ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ชีคแห่งสายลม(อาริตา)

    ลำดับตอนที่ #6 : 6

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.75K
      6
      27 ก.พ. 52

    ชีคแห่งสายลม6

    ซีรีนไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เธอได้มอบให้กับหัวหน้าหมู่บ้านเล็กๆ เพื่อแลกกับอาหารและน้ำนั้นได้ก่อให้เกิดความโลภมากตามมา...เพราะเขารู้คุณค่าแห่งสิ่งที่กำลังถือกระทบกันในมือสองชิ้น  

    มันคือของแท้...

    ซูฮุย์บอกตัวเองว่า

    ...ท่านังเด็กนั่นจะมีมากกว่านี้แน่ๆ...

    เขาเรียกคนของเขาเข้ามากระซิบกระซาบให้สะกดรอยตามคนทั้งสาม...

    “อย่าให้พวกมันคาดสายตาดูว่าพวกมันเป็นใคร...ข้าไม่เชื่อว่าพวกมันโดนโจรแห่งสายลมปล้น”

    แต่การสะกดรอยนั้นหาได้พ้นจากคนหูไวอย่างอาบิส...เขามีกิริยาเหมือนสตรี ชอบร้องโวยวาย ชอบทำตัวเหมือนคนอ่อนแอ  แต่จริงๆแล้วเนื้อกายที่กำเนิดมาคือบุรุษเพศและอาบิสเหมือนมีพรประจำตัว นั่นคือหูที่มีการแยกแยะการได้ยินเสียงอาบิส   หลังจากคนของซูฮุย์ตามมาได้ไม่นาน  อาบิสก็เอ่ยเบาๆพอได้ยินกันสามคน

    “มีคนตามเรามา”

    ซีรีนทำตาโต   “ผู้ใด”

    “เรายังไม่รู้ต้องทำทางล่อหลอกพวกมันก่อนนะ”

    อาบิสบอก และคุยกันกับซินาสอย่างเร่งร้อนก่อนจะพาซีรีนหลบไปในดงต้นไม้ของโอเอซิสอันร่มรื่นที่มองเห็นเป็นที่หมายไม่ไกลนัก ในโอเอซิสนี่มีต้นไม้ไม่น้อยและคนอัล นาจาห์นี้รู้จักการเร้นตัวหลบ  สักพักก็สามารถซุ่มแอบได้  มีผู้ชายมาด้วยกันห้าคน...มากวาดตามองหา แล้วถามกันเอง

    “พวกมันไปทางไหนกันแล้ว เร็วจริงเร็วยิ่งกว่าสายลมเสียอีก”

    “เร็วกว่าโจรสายลม...แล้วมันโดนปล้นได้ยังไง”

    “หรือมันเป็นพวกปล้นเสียเอง เพราะมันมีของล้ำค่ามาแลกอาหารน้ำ และสัตว์ของเรา”

    ซีรีนต้องบันทึกคำว่าโจรสายลมเอาไว้ในสมองอีกหน 

    ใครกันนะ โจรสายลม แค่ฟังชื่อดูดี...ดูน่าอยากพบเจอ...รวดเร็วดุจสายลมหรือล่องลอยดุจสายลมกันแน่หนอ เธอถามตัวเอง  จับม้าเอาไว้แน่น...เจ้าม้าตัวใหม่ที่ได้มาดูจะเชื่องและว่าง่าย ตบแผงม้าและแนบหน้ากับลำตัวของมันเอ่ยเบาๆ ให้มันสงบมันก็นิ่งเงียบไม่มีกระทั่งเสียงหายใจฟืดฟาด...

    “พวกมันคงจะไปทางอื่นกันแล้ว เรากลับกันเถิด  นายท่านคิดผิดที่อยากได้ก้อนเพชรจากเจ้าสามคนนั่นมากกว่าที่ได้รับเป็นค่าตอบแทน”

    พวกมันอยากได้เพชร...ของล้ำค่าตามที่มารดาได้บอก

    รอจนพวกมันลับตัวไปแล้ว คนทั้งสามพร้อมทั้งม้า1ตัวและอูฐอีก1ตัวก็พากันลัดเลาะไปอีกทางเร็วไว บอกตัวเองจะอยู่อย่างนี้เห็นทีจะไม่ได้

    “เราจะไปไหน” ซินาสเอ่ยถาม   “เราจะร่อนเร่กันไปอย่างนั้นหรือ”

    “ไม่รู้นะ  ข้าไม่รู้ว่าเมืองไกล  อย่างอารูก้ามันอยู่ที่ไหนแต่ข้าจะพาพวกเจ้าสองคนไปจนได้”

    “ซีรีน...รู้บ้างไหม” เสียงซินาสรำพึง   “เราจะ...”

    “หยุดเลย ซินาส”

    อาบิสคู่แฝดตวาดใส่เชิดหน้าขึ้นทำท่าจองหอง...หยิ่งผยอง

    “มีอะไรกันหรือ”

    “เปล่าๆ” ซินาสรีบปฏิเสธโดยเร็ว “ข้าเพียงแต่สัญญากับอาบิสไว้ว่าจะไม่ร้องงอแงกลับบ้าน”

    “พอเราทำหน้าที่เสร็จ เราจะได้กลับบ้าน”

    ...โถ  เจ้าหญิงของข้า ไม่รู้เลยหรือว่าไม่มีบ้านอีกแล้ว...

    ซินาสรำพึงก้มหน้าลงรำพึงทั้งดวงตาที่คลอด้วยน้ำตา  แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกหนหนึ่งนั่น หยดน้ำที่แตะแต้มก็เลือนหาย  ดวงหน้าเกลี้ยงที่บัดนี้ไม่ค่อยจะสะอาดสะอ้านเท่าเดิมแต่ความซื่อสัตย์ต่อซีรีนไม่เคยลดลงเลยก็มีแต่รอยยิ้มบอกถึงความมุ่งมั่น

    “เราจะหาอารูก้าจนเจอ....ไม่ว่าจะยากเย็นแค่ไหน”

    “ใช่เลย  ซินาส  อย่ากลัวนะ ข้าจะดูแลเจ้าสองคนอย่างดี...”

    “ขึ้นขี่ม้าเถิด จะได้ไม่เหนื่อยเมื่อยล้า”

    ทะเลทรายเบื้องหน้ายังอีกยาวไกล...ทอดตัวไกลออกไป...การเดินทางเริ่มต้นอย่างสะเปะสะปะไร้ทิศทางจะไปสอบถามจากผู้คนก็ต้องระวัง   อย่างน้อยซีรีนบอกตัวเองว่านอกจากหมู่บ้านที่เพิ่งไปแลกอาหารและสัตว์พาหนะมาแล้ว น่าจะยังมีหมู่บ้านอื่นอีก...

    แต่เมื่อผ่านอีกหมู่บ้านในยามค่ำคืน ก็ไม่รู้ทิศทางของอารูก้าอยู่ดี พวกชาวบ้านบอกว่าไม่เคยได้ยินชื่อนี้...

    “ตอนนี้เราอยู่ในดินแดนใด”  ซีรีนเอ่ยถาม

    “บูราไบ...”

    “บูราไบ...” เธอทวนย้ำ

    “ไม่ใช่อารูก้าที่เจ้าถามหา”  หญิงหนึ่งซึ่งอุ้มเด็กเอาไว้เอ่ยตอบ  “ว่าแต่เจ้าจะไปทำเรื่องใดที่อารูก้า”

    “ข้าจะไปตามหาน้าสาวของข้า...กับน้าเขย”

    “อย่างนั้นหรือ...เจ้าเข้าไปที่บูราไบจะดีกว่าไหม พวกเราก็แค่คนนอกด่าน”

    “อย่างไรหรือ”

    “คนนอกด่านโง่เง่าไม่ค่อยรู้อะไร”  คำตอบซื่อๆ  “แต่หากพวกเจ้าเข้าบูราไบ  คนที่นั่นอาจจะตอบเจ้าได้ว่าอารูก้าอยู่ที่ใด”

    ซีรีนเลยรำพึงว่า  “เราอยู่บนดินแดนที่ชื่อบูราไบ...ข้าคุ้นหูนัก แต่นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินจากที่ใด  แต่ช่างมันเถิด...เราคงจะตามหาจนเจอเอง”

    ชีวิตเริ่มลำบากสำหรับเชคีน้อยที่เคยมีข้าทาสบริวาร เคยนอนอย่างไร เคยได้รับน้ำอาบ...เคยหน้าตาเนื้อตัวสะอาดหมดจดเมื่อย่างเข้าวันที่สอง...อาหารและน้ำยังอยู่ไม่ได้ขัดสน  แต่ทว่าการนอน การอาบน้ำเริ่มห่างหาย...เจอน้ำจำกัดให้ได้ล้างหน้าทำความสะอาดปาก  นอนไม่ได้สบายตัว...คุดคู้ในผืนผ้าที่ปูลาดและทำกระโจมอย่างง่ายๆ...กระโจมถูกที่นำติดตัวมาแบบพับได้และสามารถกางออกได้โดยยึดกับตัวยึดบนพื้น...ยามค่ำคืนที่ต้องหาที่พักนอน...ก่อกองไฟทำอาหาร...ไม่ง่ายเลย...แต่เชคีน้อยไม่ได้ปริปากบ่นหน้าตาท่าทางยังออกแววสนุก

    แต่อาบิสเริ่มบ่นกระปอดกระแปด ตามประสาชายผู้ไม่เต็มชาย...เขาบ่นเรื่องการกิน การนอน การไม่ได้อาบน้ำ...

    “ข้ารู้สึกตัวเองเหม็นเน่ามาก”

    ซินาสแสยะยิ้ม  “ย้ำเข้าไป....”

    “ดูเชคีของเราสิ”  อาบิสพยักหน้าให้คู่แฝดดู  “ใครจะเชื่อว่านั่นคือเจ้าหญิง”

    ซีรีนแสยะปากทันที  ยังไงก็เป็นเจ้าหญิง อย่าดูแค่หน้าตาข้ามอมแมมสิ”

    “ข้าบอกว่าใครจะเชื่อไหมว่าเจ้าเป็นเจ้าหญิง”

    “ถึงใครไม่เชื่อ ข้ารู้แก่ใจว่าข้าเป็นเจ้าหญิง” 

    คำยอกย้อนนัก

    “และเมื่อข้าแน่ใจตัวเอง ใครไม่เชื่อก็ไม่มีผลต่อข้า”

    คืนที่สองในดินแดนแปลกหน้า ที่ผ่านหมู่บ้านเล็กๆ มาหลายหมู่บ้าน ได้ความตรงกันว่านี่คือแผ่นดินบูราไบ...แต่พวกเธอยังไม่สามารถเดินทางเข้าถึงเมืองได้

    คืนที่สามหลังจากออกจากอัล นาจาห์ ซีรีนก็ได้ที่พักสำหรับกางกระโจมที่ดี...มันคือบริเวณปากถ้ำที่ไม่ลึกมากนัก เมื่อเดินเข้าไปสอดส่องดูก็พบว่าตรงนี้น่าจะเหมาะสุด...ที่จะพักแรมในคืนวันนี้  หากนอกถ้ำอากาศหนาวและลมแรงไป จะขยับไปนอนในถ้ำได้

    หลังจากผูกกระโจมและทำอาหารเสร็จ นั่งกินอาหารและเตรียมจะเข้านอน...ก็ได้ยินเสียงม้า

    ม้าผู้ใด...ซีรีนนึก...เพราะม้าของเธอผูกอยู่ไม่ห่างจากกระโจม...

    เธอเห็นเงาดำๆ วูบวาบ...ม้าตัวหนึ่งผ่านมา...แล้วมาหยุดตะกายสองขาหน้าขึ้น...

    แล้วนั่นอะไรกัน

    มีร่างร่างหนึ่งที่เหมือนทรงตัวไม่ได้ดีบนหลังม้านั้น โงนเงนไปมาทำท่าเหมือจะตกมิตกลงมากระนั้น

    ซีรีนขยับตัวลุกไปหา...โดยอีกสองคนร้องห้ามไม่ทัน

    ใครกัน...ซีรีนเข้าไปใกล้เขา...คนตัวโตโพกหน้า...เปิดแต่ตา...ดวงตาคมสวย  เขามองสบตากับเธอ...

    เธอมองผิดไปไหม

    เธอเห็นแววตาวิงวอน  ริมฝีปากขยับใต้ผ้าที่ปิดปาก แต่มองเห็นการขยับปากและเสียงแผ่วเบาก็เล็ดลอดออกมา

    “มีคนตามฉันมา อันตราย...”

    เขาพูดเรื่องใด ใครตามเขา...อันตรายอันใด

    ม้าตัวนั้นโจนสองเท้าหน้าอีกหน และร่างโงนเงนก็ประคองตัวเองต่อไปไม่ได้ก่อนจะตกลงมา  เธอถลาเข้าไปรับ  เขาปะทะกับเธอแล้วล้มลงกับพื้นหญ้าที่ขึ้นกับบนพื้นตรงบริเวณปากถ้ำที่มีก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่งตั้งตระหง่านบังทางเข้าจนหมดสิ้น

    โอย...ซีรีนร้อง...คนตัวโตโพกหน้าปิดหน้า ให้เห็นแต่ช่องดวงตาทับเธอจนบี้แบนไปแล้ว

    อาบิสและซินาสพากันวิ่งมา...

    เธอรู้ได้ว่าคนทับตัวเธอบาดเจ็บ...เธอได้กลิ่นที่เคยได้รับมาก่อน

    กลิ่นเลือด

    เขามีกลิ่นเลือดติดตัว....

    “ทิ้งฉันไว้...มีคนตาม”

    “ใครตามท่าน”

    เขาไม่มีแรงจะตอบ

    “ไปกันเสียจากที่นี่...”

    ถ้ำอยู่ด้านหลัง...ทำให้ซีรีนพยายามออกแรงเลื่อนตัวออกจากใต้ร่างเขาและร้องบอกสองคนรวดเร็ว

    “ช่วยข้าพาเข้าไปในถ้ำ...ซินาสช่วยข้า  อาบิสเจ้าช่วยพาม้าตัวนี้ไปหลบด้วยก่อน...หรือไม่ก็เอาไปผูกเหมือนเป็นม้าของเรา”

    เธอกับซินาสออกแรงดึงตัวเขาลุกขึ้นและพาเข้าไปในถ้ำ...ไปไว้ในสุดที่มืดและชื้น ไม่น่าจะเป็นที่ใครเข้ามาพบได้โดยง่าย...และซีรีนยังบอกกับเขาว่า

    “อย่าพูดมาก อย่าร้องนะเจ็บอย่างไร ก็อย่าร้องนะ”

    ชีคหนุ่มแห่งบูราไบได้ยินเสียงนั้นแม้จะแทบลืมตาไม่ขึ้น เจ็บร้าวทั้งที่แขนและชายโครง...เขาโดนยิง...มีการทำงานผิดพลาดที่ไม่น่าเชื่อ...มีการไล่ล่า คนของเขาแตกกันไปหมด และเขาล่อคนไล่ล่ามาได้...คนของเขาน่าจะปลอดภัยดีเพราะการไล่ล่ามุ่งมาที่เขาด้วยความเชื่อว่าเขาคือโจรสายลม

    คนอื่นก็แค่ลูกน้อง...

    “ได้ยินไหม อย่าร้อง”

    “ฮื่อ...”

    เขาตอบรับสั้นๆ...เพราะพูดไม่ออก

    “เดี๋ยวเราจะเข้ามาใหม่นะ”

    เพราะซีรีนรู้ว่าควรจะออกไปวางท่าอยู่ข้างนอกตรงกระโจมที่พักมากกว่า...



           รถยนต์ที่เป็นรถขับเคลื่อนในทะเลทรายได้ดีกำลังแล่นผ่านมาทางนี้...อับดุลลามองเห็นแสงไฟ...มีคนก่อกองไฟและคงหยุดพักแรม...เขาเคยเห็นว่าคนดินแดนบูราไบมีชนเผ่าเร่ร่อนเบดูอินเดินทางไปมา...ทั้งคนค้าขายแบบพ่อค้าเร่ และพวกอพยพร่อนเร่ไม่อยู่ปักหลักกับที่  น่าจะได้แวะเข้าไปสอบถามดูว่าได้เห็นร่องรอยของบุรุษผู้ควบม้าผ่านมาบ้างหรือไม่

    และนั่นเป็นของแปลกปลอมสำหรับสามคน...

    ดังนั้นเมื่ออับดุลลาให้จอดรถแล้วลงจากรถมานั้น เขาได้เห็น คนสามคนกำลังเบียดกระแซะติดกัน...ทำท่าหวั่นหวาดใจ...ไม่ได้มองมายังเขา แต่มองไปยังรถยนต์

    อับดุลลาสามารถสื่อเข้าใจได้ว่าสายตาหวั่นหวาดนั้นมีต่อรถยนต์หาใช่ตัวเขา

    “อย่ากลัวเลย” เสียงเขาอ่อนโยน...

    อับดุลลา  พระสหายคนสนิท องครักษ์คู่ใจของอัลแห่งอารูก้า...เขาเป็นหัวหน้าหน่วยพิเศษไล่ล่าโจรสายลมตามคำสั่งของอัล

    โจรสายลมออกปฏิบัติการก่อกวนในอารูก้าบ่อยครั้ง

    นักท่องเที่ยว ถูกดักปล้นเอาทรัพย์สินของมีค่า...อับดุลลาถูกอัลเรียกตัวกลับจากอิบบาห์ เชวู เพราะหวังจะให้มาเป็นหัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจนี้ ด้วยเหตุว่าเขาชำนาญการในทะเลทราย แค่ครั้งนี้การไล่ล่ายาวไกลจากเขตแดนอารูก้ามายังดินแดนบูราไบ  อับดุลลาไม่ค่อยสบายใจนักด้วยเหตุว่าเขาเดินทางข้ามมาจากอีกรัฐ...โดยไม่ได้บอกกล่าวเหมือนลักลอบเดินทางผ่าน

    แต่ติดตามรอยโจรสายลม

    “มันเรียกว่ารถ”

    คนที่บูราไบหลายคนยังอยู่กับความล้าหลังและยากจน  อับดุลลาบอกตัวเองเช่นนั้น...เขามองดูคนทั้งสามก่อนจะประเมินผลอย่างรวดเร็ว

    สองหญิงหนึ่งชาย

    หรือว่าสามหญิง

    ยากจะมองออก

    เจ้าคนกลางหน้าตามอมแมมก็จริง แต่ดวงตามีประกาย...สุกใส...ละม้ายใครกัน เขานึกไม่ออก...

    “รถ...” ซีรีนทวนคำ

    “ใช่”

    “มันวิ่งได้เหมือนม้าและอูฐ”

    “แต่มันไม่มีชีวิต”

    “มันดูน่ากลัวกว่า”

    “อย่ากลัวมันเลย  ฉันจะเข้ามาถามพวกเจ้าว่าเจอบุรุษขี่ม้าผ่านมาทางนี้บ้างไหม”

    และอับดุลลามองไปยังม้าสองตัวและอูฐอีกหนึ่งตัว

    “นั่นม้าของพวกเจ้าหรือ”

    “ใช่...”

    “พวกเจ้าจะไปไหนกัน”

    “ไปบูราไบ  เราจะเข้าเมือง”

    ซีรีนบอกแบบคนเอาตัวรอด  เธอเป็นคนฉลาด เธอรู้ว่าชายแปลกหน้าผู้มากับของประหลาดน่ากลัว ส่งเสียงคำรามได้ เคลื่อนที่ได้และมีดวงตาลุกสว่างยิ่งกว่าแสงไฟ  เขาดูเป็นคนน่ากลัวไปเลย

    “อย่างนั้นหรือ...แล้วเจ้ายังไม่ได้ให้คำตอบกับข้าเลย...ว่าเจอคนที่ข้าถามหาหรือไม่”

    “ไม่มีใครนะ มีแต่เรา...”

    ซีรีนมองไปยังรถคันนั้น...เธอยังรู้สึกว่าเหมือนโดนมันคุกคามทั้งที่มันอยู่นิ่งๆ

    อับดุลลาเลยเอ่ยแกมหัวเราะ

    “ระวังไว้แล้วกัน เวลาเข้าไปถึงบูราไบเจ้าจะต้องเจอมันอีก  นี่แปลว่าพวกเจ้าไม่เคยเข้าไปบูราไบมาก่อนสิ”

    ไม่ทันจะได้ตอบ ก็มีม้าควบตะบึงมาหา มารายงานกับอับดุลลา  คนรับรายงานเม้มปากหากัน

    “จริงสิ มันดินแดนบูราไบ” 

    อับดุลลาเอ่ยออกมา

    “รีบไปเถิดท่านอับดุลลา เพราะดูเหมือนว่า พวกทหารบูราไบจะรู้แล้วว่าเราลอบข้ามแดนเข้ามา...อย่าให้พวกเขาจับได้ว่าเราทำเช่นนั้นมันจะส่งผลถึงการเมืองระหว่างประเทศ”

    และตัวเขา...ผู้ยังอยู่ในฐานะทูตทหารจากอารูก้าประจำอิบบาห์ เชวู ย่อมเป็นการไม่ดี

    อับดุลลาเลยคิดถอนตัวไปจากที่นี่เสียก่อน

    “ฉันไปก่อนนะ แล้วค่อยพบกัน”

    เขาบอก มองเจ้าคนมอมแมมตรงกลาง...คุ้นหน้า...คุ้นความรู้สึกแต่นึกไม่ออก

    และเขาย่อมคาดไม่ถึงว่านั่นคือธิดาแห่งอควาและเชคีมารีอาห์

    และตัวของซีรีนเองก็ไม่ได้คิดว่านั่นคือน้าเขย...อับดุลลา

    รถยนต์1และม้าอีก1 ไปจากตรงนี้ได้พักใหญ่...เธอก็กลับไปในถ้ำ...ซินาสเฝ้ารักษาการณ์อยู่ด้านนอก...เธอเข้ามาพบว่าตัวเขาร้อนจัด

    “ไข้ขึ้นแล้วนะ”  อาบิสเอ่ย  แล้วพลิกๆดูตัวเขา...เลือดออกมาจากตรงนี้...มีรอยแผล”

    ก่อนอาบิสจะมองหน้าของซีรีน

    “คงจะต้องให้เธอช่วยรักษาเขา”

    “ข้าต้องทำด้วยหรือ”

    “เพราะเจ้ารู้การรักษาคน”

    เธอชะโงกหน้าไปดูเขาผ่านแสงคบในมือ...ดูรอยแผลนั้น

    “ข้าไม่เคยเห็นรอยแผลแบบนี้”

    “จะแผลแบบไหน ก็รักษาตามแบบเจ้าไปก่อน...เจ้าเป็นหมอที่เก่งอยู่นะ”

    “รู้ว่าข้าบ้ายอยังจงใจยอข้าอีกหรือ”

    “ซีรีน...ช่วยคนคือความดี”

    “ข้ารู้”

    เธอมองหน้าเขาอีกหน...ตัวร้อน และสั่น พิษไข้กำลังเล่นงานเขา...แต่หากบาดแผลเพิ่งเกิด ทำไมไข้มาไวนัก

    “ต้องลดไข้ก่อน”

    “เรามีผ้าหรือไม่”

    “มีบ้างแต่ไม่มาก”

    “เขาต้องการผ้าและข้าจะทำความสะอาดบาดแผลให้กับเขา ห้ามเลือด”

    ซีรีนไม่รู้ว่ารอยบาดแผลนั่นมาจากปืนเธอพลิกๆดูรอยแผล

    “รอยแผลแปลกมาก”

    เธอพึมพำ  ดีว่าไม่มีรอยกระสุน...และเธอไม่รู้ว่าบาดแผลนั้นเกิดจากสิ่งใด

    “ซินาสไปหาผ้าที่เรามีทั้งหมดมาก่อน  ตอนนี้ข้าจะห้ามเลือดให้กับเขา”

    แต่พอซินาสลับตัวไป เธอโดนเขาคว้ากอด  เสียงครางนั่นไม่รู้ว่าเพราะเกิดความหนาว พิษไข่ที่มี  หรือเพราะความเจ็บกันแน่...

    “วุ้ย...กอดข้าทำไม”

    เธอสะบัดตัว...ผู้ชายตัวใหญ่ที่นอนทอดกายอยู่กอดเธอแน่นแบบรัดไม่ยอมปล่อย

    “ปล่อยข้า”

    เธอบ่น ดิ้นรนออกมา

    “โจรบ้า..”

    แล้วเธอก็มีคำว่าโจรสายลมผ่านเข้ามาในสมอง

    เขาคือโจรสายลมหรือไม่...

    “เจ้าเป็นโจรแน่ๆ ถึงถูกตามล่าจนบาดเจ็บ...เอาละ...ไหนข้าดูแผลหน่อยนะ มีแผลที่ใดบ้าง”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×