ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chorong
เรื่องบังเอิญเกิดขึ้นได้เสมอ และมันก็เกิดขึ้นกับทุกคน อยู่ที่สถานการณ์ของแต่ละคนเท่านั้นเอง มันอาจแตกต่างหรือคล้ายๆกันก็ได้ และอีกอย่างเรื่องบังเอิญมันไม่ได้มีแค่เรื่องไม่ดีบางคนอาจเจอเรื่องดีๆก็ได้
โชรง หญิงสาวหน้าตาน่ารัก นั่งใต้ร่มไม้ที่สวนสาธารณะพร้อมกับมีอีกคนนอนหนุนตักเธออยู่ตอนนี้ โชรงก้มมองคนที่หลับตาพริ้มบนตักเธอพร้อมระบายรอยยิ้มอ่อนๆออกมา เธอเพ่งมองใบหน้าคนรักในยามหลับไหล ใบหน้าขาวเนียนใสยิ่งกว่าผู้หญิง บางทีมันก็ทำให้ธออิจฉาใบหน้าของแฟนตัวเอง บางนิดจมูกหน่อย นี้เธอคิดว่าใบหน้าเธอน่ารักพอควร แต่ผู้ชายคนนี้ยังน่ารักได้อีก ใบหน้าของเขาไม่ว่าจะหลับไม่ว่าจะตื่นล้วนเรียกสายตาจากโชรงได้เป็นอย่างดี หลังจากมองหน้าคนรักสักพักเธอก็ละสายตาเพื่อมองไปยังวิวข้างหน้าของเธอตอนนี้ มันเป็ยสระน้ำขนาดใหญ่ของสวนสาธารณะแห่งนี้ ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายอ่อนๆค่อนไปทางเกือบเย็น บางคนก็มานั่งเล่น บางคนก็มาวิ่งออกกำลังกาย แต่สิ่งรอบข้างไม่สามารถรบกวนบรรยากาศของสองคนนี้ได้เลย โชรงและแฟนของเอชอบออกมานั่งเล่นที่นี้เพราะมัน ทั้งวิวาวย แถมบรรยากาศดีอีกต่างหาก และที่สำคัญ ณ ที่แห่งนี้มันทำให้ธอได้เจอเขาคนนี้
สาวน้อยหน้ารักอยู่ในชุดเอี้ยมจูงจักรยานคันใหม่เดินออกมาจากบ้านด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า เป้าหมายของเธอคือสวนสาธารณะแห่งนี้ สาเหตุที่ต้องมาสวนแห่งนี้พร้อมรอยยิ้มนั้น สาเหตุมาจาก เมื่อวานสาวน้อยคนนี้อ้อนพ่อและแม่ให้ซื้อจักรยานให้ จนพ่อแม่ใจอ่อนยอมซื้อให้ ในตอนแรกแม่ของเธอก็ไม่ค่อยเห็นด้วย แต่ด้วยเหตุผลร้อยแปดพันประการที่เธอคนนี้ยกมาอ้าง ทำให้ท่านทั้งสองยอมซื้อให้
“แม่จ๋า ซื้อให้รงหน่อยนะ รงอยากได้จริงๆ นะพ่อนะ” เอ่ยปากขอผู้เป็นแม่เหมือนจะไม่เป็นผลเธอเลยเปลี่ยนมาอ้อนพ่อแทน
“หนูจะเอาไปทำไรลูก ปั่นก็ไม่เป็น”
“ก็เพราะปั่นไม่เป็นนี้แหละถึงต้องซื้อ”
“อยู่บ้านไปไหนมาไหน หนูก็ไม่ค่อยไป ไปทีก็ให้คนรถไปส่ง ซื้อไปหนูจะปั่นได้สักกี่วันกันเชียว”คุณแม่ของเธอบ่นร่ายยาว
“แม่ก็คิดซะว่าซื้อให้รงออกกำลังกายก็ได้นิคะ ปั่นจักรยานมันก็เหมือนออกกำลังกายนั้นแหละ”
“แล้วเราเคยออกที่ไหน วันๆเห็นแต่กินขนมกับนั่งหน้าจอทีวี ไม่เคยคิดจะออกมาเดินเล่นข้างนอกบ้าง ส่วนเครื่องออกกำลังกายที่บ้านก็ไม่ยอมไปออกสักที”
“โถ๋แม่ ก็นี้ไง ซื้อให้รงคนนี้จะขยันออกกำลังกายเลยนะๆๆๆ ซื้อให้รงนะ ถ้าให้ไปออกกำลังกายที่บ้านมันก็น่าเบื่อไง อยู่กับที ถ้าปั่นจักรยานยังออกมาข้างนอก สูดอากาศข้างนอกด้วยไงค่ะแม่” ผู้เป็นแม่หันไปทางสามี ก็พบแต่ใบหน้าที่พยักยอมลูกเถอะ เพราะยังไงลูกสาวคนนี้ก็ต้องเอาให้ได้
“ลูกต้องหัดเองนะ เพราะพ่อกับแม่คงไม่มีเวลาสอนหรอก อีกอย่างเราก็โตแล้วด้วย” และนั้นคือสาเหตุที่เธอต้องจูงจักรยานออกมาคนเดียว
ทันทีที่เธอจูงมาถึงสวนสาธารณะ เธอจัดการขึ้นคร่อมจักรยานสองมือกำแฮนด์ทั้งสองข้างอย่างแน่น ขาทั้งสองข้างยังคงแตะที่พื้น เธอเงยหน้ามองตรงไปข้างหน้า พร้อมกับเป่าลมออกจากปาก
“โชรง การปั่นจักรยานเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเธอมาก เด็กกว่าเธอยังปั่นได้ เธอก็เช่นกัน”โชรงให้กำลังใจตัวเองก่อนจะหัดปั่น เธอยกขาขึ้นจากพื้นมาเหยียบตรงที่ปั่นแทนและยกขาอีกข้างขึ้น
“แครง”เสียงจักรยานล้ม ในขณะที่เธอเดือบจะล้มดีที่ยังเอาเท้าซ้ายยันพื้นทัน โชรงจับจักรยายขึ้นมาอีกรอบ
“ฉันจะต้องใช้เท้ายันไปจ้างหน้าสินะ” เธอขึ้นนั่งคร่มจักรยานอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอใช้เท้าซ้ายเหยีบที่ที่ปั่น และดท้าขวายันที่พื้นเพื่อให้รถเคลื่อนตัสไปข้างหน้า ก่อนที่จะยกเท้าขึ้นมา ทว่าครั้นยกเท้าขึ้นมาเพื่อจะวางตรงที่ปั่น ปรากฎว่ามันหมุนจนเอวางเท้าไม่ถุกกับที่ปั่นจนต้องก้มลงมองเพื่อให้เท้าวางได้ถูก และ
“แครง.... โอ้ย” เธอล้มลงไปอีกรอบ แต่รอบนี้เธอทรงตัวไม่ทันทำให้ล้มลงไปกับจักรยาน โชรงผลักรถออกจากตัวเธอพอพ้นเธอก็นั่งข้างๆรถจักรยาน โชรงยกเข่าขึ้นมาดู เพราะรู้สึก เจ็บๆแสบๆที่บริเวณหัวเข่าเล็กน้อย หัวเข่าขวามีรอยแผลถลอกและกำลังมีเลือดไหลซึมออกมาเล็กน้อย โชรงเบ้หน้าเล็กน้อยเพราะความเจ็บที่แผล โชรงลุกขึ้นเดินขากะเพกๆน้ำตาคลอเบ้าเล็กน้อยเมื่อรับรู้ได้ถึอาการเจ็บที่หัวเข่าเวลาเธอขยับตัว เธอยังไม่ยอมแพ้ จับจักรยานขึ้นมาอีกรอบ และขึ้นไปนั่งเหมือนเดิม
เธอยกเท้าซ้ายขึ้นเหยียบที่ปั่น เท้าขวาก็ยันที่พื้นให้รถเคลื่อนที่อีกครั้ง และมันก็เป็นเหมือนครั้งที่สอง คราวนี้ได้แผลเพิ่มมาอีก ทั้งหัวเข่าอีกข้างและ ที่ฝ่ามือเพิ่มขึ้นมา โชรงได้แต่เจ็บใจตัวเองที่ปั่นไม่ได้สักที
“ให้ฉันสอนไหม” เายงเล็กๆของเด็กผู้ชายคนนึงดังมาจากข้างหลังพร้อมมือที่วางมาบนบ่าของเธอ เธอจึงหันกลับไปตามเสียง โชรงจ้องหาเด็กหนุ่มคนนั้นพร้อมสีหน้าที่มึนงง เขาว่าอะไรนะ สอนหรา สอนปั่นจักรยานใช่ไหม เมื่อสมองประมวลได้แล้วโชรงก็พยักหน้อหงึกๆ
“แต่สันนี้คงสอนไม่ได้แล้วแหละ ด฿แผลเธอสิ เต็มไปหมดเลย”โชรงก้มมองสภาพตัวเอง ทั้งมอมแมมเพราะล้มไปหลายรอบ ทั้งมีแผลถลอกตามตัว
“วันนี้ฉันจะปั่นไปส่งเธอที่บ้าน แล้วคราวหน้าฉันจะสอนให้”พูดจบเขาก็เดินไปหยิบจักรยานที่นอนแอ้งแม้งอยู่ขึ้นพร้อมเรียกให้โชรงขึ้นจักรยาน
“ฉันชื่อลู่หานนะ เรียกลู่เฉยๆก็ได้เธอละชื่ออะไร “
“ฉันโชรง” เขาแค่พยักหน้าแล้วหันหน้าไปตามท้องถนน
“ขอบใจนะที่มาส่ง”
“ไม่เป็นไร แล้วเจอกันนะ เดี๋ยวฉันมาหาเธอที่บ้านแล้วกัน”
“ได้สิ ฉันเข้าบ้านก่อนนะ แล้วเจอกันลู่”
“อืม บาย”
50%...................
“ค่อยๆยกขาขึ้นที่ละข้างนะ” เสียงลู่หานบอกขณะกำลังสอนโชรงปั่นจักรยาน ใช่แล้วแหละวันนี้ลูห่านมาหาเธอที่บ้านพร้อมชวนไปปั่นจักรยาน ตามที่เคยบอกว่าจะสอนโชรงเขาจับเบาะหลังของจักรยานไว้ส่วนโชรงก็ขึ้นนั่งคร่อมรถจักรยาน
“ออกแรงถีบไปข้างหน้านะ ช้าๆ อย่างนั้นแหละๆ”
แค่เขาชมฉันนิดเดียวก็ดีใจใหญ่และอดไม่ได้ที่จะหันไปมองคนข้างหลังอย่างลืมตัว จนลืมมองทางข้างหน้า
“เห้ย เธอมองทางข้างหน้าสิ”
ไม่ทันแล้วแหละฉันจับแฮนด์ทั้งซ้ายและขวาอย่างแน่นแต่มันก็ส่ายๆส่ายมาอยู่ดี เหมืนฉันบังคับไม่ได้เลย ก็คนมันดีใจนี้นา แต่ที่หน่อยที่ไม่เป็นไร เพราะลู่หานเขาประคองไว้ยังไงละ
“คราวนี้ห้ามมองกลับมานะ”คนข้างๆฉันสั่งเสียงดุ ฉันได้แต่หดคอ แอบกลัวนิดหน่อย ทั้งสีหน้าทั้งแววตาเวลาดุก็น่ากลัวเหมือนกันนะเนี้ย เห็นเวลานิ่งๆถึงจะสวยก็เหอะเวลาดุนี้สีหน้าสีตาไม่เหมือนใบหน้าหวานยามปกติเลย
“ปั่นไปเรื่อยๆนะ จับแฮนด์ให้แน่ๆ บังคับดีๆ เอออย่างนั้นแหละ ดีๆ มองข้างหน้าอย่างเดียวนะ ห้ามหันกลับ”
“เย้ ฉันปั่นได้แล้ว”โชรงตะโกนบอกพร้อมกับน้ำเายงที่บ่งบอกว่าดีใจสุดๆ แต่ไม่ทันไรน้ำเสียงนั้นก็ต้องเปลี่ยน
“คราวนี้ฉันจะปล่อยมือจากเบาะละนะ เธอห้ามมองข้างหลัง มองไปข้างหน้าอย่างเดียวบังคับแฮนด์ให้ดีๆ”
เขาว่าไรนะ ปล่อยหรา ไม่เอานะฉันไม่เอา ฉันยังกลัวอยู่
“อย่าพึ่งปล่อยนะลู่หาน ฉันยังไม่พร้อม”
เธอออกเสียงได้แค่นั้น เธอได้ยินเสียงลู่หานไกลออกๆไปเรื่อยๆ ครั้นจะหันกลับก็กลัวล้ม จำเป็นต้องปั่นไปเรื่อยๆ
“นายต้องตามมานะ “เธอตะโกนบอกลู่หานอย่างสุดเสียงเหมือนกลัวว่าอีกคนจะไม่ได้ยินเสียงเธอ โชรงตั้งใจปั่นไปเรื่อยๆเธอรู้สึกเริ่มค้นชินกับการปั่นแล้ว มันก็ไม่ได้ยากมากอย่างที่เธอคิดเท่าไหร่ ในขณะที่เดียวกันมันก็เริ่มเร็วขึ้นๆ จนเธอสัมพัสได้กับล้มที่พัดใบหน้าและผมของเธอให้ปลิวไสว จะเบรกดีไหม เบรกแลเวจะล้มไหม ความรู้สึกกลัวเริ่มก่อตัวอีกแล้ว กลัวล้ม กลัวเจ็บ กลัวเป็นแผล และ กลัวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
“ลู่หานช่วยด้วยยยยยยยย”เสียงเล็กแหลมร้องลั่นเมื่อรู้สึกควบคุมสถานการณ์ไม่อยู่
“หยุดปั่นก่อน ประคองรถไปข้างหน้าอย่างเดียวพอ"
เสียงร้องบอกของลู่หานตะโกนบอกทั้งออกตัววิ่งตามโชรงไปจนประชั้นชิด
“ปล่อยมือออกจากรถ”
โชรงได้ยินดังนั้นก็ปล่อยมือ ลู่หานเขาเอามือเอือมไปอุ้มตัวโชรงออกจากรถและดึงตัวโชรงเข้ามาหาตัวเองก่อนที่ทั้งคู่จะล้มลงไปที่พื้นหญ้าของสวนสาธารณะ
“เธอเป็นไรไหม”
ลู่หานเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงตอนนี้พวกเขานอนอยู่บนพื้นหญ้าข้างถนนของสวน โดยมีมือลู่หานโอบกอดโชรงจากทางด้านหลังหัวของโชรงซบอยู่ที่หัวไหล่ข้างซ้ายของลู่หานเธอหลับตาปี๋กับเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อสักครู่ หัวใจเต้นแรงคงเกิดจากอาการตกใจ แต่ไอ้ที่หน้าร้อนผ่าวๆนี้คืออะไรนะ เมื่อเธอลืมตาได้รีบลุดขึ้นนั่ง แล้วหันไปมองคนด้านหลังเธอ ซึ่งคงมองดธออยู่ก่อนแล้วทำให้เหือนหันไปสบตากันพอดี ใบหน้าโชรงเริ่มร้อนอีกแล้ว และตอนนี้ก้อนเนื้อที่อกข้างซ้ายกำลังทำงานอย่างหนัก นี้เธอตกใจกลัวขนาดนี้เลยหราโชรง
เมื่อได้สติโชรงก็ตีไปที่แขนลู่หานทีนึง
“โอ้ย ตีฉันทำไมเนี้ย”
“ก็เพราะนายนี้แหละเลยเป็นแบบนี้ไง ไม่สอนวิธีจอดฉันเลย” แล้วฉันก็หลุดขำออกมาเพราะล้อจักรยานมันยังหมุนติ้วๆอยู่ทั้งๆที่นอนราบกับพื้น
หลังจากมาที่นี้บ่อยๆ ในที่สุดฉันก็ปั่นจักรยานได้ ต้องขอบคุณลู่หานที่ช่วยสอน ถึงแม้จะแกล้งฉันในบางทีก็ตาม ไม่ใช่แค่ปั่นจักรยานเป็น แต่มันกลับมีความรู้สึกดีเกิดขึ้นด้วยยังไงละ
“เป็นไรของเธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่นั้นแหละ” โชรงหลุดออกจากภวังค์ความคิดของตัวเองก้มลงมองคนที่หนุนตักเธอ พร้อมทำหน้านิ้วคิ้วขมวด เห็นเขาทำหน้าอย่างนี้ทีไร อดใจที่จะแกล้งไม่ได้
“ก็เปล่า แค่คิดว่าวิวดีบรรยากาศดี”
ลู่หานมองมองไปตรงที่ฉันมองก่อนหน้านี้ ก็พบ ผู้ชายสองคนอยู่ไม่ไกลจากเราเท่าไหร่ ชายสองคนหันหน้ามาเจอลู่ลานพอดี แล้วก็หันหน้าหนีไป ทำให้ลู่หานคิ้วขมวดยิ่งกว่าเดิม เขาลุกขึ้นเปลี่ยนมานั่งประจันหน้ากับฉัน พร้อมกอดอกไม่พอใจ
“เผลอไม่ได้เลยนะ”
ฉันมองหน้าคนกำลังไม่พอใจ เอาจริงๆฉันก็ไม่รู้หรอกว่าเขาคิดอะไร แต่ก็พอจะเดาออกว่าไม่พอใจ ดูสีหน้าท่าทางฟ้องซะขนาดนี้ ในตอนที่ฉันคิดไรเรื่อยเปื่อยสงสัยคงแบมองฉันได้สักพักสินะ
“อะไร เผลออะไร ฉันยังไม่ทำไรเลยนะ นายนั้นแหละเป็นไร อยู่ดีๆมาทำหน้าทมึนใส่ฉันเนี้ย”
“ไม่รู้แหละ”
ตอนนี้ผมรู้สึกไม่ค่อยชอบใจเลย ก็ผมนอนหนุนตักเธออยู่ จู่ๆลืมตาขึ้นมาก็เห็นเธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ ผมอดที่จะมองตามไปยังจุดที่เธอเคยมอง ต้องทำให้ผมหงุดหงิดสินะ ก็ตรงหน้าพวกเรามันมีหนุ่มหน้าตาดีอยู่นะสิ จะไม่อะไรเลยถ้าพวกเขาไม่ทำทีเหมือนสนใจคนข้างผม
“เป็นผู้หญิงหรือไง ชอบงอนจริงไรจริง”
ฉันเห็นปฎิกิริยาคนตรงหน้ารู้เลยว่างอนชัวร์คนชอบเอาแต่ใจ แต่ขอร้องอย่าทำท่าน่ารักจะได้ไหม นายจะรู้ไหมเวลานายงอนมันน่ารักนะลู่หาน ฉันอดที่จะขำไม่ได้เลยหัวเราะออกมา
ฉันเลยยืนมือไปจับที่ใบหน้าของเขาทั้งสองข้าง ทำแบบนี้ก็รู้สึกเขินๆแฮะ แต่เอาเถอะ เพื่อง้อคนตรงหน้า
“อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ คนไรชอบงอนจัง ฟังนะต่อให้ฉันเห็นคนอื่นมากมายแค่ไหน พวกเขาก็แค่ผ่านเข้ามาในสายตาแล้วก็ผ่านไป แต่นาย ผ่านเข้ามาและไม่เคยออกไปจากสายตาของฉันเลย”
พูดจบเรียวป่กคนตรงหน้าก็ประกบที่ริมฝีปากของฉันทันที จะว่าตกใจก็ตกใจ อยู่ๆก็พุ่งมาอย่างนี้ ตกใจได้เพียงครู่เดียวก็ต้อหลับตาเพื่อรับสัมพัสจูบที่อ่อนหวาน ซาบซ่านไปทั้งตัว หัวใจเต้นตึกตักๆทำงานหนักอีกคราว ริมฝีปากที่ประกบกันผลัดกันดูดเฟ้น มือเขาค่อยๆเลือนมาจับท้ายทอยพร้อมกับอีกข้างที่เอื้อมมาโอบลำตัวของฉันเข้าหาตัวเขาเอง เขาบดจูบจนฉันรู้สึกเริ่มเหนื่อยหอบหายใจติดขัดเริ่มศูนย์เสียการควบคุมตัว ก่อนที่จะเปลี่ยนสนามหญ้าให้กลายเป็นสมรภูมิรบฉันจึงต้องผลักอกคนขี้หึงออกก่อน เมื่อถอนใบหน้าออก ความเขินก็เกาะกุมใบหน้าที่ร้อนผ่าวทำให้ฉันต้องก้มหน้า
“ฉันก็แค่คิดถึงเรื่องสมัยเก่าแค่นั้นเอง ทำไมต้องงอนกันด้วยนะ”ฉันพูดทั้งที่ยังไม่เงยหน้ามองคนตรงหน้า
“ใครจะไปรู้ยิ้มอยู่นั้นแหละ ฉันก็หวงของฉันเหมือนกันนะ”
โชรงที่ก้มหน้างุดเพราะความเขินอาย กลับยิ่งเขินเพราะคำพูดของเขา ไม่ชินสักทีสินะ ลู่หานเอามือช้อนปลายค้างโชรงให้เงยหน้าเพื่อสบตากับสายตานั่นของเธอ
“ฉันมีไรจะบอก” สีหน้าจริงจังของลู่หานทำให้โชรงทำหน้าจริงจัง แต่ไอ้ก้อนเนื้อข้างในตัวกลับไม่สงบนิ่งตาม
“ฉันรักเธอนะโชรง รักมากด้วย ไม่อยากให้เธอมองใครนอกจากฉัน ฉันหวงเวลามีคนมองหรือสนใจเธอ ฉันห่วงเวลาเธอจะไปไหน ทำอะไร เป็นห่วงเวลาไม่สบาย กระวนกระวายเวลาเธอไม่สนใจฉัน” ลู่หานพร่ำบอกความในใจของเขา ยิ่งเขาพูดออกไปใบหน้าของโชรงก็แดงขึ้นๆเรื่อยๆ ใบหน้าที่ไม่เคยซ่อนความรู้สึกได้นั้น ยิ่งเขามองเขายิ่งหลงไหล
“โชรง ฉันอยากดูแลเธอ อยากดูแลเธอไปตลอด เธอจะให้โอกาสฉันดูแลเธอไหม” จบคำพูดของลู่หาน น้ำตาปริ่มๆของโชรงก็ไหล มันไม่ใช่น้ำตาของความเสียใจ มันคือน้ำตาของความดีใจต่างหาก เขาคนนี้ คนที่ทำให้เธอยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ และก็เขาอีกนั้นแหละที่ทำให้เธอรู้จักกับคำว่ารัก โชรงพยักหน้า โผลเข้ากอดลู่ห่าน ทั้งน้ำตา ลู่หานโอบกอดแฟนสาวของตัวเองไว้แน่นก่อนที่จะกระซิบอีกประโยคข้างข้างใบหูโชรง
“แต่งงานกันนะ”
โชรงที่ใบหน้าฝังกับไหล่ลู่หานพยักหน้าทั้งๆที่นังไม่ละออกจากไหล่นั้นเลย มันดีใจจนบอกไม่ถูกได้แต่ปล่อยน้ำตาแห่งความดีใจออกมา เธอไม่ลังเลใจเลยที่จะต้องใช้ชีวิตที่เหลือกับคนๆนี้คนที่รักเธอและเธอก็รักเขา
มาต่อให้แล้วนะ
ฟินเบาๆกับคู่แรก
ขอบคุณที่ตามอ่านและอย่าลืมตามอ่านคู่อื่นๆด้วยน๊า^^
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น