ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลำน้ำมรณะ

    ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ 9

    • อัปเดตล่าสุด 2 มี.ค. 55


                                                                    ตอนที่ 9

     

    วัวสีน้ำตาลอ่อนที่โชคร้าย กำลังดิ้น พยายามสลัดให้หลุดจากการถูกงับที่หาง โดยฝีมือของจระเข้ยักษ์ที่ขนาดใหญ่โตกว่าตัวมันถึงหลายสิบเท่า ชาวบ้านผู้ซึ่งเป็นเจ้าของวัวตัวดังกล่าว ไม่มีอาวุธใดๆจะมาไล่จระเข้ยักษ์ตัวนี้ได้ เขาทำได้เพียงแค่หยิบก้อนหินที่เกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น ขว้างใส่ส่วนหัวของมัน และก็ได้ผล เมื่อมันอ้าปากปล่อยวัวไป แต่มันกลับหันหัวอันใหญ่โตของมัน มาจ้องที่ชาวบ้านผู้นั้น แววตาของมันแสดงให้เห็นถึงความโกรธจัด

    “กรร”

    เสียงคำรามในลำคอของจระเข้ยักษ์ ทำให้ชาวบ้านผู้นั้นตกใจกลัว และไม่ทันที่เขาจะวิ่งหนี มันก็ถลาขึ้นบก แล้วพุ่งเข้างับร่างของชายผู้เคราะห์ร้ายเข้าอย่างจัง

    “ช่วยด้วย !!

    เสียงปืน ดังก้องกัมปนาทไปทั่วท้องน้ำคลองบางมุด ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ต่างพากันตกตะลึง ถึงกิตติศัพท์ความดุร้ายชนิดที่ว่าลูกปืนยังไม่สามารถทำอะไรมันได้  เหล่านาวิกโยธิน ระดมปืนยิงใส่มันจนแทบจะหมดแมกกาซีน ก็ไม่อาจจะทำให้มันยอมคลายเหยื่อของมันได้ มันเพิ่มทวีคูณความโหดเหี้ยมด้วยการ กัดร่างเหยื่อซ้ำอย่างหนักหน่วง และฉีกกระชากสะบัดร่างของชาวบ้านผู้เคราะห์ร้ายขาดเป็นชิ้นๆ และมันก็กลืนส่วนที่มันสามารถคาบไว้ในปาก กลืนลงคอมันไป

    “โห อะไรจะโหดขนาดนั้น !?

    ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ ต่างรู้สึกหวาดผวา เมื่อมันลุยขึ้นบกแล้วสามารถฆ่าคนจนตายอย่างน่าสยดสยองแบบนั้น เหล่าทหารหาญ พยายามระดมยิงอย่างเต็มกำลัง แต่จระเข้ยักษ์ ค่อยกลับตัว และคลานช้าๆ ลงสู่ผิวน้ำก่อนจะดำหายไป

    “มันหนีไปแล้ว”

    “ไม่ มันอยู่ใต้ท้องเรือ มันกำลังยั่วพวกเรา !!

    ผู้กล้าบนเรือเริ่มหวาดระแวง เมื่อเห็นมันหายไปในน้ำ และยังไม่เห็นร่องรอยของมันว่า มันซ่อนตัวอยู่ตรงไหน แต่คาดเดาได้ว่า จระเข้ที่ฉลาดและเต็มไปด้วยพละกำลังอย่างมัน คงต้องเล็งอะไรสักอย่างอยู่แน่นอน และยังไม่ทันที่เหล่านาวิกโยธินบนเรือจะทันตั้งตัว เรือยนต์สีขาวของสถานีตำรวจ ก็ถูกหนุนจนหงายท้องพลิกคว่ำในทันที

    “ว้าย !?

    เหล่าทหารเรือหน่วยรบพิเศษจากสัตหีบ 4 นาย และนายตำรวจอีกหนึ่งนาย กำลังลอยคออยู่กลางคลอง เหล่าเพื่อนาวิกฯบนฝั่ง รีบวิ่งกันไปที่ตลิ่ง และพยายามตะโกนให้พวกเขารีบไหว้เข้าฝั่งโดยด่วน และในเวลานั้นเอง วัตถุขนาดใหญ่ใต้น้ำ ก็ได้พุ่งเข้านาวิกฯนายหนึ่งอย่างรวดเร็ว

    ร่างของจระเข้ยักษ์ ใช้วิธีโจมตีด้วยการใช้หางเป็นตัวดันจากข้างใต้เพื่อพุ่งงับเหยื่อเป็นแนวดิ่งขึ้น ภาพที่ชาวบ้านทั้งหลายได้เห็นก็คือ ภาพที่ร่างขนาดมหึมาของจระเข้ยักษ์ กระโดดพุ่งขึ้นจากน้ำโดยที่ปากนั้น คาบร่างของนาวิกโยธินนายหนึ่งไว้คาปาก แรงสะบัดตัวขึ้นจากน้ำในแนวตั้งของมัน ที่ได้จากการใช้หางอันใหญ่โตของมันนั่นเอง ในการทะยานตัวขึ้น และเมื่อค้างอยู่กลางอากาศประมาณ สามวินาที ร่างของพญาสัตว์ก็ได้ ทิ้งตัวลงสู่ผิวน้ำอีกครั้ง

    ภาพการล่าเหยื่อของมัน ไม่ได้มีเฉพาะชาวบ้านและนาวิกโยธินที่ปฏิบัติการบนฝั่งเท่านั้นที่เห็น แต่พวกของไกรที่แล่นเรือตามมาสมทบก็เห็น ไกรกับเลิศที่โกรธจัด ลั่นไกใส่จระเข้ยักษ์อย่างบ้าคลั่ง

    “ไอ้เวรนั่น มันกินลูกน้องเอ็ง !!” เลิศชี้ไปที่เป้าหมายขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างหน้าพร้อมทั้งเล็งยิงด้วยปืนไรเฟิลรุ่น SL8 สีดำ

    “ไอ้สัตว์นรก กูจะฆ่ามึง !!” ไกรลั่นกระสุนปืนกลชนิด 7.62 ออกไป

    พญาจระเข้ เคี้ยวเหยื่อจนน้ำในคลองมีเลือดกลุ่มใหญ่ผุดขึ้นมา และเมื่อมันกลืนเหยื่อลงไปจนหมด มันก็ว่ายน้ำเพื่อหลบหลีกวิถีกระสุนที่ถูกยิงลงมาจากเรือยนต์อีกลำหนึ่ง  และมันก็กำลังเล็งเป้าหมายไว้ที่ เรือยนต์ลำที่แล่นตามมาสมทบของพวกไกร

    เหล่านาวิกโยธินที่เหลืออีก 3 นาย กับร้อยตำรวจตรีกานต์ ได้รับการช่วยเหลือให้ขึ้นฝั่งได้ และได้ขออาวุธปืนมาช่วยระดมยิงใส่จระเข้ยักษ์เพื่อเป็นการล้างแค้นให้กับเพื่อนร่วมงานที่วันนี้ตายไปหนึ่งคน

     

    เรือยนต์ของพวกไกร ลอยลำอยู่นิ่งๆกลางคลอง  ไกรยกมือขึ้นโดยแบมือเหมือนการส่งสัญญาณให้บนฝั่งหยุดยิงปืน โดยเขาเดินไปรอบๆเรือ เพื่อระวังด้านหลัง เลิศกำลังเล็งปืนไรเฟิล SL8 ลงไปในคลอง จ่าสิงห์ก็เล็งปืนกล M60 ทางขวาของหัวเรือ ในขณะที่ตำรวจรุ่นน้องของเลิศ ทำหน้าที่บังคับหางเสือ และพร้อจะออกเรือเสมอเมื่อเลิศสั่ง

    “ไกร มันหนีไปแล้วรึเปล่า ?” เลิศถามขณะเล็งปืนไปด้วย

    “ไม่ใช่ ! มันกำลังยั่วอารมณ์เรา มันกำลังวนเวียนอยู่ใต้เรือเราแน่ๆ ระวังตัวไว้”

                    ทั้งสามส่ายปากกระบอกปืนไปแทบจะรอบทิศ แต่พญาจระเข้ผู้ทรงอำนาจ ก็ยังไม่แสดงตัวตนขึ้นมาให้เห็น แต่แล้ว ชาวบ้านก็พากันชี้ไปให้ดูทางเบื้องหน้าของหัวเรือยนต์ ห่างไปประมาณ 15 เมตร ก็พบว่ามีพรายน้ำกลุ่มใหญ่ผุดขึ้นมา ไกร เลิศ และจ่าสิงห์ รีบกรูกันไปที่หัวเรือ แล้วเล็งปืนไปที่จุดที่พรายน้ำผุดขึ้นมา

                    “มันอยู่นั่น  !!” เลิศตะโกนลั่น

                    ไกรสังเกตกลุ่มพรายน้ำ หายไปเร็วกว่าทุกครั้ง แสดงว่าจระเข้ยักษ์จะต้องเคลื่อนตัวออกไปยังจุดใดจุดหนึ่งจากบริเวณนั้นเป็นที่แน่นอนแล้ว  ไกรเริ่มระแวงว่า จระเข้ยักษ์กำลังเข้ามาใกล้เรือยนต์ของพวกเขา โดยการเบนเป้าหมายให้พวกขาระดมยิงไปที่พรายน้ำที่ผุดขึ้นมา

                    “อย่าพึ่งยิง ไอ้เข้นั่นมันหลอกเรา มันจงใจให้เรายิงไปจุดนั้น แต่ตัวมันก็ดำน้ำไปจุดอื่นแน่ๆ” ไกรกล่าว

                    “ทำไมเอ็งคิดงั้น มันเป็นแค่สัตว์นะ มันจะสามารถคำนวณ วางแผนได้แยบยลขนาดนั้นเชียวเหรอ ?” เลิศแย้งขึ้น เพราะไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่ไกรพูดเท่าไหร่นัก

                    “ตอนแรกข้าก็ไม่เชื่อหรอก แต่เพราะฟังยายกับตาเล่ามา สมัยไอ้ด่างอาละวาด เพราะไอ้ด่างก็เคยทำแบบนี้ เชื่อเถอะว่า มันกำลังเล็งที่โจมตีเรือเราอยู่”

     

                    ด้วยคำพูดของไกร ทำให้รุ่นน้องของเลิศเริ่มมีท่าทีหวาดกลัวยิ่งขึ้น และแล้วสิ่งที่ไกรพูดก็เป็นความจริง เมื่อจระเข้ยักษ์ จู่โจมเข้าที่ใต้ท้องเรือด้วยการพุ่งเข้าชนอย่างจัง  น้ำเข้าเรือเพราะใต้ท้องเรือแตกเรียบร้อย  ไกร เลิศ จ่าสิงห์ และนายตำรวจรุ่นน้องเลิศ พยายามหาที่ยึดเหนี่ยว ขณะที่เรือเริ่มโคลงเคลงมากขึ้น ผู้คนบนฝั่งก็เริ่มแตกตื่น เพราะคราวนี้มันจงใจเล่นงานเรือของนายทหาร และนายตำรวจระดับหัวหน้าที่ต้องรับผิดชอบภารกิจนี้

                    “หัวหน้าไกร !?

                    “ช่วยหัวหน้าเร็ว !!

                    นาวิกโยธินบนฝั่ง และตำรวจจากสถานีตำรวจภูธร รีบวิ่งลงไปที่ตลิ่งและระดมยิงลงไปที่ผิวน้ำกลางคลอง หมายจะให้โดนจุดตายของจระเข้ยักษ์ แต่ดูเหมือนว่าจะไร้ประโยชน์ เมื่อจระเข้ยักษ์โจมตีอยู่ใต้ท้องเรือ ทำให้โอกาสที่จะยิงโดนแทบจะเป็นศูนย์

                    จระเข้ยักษ์ลอยตัวขึ้นมาโดยโผล่ให้เห็นส่วนหางขนาดมหึมา มันชูส่วนหางขึ้นสู่ท้องฟ้า และฟาดลงมาที่ส่วนหน้าของเรือยนต์ด้วยความรุนแรงดัง “ตูม” ส่วนหน้าของเรือยนต์พังไม่มีชิ้นดีในทันที และก่อนที่เรือจะพังนั้น ไกรก็ตะโกนให้ทุกคนในเรือ สละเรือทันที

                    “โดดเร็ว ทุกคน !!

                    ร่างของทั้ง 4 พุ่งหลาวลงน้ำ และพยายามว่ายน้ำเข้าฝั่งสุดชีวิตโดยที่พวกเขาไม่ยอมหยุดว่ายเพื่อหันกลับไปดูสภาพของเรือที่กำลังโดนจระเข้ยักษ์ถล่มจนพินาศไม่มีชิ้นดีเลย แต่เมื่อจระเข้ยักษ์เห็นว่า เหยื่อของมัน กำลังว่ายน้ำกลับเข้าฝั่ง มันจึงผละจากซากเรือยนต์ และว่ายน้ำตามพวกไกรไปอย่างกระชั้นชิด

                    ชาวบ้านหลายคน และหน่วยนาวิกฯบนฝั่ง รีบวิ่งเข้าไปช่วยพยุงไกรที่ว่ายน้ำเข้าถึงฝั่งเป็นคนแรก เมื่อไกรสามารถลุกขึ้นได้ ก็วิ่งไปช่วยพยุงเลิศกับจ่าสิงห์ รวมทั้งลูกน้องของเลิศหนีขึ้นไปบนฝั่ง  แต่จระเข้ยักษ์ก็ไม่ยอมลดละ มันว่ายน้ำพุ่งเข้าหาฝั่งด้วยความเร็ว

                    “จ่าสิงห์ ระเบิด โยนลงไปเลย !!” ไกรคาดการณ์ไว้แล้วว่า สิ่งที่จะสามารถหยุดความบ้าคลั่งของจระเข้ตัวนี้ได้นั้น มีแต่อาวุธทำลายล้างอย่างระเบิดเท่านั้น และจ่าสิงห์ก็หยิบเอาลูกระเบิดที่ใส่ไว้ในซองที่หน้าอกซ้ายออกมา มันเป็นระเบิดชนิด C4 ที่มีอานุภาพการทำลายสูง จ่าผิวสี ดึงสลักระเบิด และโยนลงไปในคลองก่อนสั่งให้ชาวบ้านก้มหัวลง

                    “ตูม!!

                    เสียงระเบิดดังสนั่น น้ำพุ่งกระจายขึ้นฟ้าเกือบเทียมยอดมะพร้าว ด้วยแรงระเบิดนี้ ทำให้การว่ายน้ำปรี่เข้ามาของจระเข้ยักษ์เริ่มชะงัก  แรงระเบิดทำให้ผิวหนังของมันที่โดนสะเก็ดระเบิด มีเลือดไหลออกมา และเมื่อเห็นว่ามันมีอาการบาดเจ็บ ไกรจึงสั่งให้ทุกคนระดมยิงมันทันที

                    “ทั้งหมดยิง !!

                    เสียงปืนกล และปืนสั้นดังกึกก้องไปทั่วคลองบางมุด พญาสัตว์ขนาดมหึมา ที่โดนระดมยิง เริ่มสะบัดหัว ฟาดฟางใส่ผิวน้ำจนน้ำแตกกระจาย มันส่งเสียงคำรามดังก้องราวกับกำลังเจ็บปวดจากการโดนระดมยิงจากมนุษย์ที่ได้ชื่อว่าเป็นเหยื่อของมัน ไกรไม่รอช้าขอยืมปืนไรเฟิลติดลำกล้องรุ่น Barrett M82 ที่ใช้กระสุนชนิด .50 BMG จากนายตำรวจที่มาร่วมภารกิจ ผู้กองหนุ่มแห่งกองทักราชนาวี เล็งลำกล้องไปที่ ดวงตาข้างซ้ายของพญาจระเข้ที่กำลังส่ายหัวไปมา

                    “เสร็จล่ะ !!

                    “เปรี้ยง !

                    เมื่อเป้าหมายที่เล็ง หมุนส่วนหัวที่ซึ่งเป็นด้านซ้ายมาให้เห็นชัดเจน ไกรไม่รอช้า ลั่นไกยิงกระสุน .50 จากปืนไรเฟิล Barrett M82 ออกไปทันที กระสุนที่ยิงออกไป หมุนควงสว่านและพุ่งเข้าทะลุที่ส่วนตาซ้ายของจระเข้ยักษ์เข้าอย่างแม่นยำ !!

     

                    พญากุมภีล์จ้าวแห่งสายน้ำ ร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด เลือดสีแดง ค่อยๆไหลออกจากดวงตาข้างซ้ายของมัน จระเข้ยักษ์สะบัดหัวไปมา ฟาดหางใส่ผิวน้ำจนน้ำแตกกระจาย ชาวบ้านโห่ร้องด้วยความยินดี และเริ่มใจชื้นขึ้นเมื่อเห็นจระเข้ยักษ์ได้รับบาดเจ็บแบบนี้ เลิศกำหมัดด้วยความสะใจก่อนจะบอกให้ไกร เล็งไปที่ปลายก้อนขี้หมาของจระเข้ยักษ์ที่เป็นจุดตายของมัน

                    แต่ไม่ทันที่ไกรจะได้เล็ง พญาจระเข้ก็ได้กลับตัวแล้ว ดำลงน้ำหายตัวไป น้ำในคลองมีเลือดปะปะจนกลายเป็นสีแดงเห็นได้ชัด ซึ่งนั่นก็คือเลือดของจระเข้ยักษ์ที่ได้รับบาดเจ็บ โดยทิศทางของเลือดที่ปรากฏขึ้นมานั้น ปรากฏเป็นทางยาวไล่ลงไปทางทิศใต้ ซึ่งมันกำลังกลับไปซ่อนตัวที่รังของมันที่เวิ้งน้ำใหญ่ สร้างความเสียดายให้กับชาวบ้านและเหล่านาวิกโยธินไม่น้อย แต่ถึงอย่างไร แม้วันนี้จะมีคนต้องจบชีวิตไปสองราย แต่พวกเขาก็สามารถเล่นงานจอมกุมภีล์แห่งคลองบางมุดนี้ให้ได้รับบาดเจ็บได้มั่งแล้ว

     

                                                                    ………………………………….

     

                    “จริงเหรอคะ จระเข้ตัวนั้นได้รับบาดเจ็บ ?” ชมพู่ร้องเสียงดังอย่างไม่ค่อยอยากเชื่อภายในแคมป์ของกรมประมงที่อยู่ริมคลอง

                    “จริงครับ แต่กว่าจะเล่นงานมันได้นี่ก็แทบแย่ นาวิกโยธินตายไปหนึ่งนาย ชาวบ้านอีกหนึ่งราย พวกผมเองก็เกือบโดนมันกินเหมือนกัน ตอนมันล่มเรือเราได้”

                    เลิศกล่าว ขณะนั่งจิบน้ำเย็นในเต็นท์ของกรมประมง ส่วนไกรกำลังนั่งทำแผลที่แขนซ้ายที่โดนเศษก้อนหินบาดตอนกำลังว่ายเข้าตลิ่งกับฝ่ายปฐมพยาบาลที่มากับกรมประมง ชมพู่มองไกรด้วยความเป็นห่วงก่อนที่จะเดินเข้าไปหาผู้กองหนุ่มที่ตอนนี้ มีผ้าพันแผลพันไว้ที่แขนข้างซ้าย

                    “เป็นไงบ้างคะผู้กอง ?

                    “แค่โดนหินใต้น้ำบาดครับ สบายมาก ไกลหัวใจ” ไกรตอบด้วยรอยยิ้ม

                    “แล้วนี่ ผู้กองจะทำยังไงต่อเหรอคะ จระเข้ตัวนั้นก็ได้รับบาดเจ็บ ผู้กองจะรีบตามไปฆ่ามันเลยหรือเปล่า ?  ด็อกเตอร์สาวถามต่อ ซึ่งเธอหวังไว้บ้างว่า การตามล่าจระเข้ยักษ์นี้ จะมีโอกาสได้จับเป็นเพื่อที่จะได้นำมันไปไว้ที่ศูนย์อนุรักษ์

                    “มันบาดเจ็บก็จริง แต่มันไม่ยอมหยุดอาละวาดแค่นี้แน่นอนครับ อย่างที่ผมบอกคุณไปตอนแรกว่า ถ้าจับเป็นก็จับได้ ถ้าโอกาสเหมาะ แต่ถ้ามันไม่มีโอกาสจับเป็น ก็ต้องจับตายเท่านั้น มันฆ่าลูกน้องผม กับเพื่อนผมไปคนหนึ่งแล้ว ยังไงซะถ้าให้ผมเลือก ผมเลือกจับตาย !!” ไกรตอบชมพู่ด้วยน้ำเสียงดุดัน ชมพู่ก็ได้แต่ถอนหายใจ เพราะเธอรู้ดีว่าโอกาสที่จะได้จับเป็นนั้นคงมีไม่ถึง 1%

                    ชมพู่เดินไปหยิบเอกสารบางอย่างที่วางไว้ที่โต๊ะเหล็กใกล้ๆที่วางของ เธอนำมันมาวางที่โต๊ะเหล็กที่เลิศนั่งดื่มน้ำอยู่ ซึ่งเอกสารที่เธอนำมานั้น เป็นผลการวิจัยของเธอ มีทั้งรูปถ่ายที่วัดน้ำลอดเมื่อคืนวาน ซึ่งเธอถ่ายภาพของจระเข้ยักษ์ตัวนี้ไว้ได้

                   

                    “ผู้กองจะมาดูด้วยกันไหมคะ ฉันวิเคราะห์ลักษณะทางกายภาพของจระเข้ยักษ์ตัวนี้ไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ”

                    ไกรลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งทำแผล เขาเอ่ยปากขอบคุณพยาบาลที่ช่วยทำแผลให้เขา ก่อนจะเดินไปหยิบเก้าอี้เหล็กมาวางที่ด้านซ้ายของโต๊ะเหล็ก เขาเปิดเอกสารที่ชมพู่ปริ๊นต์ออกมา เอกสารประมาณ 3 หน้ากระดาษ A4 ที่มีภาพของจระเข้ยักษ์ที่ถ่ายไว้ตอนกลางคืนที่วัดน้ำลอด

                    “ดิฉันฟันธงเลยว่า จระเข้ยักษ์ตัวนี้ เป็นพันธุ์อินโดแปซิฟิก แต่คนไทยเราจะรู้จักมันในสายพันธุ์ที่เรียกว่า จระเข้น้ำเค็ม หรือจระเข้พันธุ์ทองหลาง และไอ้เคี่ยม ที่ดิฉันยืนยันได้ว่าเป็นจระเข้น้ำเค็มก็คือ ลักษณะของจระเข้น้ำจืดกับจระเข้น้ำเค็ม จะแตกต่างกันตรงสีข้างลำตัวและสีตรงบริเวณส่วนหาง จระเข้น้ำจืดจำเป็นสีดำทั้งตัวและหาง แต่ถ้าเป็นจระเข้น้ำเค็ม ลำตัวจะออกสีเหลืองอ่อน หรือสีขาวไปเลย และส่วนหางจะมีลักษณะเป็นลายเหลืองอ่อนสลับดำ คล้ายๆกระดานหมากรุก และที่สำคัญคือ จระเข้น้ำเค็ม เป็นสายพันธุ์จระเข้ที่ตัวใหญ่ที่สุดในบรรดาสัตว์ตระกูล Crocodylus โอกาสที่จระเข้น้ำเค็มจะตัวใหญ่ยักษ์แบบนี้ เป็นไปได้มากทีเดียว ถ้าหากเทียบกับจระเข้น้ำจืดธรรมดา และจระเข้ยักษ์ตัวนี้ เป็นพันธุ์เดียวกันกับที่จับได้ที่ฟิลิปปินส์เมื่อตอนเดือนกันยายน จำได้ไหมคะผู้กอง ที่ฉันให้ผู้กองดูที่ฟาร์มจระเข้” ชมพู่หันมาถามไกร

                    “จำได้ครับ” ไกรตอบ

                    “แล้วมันหลุดมาที่คลองบางมุดได้ยังไงเหรอครับด็อกเตอร์ เป็นกรณีเดียวกันกับไอ้ด่างรึเปล่า ?” เลิศเป็นฝ่ายถามบ้าง

                    “ไม่ค่ะผู้กองเลิศ  เท่าที่ฉันศึกษาคือ ไอ้ด่างเกิดในยุคสมัยที่จระเข้น้ำจืดในคลองบางมุด กับคลองต่างๆตามภาคใต้ยังอยู่กันชุกชุม ยังไม่ถูกล่า และไอ้ด่างเกิดจากการที่จระเข้น้ำจืดในคลอง ไปผสมพันธุ์กับจระเข้น้ำเค็มที่ส่วนใหญ่ อาศัยอยู่ตามป่าโกงกางหรือป่าชายเลนตามปากแม่น้ำ ในกรณีไอ้ด่างคือจระเข้พันธุ์ผสม น้ำเค็มกับน้ำจืด หรือจะเรียกว่าจระเข้น้ำกร่อยก็ได้ คือฉันว่าไม่แปลกเท่าไหร่ หากเทียบกับสมัยนี้ ที่จระเข้ในแหล่งน้ำตามลำคลองทางภาคใต้ โดนล่าไปหมดแล้ว แต่เจ้าตัวนี้ เป็นจระเข้พันธุ์น้ำเค็มแท้ แต่มันกลับว่ายหลุดเข้ามาในคลองได้”

                    “คุณจะสรุปว่า จระเข้ตัวนี้ อาจจะมาจากแหล่งน้ำอื่น แล้วทำไมมันถึงมาที่นี่ ชุมพรล่ะครับ ?” ไกรเป็นฝ่ายถามต่อ

                    “คลองบางมุด เชื่อมต่อกับทะเล ถ้าดูทางภูมิศาสตร์ จระเข้ตัวนี้ น่าจะว่ายน้ำจากที่ใดที่หนึ่งเข้ามา อาจจะมาจากทางแถบอินโดนีเซีย หรือฟิลิปปินส์ ก็เป็นได้ เพราะดิฉันไม่เคยได้รับรายงานว่าพบจระเข้น้ำเค็มตามปากแม่น้ำของทางประเทศไทยเท่าไหร่นัก แต่เชื่อเถอะค่ะผู้กองไกร ดิฉันศึกษาเรื่องจระเข้มาเกือบตลอดทั้งชีวิต จระเข้ขนาดลำตัวใหญ่มหึมาแบบนี้ สามารถว่ายน้ำในมหาสมุทรได้อย่างสบายๆ แล้วที่ฉันสันนิษฐานก็คือ ที่มันมาที่นี่ก็เพราะ มันอาจจะเห็นชาวประมงที่ยังใช้เรือพายขนาดเล็ก และใช้แหในการหาปลาตามปากแม่น้ำ มันเลยสามารถล่มเรือได้ง่ายๆ และที่ผู้กองน่าจะรู้ดีก็คือ หากจระเข้มันได้กินเนื้อคนไปซักคน มันก็ต้องกินคนต่อไป เนื้อคนไม่มีคน ไม่มีเขาให้มันต้องมาคายทิ้งทีหลังเหมือนสัตว์ แล้วถ้าเป้นอย่างที่ฉันว่าจริงๆ มันก็จะค่อยๆว่ายน้ำเข้ามาในคลองบางมุด หลังจากที่มันได้เหยื่อเป็นชาวประมงตามปากแม่น้ำนั่นแหละค่ะ แล้วมันก็มาเจอเวิ้งน้ำนิ่งๆที่ไม่ค่อยมีใครแจวเรือผ่าน นั่นแหละ ที่ซ่อนตัวชั้นยอดของมันเลย” ชมพู่อธิบายยาว ซึ่งไกรกับเลิศแทบไม่อยากเชื่อว่า จระเข้ตัวนี้จะมาไกลจากในห้วงมหาสมุทรได้

                    “จะว่าไปก็เคยได้ยินการรายงานข่าวเหมือนกันว่า มีชาวประมงตรงปากแม่น้ำที่จะออกทะเลหายตัวไป แต่ชาวบ้านพูดกันแค่ว่า อาจจะตกน้ำ แล้วจมน้ำตายเฉยๆ” เลิศเอ่ยขึ้น

                    “ไม่ใช่จมน้ำแล้วล่ะถ้าเป็นอย่างนั้น ตอนนี้มันได้แหล่งอาหารชั้นยอดสำหรับมันแล้วคือ หมู่บ้านรอมคลองบางมุดของพวกเรา” ไกรกัดฟันแน่น  ก่อนจะถามชมพู่ต่ออีกว่า

                    “ด็อกเตอร์ครับ คุณรู้ไหมว่าตัวนี้เป็นตัวผู้หรือตัวเมีย ?

                    “ดูจากหางที่ยาวแบบนี้ ตัวผู้แน่นอนค่ะ” ชมพู่ตอบ

                    ไกรจ้องไปที่รูปถ่ายของจระเข้ยักษ์ มือของเขาที่กุมกระดาษ A4 ทั้งสองด้าน เริ่มสั่น ในใจของผู้กองหนุ่มเต็มไปด้วยความโกรธแค้น หลังจากที่มันฆ่าทั้งเพื่อน และลูกน้องของเขาไปถึงสองคน ภายในเวลาแค่ชั่วข้ามคืน และคราวนี้ เขาจะต้องถลกหนังมันให้ได้ เพื่อแก้แค้นให้กับดวงวิญญาณของบุคคลที่รักของเขาทั้งสอง

                    “เป็นตัวผู้งั้นเหรอ ก็ดี จะได้สู้กับมันให้สมกับที่มันเป็นชาละวัน และกูคือไกรทอง !!

     

                    ในระหว่างที่ไกรกำลังนั่งอ่านข้อมูลส่วนอื่นอยู่นั้น จ่าสิงห์ก็วิ่งมาที่เต็นท์กรมประมง และขออนุญาตชมพู่เข้ามาในเต๊นท์เพื่อมาแจ้งข่าวสารสำคัญกับไกรผู้เป็นหัวหน้าทีม

                    “ว่าไงจ่าสิงห์ ?

                    “ข่าวดีครับหัวหน้า ทางหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ส่งรถลำเลียงอาวุธหนักมาให้แล้วครับ !

                    “ดีเลย งั้นเดี๋ยวขอผมไปดูก่อนนะครับด็อกเตอร์” ไกรรีบลุกขึ้นแล้วเดินตามจ่าสิงห์ไป ซึ่งเลิศกับชมพู่เองก็อยากเห็น จึงรีบลุกและเดินตามไปที่เต็นท์ของทางหน่วยนาวิกโยธินที่อยู่ห่างออกไปเพียงแค่ห้าสิบเมตร

     

                    กล่องเหล็กขนาดใหญ่ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าทั้งสิ้นหกกล่อง ค่อยๆถูกลำเลียงลงมาวางบนพื้นดินริมตลิ่ง เมื่อจ่าสิงห์ปลดล็อกลังและเปิดฝาขึ้น ทุกคนก็ได้เห็นอาวุธใหม่ที่ทางหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ขอความร่วมมือจากหน่วยสงครามพิเศษส่งมาให้

                    “เท่าที่เห็น นี่มันไม่ใช่อาวุธหลักของหน่วยเอ็งนี่ไกร ?” เลิศหันมาถามไกรเมื่อเห็นลักษณะของอาวุธที่ถูกส่งมา ซึ่งไกรก็พยักหน้าก่อนตอบว่า

                    “อย่างที่เอ็งพูดน่ะถูก แต่ข้าเห็นว่าจะล่าไอ้เข้ตัวนี้ ลำพังอาวุธปกติของหน่วยข้า คงจะไม่สามารถถล่มผิวหนังของมันได้แน่   M60 ที่ว่าแน่ๆยังยิงมันไม่ได้เลยเพราะการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วเกินสัตว์เดรัจฉานธรรมดาอย่างมัน ข้าเลยตัดสินใจปรึกษาผู้บัญชาการหน่วยนาวิกที่วานให้ข้ามาที่นี่แหละ ให้ช่วยคุยกับทางหน่วยสงครามพิเศษเพื่อขอเบิกอาวุธชั้นดีพวกนี้มา เป็นไงล่ะ พอใช้ได้ไหม ?” ไกรพูดพลางหยิบเอาปืนลูกซองชนิด Itchaka M37 ที่ยังไม่ได้บรรจุกระสุนให้เลิศดู

                    “ใช้ได้นะ เหมาะมือดี ลูกซองแบบนี้ยิงกระสุนลูกปรายได้ดี โอกาสจะยิงถูกเป้าหมายที่กำลังเคลื่อนตัวอยู่ เป็นไปได้สูง” เลิศพูดพลางกระชากลูกเลื่อนส่งกระสุนปืนทดสอบความกระชับมือ

                    “งั้นก็โอเคเลย เอ็งใช้ปืนลูกซอง Itchaka M37 นี่เลยก็แล้วกัน ส่วนข้าเอาเจ้านี่ดีกว่า Quebec A ชนิดใช้กระสุน .22 ดูสิว่าอาวุธขนาดนี้ ถ้ายังยิงมันไม่ตายก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว”

                    “เอ่อเดี๋ยวนะคะ ผู้กองทำท่าอย่างกับจะไปออกรบเลยนะคะ ดูอาวุธพวกนี้เข้าสิ” ชมพู่เอ่ยขึ้นขณะมองดูเหล่าทหารกำลังเชยชมอาวุธใหม่ที่ส่งตรงจากสัตหีบ จากลักษณะของอาวุธที่ส่งมา ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้นว่า นี่จะเป็นการประกาศสงครามระหว่างคนกับสัตว์จริงแน่หรือ

                    “ตอนนี้ไม่มีอะไรที่จะมาหยุดยั้งมันได้แล้วล่ะครับด็อกเตอร์ ยังไงซะความปลอดภัยของชาวบ้านต้องมาก่อน ด็อกเตอร์ไม่ต้องห่วง ถ้าจับเป็นได้ พวกผมก็จะพยายาม แต่มันมันสุดวิสัยจริงๆ ผมก็ต้องจับตาย” ไกรยังคงยืนยันคำเดิม ซึ่งชมพู่นั้นก็ได้แต่พยักหน้า ไกรที่เห็นใบหน้าของด็อกเตอร์สาวสวยที่ดุจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่กับการที่ต้องล่าสังหารจระเข้ยักษ์ตัวนี้ ซึ่งมันขัดต่องานของเธอ เขาหันไปถามจ่าสิงห์อีกว่า

                    “จ่าสิงห์ อุปกรณ์ยิงยาสลบ ทางหน่วยส่งมาด้วยรึเปล่า ?

                    “ส่งมาเรียบร้อยแล้วครับผม”

     

                                                    ………………………………………………..

     

                    คืนนั้น ศักดิ์ ผู้เป็นมัคทายกวัดน้ำลอด ปรึกษากับทางเจ้าอาวาสวัดคือ พระศร ได้ตัดสินใจยกเลิกจัดงานวัดประจำปี เพื่อกันไม่ให้นักท่องเที่ยวที่ยังไม่รู้ข่าวที่มีจระเข้ยักษ์อาละวาดในคลองหน้าวัด เข้ามาเที่ยวแล้วเผลอเข้าไปใกล้บริเวณริมคลองบางมุด ชาวบ้านต่างพากันจูงมือลูกหลานเข้าบ้านและสั่งไม่ให้เข้าไปใกล้คลอง มีบางส่วนที่ขอร่วมเป็นอาสาสมัครล่าจระเข้ ได้ใช้รถกระบะของชาวบ้านอาสา ขับลาดตะเวรบนฝั่ง เพื่อตามล่าจระเข้ยักษ์ที่หนีไปกบดานอยู่ที่เวิ้งน้ำ

                    เรือยนต์สองลำ ที่ซึ่งมีหน่วยนาวิกโยธิน และตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรหลังสวน กำลังแล่นตรวจตราในลำคลอง โดยไกรที่เป็นคนนำทีมในการล่าตอนกลางคืน ตัดสินใจนำทีมมุ่งหน้าไปยังเวิ้งน้ำใหญ่ที่ซึ่งเป็นที่กบดานของจระเข้ยักษ์ ตอนนี้ไกรกำลังคิดอยู่ว่า มันอาจจะตายเพราะทนพิษบาดแผลจากสะเก็ดระเบิด และโดนระดมยิง หรือมันอาจจะกำลังซ่อนตัวเพื่อรอให้บาดแผลฉกรรจ์ของมันหายดีเสียก่อน ถึงค่อยออกมาล่าเหยื่ออีกครั้ง

                    ไกรถือปืน Quebec A เล็งพร้อมทั้งกำไฟฉายสอดส่องไปด้วย เพราะการล่าในกลางคืน จะค่อนข้างลำบากพอสมควร ส่วนเลิศก็ถือปืนลูกซอง Itchaka M37 พร้อมกำไฟฉายไว้ด้วยเช่นกัน

                    กระแสน้ำในเวิ้งน้ำใหญ่ที่เงียบสงบเริ่มปั่นป่วนเพราะมอเตอร์ และใบพัดของเรือยนต์ของตำรวจทั้งสองลำ แต่ถึงกระนั้น เป็นเวลาตั้งแต่ หนึ่งทุ่มแล้วจนเที่ยงคืน ก็ไม่ปรากฏว่าจะมีอะไรโผล่ขึ้นมาให้เห็นเลยแม้แต่นิดเดียว บนฝั่งก็มีการจับกำลังพร้อมซุ่มโจมตีตลอดเวลา

                    “ไกร ข้าว่ามันบาดเจ็บ มันเลยไม่กล้าโผล่ตัวขึ้นมา” เลิศเอ่ยขึ้น

                    “เป็นไปได้ แต่อย่าประมาท”

                    จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่ปรากฏว่ามีสัตว์อะไรโผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำ ชาวบ้านที่มาช่วยในการล่าก็เริ่มมีอาการง่วงเหงาหาวนอน เมื่อเห็นว่าคืนนี้ท่าทางจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไกรจึงประกาศถอนกำลังกลับ เรือยนต์ทั้งสองลำจึงหันหัวแล่นขึ้นทิศเหนือตามเดิม และเมื่อไปถึงหน้าแคมป์ ไกรเอ่ยปากขอบคุณชาวบ้านทุกคนที่ให้ความร่วมมือในการมาช่วยล่าจระเข้ยักษ์ในคืนนี้ ก่อนจะให้ทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อนตามเดิม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×