คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : 6
ชีคแห่งสายลม6
ซีรีนไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เธอได้มอบให้กับหัวหน้าหมู่บ้านเล็กๆ เพื่อแลกกับอาหารและน้ำนั้นได้ก่อให้เกิดความโลภมากตามมา...เพราะเขารู้คุณค่าแห่งสิ่งที่กำลังถือกระทบกันในมือสองชิ้น
มันคือของแท้...
ซูฮุย์บอกตัวเองว่า
...ท่านังเด็กนั่นจะมีมากกว่านี้แน่ๆ...
เขาเรียกคนของเขาเข้ามากระซิบกระซาบให้สะกดรอยตามคนทั้งสาม...
“อย่าให้พวกมันคาดสายตาดูว่าพวกมันเป็นใคร...ข้าไม่เชื่อว่าพวกมันโดนโจรแห่งสายลมปล้น”
แต่การสะกดรอยนั้นหาได้พ้นจากคนหูไวอย่างอาบิส...เขามีกิริยาเหมือนสตรี ชอบร้องโวยวาย ชอบทำตัวเหมือนคนอ่อนแอ แต่จริงๆแล้วเนื้อกายที่กำเนิดมาคือบุรุษเพศและอาบิสเหมือนมีพรประจำตัว นั่นคือหูที่มีการแยกแยะการได้ยินเสียงอาบิส หลังจากคนของซูฮุย์ตามมาได้ไม่นาน อาบิสก็เอ่ยเบาๆพอได้ยินกันสามคน
“มีคนตามเรามา”
ซีรีนทำตาโต “ผู้ใด”
“เรายังไม่รู้ต้องทำทางล่อหลอกพวกมันก่อนนะ”
อาบิสบอก และคุยกันกับซินาสอย่างเร่งร้อนก่อนจะพาซีรีนหลบไปในดงต้นไม้ของโอเอซิสอันร่มรื่นที่มองเห็นเป็นที่หมายไม่ไกลนัก ในโอเอซิสนี่มีต้นไม้ไม่น้อยและคนอัล นาจาห์นี้รู้จักการเร้นตัวหลบ สักพักก็สามารถซุ่มแอบได้ มีผู้ชายมาด้วยกันห้าคน...มากวาดตามองหา แล้วถามกันเอง
“พวกมันไปทางไหนกันแล้ว เร็วจริงเร็วยิ่งกว่าสายลมเสียอีก”
“เร็วกว่าโจรสายลม...แล้วมันโดนปล้นได้ยังไง”
“หรือมันเป็นพวกปล้นเสียเอง เพราะมันมีของล้ำค่ามาแลกอาหารน้ำ และสัตว์ของเรา”
ซีรีนต้องบันทึกคำว่าโจรสายลมเอาไว้ในสมองอีกหน
ใครกันนะ โจรสายลม แค่ฟังชื่อดูดี...ดูน่าอยากพบเจอ...รวดเร็วดุจสายลมหรือล่องลอยดุจสายลมกันแน่หนอ เธอถามตัวเอง จับม้าเอาไว้แน่น...เจ้าม้าตัวใหม่ที่ได้มาดูจะเชื่องและว่าง่าย ตบแผงม้าและแนบหน้ากับลำตัวของมันเอ่ยเบาๆ ให้มันสงบมันก็นิ่งเงียบไม่มีกระทั่งเสียงหายใจฟืดฟาด...
“พวกมันคงจะไปทางอื่นกันแล้ว เรากลับกันเถิด นายท่านคิดผิดที่อยากได้ก้อนเพชรจากเจ้าสามคนนั่นมากกว่าที่ได้รับเป็นค่าตอบแทน”
พวกมันอยากได้เพชร...ของล้ำค่าตามที่มารดาได้บอก
รอจนพวกมันลับตัวไปแล้ว คนทั้งสามพร้อมทั้งม้า1ตัวและอูฐอีก1ตัวก็พากันลัดเลาะไปอีกทางเร็วไว บอกตัวเองจะอยู่อย่างนี้เห็นทีจะไม่ได้
“เราจะไปไหน” ซินาสเอ่ยถาม “เราจะร่อนเร่กันไปอย่างนั้นหรือ”
“ไม่รู้นะ ข้าไม่รู้ว่าเมืองไกล อย่างอารูก้ามันอยู่ที่ไหนแต่ข้าจะพาพวกเจ้าสองคนไปจนได้”
“ซีรีน...รู้บ้างไหม” เสียงซินาสรำพึง “เราจะ...”
“หยุดเลย ซินาส”
อาบิสคู่แฝดตวาดใส่เชิดหน้าขึ้นทำท่าจองหอง...หยิ่งผยอง
“มีอะไรกันหรือ”
“เปล่าๆ” ซินาสรีบปฏิเสธโดยเร็ว “ข้าเพียงแต่สัญญากับอาบิสไว้ว่าจะไม่ร้องงอแงกลับบ้าน”
“พอเราทำหน้าที่เสร็จ เราจะได้กลับบ้าน”
...โถ เจ้าหญิงของข้า ไม่รู้เลยหรือว่าไม่มีบ้านอีกแล้ว...
ซินาสรำพึงก้มหน้าลงรำพึงทั้งดวงตาที่คลอด้วยน้ำตา แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกหนหนึ่งนั่น หยดน้ำที่แตะแต้มก็เลือนหาย ดวงหน้าเกลี้ยงที่บัดนี้ไม่ค่อยจะสะอาดสะอ้านเท่าเดิมแต่ความซื่อสัตย์ต่อซีรีนไม่เคยลดลงเลยก็มีแต่รอยยิ้มบอกถึงความมุ่งมั่น
“เราจะหาอารูก้าจนเจอ....ไม่ว่าจะยากเย็นแค่ไหน”
“ใช่เลย ซินาส อย่ากลัวนะ ข้าจะดูแลเจ้าสองคนอย่างดี...”
“ขึ้นขี่ม้าเถิด จะได้ไม่เหนื่อยเมื่อยล้า”
ทะเลทรายเบื้องหน้ายังอีกยาวไกล...ทอดตัวไกลออกไป...การเดินทางเริ่มต้นอย่างสะเปะสะปะไร้ทิศทางจะไปสอบถามจากผู้คนก็ต้องระวัง อย่างน้อยซีรีนบอกตัวเองว่านอกจากหมู่บ้านที่เพิ่งไปแลกอาหารและสัตว์พาหนะมาแล้ว น่าจะยังมีหมู่บ้านอื่นอีก...
แต่เมื่อผ่านอีกหมู่บ้านในยามค่ำคืน ก็ไม่รู้ทิศทางของอารูก้าอยู่ดี พวกชาวบ้านบอกว่าไม่เคยได้ยินชื่อนี้...
“ตอนนี้เราอยู่ในดินแดนใด” ซีรีนเอ่ยถาม
“บูราไบ...”
“บูราไบ...” เธอทวนย้ำ
“ไม่ใช่อารูก้าที่เจ้าถามหา” หญิงหนึ่งซึ่งอุ้มเด็กเอาไว้เอ่ยตอบ “ว่าแต่เจ้าจะไปทำเรื่องใดที่อารูก้า”
“ข้าจะไปตามหาน้าสาวของข้า...กับน้าเขย”
“อย่างนั้นหรือ...เจ้าเข้าไปที่บูราไบจะดีกว่าไหม พวกเราก็แค่คนนอกด่าน”
“อย่างไรหรือ”
“คนนอกด่านโง่เง่าไม่ค่อยรู้อะไร” คำตอบซื่อๆ “แต่หากพวกเจ้าเข้าบูราไบ คนที่นั่นอาจจะตอบเจ้าได้ว่าอารูก้าอยู่ที่ใด”
ซีรีนเลยรำพึงว่า “เราอยู่บนดินแดนที่ชื่อบูราไบ...ข้าคุ้นหูนัก แต่นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินจากที่ใด แต่ช่างมันเถิด...เราคงจะตามหาจนเจอเอง”
ชีวิตเริ่มลำบากสำหรับเชคีน้อยที่เคยมีข้าทาสบริวาร เคยนอนอย่างไร เคยได้รับน้ำอาบ...เคยหน้าตาเนื้อตัวสะอาดหมดจดเมื่อย่างเข้าวันที่สอง...อาหารและน้ำยังอยู่ไม่ได้ขัดสน แต่ทว่าการนอน การอาบน้ำเริ่มห่างหาย...เจอน้ำจำกัดให้ได้ล้างหน้าทำความสะอาดปาก นอนไม่ได้สบายตัว...คุดคู้ในผืนผ้าที่ปูลาดและทำกระโจมอย่างง่ายๆ...กระโจมถูกที่นำติดตัวมาแบบพับได้และสามารถกางออกได้โดยยึดกับตัวยึดบนพื้น...ยามค่ำคืนที่ต้องหาที่พักนอน...ก่อกองไฟทำอาหาร...ไม่ง่ายเลย...แต่เชคีน้อยไม่ได้ปริปากบ่นหน้าตาท่าทางยังออกแววสนุก
แต่อาบิสเริ่มบ่นกระปอดกระแปด ตามประสาชายผู้ไม่เต็มชาย...เขาบ่นเรื่องการกิน การนอน การไม่ได้อาบน้ำ...
“ข้ารู้สึกตัวเองเหม็นเน่ามาก”
ซินาสแสยะยิ้ม “ย้ำเข้าไป....”
“ดูเชคีของเราสิ” อาบิสพยักหน้าให้คู่แฝดดู “ใครจะเชื่อว่านั่นคือเจ้าหญิง”
ซีรีนแสยะปากทันที ยังไงก็เป็นเจ้าหญิง อย่าดูแค่หน้าตาข้ามอมแมมสิ”
“ข้าบอกว่าใครจะเชื่อไหมว่าเจ้าเป็นเจ้าหญิง”
“ถึงใครไม่เชื่อ ข้ารู้แก่ใจว่าข้าเป็นเจ้าหญิง”
คำยอกย้อนนัก
“และเมื่อข้าแน่ใจตัวเอง ใครไม่เชื่อก็ไม่มีผลต่อข้า”
คืนที่สองในดินแดนแปลกหน้า ที่ผ่านหมู่บ้านเล็กๆ มาหลายหมู่บ้าน ได้ความตรงกันว่านี่คือแผ่นดินบูราไบ...แต่พวกเธอยังไม่สามารถเดินทางเข้าถึงเมืองได้
คืนที่สามหลังจากออกจากอัล นาจาห์ ซีรีนก็ได้ที่พักสำหรับกางกระโจมที่ดี...มันคือบริเวณปากถ้ำที่ไม่ลึกมากนัก เมื่อเดินเข้าไปสอดส่องดูก็พบว่าตรงนี้น่าจะเหมาะสุด...ที่จะพักแรมในคืนวันนี้ หากนอกถ้ำอากาศหนาวและลมแรงไป จะขยับไปนอนในถ้ำได้
หลังจากผูกกระโจมและทำอาหารเสร็จ นั่งกินอาหารและเตรียมจะเข้านอน...ก็ได้ยินเสียงม้า
ม้าผู้ใด...ซีรีนนึก...เพราะม้าของเธอผูกอยู่ไม่ห่างจากกระโจม...
เธอเห็นเงาดำๆ วูบวาบ...ม้าตัวหนึ่งผ่านมา...แล้วมาหยุดตะกายสองขาหน้าขึ้น...
แล้วนั่นอะไรกัน
มีร่างร่างหนึ่งที่เหมือนทรงตัวไม่ได้ดีบนหลังม้านั้น โงนเงนไปมาทำท่าเหมือจะตกมิตกลงมากระนั้น
ซีรีนขยับตัวลุกไปหา...โดยอีกสองคนร้องห้ามไม่ทัน
ใครกัน...ซีรีนเข้าไปใกล้เขา...คนตัวโตโพกหน้า...เปิดแต่ตา...ดวงตาคมสวย เขามองสบตากับเธอ...
เธอมองผิดไปไหม
เธอเห็นแววตาวิงวอน ริมฝีปากขยับใต้ผ้าที่ปิดปาก แต่มองเห็นการขยับปากและเสียงแผ่วเบาก็เล็ดลอดออกมา
“มีคนตามฉันมา อันตราย...”
เขาพูดเรื่องใด ใครตามเขา...อันตรายอันใด
ม้าตัวนั้นโจนสองเท้าหน้าอีกหน และร่างโงนเงนก็ประคองตัวเองต่อไปไม่ได้ก่อนจะตกลงมา เธอถลาเข้าไปรับ เขาปะทะกับเธอแล้วล้มลงกับพื้นหญ้าที่ขึ้นกับบนพื้นตรงบริเวณปากถ้ำที่มีก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่งตั้งตระหง่านบังทางเข้าจนหมดสิ้น
โอย...ซีรีนร้อง...คนตัวโตโพกหน้าปิดหน้า ให้เห็นแต่ช่องดวงตาทับเธอจนบี้แบนไปแล้ว
อาบิสและซินาสพากันวิ่งมา...
เธอรู้ได้ว่าคนทับตัวเธอบาดเจ็บ...เธอได้กลิ่นที่เคยได้รับมาก่อน
กลิ่นเลือด
เขามีกลิ่นเลือดติดตัว....
“ทิ้งฉันไว้...มีคนตาม”
“ใครตามท่าน”
เขาไม่มีแรงจะตอบ
“ไปกันเสียจากที่นี่...”
ถ้ำอยู่ด้านหลัง...ทำให้ซีรีนพยายามออกแรงเลื่อนตัวออกจากใต้ร่างเขาและร้องบอกสองคนรวดเร็ว
“ช่วยข้าพาเข้าไปในถ้ำ...ซินาสช่วยข้า อาบิสเจ้าช่วยพาม้าตัวนี้ไปหลบด้วยก่อน...หรือไม่ก็เอาไปผูกเหมือนเป็นม้าของเรา”
เธอกับซินาสออกแรงดึงตัวเขาลุกขึ้นและพาเข้าไปในถ้ำ...ไปไว้ในสุดที่มืดและชื้น ไม่น่าจะเป็นที่ใครเข้ามาพบได้โดยง่าย...และซีรีนยังบอกกับเขาว่า
“อย่าพูดมาก อย่าร้องนะเจ็บอย่างไร ก็อย่าร้องนะ”
ชีคหนุ่มแห่งบูราไบได้ยินเสียงนั้นแม้จะแทบลืมตาไม่ขึ้น เจ็บร้าวทั้งที่แขนและชายโครง...เขาโดนยิง...มีการทำงานผิดพลาดที่ไม่น่าเชื่อ...มีการไล่ล่า คนของเขาแตกกันไปหมด และเขาล่อคนไล่ล่ามาได้...คนของเขาน่าจะปลอดภัยดีเพราะการไล่ล่ามุ่งมาที่เขาด้วยความเชื่อว่าเขาคือโจรสายลม
คนอื่นก็แค่ลูกน้อง...
“ได้ยินไหม อย่าร้อง”
“ฮื่อ...”
เขาตอบรับสั้นๆ...เพราะพูดไม่ออก
“เดี๋ยวเราจะเข้ามาใหม่นะ”
เพราะซีรีนรู้ว่าควรจะออกไปวางท่าอยู่ข้างนอกตรงกระโจมที่พักมากกว่า...
รถยนต์ที่เป็นรถขับเคลื่อนในทะเลทรายได้ดีกำลังแล่นผ่านมาทางนี้...อับดุลลามองเห็นแสงไฟ...มีคนก่อกองไฟและคงหยุดพักแรม...เขาเคยเห็นว่าคนดินแดนบูราไบมีชนเผ่าเร่ร่อนเบดูอินเดินทางไปมา...ทั้งคนค้าขายแบบพ่อค้าเร่ และพวกอพยพร่อนเร่ไม่อยู่ปักหลักกับที่ น่าจะได้แวะเข้าไปสอบถามดูว่าได้เห็นร่องรอยของบุรุษผู้ควบม้าผ่านมาบ้างหรือไม่
และนั่นเป็นของแปลกปลอมสำหรับสามคน...
ดังนั้นเมื่ออับดุลลาให้จอดรถแล้วลงจากรถมานั้น เขาได้เห็น คนสามคนกำลังเบียดกระแซะติดกัน...ทำท่าหวั่นหวาดใจ...ไม่ได้มองมายังเขา แต่มองไปยังรถยนต์
อับดุลลาสามารถสื่อเข้าใจได้ว่าสายตาหวั่นหวาดนั้นมีต่อรถยนต์หาใช่ตัวเขา
“อย่ากลัวเลย” เสียงเขาอ่อนโยน...
อับดุลลา พระสหายคนสนิท องครักษ์คู่ใจของอัลแห่งอารูก้า...เขาเป็นหัวหน้าหน่วยพิเศษไล่ล่าโจรสายลมตามคำสั่งของอัล
โจรสายลมออกปฏิบัติการก่อกวนในอารูก้าบ่อยครั้ง
นักท่องเที่ยว ถูกดักปล้นเอาทรัพย์สินของมีค่า...อับดุลลาถูกอัลเรียกตัวกลับจากอิบบาห์ เชวู เพราะหวังจะให้มาเป็นหัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจนี้ ด้วยเหตุว่าเขาชำนาญการในทะเลทราย แค่ครั้งนี้การไล่ล่ายาวไกลจากเขตแดนอารูก้ามายังดินแดนบูราไบ อับดุลลาไม่ค่อยสบายใจนักด้วยเหตุว่าเขาเดินทางข้ามมาจากอีกรัฐ...โดยไม่ได้บอกกล่าวเหมือนลักลอบเดินทางผ่าน
แต่ติดตามรอยโจรสายลม
“มันเรียกว่ารถ”
คนที่บูราไบหลายคนยังอยู่กับความล้าหลังและยากจน อับดุลลาบอกตัวเองเช่นนั้น...เขามองดูคนทั้งสามก่อนจะประเมินผลอย่างรวดเร็ว
สองหญิงหนึ่งชาย
หรือว่าสามหญิง
ยากจะมองออก
เจ้าคนกลางหน้าตามอมแมมก็จริง แต่ดวงตามีประกาย...สุกใส...ละม้ายใครกัน เขานึกไม่ออก...
“รถ...” ซีรีนทวนคำ
“ใช่”
“มันวิ่งได้เหมือนม้าและอูฐ”
“แต่มันไม่มีชีวิต”
“มันดูน่ากลัวกว่า”
“อย่ากลัวมันเลย ฉันจะเข้ามาถามพวกเจ้าว่าเจอบุรุษขี่ม้าผ่านมาทางนี้บ้างไหม”
และอับดุลลามองไปยังม้าสองตัวและอูฐอีกหนึ่งตัว
“นั่นม้าของพวกเจ้าหรือ”
“ใช่...”
“พวกเจ้าจะไปไหนกัน”
“ไปบูราไบ เราจะเข้าเมือง”
ซีรีนบอกแบบคนเอาตัวรอด เธอเป็นคนฉลาด เธอรู้ว่าชายแปลกหน้าผู้มากับของประหลาดน่ากลัว ส่งเสียงคำรามได้ เคลื่อนที่ได้และมีดวงตาลุกสว่างยิ่งกว่าแสงไฟ เขาดูเป็นคนน่ากลัวไปเลย
“อย่างนั้นหรือ...แล้วเจ้ายังไม่ได้ให้คำตอบกับข้าเลย...ว่าเจอคนที่ข้าถามหาหรือไม่”
“ไม่มีใครนะ มีแต่เรา...”
ซีรีนมองไปยังรถคันนั้น...เธอยังรู้สึกว่าเหมือนโดนมันคุกคามทั้งที่มันอยู่นิ่งๆ
อับดุลลาเลยเอ่ยแกมหัวเราะ
“ระวังไว้แล้วกัน เวลาเข้าไปถึงบูราไบเจ้าจะต้องเจอมันอีก นี่แปลว่าพวกเจ้าไม่เคยเข้าไปบูราไบมาก่อนสิ”
ไม่ทันจะได้ตอบ ก็มีม้าควบตะบึงมาหา มารายงานกับอับดุลลา คนรับรายงานเม้มปากหากัน
“จริงสิ มันดินแดนบูราไบ”
อับดุลลาเอ่ยออกมา
“รีบไปเถิดท่านอับดุลลา เพราะดูเหมือนว่า พวกทหารบูราไบจะรู้แล้วว่าเราลอบข้ามแดนเข้ามา...อย่าให้พวกเขาจับได้ว่าเราทำเช่นนั้นมันจะส่งผลถึงการเมืองระหว่างประเทศ”
และตัวเขา...ผู้ยังอยู่ในฐานะทูตทหารจากอารูก้าประจำอิบบาห์ เชวู ย่อมเป็นการไม่ดี
อับดุลลาเลยคิดถอนตัวไปจากที่นี่เสียก่อน
“ฉันไปก่อนนะ แล้วค่อยพบกัน”
เขาบอก มองเจ้าคนมอมแมมตรงกลาง...คุ้นหน้า...คุ้นความรู้สึกแต่นึกไม่ออก
และเขาย่อมคาดไม่ถึงว่านั่นคือธิดาแห่งอควาและเชคีมารีอาห์
และตัวของซีรีนเองก็ไม่ได้คิดว่านั่นคือน้าเขย...อับดุลลา
รถยนต์1และม้าอีก1 ไปจากตรงนี้ได้พักใหญ่...เธอก็กลับไปในถ้ำ...ซินาสเฝ้ารักษาการณ์อยู่ด้านนอก...เธอเข้ามาพบว่าตัวเขาร้อนจัด
“ไข้ขึ้นแล้วนะ” อาบิสเอ่ย แล้วพลิกๆดูตัวเขา...เลือดออกมาจากตรงนี้...มีรอยแผล”
ก่อนอาบิสจะมองหน้าของซีรีน
“คงจะต้องให้เธอช่วยรักษาเขา”
“ข้าต้องทำด้วยหรือ”
“เพราะเจ้ารู้การรักษาคน”
เธอชะโงกหน้าไปดูเขาผ่านแสงคบในมือ...ดูรอยแผลนั้น
“ข้าไม่เคยเห็นรอยแผลแบบนี้”
“จะแผลแบบไหน ก็รักษาตามแบบเจ้าไปก่อน...เจ้าเป็นหมอที่เก่งอยู่นะ”
“รู้ว่าข้าบ้ายอยังจงใจยอข้าอีกหรือ”
“ซีรีน...ช่วยคนคือความดี”
“ข้ารู้”
เธอมองหน้าเขาอีกหน...ตัวร้อน และสั่น พิษไข้กำลังเล่นงานเขา...แต่หากบาดแผลเพิ่งเกิด ทำไมไข้มาไวนัก
“ต้องลดไข้ก่อน”
“เรามีผ้าหรือไม่”
“มีบ้างแต่ไม่มาก”
“เขาต้องการผ้าและข้าจะทำความสะอาดบาดแผลให้กับเขา ห้ามเลือด”
ซีรีนไม่รู้ว่ารอยบาดแผลนั่นมาจากปืนเธอพลิกๆดูรอยแผล
“รอยแผลแปลกมาก”
เธอพึมพำ ดีว่าไม่มีรอยกระสุน...และเธอไม่รู้ว่าบาดแผลนั้นเกิดจากสิ่งใด
“ซินาสไปหาผ้าที่เรามีทั้งหมดมาก่อน ตอนนี้ข้าจะห้ามเลือดให้กับเขา”
แต่พอซินาสลับตัวไป เธอโดนเขาคว้ากอด เสียงครางนั่นไม่รู้ว่าเพราะเกิดความหนาว พิษไข่ที่มี หรือเพราะความเจ็บกันแน่...
“วุ้ย...กอดข้าทำไม”
เธอสะบัดตัว...ผู้ชายตัวใหญ่ที่นอนทอดกายอยู่กอดเธอแน่นแบบรัดไม่ยอมปล่อย
“ปล่อยข้า”
เธอบ่น ดิ้นรนออกมา
“โจรบ้า..”
แล้วเธอก็มีคำว่าโจรสายลมผ่านเข้ามาในสมอง
เขาคือโจรสายลมหรือไม่...
“เจ้าเป็นโจรแน่ๆ ถึงถูกตามล่าจนบาดเจ็บ...เอาละ...ไหนข้าดูแผลหน่อยนะ มีแผลที่ใดบ้าง”
ความคิดเห็น