดยที่ตอนนี้รุ่นพี่คนสวยก็เอาแต่ทำตาปริบๆ

                   ให้ตายเถอะ องค์ลงบ้าอะไร โคตรตื่นเต้นเลยโว๊ย!

                   “ปกติเขาถามเรื่องอะไรกันเหรอ” เสียงหวานนุ่มดังขึ้นพร้อมกับหัวใจของฉันที่เริ่มสั่นไหวมากกว่าเดิม

                   “เอ่อ ก็เรื่องเรียนบ้าง เรื่องเพื่อนบ้าง แต่ถ้าฮิตหน่อยก็เรื่องรักๆ มั้งคะ” 

                   “อือออ ขอคิดก่อนนะ” ไม่พูดเปล่า เธอยื่นมือทั้งสองข้างมาตรงหน้าฉัน โดยที่ตอนนี้รุ่นพี่คนสวยก็ทำหน้าคิดคล้ายไม่ได้ตั้งใจดูดวงด้วยซ้ำ

                   แล้วอยู่ๆ สายตาของฉันก็ไปกระทบเข้ากับเพื่อนอีกสองคนที่ตอนนี้นั่งอยู่ด้านหลังรุ่นพี่คนสวย

                   ‘ชวนพี่เขาคุยสิ อีโง่!’

                   ‘ถ้าหยอดมุกอะไรได้ก็หยอดไป อย่าเสียเวลา!’

                   สมุดที่เคยใช้จดตอนเรียนเมื่อไม่นานมานี้ได้กลายเป็นกระดาษที่เขียนตัวหนังสือใหญ่เบิ้บไปแล้ว...

                   “เอ่อ ก่อนจะดูดวงขอถามชื่อก่อนได้ไหมคะ”

                   “ชื่อพี่เหรอ? ได้สิ พี่ชื่อเป แต่บางคนก็เรียกสีน้ำ”

                   “เป?”

                   “อื้อ”

                   “เป็นคนนิสัยรวยเหรอคะ?”

                   แล้วทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ รุ่นพี่คนสวยทำหน้าไม่เข้าใจ ส่วนเพื่อนอีกสองคนก็ทำหน้าอนาถใจ คล้ายบอกว่ามุกที่เพิ่งเล่นไปมันโคตรเห่ย

                   “อะ เอ่อ เล่นมุกนะคะ แบบชื่อเปเลยชอบเปย์หรือเปล่าอะไรแบบนี้ ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้งงนะคะ” ทันทีที่อธิบายออกไป หน้าตาที่เคยสงสัยก็ค่อยๆ ยิ้มออกมา

                   “อ๋อ ไม่ใช่เปย์แบบนั้นสิ ชื่อเต็มๆ คือเปเปอร์น่ะ”

                   “อ๋อออ เปเปอร์นี่เอง งะ งั้นมาเริ่มดูดวงกันเลยดีกว่าค่ะ พี่สีน้ำจะดูเรื่องอะไรคะ”

                   “อ้าว ถามชื่อก็คิดว่าจะเรียกพี่เปซะอีก”

                   “ชินเรียกพี่สีน้ำไปแล้วค่ะ”

                   “ชิน? รู้จักพี่ด้วยเหรอ”

                   ตายห่าน!

                   “อ้อ ปกติเป็นคนเรียกชื่อคนด้วยชื่อจริงแล้วจะชินกว่าค่ะ บางทีก็เรียกเพื่อนสองคนนั้นว่ายศพลบ้าง มาริสาบ้าง” ฉันส่งยิ้มแห้งไปให้อย่างไม่รู้จะพูดยังไงดี

                   “ตอแหล” เสียงของแคทดังออกมาเบาๆ แต่ก็พอจะได้ยินอยู่นิดหน่อย โดยที่ฉันก็ได้แต่ถลึงตาใส่เพื่อนคล้ายบอกว่าเดี๋ยวจะโดน

                   “อย่างนี้นี่เอง”

                   “พะ พี่สีน้ำจะดูเรื่องอะไรคะ คิดออกหรือยัง”

                   “อื้อ คิดออกแล้ว เจ้าแม่เปาช่วยดูให้พี่หน่อยสิว่าพี่ควรเลือกสีขาวหรือสีน้ำตาล”

                   ฉันนิ่งเงียบ มึนงงกับเรื่องที่รุ่นพี่ขอให้ดูให้ “เลือกสีเหรอคะ?”

                   “ใช่” เธอยื่นมือมาให้ฉันดูใกล้ขึ้น โดยที่ฉันในตอนนั้นก็ได้แต่กะพริบตาปริบๆ นึกอะไรไม่ทันตอบไปเพียงว่า

                   “สีขาวค่ะ”

                   “ทำไมสีขาว?”

                   “ก็มือพี่ขาว” และเพียงเสี้ยววินาทีก็เพิ่งนึกได้ว่าเผลอพูดอะไรแปลกๆ ออกไป “เอ่อ เปาหมายถึงว่า..”

                   “โอเค งั้นเราเอาสีน้ำตาลไปนะ”

                   ยังไม่ทันที่ฉันจะแก้ตัวอะไรออกไป พวงกุญแจตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลก็ถูกวางไว้ตรงหน้า โดยที่รอยยิ้มของรุ่นพี่ก็ส่งมาให้คล้ายเอ็นดูฉันอยู่พอสมควร

                   “พี่แค่อยากรู้ว่าควรใช้พวงกุญแจสีไหนน่ะ”

                   “แค่นั้นเหรอคะ”

                   “อื้อ ปกติเห็นว่าต้องเสียค่าดูดวงด้วย พี่ให้ค่าดูเป็นพวงกุญแจนี้ได้ไหม”

                   “กะ ก็ ได้นะคะ...”

                   “ดีเลย” รุ่นพี่คนสวยยิ้มออกมาอย่างดีใจ ก่อนจะพูดต่อ 

                   “แล้วก็ขอโทษเรื่องที่เปิดกระโปรงเราวันเปิดเทอมด้วยนะ ไม่รู้หรอกว่าตั้งใจหลบหน้าพี่หรือเปล่า แต่ถ้าใช่ก็รับคำขอโทษจากรุ่นพี่คนนี้ไว้หน่อยนะ ไม่อยากให้รุ่นน้องรู้สึกแย่น่ะ” 

                   ทันทีที่รุ่นพี่คนสวยพูดจบ เธอก็หยิบกระเป๋าดินสอออกมาจากกระเป๋าถือแล้วแขวนตุ๊กตาหมีสีขาวไว้ที่ซิปของกระเป๋าคล้ายบอกว่าตัดสินใจได้แล้วว่าจะใช้สีไหน

                   “คะ?”

                   “ขอบคุณที่ช่วยทำนายให้นะ บางทีพี่ใช้พวงกุญแจสีนี้แล้วอาจจะโชคดีก็ได้ ว่าไหม?” 

                   ฉันในตอนนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรตอบอะไรกลับไป หัวสมองเบลออย่างคนประมวลผลไม่ทัน จะเออออบอกว่าใช่หรือทำเพียงแค่ยิ้มกลับไปดี แต่สุดท้ายสิ่งที่ฉันทำคงมีเพียงมองหน้ารุ่นพี่คนสวยอยู่แบบนั้น ไม่ได้ตอบ ไม่ได้ยิ้ม และไม่ได้แสดงอาการอะไรออกไป มือยื่นไปรับพวงกุญแจน่ารักนั้นไว้แล้วมองร่างขาวผ่องที่ลุกขึ้นยืน

                   “ถ้าเดินผ่านกันก็ยิ้มให้พี่หน่อยนะ จะได้รู้ว่าเจ้าแม่เปาไม่ได้โกรธกันแล้ว”

                   รุ่นพี่คนสวยทำเพียงแค่ส่งยิ้มบางๆ มาให้ เธอไม่ได้รอคำตอบจากฉันเลยด้วยซ้ำว่าที่คอยหลบหน้านั้นเป็นเพราะอะไร เธอเลือกที่จะเดินออกไปและทิ้งฉันไว้แบบนั้น

                   “อะ คุณปรรณกรวิญญาณหลุดไปแล้ว” แมนพูดขึ้นโดยที่มือก็จับพวงกุญแจในมือฉันดูนิดๆ “น่ารักดีแฮะ”

                   “อีเปา ตื่น” และครั้งนี้เป็นเสียงของแคท 

                   ฉันหลุดออกมาจากภวังค์เพียงเสี้ยววิ มือบีบตุ๊กตาตัวน้อยนั้นแน่น ขารีบลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วพุ่งตัวออกไปนอกห้องทันที ในตอนนี้ฉันไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าเพื่อนอีกสองคนพูดอะไร เพราะร่างกายกำลังวิ่งออกไปนอกห้องเพื่อเรียกชื่อใครอีกคนอย่างสุดเสียง

                   “พี่สีน้ำคะ!”

                   ร่างของรุ่นพี่คนสวยหยุดชะงัก เธอหันมาหาฉันด้วยหน้าตาตื่นตกใจและไร้ซึ่งรอยยิ้มใดๆ

                   “ถ้าเจอกันรอบหน้า!” 

                   “...”

                   “เปาจะยิ้มให้นะคะ!”

                   บอกตามตรงว่าฉันค่อนข้างรู้สีหน้าของตัวเอง มันคงมึนงงและตื่นเต้นน่าดู แต่ถึงอย่างนั้นคนที่ได้ยินกลับส่งยิ้มมาให้เหมือนไม่ได้สนใจหน้าตาเด๋อด๋าของฉันเลย

                   เธอโบกมือลาเป็นคำตอบ ก่อนจะเดินลงบันไดหายลับไปจากสายตาฉันในทันที

                   “ว้าว นี่มันฉากรักในหนังไฮสคูลชัดๆ”

                   ฉันหันไปมองหน้าเพื่อนอีกสองคนที่ยืนแนบข้าง และเมื่อรุ่นพี่เดินหายไปแล้วตัวตนที่แท้จริงของฉันก็เหมือนได้กลับมา

                   “ฉันฝันอยู่เหรอ?” ทันทีที่คำถามนี้หลุดออกไป มือของหนุ่มสาวก็ง้างพร้อมฟาดมาที่หลังของฉันในบัดดล “อีพวกคลั่งความรุนแรง แค่ตอบก็พอมั้ง”

                   “ก็กลัวไม่เชื่อ” แคทพูดก่อนจะเอามือลง

                   “พี่สีน้ำก็แอบร้ายอยู่เด้อ”

                   “ร้ายยังไง” ฉันรีบหันไปถามแมนที่ยืนแงะขี้เล็บอยู่ ท่าทางมันตอนนี้บอกตามตรงว่าอยากจะประทับฝ่ามือไปที่หลังให้เจ็บแสบไปถึงแกนสมองเสียเหลือเกิน

                   “จะร้ายยังไงละ ก็อยู่ๆ มาขอให้ดูดวงให้ พอถามว่าจะดูเรื่องอะไรก็บอกให้เลือกสีพวงกุญแจสุดแอ๊บแบ๊ว พอแกบอกสีที่เหมาะไปก็ยกอีกตัวหนึ่งเป็นค่าดูดวงให้แบบเนียนๆ เหมือนแกล้งๆ บอกว่าที่พี่ดูดวงเมื่อกี้เป็นแค่ข้ออ้าง ความจริงคืออยากให้ของน้องต่างหากที่เป็นเรื่องจริง”

                   สิ้นเสียงของแมนก็คงไม่ต้องสงสัยว่าจิตใจของเด็กสาวแสนอ่อนโยนอย่างฉันจะหลุดลอยไปไกลแค่ไหน ถึงแม้ก่อนหน้านี้ที่เผชิญหน้ากับรุ่นพี่คนสวยจะไม่ได้ยิ้มออกมาให้เห็นเลย แต่รอยยิ้มหลังจากที่รุ่นพี่กลับไปแล้วดันอยู่ติดหน้าฉันแทบจะตลอดเวลา

                   “บ้าน่า พี่เขาจะคิดแบบนั้นได้ยังไง เขาคงให้เป็นค่าตอบแทนจริงๆ นั่นแหละ”

                   “สวมบทเป็นสาวน้อยใสซื่อแล้วหนึ่ง อย่าไปยืนใกล้มันอีแมน หน้าอีเปาตอนนี้เหมือนคนพร้อมตายมาก หมดห่วงทุกสิ่งอย่าง” 

                   “เวอร์”

                   แคทรีบคล้องแขนแมนแล้วเดินหนีไปทันที โดยที่ก็ทิ้งกระเป๋าของฉันให้ร่วงหล่นลงพื้นอย่างไม่ไยดี

                   “เอ้า แล้วพวกแกจะมาเดินหนีฉันทำไมก่อน”

                   “หมั่นไส้โว้ย”

                   “หมั่นไส้อะไรอีแมน แกอะเป็นคนยุเอง”

                   “ยุก็ส่วนยุ แต่ไม่ได้บอกนี่ว่าจะไม่หมั่นไส้ ไปอีแคท วิ่งหนีมัน ให้มันวิ่งตามเราแบบที่เราวิ่งตามมันก่อนหน้านี้บ้าง”

                   ทันทีที่เพื่อนหนุ่มใจสาวของฉันพูดจบ ทั้งคู่ก็วิ่งหนีสุดชีวิต เว้นเสียแต่...

                   “ใครเดินกลับพร้อมกัน ฉันจะเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวเรือไม่จำกัดจำนวนชาม”

                   “เอ้าอีแมน มึงจะเดินหนีเพื่อนรักอย่างเปาได้ยังไง ไม่ได้เรื่อง!” แคทรีบสาวเท้ากลับมาหาฉัน โดยที่ตอนนี้รอยยิ้มกรุ้มกริ่มของเพื่อนสาวก็พอจะบอกได้ว่าฉันยื่นข้อเสนอที่สุดจะปังแค่ไหน

                   “อีแคท! อีงูสารพัดพิษ!” 

                   “อะธรรมดา คนสวยก็ต้องร้ายงี้แหละ ปะจ๊ะเพื่อนเปา เดี๋ยวเส้นก๋วยเตี๋ยวจะมีไม่ครบ”

                   “ได้สิจ๊ะเพื่อนแคท ให้อีแมนกลับบ้านไปคนเดียว”

                   “มานี่เลย แม่จะฟาดมันทั้งสองตัวนั่นแหละ!”

                   ทันทีที่แมนพูดออกมาเสียงดัง ฉันและแคทก็แหกปากโวยวายวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต แต่เพียงไม่นานเราทั้งสามคนก็พูดคุยถึงเรื่องที่เจอและจบที่ไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยวกันคนละหลายถ้วยก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน

                   

                   แอ๊ด

                   เสียงประตูคอนโดถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของฉันที่เดินเข้ามาในห้องชุดที่ถูกจัดไว้อย่างหรูหรา เป้ที่เคยสะพายไว้อยู่ที่แขนตอนนี้ถูกโยนลงบนโซฟาอย่างแรง โดยที่ขาทั้งสองข้างก็เดินตรงไปที่ตู้เย็น หยิบน้ำในขวดออกมาเทจนเกือบเต็มแก้ว แล้วกระดกลงคอไปในเวลาต่อมา

                   “ร้านก๋วยเตี๋ยวใส่ผงชูรสเป็นถุงเป็นถังแน่ๆ”

                   หลังมือเช็ดหยดน้ำที่มุมปากออกอย่างลวกๆ แรงสั่นของมือถือแรงจนตกใจ มืออีกข้างก็รีบล้วงลงไปที่กระเป๋ากระโปรงเพื่อหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดู

                   “ฮัลโหลค่ะ”

                   [ ถึงบ้านแล้วเหรอเปา ]

                   “ถึงแล้วค่ะ”

                   [ กินอะไรมาหรือยัง ]

                   “เรียบร้อยค่ะ แวะกินก๋วยเตี๋ยวกับเพื่อนมา แล้วแม่ละคะ กินอะไรหรือยัง”

                   [ ยังเลยจ้ะ พ่อเราเขายังคุยธุระไม่เสร็จเลย ไม่รู้จะดึกหรือเปล่า ]

                   “ถ้าดึกอยู่ค้างที่กรุงเทพฯเลยก็ได้นะคะ เปาอยู่ได้”

                   [ ไว้แม่จะโทรบอกนะ ถึงห้องแล้วก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยละ ]

                   “รับทราบค่ะ”

                   [ วันนี้ที่โรงเรียนโอเคใช่ไหม ]

                   “โอเคสิคะ เปาอยู่ได้สบายอยู่แล้ว”

                   [ ดีแล้ว งั้นไว้คุยกันนะลูก แม่ต้องไปร่วมวงคุยด้วยแล้ว ]

                   “โอเคค่ะ อย่าหักโหมนะคะ ถ้าเหนื่อยก็กลับมาให้เปากอด”

                   [ จ้า ]

                   สายถูกตัดสัญญาณลงในเวลาต่อมา มือที่ยังคงถือแก้วไว้ลดระดับลงพร้อมกับวางแก้วไว้ที่เคาน์เตอร์ครัวแล้วเดินไปนั่งบนโซฟา พร้อมกับหยิบรีโมททีวีมาเปิดหาอะไรดู

                   “เบื่อจังแฮะ”

                   ถ้าเป็นตอนที่อยู่เชียงใหม่ เวลานี้ฉันคงเดินไปคุยเรื่องเทียนหอมกับคุณยายเตย หรือไม่ก็เดินไปนวดให้คุณยายมะลิ มันคงเป็นเรื่องเลี่ยงไม่ได้ที่พอไกลจากบ้านเกิดก็จะแอบคิดถึงคนที่เลี้ยงเรามาตั้งแต่เด็ก ถึงแม้ตอนอยู่โรงเรียนฉันจะก๋ากั่นแค่ไหน แต่เมื่ออยู่กับที่บ้านฉันก็จะเป็นอีกคน เป็นเด็กน้อยที่ว่านอนสอนง่าย หรือบางครั้งออกจะดูโตเกินอายุด้วยซ้ำ

                   ฉันอยู่กับครอบครัวที่ดีมากๆ เลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทองที่มีมากมาย ที่ทางและการทำธุรกิจของครอบครัวที่เฟื่องฟู่บอกถึงอนาคตที่ไม่มีวันอดตาย ฉันเป็นหลานสาวเพียงคนเดียว และเป็นหลานที่ถูกหวงแหนมากๆ แต่ความหวงแหนนั้นมักเกิดจากผู้เป็นยายทั้งสองมากกว่า

                   พ่อและแม่ไม่ค่อยมีเวลาแบบที่เคยบอกไว้ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ได้รับความรักอย่างเต็มที่เท่าที่พ่อและแม่พอจะมีให้ได้ เคยดูละครที่นางเอกเกิดมารวยไหมล่ะ ฉันเป็นแบบนั้นแหละ เว้นเสียแต่ช่วงประถมฉันแทบไม่ได้สุงสิงกับใครเลย ไม่มีเพื่อนสนิทด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่คนมีเงินแบบฉันควรจะเป็นคนที่คนอื่นเข้าหาเพราะมีของเล่นใหม่ๆ อยู่เสมอ แต่จะว่าฉันไม่มีใครคบหาซะทีเดียวก็ไม่ใช่ เพราะส่วนใหญ่มาจากฉันนี่แหละที่ผลักไสทุกคนให้ออกไป เพราะรู้สึกสนุกได้ไม่เท่าตอนอยู่กับคุณยาย

                   แต่คุณยายก็บอกฉันเสมอว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม ต่อให้อยู่ด้วยตัวคนเดียวได้มากแค่ไหน สุดท้ายเราก็ต้องมีสังคมเป็นของตัวเอง ไม่ว่าที่ตรงนั้นจะมีคนน้อยหรือมากก็ตาม เอาจริงๆ ตอนที่คุณยายบอกว่าเราเป็นสัตว์สังคมก็แอบหัวเราะในใจอยู่ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็พอเข้าใจว่าการอยู่คนเดียวมันก็มีผลต่อการเรียน อย่างเช่นเวลาที่คุณครูให้จับกลุ่มกับคนในห้อง ฉันมักจะได้ไปอยู่กับกลุ่มผู้ชายที่เป็นเศษเหลือเสมอเพราะคนอื่นมีกลุ่มกันหมด 

                   หลังจากที่หลุดปากเล่าเรื่องที่โรงเรียนให้คุณยายฟัง ท่านก็บอกว่าเมื่อไปอยู่โรงเรียนใหม่ให้ลองทำความรู้จักคนอื่นดูบ้าง เพราะไม่มียายให้คอยเล่นด้วยแล้ว พอได้ยินแบบนั้นฉันก็ตกปากรับคำว่าจะลองหาเพื่อนสนิทในสังคมใหม่ๆ ดู

                   และนั่นทำให้รู้ว่าการมีเพื่อนเป็นเรื่องที่สนุกจริงๆ

                   ติ๊ง

                   เสียงข้อความจาก MSN ดังขึ้น โดยที่ขาทั้งสองข้างก็ลุกขึ้นยืนเพื่อไปนั่งอยู่หน้าโน้ตบุ๊กเครื่องบางทันที

                   Man jub : ถึงบ้านกันยัง

                   Cat_Za : ถึงละ โดนด่าหูชาว่ากลับบ้านช้า

                   Man jub : สม อยากห่วงกินดีนัก

                   Cat_Za : ทานโทษเถอะ หล่อนไม่กินเลยว่างั้น

                   Man jub : อิอิ

                   ยังไม่ทันที่ฉันจะตอบอะไรกลับไป ข้อความจากมือถือก็ดังขึ้นพร้อมกับข้อความของแม่ที่เด่นชัดอยู่หน้าจอฝาพับราคาแพง

                   [ สงสัยคืนนี้ต้องค้างกรุงเทพฯจริงๆ แล้วละ ไม่แน่ใจว่าจะกลับวันอาทิตย์หรือวันจันทร์ เดี๋ยวแม่โทรบอกป้าพรรณให้มานอนกับลูกคืนนี้นะ ]

    `              [ ไม่เป็นไรค่ะแม่ ให้ป้าพรรณมาพรุ่งนี้ก็ได้ ]

                   [ เอาแบบนั้นเหรอ อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม]

                   [ ได้แน่นอนค่ะ กินอะไรมาแล้วด้วยเปาคงไม่ออกไปไหน ไม่ต้องห่วงค่ะ ]

                   ฉันตอบข้อความกลับไปด้วยความรู้สึกที่ไม่ตื่นตูมอะไร นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับการนอนคนเดียว เพราะตั้งแต่ย้ายมาอยู่ชลบุรีฉันก็มักจะอยู่คนเดียวเสมอในคืนแรก แต่คืนถัดไปถ้าพ่อแม่ยังไม่กลับ ก็จะมีป้าพรรณ ป้าแม่บ้านที่ไว้ใจได้จะมานอนค้างด้วยเป็นครั้งคราว

                   Paopanna : ถึงแล้ว แต่แอบเซ็ง

                   Man jub : happy ขนาดนั้นเอาอะไรมาเซ็ง

                   Cat_Za : จริง

                   Paopanna : ไม่ใช่เรื่องพี่สีน้ำสิ

                   ทันทีที่ฉันพิมพ์คำว่าพี่สีน้ำออกไป รอยยิ้มที่หายไปตั้งแต่กลับเข้ามาในห้องก็เด่นชัดขึ้นมาอีกครั้ง

                   Cat_Za : กูพนันเลยว่าอีเปาแอบยิ้ม

                   Man jub : กูพนันด้วย

                   Paopanna : สู่รู้!

                   Man jub : แล้วเป็นไรเซ็งจ๊ะ

                   Cat_Za : 0 x <  (หน้าคนสู่รู้)

                   ฉันหัวเราะให้กับอีโมจิประหลาดของแคทเบาๆ และเริ่มเข้าใจคำว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคมมากขึ้นทีละนิด

                   Paopanna : อยู่บ้านคนเดียวอีกแล้วจ้า

                   Man jub : โอ๊ยอีเปา ถ้าฉันอยู่บ้านแบบแกฉันจะไอเลิฟมาก ไม่มาโอดครางการอยู่คนเดียวแน่นอน

                   Cat_Za : จริง ถึงไม่เคยไปแต่คนเขารู้ทั้งจังหวัดว่าเป็นคอนโดที่แพงที่สุด อิจฉาโว้ย อยากไปอยู่ด้วย

                   Paopanna : งั้นก็มาสิ 

                   และทันทีที่พูดชวนแบบนั้นออกไป เช้าวันเสาร์ของฉันก็ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป เพราะถึงแม้ฉันจะรู้จักแมนและแคทมานานพอสมควรแล้ว แต่ถ้าต้องพาเพื่อนมาห้องแล้วเผยตัวตนที่แท้จริงให้พ่อแม่รู้ก็ออกจะเกร็งไปสักหน่อย เพราะงั้นการชวนเพื่อนทั้งคู่ให้มาที่ห้องในวันที่พ่อแม่ไม่อยู่น่าจะเป็นอะไรที่ลงตัวที่สุดแล้ว

                   แล้วค่ำคืนที่ต้องนอนหลับเพียงลำพังก็ผ่านไป...

                   ฉันลุกออกจากที่นอนตอนเก้าโมงเช้าตรง รีบเก็บผ้าห่มเข้าที่ก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำแปรงฟันอย่างรวดเร็ว เวลาหลังจากนั้นเกือบครึ่งชั่วโมงก็เดินออกมาจากห้องนอนด้วยเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้นสีดำ

                   “สวัสดีค่ะหนูเปา” เสียงของป้าพรรณพูดด้วยรอยยิ้ม โดยที่ฉันก็ส่งยิ้มให้ในทันที

                   “สวัสดีค่า เจอกันอีกแล้ว” ฉันส่งยิ้มไปให้อย่างผู้ที่เป็นมิตรที่สุด

                   “ป้าทำไข่ดาวกับขนมปังปิ้งไว้ให้นะคะ อ้อ แต่ถ้าไม่อยากทานเดี๋ยวป้าผัดข้าวให้ เอาข้าวผัดไหม”

                   “ไม่เป็นไรค่ะ แค่ขนมปังกับไข่ก็พอแล้ว” 

                   “ข้าวกลางวันอยากทานอะไรหรือเปล่า ป้าได้ออกไปเตรียมของเอาไว้ให้” ยังไม่ทันที่ข้าวเช้าจะตกถึงท้องเลยด้วยซ้ำ แต่ป้าแม่บ้านผู้แสนใส่ใจก็ถามถึงเมนูในอนาคตแล้ว สงสัยต้องพูดชมป้าแกให้แม่ฟังบ่อยๆ เผื่อป้าพรรณจะได้เงินมากกว่าที่แม่จ้างไว้สักนิด

                   “เดี๋ยวเกือบๆ เที่ยงเพื่อนหนูจะมาหาค่ะ น่าจะสั่งอะไรมาทานกัน”

                   ป้าพรรณเพียงแค่พยักหน้าให้ด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับไข่ดาวสองฟองและขนมปังสองแผ่นถูกยกมาตั้งไว้ให้ตรงหน้า “แล้วป้าพรรณทานอะไรมาหรือยัง มาทานด้วยกันไหม”

                   “เรียบร้อยแล้วค่ะ หนูเปาทานเถอะ อ้อ มีสลัดผักด้วย คุณแม่กำชับไว้ว่าให้หนูเปาทานผักเยอะๆ”

                   ฉันเพียงแค่พยักหน้าให้ ก่อนจะเอาขนมปังและไข่มาซ้อนทับกัน ใส่ซอสจนเยิ้ม ผักสีเขียวชุ่มช่ำถูกแทรกไปตรงกลาง ขาทั้งสองข้างเดินไปนั่งหน้าโน้ตบุ๊กพร้อมกับเริ่มงับขนมปังในมือไปหนึ่งคำ

                   Paopanna : 11 โมงใช่ไหมจ๊ะ

                   ฉันส่งข้อความผ่าน MSN ไปร่วมห้านาที ก่อนจะมีข้อความของใครสักคนเด้งตอบกลับมา

                   Cat_Za : แต่งตัวอยู่

                   Paopanna : ยังไม่สิบโมงเลย รีบเหรอ

                   Cat_Za : ใช่จ้ะ เตรียมชุดว่ายน้ำไปด้วย

                   Paopanna : เอามาทำไร

                   Cat_Za : ก็ไปว่ายน้ำที่สระคอนโดแกไง

                   Paopanna : ถ้าจะไปก็ไปกับแมนสองคนนะ ฉันขอบาย

                   Cat_Za : ทำมายยยย

                   Paopanna : คนเยอะ วันเสาร์ด้วยเด็กมาเล่นกันเป็นหนอนแน่ๆ

                   Man jub : เขาไม่มีสระแยกหรือไง

                   Paopanna : มี แต่ก็อยู่ใกล้ๆ กัน เสียงดังอยู่ดี ตื่นละเหรอเพื่อนแมน

                   Man jub : เออสิ ข้อความเด้งจนตื่น

                   Cat_Za : อาบน้ำแต่งตัวเลยอีแมน ใครไปถึงคนสุดท้ายเลี้ยงพิซซ่า

                   Man jub : มึงได้เลี้ยงแน่อีแคท!

                   แล้วบทสนทนาก็หายไปพร้อมกับฉันที่รู้ในทันทีว่าคู่นี้คงแข่งกันจริงๆ แต่เชื่อเถอะว่าถึงแม้จะบอกว่าใครถึงช้าเป็นคนเลี้ยง แต่เมื่อทั้งคู่มาถึงจริงๆ

                   “ฉันกับอีแคทมาพร้อมกัน เพราะงั้นเจ้าบ้านเลี้ยง” 

                   ไงละ เพื่อนรักที่แสนประเสริฐ ฉันจะหาเพื่อนแบบนี้ได้จากที่ไหนอีก

                   “ก็ไม่เกินความคาดหมาย”

                   ฉันยกไหล่ให้น้อยๆ พร้อมกับพาเพื่อนทั้งสองคนมาที่ชั้นเกือบบนสุดของคอนโด เสียงคีย์การ์ดดังขึ้นพร้อมกับประตูห้องที่เปิดออก

                   “ก็รู้นะว่าคอนโดหรู แต่นี่ก็เกินไป” แมนพูดพร้อมตื่นตาตื่นใจกับห้องชุดที่ได้เห็น

                   “บ้านแกรวยขนาดไหนกันเปา” แคทเองก็มีอาการไม่ต่างกัน

                   “นะ ไม่รู้สิ อาจจะซื้อทะเลทั้งชลได้”

                   “อีนี่ ได้ทีเอาใหญ่”

                   ฉันหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะเดินนำทั้งคู่ไปที่ห้องนั่งเล่นที่มองเห็นวิวเมืองและวิวทะเลที่อยู่ไกลออกไป

                   “เห็นทะเลด้วยอะ เวอร์วัง” ทั้งคู่เดินไปนั่งอยู่บนโซฟาที่มีทีวีจอใหญ่ตั้งอยู่ “เป็นฉันจะไม่บ่นเลยถ้าต้องอยู่บ้านคนเดียวแต่บ้านคือที่นี่” เสียงแมนพูดก่อนจะส่งสายตาแวววาวมาให้

                   “ดูหนังอะไรไหม เดี๋ยวให้เลือก” ฉันพูดพร้อมเดินไปหยิบกล่องใส่ซีดีมากมายมาให้เพื่อนทั้งสองคนดู

                   “เอาเรื่องนี้” ในทันทีที่ฉันตั้งซีดีให้ทั้งคู่เลือก สิ่งที่ได้มาก็คือการ์ตูนเรื่องโดเรม่อน 

                   “เลือกได้ดี”

                   “มีแต่การ์ตูน และเกือบครึ่งของทั้งหมดนั่นก็คือโดเรม่อน จะให้เลือกอะไร” ฉันทำเพียงแค่หัวเราะออกมาเบาๆ ให้กับเสียงของเพื่อนสาวที่แสนอนาถใจกับซีดีที่เห็น

                   “เดี๋ยวป้าไปทอดนักเก็ตกับเฟรนช์ฟรายส์มาให้นะคะ” เสียงของป้าพรรณพูดพร้อมวางน้ำดื่มไว้ตรงหน้าเพื่อนทั้งสองคน

                   “สวัสดีค่ะ/สวัสดีครับ” แคทและแมนพูดด้วยท่าทางตื่นตกใจ ยกมือไหว้ป้าพรรณอย่างรวดเร็วคล้ายไม่ได้เตรียมใจไว้ว่ามีคนอื่นอยู่ด้วยนอกจากฉัน

                   “คุณป้าของเปานี่สวยจังเลยนะครับ” เสียงของแมนรีบยกยอ พูดจาหวานใส่ป้าพรรณคล้ายสร้างสัมพันธ์ที่ดีในทันที

                   “อุ๊ย ปากหวานจังเลยพ่อหนุ่ม แต่ป้าเป็นแม่บ้านค่ะ ไม่ใช่ป้าของหนูเปาหรอก” ป้าพรรณพูดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับจับหน้าตัวเองเดินหายเข้าไปในครัวอีกครั้ง

                   “โอ้โห มีแม่บ้านอีก” แมนและแคทมองหน้ากันก่อนจะเดินไปนั่งชิดติดโซฟาฝั่งหนึ่ง ทำท่าทางเกร็งจนฉันได้แต่เกาหัวแกร๊กๆ 

                   “ฉันไม่ได้ตดนะ”

                   “เหม็นคนรวย”

                   “จริง” แมนพูดเสริม ส่วนฉันที่กำลังก้มๆ เงยๆ ใส่แผ่นซีดีเข้าไปในเครื่องได้แต่เลิกคิ้วสูง

                   “แล้วทำไม จะเลิกคบกันเพราะฉันรวยเหรอ?”

                   ทันทีที่ฉันพูดคำนั้นออกไป ทั้งคู่ก็หันหน้ามองกันอีกครั้ง ก่อนจะเปลี่ยนท่าทางเป็นนั่งสบายๆ ไขว่ห้างมองตรงมาที่ฉันด้วยสายตาเจ้าเล่ห์

                   “ไม่จ้ะ จะเลิกคบเพื่อนที่มีเงินเลี้ยงเราไปทั้งชีวิตได้ยังไง”

                   “ชั่ว!” ฉันพูดออกไปเสียงดัง ก่อนจะเดินไปนั่งแทรกตรงกลางของสองเพื่อนซี้ “หิวปะ สั่งพิซซ่าเลยไหม”

                   “ใจเย็น ฉันเพิ่งกินข้าวมา อีแคทกินข้าวมายัง”

                   “กินแล้วสิ ไว้เดี๋ยวอีกสักพักค่อยสั่งแล้วกัน”

                   ฉันทำเพียงแค่พยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะเริ่มดูการ์ตูนที่เพิ่งเปิดด้วยท่าทางสนใจแม้จะดูเป็นรอบที่ร้อยแล้วก็ตาม 

                   หลังจากนั้นไม่นานเฟรนช์ฟรายส์และนักเก็ตก็มาตั้งอยู่ตรงหน้าเรา พร้อมกับป้าพรรณที่บอกว่าขอตัวออกไปซื้อพวกขนมมาให้เราทั้งสามคนทาน ฉันจดลิสต์ขนมที่อยากกินไปให้ พร้อมกับนั่งดูการ์ตูนไปจนถึงครึ่งเรื่อง

                   “เออ จะว่าไป” แคทพูดขึ้นก่อนจะหันมามองหน้าฉัน “ฉันเองก็ว่าพี่สีน้ำแปลกนะ”

                   ฉันหน้าเด๋อทันที อะไร…ดูการ์ตูนอยู่ดีๆ ทำไมกลายเป็นคุยเรื่องรุ่นพี่คนสวยได้

                   “แปลกยังไง” ฉันเอ่ยถาม ทำเป็นยกน้ำขึ้นมาดื่ม

                   “ก็ท่าทางเมื่อวาน เหมือนพี่แกจะรู้เลยว่าแกชอบ” ตาที่เคยคุมอาการเริ่มโตมากขึ้นทันที

                   “เอาจริงนะ ถ้าฉันเป็นพี่สีน้ำก็คงรู้ว่าอีเปาชอบ เล่นหลบหน้าตลอด แถมหน้ามันตอนสบตากับพี่เขาก็ไกลเกินคำว่าเกลียดด้วย” แมนพูดเสริม ขยับตัวมานั่งมองหน้าฉัน และตอนนี้ก็กลายเป็นฉันที่ต้องนั่งตัวลีบเพราะโดนคู่นี้ประกบข้างอยู่

                   “มะ ไม่ใช่หรอก พี่เขาจะรู้ได้ไง แล้วอีกอย่างนะเมื่อวานฉันก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกไปนอกจากตอนเจอแล้ววิ่งหนี”

                   “โอ้โหอีเปา อาการแกออกถึงขนาดเด็กสามเดือนมองยังรู้” 

                   “อีนี่ก็เวอร์จัด”

                   “จริง ฉันเห็นด้วยกับอีแมนนะ และถ้าพี่เขารู้ว่าแกชอบก็ยิ่งแปลกไปใหญ่” แคททำเป็นยกน้ำขึ้นมาดื่มบ้าง คล้ายอยากแกล้งให้ฉันอยากรู้จนอกแตกตาย

                   “น้ำหมดแล้วเปา ไปยกมาเสิร์ฟแขกสิ” ทันทีที่แคทพูดแบบนั้น ฉันก็รีบขยับตัวไปใกล้มันก่อนจะใช้มือบีบไปที่แก้มของนังเพื่อนตัวดีทันที

                   “อยากตายซะแล้ว พูดมา! อย่าลีลา!” ทันทีที่ฉันแสดงอาการแบบนั้นออกไป แมนก็หัวเราะออกมาเสียงดังคล้ายชอบใจที่ฉันแสดงอาการออกชัดเจนขนาดนี้

                   แต่จะว่าก็ว่าเถอะ ฉันนี่ก็แก่แดดใช้ได้เลยนะ... 

                   แคทสะบัดหน้าหนีออกจากการจับของฉัน พร้อมอ้าปากกว้างแล้วหุบอยู่สองสามที “ก็ถ้าพี่สีน้ำรู้ว่าแกชอบ แต่ก็ยังเอาของมาให้เนียนๆ แบบนั้น”

                   “.../...”

                   “ งั้นก็แปลว่าพี่เขาก็สนใจแกหรือเปล่า”

                   “สนใจก็ไม่แปลก เจ้าแม่เปาเลยนะเว้ย” แมนรีบพูดแซว

                   “แหม วิ่งหน้าตั้งหลบพี่เขาตลอดขนาดนั้น เขาคงมองว่าแปลกแหละ” ฉันทำเพียงแค่หัวเราะแฮะๆ ออกมากลบเกลื่อน แต่แคทกลับส่ายหน้าไปมาพร้อมกับนิ้วชี้ที่ยกขึ้นคล้ายบอกให้ฉันหยุด

                   “สนใจที่แปลว่า”

                “...”

                “พี่ก็ชอบน้องเหมือนกันนะจ๊ะ”

                เอ๊ะ...

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×