คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่1(75%)
ตั้งแต่เด็ก ฉันเชื่อว่า หากเราอยากเป็นอะไร หรืออยากจะทำอะไร แม้มันจะยากเย็นแค่ไหน ขอเพียงเรามีความพยายาม เราก็สามารถจะทำมันได้
อย่างตอนประถม ฉันเป็นคนเดียวที่กระโดดข้ามแท่นโดดไม่ได้ จำไม่ได้แล้วว่ามันสูงเท่าไหร่ น่าจะสัก ระดับต้นขา
มันน่าอายรึเปล่า?
แน่ล่ะทุกคนหัวเราะเยาะ แต่ หากลองนึกถึงคำพูดของคนทำหลอดไฟ ทอมัส เอดิสัน เขาเป็นคนเดียวที่ฉันจำได้ และเป็นเพียงคนเดียวที่ทำให้ฉันไม่รู้สึกกลัว ต่อความผิดพลาด
ผู้ช่วยของเอดิสันกล่าวว่า
“เราทำการทดลองมา 700 ครั้งแล้ว แต่เรายังไม่มีคำตอบ เราล้มเหลวเสียแล้ว”
แต่เขากลับตอบออกไปด้วยใบหน้าไร้สิ้นความท้อว่า
“เปล่าหรอก เรายังไม่ล้มเหลว เรารู้มากกว่าใครๆ ในโลก และเรายังรู้อีกว่ามี 700 วิธีที่ไม่ควรทำ อย่าเรียกว่า ความผิดพลาด แต่ให้เรียกว่า เป็นการเรียนรู้”
ทุกครั้งที่ร้องไห้ พ่อจะพูดมันเสมอ มันทำให้ฉันตัดสินใจได้อย่างกล้าหาญ และไม่เกรงกลัว
หลังจากนั้น ในห้องพละ มีแต่ฉันที่นั่งซ้อมกระโดดอยู่เป็นประจำ ฉันเรียกมันว่า เรียนรู้ ไม่ใช่เพราะ ผิดพลาด พระเจ้าจะดีใจกับฉันรึเปล่า ที่จะบอกว่า หลังจากนั้น ฉันสามารถกระโดดข้ามมันได้ และกระโดดได้สูงกว่าใครๆ
ตั้งแต่นั้นมา ไม่มีเรื่องไหน ที่ฉันคิดว่าหากเราไม่พยายามเราจะทำไม่ได้ ฉันกล้าหาญ เข้มแข็ง และมุ่งมั่น เหมือนหญ้า ที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็สามารถเจริญเติบโตได้อย่างงดงาม เพียงแต่ ทุกคนกลับไม่ชอบมัน
แต่...
ไม่ใช่ทุกอย่าง ที่แค่มีความพยายามก็สำเร็จมันไปได้...
เหมือนเมื่อสามปีก่อน
วันนี้ตรงกับวันนั้นเมื่อสามปีก่อน ฉันจำได้ว่า ฉันกำลังเดินอยู่ในโรงพยาบาลที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นยาฆ่าเชื้อฉุนจมูก มองไปทางไหน ก็เห็นแต่นางฟ้าในชุดขาวเข็นโน่นเข็นนี่ออกจากห้องกันให้ขวัก
ฉันเดินเข้าไปในห้องห้าศูนย์หนึ่ง รู้สึกว่าประตูไม่หนักเลยสักนิด ผิดกับวันแรกๆ ที่ฉันต้องออกแรงกว่าประตูจะเปิด
ในห้องนั้นมีชายท่าทางผอมแห้งไร้เรี่ยวแรงนอนอยู่บนเตียง ตามร่างกายเต็มไปด้วยสายน้ำเกลือระโยงระยางเต็มไปหมด ทุกลมหายใจที่พุ่งออก เกิดไอขุ่นๆ กับเครื่องช่วยหายใจเขาไม่ได้อยู่โดดเดี่ยว ยังมีใครอีกคนนอนฟุบอยู่ข้างๆ
ตั้งแต่ฉันเปิดประตูเข้ามา เด็กชายน่าจะสักมอต้นก็ตื่นขึ้น
ฉันอยากจะเล่าแบบนี้จริงๆ นะ อยากให้คนคนนั้น เป็นคนที่ฉันไม่รู้จัก
แต่...
มันเป็นไปไม่ได้
คนที่นอนอยู่บนเตียงนั้นก็คือพ่อของฉัน และข้างๆ เขาก็คือน้องชายของฉัน น่าอายที่ฉันทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากกลั้นสะอื้น และพยายามห้ามน้ำตาที่มีไม่ให้พ่อเห็น
พ่อต้องรอดสิ!
แต่...
คุณนางฟ้าประจำตัวไม่ช่วยอะไรพ่อเลย เธอไปอยู่ไหนกัน
ฉันน่ะ..ฉัน...
ไม่อยากรู้สึกแบบนี้ มันเจ็บปวดมากรู้มั้ย เหมือนโดนมีดกรีดซ้ำๆ ทั้งๆ ที่ไม่รู้สึกเจ็บอะไร แต่ไม่รู้ทำไม ฉันถึงเกลียดความรู้สึกนี้
เมื่อกี้ หมอเพิ่งบอกว่าจะถอดเครื่องช่วยหายใจออก และนั่นแปลว่าพ่อจะตายหรือเปล่า
ฉันไม่รู้...
แต่เอ็กส์น้องชายของฉัน เขาน่าจะรู้เรื่องนี้ก่อนแล้ว แต่ทำไมใบหน้าถึงเรียบเฉยแบบนั้น ไม่รู้สึกเจ็บปวดบ้างเลยหรอ
ดูเหมือนคนที่ไม่รู้เรื่องอะไร เห็นจะมีแต่ฉัน ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ น้ำตาไม่ได้ช่วยให้พ่อรู้สึกดี แม้สายตาจะเรียบเฉย แต่มือของเขาที่กำผ้าห่ม ทำไมถึงสั่นแบบนั้น
ไม่ช้าหมอก็เข้ามา และทำการจัดแจงทุกอย่าง เขาถอดเครื่องช่วยหายใจอออก และไม่ช้าพ่อของฉันก็กลับไปสู่สวรรค์
ฉันเป็นคนเดียวที่วิ่งออกมาจากห้อง ไม่อยากเห็น ฉันไม่อยากเห็น! เข้าใจไหม
วินาทีที่พ่อสิ้นใจ คงเป็นวินาทีเดียวกันกับที่ฉันทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้หน้าห้อง ไม่รู้ว่า ทำไมน้ำตามันถึงไหลออกมาไม่หยุด นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกกลัวความตายอย่างแท้จริง ฉันไม่อยากมีชะตากรรมเหมือนกับพ่อ
มันจะรู้สึกโดดเดี่ยวรึเปล่า?
มันจะเป็นเรื่องที่ดีได้ยังไง ในเมื่อคนที่อยู่ข้างหลังต้องทุกข์ใจแบบนี้ ลมหายใจของฉันติดขัดและร้อนผ่าว
“ทำไมเป็นแบบนี้ ฉ..ฉัน ทรมานจริงๆ” ฉันล้วงมือไปในกระเป๋า หยิบนกกระดาษสีขาวที่ตั้งใจพับขึ้นมากลิ้งในมือ น้ำตาของฉันคงเปรียบเสมือนกริชแหลม เพราะทันทีที่มันหยดใส่ปีกของนกตัวนั้น เพียงมือไปโดน มันก็ขาด ช่างเปราะบางอะไรแบบนี้
ตำนานนกกระดาษพันตัวบ้าอะไร มันไม่มีอยู่จริง มันไม่ใช่สิ่งที่จะนำ ความหวัง ความโชคดี และความสุขมาให้พ่อหรอกหรอ
สามวันที่ผ่านมา ฉันทำบ้าอะไรอยู่กันแน่
นิ้วชี้กับโป้งของฉันแข็งด้าน และส่ออาการเจ็บเป็นระยะ คงมีแต่เรื่องนี้ ที่ไม่ว่าจะพยายามยังไง ก็ไม่มีวันสำเร็จได้สินะ
“คุณอย่าคาดหวังกับมันเลย มันก็เป็นแค่ตำนาน ที่ทำให้เรามีความหวังไม่ใช่หรอ ความหวังสำหรับวันพรุ่งนี้”
นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันเพิ่งสังเกตว่า เก้าอี้ถัดจากฉันสองตัวมีใครบางคนจับจองมัน เขาเป็นชายร่างสูงผู้มีใบหน้าคมคาย ดวงตาคมดุจอินทรีย์ถูกสวมทับด้วยแว่นสายตา เขาเองก็คงจะเป็นคนที่มาเยี่ยมใครสักคนเหมือนกับฉัน
แต่เขาไม่ได้มองฉันหรอก เหมือนพูดคนเดียวซะมากกว่า เขาพิงหัวกับผนังและมองไปข้างบนอย่างเลื่อนลอย
“เพราะ ซาดาโกะ ซาซากิ ก็ทำเหมือนกัน แต่ท้ายที่สุดเธอก็ตายอยู่ดี”
“ต..แต่ฉัน..”
“เขาไม่ได้หายไปไม่ใช่หรอ ยังอยู่ ตราบเท่าที่คุณต้องการจะให้เขาอยู่ เพราะเมื่อวันเวลาผ่านไป เราเองอาจจะเป็นคนทำให้เขาตายไปจริงๆ ก็ได้”ใบหน้าของเขายามเมื่อแสงไฟกระทบ ช่างโศกเศร้าเสียเหลือเกิน แม้เขาจะไม่ได้ร้องไห้ออกมา แต่มันทำให้ฉันรู้สึกว่า ไม่ได้มีแต่ฉันที่รู้สึกแบบนี้
แต่ไม่คิดเลยว่า เขาคนนั้นจะอยู่โรงเรียนเดียวกับฉัน น่าอายที่หลังจากนั้น ไม่รู้ทำไม ฉันถึงลืมความทุกข์เรื่องพ่อเสียสนิท ทุกครั้งที่เห็นเขาในโรงเรียน ไม่ว่าจะในยามที่เขาท่องหนังสือ หรือคุยเล่นกับเพื่อน
นั่นเรียกว่าความรักหรือเปล่า?
แต่นี่เป็นอีกครั้ง ที่ฉันคิดว่า ความพยายามอย่างเดียวคงไม่พอ ฉันต้องมีความกล้า และเชื่อมั่น
นี่ก็ปีสุดท้ายแล้วสินะ ถ้าไม่บอกวันนี้ก็ไม่รู้ว่าวันไหนฉันถึงจะกล้าอีก เพราะงั้น ฉันจึงก้าวเท้าเข้าไปในห้องของเขาอย่างกล้าหาญ และไม่เกรงกลัวอะไร
นางฟ้า เทวดา เทพประจำตัวเจ้าขา ได้โปรดช่วยฉันทีเถิด
ไม่รู้ว่าคำภาวนาของฉันจะส่งไปถึงพวกเขาไหม แต่อะไรกัน ใบหน้าที่เรียบเฉยแบบนั้น อย่าทำแบบนี้สิ อะไรกันทำไมทุกคนหัวเราะล่ะ ฉันไม่ได้เล่นตลกคาเฟ่นะ
ไม่ อย่าทำแบบนั้น เธอคงไม่รู้ว่า กว่าฉันจะรวบรวมความกล้ามาได้ ฉันต้องพยายามฝึกพูดหน้ากระจกมานานแค่ไหน เธอรู้รึเปล่า
อย่าหลบสายตาสิ มัวแต่จ้องหนังสือแบบนั้นได้อะไรขึ้นมา เลิกทำเหมือนฉันไร้ตัวตนเสียที
โอ้ย! เสียงหัวเราะน่าเวียนหัวทำไมถึงดังแบบนี้นะ
ไม่ ไม่ ไม่
ถึงจะบอกแบบนั้น แต่มันคือความจริง ท้ายที่สุดฉันก็เป็นลมต่อหน้าเขา โชคดีที่ห้องนั้นพอมีคนรู้จัก ดังนั้นอพวกเขาจึงเก็บซากฉันออกมา
แต่นี่ มันก็ชี้ชัดแล้วว่า คำพูดของพ่อนั้นผิด
------------------------------------------------------------------------
เดี๋ยวมาต่อนะคะ 55ช่วงสอบนี่ ถือว่าแต่งนิยายคลายเครียด จะสอบรอดมั้ยเรา//แป่วบอกทำไม
ขอบคุณทุกคนที่อ่านจ้า ชอบไม่ชอบตรงไหนบอกได้นะคะ^^
ความคิดเห็น