ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Gimmick กว่าจะเป็นภาพยนตร์
กลับมาอีกครั้งหลังจากที่ย้ายที่อยู่ใหม่ครับ
ให้พูดเลยนะ ช่วงนี้หาการ์ตูนเจ๋งๆมาแนะนำไม่ออกเลย เพราะหลายๆเรื่องเลยที่จะเป็นเรื่องโรแมนติกคอมเมดี้ที่ไม่ค่อยมีสาระเท่าไหร่ อย่างรัก4สีนายซามูไรนี่ อ่านแล้วรู้สึกจืดมาก แถมวาดอิบุกิยังกับตุ๊กตายัดนุ่นที่หน้าอก ดูแล้วท่าจะยืนไม่อยู่เลยแหละ ตัวละครตัวอื่นเหรอก็ไม่ประทับใจ ค่อนข้างแย่ครับ
สำหรับเรื่องนี้ก็ไม่แพ้กัน เปิดเล่มแรกอ่าน รู้สึกว่ามันไร้สาระแกมซื่อบื้อ เหมือนเรื่องจบในตอน แต่เรื่องน้อยเล่มเนี่ยยิ่งเขียนมันยิ่งดีซะงั้น โดยเฉพาะเล่มหลังๆที่น่าประทับใจจริงๆ
Gimmick
แนว:ตลก ชีวิต
ผู้อ่านควรมีอายุ15ปีขึ้นไปเพราะเซอร์วิสแรง(แต่ไม่ลามก)
ให้พูดเลยนะ ช่วงนี้หาการ์ตูนเจ๋งๆมาแนะนำไม่ออกเลย เพราะหลายๆเรื่องเลยที่จะเป็นเรื่องโรแมนติกคอมเมดี้ที่ไม่ค่อยมีสาระเท่าไหร่ อย่างรัก4สีนายซามูไรนี่ อ่านแล้วรู้สึกจืดมาก แถมวาดอิบุกิยังกับตุ๊กตายัดนุ่นที่หน้าอก ดูแล้วท่าจะยืนไม่อยู่เลยแหละ ตัวละครตัวอื่นเหรอก็ไม่ประทับใจ ค่อนข้างแย่ครับ
สำหรับเรื่องนี้ก็ไม่แพ้กัน เปิดเล่มแรกอ่าน รู้สึกว่ามันไร้สาระแกมซื่อบื้อ เหมือนเรื่องจบในตอน แต่เรื่องน้อยเล่มเนี่ยยิ่งเขียนมันยิ่งดีซะงั้น โดยเฉพาะเล่มหลังๆที่น่าประทับใจจริงๆ
Gimmick มีความหมายว่าภาพลวงตา โดยตัวเรื่องโฟกัสไปที่ผู้สร้างSpecial effect นางาเสะ โคเฮ ช่างเอฟเฟ็คที่บ้าทำเอฟเฟ็คชนิดทำข้ามคืนไม่กินข้าวกินปลา แต่นั่นก็ทำให้เขามีฝีมืออย่างมากจนจ้าวแห่งเอฟเฟ็คR.B.ให้เขาสืบต่องานเอฟเฟ็คจากเขา
โคเฮเป็นเจ้าของสตูดิโอเล็กๆชื่อGimmick ซึ่งเป็นสตูดิโอในรถเทรลเลอร์
นางาเสะ โคเฮ
"ไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้"คือคำพูดหลักของเขา สุดยอดช่างSpecial effectที่ได้มาด้วยความโคตะระบ้าในSFX(มันก็คือspecial effectอีกนั่นแหละ) ที่ยึดเหนียวทางจิตใจของเขานอกจากจะเป็นR.B.แล้ว ยังมีสาวสวยดาราดังเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจอีกด้วย(แต่ทำได้แค่ดูภาพแบบพวกแฟนคลับละ) ยามไม่มีงานก็จะใช้SFXแกล้งคนอื่นเล่นๆ
คันนะสึกิ ชินโง
สตั้นท์แมนร่างกายล่ำสันที่ถูกโคเฮใช้เหมือนเบ๊ เขาเป็นสตั้นท์แมนที่เรียกได้ว่า"สง่างาม"ในฉากหวาดเสียวทุกรูปแบบ(หมายความว่า สามารถแสดงได้เป็นธรรมชาติมากที่สุดนั่นแหละ) แต่ด้วยความผิดพลาดครั้งหนึ่งในอดีตทำให้เขาไม่กล้ากระโดดจากที่สูงอีกเลย
ในด้านมุขตลกของเรื่องนี้ก็ออกแนวๆ"ทำไปได้" ประเดิมมุขแรกในหนังยุคเอโดะ พระเอกหนังฟันหัวโจรจนมีเลือด(ปลอม)พุ่งออกมาเหมือนเลือดจริง เล่นเอาพระเอกทำดาบหลุดมือก่อนจะรู้ว่ามันคือการเมคอัพแบบเจ๋งพิเศษด้วยการแปะแ่ผ่นคาร์บอนเคฟลาร์(วัตถุสีเทาเป็นเส้นๆคล้ายผ้า มีน้ำหนักเบาแต่เหนียวมาก) แล้วเอาถุงเลือดแปะบนแผ่นคาร์บอนเคฟลาร์แล้วเอาหนังเทียมปิดอีกที
นอกจากนั้นยังมีมุขเพี้ยนอยู่หลายจุด เช่น เมื่อรู้ว่าจะมีฉากอาบน้ำ ก็แอบทำบอลลูนซ่อนไว้ในไหล่ผู้แสดงให้มันไปพองในห้องน้ำ ทำหุ่นจระเข้ให้คนตกใจ ที่ผมฮานักก็ือตอนทีี่ทำหน้ากากแสดงละครโรงเรียนให้เด็กคนหนึ่ง แล้วใส่กลไกเลือดพุ่งออกจากหัวอีกซะจนเด็กทั่วโรงเรียนเกร็งหมด
แต่เมื่ออ่านเล่มสอง เล่มสาม ยิ่งอ่านก็ยิ่งประทับใจ เรื่องเล่าของสิ่งที่เรียกว่าSFXยิ่งสร้างความประทับใจมากขึ้น โดยผมขอยกงานที่ประทับใจเลยก็แล้วกัน
1.โอกาสสุดท้าย เป็นตอนที่นางาเสะได้รับงานจากชิโฮะ ให้ไปดูแลน้องสาวของเธอ นางป่งยเป็นโรคร้ายแรงที่ทำให้หน้าตาอิดโรย และอีกไม่นานก็ต้องตาย เธอจึงขอนางาเสะว่า เมื่อเธอตายแล้ว ช่วยแต่งหน้าให้ดูแข็งแรงสุขภาพดี คนรักจากต่างประเทศจะได้ไม่กังวลอีกต่อไป
2.คันนะสึกิ ตอนนี้เล่าถึงอดีตของคันนะซากิ สตันท์แมนเทคเดียวจบ(ในการสร้างหนังเนี่ย มันจะมีเทค หมายถึงจำนวนครั้งในการเล่นฉากนั้นๆ หากต้องเล่น2รอบคือ2เทค) แต่คันนะซากิกลับไปยอมที่จะแสดงการกระโดดผาดโผนเลย เนื่องจากในอดีตเขาเคยถ่านฉากกระโดดแล้วพลาด บาดเจ็บกระดูกหัก
พอเขาต้องเข้าฉากกระโดดอีกครั้ง(กระโดดลงมาจากเครนสูงกว่า3เมตร) นางาเสะจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้คันนะสึกิยอมกระโดดให้ได้ จนท้ายที่สุดจึงปีนขึ้นไปแล้วผลักคันนะสึกิลงมาเสียเอง แต่การถ่ายก็ประสพความสำเร็จไปได้ด้วยดี
3.พ่อมดน้อย เป็นตอนแนะนำเด็กที่บ้าSFXไม่แพ้โคเฮ เขาได้สร้างฉากเมิืองขนาดใหญ่ขึ้นมาเองด้วย"เกียงเงิน"ของนางาเสะ นางาเสะจึงคิดตามไปเล่นงานเด็กคนนี้ แต่เมื่อนางาเสะเห็ความสามารถของเด็กแล้วจึงเอ่ยปากชม
แต่ในวันถัดมา เมืองจำลองที่เด็กทำขึ้นกลับพังยับเยิน นาวาเสะจึงไปตามล่าคนทำผิดจนพบว่าเป็นลูกทีมSFXของกองถ่ายเสียเอง โดยเขาให้เหตุผลว่าเขาเหนื่อยกับงานSFXแต่กลับมีรายได้ต่ำเตี้ยเรื่ยดิน จนกระทั่งคนอื่นๆต้องอธิบายให้ฟังว่า
"SFXคืองานแห่งความรัก มันให้ผลตอบแทนต่ำแถมเหนื่อยมาก แต่ภาพยนตร์ทุกเรื่องต้องการ มันจึงเป็นงานที่สำคัญอย่างยิ่งยวด
4.บทโฆษณา เป็นตอนที่กล่าวถึงโคเฮซึ่งรับงานให้แต่งหน้านางแบบสาว ให้หน้าตาคล้ายกับเพื่อนเก่าของโคเฮ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ ผู้ว่าจ้างเอานางแบบที่ผอมกว่าเพื่อนเก่าไปเทียบกับเพื่อนเก่าในโฆษณาผลิตภันฑ์ลดน้ำหนัก ทำให้คนคิดว่าได้ผลแน่นอน โดยไม่รู้ว่าจริงๆแล้วมันเป็นผลิตภัณฑ์อันตราย
ว่ากันจริงๆแล้วนี่แหละคือโฆษณา ถ้าสังเกตุโฆษณาที่มีสโลกแกน"ขาวอมชมพู" ทุกช๊อต จะเห็นได้ว่าหน้านางแบบก่อนใช้ดูเป็นธรรมชาติมากกว่าหลังใช้อีก (เพราะหน้าส่วนหลังใช้ผ่านการรีทัช เลยแบน) ซึ่งผมบอกได้เลยว่า ผลิตภัณฑ์พวกนี้อาจได้ผล แต่ไม่ใช่ตามที่โฆษณาบอกแน่นอน ดังนั้นก็ระมัดระวังเวลาซื้อด้วย
5.ตอนสุดท้าย Field of dream ถือเป็นตอนจบที่ผมว่าสมบูรณ์ที่สุด (ไม่รู้ว่าจบแค่9เล่นนี่โดนตัดจบหรือเปล่า) โดยเนื้อเรื่องนับว่าอิ่มเอมน่าพอใจ ผมไม่อยากสปอยล์นะ หามาอ่านเองละกัน
โดนสรุปแล้ว เรื่องGimmick ถือว่าเป็นเรื่องที่โฟกัสในส่วนพิเศษ (และแน่นอนว่าทำซะเวอร์เกินเหตุ) และไม่ออกทะเล(ทั้งเรื่องออกไปในแนวช่วยเหลือคนอื่นด้วยความสามารถของตน โดยหวังเพียงรอยยิ้มของคนอื่น) แม้ดูจากภายนอกจะจืดจาง แต่ผมบอกได้เลยว่าผมชอบครับ
โคเฮเป็นเจ้าของสตูดิโอเล็กๆชื่อGimmick ซึ่งเป็นสตูดิโอในรถเทรลเลอร์
นางาเสะ โคเฮ
"ไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้"คือคำพูดหลักของเขา สุดยอดช่างSpecial effectที่ได้มาด้วยความโคตะระบ้าในSFX(มันก็คือspecial effectอีกนั่นแหละ) ที่ยึดเหนียวทางจิตใจของเขานอกจากจะเป็นR.B.แล้ว ยังมีสาวสวยดาราดังเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจอีกด้วย(แต่ทำได้แค่ดูภาพแบบพวกแฟนคลับละ) ยามไม่มีงานก็จะใช้SFXแกล้งคนอื่นเล่นๆ
คันนะสึกิ ชินโง
สตั้นท์แมนร่างกายล่ำสันที่ถูกโคเฮใช้เหมือนเบ๊ เขาเป็นสตั้นท์แมนที่เรียกได้ว่า"สง่างาม"ในฉากหวาดเสียวทุกรูปแบบ(หมายความว่า สามารถแสดงได้เป็นธรรมชาติมากที่สุดนั่นแหละ) แต่ด้วยความผิดพลาดครั้งหนึ่งในอดีตทำให้เขาไม่กล้ากระโดดจากที่สูงอีกเลย
ในด้านมุขตลกของเรื่องนี้ก็ออกแนวๆ"ทำไปได้" ประเดิมมุขแรกในหนังยุคเอโดะ พระเอกหนังฟันหัวโจรจนมีเลือด(ปลอม)พุ่งออกมาเหมือนเลือดจริง เล่นเอาพระเอกทำดาบหลุดมือก่อนจะรู้ว่ามันคือการเมคอัพแบบเจ๋งพิเศษด้วยการแปะแ่ผ่นคาร์บอนเคฟลาร์(วัตถุสีเทาเป็นเส้นๆคล้ายผ้า มีน้ำหนักเบาแต่เหนียวมาก) แล้วเอาถุงเลือดแปะบนแผ่นคาร์บอนเคฟลาร์แล้วเอาหนังเทียมปิดอีกที
นอกจากนั้นยังมีมุขเพี้ยนอยู่หลายจุด เช่น เมื่อรู้ว่าจะมีฉากอาบน้ำ ก็แอบทำบอลลูนซ่อนไว้ในไหล่ผู้แสดงให้มันไปพองในห้องน้ำ ทำหุ่นจระเข้ให้คนตกใจ ที่ผมฮานักก็ือตอนทีี่ทำหน้ากากแสดงละครโรงเรียนให้เด็กคนหนึ่ง แล้วใส่กลไกเลือดพุ่งออกจากหัวอีกซะจนเด็กทั่วโรงเรียนเกร็งหมด
แต่เมื่ออ่านเล่มสอง เล่มสาม ยิ่งอ่านก็ยิ่งประทับใจ เรื่องเล่าของสิ่งที่เรียกว่าSFXยิ่งสร้างความประทับใจมากขึ้น โดยผมขอยกงานที่ประทับใจเลยก็แล้วกัน
1.โอกาสสุดท้าย เป็นตอนที่นางาเสะได้รับงานจากชิโฮะ ให้ไปดูแลน้องสาวของเธอ นางป่งยเป็นโรคร้ายแรงที่ทำให้หน้าตาอิดโรย และอีกไม่นานก็ต้องตาย เธอจึงขอนางาเสะว่า เมื่อเธอตายแล้ว ช่วยแต่งหน้าให้ดูแข็งแรงสุขภาพดี คนรักจากต่างประเทศจะได้ไม่กังวลอีกต่อไป
2.คันนะสึกิ ตอนนี้เล่าถึงอดีตของคันนะซากิ สตันท์แมนเทคเดียวจบ(ในการสร้างหนังเนี่ย มันจะมีเทค หมายถึงจำนวนครั้งในการเล่นฉากนั้นๆ หากต้องเล่น2รอบคือ2เทค) แต่คันนะซากิกลับไปยอมที่จะแสดงการกระโดดผาดโผนเลย เนื่องจากในอดีตเขาเคยถ่านฉากกระโดดแล้วพลาด บาดเจ็บกระดูกหัก
พอเขาต้องเข้าฉากกระโดดอีกครั้ง(กระโดดลงมาจากเครนสูงกว่า3เมตร) นางาเสะจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้คันนะสึกิยอมกระโดดให้ได้ จนท้ายที่สุดจึงปีนขึ้นไปแล้วผลักคันนะสึกิลงมาเสียเอง แต่การถ่ายก็ประสพความสำเร็จไปได้ด้วยดี
3.พ่อมดน้อย เป็นตอนแนะนำเด็กที่บ้าSFXไม่แพ้โคเฮ เขาได้สร้างฉากเมิืองขนาดใหญ่ขึ้นมาเองด้วย"เกียงเงิน"ของนางาเสะ นางาเสะจึงคิดตามไปเล่นงานเด็กคนนี้ แต่เมื่อนางาเสะเห็ความสามารถของเด็กแล้วจึงเอ่ยปากชม
แต่ในวันถัดมา เมืองจำลองที่เด็กทำขึ้นกลับพังยับเยิน นาวาเสะจึงไปตามล่าคนทำผิดจนพบว่าเป็นลูกทีมSFXของกองถ่ายเสียเอง โดยเขาให้เหตุผลว่าเขาเหนื่อยกับงานSFXแต่กลับมีรายได้ต่ำเตี้ยเรื่ยดิน จนกระทั่งคนอื่นๆต้องอธิบายให้ฟังว่า
"SFXคืองานแห่งความรัก มันให้ผลตอบแทนต่ำแถมเหนื่อยมาก แต่ภาพยนตร์ทุกเรื่องต้องการ มันจึงเป็นงานที่สำคัญอย่างยิ่งยวด
4.บทโฆษณา เป็นตอนที่กล่าวถึงโคเฮซึ่งรับงานให้แต่งหน้านางแบบสาว ให้หน้าตาคล้ายกับเพื่อนเก่าของโคเฮ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ ผู้ว่าจ้างเอานางแบบที่ผอมกว่าเพื่อนเก่าไปเทียบกับเพื่อนเก่าในโฆษณาผลิตภันฑ์ลดน้ำหนัก ทำให้คนคิดว่าได้ผลแน่นอน โดยไม่รู้ว่าจริงๆแล้วมันเป็นผลิตภัณฑ์อันตราย
ว่ากันจริงๆแล้วนี่แหละคือโฆษณา ถ้าสังเกตุโฆษณาที่มีสโลกแกน"ขาวอมชมพู" ทุกช๊อต จะเห็นได้ว่าหน้านางแบบก่อนใช้ดูเป็นธรรมชาติมากกว่าหลังใช้อีก (เพราะหน้าส่วนหลังใช้ผ่านการรีทัช เลยแบน) ซึ่งผมบอกได้เลยว่า ผลิตภัณฑ์พวกนี้อาจได้ผล แต่ไม่ใช่ตามที่โฆษณาบอกแน่นอน ดังนั้นก็ระมัดระวังเวลาซื้อด้วย
5.ตอนสุดท้าย Field of dream ถือเป็นตอนจบที่ผมว่าสมบูรณ์ที่สุด (ไม่รู้ว่าจบแค่9เล่นนี่โดนตัดจบหรือเปล่า) โดยเนื้อเรื่องนับว่าอิ่มเอมน่าพอใจ ผมไม่อยากสปอยล์นะ หามาอ่านเองละกัน
โดนสรุปแล้ว เรื่องGimmick ถือว่าเป็นเรื่องที่โฟกัสในส่วนพิเศษ (และแน่นอนว่าทำซะเวอร์เกินเหตุ) และไม่ออกทะเล(ทั้งเรื่องออกไปในแนวช่วยเหลือคนอื่นด้วยความสามารถของตน โดยหวังเพียงรอยยิ้มของคนอื่น) แม้ดูจากภายนอกจะจืดจาง แต่ผมบอกได้เลยว่าผมชอบครับ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น