คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ส่วนที่ต้องรับผิดชอบ
ตอนที่สิบเอ็ด : ส่วนที่ต้องรับผิดชอบ
ร่างของพี่สีน้ำเดินนำขึ้นมาที่คอนโดแห่งหนึ่ง ซึ่งคอนโดนี้อยู่ตรงข้ามกับคอนโดฉันเลย อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น และทันทีที่เข้ามาในห้องกลิ่นของน้ำมันหอมระเหย The Devil ก็หอมฟุ้งจนต้องหลับตาเพื่อรับสัมผัสที่คุ้นเคยนี้ พอซึมซับจนพอใจก็เริ่มมองว่าจากห้องพี่เขาสามารถมองเห็นห้องของตัวเองได้ไหม และดูเหมือนเราจะมองกันได้ แม้สองช่วงตึกจะไกลกันมากก็ตาม แต่ก็นะ...ถ้ามองกันคงเหลือตัวเท่ามด
“ห้องเปาก็อยู่แถวนี้นะคะ”
“จริงเหรอ” เธอพูดพร้อมเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นมาเทใส่แก้วให้ รอยยิ้มบางๆ ส่งมาก่อนจะพาฉันไปนั่งบนโซฟาสีขาวที่ตั้งอยู่กลางห้อง
“ขอบคุณค่ะ” ฉันเอ่ยขอบคุณพร้อมกับยื่นมือไปรับแก้วน้ำนั้นมาดื่มคล้ายกลัวว่าถ้าตั้งไว้เฉยๆ จะเสียน้ำใจจากคนที่อุตส่าห์ต้อนรับอย่างดี
“เปาจะอาบน้ำเลยไหม เดี๋ยวพี่ไปหยิบชุดมาให้”
“ได้ค่ะ”
“อยากเลือกเองไหม”
“พี่สีน้ำเลือกให้เลยก็ได้ค่ะ เดี๋ยวเปาคงอยู่ไม่กี่ชั่วโมง”
“โอเค งั้นรอแป๊บนะ” ทันทีที่พูดจบ ร่างของคุณหมอก็เดินหายเข้าไปในห้องนอน
“ปวดหัวชะมัด”
ดวงตาค่อยๆ ปิดลงเมื่อความเย็นจากเครื่องปรับอากาศเริ่มทำงานมากขึ้น ความเหนื่อยล้าต่างๆ เหมือนได้รับการผ่อนคลาย โซฟาที่ห้องพี่เขานิ่มจัง หรือไม่...อาจจะเป็นเพราะเมื่อคืนเผลอหลับไปที่ระเบียงห้อง เพราะงั้นการนอนอยู่บนโซฟานี้เลยดูสบายขึ้นมาก
ไม่อยากกลับไปเจอพี่แป้งเลย...พอคิดถึงเรื่องของเธอคนนั้น น้ำตาที่เหือดหายไปก็ค่อยๆ ไหลออกมาอีกครั้ง มือทั้งสองข้างรีบปาดน้ำตาทิ้งคล้ายกลัวว่าใครอีกคนจะมาเห็น
ถึงแม้เราจะเคยทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้กลับเป็นการเป็นทะเลาะที่หนักหนาที่สุด ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย ทำไมทุกอย่างถึงจบที่ฉันสติแตกได้นะ อยากจะลุกออกไปสูบบุหรี่ให้คลายความเครียด แต่ห้องนี้กลับเป็นห้องที่ไม่มีระเบียง แถมการมาสูบบุหรี่ในห้องคนอื่นก็คงเป็นเรื่องที่ไม่ดีเท่าไร เพราะงั้นสิ่งที่พอจะทำได้คงเป็นการกลั้นน้ำตาเอาไว้ แล้วหลับตาอยู่แบบนั้น
ตอนนี้ไม่รู้แล้วว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร และในหัวก็เริ่มมีภาพนั้นภาพนี้เข้ามาอย่างต่อเนื่องคล้ายคนที่ฝันอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นกลับรู้สึกสบายตัวอย่างบอกไม่ถูก มีความอุ่นกระทบร่างกายพร้อมๆ กับความเย็นสลับกันไปมา และนั่นทำให้ดวงตาที่ปิดอยู่ค่อยๆ เปิดออก
“ตื่นแล้วเหรอ...” เสียงทักทายจากผู้หญิงแปลกหน้าดังขึ้น และเมื่อตั้งใจมองถึงได้รู้ว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของรุ่นพี่ที่ฉันขอมาอาศัยอยู่ชั่วครู่
“เปาหลับไปเหรอคะ”
“อื้อ หลับไปหลายชั่วโมงแล้วละ เห็นท่าทางเปาเหนื่อยๆ พี่เลยไม่ได้ปลุก” เธอพูดพร้อมเอาผ้าขนหนูผืนเล็กวางไว้ในกะละมังสีขาวขุ่น
ฉันจ้องมองทุกอย่างพร้อมกับกะพริบตาปริบๆ มือยกขึ้นลูบไปบนหน้าของตัวเอง พร้อมกับรับรู้ความอุ่นจากคราบน้ำที่มีอยู่เพียงเล็กน้อย ส่วนร่างกายก็มีผ้าห่มผืนนิ่มมาคลุมตัวไว้ และนั่นทำให้รู้ว่าตลอดการนอนหลับของฉันมีใครบางคนคอยดูแลอยู่
“ขอโทษที่ถือวิสาสะเช็ดตัวให้นะ เห็นเปาหลับไปทั้งแบบนั้นกลัวจะไม่สบาย อ้อ พี่เช็ดแค่แขนกับหน้าเท่านั้นแหละ รอบนี้ไม่ได้ไปอยู่ในตำแหน่งแปลกๆ”
“...”
“แต่เว้นหัวเข่าที่เป็นแผลไว้สักที่นะ รอบนี้เปาก็ได้แผลมาอีกแล้ว” เธอพูดพร้อมรอยยิ้มที่ยังคงแต่งแต้มอยู่ไม่จางหายไปไหน “พี่เลยทำความสะอาดให้ แล้วก็ใช้ปลาสเตอร์แบบกันน้ำแปะอีกที ตอนอาบน้ำเปาจะได้ไม่เจ็บแผล คงเจ็บน่าดูเลยใช่ไหม ถ้าปวดเยอะๆ หรืออักเสบก็ไปหาหมอนะ”
“...”
“อีกอย่าง...พี่ลงไปซื้อแปรงสีฟันกับของกินมาให้แล้ว ถ้าหิวก็เข้าไปอาบน้ำแล้วออกมาทานได้เลย เดี๋ยวระหว่างเปาอาบน้ำพี่จะอุ่นของไว้ให้”
ฉันยังคงจ้องมองคนที่พูดยาวเหยียดอยู่แบบนั้น อาการปวดหัวหายไปแล้ว แต่สิ่งที่ยังอยู่คงเป็นน้ำตาที่ค่อยๆ เอ่อล้นเต็มขอบตา ไม่ได้อยากร้องไห้ให้เธอเห็นเลย แต่ทุกสิ่งที่พี่เขาทำกลับเป็นเรื่องที่ไม่เคยได้รับจากคนที่รัก ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ฉันไม่สบายหรือป่วย การดูแลเอาใจใส่แบบนี้ก็ไม่เคยเกิดขึ้นเลยสักครั้ง
“ป..เปา”
“คะ...”
“รู้สึกไม่ดีที่พี่เช็ดตัวให้เหรอ พี่ไม่ได้ตั้งใจทำให้เปารู้สึกไม่ดีนะ แค่..”
“เปล่าค่ะ ไม่ใช่แบบนั้นหรอก”
“แต่เปาร้องไห้...”
“เป็นเรื่องที่ดีน่ะค่ะ...” ฉันเม้มปากแน่น พยายามกลั้นน้ำตาเอาไวให้ได้มากที่สุด “เพราะดี เปาถึงได้ร้อง”
“...”
“ทำไมการดูแลเอาใจใส่แบบนี้ถึงไม่เกิดขึ้นกับคนที่เรารักเหรอคะ ทำไมคนที่ดีกับเปาถึงเป็นคนที่เปาเคยทำเรื่องไม่ดีไว้”
ฉันในตอนนี้อ่อนแอแค่ไหนกันนะ...
“เรื่องอะไรที่เปาว่าทำไม่ดีไว้เหรอ”
“เปาพูดแบบนั้นออกไป เปาใช้อารมณ์เด็กๆ พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าเปอร์เซ็นต์การเกิดขึ้นจริงจะสูงมาก แต่เปาก็ยังทำเพื่อให้ตัวเองได้ผลประโยชน์”
“...”
“ถึงที่ผ่านมาเปาจะไม่รู้ว่าพี่สีน้ำได้เจอความสุขไหม แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าพี่ไม่เจอความสุขจริงๆ ล่ะ จะเป็นยังไง” ตอนนี้ฉันมองหน้าเธอไม่ชัดด้วยซ้ำ น้ำตายังคงไหลออกมาจนน่าหงุดหงิด แถมเรื่องที่คิดว่าจะปิดตายก็ดันพูดออกมาเองซะหมด
“ยังจำเรื่องนั้นได้ด้วยเหรอ ผ่านมาเป็นสิบปีแล้วนะ”
“แล้วพี่สีน้ำจำได้ไหมคะ...”
“จำได้สิ”
“...”
“แต่ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องไม่ดีหรอกนะ” เธอพูด จากที่ตั้งใจจะเดินไปเก็บของก็เริ่มวางทุกสิ่งลง ร่างเล็กเดินมานั่งข้างฉันด้วยรอยยิ้มบางๆ
“แล้ว...ที่ผ่านมา พี่สีน้ำมีความสุขดีใช่ไหมคะ”
“มีสิ ความสุขของคนเราไม่จำเป็นต้องมีแต่เรื่องความรักนี่”
“แล้วโกรธเปาหรือเปล่า”
“โกรธสิ”
“...”
“โกรธที่เปาหายไป พี่ไม่เคยได้รับคำตอบเลยว่าทำไมถึงบอกกันแบบนั้น ยิ่งช่วงวัยรุ่นที่ไม่เคยสมหวังเรื่องความรักก็ยิ่งอยากหาเปาให้เจอแล้วลองถามดูว่ามีวิธีแก้ไขไหม แต่ไม่ว่าจะลองหายังไงก็ไม่เคยเจอเลย จนเริ่มเรียนหนัก เริ่มทำงาน เริ่มมีสังคมมากมายที่ต้องเข้าหา อะไรๆ ก็เปลี่ยนไปจากตอนเด็กๆ ที่อยากมีแฟนหรือใครสักคน พอเลิกหวังไปแล้วก็ได้เจอกับคนที่พอจะให้คำตอบได้ แต่ก็นั่นแหละ...พี่คงไม่ได้ใจร้ายถึงขนาดที่จะถามเรื่องของตัวเองกับคนที่นั่งร้องไห้อยู่แบบนี้หรอก”
“...”
“เปาเองชีวิตรักก็ไม่ได้ดีใช่ไหมล่ะ เพราะงั้นไม่ต้องห่วงเรื่องในอดีตของพี่หรอก ห่วงตัวเองก่อนก็พอ”
เสียงอ่อนโยนถามขึ้นพร้อมกับหัวใจที่ค่อยๆ เจ็บร้าวอย่างบอกไม่ถูก น้ำตาที่ไหลอยู่แล้วก็ยิ่งไหลออกมามากขึ้น มือเริ่มสั่นจนต้องกำมือไว้แน่น จากที่เคยพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ก็ปล่อยให้ทุกความรู้สึกดำเนินต่อไป มือทั้งสองข้างยกขึ้นปิดหน้าแล้วร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
“เปา..ขอโทษค่ะ ฮือ...”
“ไม่เป็นไรนะ...ไม่เป็นไร พี่ไม่ได้โกรธแล้ว”
มือของรุ่นพี่ค่อยๆ ลูบมาที่หลังของฉันช้าๆ เธอไม่ได้พูดอะไรออกมา นอกจากนั่งอยู่ข้างกันและสัมผัสที่คอยปลอบโยนคล้ายเข้าใจความรู้สึกของรุ่นน้องเป็นอย่างดี ฉันสามารถกล้าที่จะตามใจความรู้สึกของตัวเองได้แบบที่ไม่ต้องกังวล ที่ผ่านมาฉันไม่เคยแสดงออกให้ใครเห็นเลยนอกจากแคทและแมน แต่ตอนนี้มีใครอีกคนที่สามารถทำให้ตามใจตัวเองเพิ่มขึ้นมาแล้ว
“อย่าใจดีกับเปาเลยค่ะ”
“แต่พี่เป็นคนใจดีนะ”
รอยยิ้มของเธอยังคงบางเบาและปลอบโยนกัน สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้มีแค่มือเล็กที่คอยลูบหลังให้กันอยู่ตลอดเวลา และเมื่อการร้องไห้ดูเบาบางลง เธอก็ลุกขึ้นไปเตรียมอาหารให้พร้อมกับบอกให้ฉันไปล้างหน้าล้างตาจะได้สดชื่นขึ้น
ฉันทำตามที่พี่เขาบอก พร้อมกับแรงสะอื้นที่ยังคงหลงเหลืออยู่ แม้จะหยุดร้องไปแล้วก็ตาม
เสื้อยืดและกางเกงขายาวถูกแขวนไว้ให้ที่ราวในห้องน้ำ แปรงสีฟันถูกตั้งไว้พร้อมกับยาสีฟันที่ถูกบีบไว้ให้เสร็จสรรพ ฉันหวั่นไหวกับการทำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ นี้เสมอ เพราะไม่เคยได้รับจากคนที่รักเลย แต่ถึงอย่างนั้นคำถามบางอย่างก็แทรกเข้ามา ฉันไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวเพราะตัวเองกำลังเสียใจอยู่ใช่ไหม?
พอคิดได้แบบนั้นก็รีบเปิดฝักบัวปล่อยให้น้ำไหลผ่านตั้งแต่หัวลงไป พอความอุ่นจากน้ำเริ่มแทรกซึมเข้ามา ความหนักอึ้งก็ดูเบาบางลง ฉันไม่ชอบตัวเองเวลาแบบนี้เลย เพราะเมื่อไรที่เสียใจอาการคิดมากก็จะเริ่มเล่นงานจนไม่สามารถหลุดพ้นไปได้ง่ายๆ
ฉันใช้เวลาอาบน้ำอยู่ร่วมชั่วโมง ซึ่งการใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนั้นแทบเรียกว่าอาบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เพราะเอาแต่นั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำแล้วปล่อยให้น้ำไหลผ่านตัวไปแบบนั้น พอคิดได้ว่ามาใช้น้ำของคนอื่นอย่างอิสระมากเกินไป การหมกตัวอยู่ในห้องน้ำก็จบลง
เสื้อผ้าของรุ่นพี่ถูกนำมาสวมใส่ ช่วงตัวและช่วงสะโพกเราใส่ด้วยกันได้ เว้นแต่ขากางเกงที่เต่อขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ฉันรีบเดินออกมาจากห้องน้ำที่มีร่างของรุ่นพี่จัดเตรียมอาหารให้อยู่ แต่ครั้งนี้เธอไม่ได้วางของกินไว้ที่โต๊ะหน้าโซฟาแบบที่คิดไว้ แต่เลือกที่จะเตรียมของไว้บนพรมริมกระจกที่คล้ายเป็นมุมนั่งเล่นอะไรแบบนั้น วิวนอกกระจกใสบานใหญ่ทำให้เห็นสวนสาธารณะที่ขั้นคอนโดของเราสองคนไว้ ฉันเดินไปใกล้รุ่นพี่ก่อนจะนั่งลงบนพรมที่ถูกปูไว้อย่างดี
“ขากางเกงนี่เต่อไปจริงๆ ด้วย ใส่ได้ใช่ไหม”
“ใส่ได้ค่ะ โอเคเลย”
“อื้อ งั้นดีแล้ว”
“เราจะไม่ทำให้อาหารเปื้อนพรมสวยๆ นี่เหรอคะ”
“ก็อย่าทำให้เปื้อนสิ”
“...”
“ล้อเล่น พี่เอาผ้ามาปูไว้แล้ว แต่ถ้าเปื้อนก็ช่วยกันเอาไปซัก ดีไหม?” รอยยิ้มของเธอทำให้ความสบายใจเพิ่มมากขึ้นอย่างหาสาเหตุไม่ได้ ฉันส่งยิ้มบางๆ ไปให้ ก่อนจะตอบกลับคำถามนั้น
“ได้ค่ะ”
“ไม่คิดเลยเหรอ”
“เห็นแบบนี้เปาเป็นคนมีความรับผิดชอบนะคะ”
“อื้อ...เชื่อนะ จากการดูร้านและความใส่ใจต่างๆ ดูมีความรับผิดชอบจริงๆ นั่นแหละ”
ฉันไม่ได้ตอบอะไรกลับไป นอกจากมองอาหารที่ถูกวางไว้ด้านหน้า ข้าวหน้าเนื้อย่าง สลัดแซลมอน และน้ำ...น้ำอะไรนะ พอคิดได้แบบนั้นก็ยกแก้วขึ้นมาดื่ม พร้อมกับรับรู้รสชาติที่บ่งบอกถึงเมนูที่ฉันชอบ น้ำผึ้งมะนาวโซดาแบบหวานน้อย
“น้ำผึ้งมะนาวโซดา ดื่มแล้วสดชื่นใช่ไหม” เธอถามพร้อมหยิบแก้วของตัวเองขึ้นมาดื่มบ้าง
“ค่ะ เมนูที่เปาชอบเลย”
“พี่ก็ชอบเหมือนกัน”
“นี่เป็นเมนูเดียวกันกับที่เราไปนั่งริมทะเลเลยใช่ไหมคะ”
“ปิ๊งป่อง จำได้ด้วยเหรอ”
“จำได้ค่ะ ตอนนั้นทะเลสวยมากเลย” แล้วภาพความทรงจำเลือนรางที่เคยบอกพี่เขาไปว่าไม่ได้ชอบแค่ทะเลก็ค่อยๆ เด่นชัดขึ้น ฉันรีบหลบตา ก่อนจะยกน้ำขึ้นมาดื่มอีกครั้ง
“พี่จำได้เพราะเป็นเมนูโปรดอยู่แล้วน่ะ ข้าวหน้าเนื้อย่างน้ำจิ้มแจ่วกับน้ำผึ้งมะนาวโซดา พอคิดว่าจะสั่งอะไรให้ดีก็สั่งแบบรำลึกความหลังให้หน่อยดีกว่า แต่สลัดนี่พี่อยากทานเองเลยสั่งเพิ่มมา เปาทานได้ใช่ไหม”
“ได้ค่ะ”
“งั้นทานกันเลยนะ พี่เริ่มหิวแล้ว”
ฉันพยักหน้าให้อย่างเห็นด้วย มือเริ่มขยับตักข้าวเข้าปาก และนั่นทำให้น้ำลายแตกจนซ่านไปทั่วทั้งกระพุ้งแก้ม ตารีบหรี่ลงพร้อมกับเสียงที่ไม่ได้ตั้งใจจะเปล่งออกมา
“หือ...” ฉันยกมือฉันจับแก้มตัวเองอย่างคนที่ไม่ได้ตั้งตัว มีเสียงหัวเราะเบาๆ จากคนที่นั่งข้างกัน เธอรีบหยิบน้ำมาส่งให้คล้ายรู้ว่าฉันต้องการ
“ขอบคุณค่ะ”
“อร่อยใช่ไหม”
“ค่ะ...อร่อยจนซ่านไปทั่วปากเลย” ฉันรับขึ้นมาดื่มอยู่อึกสองอึก ก่อนจะตั้งไว้ที่เดิม
“คงหิวนั่นแหละ อ้อ พี่ชาร์จแบตมือถือให้แล้วนะ ตอนลงมาจากรถเปาไม่ได้หยิบลงมาด้วย ว่าจะให้ก็ลืม มัวแต่ตื่นเต้นที่จะพาเปามา คิดตั้งนานว่าพี่เก็บห้องดีหรือเปล่า ถ้าเข้ามาเจอห้องรกๆ นี่คงน่าอายแย่”
“ยังเป็นคนที่ใส่ใจคนอื่นเสมอเลยนะคะ”
“แต่เปาดูเปลี่ยนไปนะ”
“เปลี่ยนเหรอคะ”
“อื้อ เมื่อก่อนดูร่าเริงกว่านี้”
“ตอนนั้นเปาแค่สิบสามเองค่ะ ยังไม่เจอโลกภายนอกเลย”
“อย่างนี้แหละ ยิ่งโตโลกก็จะยิ่งแคบ บางครั้งก็ทำให้อึดอัด ส่วนห้องนอนกลับเป็นที่ที่ใหญ่มากๆ เพราะเราสามารถสบายใจหรือทุกข์ใจได้เต็มที่”
“นั่นสินะคะ ย้อนแย้งจัง”
ฉันตอบรับอย่างเห็นด้วย พร้อมกับเริ่มทานของตรงหน้าไปอย่างช้าๆ ท้องฟ้าด้านนอกตอนนี้เริ่มเป็นสีส้มผสมกับสีชมพู แม้จะมีคอนโดของฉันบดบังอยู่บ้าง แต่ก็มีพื้นที่มากพอที่จะเห็นท้องฟ้าด้านบนได้อย่างชัดเจน ถ้าจำไม่ผิดเหมือนห้องพี่เขาจะอยู่ที่ชั้นสามสิบนะ ห่างกับฉันไม่กี่ชั้นเอง
“วิวชั้นสูงๆ นี่สวยจังเลยนะคะ เปาย้ายห้องบ้างดีไหมนะ”
“อื้อ พี่เลือกห้องนี้เพราะวิวนี่แหละ ว่าแต่เปาอยู่แถวนี้นี่ตรงไหนเหรอ”
“ก็...” ฉันกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะส่งยิ้มไปให้ “คอนโดตรงหน้าพี่สีน้ำเลยค่ะ”
“จริงเหรอ บังเอิญจัง” เธอพูดด้วยหน้าตาที่ดูตกใจนิดๆ “แล้วอยู่ชั้นไหน”
“ชั้นสิบเก้าค่ะ อือ...ตรงนั้น” ฉันพูดพร้อมชี้นิ้วไปข้างหน้า
“ชั้นสิบเก้าเหรอ” แล้วพี่สีน้ำก็เริ่มนับชั้นอย่างตั้งใจ แต่พอนับเสร็จเธอก็นิ่งไปชั่วครู่ “ตรงไหนคือห้องเปาเหรอ อยู่ฝั่งนี้หรือเปล่า”
“อยู่ฝั่งนี้ค่ะ แต่จะให้บอกห้องนี่...” ฉันพยายามเพ่งตามองแต่นี่ก็ไกลเกินไป “ห้องเปาตรงระเบียงจะมีต้นกระบองเพชรอยู่สี่ห้าต้นค่ะ มองจากตรงนี้น่าจะบอกไม่ถูก มองยากมากเลย”
“อ๋อ...”
“แต่พี่สีน้ำจัดห้องสวยนะคะ” เธอดูนิ่งไป โดยที่ฉันก็เริ่มมองอย่างสงสัยว่าพี่เขาเป็นอะไร
“อ..อ้อ พี่แต่งไว้รอตอนเปิดสาขาที่กรุงเทพฯ น่ะ เมื่อก่อนไม่ค่อยได้อยู่เท่าไร แต่ตอนนี้คงได้ย้ายมาถาวรแล้ว”
“อย่างนี้นี่เอง ชอบสีขาวเหรอคะ ห้องดูสะอาดตามากเลย มีแต่สีขาวเต็มไปหมด”
“พอเป็นสีขาวแล้วดูน่าอยู่ดีน่ะ แล้วก็เป็นสีนำโชคด้วย”
“นำโชคเหรอคะ”
“อื้อ เดี๋ยวนะ...” แล้วเธอก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเดินหายเข้าไปในห้องนอน ฉันพยายามชะเง้อมองตามอยู่สักพัก แต่พี่เขาหายไปนานจนต้องหันกลับมาสนใจข้าวตรงหน้าเหมือนเดิม
หลังจากนั้นเกือบห้านาที พี่สีน้ำก็เดินมาพร้อมกับกระเป๋าใส่ดินสอใบเก่าจนสีซีดไปหมด
“จำได้ไหม”
ฉันมองกระเป๋าใบนั้นอย่างพิจารณา แต่สิ่งที่เธอตั้งใจให้ดูกลับเป็นพวงกุญแจตุ๊กตาหมีสีขาวที่ตอนนี้เริ่มกลายเป็นสีเหลืองจากความเก่าเก็บแล้ว
“จำได้ค่ะ ยังเก็บไว้อยู่เหรอคะ”
“อื้อ พี่เก็บของที่ใช้ตอนจบม.หกไว้น่ะ ตอนย้ายของมาอยู่ที่นี่ก็เผลอหยิบกล่องติดมือมาด้วย มีพวกเฟรนด์ชิปกับชุดนักเรียนเต็มไปหมด ว่าจะเอากลับไปเก็บไว้ที่ชลบุรีก็ลืมทุกที”
“ดีจังเลยนะคะ”
“แล้วพวงกุญแจหมีสีน้ำตาลที่พี่ให้ไว้ล่ะ”
“ก็...” ฉันอึกอัก ไม่กล้าบอกด้วยซ้ำว่าตอนที่อกหักจากพี่เขาเผลอแกะโยนทิ้งถังขยะไปแล้ว “ห..หายไปแล้วค่ะ”
“อื้อ มันตั้งนานแล้วนี่เนอะ”
แล้วพี่เขาก็ส่งยิ้มมาให้อย่างเข้าใจ โดยที่ร่างเล็กก็เริ่มหย่อนตัวนั่งข้างกันอีกครั้ง เธอเริ่มทานข้าวบ้างพร้อมกับการพูดคุยที่มีมาอยู่นิดๆ หน่อยๆ
“เดี๋ยวเปาล้างจานให้นะคะ”
“ไม่เป็นไร พี่เป็นเจ้าของห้องต้องดูแลอย่างดีอยู่แล้ว” เธอพูดพร้อมลุกขึ้นหยิบจานและแก้วซ้อนไว้ด้วยกัน และนั่นทำให้ฉันรีบชิงมาถือไว้ก่อนทันที
“งั้นเปาถือไปให้นะ”
“อื้อ”
ฉันจ้องมองเธอหลังจากนำจานไปวางไว้ให้ พี่สีน้ำยังคงมีรอยยิ้มแต่งแต้มอยู่บนใบหน้าตลอดเวลา และนั่นทำให้คิดขึ้นมาว่าตอนที่เรานั่งคุยกันฉันเผลอลืมเรื่องที่ทำให้เสียใจไปจนหมด มือเริ่มหยิบมือถือขึ้นมาดูเป็นครั้งแรกหลังจากเข้ามาที่ห้องนี้ และดูเหมือนสายที่โทร.เข้าเป็นจำนวนมากยังคงเป็นพี่แป้งอยู่
เสียงถอนหายใจดังขึ้นเบาๆ อย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะหันเหความสนใจของตัวเองไปที่แชตแทน
[ อีเปา แกหายไปไหนเนี่ย ฉันมาหาที่ห้องก็ไม่เจอ เจอแต่พี่แป้ง แล้วพี่แป้งก็มาเค้นพวกฉันอีกว่าแกไปไหน ]
[ แต่ฉันไม่ได้ตอบอะไรไปหรอกนะ เพราะไม่รู้ แต่อีแคทนี่เกือบจะตบพี่แป้งอยู่แล้ว ติดที่มันกลัว ]
“พวกบ้า...” ฉันเผลอพูดออกมาเบาๆ ด้วยรอยยิ้มที่ไม่ได้เผยออกมาสักพัก
[ ใครกลัว เขาเรียกไม่อยากมีปัญหาโว้ย ]
[ ฉันกับแคทยังอยู่ด้วยกัน ถ้าจะให้ไปรับที่ไหนก็บอก ไปหาที่สบายใจอยู่ก่อนแล้วค่อยกลับมาก็ได้ รักษาใจด้วย ]
[ แต่ขอร้อง ไปที่ไหนก็ได้แต่อย่าไปเขมรคนเดียว มีที่ไหนไปดูที่ที่เขาโดนสังหารหมู่เพื่อคลายความเครียด ฉันนี่ไม่ไหวจะกลัวว่ามีอะไรตามกลับมาด้วยไหม ]
[ ถ้าว่างแล้วก็ติดต่อกลับมาด้วยล่ะ พวกฉันเป็นห่วง ]
[ เออ เป็นห่วงจะตายแล้ว แดกพิซซ่าคนละถาดแบบโศกเศร้า แต่โชคดีที่พิซซ่า อร่อย ]
แล้วครั้งนี้ก็เป็นเสียงหัวเราะที่ดังออกมาเบาๆ มือเริ่มกดหน้าจอมือถือเพื่อแจ้งข่าวให้เพื่อนอีกสองรู้ว่าฉันยังอยู่ดี
[ ยังอยู่กรุงเทพฯ สภาพเมื่อเช้าแฮงค์เหมือนจะตาย แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว ได้กินข้าวแล้วด้วยไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวอีกพักคงกลับห้อง ไม่รู้พี่แป้งยังอยู่ห้องไหม ขอให้พี่เขากลับไปแล้วด้วยเถอะ ]
แล้วข้อความจากเพื่อนสนิทก็ตอบกลับมาทันที คล้ายเฝ้ารอให้ฉันส่งข้อความมาทั้งวัน
[ เออออ ดีแล้ว แต่เรื่องพี่แป้งนี่เหมือนพี่เขากลับออกมาแล้วนะ พอเจอพวกฉันไปเคาะเรียกอยู่สองสามที เว้นระยะแค่รอบละห้านาที ]
[ แผนของอีแคทมัน มันบอกไปเคาะบ่อยๆ พี่เขาจะได้รำคาญแล้วไม่ต้องอยู่ห้องแก ]
ฉันอ่านข้อความนั้นพร้อมรับรู้หน้าของพี่แป้งทันที พี่เขาคงรับรู้จุดประสงค์จริงๆ ของเพื่อนทั้งสองคนแหละนะ เพราะทุกครั้งที่ทะเลาะกันแล้วมีเหตุการณ์คล้ายๆ แบบนี้ แคทและแมนก็จะป่วนพี่เขาตลอด
[ ขอบคุณนะ ไว้ถึงห้องแล้วจะบอก ]
[ โอเค ถ้ากลับมาไม่ดึกมากเดี๋ยวฉันกับอีแมนไปหา ]
[ ได้ ไว้จะบอก ]
ฉันวางมือถือไว้ข้างตัว ก่อนจะหันกลับมาสนใจท้องฟ้าด้านหน้าอย่างคนที่รู้สึกสบายใจขึ้น
“เปาอยากกลับเมื่อไรบอกพี่ได้เลยนะ” เธอพูดพร้อมยกแก้วน้ำดื่มมาตั้งไว้ให้ “หรือถ้าอยากสูบบุหรี่ในห้องนอนพี่มีระเบียงเล็กๆ อยู่ สูบได้”
“อะ.. เอ่อ พี่สีน้ำรู้ได้ไงคะว่าเปาสูบบุหรี่”
“อ้อ กลิ่นมันติดเสื้อน่ะ พี่ได้กลิ่นตั้งแต่อยู่บนรถแล้วแหละ อีกอย่าง” เธอพูดพร้อมมองไปที่กระเป๋าของฉัน “ตอนไปรับที่พี่ถือกระเป๋าให้ เผลอไปเห็นพอดีน่ะ ตอนแรกไม่มั่นใจว่าของเปาหรือของใคร แต่พอขึ้นรถมาก็คิดว่าน่าจะเป็นของเปา”
“อ๋อ...”
“จริงๆ หมอฟันต้องดุนะ มีผลเสียกับฟันมาก แล้วก็ร่างกายด้วย”
“...”
“แต่ถ้าชีวิตมันไม่ง่าย เราก็ต้องหาที่ระบายด้วยวิธีไหนสักอย่าง พี่ก็มีสูบบ้าง แต่สูบแค่ตอนเครียดหรือไม่ก็ตอนไปดื่มแค่นั้น”
“จริงเหรอคะ”
“อื้อ”
“งั้นเปาไปสูบได้ใช่ไหมคะ”
“ได้สิ”
แล้วรอยยิ้มของฉันก็เด่นชัดขึ้น มือรีบหยิบเอาซองบุหรี่ยี่ห้อที่ไม่มีขายในไทยออกมา โดยที่ความลังเลก็แล่นเข้ามาในอกอีกครั้ง
“งั้นสูบด้วยกันไหมคะ”
“เอ๊ะ”
“ก็ถ้ามีเพื่อนสูบก็จะรู้สึกดีขึ้น”
“เหรอ ถ้าแบบนั้นเอาเบียร์ด้วยเลยไหมล่ะ”
“มีเหรอคะ! ต้องเอาด้วยแล้ว”
เธอเลิกคิ้วสูง ก่อนจะยิ้มออกมา “โอเค...จะดื่มจากกระป๋องหรือให้พี่ใส่แก้วให้”
“ดื่มจากกระป๋องดีกว่าค่ะ”
เธอพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปหยิบกระป๋องเบียร์ออกมาจากตู้เย็น พร้อมกับเดินนำมาในห้องนอน ซึ่งห้องนอนก็เป็นสีขาวสะอาดตาไม่ต่างจากห้องอื่นๆ เลย
ฉันมายืนอยู่ริมระเบียงเล็กๆ ที่ขนาดเท่ากับพื้นที่วางราวตากผ้าได้หนึ่งอันถ้วน แต่ดีหน่อยที่ตรงนี้ไม่มีอะไรแบบนั้นเลยนอกจากพื้นที่โล่งๆ พอเห็นว่าไม่มีเสื้อผ้าที่ต้องขออนุญาตเก็บเข้าไป บุหรี่หนึ่งมวนก็ถูกจุดขึ้นพร้อมกับริมฝีปากที่เริ่มสูดควันไปจนเต็มปอดแล้วค่อยๆ ปล่อยออกไป
“พอสูบแล้วดีขึ้นไหม”
“ค่ะ ไม่ได้สูบมาทั้งวัน พอได้สูบแล้วรสชาติดีกว่าเดิมเยอะเลย”
“แบบนั้นเหรอ”
“เอาด้วยไหมคะ” ฉันพูดพร้อมส่งบุหรี่ให้เธอบ้าง แต่รุ่นพี่กลับส่ายหน้าไปมา
“ไม่เป็นไร ช่วงนี้ไม่มีอะไรให้เครียดน่ะ ยังไม่เมาด้วย”
“อ๋อ..”
“มันอร่อยเหรอ”
“ถ้าอร่อยก็เป็นขนมสิคะ”
“ก็จริง...”
ฉันส่งยิ้มให้นิดๆ ก่อนจะสูบควันเข้าไปอีกเป็นรอบที่สอง วิวด้านหน้าเริ่มมืดสนิท เว้นเสียแต่มีแสงไฟจากสวนสาธารณะและไฟจากท้องถนนที่ทำให้พื้นที่ด้านล่างดูสว่างขึ้นมาบ้าง
“พี่สีน้ำถามสิ่งที่อยากรู้มาได้เลยนะคะ ตอนนี้สบายใจขึ้นเยอะแล้ว”
“หมายถึง...”
“เรื่องตอนเด็กๆ น่ะค่ะ”
“อ๋อ...จริงๆ ก็เคยอยากถามแหละว่าทำไมถึงแช่งกันแบบนั้น” เธอพูดพร้อมหัวเราะออกมานิดๆ “แต่ตอนนี้ไม่อยากรู้แล้วละ เปาคงทำไปเพราะอารมณ์วัยรุ่น”
“ขอโทษนะคะ”
“ไม่เป็นไร พี่บอกแล้วไงว่ามันเป็นเรื่องในอดีต ยังไงตอนนี้พี่ก็มีความสุขดี”
“พี่สีน้ำไม่สงสัยเรื่องเมื่อคืนเหรอคะ...ที่เปาทะเลาะกับพี่แป้งน่ะ” ฉันพูดพร้อมยกแอลกอฮอล์ขึ้นดื่ม
“ก็สงสัย แต่ก็พอจับใจความได้ว่าเปาคงคบกับแป้งอยู่ แบบนั้นใช่ไหม”
“แล้ว...นี่พี่สีน้ำได้ยินตั้งแต่ตรงไหนคะ”
“เป็นความลับ” เธอพูดพร้อมยกแอลกอฮอล์ขึ้นดื่มบ้าง
“อ่า...จริงๆ แค่เคยคบน่ะค่ะ เลิกกันมาสองปีแล้ว”
“อ้าวเหรอ แล้วทำไมถึงทะเลาะเหมือนเป็นแฟนกันเลยละ”
“เรายังมีความสัมพันธ์ที่ตัดกันไม่ขาดอยู่น่ะ แบบ...จะว่าไงดี”
“เอาเท่าที่เปาอยากเล่าก็พอนะ จะได้ไม่รู้สึกลำบากใจ”
ฉันมองหน้ารุ่นพี่ที่อยู่ข้างตัว และเธอก็เหมือนจะคิดตามที่พูดจริงๆ แต่รู้อะไรไหม พอพี่เขาไม่ได้คาดคั้นอยากรู้ ฉันกลับสบายใจที่จะบอกเรื่องราวทั้งหมดที่ได้เจอมาให้พี่เขาฟัง สายตาเริ่มทอดไปไกลยังวิวเมืองด้านหน้า
“เรายังนอนด้วยกันอยู่ค่ะ ตรงไปไหม” ฉันหัวเราะออกมานิดๆ ก่อนจะพูดต่อ “ไม่คิดว่าในชีวิตนี้จะยอมทำอะไรแบบนั้นเลยค่ะ แต่พอเป็นคนที่เรารักมากกลับยอมทำทุกอย่างเพื่อยื้อไม่ให้เขาหายไป”
“...”
“เคยได้ยินคำว่า ‘ยอมสูญเสียความเป็นตัวเองอยู่นับครั้งไม่ถ้วน เพียงเพราะไม่อยากเสียเขาไป’ ไหมคะ เปาเป็นแบบนั้นแหละ ยอมทำทุกอย่างเพราะหวงแหนสิ่งที่เคยได้รับ เป็นการหลอกตัวเองเพื่อยืดความเสียใจออกไปอีกนิด”
“เลยไม่เสียใจเหรอ?” สายตาอ่อนโยนของพี่เขาทำให้น้ำตาของฉันกลับมาเอ่อเต็มขอบตาอีกครั้ง
“ตรงกันข้ามเลยค่ะ เสียใจมาก เหมือนจะตายเลย...”
“...”
“นั่นแหละค่ะ แต่ครั้งนี้เปาคงต้องหยุดจริงๆ เปาเองก็ไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้ จะว่าไงดี...ไม่อยากเสียความเป็นตัวเองอีกแล้ว เพราะยังไงเรื่องของเปากับพี่แป้งก็คงไม่มีวันดีขึ้น”
“พี่เองก็ไม่ได้มีความรักมานาน เลยไม่รู้ว่าจะแนะนำยังไงดี”
“ไม่เป็นไรค่ะ เปาโอเค…อย่างน้อยก็มีแคทกับแมนคอยอยู่เป็นเพื่อน”
“มีพี่ด้วย”
“คะ?” ฉันทำหน้างง โดยที่ตอนนี้ก็เริ่มสังเกตเห็นหน้าของพี่สีน้ำที่มีความแดงจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ เธอวางกระป๋องเบียร์ไว้ที่พื้นก่อนจะหยิบกระป๋องใหม่ขึ้นมา
“เราเจอกันแล้วนี่ แถมทำงานใกล้กัน บ้านก็ใกล้กัน ถ้าเปาเหงาก็มาหาพี่ หรือไม่...”
“...”
“การลืมใครสักคนได้เร็วขึ้น เราจะต้องมีคนใหม่ พี่คิดว่าวิธีนี้ได้ผลดีนะ”
ฉันมองหน้าเธอนิ่ง หัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่ตั้งตัว “แบบนั้นเหรอคะ”
“อื้อ แต่ถ้าเปาไม่อยากได้เพื่อนเพิ่ม ก็ลองให้พี่เป็นอย่างอื่นไหม”
“อย่างอื่นนี่หมายถึง...”
“ลองทำให้คำทำนายนั้นเป็นจริงดูสิ ทำให้พี่หลุดพ้นจากสิ่งที่เจอแล้วมีความสุขจริงๆ สักครั้ง จะคิดว่าเป็นการไถ่โทษที่พูดแช่งพี่ไว้ก็ได้ เปาได้แก้ตัวในสิ่งที่พูด ได้เบี่ยงเบนความสนใจมาที่คนอื่น ส่วนพี่ก็ได้ประโยชน์จากอะไรสักอย่างที่เปาเคยทำนายไว้”
“...”
“เมื่อก่อนพี่ไม่เชื่อเรื่องที่เปาพูดหรอกนะ แต่คิดว่าคงเชื่อเรื่องที่เปาสามารถสร้างความสุขได้ เพราะถ้าเปาไม่ดีจริง แป้งก็คงทิ้งไปแบบไม่เหลือเยื่อใยแล้ว”
“...”
“ลองมาทำให้พี่มีความสุขแบบที่เปาบอกไว้หน่อยสิ พี่เองก็เป็นส่วนที่เปาต้องรับผิดชอบนะ”
ความคิดเห็น