คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : หงุดหงิด
ตอนที่สิบสอง : หงุดหงิด
ส่วนที่ฉัน...ต้องรับผิดชอบ
แล้วอยู่ๆ ร่างของรุ่นพี่สาวก็ทรุดลงนั่งกับพื้น หน้าของเธอแดงก่ำ
“เป็นอะไรไหมคะ แล้วก็ พ..พี่สีน้ำหมายถึงอะไรนะคะ”
“พี่เมา”
“คะ?”
“พี่เมาน่ะ คงต้องนอนพัก เปากลับเองได้ใช่ไหม”
“อะ..อ่อ กลับได้ค่ะ”
“จะกลับเลยหรือเปล่า”
“ก็...ถ้าพี่สีน้ำจะพัก เดี๋ยวเปากลับเลยค่ะ”
“โอเค...กลับได้เลยนะ เดี๋ยวพี่นั่งพักตรงนี้อีกสักหน่อย ห้องพี่ล็อกประตูอัตโนมัติไม่ต้องห่วง”
อ้าว...ไล่กันแบบนี้เลย
“จะไม่ไปนอนดีๆ ก่อนเหรอคะ”
“อื้อ เดี๋ยวรออีกสักแป๊บค่อยลุกน่ะ”
“...”
ฉันหยุดคิด มองท่าทางหมดเรี่ยวแรงของรุ่นพี่สาวที่ตอนนี้ไม่ได้สบตากันอีกแล้ว หัวสมองเริ่มชั่งน้ำหนักทุกสิ่งอย่าง แต่สุดท้ายตัวเองก็เดินไปหยิบกระเป๋ามาคล้องไว้ที่แขนพร้อมกับชุดเดรสตัวเดิมที่รุ่นพี่ใส่ไว้ในถุงกระดาษให้อย่างเรียบร้อย
“งั้นเปากลับก่อนนะคะ”
“กลับดีๆ นะ”
“ค่ะ...”
สถานการณ์ตอนนี้ยังงงๆ แต่ก็เลือกที่จะเดินออกมาจากห้องนอนของคนที่เพิ่งร่ำลากันไป ขาทั้งสองก้าวออกมาที่ประตูห้อง แต่ความรู้สึกกลับรั้งว่าออกมาแบบนี้เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
ฉันควรปล่อยพี่เขาไว้แบบนั้นเหรอ...
ประตูห้องกำลังจะปิดลง และฉันก็รีบพุ่งตัวเข้าไปในห้องอีกครั้ง ความมุ่งมั่นมีเพิ่มมากขึ้นพร้อมกับเห็นหน้าของรุ่นพี่สาวที่เงยหน้ามามองกัน
“ลืมของเหรอ”
“ก็...ลืมสิ่งที่ควรทำน่ะค่ะ”
“สิ่งที่ควรทำ?”
ฉันไม่ตอบอะไรกลับไป แต่เลือกที่จะทิ้งกระเป๋าลงที่พื้นอย่างไม่สนใจ ขาทั้งสองข้างเดินไปหยุดอยู่ที่ด้านหน้าของเจ้าของห้อง ร่างกายย่อตัวลงพร้อมกับช้อนตัวคนร่างเล็กขึ้นมาอุ้มไว้
“ว้าย..”
“ขอโทษที่อุ้มไว้แบบนี้นะคะ แต่ถ้าไม่พาพี่ไปนอนดีๆ เปาคงรู้สึกผิด”
ตัวเธอเบาจัง...
แขนทั้งสองข้างที่ออกกำลังกายมาอย่างหนักหน่วงได้ทำหน้าที่ในวันนี้แล้ว ฉันก้าวเดินอย่างมั่นคง ก่อนจะพารุ่นพี่สาวมานอนบนเตียงกว้างที่อยู่ไม่ไกลจากมุมที่เรายืนดื่มแอลกอฮอล์ด้วยกัน
“ม..ไม่หนักเหรอ”
“เอาตามตรงก็...”
“...”
“หนักค่ะ แต่ไม่เกินกำลัง”
“แข็งแรงจัง...”
แล้วหน้าของรุ่นพี่ก็ซบมาที่อกของฉัน ขาชะงักหยุด หน้าค่อยๆ ก้มไปมองว่าเธอทำอะไรอยู่ แต่สิ่งที่เห็นคือในตอนนี้พี่สีน้ำได้หลับไปแล้ว
สงสัยจะคออ่อนจริงๆ
ฉันวางร่างของเธอไว้บนเตียงอย่างเบามือ ร่างเล็กขยับตัวเล็กน้อยพร้อมกับดวงตาที่ยังคงปิดสนิท หัวใจฉันเต้นแรงพร้อมกับมองหน้าเธอสลับไปมากับนาฬิกาที่แขวนอยู่ที่ฝาผนัง และสิ่งที่ฉันควรจะทำคงเป็นการทดแทนคุณก่อนจะหนีหายกลับบ้านไป
“ขออนุญาตนะคะ”
ฉันพูดในขณะที่มือเริ่มบิดผ้าผืนเล็กในมือ น้ำอุ่นไหลผ่านซอกนิ้วพร้อมกับผ้าที่ถูกลูบไปที่หน้าสวยอย่างเบามือ เจ้าของร่างขยับตัวนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ลืมตาขึ้นมามองกันแต่อย่างใด ฉันยังคงขะมักเขม้นในการเช็ดตัวให้พี่เขาอยู่แบบนั้น พอเห็นว่าคนที่นอนหลับอยู่ดูสบายตัวขึ้น ผ้าห่มผืนหนาก็ถูกดึงมาคลุมไว้ที่ตัว ก่อนจะพยักหน้าให้ตัวเองคล้ายไม่มีอะไรต้องทำแล้ว
“เปากลับก่อนนะคะ ขอบคุณสำหรับวันนี้ค่ะ”
พอร่ำลาคนที่หลับเสร็จ ฉันก็เดินออกมาจากห้องที่อยู่มาทั้งวันพร้อมกับกดเบอร์โทร.หาเพื่อนทั้งสองคนว่ากำลังกลับห้องแล้ว ระหว่างทางก็แวะซื้อเบียร์ที่ร้านสะดวกซื้อก่อนจะตรงเข้าคอนโดที่อยู่ไม่ไกล
พอเดินมาถึงหน้าห้องตัวเองก็เจอเพื่อนทั้งสองคนนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ด้วยท่าทางแสนเบื่อหน่าย
“เอ้า มาไวจัง”
“มาสักที รอจนปวดตูด”
“ฉันเพิ่งบอกว่าจะกลับ ทำไมมากันเร็ว”
“ก็อยู่ร้านข้าวแถวนี้พอดี เลยแวะมาหาเลย”
“อ๋อ ปะ เข้าห้อง”
“นี่แกดื่มมาเหรอ ได้กลิ่นนิดๆ”
“ดื่มมากระป๋องเดียวเอง จมูกหมาปะเนี่ย”
“เอ้านังนี่”
เราทั้งสามคนเดินเข้ามาในห้องที่ไม่มีใครอยู่ แม้จะรู้อยู่แล้วว่าพี่แป้งคงไม่อยู่ แต่ก็อดใจหายไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็รู้สึกดีไปพร้อมๆ กันที่ไม่ต้องคุยอะไรกับพี่เขาถึงเหตุการณ์ทั้งหมด
“แล้วนี่แกไปอยู่ไหนมา”
“ไปอยู่ห้องพี่สีน้ำมา”
“ฮะ/ฮะ”
“ใช่จ้า” ฉันยิ้มเจื่อนๆ พร้อมกับเปิดกระป๋องเบียร์แล้วเดินไปที่ระเบียงห้อง “ฉันก็ไม่รู้ว่าไปบอกพี่เขาตอนไหนว่าให้มารับ แต่พี่เขามารอรับอยู่ที่คอนโดแกเมื่อเช้า”
“ถามจริง” แมนทำหน้าตกใจ ส่วนแคทก็ทำหน้าไม่ต่างกัน “แล้วแกนึกยังไงไปบอกให้คนที่เพิ่งกลับมาเจอกันวันแรกมารับ”
“ก็บอกว่าไม่รู้! จำไม่ได้โว้ย”
“รับบทคนเมาไม่ได้สติแล้วหนึ่ง”
“นะ...”
“แต่ไปอยู่กับพี่เขาดีใช่ไหม หรือไปแบบเครียดๆ” แคทพูดพร้อมนั่งลงบนโซฟา และฉันก็ต้องคอยเงี่ยหูฟังจากระเบียงว่ามันพูดอะไรกัน
“ก็ดีนะ พี่เขาดูแลดี”
“เช่น?”
แล้วบทบรรยายสำหรับการดูแลเอาใจใส่ของพี่สีน้ำที่ทำให้ฉันก็ถูกพูดไปเป็นข้อๆ โดยที่เพื่อนอีกสองคนก็พยักหน้าไป ตกใจไป แล้วก็วี้ดว้ายไป และเชื่อเถอะว่าฉันเองก็อดเผลอยิ้มให้กับการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ของพี่เขาไม่ได้เหมือนกัน
“ก็นั่นแหละ สุดท้ายพี่เขาก็บอกว่าเขาเองก็เป็นส่วนที่ฉันต้องรับผิดชอบ”
“เอ้า ก็ถูกแล้วไหม” แมนพูดพร้อมยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่ม และนั่นทำให้ฉันรีบเดินมานั่งบนโซฟาด้วยทันที
“ถูกบ้าอะไร พี่เขาอาจจะเมาก็ได้ แล้วก็...ถึงฉันจะยังรู้สึกดีๆ อยู่ก็ใช่ว่าจะชอบพี่เขาแบบตอนเด็กๆ”
“แกไม่คิดกลับกันบ้างล่ะ ถ้าสมมติแกเป็นพี่สีน้ำ แล้วตัวเองก็เหมือนโดนคำสาปมาตลอดทั้งชีวิตในเรื่องความรักเพราะคำพูดพล่อยๆ ของรุ่นน้อง แกจะไม่อยากถอนคำสาปนั้นเหรอ แถมแกยังพูดไปว่ามีแค่แกคนเดียวที่สามารถทำให้พี่เขามีความสุขได้อีก พี่เขาจะถามหาความรับผิดชอบก็ไม่แปลก”
“หรือไม่พี่เขาก็เมาจริงๆ” แคทพูดเสริม
“เมาหรือไม่เมาตอนเจอก็คงรู้เองแหละ แต่จากที่ฟังฉันเห็นด้วยนะ”
“...”
“เบี่ยงเบนความสนใจไปที่พี่สีน้ำก็ดีออก ไม่มีอะไรต้องเสียหาย”
ฉันนิ่งเงียบ ก่อนจะยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่มอึกๆ อย่างคิดไม่ตก
“ไม่รู้โว้ย!!!”
แล้วค่ำคืนแห่งความสับสนก็ผ่านพ้นไป ฉันตื่นมาตอนเช้าพร้อมกับร่างกายที่เริ่มรีดเหงื่ออย่างหนักหน่วง ไม่ได้ออกกำลังกายมาหลายวันหลังจากที่มีเรื่องกับพี่แป้งไป เพราะงั้นวันนี้เลยต้องทดแทนสักหน่อย ฉันใช้เวลาอยู่ที่ฟิตเนสบนห้างหรูใกล้ๆ กับคอนโดเกือบๆ สองชั่วโมง พอร่างกายเริ่มปลอดโปร่งเบาหวิวก็เดินกลับมาที่คอนโดตัวเอง เริ่มอาบน้ำแต่งตัวเข้าร้านแบบทุกที
แต่ทว่า...
เมื่อมาถึงร้านกลับเจอรุ่นพี่คนสวยที่เดินไปเดินมาดูเทียนหอมด้วยความตั้งใจ ขาที่เคยก้าวเดินอย่างมั่นอกมั่นใจก็เริ่มช้าลงทันที ฉันแอบมองพี่เขาอยู่ที่มุมหนึ่งของหน้าร้าน มีความลังเลว่าจะเข้าไปทักหรือจะวิ่งหนีดี แต่สิ่งที่ฉันตัดสินใจทำกลับเป็นการหยิบมือถือขึ้นมาส่งข้อความหาเพื่อนสนิทที่เพิ่งกลับไปเมื่อเช้า
[ ฉุกเฉินๆ! พี่สีน้ำอยู่ที่ร้านฉัน ]
แต่ข้อความนั้นกลับไม่มีใครเปิดอ่านเลย
“ทำไมไม่อ่านกันเนี่ย!” ฉันสบถออกมาเบาๆ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับเห็นรุ่นพี่กำลังเดินออกมาจากร้าน
ไม่อยู่แล้ว!!!
ขาเตรียมจะวิ่งหนีไป แต่เสียงของคนที่อยู่ด้านหลังกลับดังขึ้นมาทันที
“เปา”
ฉันชะงัก หลับตาปี๋ก่อนจะพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ “อ้าวว..พี่สีน้ำ มาซื้อเทียนหอมเหรอคะ”
“เปล่าหรอก”
“...”
“มารอเปาน่ะ”
“มารอเปาเหรอคะ”
“อื้อ คุยกันที่อื่นดีกว่า”
แล้วอยู่ๆ เธอก็จับแขนฉันไว้คล้ายไม่ให้หนีอีกแล้ว ร่างเล็กออกแรงนิดๆ ดึงรั้งให้ฉันเดินตามไป และไม่นานเราก็มาอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“สั่งอะไรไหม” เธอถามขึ้นในขณะที่เปิดเมนูอาหารดู หน้าตาของพี่เขาบอกไม่ได้ด้วยซ้ำว่าคิดอะไรอยู่
“เอา...เอ่อ พี่สีน้ำสั่งอะไรคะ”
“สั่งเป็นกับข้าวดีไหม ที่นี่แกงส้มชะอมกุ้งกับน้ำพริกปลาทูอร่อย”
“ได้ค่ะ”
แล้วพี่สีน้ำก็จัดแจงสั่งอาหารไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับความเงียบที่แทรกซึมเข้ามา ฉันพยายามกดมือถือดูว่าข้อความที่ส่งหาเพื่อนสนิทมีใครอ่านหรือยัง แต่ทุกอย่างก็ยังคงเดิม ไม่มีใครแสดงความคิดเห็นเลย
“พี่เข้าเรื่องเลยนะ”
“คะ?”
ฉันรีบเงยหน้ามองพี่เขา มือถือที่อยู่ในมือถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะ สายตาของพี่สีน้ำดูลังเล แต่ก็มุ่งมั่นสลับกันไปมา ส่วนฉันในตอนนี้ก็หายใจได้ไม่ทั่วท้องเลยสักนิด
“จริงๆ แล้วเมื่อวานที่พี่พูดออกไปมันมีความเมาแฝงอยู่น่ะ”
ฉันกะพริบตาปริบๆ หัวใจหล่นวูบคล้ายผิดหวังอย่างที่ตัวเองไม่ได้คิดไว้ว่าจะเป็น แต่ถึงอย่างนั้นก็แอบโล่งใจที่จะไม่ต้องสับสนเรื่องข้อเสนอที่พี่เขาพูดไว้แล้ว
“อ๋อ แบบนี้นี่เอง เข้าใจค่ะ พี่สีน้ำคงไม่พูดอะไรแบบนั้นหรอก” ฉันทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อนความรู้สึกแปลกๆ ที่แทรกเข้ามา แต่พี่เขากลับไม่ได้ยิ้มหรือหัวเราะตามเลย
“แต่ก็ไม่เชิงเมาซะทีเดียว”
“เอ๊ะ...” แล้วอยู่ๆ หัวใจฉันก็เกิดตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง ให้ตายเถอะ! หัวใจจะระเบิดออกมาแล้ว!
“ก็...จะว่าไงดี” เธอทำหน้าคิด ปากเริ่มเม้มเข้าหากัน “ความเมาทำให้พี่วู่วามพูดออกไปก็จริง แต่ก็ไม่ผิดกับสิ่งที่คิดเท่าไร”
“...”
“เอาตรงๆ เลยนะเปา คบกับพี่ไหม”
“คะ!” เสียงของฉันดังลั่นร้าน และนั่นทำให้ตัวเองรีบยกมือขึ้นปิดปากไว้ทันที
“เบาๆ สิ คนมองหมดแล้ว”
“พี่สีน้ำว่าอะไรนะคะ”
“พี่บอกว่าเปามาคบกับพี่ไหม ไม่สิ แกล้งคบกับพี่”
ฉันมองหน้ารุ่นพี่อย่างคนที่ปะติดปะต่อเรื่องไม่ได้ หัวสมองเริ่มเบลอพร้อมกับหลังที่นั่งชิดติดเก้าอี้อย่างคนที่ตั้งตัวไม่ทัน
“พี่อาจจะพูดสั้นไป จริงๆ แล้วมีคนคนหนึ่งตามจีบพี่อยู่น่ะ แล้วพี่ก็ไม่ได้ชอบเขา แต่ก็ต้องเจอกันบ่อยๆ แบบ...เราทำงานด้วยกัน ส่วนพี่เองก็ต้องคอยทีเล่นทีจริงกับเขาไว้เพราะหมอที่คลินิกไม่พอ จะให้ปฏิเสธตรงตัวทั้งๆ ที่ไม่มีใครเลยก็ไม่ได้ หรือจะให้ยอมทีเล่นทีจริงไปตลอดพี่ก็อึดอัด เพราะงั้นพี่เลยอยากจะให้เปา..”
“แป๊บหนึ่งค่ะพี่สีน้ำ” ฉันยกมือขึ้นห้ามไม่ให้พี่เขาพูดต่อ ลมหายใจถูกสูดเข้าไปเต็มปอดก่อนจะค่อยๆ ผ่อนออกมา “พี่สีน้ำหมายถึงให้เปาแกล้งๆ คบพี่เพื่อไม่ให้อีกคนหนึ่งจีบเหรอคะ”
“อื้อ แบบนั้นแหละ”
“แล้ว...ทำไมต้องเป็นเปาคะ”
“ก็ที่มีคนเข้ามาแล้วพี่ไม่ถูกใจนี่ไม่เกี่ยวกับคำทำนายของเปาเหรอ”
“ก็...อาจจะไม่เกี่ยวก็ได้”
“แต่ก็อาจจะเกี่ยวก็ได้”
“...”
“แบบที่พี่พูดไว้ พี่ไม่เคยสมหวังกับคนที่รักเลย แถมคนที่ดูจะรักพี่จริงๆ พี่ก็ไม่เคยชอบเขา เพราะงั้นอาจจะเป็นคำทำนายของเปาในตอนนั้นก็ได้ที่ทำให้พี่เป็นแบบนี้ แล้วอีกอย่าง...เปาเองก็กำลังตัดใจจากแป้งอยู่ไม่ใช่เหรอ ไม่มีอะไรที่เหมาะสมเท่านี้แล้ว เราได้ประโยชน์ทั้งคู่เลยนะ”
“...”
“อ้อ แล้วพี่ก็ยังยืนยันคำเดิมว่าเปามีส่วนต้องรับผิดชอบ เปาเป็นคนพูดเองนี่ว่ารู้ทั้งรู้ว่าการเกิดขึ้นจริงจะมีเปอร์เซ็นต์สูง แต่เปาก็ยังพูด”
“เอ่อ...” ฉันยังคงนิ่งอึ้ง ความรู้สึกที่เหมือนว่าพี่เขาชอบฉันกลับกลายเป็นอีกอย่างไปอย่างงงๆ หัวสมองตื้อไปหมด พร้อมกับข้อความจากมือถือที่เด้งเตือนขึ้นมา
[ กลับไปหาพี่สีน้ำเลยเพื่อนรัก พี่เขาดูแลดีฉิบหาย เผลอๆ เซ็กซ์อาจจะดีด้วยก็ได้ ]
แล้วเหมือนความลังเลในอกก็ถูกเติมเต็มด้วยคำพูดของเพื่อนคล้ายย้อนวันวานกลับมาอีกครั้ง
“พี่สีน้ำจะไม่มีปัญหากับพี่แป้งเหรอคะ”
“เปาเลิกกับแป้งแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ก็ใช่ค่ะ แต่พี่แป้งก็เป็นเพื่อนพี่”
“มันคนละส่วนกันนะ พี่คิดว่าแป้งแยกแยะได้”
“แต่พี่แป้งอาจจะไม่ปล่อยเปาไปง่ายๆ”
“เชื่อสิว่าพี่เอาอยู่ เผลอๆ แป้งก็อาจจะต้องปล่อยเพราะคนคนนั้นของเปาคือพี่ก็ได้”
“คะ?”
“แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพี่ให้เปาตัดสินใจนะ ถึงพี่จะพูดแกมบังคับ แต่ถ้าเปาไม่โอเคจริงๆ ก็ผ่านได้เลย พี่เข้าใจ ของแบบนี้ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ”
ในขณะที่พี่เขาพูดออกมาด้วยท่าทางสบายๆ แต่ฉันกลับตามพี่เขาไม่ทันสักนิด สรุปแล้วนี่คือการบังคับหรือไม่ได้บังคับนะ ฉันมองหน้าเธอนิ่ง และในจังหวะนั้นรอยยิ้มของคนที่มองกันก็เด่นชัดขึ้นมา
“หน้าเครียดเชียว”
ทำไมทุกครั้งที่เห็นพี่เขายิ้ม ฉันถึงได้สบายใจขึ้นตลอดเลยนะ
แต่ถึงอย่างนั้นการโฟกัสหน้าสวยของคนตรงหน้าก็ต้องหยุดลง เพราะอาหารเริ่มนำมาเสิร์ฟ ฉันไม่ได้พูดอะไรต่อแม้ในหัวจะยังคิดไม่ตก เราทานอาหารกันไปด้วยความเงียบ ซึ่งก็เงียบจนเราทานข้าวตรงหน้าหมด
“พี่กลับร้านก่อนนะ ส่วนคำตอบไม่ต้องเครียดหรอก สบายๆ”
สบายก็แย่แล้ว...
ฉันคิดออกมาพร้อมกับมองตามร่างของรุ่นพี่คนสวยที่เดินหายเข้าไปในคลินิก สมองยังคงหนักอึ้ง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้การทำงานในวันนี้ลดประสิทธิภาพลง กว่าจะรู้ตัวเวลาก็ผ่านพ้นไปจนถึงเวลาจะปิดร้านแล้ว ฉันยังคงนั่งเช็กบัญชีอยู่แบบนั้นคล้ายรู้สึกว่าทำอะไรสักอย่างตกหล่นไป
พี่เขากลับหรือยังนะ...
แล้วร่างกายก็ทำเป็นบิดขี้เกียจยืดคอมองตรงไปที่ร้านทำฟันตรงหน้า ไฟในร้านยังไม่ปิด แสดงว่ายังไม่กลับ อือ...เข้าไปทักทายสักหน่อยดีไหมนะ
ยังไม่ทันที่ความคิดนั้นจะได้คำตอบ ไฟในร้านฝั่งตรงข้ามก็ปิดลง พร้อมกับร่างผู้ช่วยสองสามคนเดินออกมา โดยมีร่างของรุ่นพี่ที่ฉันนึกถึงอยู่เดินออกมาด้วย รอยยิ้มที่ไม่ได้เผยออกมาค่อยๆ เด่นชัดขึ้น ฉันรีบเก็บข้าวของใส่กระเป๋าคล้ายทำทีเป็นเลิกงานพร้อมกัน ไฟในร้านถูกปิดลงพร้อมกับสมุดบัญชียังคงเปิดอ้าค้างไว้ ขาทั้งสองข้างรีบเดินไปล็อกประตูร้านเพื่อตามร่างของรุ่นพี่ให้ทัน แต่ดูเหมือนพี่เขากำลังเดินกลับกับใครบางคนอยู่
“ไปหาอะไรทานกันไหมคะ” เสียงของคนที่อยู่ข้างกายพี่สีน้ำดังขึ้น เธอเป็นผู้หญิงร่างสูงโปร่ง ซึ่งน่าจะสูงเกือบถึงฉัน ทรงผมถูกตัดสั้นจนไม่แน่ใจว่าเป็นทอมบอยหรือแค่ผู้หญิงแมนๆ เพราะเห็นแค่ด้านหลัง แต่การแต่งตัวและท่าเดินที่ทะมัดทะแมงก็คงบอกได้ไม่ยาก
“เรายังอิ่มอยู่เลยอะ เหนื่อยมากด้วย”
“แต่ใหม่อยากไปทานข้าวกับเปนี่นา ไปด้วยกันหน่อยไม่ได้เหรอ อุตส่าห์รอตั้งนาน”
“เราก็บอกใหม่แล้วว่าให้กลับก่อนเลย วันนี้คนไข้เรามาช้า”
“น่านะ ไปด้วยกันหน่อย แล้วใหม่จะตั้งใจทำงาน”
บทสนทนาของทั้งคู่อยู่ในหูของฉันอย่างชัดแจ๋ว อาจจะเป็นเพราะเวลาตอนนี้ห้างไม่มีเสียงอะไรแทรกเข้ามาเลยนอกจากเสียงพูดของทั้งสองคน
“เอางานมาอ้างอีกแล้วนะ”
“ก็อ้างเพื่อให้เปไปกับเราเท่านั้นแหละ”
หรือว่าเธอคือคนที่พี่สีน้ำบอกว่าตามจีบ...
“ก็ได้ แต่แค่แป๊บเดียวนะ เราเหนื่อยมากเลย”
“โอเคครับ! งั้นไปรถใหม่นะ”
“อื้อ”
หัวใจฉันกระตุก ความหงุดหงิดที่อยู่ๆ ก็แทรกซึมเข้ามาอย่างไม่รู้ตัว จากตอนแรกที่แค่เดินตามมาเฉยๆ ก็เริ่มเร่งความเร็วมากขึ้น ทั้งสองคนยังคงคุยกันงุ้งงิ้งน่าหมั่นไส้ และ...
“เลิกงานแล้วเหรอคะพี่สีน้ำ!”
เสียงของฉันดังขึ้นมาอีกระดับ ตัวรีบยืนดักด้านหน้าของทั้งสองคนเอาไว้ พี่สีน้ำมีอาการตกใจ
“อ้าวเปา พี่คิดว่ากลับไปแล้ว”
“จะกลับได้ยังไงละคะ ในเมื่อเปารอพี่อยู่”
“รอพี่เหรอ?” พี่สีน้ำทำหน้าตกใจ และนั่นทำให้ฉันหันไปหาแม่สาวทอมบอยที่ยืนอยู่ข้างๆ ทันที
“วันนี้พี่สีน้ำคงไปทานข้าวด้วยไม่ได้แล้วนะคะ”
“นี่ใครเหรอเป...” เธอหันไปถามพี่สีน้ำด้วยความสงสัย โดยที่รุ่นพี่สาวก็ทำท่าอ้ำอึ้งคล้ายไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไงดี
“อ๋อ...รุ่น”
“ชื่อเปาค่ะ” ฉันพูดแทรกรุ่นพี่คนสวย ก่อนจะยกยิ้มให้อย่างกวนประสาท
“เป็นแฟนของพี่สีน้ำ”
ความคิดเห็น