ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apink & EXO [EXOPINK]

    ลำดับตอนที่ #3 : Chanyeol

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ย. 58



         


              ภายในห้องซ้อมสี่เหลี่ยมห้องหนึ่งที่เต็มไปด้วยเสียงดนตรีหนักๆของกลองชุดรั่วละเลงอย่างเมามันส์ ภายในห้องมีเครื่องดนตรีครบคัน แต่เขาเลือกเล่นตอนนี้คือกลองชุด ความสามารถที่มีมาตั้งแต่เด็ก และเมื่อฝึกฝนบ่อยๆ มันก็ทำให้กลายเป็นพรสวรรค์ อย่างเช่นเขาคนนี้ ชานยอล ชายหนุ่มสูงขาว ส่วนหน้าตาจัดได้ว่าดี เป็นที่น่าหลงไหลของสาวๆได้โดยง่ายเพียงแค่ได้สบตา หลังจากรั่วกลองชุดเป็นเวลานานเหงื่อเม็ดเล็กผุดอยู่บนกายแกร่งกำยำทั่วทั้งร่างกาย ชายหนุ่มลุกขึ้รไปหยิบผ้าผืนเล็กมาเผื่อซับเหงื่อที่ผุดออกมาจากการเล่ดนตรีเมื่อครู่ พร้อมกับหยิบขวดน้ำที่วางข้างๆผ้าผืนเล็กกระดกเข้าปากด้วยความกระหาย เสียงหายใจหอบถี่หลังจากกระดกน้ำเสร็จ


              ชานยอล ชายหนุ่มที่ฝันอยากเป็นไอดอล เขาเข้ามาเป็นเด็กฝึกหัดที่ ‘Kimmy Music’ เป็นเวลาร่วมเกือบ 4 ปี เขาฝึกทั่งร้อง ทั้งเต้น ทั้งเล่นดนตรี เพื่อพัฒนาตัวเองไปเป็นไอดอล มีหลายคนที่ฝึกมาพร้อมๆกับเขา มีทั้งได้เดบิวต์ และบางคนก็ยังฝึกกับเขา เหมือนเพื่อนกลุ่มนี้ พวกเขาฝึกมาด้วยกันหลายปีทำให้สนิทกัน
    นาอึนสาวสวยเซ็กซี่ที่ชอบเล่นกีต้าร์เป็นชีวิตจิตใจ เซฮุนผู้หลงไหลในกีตาร์อย่างบ้าคลั่ง และคนสุดท้ายโชรงสาวสวยน่ารักมือเบสที่มีเสน่ห์ดึงดูดคนรอบข้างให้ชวนมอง พวกเขาไม่เพียงแค่ฝึกมาด้วยกัน แต่พวกเขาคือเพื่อนสมัยเรียนด้วยกันเมื่อ ม.ปลาย จัดตั้งวงขึ้นมาและมาออดิชั่นที่บริษัทนี้ แต่คนที่กำลังกล่าวถึงยังไม่มีใครโผล่หัวมาสักคน ชานยอลเลยมานั่งคนเดียวในห้องซ้อมนี้ 


              เสียงพูดคุยของบุคคลสองคนด้านนอกห้องดังแว่วเข้ามาในโซนประสาทรับเสียงของชายยอล เขาจะไม่สนใจเลยหากเรื่องที่กำลังพูดอยู่ไม่ได้เดี่ยวกับการเดบิวต์ของทสงบริษัท

         “งานนี้ท่านจะเดบิวต์ เกิร์ลกรุ๊ป บอยแบน หรือ วงดนตรีครับ”


         “แวกแนวหน่อยเป็นไง”


         “แนวไหนครับ เพียงคุณคิมสั่งมาผมจะจัดแฟ้มเอกสารส่งให้เลือกครับ”


         “ผมอยากได้คู่ดูโอ้”


         “คู่ดูโอ้หราครับ เราก็ทำบ่อยแล้วนะครับ 2-3คู่ได้มั้ง”


         “คู่ดูโอ้ ชายหญิง ผมมีฝ่ายหญิงแล้ว คุณหาข้อมูลฝ่ายชายมาก็แล้วกัน ส่งให้ผมที่ห้องทำงานนะ วันนี้ผมจะออกไปทำธุระข้างนอก”


              สิ้นเสียงพูดคุย เสียงฝีเท้าที่กระทบกับพื้นดังตลอดทางเดินก็ค่อยๆเบาลงๆจนเสียงเงียบหายไป ตอนนี้ชานยอลที่เอาหูตัวเองแนบฟังอยากตั้งอกตั้งใจ ต้องถอยออกมาจากที่ตรงนั้น ชานยอลนั่งเหม่อคิดไปถึงประโยคสนทนาที่ได้ยินเมื่อครู่นี้อย่างเหม่อลอย 


         “แฮ่”
     บุคคลมาใหม่สามคนเดินมาหยุดตรงหน้าชานยอลและพร้อมกันประสานเสียงเรียกสติคนที่เหม่อลอยจนชายยอลสะดุ้งตกใจ


         “ทำบ้าไรของพวกมึงวะ” ถึงทำทีเป็นอารมณ์เสียใส่เพื่อนแต่ก็แค่นั้น เพราะเขาก็ยิ้มให้เพื่อนสาวอยู่ดี


         “นายมานานยัง โทษไอ้ฮุนเลย แมร่งมัวแต่ซื้อของ จะกินแต่ชานมไข่มุกๆๆ” ผมมองโชรงที่บ่นให้เซฮุนแต่คนโดนบ่นไม่สนใจ ไม่ตอบโต้เพียงแค่ยกชานมขึ้นดื่มและเดินหันหลังไป


       ชานยอลเป็นพวกไม่ชอบอะไรค้างคา เรื่องเมื่อเช้าที่ได้ยินมันยังทำให้เขาคิดว่า ฝ่ายหญิงจะเป็นใคร เพราะบริษัทนี้มีเด็กฝึกหัดตั้งหลายคน แต่เขาขอแค่ของฝ่ายชายเท่านั้น 


         “เมื่อเช้านี้กูได้ยิน โปรดิวเซอร์คุยกับเจ้าของบริษัทว่าจะเดคู่ดูโอ้ แต่ฝ่ายหญิงถูกเลือกไว้แล้ว” ทั้งสามคนตั้งใจฟังผมอย่างมากทุกครั้งที่พูดถึงการเดบิวต์พวกนี้จะจริงจังเป็นพิเศษ มันก็แน่ไม่ใช่หราเด็กฝึกหัดทุกคนก็ต้องรอวันที่จะได้เดบิวต์ทั้งนั้น ก่อนที่สัญญาเด็กฝึกหัดจะหมดก่อน


         “พวกแกคิดว่าไง” ผมอยากรู้ความคิดของเพื่อนๆที่ร่วมฝึกกันมา 
         “หากคนที่ได้เด ไม่ใช่คนที่ฝึกในค่าย” ไม่มีเสียงใดหลุดออกมาจากปากเพื่อนผมสักคน เป็นเวลาหลายนาที




         “ถ้าเกิดว่าไม่ใช่เด็กฝึกในค่าย แสดงว่าคนนี้ต้องมีอะไรพิเศษแน่ๆ” หลังจากที่พวกเราเงียบกันสักพักเป็นนาอึนที่พูดขึ้นทำให้ทุกคนพยักหน้า  “ช่างเถอะ คิดซะว่ายังไม่ถึงเวลาของเรา” 


              ในการเป็นเด็กฝึกหัดมันก็ต้องคาดหวังว่าจะได้เดบิวต์ไม่ใช่หรา แต่เธอ เธอเป็นใคร มาจากไหนไม่มีใครรู้ อยู่ๆก็ได้เดทั้งที่ไม่ต้องมาฝึกอย่างนั้นหรา แค่คิดผมก็สงสารเพื่อนสาวสองคนของผมแล้วถึงเธอคนนี้ผมจะไม่รู้จัก แต่ผมได้คาดโทษไว้กับเธอเรียบร้อยแล้ว
       









         เด็กสาวที่กำลังมุ่งมั่น ตั้งหน้าตั้งตาเต้นอยู่หน้ากระจกนานหลายชั่วโมง ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่เหนื่อย แค่คิดถึงความฝันของตัวเอง ต่อให้เหนื่อยแค่ไหนเธอก็ไม่หวั่นไหว

         “อึนจี อึนจี ฉันมีข่าวดีมาบอก”


         “ข่าวดีอะไรเอ่ย ยิ้มหน้าบานมาเชียว”


         “ทางบริษัทแม่ติดต่ดมา ขอตัวนักร้องสาวเพือจะไปเดบิวต์ ฉันเลยส่งเสียงของเธอไป ทางผู้ใหญ่เลยติดต่อกลับมา ให้เธอไปที่โซลเพื่อเดบิวต์” สิ้นเสียงครูฝึกประจำตัวของฉันพูดจบ ฉันโผล่เข้ากอดครูฝึกอย่างดีใจ
    นี้ฉันกำลังจะได้เดยิวต์แล้วหรา ความฝันฉันอยู่แค่เอื้อมแล้วสินะ  


         “ขอบคุณมากเลยค่ะ ไม่ได้โกหกใช่ไหมค่ะ”


         “รู้ไหมการที่บริษัทแม่เปิดเครือเล็กที่นี้รับเด็กฝึกหัดที่นี้เพราะเขาต้องการคนมีฝีมือ และหนึ่งในนั้นคือเธอ เธอจงตั้งใจฝึกที่นั้นให้เหมือนฝึกที่นี้ ความมุ่งมั่นของเธอจะเป็นแรงผลักดันให้เธอก้าวต่อไปอย่างไม่ลังเล” ครูฝึกพูดจบอึนจีก็โผล่กอดอีกรอบ รอบนี้น้ำตาแห่งความยินดี ดีใจไหลออกมาเกินจะเก็บกั้น 
         “เธอต้องไปฝึกที่นั้นอีกนิดหน่อย ครูขอให้เธอปรับตัวเข้ากับที่นั้นให้ได้นะ ครูเป็นกำลังใจให้”


         “ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากๆ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง”





         อึนจีนั่งมองตัวเองในกระจกเงาในห้องนอนของเด็กฝึกหัด เธอเพ่งมองตัวเองอยู่นานสองนานก่อนที่จะพูดกับตัวเอง


         “อึนจีเธอทำได้แล้วนะ อีกไม่กี่วันข้างหน้าเธอจะได้เป็นไอดอลแล้วนะ ตอนนี้สิ่งที่เรียกว่าไอดอลใกล้มือเธอเข้ามาเรื่อยๆแล้วนะ เธอต้องลบคำสบประมาณของเขาคนนั้นให้ได้” อึนจีนึกไปถึงบุคคลคนนึงที่เคยพูดจาถากถาง ดูถูกเธอเมื่อสมัยตอนยังเป็นนักเรียน









         วงดนตรีวงหนึ่งของโรงเรียนดังขึ้นภายในงานของโรงเรียน วงนี้เกิดขึ้นได้เพราะนักเรียนจัดตั้งวงขึ้นมาเอง และทางโรงเรียนก็ให้การสนับสนุน อึนจีมองคนบนเวที ที่มีทั้งหญิงทั้งชายเล่นดนตรีอย่างเมามันส์นักเรียนหลายคนต่างสนุกกับการแสดงนั้น อึนจีที่พึ่งย้ายมาใหม่สนใจในวงดนตรีนั้น เธอเลยคิดจะเข้าร่วมชมรมด้วย เพราะเธอชอบในเสียงเพลง หลังจากวันนั้นเธอก็ตัดสินใจไปที่ห้องชมรมดนตรี



         “อย่างเธอเนี้ยนะจะเข้าชมรมดนตรี ไปเข้าชมรมศิลปะป้องกันตัวเหมาะกว่าไหม” ชายรูปร่างสูงโปร่ง ฉันจำได้ว่าเขาตีกล่องและร้องเพลงด้วยพูดด้วยสีหน้าดูถูกอย่างมาก


         “ฉันอยากเข้าชมรมดนตรี ทำไมฉันต้องไปเข้าชมรมศิลปะป้องกันัวด้วยละ” เขาเพียงแค่มองฉันแต่สายตาที่ไล่ตั้งแต่หัวจรอฝดเท้านั้นทำฉันเคืองอยู่ในทีเหมือนกัน




    หัดมองตัวเองด้วยนะ ความอยากกับพรสวรรค์มันต่างกันนะ กลับไปเหอะ ชมรมของเราคนเต็มและไม่ต้องการรับคนเพิ่ม”


         “ก็แค่รับฉันเพิ่มอีกคนจะเป็นไร ในชมรมก็มีแค่5คนเอง” คนในชมรมก็แค่นี้แล้วบอกว่าคนเต็มนายนี้มันใจแคบชัดๆ


         “ก็บอกว่าไม่รับไง มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยไป” มันจะมากไปแล้วนะ ทำไมต้องพูดจาร้ายกาจขนาดนั้น เขานี้มันไม่มีมารยาทจริงๆเลย


         “มันจะมากไปแล้วนะ นายคิดว่าได้เก่งมาจากไหนกัน พวกนายก็ไม่ได้เก่งแต่เกิดป่ะ คนเรามันก็ต้องฝึก ต้องหัด ต้องซ้อมทั้งนั้น นายนี้มันโลกแคบชะมัด” ฉันอดทนให้เขาดูถูกต่อไปไม่ไหวแล้ว อารมณ์โมโหมันระเยิดออกมา จะใครหน้าไหนฉันไม่สนหรอก

         “นายมันก็แค่คนอวดเก่งเท่านั้น ฉันจะคอยดูว่านายจะไปได้ไกลแค่ไหนกับความอวดเก่ง และใจแคบของนาย”


         “ปากดีเกินไปแล้วนะเธอนะ”


         “นายกับฉันเราคือศัตรูกัน”


         “ฉันไม่คิดว่าอย่างเธอคือคู่แข่ง เธอเทียบฉันไม่ติดหรอก”


         “แล้วเราจะได้เห็นดีกัน ปาร์ค ชานยอล” 




              ฉันสะบัดหัวไล่ความคิดสมัยก่อนออกจากสมอง สมัยตอนที่อยากเข้าร่วมวงของโรงเรียน เอาจริงฉันก็แอบปลื้มเขานั้นแหละ ใครจะไม่ปลื้มเล่า ตอนนั้นฉันย้ายมาใหม่ ใครๆก็พูดถึง ชานยอลๆๆๆๆ กรอกหูฉันแทบทุกวัน จนวันนั้นวันที่เขาเล่นดนตรี เขามีเสน่ห์มากเลยละ แต่พอเจอคำพูดแบบนั้นนี้รีบเปลี่ยนความคิดเลย ฉันไม่น่าไปหลงปลื้มเขาเลย หลังจากฉันเรียนจบก็ได้ข่าวว่าเขาไปเป็นเด็กฝึกหัดค่ายยักษ์ใหญ่ จนป่านนี้เขาก็ยังไม่ได้เดสักที คราวนี้แหละนาย นายต้องแพ้ฉันราบคาบเพราะฉันกำลังจะได้ไปเดในอีกไม่นานนี้ ฉันยิ้มให้ตัวเองในกระจกเมื่อนึกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับฉันในอีกไม่กี่วันข้างหน้า 

         “อึนจี อีกไม่นานนะความฝันของเธอก็จะเป็นจริงแล้ว อึนจีไฟว้ติ้ง”












              ฉันเดินเข้าไปภายในตึกใหญ่ที่เรียกว่า บริษัทยักษ์ของวงการเคป๊อบ ทุกอย่างดูน่าสนใจไปหมดเลย ห้องซ้อม ห้องดนตรี ห้องอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย ความรู้สึกของฉันตั้งแต่ออกจากบ้านจนตอนนี้ฉันยังคิดว่ามันเป็นความฝันอยู่เลย 


         “คุณอึนจีใช่ไหมครับ เชิญที่ห้องประธานบริษัทครับ” 
    เสียงเรียงของชายคนนึง ซึ่งคงเป็นพนักง่นของบริษัทนี้เรียกให้ฉันต้องหลุดออกจากความคิดของตัวเองเดินตามเขาไป เสียงเคาะประตูานสุดลงชายคนนั้นก็เปิดประตูเข้าสู่ห้องท่านประธานของยริษัท เผยให้เห็นชายคนรึงนั่งอยู่บนเกาอี้ คนนี้คงเป็นท่านประธานสินะ รูปร่างภูมิฐาน ใบหน้าหล่อเหล่าตัดกับผิวสีขาวสะอาดตา ขับให้ใบหน้าช่างน่าชวนมอง แถมยังหนุ่มยังแน่นอยู่เลย 


         “มาแล้วหรา เชิญนั่งก่อน”

         “เข้าเรื่องเลยนะ อย่างที่ครูฝึกได้บอกคุณนั้นแหละ ผมมีโปรเจคจะเดบิวต์เด็กใหม่ แต่ไม่ใช่เกิร์ลกรุ๊ปอย่างที่คุณเข้าใจ ผมต้องการเดบิวต์คู่ดูโอ้ชายหญิง คุณลองอ่านสัญญาดูก่อนก็ได้ เมื่อคุณเซ็นสัญญา พรุ่งนี้เริ่มซ้อมได้เลย อีก3เดือนข้างหน้าจะเป็นวันโปรโมททันที แต่หลังจากนี้ อาจมีการถ่ายทำเพื่อโปรโมทคุณแก่สาธารณะชนก่อน อาจเป็นเรียลลิตี้นิดหน่อยพอให้คุณเป็นที่รู้จัก”

         เขาพูดรวดรัดตัดตอนอย่างไม่มีข้อบกพร่อง คู่ดูโอ้หรา ฉันคิดทวนคำที่เขาพูด ก้าวมาขนาดนี้แล้วฉันจะถอยไม่ได้ นี้มันคือความฝันที่จะเป็นไอดอล ต่อให้ไม่ใช่ เกิร์ลกรุ๊ป ยังไงก็ถือว่าอยู่ในความฝันแหละ ฉันอ่านสัญญาคราวๆ แล้วจัดการเซ็นมันอย่างไม่รีรอ

         “พรุ่งนี้เธอก็เข้าตึกมาซ้อมได้ ส่วนเรื่องที่พัก ให้เป็นหน้าที่ของเมเนเจอร์ของเธอ”

        “ฉันไม่มีเมเนเจอร์นะ ฉันมาคนเดียว”


         “คนข้างหลังเธอเขาจะเป็นคนดูแลเธอ ฮยอนซู ฝากด้วยนะ”

         “ครับท่านประธาน” เสียงเมเนฯรับปากท่านประธานอย่างแข็งขัน

          “อึนจีค่ะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะค่ะ จะตั้งใจขยันฝึกซ้อมค่ะ”




              วันนี้ทางค่ายจะประกาศคนที่จะได้เดบิวต์ในฐานนะนักร้องดูโอ้กับนักร้องหญิงที่ไม่มีใครรู้ว่าเธอคนนั้นคือใคร มาจากไหนพวกเรานั้งรอในห้องประชุมรวมโดยเด็กฝึกหัด ทั้งเก่าและใหม่มาพร้อมหน้า สมองของผมไม่ได้สนใจเลยว่าสิ่งที่เขากำลังพูดนั้นกล่าวถึงอะไรบ้าง 
    เมื่อสองสามวันก่อนผมเข้าบริษัทและต้องพบกับผู้หญิงคนนึงซึ่งมองเองก็มองไม่เห็นหน้า แต่เสียงเรียกชื่อนั้นทำให้ผมตกต้องใจ 

         ‘คุณอึนจีใช่ไหมครับ เชิญที่ห้องท่านประธานครับ”

    ชื่อนี้ทำให้ผมต้องสนใจบทสนทนาเมื่อครู่นี้ ผมว่าโลกมันคงไม่กลมขนาดนั้นหรอก อีกอย่างเธอคนนั้นคงไม่มีวันที่จะมาเป็นนักร้องได้หรอก ในขณะที่ผมคิดอะไรเรื่อยเปื่อยเพื่อนข้างๆมันก็สะกิดผมจนผมต้องหลุดออกจากภวังค์ของตัวเอง

         “ดูท่าทางนายจะไม่ค่อยมีสมาธิเลยนะ” คนถูกเรียกปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
         “ตามที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้แล้ว อีกสองวันจะเอกสารมาถึงคนที่จะได้เด ครั้งนี้ฉันมาแค่แจ้งให้รู้เท่านั้น”

    เอาจริงๆต่อให้จบการประชุมของเด็กเทรนแต่ผมก็ยังคงคิดเรื่องชื่อของเธอคนนั่นอยู่ดี



              สิ่งที่คาดไม่ถึงอาจเกิดขึ้นได้ เหมือนเช่นตอนนี้ ตอนที่ชานยอลถูกเลือกให้เดบิวต์ในฐานะนักร้องดูโอ้ และที่มันไม่คาดคิดไปกว่านั้น นั้นคือเธอคนที่ต้องมาซ้อมกับผม ณ เวลานี้เธอคือคนคนเดียวกับที่ผมคิด คนที่ผมเคยไล่เธอออกจากห้องชมรมของโรงเรียน ผมว่าโลกมันจะกลมเกินไปแล้วนะ


         “สวัสดีค่ะ อึนจีค่ะฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ” เธอโค้งทักท้ายผมพร้อมกับแนะนำตัว แต่ผมกลับนิ่งเฉยต่อการทักทาย เพื่อไม่เป็นการเสียมารยาทเกินไป ผมโค้งศรีษะเล็กน้อยเหมือนรับรู้

         “ถึงฉันจะเป็นรุ่นน้องของนายที่นี้ก็จริง แต่ตามมารยาทก็ต้องแนะนำตัวก่อนไหม”
         “ฉันชานยอล”

         “พวกเธอเคยรู้จักกันมาก่อนหรา”

         “ไมครับ/ไม่ค่ะ” สองเสียงประสานขึ้นพร้อมกันเหมือนกับนัดหมาย

         “อ๋อ รู้จักกันมาก่อนสินะ”

         “ฉันไม่รู้จักเขาค่ะ” อึนจีโพงพูดขึ้นก่อน ฉันไม่อยากรู้จักเขาหรอก คนที่ทำให้ฉันขายหน้า

         “แต่พวกเธอจบ ม.ปลายที่เดียวกันนิ จะยังไงก็ช่าง พวกเธอต้องทำงานร่วมกันต่อให้เกลียดกันยังไงก็ต้องทำงานร่วมกัน ต่อสาธารณะชนพวกเธอคือคนที่สนิทกัน คือเพื่อนกันตั้งแต่สมัย ม.ปลาย”
    ทังอึนจีและชานยอลต่างก้มหน้ารับฟังคำสั่งของเมเน ต่อไปนี้พวกเขาจะเป็นยังไงกันตาอไปนะ




         ผ่านมา2เดือนแล้วที่อึนจีต้องใช้ชีวิตในห้องซ้อมร่วมกับชานยอล วันไหนไม่มีเมเน หรือกล้องถ่ายรายการเรียลลิตี้ ชานยอลก็จะหน้านิ่งทำทมึนใส่อึนจี ค่อยแกล้งสารพัดที่เขาจะทำได้ ส่วนอึนจีหรา ก็ต่องค่อยรับมือกับคนเาแต่ใจอย่างชานยอลไงละ 

    ถึงพักหลังมานี้จะมีสีหน้าที่ยิ้มบ้างเล็กน้อย มันก็ไม่ได้หมายความว่าอึนจีจะยอมคนๆนี้นะ เรื่องเก่าในอดีตยังอยู่ในส่วนลึกของจิตใจอึนจีตลอด
    ถ้อยคำถากถางเมื่อก่อน อึนจีจะไม่มีวันลืม

         “มีสมาธิซ้อมหน่อยสิ” เสียงจากด้านข้างส่งมาทักให้อึนจีกลับมามีสมาธิหลังจากที่เธอคิดอะไรต่อมิอะไรต่างๆนาๆ มีเพียงสีหน้าไม่พอใจของอึนจีส่งให้เท่านั้น นี้มันเป็นเรืาองปกติสำหรับชานยอล แต่มันไม่ปกติสำหรับอึนจี เพราะแทนที่เธอจะได้รับคำบ่นหรือด่าต่อจากทำหน้ายู่ใส่เขา แต่มันกลับเป็นรอยยิ้มจากชานยอลส่งมาให้อึนจี รอยยิ้มหรา แต่มันก็แค่แปบเดียวที่อึนจีจะได้เห็นมันยังไงเธอก็ได้เห็นอยู่ดี


       “มีกล้องถ่ายรายการหรือ หรือเมเนมา” ก็ปกติจะเห็นแบบนี้ก็ต่อเมื่อมีสิ่งทีกล่าวมาเท่านั้น

       “ป่าว ยังกปกติดี”แล้วชานยอลก็เดินไปพักที่เปียโน


       “นี้เธอ มานั่งนี้”เขาตบที่นั่งข้างๆสองสามที่เพื่อให้อึนจีเดินเข้าไปนั่ง

       “ทำไมฉันต้องทำตามนายสั่งด้วย”

       “แค่อยากลองเพลงคู่ในแบบคลาสสิกดู” อึนจีพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจเดินตรงไปนั่งข้างๆชานยอล


         ปลายนิ้วเรียวยาวจรดปลายนิ้วเล่นเปียโนในจังหวะที่อึนจีไม่เคยได้ยิน มันทำให้เธอต้องหลับตาฟังจังหวะของดนตรี เธอฮัมเพลงตามเบาๆ โยกหัวเล็กน้อยพร้อมเผยรอยยิ้มออกมา อึนจีไม่รู้ตัวเลยว่ารอยยิ้มของเธอทำให้คนข้างๆจ้องมองแทบไม่อยากละสายตา

       “หยุดทำไม”

       “ฉันจะร้องคู่กับเธอไง เอาจังหวะนี้นะ”

       “แล้วนายจะหยิบมือถือขึ้นมาทำไม” ชานยอลเพียงแค่กดเข้าโปรแกรมบันทึกเสียงแล้วโชว์ให้อึนจีดู อึนจีพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจที่ชานยอลจะทำ


         เสียงเปียโนดังขึ้นอีกครั้งในจังหวะที่ไม่มีในห้องซ้อมมาก่อน จังหวะที่มีเพียงอึนจีและชานยอลได้ยิน ทำนองที่สบายหู เสียงเปียโนที่มีเสียงของชายและหญิงคู่หนึ่งประสานเสียงกันพร้อมกับรอยยิ้มที่ส่งให้กัน เหมืนกับว่าเขาทั้งคู่ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน เมื่อเพลงจบลงทั้งคู่มองจ้องหน้ากันนิดหนึ่ง รอยยิ้มที่สดใสของอึนจีถูกส่งให้ชานยอลเป็นครั้งแรก



          ชานยอลไม่รู้เองเลยว่าเมื่อไหร่กันนะที่เขาอยากเห็นรอยยิ้มของอึนจี ตอนแรกเขาต้องการแกล้งคนนี้ที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนชุปมือเปิบได้เดบิวต์ทั้งที่ในค่ายก็มีผู้หญิงมากมาย เขารู้แค่ว่าพอแกล้งเธอแล้วสนุกดี อยากแกล้ง อยากอยู่ใกล้ๆ แต่เธอก็ไม่เคยยิ้มอย่างจริงใจให้เขาสักที ครั้งแรกที่เห็นรอยยิ้มนั้นมันอยู่ต่อหน้ากล้องนับสิบตัว เขาเผลอชอบริยยิ้มนั่น แต่ก็ไม่เคยได้รับอย่างจริงใจสักที จนวันนี้วันที่ทั้งสองได้นั่งเล่นเปียโนพร้อมกบร้องเพลงไปด้วยกันมันทำให้ชานยอลรู้สึกดีอย่างประหลาด มันอบอุ่นจนเขาอยากหยุดอยู่แค่ตรงนี้กับคนตัวเล็กข้างๆ
       ความโมโห ความโกรธที่มีมันหายไป ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่สัมพัสได้เมื่ออยู่ใกล้ๆเธอ มันจะลดน้อยลงๆเรื่อย เหมือนตอนนี้ ตอนที่ชานยอลไม่มีอคติกับคนข้างๆแล้ว มันทำให้เขามีความสุขเป็นไหนๆ



         “เหลืออีกเดือนเดียวก็จะได้ปล่อยเพลงนี้แล้วนะ” 

         “มาไม้ไหนเนี้ย” ที่อึนจีต้องถามอย่างนี้เพราะโทนเสียงของชายยอลใช้คุยกับอึนจี เป็นฌทนที่แปลกไปจากเดิม ไม่ได้ดุดัน ไม่ได้หวานจนเลี่ยน แต่มันรู้สึกเป็นกันเองอย่างมาก แต่เธอก็ไม่ปฏิเสธ ว่าชอบโทนเสียงนี้หรอกนะ


         “ฉันอยากให้เราเลิกทะเลาะ ไม่ใช่เพราะอะไรนะ ฉันเบื่อที่ต้องมารบลาฆ่าฟันกันกับเธอ พอเราเดบิวต์ไปเราต้องทำอะไรหลายๆอย่างร่วมกัน ถ้าเรายังทะเลาะกันมันคงเป็นปัญหาไม่ใช่น้อย”

    ถึงจะบอกแบบนั้นไปในเนื้อหานั้นชานยอลแอบแฝงบางอย่างไว้ บางอย่างที่เขารู้ดีและรู้มานานแล้ว


        และแล้ววันที่ทั้งอึนจีและชานยอลรอคอยก็มาถึง หลังจากปล่อยเพลงออกมาได้สองวันกระแสตอบรับดีเกินคาด สาวน้อยสาวใหญ่ต่างให้ความสนใจชานยอล อึนจีก็เช่นกันสาวน้อยสาสใหญ่ต่างชอบน้ำเสียงของเธอที่เหนื่อกว่านั้นแฟนบอยทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ต่างชอบน้ำเสียงของเธอเช่นกัน
    กระแสตอบรับดีเกินคาด คนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ไม่ใช่แค่ไหนน้ำเสียง แต่ยังรวมไปถึงเรียลลิตี้ที่พวกเขาออนแอร์ตอนที่ยังซ้อมกันอยู่ นั่นก็เป็นจุดสนใจเช่นกัน
    วันนี้อึนจีและชานยอลต้องขึ้นโชว์เป็นครั้งแรก เวทีที่ไม่คุ้นเคย ไหนจะกล้องหลายตัว สตาฟเดินกันให้จ้าระหวั่น แสงสีแสงที่ไม่ค้น ไหนจะฉากแสนจะโรแมนติกนั้นอีก

       อึนจียืนมือสั่นนิดๆระหม่านิดหน่อย แต่สีหน้าแสดงชัดว่าเธอกังวลอยู่ไม่น้อย ชานยอลที่แต่งตัวเสร็จเดินมาหาอึนจีพร้อมกับวางมือที่ไหร่เบาๆ

       “กังวลหรา”

         “ไม่นิดละมั้ง สั่นเป็นลูกนกตกน้ำเลยเนี้ย” 
    ไม่ต้องสงสัย หลังจากที่พวกเขาตกลงสงบศึกกัน เรื่องราวดีๆในห้องซ้อมเกิดขึ้นมากมาย จนมันทับถมความโกรธ ความเกลียด ความแค้นไปหมด เหลือแต่ความห่วงใยและความหวังดีมาทดแทน อึนจีกลับสนิทกับเพื่อนของชานยอลในเวลาไม่นาน สองสาวก็ไม่รู้สึกอิจฉาอึนจีสักนิดกลับดีใจด้วยซ้ำที่ไม่ใช่พวกเธอที่ต้องเดกับคนเจ้าอารมณ์อย่างชานยอล


         ชานยอลหันไปมองภายในห้องพบว่าเจอแต่เมเนเจอร์ เขาจึงจับมืออึนจีมาประคองทั้งสองข้าง ทำให้อึนจีต้องเงยหน้ามองชานยอล 


         “เธอแค่ทำให้ดีที่สุด คิดซะว่าบนนั้นคือที่ที่เธอชอบ ถ้าเธอยิ่งกังวลเธอจะยิ่งรู้สึกแย่ พยายามเข้านะ”
    เป็นอีกครั้งที่อึนจีหน้าแดงโดยไม่นู้สาเหตุ ใจเต้นโครมคราม รู้สึกใจชื่นขึ้นมาเพียงคนข้างหน้าให้กำลังใจ การจับมือ การกอดของทั้สองคนถือเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ทำประเจิดประเจ้อ คนที่เห็นบ่อยคงเป็นเมเนหรือสไตส์ลีสเท่านั่นแหละ


         “ถ้าผ่านไปได้ด้วยดีฉันมีอะไรจะให้ด้วย” อึนจีสะบัดมือออกก่อนจะทำท่าเหมือนกำลังรอรับของ

         “ไหนละ เอามาก่อนได้ไหม มัดจำก่อน” ไม่รอช้าคนตัวสูงรีบก้มลงหอมแก้มเนียนของอึนจีด้วยความเร็วแสงก็ไม่ปาน แล้วเดินผิวปากออกจากห้องไปรอสแตนส์บายทั้นที ทิ้งให้อึนจีอยู่กับความงุนงง อึ้ง เอ๋อ
    อึนจียังรังเลกับความรู้สึกตัวเองจนตอนนี้เธอมั่นใจแล้ว ว่าความรู้สึกนี้คืออะไร
    ไอ้อาการม้วนท้องคล้ายผีเสื้อบินในท้องเวลาอีกคนทำให้ใจสั่น รู้สึกดีที่อยู่ใกล้กันค่อยช่วยเหลือกัน มันคือรักแน่นอน


         การโปรโมทจบลง ทั้งชานยอลและอึนจีนัดกลุ่มเพื่อนของชานยอลไปฉลองที่คาราโอเกะแห่งหนึ่ง
    พวกเขาพูดคุยกันอย่างสนุกสนานเป็นกันเอง และมีสมาชิกใหม่มาแทนที่มือกล้องอย่างชานยอลที่ต้องมาออกดูโอ้ หนุ่มน้อยหน้าใสวัยน่าขมบ ลู่หาน หนุ่นน้อยชาวจีนนั่นเอง แต่พวกเขาก็ไม่ได้เขอะเขิลอะไรกันมากมีแต่ช่วงแรกเฉยๆ พอเหล้าเข้าปากเท่านั้นแหละพวกเขาก็สนิทกันอย่างง่ายดาย


         “ได้ยินว่าพวกนายกำลังจะได้เดแล้วนิ ต้นปีหน้าใช่ไหม”ชานยอลถามเพื่อนในกลุ่ม

         “ใช่ ประมาณนั้นแหละ ช่วงนี้เลยต้องซ้อมหนักเลย มีแต่ไอ้เซฮุนนั้นแหละที่มันอู้บ่อยๆ”โชรงตอบคำถามชานยอลและอดไม่ได้ที่จะแขวะเซฮุน

         “สองคนนี้เอาอีกแล้วนะ ลู่หานไม่ต้องไปสนใจคู่นี้มากนะ กัดกันเดี๋ยวก็ดีกัน” นาอึนปรามทั้งคู่พร้อมกับบรรยายให้ลู่หานฟัง

         “ฉันไม่ใช่หมานะ หล่อๆอย่างพี่สนไปกินชาไข่มุขฟรีกับพี่ไหมน้อง” เซฮุนที่ชอบแหย่หน้าอึนเอ่ยแก้ตัวบ้าง

         “พอๆๆ พวกมึงนี้ก็นะไม่เคยเปลี่ยน” ทั้งห้องเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะปนกับเสียงเพลงที่ดัง 
    พวกเขาไม่ได้มากันเองหรอกนะ เมเนเจอร์นั่งอยู่อีกห้องแต่ติดกันนี้และ เป็นนักร้องแล้วจะไปไหนทำอะไรต้องมีเมเนตลอด


         “ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” อึนจีเดินออกไปด้วยท่าทางเซนิดๆ จนชานยอลต้องเดินตามออกมา

         “อึนจี เดี๋ยวก่อน”

        “ฮือ มีอะไรชานยอล”

         “มีอะไรจะคุยด้วยหน่อย ฉันรอตรงนั่นนะ” ชานยอลชี้ไปยังทางมืดๆสลัวๆนิดหน่อย มีเก้าอี้ตัวยาววางอยู่หนึ่งตัวพอดี (ชานยอลนายจะตาดีเกินไปแล้วนะ55)


        “มีอะไรจะคุยกับฉันหรา”

         “นั่งก่อนสิ” อึนจีเดินไปนั่งข้างๆชานยอล”
         
         “ว่ามา” อึนจีหันไปมองหน้าคนตัวโตด้านข้าง ใจก็อดที่จะเต้นแนงไม่ได้

         “คืองี้นะ เออ คือ”

          “อ้ำอึ้งอย่างนั้นเมื่อไหร่จะรู้เรื่อง”

          “ คือ ฉันอยากขอโทษเรื่องเมื่อก่อน ที่ฉัน....”

          “ปฏิเสธรับฉันเข้าชมรม” อึนจีพูดขัดก่อนที่ชานยอลจะพูดจบ

         “ก็ใช่ แล้วก็ที่พูดจาแย่ๆใส่เธอด้วย” อึนจีได้แต่นั่งนิ่งมองคนตัวโตกว่าพูด ในขณะที่ชานยอลพูดไปก้มหน้าไป

         “ฉันอภัยให้” ชานยอลเงยหน้าขึ้นมามองอึนทีทันทีที่อึนจีพูดจบ พวกเขาจ้องหน้ากันนานก่อนที่ชานยอลจะค่อยๆโน้มตัวลงมาช้าๆ ใบหน้าเคลื่อนหาอึนจีอย่างช้าประกบปากหน้ากับริมฝีปากบางนั้นอย่างถนุถนอม เขาไม่ได้ลุกล้มอึนจีมากหากเพียงแค่แตะมันเบาๆที่ริมฝีปาก ในขณะเดียวกันอึนจีก็หลับตาพริ้มรับจูบอย่างไม่ขัดข้อง ก่อนที่ชานยอลจะค่อยๆถอนริมฝีปากออกมา 

         “จริงๆเรื่องที่พูดมาเป็นแค่การขอโทษ ส่วนของที่ฉันจะให้มันอยู่นี้” ชานยอลเอามือไปจับมืออึนจีมาจับที่หน้าอกข้างซ้ายของเขาที่มันเต้นแรงกว่าครั้งไหนๆ และชานยอลก็คิดด้วยว่าอึนจีต้องสัมพัสมันได้เช่นกัน

          “มันอยู่ในนี้ อยู่ในอกข้างซ้ายนี้ ถ้าเธอรับมัน มันคงจะเต้นแรง แต่ถ้าเธอไม่รับมัน มันก็ยังจะเต้นปกติ แต่จังหวะที่เต้นฉันไม่รู้ว่ามันจะเต้นจังหสะไหน” พูดจบก็ช้อนสายตามองไปยังอึนจี คำตอบที่ได้มันทำให้ชานยอลตกใจไม่น้อย

         อึนจีดึงมือออกจากอกด้านซ้ายของชานยอล แล้วจ้องไปตรงหน้า สีหน้าชานยอลเหวอเอามากๆเลยตอนที่อึนจีดึงมือออก นี้คงเป็นการที่เธอปฏิเสธเขาแน่ๆ ชานยอลมีสีหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด

         “เราเป็นนักร้อง เป็นคนของประชาชนได้ไม่นาน ทำแบบนี้ไม่ได้นะ นายก็รู้ว่าถ้าถูกจับได้ วงการของเราจบเห่เลยนะ” ชานยอลมองหน้าอึนจีอีกครั้งพยักหน้ารับรู้ว่าเขาเข้าที่ที่อึนจีพูด

         “แต่ถ้าไม่โดนจับได้ ก็ไม่เป็นไรใช่ไหม” เสียงพูดสิ้นสุดไม่นานความอุ่นที่ริมฝีปากของชานยอลก็เกิดขึ้นอีกครั้ง คนตัวเล็กจับปนระคองใบหน้าของเขาให้รับจูบ ชานยอลจึงเปลีายจากมือที่ว่างเป่ลาโอบกอดคนตัวเล็กแทน จูบรอบนี้ไม่ใช่แค่เพียงเตะ แต่มันให้ความรู้สึก อบอุ่น รัก ห่วงหาฯลฯ ที่คนทั้งสองต้องการจะมอบให้อีกฝ่าย

         พวกเขาเดินกลับเข้ามาในห้องคาราโอเกะอีกรอบด้วยท่าทางปกติ แต่เพื่อนในห้องแทบจะไม่ได้สติอยู่แล้วชานยอลเลยออกไปเรียกเมเนเจอร์เพื่อกลับไปยังที่พัก




         3เดือนต่อมา
       พวกเขาคัมแบคเพื่อนยืนยันความโด่งดังของพวกเขาทั้งคู่ กระแสตอบรับดเกินคาดอีกเคย แต่ที่เพิ่มคงเป็นกระแสคู่จิ้นที่คนต่างอยากให้ทั้งคู่เป็นแฟนกันจริงๆ คนเห็นเป็นต้องอมยิ้มให้กับทั้งคู่กับความสนิทสนมกัน ทั้งสองบอกเพียงแค่ว่าพวกเขาสนิทกัน ไม่ได้คิดถึงขั้นคบหากันจริงๆ แต่หารู้ไม่เบื่องหลังภายในห้องซ้อม ก็มีแค่สองคนเท่านั่นที่รู้ดี.......





         มีใครยังติดตามกันอยู่ไหมมมมมมมมมม
    และแล้วเรื่องนี้ก็จบ แหะๆ นานไปหน่อยไม่รูว่ายังมีคนรออยู่ไหม (ขอเสียงโหน่ยยยยยยยยยยยยยยยย)

          เหมือนจะเศร้าแต่เราเอาฟินดีกว่าเนาะ แต่งเรื่องนี้สงสารโชรงมาก เรื่องนี้ยาวกว่า โชรงจ๋า รอบหน้านะ เขาจะแต่งให้ยาวๆเลย สัญญา
    ถึงเวลาคู่ต่อไป โปรดติดตามกันด้วยนะค่ะ^^



         



         














         


        


         



                 


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×