ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วิจักษ์/วิจารณ์ การ์ตูนที่ชอบของผม

    ลำดับตอนที่ #8 : Bakuman: อันว่าหนังสือการ์ตูนซักเล่ม

    • อัปเดตล่าสุด 21 มิ.ย. 54


    ปล.ไม่ค่อยชอบUsernameแระ ขอเรียกผมว่าBlackarseก็แล้วกัน

    "มีใครเคยอ่านหนังสือการ์ตูนบ้าง" ผมเชื่อว่าทุกๆคนคงเคยอ่านมาทั้งนั้นแหละครับ

    สำหรับคราวนี้ผมเอาการ์ตูนของJumpมาลงมั่ง ลงของค่ายอื่นสะเปะสะปะไปหมดแล้ว แต่เดี๋ยว นี่ไม่ใช่การ์ตูนแอ๊คชัั้่นของจัมป์นะครับ เป็นการ์ตูนชีวิต เขียนโดยนักวาดสองศรีที่หลายๆคนคงรู้จักอย่าง "สิงุมิ โอบะ" กับ "ทาเคชิ โอบาตะ"ขอรับกระโผม



    Baku เป็นคำภาษาญี่ปุ่นที่เล่นได้3ความหมายหลักๆ ก็คือ บาคุ(ระเบิด) บาคุ(สมเสร็จ ซึ่งคนญี่ปุ่นเชื่อว่ากินความฝันเป็นอาหาร) และบาคุแมน ที่หมายความว่าวันรุ่นกรำงาน

    บาคุแมนเป็นเรื่องของโมริทากะ มาชิโระ หนุ่ม ม.4ผู้เงียบกริบ มีงานอดิเรกคือวาดรูปเล่น วันหนึ่งเขาวาดรูปมิโฮะลงในสมุดโน้ต แล้วทากากิ อากิโตะไปเห็นเข้า จึงเสนอไปเดียให้มาฮิโระว่า "ไม่ลองมาวาดหนังสือการ์ตูนด้วยกันเหรอ" นี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด

    ตัวละคร

    โมริทากะ มาชิโระ(ไซโค)
    หนุ่มน้อยไฮสคูลที่รู่ตัวว่าวาดรูปเก่ง แต่ก็เลือกที่จะทำงานกินเงินเดือนแบบคนญี่ปุ่นทั่วไป จนกระทั่งทากากิาเข้ามาชัดกวนให้เขียนการ์ตูน ชื่อเล่นว่า"ไซโค" มาจากตัวอักษรคันจิเขา(แถมยังสะท้อนลีลาการพูดของเขาอีก) มาชิโระแอบชอบอาสึกิ มิโฮะ เพื่อร่วนชั้นของเขา 
    มาชิโระมีนิสัยค่อนข้างเหนียม ไม่กล้าสู้และเลือกที่จะไม่ทำตัวเด่น ผลการเรียนก็แค่พอถูไถเท่านั้น แต่เขามีน้าเป็นนักเขียนการ์ตูนชื่อดัง โนบุฮิโระ มาชิโระ ที่เสียชีวิตเพราะเทำงานหนักเกิน(ตรงนี้หละทำให้ผมนึกถึงฟูจิโกะ ฟูจิโอะเลย) แม่ของเขาเลยไม่ยอมให้เขาเป็นนักเขียนการ์ตูน แต่เพราะคำค้านของพ่อจึงทำให้แม่ยอมให้เขาเขียนการ์ตูน


    ทากากิ อากิโตะ(ชูจิน)
    เพื่อนร่วมชั้นเดียวกับมาชิโระ เขาเรียนเก่งมากจนมาชิโระไม่เชื่อเลยว่าเขาอยากเขียนการ์ตูน นอกจากจะมีบุคลิกฮิปๆแล้วยังเป็นตัวฮ่าของเรื่องอีก ชูจินอยากจะเขียนการ์ตูนมาแต่เด็กเพราะชอบผลงานของน้าของมาชิโระ(จะเอาชื่อมาลงทีหลัง) ส่วนพ่อของเขาเป็นมนุษย์เงินเดือน ส่วนแม่เป็นครู
    ชูจินมาความทรงจำที่เจ็บปวดอยู่อย่างหนึ่งก็คือความรู้ เนื่องจากพ่อของเขาถูกไล่ออกจากบริษัทอย่างไม่เป็นธรรม (ฟ้องร้องไม่ได้นะครับเพราะเป็นสิทธิของบอส) แม่เลยสอนหนังสือระดับมัธยมให้เขาตั้งแต่ของอยู่ระดับประถม เพื่อจะได้นำความรู้ไปล้างแค้นบอสที่ไล่พ่อเขาออก แต่ชูจินไม่ยอม(โดนใช้งานแบบนี้ใครมันจะยอมฟระ) และฝันอยากเขียนการ์ตูนเรื่อยมา
    ชูจินเป็นคนตรงไปตรงมา ระดับที่เข้าขั้นว่าจะขวานผ่าซากก็ว่าได้ อย่างเช่นไปถามมิโฮะเสียงดังๆหน้าบ้านว่า"อยากเป็นนักพากย์หรือ" หรือไปชมมิโยชิว่าอกอึ๋ม จนทำเอาหน้าเป็นรอยมือ แต่ความจริงเขาเป็นคนซีเรียสมาก โดยเฉพาะการแข่งกับนิซึมะ เอย์จิ 

    อาซึกิ มิโฮะ

    โทโจอายะ(Ichigo100%)เวอร์ชั่นหุ่นไม่บึ้ม ไม่ก็มิโอะ(K-On)เวอร์ชั่นนักพากย์ เ็ป็นไอดอลในหมู่นักเรียน(อันเป็นเหตุทำให้มาชิโระไม่กล้าสู้เพราะกลัวเป็นหนูตกถังข้าวสาร) แต่มิโฮะเองก็ชอบมาชิโระอยู่เหมือนกัน ทั้งมาชิโระและมิโฮะต่างก็สัญญากันว่า"เมื่อมาชิโระสร้างอนิเมะได้แล้ว มิโฮะจะมาพากย์ให้" เรื่องน่าสนใจก็คือกลับกลายเป็นว่ามาม้าของมิโฮะเป็นคนรักของน้ามาชิโระนันเอง (บังเอิ้ญ บังเอิญจิงๆ)
    หลังจากที่มิโฮะขึ้นชั้นไฮสคูลปี1 เธอก็ไปสมัครเป็นนักพากย์ให้กับการ์ตูนยูริเรื่องหนึ่ง(ทำนองเดียวกับMaria) ซึ่งตอนสอบสัมพาษณ์นี่กวนมาก เพราะบอสวัวแก่บอกกรรมการให้ปล่อยเธอผ่านเลย ไม่ต้องประเมิณคะแนนใดๆทั้งสิ้น

    นิซึมะ เอย์จิ
    นักเขียนอัจฉริยะ(แต่ผมอยากเรียกว่าคนบ้ามากกว่า) แห่งอากามารุจัมป์ ได้รับรางวัลเท็ตสึกะมาหลายครั้งจนเดินหน้าเข้าสู่การเป็นนักเขียนเต็มตัว เอย์จิเป็นคนเพี้ยนๆ ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายที่จะเป็นที่หนึ่งของจัมป์เพื่อ"ใช้สิทธิตัดจบการ์ตูนเรื่องหนึ่ง"(แต่จัมป์มันมีการ์ตูนน่าตัดจบหลายเรื่องนะ จะเอาเรื่องไหนก่อนละเอย์จิ) เอย์จิสามารถเขียนหนังสือการ์ตูนได้โดยไม่ต้องมีสตอรี่บอร์ด(เจ้าตัวพูดว่าตัวละครมันเคลื่อนที่ไปเอง) เอย์จิเป็นคนเกียวโต ตอนเด็กๆเขาไม่มีเงินไปซื้อเกมมาเล่นจึงมีงานอดิเรกคือวาดเล่นนั่นเอง

    อากิระ ฮัตโตริ
    เป็นคนที่สอนวิธีการเข้าสู่วงการหนังสือการ์ตูนของมาชิโระและทาคากิ โดยหลักๆแล้วเขาเป็นคนเอาใจใส่ในความรู้สึกของนักเขียน แต่เขาอยู่คุมงานของทั้งสองเพียงชั่วระยะหนึ่งเท่านั้น ก่อนที่มาชิโระและทาคากิจะต้องไปอยู่ภายใต้ความดูแลของมิอุระ

    มินาโตะ มิอุระ  
    บก.คนต่อจากฮัตโตริ เขาเป็นคนค่อนข้างสบายและปล่อยตัวอยู่หน่อยนึง เขาเป็นคนแนะนำให้มาชิโระกับทาคากิเขียนการ์ตูนแก๊ก เป็นคนเส้นตื้นและมีความสามารถน้อยกว่าฮัตโตริ แต่เขาก็พยายามปั้นมาชิโระกับทาคากิอย่างสุดความสามารถ ในช่วงแรกๆเขาคิดแค่พยายามไม่ให้งานเขียนโดนตัดจบ

    จุดที่น่าสนใจ
    บางคนอาจสงสัยว่า ทำไมเรื่องของจัมป์ถึงออกทะเล จบไม่ค่อยดี เดินเรื่องยืด และอีกร้อยแปดพันเก้า เรื่องนี้ตีแผ่หมดเลยครับ

    งานที่เรียกว่านักเขียนการ์ตูนไม่ใช่งานเบาๆที่มีแต่วาด กับวาด และวาด เพราะสำหรับจัมป์แล้ว ผลงานที่ได้อันดับแย่จะถูกตัดจบ เว้นเสียแต่ว่าสามารถยึดอันดับหนึ่งไปได้นานๆจึงจะหลุดจากกฎนี้ (แต่ไม่หลุดจากการดูแลนะครับ) ประกอบกับการที่นักเขียนต้องแข่งกับเวลา ทำให้หลายๆครับที่นักเขียนสมองตื้อ เช่นชูจินที่หลายๆครั้ง ที่ปวดหัวกับการเดินเรื่องในตอนต่อไป ยิ่งเรียนไปเขียนไปนี่ไม่ต้องพูด งานช้างเหยียบแท้ๆ 

    ในขณะเดียวกันระบบจัดอันดับก็นับเป็นเรื่องสุดโหด ผู้ที่ทำผลงานแรกไว้ดีแล้วมาเริ่มงานที่สองจะต้องพบกับแรงกดดันในการรักษามาตรฐาน ส่วนผู้ที่อยู่ในอันดับเสี่ยงจะถูกตัดจบก็ต้องหาทางเปลี่ยนแนว ยิ่งเป็นระบบที่อิงผลโหวดของผู้อ่านแล้ว จึงต้องพยายามเกาะกระแส การ์ตูนส่วนใหญ่ของจัมป์จึงเป็นการ์ตูนแนวต่อสู้ ใช้พลัง มีโลกแฟนตาซี ฯลฯ ผลงานสายมืด(หมายถึง ผลงานที่ไม่ใช่การ์ตูนบู๊)นั้นมีน้อย

    และ บก.มักจะไม่ให้นักเขียนจบเรื่องดังใจชอบ โดยเฉพาะถ้าเรื่องนั้นดังมากๆจะไม่ยอมจบเพราะมันเป็นกำไรเข้าบริษัท นี่แลคือธุรกิจ ซึ่งไม่ได้ต่างไปจากที่ บก.ส่งงานเขียนของนักเขียนวัยเรียนหลายๆคนกลับไปแก้ใหม่ เพราะไม่ติดตลาด ไม่สนุก สั้น ฯลฯ

    ที่น่าแปลกใจก็คือ เทรนด์การ์ตูนต่อสู้นั้นคู่กับจัมป์มานานมาก (ไม่รู้ถึง30ปีหรือไม่) โดยการ์ตูนต่อสู้รุ่นบุกเบิกเลยก็คือดราก้อนบอล ที่กลายมาเป็นลักษณะของการ์ตูนของจัมป์เรื่อนเด่นๆ ซึ่งก็คือ เดินเรื่องในโลกแฟนตาซี ต่อสู้เยอะ(แต่ไม่เท่าการ์ตูนจีน) ยิ่งสู้ ศัตรูยิ่งแข็งแกร่ง วิธีรับมือคือต้องบ้าพลังให้มากขึ้น ฯลฯ

    สำหรับตัวละครอย่างมาชิโระและทาคากิ เปรียบไปแล้วก็เหมือนกับชีวิตการเข้าสู่การ์ตูนของ อ.โอบะและ อ.โอบาตะไม่มีผิด เพราะผลงานร่วมของนักเขียนสองคนนี้ที่ดังเปรี้ยงปร้างเรื่องแรกคือฮิคารุเซียนโกะ ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเล่นเกม ซึ่งมีตัวละครไม่เยอะนัก ก่อนจะดังขึ้นไปอีกด้วย"เดธโน๊ต" ซึ่งเป็นเรื่องแนวอาชญากรรม ทั้งสองต่างเป็นการ์ตูนสายมืดที่ อ.ทั้งสองคนได้ผสมผสานการต่อสู้ด้านความคิด ตัวละครที่น่าจดจำในรูปแบบเรื่องที่ไม่มีอะไรหวือหวาได้ ทำให้แนวเรื่องหวือหวา น่าติดตาม โดยเฉพาะเรื่องเดทโน๊ตที่ผมติดตามอ่านจนจบแล้วก็ยังคิดเลยว่า "จะมีอะไรเกิดขึ้นต่อไป" 

    โดยสรุป
    ใครชอบงานของ อ.โอบะ และ อ.โอบาตะก็ไม่ควรพลาดนะครับ ยิ่งรวมกับตัวละครหญิง(มิโฮะและอาโอกิ) ที่น่ารัก นับว่าเป็นเรื่องที่ผมอ่านแล้ววางไม่ลงเลยทีเดียว
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×