ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลำน้ำมรณะ

    ลำดับตอนที่ #11 : บทที่ 11(จบ)

    • อัปเดตล่าสุด 2 มี.ค. 55


                                                                                   ตอนที่ 11

     

                “ตูม !!

                    เสียงระเบิด C4 ดังกึกก้องกัมปนาทไปทั่วเวิ้งน้ำ ลูกน้องของเลิศจับตาดูการเคลื่อนไหวใต้น้ำ และเมื่อเห็นว่า สัญญาณของวัตถุขนาดใหญ่ เริ่มเคลื่อนไหว โดยตัวสัญลักษณ์แทนตัวของจระเข้ยักษ์ กำลังเริ่มเคลื่อนตัวมุ่งหน้าขึ้นสู่ทางทิศเหนือ ซึ่งแน่นอนว่า การไล่ต้อนด้วยระเบิด ทำให้สัตว์ที่ขยาดกับอานุภาพจากแรงระเบิดอย่างมัน ต้องหวาดกลัวเป็นธรรมดา มันจึงรีบหลบหนีออกจากที่ซ่อน และว่ายน้ำขึ้นสู่ทางเหนือ แผนการแรกของไกร สำเร็จอย่างงดงาม

                    “พี่เลิศ มันไปแล้วครับ แผนสำเร็จ !!

                    “ดี งั้นตามมันไปเลย”

                    เลิศดันเกียร์แล้ว บังคับเรือให้แล่นตามจระเข้ยักษ์ไปทันที ในเวลาเดียวกัน จ่าสิงห์ก็ได้ใช้วิทยุติดต่อไปที่ไกร ที่เตรียมกำลังพลอยู่บนฝั่ง ที่บริเวณไม่ไกลจากแคมป์นาวิกโยธิน

                    “หัวหน้าครับ แผนการสำเร็จ เราต้อนมันไปที่ๆหัวหน้ารออยู่แล้ว”

                    “ดีมากจ่าสิงห์”

                    ไกรบรรจุกระสุนลูกดอกยาสลบเข้าที่ปืนยิงยาสลบ ก่อนจะรีบวิ่งไปที่ริมคลอง โดยชาวบ้านกับทางตำรวจ ได้นำหมูเลี้ยงขนาดกลาง นำไปลอยคออยู่ที่กลางคลองเรียบร้อยแล้ว และห่างจากเหยื่อล่อประมาณ 30 เมตร ก็มีเรือยนต์ของตำรวจ 4 ลำที่ซึ่ง แต่ละลำแบ่งหน่วยนาวิกโยธินไว้ลำละ 2 นายเพื่อเตรียมใช้อาวุธปืนไรเฟิลกระสุนปกติในการยิงใส่จระเข้ยักษ์ หากว่าแผนการจับเป็นล้มเหลว ขณะที่บนฝั่ง หน่วยนาวิกโยธินที่เหลือ ก็จะใช้กระสุนยาสลบในการยิง

                    ชาวบ้านนับร้อย แห่กันมาดูภาพนาทีระทึกในการจับจระเข้ยักษ์ ซึ่งมีไม่น้อยที่ชาวบ้าน ขนอาวุธที่ตนมี มาช่วยในภารกิจล่าพญากุมภีล์จอมโหดตัวนี้

                    “ผู้กองไกรคะ ขอบคุณนะคะที่คุณยอมที่จะจับมันแบบเป็นๆ” ชมพู่เอ่ยขึ้นขณะดูการเตรียมการของเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง

                    “ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ ไม่มีใครอยากจับตายมันหรอกถ้าไม่จำเป็น ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุดก็แล้วกัน แต่ถึงอย่างไร ด็อกเตอร์ชมพู่ก็ระวังตัวไว้บ้างนะครับ” ไกรหันมาพูดกับชมพู่ สีหน้าของผู้กองหนุ่ม แสดงให้เห็นถึงความห่วงใยที่มีต่อด็อกเตอร์สาวสวยเต็มหัวใจ ซึ่งเธอก็รู้สึกดีและตอบรับคำพูดของไกรไปว่า

                    “ค่ะ ไกร”

     

                    สะพานข้ามคลองบางมุด ที่อยู่ห่างจากศาลาริมน้ำวัดน้ำลอดประมาณ ยี่สิบเมตร บนสะพาน มีชาวบ้านที่เป็นอาสาสมัครเป็นหน่วยซุ่มสังเกตการณ์ เมื่อเห็นว่าภายใต้ผิวน้ำ มีเงาดำของวัตถุขนาดใหญ่ ว่ายน้ำมาจากทางทิศใต้ และเมื่อมองไกลๆ ก็เห็นเรือยนต์ของตำรวจ แล่นตามติดมา พวกเขาจึงรู้ทันทีว่า จระเข้ยักษ์ กำลังจะเข้าใกล้จุดที่ลอยเหยื่อล่อไว้แล้ว

                    “ผู้กองไกรครับ จระเข้ยักษ์ ผ่านหน้าวัดน้ำลอดมาแล้วครับ !!

                    ไกรที่รับวิทยุจากชาวบ้านที่ติดต่อมา เมื่อเขาทราบตำแหน่งที่มันกำลังเคลื่อนตัวผ่าน ผู้กองหนุ่มก็ประกาศให้ทุกคนเข้าประจำตำแหน่งของตัวเองทันที โดยไกรวิ่งไปที่ริมน้ำพร้อมกับนาวิกโยธินอีก 1 นายและชาวบ้านอีกประมาณสิบคนที่เป็นอาสาสมัครล่าจระเข้ยักษ์ โดยมีทีมคุ้มกันคือ ตำรวจจาก สถานีตำรวจภูธรคอยระวังภัยให้จากทางขวามือประมาณสิบเมตร

     

                    หมูตัวสีชมพู ลอยเคว้งอยู่ในน้ำ มันร้องเสียงดังราวกับหวาดกลัวกับสิ่งที่เป็นภัย ที่ใกล้เข้ามา ที่คอของมันมีเชือกล่ามอยู่ ปลายเชือกอีกด้านหนึ่งผูกติดกับรถพ่วงคันหนึ่งที่เตรียมการไว้ หากจระเข้ยักษ์มาถึงและเข้าใกล้เหยื่อ รถพ่วงก็จะลากหมูตัวนี้ขึ้นฝั่งทันที

                   

                    สัญญาณโซนาร์ที่หย่อนไว้ที่ใกล้เรือตำรวจดังขึ้น ภาพหน้าจอแสดงให้เห็นตำแหน่งที่จระเข้ยักษ์ใกล้เข้ามา ทางเรือส่งสัญญาณด้วยการดบกมือให้ไกรที่อยู่บนฝั่งเห็นว่า พร้อมแล้ว

                    “ทุกคน เตรียมพร้อม !!

     

                    และแล้ว ส่วนของก้อนขี้หมาก็ปรากฏขึ้นมาเหนือผิวน้ำ ร่างของพญาสัตว์ขนาดมหึมาที่กำลังหิวโหย กระหายเหยื่อ ค่อยๆสะบัดหาง ว่ายน้ำเข้าไปที่เหยื่อล่อ ซึ่งก็คือหมู โดยมันรีบเร่งสปีดการวายน้ำให้เร็วขึ้นหมายจะพุ่งงับและฉีกเนื้อของหมูที่ลอยอยู่กินให้หายหิว แต่แล้วเมื่อไกรตะโกนบอกเริ่มแผนการได้ รถพ่วงที่พ่วงเชือกล่ามตัวหมูไว้ ก็เดินเครื่อง คนขับเหยียบคันแร่งทันที

                    จังหวะที่จระเข้ยักษ์อ้าปากกำลังจะเข้าใกล้เหยื่อ รถพ่วงก็แล่นไปข้างหน้า และดึงเหยื่อให้รอดพ้นจากคมเขี้ยวของพญากุมภีล์ได้อย่างหวุดหวิด หลังจากนั้น หน่วยกล้าตายที่อยู่บนฝั่ง ก็ระดมยิงด้วยปืนยิงยาสลบไปที่ร่างขนาดมหึมาของจระเข้ยักษ์ในทันที

                    ลูกดอกที่ปักตามส่วนต่างๆของลำตัว ทำให้พญาสัตว์ เริ่มคลุ้มคลั่งมันสะบัดหัวและหางไปมา หางขนาดใหญ่ของมัน ฟาดใส่ผิวน้ำจนผิวน้ำแตกกระจาย ขณะที่บนฝั่ง  ชมพู่วิ่งไปดูภาพที่จระเข้ยักษ์ถูกระดมยิงด้วยยาสลบจนทำให้มันเริ่มบ้าคลั่ง ชมพู่รีบบอกให้ไกรหยุดยิงยาสลบ เพราะหากปริมาณของยาสลบมากไปกว่านี้ อาจจะทำให้ระบบหายใจของจระเข้ เกิดความผิดปกติ และจะทำให้มันคลุ้มคลั่ง

                    “หยุดยิง !!

                    บนฝั่งหยุดยิงยาสลบ พญาจระเข้ ส่ายหัวไปมาราวกับมันเริ่มรู้สึกตาลาย แต่แล้วมันก็ค่อยๆดำน้ำหายไป ไกรพยายามมองไปในกลางคลอง เพื่อหาเป้าหมายว่า มันดำน้ำหายไปไหน ไกรรีบวิทยุไปที่เรือยนต์ที่อยู่กลางคลองทันที

                    “เห็นตัวมันไหม มันอยู่ตรงไหน ?

                    นายตำรวจที่รับหน้าที่เช็คสัญญาณพยายามมองหาจุดที่จระเข้ยักษ์ดำน้ำหายไป แต่เมื่อเขาเห็นสัญญาณ เขาก็ต้องตะโกนลั่นด้วยความตกใจ ก่อนจะชี้ไปที่บริเวณริมฝั่ง

                    “ทุกคน ระวัง !!

                    ไม่ทันที่ทุกคนจะตั้งตัว จระเข้ยักษ์ก็โผล่ส่วนหัวขึ้นมาที่บริเวณริมตลิ่ง มันพุ่งเข้างับร่างของชาวบ้านผู้เคราะห์ร้ายเข้าเต็มปาก ไกรสั่งให้ใช้อาวุธปืนสำรองที่มียิงใส่จระเข้ยักษ์ทันที ท่ามกลางความแตกตื่นของชาวบ้าน จระเข้ยักษ์ได้ค่อยๆคลานขึ้นสู่บนฝั่ง และเหวี่ยงหางอันใหญ่โตและทรงพลัง ฟาดใส่กลุ่มชาวบ้านจนกระเด็นคว่ำ ได้รับบาดเจ็บ เมื่อเห็นว่าคู่ต่อสู้ทำอะไรไม่ได้ มันก็คาบเหยื่อลงไปในน้ำ มันชูคอขึ้นแล้วบดขยี้ร่างของเหยื่ออย่างรุนแรงและกลืนลงคอไป เรือยนต์ของนาวิก 4 นำที่ลอยลำอยู่ ระดมยิงด้วยปืนไรเฟิลที่เตรียมไว้ทันที ทำให้ทั้งคลองบางมุด เต็มไปด้วยเสียงและควันปืน

                    จระเข้ยักษ์ ว่ายหลบวิถีกระสุนที่ถูกยิงลงมาจากเรือยนต์ทั้ง 4 ลำ แต่แล้วมันก็โผขึ้นงับเข้าที่ด้านหน้าสุดของเรือยนต์ลำหนึ่งอย่างจัง  มันสะบัดหัวไปมาทำให้โครงเรือยนต์ค่อยๆฉีกขาดออกจากกัน เหล่าทหารหาญบนเรือ กระเด็นตกลงไปในน้ำ

                    พญาจระเข้ที่หิวกระหาย ผละออกจากซากเรือที่กำลังจะจมสู่ท้องน้ำ มันพุ่งเข้างับร่างของตำรวจนายหนึ่งที่ลอยคออยู่กลางคลอง มันงับแล้วสะบัดร่างของเขาออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ส่วนนาวิกฯกับตำรวจนายอื่น ได้รับการช่วยเหลือให้ขึ้นไปบนเรือลำที่เหลือเรียบร้อยแล้ว โดยเรือยนต์ได้กระจายลำออกจากการเรียงลำรูปแบบแถวหน้ากระดาน

     

                    “ผู้กองคะ ถ่วงเวลาไว้จนกว่ายาสลบจะออกฤทธิ์ จระเข้ตัวนี้จะคลั่งได้อีกไม่นานแล้วค่ะ” ชมพู่เอ่ยขึ้นขณะที่กำลังช่วยแบกชาวบ้านที่โดนพลังการฟาดหางของมันจนได้รับบาดเจ็บไปนั่งที่ไกลจากฝั่งคลอง

                    “ทำไมล่ะครับ มันคลั่งขนาดนี้ ผมว่าเปลี่ยนเป็นจับตายจะง่ายกว่านะ”

                    “ยาสลบก่อนออกฤทธิ์ จะทำให้สัตว์คลั่ง อีกไม่นานแล้วค่ะ เชื่อฉัน จระเข้ตัวนี้จะนอนสงบนิ่งไม่เคลื่อนไหวอีกนาน เพราะมันโดนยาสลบเข้าไปหลายมิลลิกรัมแล้ว”

                    ไกรคิ้วขมวด แต่เขาก็ตัดสินใจจะลองฟังในสิ่งที่ชมพู่เสนอ เขาฝากให้ตำรวจบนฝั่ง และชาวบ้านที่ไมได้รับบาดเจ็บ ช่วยดูอาการคนเจ็บ และคอยคุ้มกันแนวริมฝั่งคลองไว้  และไกรก็ได้วิ่งไปและวิทยุไปหาเลิศที่กำลังช่วยเรือยนต์ลำอื่นระดมยิงใส่จระเข้ยักษ์อย่างเอาเป็นเอาตาย

                    “เลิศ ! เอาเรือของเอ็ง กับเรืออีกลำ เข้าฝั่ง ข้าจะใช้วิธีอวนล้อม !!

                    “จะได้ผลเหรอวะไกร !?

                    “เอาเถอะ มันต้องลองแล้ว ให้เรืออีกสองลำขับวนเวียน พยายามยิงคุ้มกันให้หน่อย อย่าให้มันเข้ามาใกล้ฝั่งนะ ฝากด้วย !!

                    เลิศตะโกนบอกแผนการให้เรืออีก 3 ลำรับทราบ โดยเลิศหันหางเสือ บังคับเรือเข้าฝั่ง พร้อมทั้งเรืออีกลำหนึ่งด้วย ขณะที่เรือยนต์อีก 2 ลำกำลังแล่นวนเวียนและยิงสกัดกั้นจระเข้ยักษ์ที่กำลังบ้าคลั่งเพราะยาสลบกำลังเริ่มออกฤทธิ์

                    เมื่อเรือทั้งสองลำเข้าเทียบฝั่ง ไกรให้ชาวบ้านกับนาวิกฯที่อยู่บนฝั่ง ช่วยกันแบกอวนขนาดใหญ่ไปช่วยกันติดที่บริเวณด้านข้างของท้องเรือ โดยให้ด้านหนึ่ง ผูกติดกับเรือของเลิศ และอีกด้านหนึ่งผูกติดกับด้านข้างท้องเรือของเรืออีกลำหนึ่ง ซึ่งเมื่อเรือสองลำแล่นขนานกัน อวนขนาดใหญ่ที่ผูกติดไว้ที่ด้านข้างท้องเรือทั้งสองลำ ก็จะกางออกตรงบริเวณกึ่งกลางระหว่างเรือทั้งสองลำพอดี และนี่คือยุทธวิธีอวนล้อมที่ไกรประยุกต์ใช้มาจากการจับปลาของชาวประมง

                    ไกรกระโดดขึ้นเรือของเลิศ พร้อมทั้งถือปืน Quebec A มาด้วย และเมื่อไกรให้สัญญาณ เรือทั้งสองลำก็แล่นออกจากชายฝั่งโดยให้เรืออีกลำหนึ่งนำหน้าไปก่อน และเรือของไกร ก็ค่อยๆแล่นไปตีคู่ โดยห่างกันพอประมาณ และก็ได้ผล เมื่ออวนสามารถอ้าออก กางในน้ำได้สำเร็จตามแผนที่ไกรคิด

                    “เอาล่ะ ให้เรือสองลำนั้น ยิงต้อนไอ้เข้นี่ให้มาที่เรือเราซะ” ไกรเอ่ยขึ้น

                    “ไม่เสี่ยงไปเหรอครับหัวหน้า ให้มันพุ่งเข้าหาเราแบบนี้ ?” จ่าสิงห์เอ่ยถาม ขณะเล็งปืนลูกซองเรมิงตันไปที่เป้าหมายที่ กำลังส่งเสียงคำรามในน้ำอย่างบ้าคลั่ง

                    “ก็บอกว่าผมมีแผน สั่งให้เรือสองลำ โยนระเบิดต้อนมันให้มันหนีมาทางเรา เร็วเข้า !!

                    จ่าสิงห์ทำหน้าไม่ค่อยเชื่อใจหัวหน้าหน่วยนาวิกโยธินอย่างไกรมากนัก แต่เขาก็ได้ใช้วิทยุติดต่อไปที่เรือของจ่าเชษฐ์ ที่เป็นเพื่อนร่วมหน่วยนาวิกโยธิน และทำหน้าที่เป็นคนขับเรือลำที่ 3 และเมื่อได้ยินอย่างนั้น จ่าเชษฐ์จึงให้ พลปืนที่กำลังระดมยิงจระเข้ยักษ์อยู่จากทั้งสามลำ หยุดยิงและให้เรือตรีพิภพ รองหัวหน้าทีมนาวิกโยธิน โยนระเบิดลงไปในน้ำทันที

                    เหมือนว่าจระเข้ยักษ์จะรู้ถึงพิษสงของสิ่งที่โยนลงมาเป็นอย่างดี มันรีบหันหัวแล้วว่ายน้ำหนีก่อนที่วัตถุที่โยนลงมา จะโดนลำตัวของมัน มันรีบสะบัดหางพุ่งตัวว่ายหนีทันที

                    “ตูม !!

                    เสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่วท้องน้ำ ชาวบ้านชี้ไปที่จระเข้ยักษ์ที่กำลังว่ายน้ำหนีอย่างหัวซุกหัวซุน และว่ายมาเข้าทางเรือทั้งสองลำที่ไกรรออยู่พอดี ไม่รอช้า ไกรตะโกนลั่นว่า

                    “มันมาแล้ว เดินเครื่องเรือเต็มกำลัง !!

                    เรือทั้งสองลำ แล่นออกแทบจะพร้อมกัน โดยไม่ให้ความตึงของอวนลดหย่อนไปเลย เรือทั้งสองลำที่กางอวนยักษ์ พุ่งเข้าหาจระเข้ยักษ์ทันที และแล้ว อวนขนาดยักษ์ ก็ตรึงร่างของจระเข้ยักษ์เข้าไว้พอดี !!

                    มันดิ้นพรวดพราด พยายามจะหาทางหนี และด้วยแรงปะทะจากร่างอันใหญ่โตของมัน ทำให้เรือทั้งสองลำ โคลงเคลง เลิศบังคับเรือสุดแรงเกิด หันหางเสือพุ่งเข้าหาฝั่งคลอง เช่นเดียวกันกับเรืออีกลำที่หันหางเสือไปทางซ้ายเพื่อพุ่งไปยังฝั่งคลอง และแล้ว เมื่อเรือยนต์ทั้งสองลำ เข้าประชิดกับริมฝั่งคลองได้สำเร็จ โดยที่หัวเรือทั้งสอง เกยขึ้นไปบนพื้นดินริมตลิ่งนิดหน่อย ทำให้ร่างของจระเข้ยักษ์ ถูกตรึงไว้กับอวน ติดกับริมตลิ่งเข้าพอดี พวกไกรรีบกระโดดลงจากเรือ แล้วชักปืนเล็งไปที่จระเข้ยักษ์ที่ม้วนตัวไปมา เพื่อพยายามสลัดการถูกจับตรึงกับอวนให้หลุดออกไป ท่ามกลางสายตาชาวบ้านนับร้อย แต่แล้ว มันก็ดิ้นจนหลุดจากอวนโดยอาศัยแรงเฮือกสุดท้าย มันสะบัดจนอวนขาด เรือทั้งสองลำกระเด็นไปไกลทันที

                    ไกรกับเลิศระดมยิงด้วยปืนของตัวเองเต็มกำลัง จระเข้ยักษ์แผดเสียงคำรามกึกก้องด้วยความเจ็บปวด แต่แล้ว ด้วยฤทธิ์ของยาสลบทำให้มันเคลื่อนไหวได้ช้าลง และจากการถูกระดมยิงด้วยปืน มันค่อยๆคลานขึ้นบกอย่างช้าๆ ด้วยฝ่าการระดมยิงของไกรและเลิศ ด้วยลำตัวและน้ำหนักที่ใหญ่โตของมัน มันลากตัวเอง คลานไปบนพื้นดินดังครืด จากริมฝั่งไปยังจุดใกล้ๆที่กลุ่มชาวบ้านเตรียมปืนหรือหลาวไม้ไว้เตรียมจู่โจมได้ประมาณ 20 เมตร มันก็ปล่อยขาของมันพลิ้วไปกับข้างลำตัว มันค่อยๆปิดปากของมัน ไกรกับเลิศ และชมพู่  เดินไปดุมันใกล้ๆเมื่อเห็นสภาพที่ร่อแร่เต็มทีของมัน ชมพู่พูดลอยๆออกมาว่า

                    “ยาสลบเริ่มออกฤทธิ์แล้ว

                    จระเข้ยักษ์หันหัวไปทางชมพู่บ้าง ไปทางชาวบ้านบ้าง และที่ดวงตาของมันก็เริ่มปรือๆ ก่อนที่หนังตาของนักล่าแห่งสายน้ำ จะค่อยๆปิด แม้จะยังไม่ถึงกับตาย แต่มันก็ได้สลบไปเพราะฤทธิ์ยาสลบเรียบร้อยแล้ว

                    “มันสลบแล้วค่ะ ยาสลบออกฤทธิ์แล้ว !!” ชมพู่ตะโกนลั่น

    เมื่อสิ้นเสียงตะโกนของชมพู่ เสียงโห่ร้องด้วยความดีใจของชาวบ้านที่มาช่วยเหลือภารกิจนี้ ก็ส่งเสียงดังกันไปทั่วทั้งคุ้งน้ำบางมุด หลังจากไล่ล่ากันมายาวนาน เจ้าสัตว์ยักษ์ตัวนี้ก็ถูกจับได้เสียที และยังเป็นการจับเป็นอีกด้วย ชาวบ้านได้ใช้อวนสำรอง มารวบเข้าบนลำตัวอันใหญ่โตที่ต้องใช้คนช่วยกันใช้อวนล้อมตัวมันถึงประมาณ 8 คน

    เลิศรับหน้าที่ใช้เชือกมัดปากของมันไว้อย่างแน่นหนา  ชาวบ้านได้ช่วยกันยกลำตัวของมันเผื่อที่จะใช้อวนโอบรัดส่วนใต้ท้องได้ และเมื่อสามารถล้อมตัวมันได้สำเร็จ ชมพู่ก็จัดการตรวจสอบรอยแผลตามร่างกาย พบว่า ลำตัวของมันมีแต่บาดแผลจากการถูกยิงด้วยกระสุนปืน และมีแผลฉกรรจ์ที่บริเวณผิวหนังตรงข้างลำตัวซีกขวา มีแผลฉกรรจ์จากการถูกสะเก็ดระเบิด ตาซ้ายเป็นแผลจากการถูกยิงด้วยกระสุนปืน ทำให้ตาบอด และเมื่อเช็คสภาพร่างกาย เรียบร้อย ชมพู่ได้จัดการวัดขนาดลำตัวของจระเข้ยักษ์ตัวนี้ ก่อนะประกาศให้ชาวบ้านได้รับรู้ว่า จระเข้ตัวนี้มีขนาดความยาวมากถึง 9 เมตรเลยทีเดียว

    รถเครนได้ใช้ตะขอปั้นจั่น เกี่ยวเข้าที่ด้านบนของอวนที่ล้อมส่วนลำตัวส่วนบนไว้ และได้ยกตัวมันขึ้นไปใส่ในรถบรรทุกขนาดใหญ่ เพื่อที่จะเตรียมขนย้ายจระเข้ยักษ์ตัวนี้ไปรักษาตัวที่ศูนย์วิจัยสัตว์เลื้อยคลานต่อไป ก่อนจะนำมันไปเลี้ยงไว้ที่ บ่อเลี้ยงที่ทางกรมประมงจัดสร้างไว้อย่างดีที่จังหวัดชลบุรี

     

    ในช่วงหกโมงเย็น ชาวบ้านที่พากันโล่งอกหลังจากสามารถจับเพชฌฆาตโหดแห่งลุ่มน้ำตัวนี้ได้ กำลังพูดคุยหัวเราะอย่างมีความสุข เลิศกำลังให้สัมภาษณ์นักข่าวที่เข้ามาทำข่าวที่คลองบางมุด ซึ่งพาดหัวข่าวในวันพรุ่งนี้ ก็คงหนีไม่พ้น จับเป็นสำเร็จ ไอ้เข้ยักษ์แห่งคลองบางมุด ชมพู่กำลังเก็บข้าวของของเธอที่เต๊นท์ใส่กระเป๋า เพื่อที่จะได้ติดรถไปกับกรมประมงเพื่อไปวิจัย และส่งรายงานการปฏิบัติการภาคสนามให้หน่วยงานต้นสังกัดของเธอต่อไป

    “จะกลับเลยเหรอครับด็อกเตอร์ชมพู่ ?

    เสียงทุ้ม ฟังดูแล้วอบอุ่นที่คุ้นหู ดังเข้ามาในหูของชมพู่ และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบว่าเจ้าของเสียงนั้นก็คือ ผู้กองหนุ่ม ไกรนั่นเอง

    “ผู้กอง ไกร คือฉันต้องรีบกลับไปเขียนรายงานการปฏิบัติหน้าที่ที่คลองบางมุดนี่น่ะค่ะ”

    “เสียดายจังนะครับ อุตส่าห์มาถึงชุมพรทั้งที ผมยังไม่ได้พาคุณเที่ยวในจังหวัดบ้านเกิดผมเลย

    “ฉันเองก็เสียดายค่ะ แต่นี่ฉันมาเพื่อทำงาน แล้วผู้กองล่ะคะ จะกลับสัตหีบเลยรึเปล่า ?

    “ผมยังคิดถึงที่นี่อยู่ครับ แล้วอีกอย่างคือผมอยากร่วมงานศพของเพื่อนผมที่ตายในเหตุการณ์นี้ด้วย คิดว่าถ้าเสร็จงาน ก็คงจะอยู่ที่นี่ต่ออีกซักสองสามวัน ก็ค่อยกลับสัตหีบครับ”

      “เออผู้กองคะ ที่ผู้กองบอกว่าให้ไปเอาบะหมี่ที่ผา เพื่อนผู้กองเอามาให้น่ะค่ะ คือว่า ผู้กองเลิศเขาเอามาให้ที่เต๊นท์ของทีมงานฉันตั้งแต่ตอนที่ผู้กองวิ่งตามฉันไปแล้วล่ะค่ะ ผู้กองมีอะไรจะพุดกับฉันรึเปล่าคะ พูดมาตรงๆก็ได้

    ไกรทำหน้าเหวอ เขาไม่คิดว่าสิ่งที่เขาพูดมั่วไปนั้น จะกลับกลายเป็นตรงกันข้าม เขาหันหลังให้ชมพู่แล้วเกาหัว เริ่มนึกไม่ออกว่าควรจะทำยังไงต่อไปอีกดี แต่คำพูดบางอย่าของตากริช ที่เคยสอนเขามาในตอนเด็กๆ ก็ผุดเข้ามาในหัวของเขา ซึ่งตากริชเคยบอกกับไกรว่า

    “อย่าอายที่จะพูดว่ารักกับคนที่เรารัก เพราะตายึดหลักการนี้ยังไงล่ะ ตาถึงได้หัวใจของยายกุลมาครอง”

     

    ไกรอมยิ้มก่อนจะหันมาพูดกับชมพู่ว่า

    “ชมพู่ครับ มากับผมทางนี้หน่อย”

    ไกรจูงมือชมพู่พาเดินไปยังทางหน้าบ้านไม้ยกใต้ถุนสูงของไกร โดยไกรหันหน้าไปพูดในใจกับบ้านของเขา ไม่สิพูดในใจกับตากับยายและแม่ของเขาว่า

     “ตาครับ ยายครับ แม่ครับ เป็นพยานให้ผมด้วยนะครับ”

    ผู้กองหนุ่มหันกลับมาก่อนจะพูดกับด็อกเตอร์สาวสวยว่า

    “ผมรักคุณ

    “เอ๊ะ !?” ชมพู่ทำตาโตเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของไกร โดยที่เธอทำหน้าเหมือนยังงง และพูดว่า “คุณพูดอีกครั้งซิคะผู้กอง คุณพูดว่าอะไรนะ”

    “ผมรักคุณ ชมพู่ ผมเริ่มชอบคุณตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่ฟาร์มจระเข้สมุทรปราการแล้ว ผมอยากให้คุณอยู่กับผม ผมอยากให้บ้านหลังนี้ของผมเป็นเรือนหอของผมกับคุณ ผมคิดว่าผมคิดไม่ผิด ที่ผมรักคุณ ถ้าเกิดผมไมได้บอกคำนี้สักที ผมคงไม่มีโอกาสได้บอกอีก เพราะผมไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เจอคุณอีกหรือเปล่า”

    เมื่อพูดจบ ไกรก็โน้มตัวไปที่แก้มขวาของชมพู่ เขาจุมพิตเบาๆที่แก้มขวาของเธออย่างอ่อนโยน ชมพู่น้ำตาไหล ก่อนจะมองหน้าของไกรที่ยืนยิ้มให้เธออยู่ และด็อกเตอร์สาวสวยก็พูดกับผู้กองหนุ่มแห่งกองทัพราชนาวีไทยว่า

    “ฉันรักคุณค่ะ ไกร

     

                                                                    อวสาน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×