ในยามเย็น ณ เมืองแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นเวลาที่ทุกคนอ่อนล้าหลังเลิกงานและเลิกเรียนกันมา
ผมเป็นเพียง นร.ชาย.ปลายธรรมด๊าธรรมดาคนหนึ่ง ที่อาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้
วันนี้ผมกลับบ้านช้าเป็นพิเศษ และตอนนี้เป็นเวลาเกือบ6โมงเย็นแล้ว ทุกคนใน ร.ร.
ก็มีแค่นิดเดียวเท่านั้น
''เห้อ...! บ้าจริงๆ ดันต้องส่งรายงานให้เสร็จภายในวันนี้ซะได้ ''ผมพึมพำขึ้น ''
แย่ละจะ6โมงเย็นแล้วถ้าไม่รีบกลับบ้านล่ะก้อมืดก่อนแน่ๆเลย'' ผมพูดแล้วก้อรีบเร่งฝีเท้ากลับบ้านทันที
แต่ทว่า.... ในขณะที่ผมกลับบ้านนั่นเองก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้ชีวิตที่แสนธรรมด๊าธรรมดาได้เปลี่ยนไป มีฟ้าในยามเย็นอยู่เป็นเพื่อนกลับบ้าน
ในขณะนั้น ผมก้อบังเอิญไปเห็นอะไรบางอย่างเข้า
"นั่นมันอะไรน่ะ" ผมพึมพำขึ้น และมองไปยังวัตถุประหลายนั้น และเดินไปหามัน
"นี่มันเหรียญอะไรเนี๊ยะ มีสัญลักษณ์แปลกๆอยู่ข้างในด้วย" ผมมองไปที่ตรงกลางของเหรียญ
"ชั่งมันเถอะ เรารีบกลับบ้านดีกว่า" ผมพูดแล้วก็ง้างขว้าง เหรียญนั้นออกไป แต่ว่า
"เอ๋!" "ทำไมมันปาไม่ออกหละนี่" และทันใดนั้นเอง ฟ้าก็มืดลงทันที
'เจ้าคือผู้ถูกเลือก' เสียงปริศนาดังขึ้นในหัวผม
"นั่น ใครน่ะ" ผมตะโกน ถามขึ้น "เจ้าอาจจะรู้ในไม่ช้านี้หละ"
เปรี้ยง! พอสิ้นเสียง เสียงฟ้าก็ผ่าขึ้นมา พร้อมเงาบุคคลปริศนา
"ส่งเหรียญ นั่นมาซะ"เสียงใสๆดังออกมาจาก เงาคนนั้น แสดงให้ถึงว่าน่าจะเป็นผู้หญิง เมื่อเธอเดินเข้ามาเรื่อยๆ เงาก้อเริ่มจางออกไปเพราะแสงสว่าง ปรากฎเป็นร่างหญิงสาวน่ารักคนหนึ่ง จ่อดาบมาที่ตัวผม
"ไม่ได้ยินหรือไง บอกว่าให้ส่งเหรียญนั้นมาไง" หญิงสาวคนนั้นเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
พร้อมเอาดาบจ่อมาที่คอของผม
ผมก้มลงมองดาบที่จ่อคออยู่ด้วยความกลัว
"นี่มันเรื่องอะไรกัน ?" ผมพยายามตั้งสติแล้วถามออกไป
"ฉัน บอก ให้ ส่ง เหรียญมา!!" เธอพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
ผมยื่นมือที่มีเหรียญออกไปให้เธอ "หยิบมันไปสิ"
ยังไงซะผมก็ไม่ได้ต้องการมันอยู่แล้ว เรื่องอะไรจะต้องเอาชีวิตของตัวเองไปเสี่ยงล่ะ ผมคิด เธอยื่นมือข้างที่ไม่ได้จับดาบออกมาหยิบเหรียญออกจากมือผมไป
"อ้ากกกก" ผมร้องตะโกนด้วยความเจ็บปวดอย่างลืมตัว ใช่ดูเหมือนว่าเหรียญบ้าๆอันนี้มันจะติดอยู่กับมือผมทำให้เมื่อเธอออกแรงกระชากเหรียญ มันก็เหมือนจะดึงเนื้อของผมติดมือเธอไปด้วย
แต่ดูเหมือนว่าการออกแรงดึงเพิ่มขึ้นเพื่อดึงมันออกจะไม่มีผลอะไร "คงต้องตัดมือของนายออกมาด้วยสินะ"
เธอพูดออกมาด้วนน้ำเสียงเรียบเฉยราวกับกำลังพูดเรื่องทั่วๆไปผิดกับรูปลักษณ์ภายนอกที่น่ารัก การกระทำของเธอมันช่างอำมหิตสิ้นดี "เอาล่ะ ชั้นคงต้องขอแขนของนายไป" หญิงสาวลึกลับคนนั้นกล่าว
เธอเลื่อนดาบออกจากคอผม แล้วทันใดนั้นดาบในมือเธอก็ฟันลงมาที่ข้อมือผม!!
ทันใดนั้นเองก็มีอีกหนึ่งเล่มมากั้นระหว่างผมกับดาบของเธอคนนั้น"นี้เธอคิดจะฆ่าเขาจริงๆนะ"ชายหนุ่มคนหนึ่งพูด"ก็ช่วยไม่ได้ในเมื่อเขาเห็นของนั้นแล้ว"เด็กสาวคนนั้นพูดขึ้น"แต่เหรียญนั้นเลือกเจ้าของแล้วนะ
"ชายหนุ่มคนนั้นพูด"งั้นก็ต้องตัดแขนไป"หญิงสาวตนนั้นพูดขึ้นด้วยอาการที่เย็นชา"ใจเย็นๆสิ"ชายหนุ่มพูดขึ้น"ถ่อยไป"เธอพูดพร้อมกับพุ่งไปหาชายหนุ่มคนนั้นโดยที่ยังไม่ทันตั้งตัว'ซูม' ฉัวะ "อ้าก" เสียงชายร้องลั้นพร้อมกับทรุดลง
ไปพร้อมมีเลือดใหลออกมาเป็น ตันๆ "อั้ก...นะ..นี้เธ..." ฉัวะ อ้าก เสียงชายหนุ่มร้องลั่นอีกครั้งแล้วเด้กสาวคนนั้นก็ฟันแบบไม่ยั้งจนเขาตายสนิท กึก กึก กึก เสียงของฝีเท้าของเด็กสาวเดินออกมาจากกองเลือดพร้อมกับดาบและใบหน้าที่เปื้อนเลือด
"ต่อไปตานาย"เด็กสาวด้วยท่าทีที่เย็นชาพร้อมกับยกดาบขึ้นเหนือหัวแล้วฟันลงมาที่ตัวผม "อ้าก" ผมร้องลั่นออกมาพร้อมกับเอามือปิดแผลที่อกไว้ "แฮก แฮก" ผมพยายามตะเกียกตะกายออกมาแต่ว่า "ตาย" ฉัวะ !!!
"อ๊ากกกกกกกกก!!!"ผมตะโกนลั่น พร้อมลุกขึ้นมาจากเตียงนอน
"ฟู่...ฝันไปสินะ" ผมถอนหายไปและปาดเหงื่อพร้อมกับมองไปรอบๆห้อง เมื่อมองไปรอบๆห้อง ผมก็สังเกตุว่า นี่มันไม่ใช่บ้านของผม
"นี่มันที่ไหนกัน"ผมเอ่ยขึ้นเบาๆ ผมมองไปรอบๆอีกครั้งและเหลือบไปเห็นนาฬิการูปทรงโบราณ เรือนใหญ่ แต่สิ่งที่ผมแปลกใจไม่ใช่รูปทรงโบราณของมันแต่เป็นสัญลักษณ์ บนส่วนบนของนาฬิกา สัญลักษณ์นั้นมันชั่งคุ้นตาเหลือเกิน เหมือนได้เห็นมาเมื่อๆเร็วนี้
"อ๊ะ! นั่นมันรูปเดียวกับ เหรียญนั่นเลยนี่นา"ใช่แล้วมันมีลักษณะเหมือนกับเหรียญ(ในฝัน?) นั่น เป็นสัญลักษณ์ คล้ายกับนกขนาดใหญ่และมีเพลิงอยู่รอบนกนั้น
"อ๊ากตกลงนี่มันเรื่องจริงหรือฝันกันแน่เนี่ยะ? และเราอยู่ที่ไหนกันแน่เนี่ยะ!!!"ตอนนี้ผมปวดหัวเหลือเกินเพราะในหัวของผมมีแต่ เครื่องหมายคำถามเต็มไปหมด มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
"นายไม่ได้ฝันไปหรอก"เสียงใสดังขึ้นจากประตูห้อง ปรากฎร่างหญิงสาวที่เคยจะเอาชีวิตผมในฝันนั้น
"ธ..เธอ คนที่จะฆ่าผมนี่นา!" ผมชี้ไปยังหญิงคนนั้น
"วางใจได้ ชั้นไม่ฆ่านายหรอก หากนายรอดมาได้แสดงว่านาย คือผู้ที่เลือกจาก ฟินิกซ์ แล้วหล่ะ" เธอกล่าวขึ้น
"แล้วทำไม ผมยังไม่ตายหละเธอเป็นคนฆ่าผมเองนะ"ผมแย้งขึ้น
"ก็บอกว่านายคือผู้ที่ถูกเลือกจากฟินิกซ์ไง" หญิงคนนั้นกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย
"ไม่จริง! หากมันเป็นจริงแผมคงตายไปแล้ว ฟินิกซ์อะไรผมไม่รู้จักหรอก"ผมยังแย้งต่อไป
"ก็ได้"เธอกล่าวขึ้น ด้วยน้ำเสียงฝืนเต็มทน"งั้นชั้นพิสูจน์ให้ดูเอง" เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาเสร็จและดวงตาเธอแดงโรจน์อย่างน่ากลัวและมีแสงจากมือและปรากฎดาบจากแสงนั่น และนำมาจ่อคอผม "จะให้ชั้นฆ่านายอีกรอบถึงจะเชื่อใช่มั้ย?"เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
'นี่มันเหมือนจะเป็นเดจาวู ยังไงก้อมั้ยรู้วุ้ย' ผมได้แค่คิดในใจ ผมไม่กล้าที่จะกลืนน้ำลายด้วยซ้ำ
"มะ..มะ..ไม่หละ ผ..ผมเชื่อแล้ว"ผมกล่าวขึ้นเพื่อให้เธอเอาดาบนั่นออกจากคอผมสักที
"เชื่อและสินะ"เธอกล่าวเสียงใสพร้อมยิ้มอย่างสดใจให้กับผมและดาบก็หา่ยไป ผิดกับการกระทำเมื่อครู่นี้โดยสิ้นเชิง แต่มันไม่ได้ทำให้หัวใจดวงน้อยของผมชุ่มชื้นขึ้นเลย
"เอ่อ ผมขอรายละเอียดหน่อยได้มั้ย ครับ"ผมกล่าวขึ้นอย่างหมดทางเลือก
"ได้สิเดี๋ยวนายจะต้องได้รู้แน่นอน แต่ไม่ใช่ชั้น แต่เป็นคนอื่นต่างหาก เดี๋ยวชั้นจะไปตามให้ละกัน"เธอกล่าวเสร็จก้อเดินไป
"น่ากล่าวชะมัด"ผมกล่าวขึึ้นอย่างเบาๆ
"เมื่อกี้นายได้พูดอะไรรึป่าว?" เธอหันกลับมาถามอย่างสงสัย
"ปะ..เปล่า!" ผมปฏิเสธออกไปทันที
"เหรอ งั้นแล้วไป อ๊ะ!"เธอเดินกลับมาพร้อมจ้องหน้าผม
"ลืมไปนายชื่ออะไรหรอ"เธอถามผม
"ผมชื่อ...อ..เอส "ผมกล่าวเสียงเบา
"งั้นหรอ เรียกชั้นแอร์เรียสแล้วกัน" "เอาหละ ชั้นจะบอกรายละเอียดคร่าวๆ แล้วกัน เนื่องจากว่าวันนี้อารมณ์ อะนะ"
"ที่ๆนายกำลังอยู่ๆที่นี่มันคือ องค์ลับอย่างหนึ่งชื่อว่าองค์กรเทมเพส ที่นี่เป็นแแหล่งรวม เจ้าของเหรียญนั่นกันทุกคน ส่วนเหรียญนั่นมีชื่อเรียกว่า ดาร์คเคิร์ซ มันจะเลือกเจ้าของที่ เหมาะสมกับมันเท่านั้นและจะไม่มีวันแยกจากมันได้อีกจนกว่าจะตาย เลย"
"ว่าไงนะ!! จนกว่าจะตายหรอแต่ว่าผมยังไม่เห็นมันเลยนะ"ผมถามขึ้น
"มันจะหลอมเข้าไปในสายเลือดของนาย และจะปรากฏเป็นรอยสัก บนอกซ็ายของนายไงหละ"เธอพูดจบผมก็ก้มมองที่อกตัวเองทันที
"มะ...มีอยู่จริงด้วยแหะ"ผมกล่าวอย่างอึ้งๆ
"น่า น่า ถือว่าเป็นแฟร์ชั่นละกัน อย่างที่เห็นของนายเป็นรูปฟินิกซ์ นั่นก็หมายความว่านายจะไม่มีวันตายยังไงหละ"
"แล้วมันจะสืบทอดต่อไปยังไง หละ ในเมื่อผมไม่มีวันตายนี่"ผมถามอย่างสงสัย
"ไม่รู้"เธอตอบกลับอย่างรวดเร็ว
"ห๊า!! หมายความว่ายังไงน่ะ"ผมแย้งขึ้นทันที
"ก็ชั้นไม่รู้นี่นา ไม่ว่าใครก็ไม่รู้ทั้งนั้นหละ เพราะนายคือรุ่นแรกยังไงหละ"เธอตอบกลับมา
"ว่าไงนะ! นี่ผมคือรุ่นแรกหรอ ถ้าผมคือรุ่นแรก แล้วเธอหละคือรุ่นเท่าไหร่"ผมถามเธอ
"3 ชั้นเป็นรุ่นที่3 เหรียญของชั้นคือเอรีส เทพแห่งสงคราม และการที่นายเป็นรุ่นแรกเพราะว่า เปอร์เซ็นในการจุติของฟินิกซ์ มันน้อยมากจนแทบไม่เหลือนะสิ
เนื่องจากปกติมันจะถูกผนึกไว้ในไข่แห่งเพลิงและเก็บไว้ในกระจกการเวลา แต่ว่าเกิดเหตุขึ้นนิดหน่อยไข่เลยออกมาข้างนอกได้ ส่งผลให้องค์กรอื่นๆ ที่พยายามนำคนอย่างพวกชั้น ไปปฎิวัติ พากันมาแย่งชิงนายกันไงหล
ะ เหมือนกับผู้ชายคนก่อนที่นายจะหลับไปนั่นหละ" พอผมนึกภาพตามก็สยองอีกรอบ เพราะชายคนนั้นถูกฆ่าอย่างเลือดเย็นด้วยฝีมือของหญิงสาวตรงหน้านี้เอง
"พวกมันมากันแล้ว!!"เสียงตะโกนจากข้างนอกดังเข้ามาข้างใน
"เฮ้อ ต้องเหนื่อยอีกแล้ว เอาเป็นว่านายอยากจะรู้รายละเอียดหละก็ ตามชั้นมาเลย"เธอพูดจบเธอก็เดินไปยังประตูทันที
"เฮ้ แอร์เรียส ที่พูดหมายความว่ายังไงน่ะ ให้ไปที่ไหนกับและทำอะไรน่ะ?"ผมรีบวิ่งไปถามเธอก่อนที่เธอจะหาจากสายตา
"จะมีอะไรหละ ก็สงครามระหว่าง องค์กรร้ายกับองค์กรเทมเพสยังไงหละ ส่วนหน้าที่ของนายก็คือสู้สิ ส่วนความสามารถของนาย นายต้องค้นหามันเอง"เธอพูดจบก็เปิดประตูวิ่งออกไปทันที
"ว่าไงน๊าาาาาาาาาา!!"ผมอุทานลั่นห้อง
"เดี๋ยวสิรอก่อน"ผมตะโกนออกไปพร้อมกับวิ่งตามออกไป "นี่แล้วพลังของผมคืออะไรละ" ผมถามเธอขณะที่เดินตามเธอไป "ไม่รู้" เธอตอบอย่างรวดเร็ว แล้วของเธอละ" ผมถามเธอขึ้น "อาวุธ" "ฉันสามารถเรียกอาวุธข้ามมิติมาได้" เธออธิบาย "อาวุธเหรอ" "อืม"
"แล้วของฉันละ" "ไม่รู้" เธอตอบอย่างไม่ลังเล "เอาละถึงแล้วเตรียมตัวไว้สะ" เธอพูดพร้อมกับพลักประตูออกไป 'แอ้ด'
เสียงเปิดประตูดังพร้อมกับมีคนลอยเฉียดหน้าผมไปแค่ไม่กี่เซนติเมตรตามด้วยกับมีผู้ชายคนหนึ่งพุ้งไปหาพร้อมกับใช้หอกแทงไม่ยั้งคนไอ้คนที่ถูกซัดปลิวมาตายสนิท นะ นี้มัน "ขอโทษครับผมมาผิดที่"
ผมพูดพร้อมกับเดินเข้าไปในประตูแต่ ฉึก ฉึก ฉึก ก็มีลูกธนูมาปักตรงข้างหน้าเท้าผม "อะ...เอ" ผมหันไปมองทางทิศที่ลูกธนูพุ้งมาเห็นแอร์เรียสยืนถือธนูหันมาทางผมด้วยท่าทีที่โมโห
"จะไปไหน" แอร์เรียสพูดพร้อมกับเดินมาหาผม "หน้าที่ของนายคือต้องสู้" ว่าแล้วเธอก็จับผมเขวี้ยงเข้าไปกลางวงล้อมศตรู "ม่ายยยยยยยยยยยยย" ผมร้องออกมาอย่างไม่รู้ตัว 'ตุบ' "โอ๊ยเจ็บๆๆๆๆๆ...หือ"
ผมร้องออกมาพร้อมกับเงิยหน้าขึ้นมอง "อะ...เอ่อ" ภาพที่เห็นก็คือศตรูหน้าเหี้ยมๆ "ขอโทษครับมาผิดที่" ผมพูดพร้อมกับก้มหัวลง แต่ "ตายยยย" "ม่ายยยยยยย" 'ตูม' " ม่าย" 'ตูม' "ม่าย" 'ตูม' "ชะ...ช่วยด้วย"
ผมพยายามหนีแต่ก็ทันใดนั้นก็มีลูกปืนใหญ่มาอยู่ตรงหนเ้าผมซะแล้ว 'นี่เราต้องตายซะแล้วเหรอ' ตูม เสี่ยววินาทีที่ผมคิดนั้นก็มีโซ่สีแดงจำนวนมากมาอยู่ตรงหน้าผม "นี่มัน อะไรกันนะ"
"โซ่สีแดง" "อะอะอะอะไรกัน" ไอ้คนที่ยิงปืนใหย่ใส่พูดออกมาด้วยท่าทีที่ตกใจ "แก" มันพูดออกมาพร้อมกับยิงปืนใหย่ออกมาอีกนัด
แต่ทันใดนั้นโว่รอบๆตัวผมก็ค่อยๆเคลื่อนออกมาแล้วพุ้งใส่ลูกปืนใหญ่ที่ยิงออกมาจนระเบิดพร้อมกับพุ้งไปโจมตีชายหน่มคนนั้นภาพที่เห็นก็คือ ร่างของชายคนนั้นถูกโซ่เสียบทะลุอกพร้อมกับมีไฟลุกออกมาจากโซ่เผ่าชายคนนั้นจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก
"อะอะไรกัน นะ นี่มัน ม่ายยยยยย" ผมร้องลั่นออกมาอย่างไม่รู้ตัว ทันใดนั้นโซ่ที่อยู่รอบๆก็เริ่มขยับแล้วไปโจมตีใส่คนที่อยู่รอบๆจนรอบๆผมกลายเป็นทะเลเพลิง "มะ...ม่า่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
"ผมร้องลั่น
"นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ยะ"ผมถามตัวเอง
'เรียกข้าสิ'เสียงในหัวดังขึ้นอีกแล้ว
"นั่นมัน คนที่เคยพูดเข้ามาในหัวของชั้นนี่"
'เรียกข้า สิ...'เสียงนั่นยังคงดังไม่หยุด
'ข้าถูกจองจำมาเป็นเวลาหลายร้อยปี ข้าอยากเห็นแสงสว่างเหลือเกิน'ทันใดนั้นก็มีหอกเล่มหนึ่งแทงเข้ามา ผมกระโดดหลบได้อยากเฉียดฉิว
"ฆ่ามันเร็ว มันกำลังสับสนอยู่ รุมมันเลย"ทหารคนหนึ่งพูดออกมา
ทำให้รอบตัวของผม ตอนนี้รายล้อมไปด้วยแสงที่มาจากหอกและดาบรอบกาย
"โทษที ไอ้หนู แกคงมาใหม่สินะ ตามจริงแล้วชั้นก็ไม่อยากฆ่าแกหรอกนะ แต่ว่าแกมันคือตัวปัญญาหาไงหละ พวกเราลุย!!"ว่าแล้วเหล่าทหารก็พุ่งหอกและดาบเข้าใส่ผมซึ่งอยู่ในวงล้อมนั้นทันที
ช่วงวินาทีห่วงความตายนั้นเสียยงในหัวก็ดังขึ้นอีกรอบ
'เรียกสิๆๆ ชื่อของข้า'
'เรียกอะไร น่ะหมายความว่ายังไง'ผมตอบกลับไป
'ชื่อของข้า ไงหละ....'
'ชื่อของนายงั้นหละ'
'ชื่อของข้าคือ'
"ฟินิกซ์!!" 'ฟินิกซ์!!' เสียงในหัวของผมและเสียงของผมดังขึ้นโดยพร้อมกันอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ทันใดนั้น โซ่ที่อยู่รอบของผม ก็เปลี่ยนสีขึ้นกลายเป็นสีแดงและเริ่มหมุนรอบตัวของผม และตัวผมก็มีเปลวไฟรวมตัวกันจนอัดแน่นกลายเป็นลูกไฟ ภายนอกลูกไฟก็มีโซ่พันธะนาการ ไว้อยู่
"อ๊ากกกกกกกกกก!!"ผมกรีดร้องราวกับโดนไฟสุมทั้งตัว
"เปรี้ยะ!!"เสียงร้าวของโซ่ ราวกับว่ามันใกล้จะแตกสลายแล้ว
"ยะ..แย่แล้ว มันกำลังจะเกิดใหม่แล้ว เราต้องหยุดมันให้ได้ ก่อนที่มันจะลงมาจุติ ย๊ากกก!"กองทหารแถวนั้น กระโดดเข้าใส่ลูกไฟโดยไม่กลัวความตาย
"อ๊ากกกกกกกกกก"ทหารที่พยายามเข้าไปใกล้ต่างถูกไฟเผาไหม้
จนล้มตายไปหลายคน
"แย่แล้ว เราเข้าใกล้มันไม่ได้เลย ถ้าไม่เข้าไปร่างที่แท้จริงมันก็จะเผยออกมา ถ้ายังงั้นเราจะตายกันหมดแน่"
"ว๊ากกกกกกกกกกกกก!!" 'แคร๊ง!!' เสียงโซ่ที่พันธะนาการอยู่ได้แตกลง ทันใดนั้นลูกบอลเพลิงภายในก็หดตัวลง และขยายตัวขึ้นแล้วระเบิดขึ้นในวงกว้าง 'ตู้มมมม!!!!'เสียงระเบิดดังขึ้น
ทำให้รัศมี3-5เมตร รอบตัวผม เป็นหลุมกว้างทุกสิ่งที่เคยอยู่ที่นั่น ก็กลายเป็นเถ้าธุลี เมื่อระเบิดเสร็จสิ้นก็ปรากฏตัวชายในร่างปีศาจแห่งเพลิง
ในท่าคุกเข่าก้มหน้าอยู่ ที่รอบตัวเขามีเปลวไฟที่มอดไหม้อยู่และ ดวงตาสีแดงก่ำราวปีศาจกระหายเลือดยามออกล่าเหยื่อ ที่หลังของเขามีปีก1คู่ ซึ่งเป็นปีกเพลิงที่ปีกนั้นเป็นไฟทั้งหมด
"นี่ สินะโลกภายนอก"เสียงแรกที่ออกมาจากปากชายคนนั้น
"ไม่ได้ออกมาซะนาน 200หรือ300ปีกันหว่า เอาเป็นว่าชั่งมันเถอะ ตอนนี้อยากฆ่าคนเป็นบ้าอยู่แล้ว หึหึ จะฆ่าให้หนำใจเลยฮ่าๆๆๆๆๆ!!"
ว่าแล้วเขาก็กระพือปีเพลิงด้านหลังอย่างรวดเร็ว ทุกๆครั้งที่ปีกกระพือ1ครั้ง จะเกิดลมกรรโชกรุนแรงในรัศมี3-5เมตรรอบตัวเขา
"ย๊ากกกก!"เขายกตัวขึ้นและพุ่งไปหาเหยื่อคนแรกทันที เหยื่อคนแรกถูกฆ่าโดยการตะหวัดมือเพียงครั้งเดียวก็ทำให้ร่างกายขาดเป็นสองท่อน
คนที่สองถูกฆ่าอย่างทรมาณโดยการจิ้มลูกตาให้ตาบอดและเจาะเข้าในหูเมื่อเหยื่อไม่ได้ยินและมองไม่เห็นก็ปล่อยให้ตายอย่างน่าเวทนา การล่าเริ่มหนักหน่วงขึ้นไปเรื่อยๆ เขากระพือเพียง1ทีจะต้องมีศพ1ราย จนราวๆ30นาทีต่อมา
"ฮ่าๆๆๆ มันส์จริงๆเว้ยยฮ่าๆๆๆๆ" 'ตึกๆ!' เสียงหนึ่งดังขึ้นในตัวของเขา"ชิ ตื่นเร็วชะมัดยังฆ่าไม่หนำใจเลย"เขาพูดไปพลางและมือยังฆ่าทหารรอบข้างไปพลาง 'ตึกๆ!' รู้แล้วน่าๆ ข้าเข้าใจแล้วไม่ต้องเร่งก็ได้ 'ฟิ้ว!! ปุ้ง!' เสียงพลุแสดงถึงว่าศัตรูได้ถอนกำลังไปแล้ว
"ไว้คราวหน้าเรียกข้าอีกแล้วกัน"เขาพูดประโยคสุดท้ายก่อนที่ไฟรอบๆตัวจะหายไป และปีกที่หลังก็หายด้วย
'ตุบ'เสียงร่างกายของเขาล้มลงหมดสติลงไป และเหตุการณ์ก็จบลง
"เราสูญเสียสมาชิกทั้งสิ้นสิบห้าคน เป็นผู้ใช้พลังระดับหนึ่ง 8 คน ระดับสอง 5 คน และระดับ 3 สองคนครับ" "อืม ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะ มีอะไรจะรายงานเพิ่มอีกไหม" " ไม่มีแล้วครับ"
ชายหนุ่มผู้เป็นสมาชิกระดับ สี่ตอบ " ถ้าอย่างนั้นเชิญคุณไปพักผ่อนได้แล้วล่ะ" "ครับ" หลังจากนั้นเขาก็ก้มศรีษะทำความเคารพและเดินออกจากห้องไป " เข้ามาสิแอร์เรียส เธอคงไม่คิดจะยืนแอบอยู่ตรงนั้นตลอดไปหรอกจริงไหม"
หญิงสาวเมื่อรู้ว่าตัวเองถูกจับได้แล้ว ร่างกายที่โปรงแสงของเธอ ก็ค่อยปรากฏสีขึ้นมา นี่เป้นผลมาจากพลังของเธอนั่นเอง "ขออภัยด้วยค่ะ ท่านมิเกล " "อืม ไม่เป็นไรหรอก เธอระแวงผู้สมาชิกเมื่อกี้ใช่หรือเปล่า"
"ค่ะท่าน มีความเป็นไรได้ว่าเขาจะเป็นสายที่ถูกส่งเข้ามาค่ะ" ชายหนุ่มตรงหน้าเธอยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย "ถูกแล้วผู้ชายคนเมื่อกี้เป็นสายจริงๆ"ด้วยความตกใจหญิงสาวจึงตะโกนออกมาว่า "อะไรนะค่ะ แล้วทำไมท่านถึง..."
แต่ยังไม่ทันจะพูดจบประโยค ก็รู้ว่าตัวเองเสียมารยาทต่อผู้บังคับบัญชาจึงสงบคำพูดไว้ได้ทัน "ถึงไม่กำจัดเขาอย่างนั้นเหรอ แอร์เรียส การฆ่าคนไม่ใช่ทางออกที่ดีท่ี่สุดของปัญหาหรอกนะ มันไม่เคยใช่ และจะไม่มีวันใช่หรอก"
ถึงแม้จะเป็นผู้บังคับบัญชาแต่เธอก็อดจะแย้งไม่ได้ว่า "แต่ว่าท่านค่ะ การโดนบุกโจมตีในครั้งนี้อาจจะเป็นฝีมือของเขาก็ได้" "ไม่หรอก แอร์เรียส เธอคิดหรือว่าเจ้าหน้าที่ระดับกลางคนนั้นจะรู้ถึงวิธีเปิดประตูมิติขนาดใหญ่นั้นได้"
เธอใช้ความคิดซักพักก่อนจะตอบออกมา "ไม่ค่ะ ต่อให้เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงก็ไม่รู้ถึงวิธีเปิดประตูมิติขนาดใหญ่ขนาดนั้น" "ใช่แล้ว เพราะอย่างนี้ไงเราถึงยังต้องเก็บเขาไว้" "เพราะอะไรกันค่ะ"
"เพื่อใช้เป็นเหยื่อล่อไงล่ะ เมื่อเรารู้ว่าเขาเป็นสายเราก็สามารถใช้ประโยชน์จากเขาได้อีกหลายอย่างเลยล่ะ แล้วเรื่องที่ผมฝากให้คุณดูแลเอสล่ะ คุณคงไม่ได้ทิ้งเขาไว้เฉยๆใช่ไหม" "เรื่องนั้น ไม่มีอะไรที่น่ากังวลคค่ะ
ฝ่ายรักษาได้ให้ข้อมูลมาว่าที่เขาสลบไปนั้นเป็นเพราะร่างกายทนรับพลังของฟินิกส์ไม่ไหว แต่ไม่มีอันตรายใดๆที่ส่งผลถึงชีวิตของเขาค่ะ" "อย่างนั้นก็ดีแล้ว ผมฝากคุณช่วยดูแลและติดตามพฤติกรรมของเขาด้วยล่ะ
ผมมั่นใจว่าเขาสามารถถูกฟินิกส์ครอบงำร่างได้ง่ายๆแน่นอน จิตใจของเขาอ่อนแอเกินไป" "ค่ะท่าน ถ้าอย่างนั้นดิฉันขอตัวก่อนค่ะ" "ได้สิ อย่าลืมพักผ่อนด้วยล่ะ ตั้งแต่จบการปะทะเธอได้พักผ่อนหรือเปล่า?"
หญิงสาวส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธก่อนจะก้มตัวทำความเคารพก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ทันใดนั้นชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนโต๊ะทำงาน ก็แผ่กระแสพลังออกมา เป็นกระแสพลังสีทองที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นมันค่อยๆแผ่กระจายออกไปรอบๆห้อง ก่อนจะลามไปทั่วอณาบริเวณขององค์กรทั้งหมด
"สอง สาม ไม่สิ สี่คนอย่างนั้นเหรอ ท่าทางแบบนี้คงต้องได้ปรับปรุงระบบคัดกรองบุคคลซะล่ะมั้ง" ชายหนุ่มหันหน้าไปทางด้านข้างของตัวเองก่อนจะเอ่ยออกมา "ฮิปนอส ฉันมีงานให้นายทำ"
บริเวณโล่งๆข้างกายเขาค่อยๆปรากฏกลุ่มหมอกควันที่ค่อยๆรวมกันกลายเป็นรูปร่างคน "ครับนายท่าน" มิเกลยื่นมือไปแตะที่ตัวฮิปนอสก่อนที่กระแสพลังในตัวจะไหลไปที่ฮิปนอสอย่างช้าๆ "สี่คนนี้เท่านั้นเหรอครับท่าน"
"ใช่แค่สี่คนนี้" "ฆ่าหรือทำให้เสียสติครับ'' ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง "ถ้าอย่างนั้นแก้ไขความทรงจำหรือครับ" "ใช่แล้ว แล้วก็รีดข้อมูลมันออกมาด้วยล่ะ" "ครับ" ก่อนที่ร่างกายของฮิปนอสจะค่อยๆหายไป
"อ้ากกกกกก"เสียงคนกรีดร้องมาจากส่วนหนึ่งขององค์กรแล้วมีชายหนุ่มคนหนึ่งืนอยู่ในท่าท่กำลังจับหัวชองชายอีกหนึ่งซึ่งกำลังกระเสือกกระสนที่จะหลุดออกจากท่านั้น"กะ แก"
ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดด้วยถ่อยคำที่หวาดกลัวขณะที่พยายามจะดึงของชายอีกคนหนึ่งออก"ให้ตายสิ ไอ้องค์กรนี้มันอะไรกันปล่อยให้มีสปายอย่างแกได้นะ"ชายหนุ่มคนนั้นพูดด้วยท่าทีเบื่อหน่าย
"จะทำอะไรก็ทำแต่ฉันไม่มีทางบอกความลับให้พวกแกหรอกน่า"ชายหนุมอีกคนพูดด้วท่าทีที่เกรียวกราด"ว้าแย่จังๆแต่ฉันไม่ได้จะถามสักหน่อยนะ"ทันใดนั้นเองก็มีไอสีขาวๆลอยออกมาจากมือของชายหนุ่มคนนั้น
"อ้ากกกกกกกกกกกกก กะ กะ แกเป็นใครกัน"ชายหนุ่มถามด้วยท่าทีที่กระเสือกกระสนเมื่อชายหนุ่มคนนั้นได้ยินก็ยิ้มแลวตอบกลับไป "ฮิปนอส"ทันใดนั้นเองไอสีขาวก็คลุมทั่วหัวชายห่มจนหมดสติไป"อ่าวละเหลืออีกสามคน"
แล้วร่างของฮิปนอสก็ค่อยๆจางหายไป..............................."เอ้อ ที่นี่ที่ไหนเนี้ย"เอสพูดขณะที่พยายามลุกขึ้นมาด้วยท่าทีที่สะลึมสะลือ"สำนักงานใหญ่ขององค์กรเทมเพส"
ผมตกใจพร้อมกับหันไปทางที่เสียงออกมาและในทางนั้นแอร์เรียสก็ยืนกวดอกมองมาทางผม"อะ แอร์เรียส" แอร์เรียสยืนยิ้มแล้วเดินมาทางผม"ให้ตายสิคนอย่างนายนี่มัน"แอร์เรียสพูดด้วยท่าทีที่เบื่อหน่าย
"รู้ไหมว่านายทำอะไรลงไป"แอร์เรียสพูดแล้วชี้นิ้วมาทางผม ทันใดนั้นเองผมก็นึกถึงเรื่องที่เกิดเมื่อคราวก่อน"...""เกิดขึ้นจริงๆสินะ" ผมถามด้วยท่าทีที่หดหู้แอร์เรียสยืนเงียบไปพักหนึ่ง"จริงๆสินะ........นี่ผมฆ่าคนจริงๆสินะ"
"อืม" ทันก็เหมือนมีฟ้าลงมาที่ตัวผม"ผะ ผม" "เอส"แอร์เรียสกำลังจะเดินมาปลบใจผมแต่ทันใดนั้นก็ 'ตูม' จู่ๆกำแพงข้างห้องก็พังลงมาพร้อมกับมีชายคนหนึ่งยืนเหยียบซากกำแพงที่หล่นลงมา"แกเป็นใครกันนะ"
แอร์เรียสตะโกนออกไปพร้อมกับชักดาบที่เอวออกมา ทันใดนั้นเองชายหนุ่มคนนั้นก็กระโดดออกมาพร้อมกับตะโกนออกมา"ข้าชื่ออัลปาก้า"แล้วชายหนุ่มคนนั้นก็มายืนกอดอกที่หน้าแอร์เรียส
"อะ อัลปาก้า" "ใช้ข้าชื่อ อัลปาก้าหัวหน้าครูฝึกประจำำสำนักงานใหญ่ขององค์กรเทมเพสไงละ"อัลปาก้าพูดอย่างมั่นใจพร้อมกับกอดอกไปด้วย"ใครอะ่"ผมถามด้วยความงง"ไม่รู้"แอร์เรียสตอบแบบไม่ลังเล
"อะไรนะ" ทันใดนั้นอัลปาก้าก็ทำหน้าตกใจสุดขีด "นี่พวกเจ้าไม่รู้จักข้างั้นหรือ" "ไม่รู้"ผมกับแอร์เรียสตอบออกมาพร้อมกันแบบไม่ได้นั้นหมาย "บ้าเอ้ย" อัลปาก้าตะโกนออกมาแบบผิดหวัง
"งั้นข้าจะเริ่มการแนะนำตัวละนะ" ทันใดนั้นอัลปาก้าก็หยิบบัตรสมาชิกขององค์กรออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วยื่นให้ผมกับแอร์เรียสดู"ข้าชื่อว่าอัลปาก้ามีตำแหน่งเป็นหัวหน้าครูฝึกของสำนักงานใหญ่ขององค์เทมเพสมีส่วนสูง บลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"
อัลปาก้าอธิบายแบบหูดับตํบไหม้โดยไม่สนว่าคนจะฟังไหม"จบการแนะนำตัว" "เอ้แล้วผมต้องทำไงบ้าง" "นายนะต้องพยายามฝึกจิตใ้ห้ได้ก่อนแล้วค่อยอัญเชิญอาวุธออกมา"
ผมกับแอร์เรียสคุยกันแบบไม่สนใจคำอธิบายของอัลปาก้า "อะ เอ่อ" "ฟังกันบ้างสิ"อัลปาก้าตะโกนออกมาจนกำแพงรอบๆแทบแตกออกมา"โอ้ยอะไรเหล่า"แอร์เรียสตะคอกใส่ด้วยความโมโห"ก็ฟังกันบ้างสิ"
อัลปาก้าพูดด้วยความหดหู้พร้อมกับไปนั้งอยู่ที่มุมห้องซึ่งมันดูไม่เลยถ้าไอ้คนที่ตัวโตๆมีแต่กล้ามนั้นไปนั่งคดตัวอยู่มุมห้องด้วยเหตุที่โดนเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆตะคอก"แล้วมีอะไร"แอร์เรียสถาม"โอเคเข้าเรื่องละนะ"
ทันใดนั้นอัลปาก้าก็เปลี่ยนลุคอย่างรวดเร็ว"ทางสำนักงานใหญ่ได้สั่งให้ฉันมารับตัวเอสคุงไป" "เอาตัวไปทำไมฝึกเหรอ"แอร์เรียสถามอย่างสงสัย"ใช่ เพราะว่าพลังของเขามากเกินไปจิตใจก็ไม่มั่นคงจึงต้องไปฝึกใช้พลังให้ได้ไม่งั้นอาจจะเกิดเรื่องแบบคราวก่อนอีกก็ได้
แล้วอีกอย่างมันกำลังจะมาถึงแล้วถ้าไม่รีบฝึกคนไว้ละก็" "อืมนั้นสินะ"แอร์เรียสพูดด้วยท่าทีที่เครียด"อะไรจะมาเหรอครับ"ผมถามแอร์เรียสด้วยความสงสัย"สงครามระหว่างองค์กรนะสิ" "สงครามอะไร"
"อ้อ ไม่มีอะไรหรอก" แอร์เรียสรีบปฏิเสธกับคำถามที่ผมถาม"เอ้ แต่" "เอ่อช่างเหอะนายรีบไปฝึกสะ" แอร์เรียสรีบเปลี่ยนเรื่องทันที "โอเคงั้นไปกันเถอะ ตามฉันมา"อัลปาก้าพูดแล้วเดินนำออกไป
ระหว่างที่เดินไปที่สนามฝึกผมก็ได้ทัศนศึกษาองค์กรนี้ไปเลยมีสิ่งก่อสร้างที่เกี่ยวกับประวัติศศาสและเวทย์มนต์เต็มไปหมดทั้งลานวงเวทหรือจะ....ฯลฯ "เอาละถึงแล้ว"
อัลปาก้าตะโกนบอกผมกับแอร์เรียสและสิ่งที่ผมเห็นก็คือทุ้งกว้างที่มีเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆที่ให้ฝึกพลังเหรียญและมีคนฝึกอยู่เต็มไปหมดอัลปาก้าได้เดินนำไปที่สนามฝึก"ผมต้องมาฝึกที่นี้เหรอ" "ไม่ใช้หรอกนายนะต้อ..."
"สวัสดีครับครูฝึก"ทันใดนั้นก็มีนักเรียนฝึกหัด 3 คนเข้ามาทักทายอัลปาก้า"ไม่ใช่"ทันใดนั้นอัลปาก้าก็ตะคอกออกมาจนทำให้นักเรียนฝึกทั้ง 3 คนนั้นตกใจ"ฉันบอกพวกแกแล้วใช่มั้ยว่าถ้าเจอฉันที่ไหนให้ทักทายเป็น อัลปาก้า
"ขอโทษครับ" "อืมดีมากไหนลองสิ" "สวัสดีครับอัลปาก้า" "ดีมาก" เอ่อนี้คงเป็นสถานที่ที่คอยฝึกให้คนเพี้ยนขึ้นเรือยๆแน่"เอาละไปฝึกที่ฝึกของนายกันเถอะกันเถอะ" "เอะไม่ใช้ที่นี้เหรอ" ผมถามอย่างงงๆ"หึ ไม่ใช้...."
แล้วอัลปาก้าก็เดินนำไปที่ประตูยักที่อยู่ทางด้านข้างของสนามฝึก"ของนายนะมันต้องที่นี้"แล้วอัลปาก้าก็เอามือไปตีที่ประตูบานยักนั้น
ความคิดเห็น