ลำดับตอนที่ #29
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #29 : 29
ชีคแห่งสายลม29
ชีครอม์ฮิมพาเชคีซีรีนมาถึงอารูก้าแล้ว ชีคหนุ่มที่ครองตัวเป็นหนุ่มโสดติดอันดับหนุ่มโสดหล่อสูงศักดิ์ที่หญิงสาวหมายปอง อาจจะมีคู่ควงหลายคนแต่ไม่เคยพาสตรีงามออกงานอย่างเป็นทางการ ย่อมแปลแน่ชัดว่านี่คือสตรีที่เป็นมากกว่าคู่ควงเพราะชีคหนุ่มยอมให้สัมภาษณ์นักข่าวอย่างเต็มปากว่ามากับสตรีที่จะเข้าพิธีแต่งงานในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้านี้
เธอคือเชคีซีรีน...และเขาไม่ได้บอกต่อว่าเธอมาจากไหน...หญิงงามบอบบางในอาภรณ์งดงามที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ...
พระเทวีมอบผ้าผืนงามให้ตัดเป็นชุดของบูราไบเพื่อปรากฏตัวเคียงข้างชีคหนุ่ม
นี่เป็นดำริของพระนางที่ต้องการ “เปิดตัว” สาวน้อยสู่สาธารณะ
งานนี้พระนางไม่ได้จูงมือเชคีซีรีนมาเอง แต่มอบหมายหน้าที่นี้ให้กับชีคหนุ่มพาสาวน้อยงดงามออกงาน
เชคีซีรีนงามมากด้วยวัย...ด้วยความเยาว์ และความสดใส อับดุลลาเห็นเชคีซีรีนแล้วกระหวัดนึกถึงเจ้าหญิงโซยาที่ยังอยู่ในซอกใจลึกๆ ของเขาเสมอมา แต่ทว่ามันแค่ความทรงจำ หาได้เป็นความจริงอีกต่อไป
ชีวิตจริงของเขามีเชคีอัสมาอยู่แล้ว เธอเป็นความจริง และเขาอยู่กับความจริง
อับดุลลาพูดกับเชคีอัสมาว่า “เราว่าหลานสาวเจ้าเหมาะกับชีครอม์ฮิมมากจริงๆ ท่านชีคเป็นหนุ่มโสดมานาน มีแต่ข่าวกับสตรีหลายคน ไม่นึกว่าวันหนึ่งสาวงามจากอัล นาจาห์จะเดินออกมาสู่ความจริง”
“แล้วนี่ซีรีนจะรู้เรื่องบ้านเมืองตัวเองหรือยังว่ากลับไปไม่ได้...เมื่อก่อนฉันยังแอบหวังว่าจะตามหาเส้นทางกลับบ้าน แต่บัดนี้เมื่อน้ำท่วมเมือง และประตูเมืองปิด อีกทั้งอควาส่งลูกสาวออกมาหาฉัน พี่มารีอาห์เขียนจดหมายฝากมาด้วย ฉันยิ่งรู้ว่าไม่มีอัล นาจาห์อีกแล้ว”
เขาโอบเชคีอัสมามาชิดตัวเอง ปลอบโยนว่า “ทุกอย่างอยู่ในประสงค์ของพระเป็นเจ้า...อย่างน้อยเจ้าก็ยังได้เจอกับสาย
เลือดของพี่สาวเจ้าและท่านอควา”
“แต่มีคนรับดูแลหลานฉันแทนฉันเสียแล้ว ว่าแต่เรื่องโจรสายลม...”
“คืนนี้รู้กัน”
แต่ที่แน่ๆ ชีคหนุ่มเดินทางมาอารูก้าเพียงลำพังกับเชคีซีรีน แม้องครักษ์สองคนข้างกายซ้ายขวา นะดีมและราอูลก็ไม่ได้ตามมาด้วย...เขาแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการมาแค่สองคนจากบัตรเชิญวีไอพี...
และเขาให้สัมภาษณ์กับนักข่าว ชัดเจน ทั้งผ่านทีวีโดยเครือข่ายของสถานีโทรทัศน์เครือข่ายท้องถิ่นของภูมิภาคนี้เอง...
สถานีที่อารูก้า เป็นแม่ข่ายใหญ่ และมีสถานีย่อยที่อิบบาห์ เชวู
เขาบอกข่าวดีในเร็ววัน งานเสกสมรสของเขา...พร้อมกับแนะนำตัวหญิงสาวน้อยคนงามนามซีรีน เขาไม่ได้บอกว่าเธอมาจากไหน...แต่บอกว่าเป็นพระญาติของพระเทวีแห่งบูราไบ...
เชคีซีรีนก็สงสัยแต่ไม่ได้เอะใจอันใด เขาขอให้เธอปิดปากเรื่องอัล นาจาห์ และชีครอม์ฮิมยังพูดเรื่องน้ำดิบที่ส่งออกขายและน้ำพร้อมดื่มคุณภาพดี
“ทะเลสาบฮาวามีปริมาณน้ำมากเพียงพอจะแจกจ่ายไปทั่ว ไม่ว่าจะเป็นน้ำดิบ สำหรับไปทำน้ำประปา หรือสำหรับการเกษตร น้ำพร้อมดื่มก็เป็นน้ำที่มีคุณภาพดีมากเหมาะกับการดื่ม เราได้เปิดเดินเครื่องเต็มกำลังแล้ว และจะเปิดอย่างเป็นทางการในช่วงงานเสกสมรสของเรา”
ภาพเขากับเชคีซีรีนปรากฏไปทั่ว...นักข่าวเอ่ยชมว่าช่างเหมาะสมกันอย่างยิ่ง และตลอดเวลาเชคีซีรีนเอาแต่ยิ้ม...และชีครอม์ฮิมพาเธอไปเข้าเฝ้าอัลและเรเนีย
เรเนียเข้ามาสวมกอด... “ยินดีที่ได้รู้จักเธอ อัลเล่าให้ฟังว่าเธองามมาก...ดูสิ”
เธอผลักเชคีซีรีนออกห่างจากตัว หันไปทางอัล “เหมือนโซยาไหม”
จริงของเรเนีย...อีกคนที่เห็นความละม้ายเหมือนเจ้าหญิงโซยาในตัวเชคีซีรีน
“อาจจะตัวเล็กเหมือนกัน หน้าตาเหมือนไปทางอัสมามากกว่านะ”
แต่เรเนียไม่อยากจะพูดท้วงอัล เธอรู้ว่าที่อัสมาจับจิตจับใจของอับดุลลาได้ดี อย่างหนึ่งเพราะความเหมือนเจ้าหญิงโซยา เรื่องแบบนี้ผู้หญิงจะละเอียดอ่อนกว่าเสมอ ผู้ชายอาจจะไม่ละเอียดอ่อนเท่า
“ผู้หญิงคุยกันก่อนนะ โน่นแน่ะ... โซยามาแล้ว” อัลเอ่ย
เจ้าหญิงน้อยเลอโฉมแห่งอารูก้า เดินตรงมาหา...และเมื่อเจอกับเชคีซีรีนก็ถึงกับอุทานออกมา
“นี่หรือ ซีรีนแห่งอัล นาจาห์...”
“เพคะ หม่อมฉัน ซีรีน...จากอัล นาจาห์”
“ฉันตามหาเมืองของเธอมานาน”
เรเนียกระแอมในคอ แล้วเอ่ยว่า “โซยา เอาไว้ก่อนดีไหม เรื่องอัล นาจาห์ คืนนี้เรามาสนุกสนานกับเสื้อผ้าสวยๆ และเครื่องเพชรงามๆ ก่อนจะดีกว่าไหม”
นั่นทำให้เจ้าหญิงโซยานิ่งลงได้ เพราะก่อนหน้าได้รับรู้แล้วว่าเกิดอุทกภัยใหญ่ในอัล นาจาห์ ประตูเมืองโบราณนั้นปิดลงเพราะน้ำท่วมท้น...และพระธิดาของอควากับเชคีมารีอาห์และคนสนิทอีกสองคนถูกส่งตัวออกจากเมืองให้พ้นภัย...
ตอนนี้เชคีซีรีนยังไม่รู้เรื่องนั้น และคงยังไม่ให้รู้ เพราะเรื่องนี้มีการคำขอร้องมาจากชีครอม์ฮิม เขาบอกว่าเขาจะพูด
กับเธอเองหากถึงเวลาอันเหมาะสม
เพราะคงจะยากเอาการสำหรับการบอกเธอ...บอกว่าเธอไม่มีบ้านให้กลับไปได้ และเธอไม่มีพ่อแม่อีกแล้ว
“งานคืนนี้คงจะเรียบร้อยดีนะ พี่เรเนีย” เจ้าหญิงโซยาเอ่ยปรารภถ อดจะกังวลไม่ได้
แต่เรเนียตอบหนักแน่นว่า “พี่ชายของเธอไม่เคยยอมให้ใครได้มาทำอะไรที่ไม่ดีในบ้านของเขา”
เพราะความเสียหายครั้งก่อนนั้นหนักหนานัก นอกจากจะโดนปล้น ยังมีคนเจ็บและตาย มีไฟไหม้...การลงมือเ****้ยมโหดต่ำทรามมาก เชคีซีรีนรับฟังเงียบๆ ไม่ค่อยสบายใจนัก และแน่ใจว่าคืนนี้อาจจะมีเรื่องการเข้าปล้นอีก
ชีครอม์ฮิมบอกกับเธอก่อนหน้า
...เจ้าพี่อัลกับชีคชาห์มาปิดประตูบ้านจับโจร คงยากจะรอด...
มันอยู่ที่ว่าเจ้าโจรสายลมตัวปลอมจะกล้าแค่ไหน...กล้าจะออกมาปรากฏตัวทำงานหรือไม่
เครื่องเพชรมูลค่ามหาศาลจะล่อใจได้หรือไม่...อาจจะไม่...หรืออาจจะดึงพวกมันเข้ามา...
พวกผู้ชายแยกตัวไป “คุยกัน” ในห้องรับรองพิเศษ ที่ไม่มีใครทันเอะใจเพราะก่อนเข้างานแฟชั่นและแสดงเครื่องเพชรมีงานเลี้ยงดินเนอร์เล็กๆ...มีผู้คนมากมายที่น่าสนใจ และเรเนียรับปากกับอัลว่าเธอจะทำให้พวกนักข่าวไม่ทันสังเกตเลยว่า
พวกหนุ่มๆ หายไปตอนไหน เธอจะคุมงานให้เป็นไปตามอัลได้วางแผนเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
ไม่ว่าจะอัล ชีคชาห์มา ชีครอม์ฮิม และอับดุลลา ต่างพากันเร้นตัวหลบเข้าไปในห้องที่จัดเตรียมไว้ และคาร์ล่า กับอาลีอยู่ในนั้นก่อนหน้าแล้ว...
มีคำยืนยันจากคาร์ล่า ว่าจะมีการลงมือทำงานแน่นอน...แต่ไม่ใช่ในงานแฟชั่นและงานแสดงเครื่องเพชรนี้
จะเป็นการลงมือที่จุดอื่น...
“ดี...” เสียงอัลเรียบแต่เน้นหนัก “ทุกจุดพร้อมรับมือ หากพวกมันคิดเข้าปล้น...”
“อาจจะต้องนองเลือด”
“มันคงคิดว่าเราเตรียมระวังที่งานแสดงที่นี่ เพราะเราทุกคนมารวมกันที่นี่หมดแล้ว”
“ใช่เพคะ พวกเขาคิดกันเช่นนั้น”
“คาร์ล่า” เสียงอัลอ่อนโยนนัก “ขอบใจเธอมาก ที่ช่วยจัดการสอดส่องจนได้เรื่องแท้จริงมา”
“หม่อมฉันทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย...เพื่อท่านชีคชาห์มาด้วยเพคะ” เสียงตอบนุ่มนวลนัก
อาลีปรายตามอง...รำพึงในใจว่า
...เสี่ยงนัก...
“หวังว่าคงไม่มีใครสงสัยเธอแม้แต่ฮามิด...”
“ฮามิดคิดว่าหม่อมฉันเป็นแค่สตรีที่โง่เง่า และเป็นแค่คนเฝ้าเครื่องคอมพิวเตอร์เพคะ เขาไม่เคยรู้อะไร” คำทูลตอบนั่นยังเรียบนัก “หม่อมฉันไม่อาจจะแสดงตัวตนแท้จริงกับเขาได้”
ตัวตนแท้จริงของคาร์ล่าจะแบบไหนกัน...อาลี ยูซุป รอฮิม อดจะถามตัวเองไม่ได้ ผู้หญิงที่เหมือน “อริ” กับเขาคนนี้มีตัวตนแท้จริงแบบใดกัน...แต่เขายังไม่มีเวลาคิดละเอียดในตอนนี้
“ฮามิดเกลียดท่านชีคชาห์มา”
คนที่โดนระบุว่าเกลียดหัวเราะหึๆ “คาร์ล่า ฉันไม่ได้รักเขาสักนิดนะ” ด้วยหน้าตาขึงขัง และท่าทีจริงจัง “ฉันรักเขาไม่ลง แม้เขาจะเป็นญาติของฉัน...”
“หม่อมฉันก็เป็นญาติของเขา” คาร์ล่าตอบหน้าตาเฉย ดวงตาพราวเล็กน้อย “อย่างไรก็ต้องทนชอบเขาเพคะ ท่านชีค”
“เราขอบใจเธอนะ คาร์ล่า” อัลเอ่ยออกมา และมองเลยไปยังอาลี “เจ้าด้วย อาลี...เรื่องวางคนรับมือในจุดต่างๆ เจ้าคงพร้อม เพราะเจ้าประสานกับอับดุลลาอยู่ใช่ไหม”
“พะยะค่ะ กระหม่อมจัดการตามนั้น...ร่วมกับอับดุลลา”
ตลอดเวลานั้นชีครอม์ฮิมมิได้เอ่ยอะไรเลย...เขาได้แต่ฟัง...ครุ่นคิด...งานนี้เริ่มต้นจากเขา โจรสายลมเหมือนเดินมาไกลจากจุดเริ่มต้นมากมาย...มันมากเกินกว่าจะถอยกลับแล้วเหมือนเดินหน้าต่อไป หยุดไม่ได้
ทุกคนกำหนดงานกันทำเพื่อจับเจ้าโจรสายลมให้ได้...
จับโจรสายลมตัวจริง...
ชีครอม์ฮิมพยายามวางเฉยให้มากสุด...และเมื่อทุกคนทยอยออกไปจากห้องนี้แล้ว อัลเรียกตัวเขาเอาไว้เพื่อคุยกันสองต่อสอง
“รอม์ฮิม” เสียงเรียกนั้น นุ่มนวล และมีอำนาจเฉกเช่นคนที่อยู่บนจุดสูงสุดเสมอ “รู้ใช่ไหมว่าความจริงเป็นเช่นไร”
ชีครอม์ฮิมประสานดวงตาด้วย ริมฝีปากหนานั้นแย้มออกเล็กน้อย
“รู้พะยะค่ะ”
“บางเรื่องเราอาจจะไม่ต้องพูดกัน แต่รู้กันได้ ใช่ไหม”
“ใช่พะยะค่ะ”
“ดีแล้ว ฉันไม่อยากเห็นคนที่รักที่ชอบทำตัวออกนอกลู่นอกทาง”
อัลรู้เสมอมา...ชีคหนุ่มบอกตัวเอง...อัลรู้เรื่องที่เขาได้ทำ อากาศที่เยือกเย็นในนี้เหมือนรุ่มร้อนฉับพลัน
“วันนี้ควรจะจบ...ปิดฉากโจรสายลมได้แล้ว”
“พะยะค่ะ”
“พี่จะขอสัญญาสักข้อ”
“ได้เลยพะยะค่ะ”
“ได้เลยหรือ จะไม่ถามก่อนหรือว่าพี่จะขอสัญญาอะไร”
“หากเจ้าพี่ออกปากขอ...มีหรือที่หม่อมฉันจะทูลถวายไม่ได้ ไม่มีเลยพะยะค่ะ...ยกเว้นแต่สิ่งที่ขอนั้นยากเกินกำลังหม่อมฉัน”
“รอม์ฮิม ฉลาดพูดนัก วาจาเจ้านั้น...ทำให้พี่ตื้นตันนัก” อัลเดินมาโอบไหล่คนอ่อนวัยกว่า ร่างสูงเสมอกัน แต่คนอ่อนวัยกว่าเล็กน้อยมีความบางของเรือนร่างมากกว่า
คำพูดเข้าหู ชัดเหลือเกิน“ที่ผ่านมาก็ให้ผ่านไป อย่าให้มันกลับมาอีก”
คนอ่อนวัยกว่าเม้มปากนิดๆ จริงดังคาด...อัลรู้!
“พี่อดดีใจไม่ได้ที่มีคนอื่นมาสวมรอยเป็นโจรสายลม เพราะพี่ไม่อยากเข่นฆ่าน้องชายพี่ จำไว้...รอม์ฮิม...มีอะไรหนักหนาสาหัส อยากได้รับความช่วยเหลือ ออกปากสิ...อย่าทำผิด...โชคยังเข้าข้าง แต่โชคไม่เป็นของใครตลอดไป!”
งานแฟชั่นยิ่งใหญ่อลังการจริงๆ...เครื่องเพชรที่ราคาแพง และออกแบบได้สุดหรูประกอบกับการออกแบบเสื้อจากนักออกแบบชื่อก้องโลก...และนางแบบค่าตัวแพง...งานนี้ชุดสุดท้ายที่เรียกกันว่าชุดฟินาเล่นั้น เรเนียหรือเจ้าหญิงเรเนียแห่งอารูก้าพระชายาแห่งอัล ได้ขึ้นเดินบนรันเวย์เองพร้อมกับนักออกแบบทั้งนักออกแบบเสื้อผ้าและนักออกแบบเครื่องประดับ...โดยที่ผู้ชมในฮอลล์แห่งนี้ได้ลุกขึ้นยืนตบมือให้เกียรติอยู่นาน...แสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปจากบรรดาผู้สื่อข่าวปรากฏกระจ่างพร่างพราวตลอดเวลา แต่ไม่มีใครสังเกตว่าพวกผู้ชายที่นั่งอยู่แถวหน้านั้นได้หลบเร้นตัวเองหายไปไม่ว่าจะอัล หรือ ชีคชาห์มา หรือแม้แต่อาลี และอับดุลลา เหลือเพียงแต่ชีครอม์ฮิมคนเดียวเท่านั้น...
เพราะมีรายงานเข้ามา...ด่วนและลับสุดยอด...มีการเข้าปล้นในจุดที่ได้วางกำลังคนเอาไว้ก่อนหน้าแล้ว มีการต่อสู้ปะทะกัน...รุนแรงอย่างมากมีคนตายทั้งสองฝ่าย ในอารูก้าเกิดไฟไหม้สองจุด ในอิบบาห์ เชวูไหม้ไป 1จุด จับเป็นคนร้ายได้ แต่จับตัวหัวหน้าไม่ได้ มีคนยืนยันว่าได้เห็นทั้งเจ้าชายฮามิดและท่านชายจัสฟาในที่เกิดเหตุที่อารูก้า มีภาพถ่ายเป็นหลักฐานตามทั้งสองคนอาศัยความชุลมุนวุ่นวายหลบหนีไปได้ แต่รายงานข่าวลับบอกเพิ่มเติมไปคนละทาง
เจ้าชายฮามิดไปจากอารูก้าอีกหน
ส่วนท่านชายจัสฟามีข่าวมาว่าบาดเจ็บ...และยังหลบซ่อนอยู่ในอารูก้า ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปที่ไหน...ตราบจนชีครอม์ฮิมและเชคีซีรีนกลับถึงที่ประทับที่โรงแรมระดับห้าดาวของอารูก้า...ห้องชุดบนชั้นพิเศษ ในห้องชุดนี้มีห้องนอนใหญ่และห้องนอนขนาดเล็กอีกสองห้องรวมเป็นสาม
ตอนลิฟท์ส่วนตัวขึ้นมาถึงห้องพัก...ชีคหนุ่มอาจจะไม่ทันรู้สึกว่าผิดปกติ แต่เชคีซีรีนสัมผัสได้...ในห้องชุดนี้มีห้องนอนใหญ่และห้องนอนขนาดเล็กอีกสองห้องรวมเป็นสาม
“มีคนอื่น” เสียงแผ่วเบาร้องบอก...ดวงตากลมโตมีแววตื่นตระหนกเล็กน้อย
ชีคหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย “ใครหรือ จะมีใคร เราขึ้นมากันแค่สองคน”
เพราะเสื้อผ้าและเครื่องใช้ส่วนตัวถูกจัดส่งขึ้นมาไว้บนห้องแล้ว...เมื่อแรกนั้นชีครอม์ฮิมจะบินกลับบูราไบเลย แต่ทว่าวันรุ่งขึ้นเขายังมีเรื่องต้องพบกับรัฐมนตรีทรัพยากรของอารูก้าโดยจะมีมูเลาะห์และรัฐมนตรีทรัพยากรของบูราไบบินมาร่วมประชุมด้วย
สัมผัสของเชคีซีรีนนั้นพิเศษมาก...
“ใครกันหลบอยู่ ออกมา”
ที่จริงเพราะกลิ่นเลือด...ชีคหนุ่มเพิ่งได้เห็นหยดเลือดบนพื้นพรมราคาแพง...เขาขมวดคิ้วแน่นขึ้นกว่าเดิม
มีคนเข้ามาที่นี่ได้อย่างนั้นหรือ...
“ฉันเอง” ท่านชายจัสฟาปรากฏตัวขึ้นจากที่หลบซ่อนตัวอยู่...แขนข้างซ้ายห้อยตกลงข้างตัว...แขนข้างขวายังถือปืนเล็งมาที่ชีครอม์ฮิม...
ทำไมท่านชายจัสฟามาหลบอยู่ที่นี่ได้ น่ากังขานัก
“จัสฟา เข้ามาในนี้ได้อย่างไร”
มีเสียงหัวเราะแค่นๆ จากปากของท่านชายจัสฟาผู้คงจะบาดเจ็บไม่น้อยแต่แข็งขืนเอาไว้
“ที่ไหนจะปลอดภัยเท่าที่นี่...ที่พักของชีคหนุ่มจากบูราไบ...”
“แล้วพนักงานโรงแรมให้ผ่านเข้ามาในนี้ได้อย่างไร”
“ใครจะกล้าวุ่นวายกับท่านชายจัสฟา...บุตรแห่งเจ้าชายอะบีห์ และพระญาติห่างๆ ของพระเทวีแห่งบูราไบผู้ติดตามชีครอม์ฮิม”
“อย่างนั้นหรือ” เสียงรับรู้นุ่มนัก “เจ้าบาดเจ็บหรือ”
“ถอยไป” เอามือที่มีปืนทำท่าให้ชีคหนุ่มถอยห่าง เชคีซีรีนจ้องมอง เธอได้กลิ่นเลือดและตอนนี้เธอสัมผัสถึงอันตราย...ผู้ชายที่อยู่เบื้องหน้าบาดเจ็บ อาการคงหนัก สังเกตได้จากกิริยาที่พยายามฝืนแต่สิ่งที่อยู่ในมือของเขา เธอรู้จักมัน..
ปืน
มันเป็นอาวุธร้ายที่ไม่มีในอัล นาจาห์ เธอรับรู้พิษสงของมันตอนรักษาบาดแผลให้กับชีครอม์ฮิม
“เจ้าบาดเจ็บ” เชคีซีรีนเอ่ยออกมา “เลือดออกมาก” เธอพยักหน้าให้เขาได้มองตาม...เริ่มมีเลือดไหลจากแขนเสื้อลงสู่พื้นพรม...เป็นสายและยังชุ่มอยู่ในเสื้อ...ซึมเป็นวงกว้างด้านข้าง... “ข้าช่วยเจ้าได้”
“ช่วย?”
“ใช่”
“เจ้าเป็นใคร...เจ้ามาจากไหน...นังตัวดี...เจ้าไม่ใช่หรือที่เข้ามาทำให้น้องสาวข้าผิดหวัง และเจ้าไม่ใช่หรือที่เอาเพชรปลอมให้กับซูฮุย์ และข้ายังเห็นเจ้าในใบปิดประกาศทั่วบูราไบก่อนจะเอาออก เจ้าเป็นอะไรกับรอม์ฮิมกันแน่...”
“อย่าฝืนทำเก่ง ให้ข้าดูบาดแผล” เธอยังเอ่ยอย่างแน่แน่ว...แต่ท่านชายจัสฟาไม่ได้สนใจเช่นกัน
“รอม์ฮิม เราต้องการไปจากที่นี่ เจ้าจะต้องพาเราออกไป”
“เจ้าบาดเจ็บ จัสฟา...จะไปได้ไกลที่ไหน”
“หากมีเจ้ากับอีเด็กนั่นเป็นตัวประกัน เราจะได้ไป...หรือไม่...มีอีกทาง”
“ทางใด”
“เจ้าคือเจ้าโจรสายลม เรามาจับเจ้าได้ ยิงเจ้าตายและเราถูกเจ้ายิงบาดเจ็บ...”
ชีครอม์ฮิมหัวเราะลั่น “เข้าใจแต่งเรื่องนะ จนบาดเจ็บปางตายยังแต่งเรื่องได้อีกหรือ”
“อย่าพูดมาก รอม์ฮิม...”
และเขาต้องการทำให้เห็นว่าเขาจะปิดเรื่องนี้อย่างไร ท่านชายจัสฟาพยายามเอาแขนข้างที่เจ็บยกขึ้น...เล็งใส่ชีครอม์ฮิมหมายใจว่าเป็นคนแรกที่เขาควรจะเป่าหัวให้สิ้นซาก เขาเป็นนักยิงปืน...ที่จริงจะทำได้ดีแน่ๆ หากแขนอีกข้างไม่เจ็บปวดอย่างหนัก....มันร้าวไปทั่ว...การจะเล็งปืนด้วยมือข้างเดียวที่สภาพร่างกายอยู่ในภาวะย่ำแย่ทำให้ท่านชายจัสฟามือไม่มั่นคงนัก กระนั้นเขาก็ยังตัดสินใจลั่นไกปืน...เสียงมันก้องเข้าไปในหูของเชคีซีรีน...เธอผวานิดหนึ่ง...
เสียงชีคหนุ่มร้องเตือนและพุ่งตัวหลบเพราะกระสุนนั้นเบนเป้าจากตัวเขามาที่เธอ...เขาโถมทับตัวเธอที่บอบบางกว่าล้มลง...
ท่านชายจัสฟากระโจนตามมา...และเล็งปืนใส่...ดวงหน้างามที่แนบกับพื้นพรมมองเห็น...รับรู้ถึงความไม่ปลอดภัย ...และเธอร่ายมนต์...พร้อมกับบอกกับชีคหนุ่ม
“มนต์ที่ฉันสอนท่าน ชีครอม์ฮิม...ได้โปรด”
ชีคหนุ่มผู้ไม่เคยร่ายมนต์ได้สำเร็จสักหน...แต่เมื่อยามถูกเร่งเร้า...และร่างที่เขาโอบกอดทับอยู่หายไป...อ้อมแขนเขาว่างเปล่าใต้ร่างเขาเป็นพรมและเธอกลายเป็นนกฮูกไปแล้ว ชีคหนุ่มรู้ได้ทันทีว่าเขาน่าจะท่องมนต์อีกหน...ตอนที่ปืนของท่านชายจัสฟามากดที่ด้านหลังศีรษะเขา...
แม้ท่าทีของท่านชายจัสฟาจะเหนื่อยอ่อน แต่ว่าก็พยายามฮึด ร้องสั่งว่าเมื่อระเบิดหัวของรอม์ฮิมแล้ว ทุกอย่างจะจบสิ้น
แค่เหนี่ยวไก...รวมกำลังอีกนิด อย่าเพิ่งหมดแรง
ใจสั่นกว่าปกติ เพราะความเจ็บเขาโดนยิงเข้าจุดสำคัญแน่ๆ...ในช่องท้อง
หลังจากจบชีวิตรอม์ฮิมได้แล้ว จัดการกับนังเด็กคนนั้น...
แต่เขาก็ตะลึง...เด็กคนนั้นของเขาหายไปกับตา...ไม่มีร่างนั้นใต้ร่างของชีครอม์ฮิม เขาเห็นแต่นกฮูก
นกฮูกจริงๆ เดินเตาะแตะห่างไป...
นกฮูกมาจากไหน...ท่านชายจัสฟาไม่อยากเชื่อตาตัวเอง...และปืนที่เขาคิดว่ากดไว้ตรงท้ายทอยชีครอม์ฮิมนั่นสุดท้ายทำไมเหมือนปลายกระบอกปืนไม่ได้สัมผัสกับท้ายทอยของชีคหนุ่มอีก ปืนเหมือนถูกดึงดิ่งลงในความว่างเปล่าหลังจากเขาได้ยินเสียงชีครอม์ฮิม
ตอนแรกคิดว่าจะเป็นเสียงร้องขอชีวิต
ไม่ใช่...เสียงคำพูดที่เขาฟังไม่เข้าใจ...มันมีความหมายอะไรกันนั่น...แล้วทำไมชีครอม์ฮิมหายไป
“รอม์ฮิม” ท่านชายจัสฟาตวาดลั่นหมุนรอบตัวด้วยความตกใจ...ทำไมชีคหนุ่มหายไปต่อหน้าต่อตาเขา
เกิดอะไรขึ้น...
“เจ้าไปไหน...”
และนั่นที่พื้นพรม...นกฮูกสองตัว...
ห้องหรูหรา เขาเองยังเข้ามายากเย็น...นกฮูกจะเข้ามาทางไหน กระจกของห้องนี้หนาเป็นพิเศษเป็นกระจกที่เปิดออกไม่ได้...หรือชีครอม์ฮิมเลี้ยงนก พานกมาด้วย...แต่ว่าตัวคนเลี้ยงนกไปไหน...
“รอม์ฮิม หายหัวไปไหน ออกมาสิ ออกมา”
เขาตะโกนเหมือนคนบ้าคลั่ง...เรี่ยวแรงกลับมาอีกหนเพราะถูกกระตุ้นด้วยอะดรีนาลิน เขาเล็งไปที่นกฮูก กำลังจะได้ยิง...ท่านชายจัสฟาก็ผวาสุดตัว...นกฮูกทั้งสองตัวนั้นเหมือนมีควันขาวๆ รายล้อมรอบตัว บดบังจากการเป็นเป้า...ก่อนจะมีอะไรบางอย่างที่ดูทะมึนใหญ่โตเข้ามาที่เขา...โจมตีใส่เขา...ปืนกระเด็นไปอีกทาง เสียงกระสุนลั่นเปรี้ยงเข้าที่โคมแก้วบนโต๊ะตรงผนังห้องอักด้าน...และเขาล้มลงกับพื้น...เขาได้เห็นร่างนั่นแล้ว...ดูเหมือนปีศาจร้าย...
ท่านชายจัสฟาเบิกตากว้างมองอย่างที่ไม่เชื่อสายตาตัวเอง...ดวงหน้าดำทะมึนมีรอยสักเต็มสองแก้ม...ดวงตาเหมือนก้อนวุ้นสีแดงสองก้อน...
เขานึกออกแล้ว ดวงหน้านี้อยู่ในตำนานปรัมปราเสมอมา
“อควา!”
ท่านชายจัสฟาร้องออกมา...ก่อนที่จะรู้สึกถึงแรงกดทับที่ลำคอ...ดวงตายังขยายกว้างมองดวงหน้านั้น
นกฮูกสองตัวพลันกลับร่างเดิม...และเชคีซีรีนทันได้ยิน
อควา...
ชื่อพ่อของเธอ
พ่อมาหรือ...
แต่ที่เธอเห็น
ดวงหน้าของร่างใหญ่ทะมึนหันกลับมาหลังจากชีครอม์ฮิมร้องบอกว่า
“อย่าฆ่าเขา...”
แต่ท่านชายจัสฟาหมดสติไปแล้ว...เขารีบไปกอดเชคีซีรีน...แล้วเอามือปิดตาเธอจากภาพที่เห็น
ภาพของอควา...
ภาพจริงๆ...
เขาได้เห็นดวงตาของเธอแล้ว เขารู้ได้ทันทีเลยว่าเธอไม่เคยเห็นพ่อของเธอในภาพนี้แน่นอน
“คนดี หลับตา อย่ามองอีกเลย”
เขาปลอบโยนเธอ ร่างใหญ่ทะมึนยังยืนอยู่ไม่ห่างเขามากนัก...มีรอยน้ำเปียกๆ...เขาสบตาแดงเป็นก้อนวุ้น...มองไม่เห็นแววตาหรือประกายตาใด ๆแต่เขารู้ว่ากำลังถูกจับตามอง...
ริมฝีปากนั้นแสยะยิ้มให้กับเขา...ไม่มีอะไรเลย นอกจากรอยยิ้มแสยะ..แล้วก็ค่อยๆ เลือนหายไป
“เอาล่ะ ซีรีน เราจะติดต่อให้เจ้าพี่อัลมาเอาตัวจัสฟาไปจากที่นี่”
“ตะกี้ท่านเห็นหรือไม่”
“เห็นอะไร” เขาแกล้งถามหน้าซื่อที่สุด
“ท่านเห็นปีศาจหรือไม่”
“ไม่เห็นมีอะไรนะ”
“แต่ท่านให้ฉันหลับตา...” ยังมีความคลางแคลงใจเป็นอันมาก
“เพราะเราไม่อยากให้เธอเห็นจัสฟา....คนร้ายกาจคนนั้นไม่ควรจะถูกมอง...”
เธอมองดูคนนอนแน่นิ่งเหยียดยาว “เขาตายหรือไม่”
“คงยังไม่ตาย แต่หากไม่ถึงมือหมอ อาจจะถึงตายได้”
เขาโทรรายงานอัลให้มารับเอาตัวท่านชายจัสฟาไป และเขาได้อยู่ตามลำพังกับเชคีซีรีน...ผู้ยังมีความกังวลบาง
ประการ...เธอเฝ้าสงสัยรอยเปียกมากมายบนพรม...เธอสงสัยสิ่งทีได้เห็นแต่ชีครอม์ฮิมรีบกลบเกลื่อน
“ทำไมเจ้าไม่คิดแค่ว่าเราเก่งพอจะแปลงเป็นนกฮูกได้แล้ว”
เธอจึงยิ้มพยักหน้าได้ “จริงด้วย ท่านเก่งมาก” เธอเอ่ยชม
“อาจจะเพราะยามคับขัน...เราถึงทำได้...และเราขอบใจเจ้าที่ทำให้เราปลอดภัยวันนี้...พรุ่งนี้แต่เช้านะ ซีรีนเราจะกลับบ้านกัน ทุกอย่างจบแล้ว”
ชีครอม์ฮิมพาเชคีซีรีนมาถึงอารูก้าแล้ว ชีคหนุ่มที่ครองตัวเป็นหนุ่มโสดติดอันดับหนุ่มโสดหล่อสูงศักดิ์ที่หญิงสาวหมายปอง อาจจะมีคู่ควงหลายคนแต่ไม่เคยพาสตรีงามออกงานอย่างเป็นทางการ ย่อมแปลแน่ชัดว่านี่คือสตรีที่เป็นมากกว่าคู่ควงเพราะชีคหนุ่มยอมให้สัมภาษณ์นักข่าวอย่างเต็มปากว่ามากับสตรีที่จะเข้าพิธีแต่งงานในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้านี้
เธอคือเชคีซีรีน...และเขาไม่ได้บอกต่อว่าเธอมาจากไหน...หญิงงามบอบบางในอาภรณ์งดงามที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ...
พระเทวีมอบผ้าผืนงามให้ตัดเป็นชุดของบูราไบเพื่อปรากฏตัวเคียงข้างชีคหนุ่ม
นี่เป็นดำริของพระนางที่ต้องการ “เปิดตัว” สาวน้อยสู่สาธารณะ
งานนี้พระนางไม่ได้จูงมือเชคีซีรีนมาเอง แต่มอบหมายหน้าที่นี้ให้กับชีคหนุ่มพาสาวน้อยงดงามออกงาน
เชคีซีรีนงามมากด้วยวัย...ด้วยความเยาว์ และความสดใส อับดุลลาเห็นเชคีซีรีนแล้วกระหวัดนึกถึงเจ้าหญิงโซยาที่ยังอยู่ในซอกใจลึกๆ ของเขาเสมอมา แต่ทว่ามันแค่ความทรงจำ หาได้เป็นความจริงอีกต่อไป
ชีวิตจริงของเขามีเชคีอัสมาอยู่แล้ว เธอเป็นความจริง และเขาอยู่กับความจริง
อับดุลลาพูดกับเชคีอัสมาว่า “เราว่าหลานสาวเจ้าเหมาะกับชีครอม์ฮิมมากจริงๆ ท่านชีคเป็นหนุ่มโสดมานาน มีแต่ข่าวกับสตรีหลายคน ไม่นึกว่าวันหนึ่งสาวงามจากอัล นาจาห์จะเดินออกมาสู่ความจริง”
“แล้วนี่ซีรีนจะรู้เรื่องบ้านเมืองตัวเองหรือยังว่ากลับไปไม่ได้...เมื่อก่อนฉันยังแอบหวังว่าจะตามหาเส้นทางกลับบ้าน แต่บัดนี้เมื่อน้ำท่วมเมือง และประตูเมืองปิด อีกทั้งอควาส่งลูกสาวออกมาหาฉัน พี่มารีอาห์เขียนจดหมายฝากมาด้วย ฉันยิ่งรู้ว่าไม่มีอัล นาจาห์อีกแล้ว”
เขาโอบเชคีอัสมามาชิดตัวเอง ปลอบโยนว่า “ทุกอย่างอยู่ในประสงค์ของพระเป็นเจ้า...อย่างน้อยเจ้าก็ยังได้เจอกับสาย
เลือดของพี่สาวเจ้าและท่านอควา”
“แต่มีคนรับดูแลหลานฉันแทนฉันเสียแล้ว ว่าแต่เรื่องโจรสายลม...”
“คืนนี้รู้กัน”
แต่ที่แน่ๆ ชีคหนุ่มเดินทางมาอารูก้าเพียงลำพังกับเชคีซีรีน แม้องครักษ์สองคนข้างกายซ้ายขวา นะดีมและราอูลก็ไม่ได้ตามมาด้วย...เขาแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการมาแค่สองคนจากบัตรเชิญวีไอพี...
และเขาให้สัมภาษณ์กับนักข่าว ชัดเจน ทั้งผ่านทีวีโดยเครือข่ายของสถานีโทรทัศน์เครือข่ายท้องถิ่นของภูมิภาคนี้เอง...
สถานีที่อารูก้า เป็นแม่ข่ายใหญ่ และมีสถานีย่อยที่อิบบาห์ เชวู
เขาบอกข่าวดีในเร็ววัน งานเสกสมรสของเขา...พร้อมกับแนะนำตัวหญิงสาวน้อยคนงามนามซีรีน เขาไม่ได้บอกว่าเธอมาจากไหน...แต่บอกว่าเป็นพระญาติของพระเทวีแห่งบูราไบ...
เชคีซีรีนก็สงสัยแต่ไม่ได้เอะใจอันใด เขาขอให้เธอปิดปากเรื่องอัล นาจาห์ และชีครอม์ฮิมยังพูดเรื่องน้ำดิบที่ส่งออกขายและน้ำพร้อมดื่มคุณภาพดี
“ทะเลสาบฮาวามีปริมาณน้ำมากเพียงพอจะแจกจ่ายไปทั่ว ไม่ว่าจะเป็นน้ำดิบ สำหรับไปทำน้ำประปา หรือสำหรับการเกษตร น้ำพร้อมดื่มก็เป็นน้ำที่มีคุณภาพดีมากเหมาะกับการดื่ม เราได้เปิดเดินเครื่องเต็มกำลังแล้ว และจะเปิดอย่างเป็นทางการในช่วงงานเสกสมรสของเรา”
ภาพเขากับเชคีซีรีนปรากฏไปทั่ว...นักข่าวเอ่ยชมว่าช่างเหมาะสมกันอย่างยิ่ง และตลอดเวลาเชคีซีรีนเอาแต่ยิ้ม...และชีครอม์ฮิมพาเธอไปเข้าเฝ้าอัลและเรเนีย
เรเนียเข้ามาสวมกอด... “ยินดีที่ได้รู้จักเธอ อัลเล่าให้ฟังว่าเธองามมาก...ดูสิ”
เธอผลักเชคีซีรีนออกห่างจากตัว หันไปทางอัล “เหมือนโซยาไหม”
จริงของเรเนีย...อีกคนที่เห็นความละม้ายเหมือนเจ้าหญิงโซยาในตัวเชคีซีรีน
“อาจจะตัวเล็กเหมือนกัน หน้าตาเหมือนไปทางอัสมามากกว่านะ”
แต่เรเนียไม่อยากจะพูดท้วงอัล เธอรู้ว่าที่อัสมาจับจิตจับใจของอับดุลลาได้ดี อย่างหนึ่งเพราะความเหมือนเจ้าหญิงโซยา เรื่องแบบนี้ผู้หญิงจะละเอียดอ่อนกว่าเสมอ ผู้ชายอาจจะไม่ละเอียดอ่อนเท่า
“ผู้หญิงคุยกันก่อนนะ โน่นแน่ะ... โซยามาแล้ว” อัลเอ่ย
เจ้าหญิงน้อยเลอโฉมแห่งอารูก้า เดินตรงมาหา...และเมื่อเจอกับเชคีซีรีนก็ถึงกับอุทานออกมา
“นี่หรือ ซีรีนแห่งอัล นาจาห์...”
“เพคะ หม่อมฉัน ซีรีน...จากอัล นาจาห์”
“ฉันตามหาเมืองของเธอมานาน”
เรเนียกระแอมในคอ แล้วเอ่ยว่า “โซยา เอาไว้ก่อนดีไหม เรื่องอัล นาจาห์ คืนนี้เรามาสนุกสนานกับเสื้อผ้าสวยๆ และเครื่องเพชรงามๆ ก่อนจะดีกว่าไหม”
นั่นทำให้เจ้าหญิงโซยานิ่งลงได้ เพราะก่อนหน้าได้รับรู้แล้วว่าเกิดอุทกภัยใหญ่ในอัล นาจาห์ ประตูเมืองโบราณนั้นปิดลงเพราะน้ำท่วมท้น...และพระธิดาของอควากับเชคีมารีอาห์และคนสนิทอีกสองคนถูกส่งตัวออกจากเมืองให้พ้นภัย...
ตอนนี้เชคีซีรีนยังไม่รู้เรื่องนั้น และคงยังไม่ให้รู้ เพราะเรื่องนี้มีการคำขอร้องมาจากชีครอม์ฮิม เขาบอกว่าเขาจะพูด
กับเธอเองหากถึงเวลาอันเหมาะสม
เพราะคงจะยากเอาการสำหรับการบอกเธอ...บอกว่าเธอไม่มีบ้านให้กลับไปได้ และเธอไม่มีพ่อแม่อีกแล้ว
“งานคืนนี้คงจะเรียบร้อยดีนะ พี่เรเนีย” เจ้าหญิงโซยาเอ่ยปรารภถ อดจะกังวลไม่ได้
แต่เรเนียตอบหนักแน่นว่า “พี่ชายของเธอไม่เคยยอมให้ใครได้มาทำอะไรที่ไม่ดีในบ้านของเขา”
เพราะความเสียหายครั้งก่อนนั้นหนักหนานัก นอกจากจะโดนปล้น ยังมีคนเจ็บและตาย มีไฟไหม้...การลงมือเ****้ยมโหดต่ำทรามมาก เชคีซีรีนรับฟังเงียบๆ ไม่ค่อยสบายใจนัก และแน่ใจว่าคืนนี้อาจจะมีเรื่องการเข้าปล้นอีก
ชีครอม์ฮิมบอกกับเธอก่อนหน้า
...เจ้าพี่อัลกับชีคชาห์มาปิดประตูบ้านจับโจร คงยากจะรอด...
มันอยู่ที่ว่าเจ้าโจรสายลมตัวปลอมจะกล้าแค่ไหน...กล้าจะออกมาปรากฏตัวทำงานหรือไม่
เครื่องเพชรมูลค่ามหาศาลจะล่อใจได้หรือไม่...อาจจะไม่...หรืออาจจะดึงพวกมันเข้ามา...
พวกผู้ชายแยกตัวไป “คุยกัน” ในห้องรับรองพิเศษ ที่ไม่มีใครทันเอะใจเพราะก่อนเข้างานแฟชั่นและแสดงเครื่องเพชรมีงานเลี้ยงดินเนอร์เล็กๆ...มีผู้คนมากมายที่น่าสนใจ และเรเนียรับปากกับอัลว่าเธอจะทำให้พวกนักข่าวไม่ทันสังเกตเลยว่า
พวกหนุ่มๆ หายไปตอนไหน เธอจะคุมงานให้เป็นไปตามอัลได้วางแผนเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
ไม่ว่าจะอัล ชีคชาห์มา ชีครอม์ฮิม และอับดุลลา ต่างพากันเร้นตัวหลบเข้าไปในห้องที่จัดเตรียมไว้ และคาร์ล่า กับอาลีอยู่ในนั้นก่อนหน้าแล้ว...
มีคำยืนยันจากคาร์ล่า ว่าจะมีการลงมือทำงานแน่นอน...แต่ไม่ใช่ในงานแฟชั่นและงานแสดงเครื่องเพชรนี้
จะเป็นการลงมือที่จุดอื่น...
“ดี...” เสียงอัลเรียบแต่เน้นหนัก “ทุกจุดพร้อมรับมือ หากพวกมันคิดเข้าปล้น...”
“อาจจะต้องนองเลือด”
“มันคงคิดว่าเราเตรียมระวังที่งานแสดงที่นี่ เพราะเราทุกคนมารวมกันที่นี่หมดแล้ว”
“ใช่เพคะ พวกเขาคิดกันเช่นนั้น”
“คาร์ล่า” เสียงอัลอ่อนโยนนัก “ขอบใจเธอมาก ที่ช่วยจัดการสอดส่องจนได้เรื่องแท้จริงมา”
“หม่อมฉันทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย...เพื่อท่านชีคชาห์มาด้วยเพคะ” เสียงตอบนุ่มนวลนัก
อาลีปรายตามอง...รำพึงในใจว่า
...เสี่ยงนัก...
“หวังว่าคงไม่มีใครสงสัยเธอแม้แต่ฮามิด...”
“ฮามิดคิดว่าหม่อมฉันเป็นแค่สตรีที่โง่เง่า และเป็นแค่คนเฝ้าเครื่องคอมพิวเตอร์เพคะ เขาไม่เคยรู้อะไร” คำทูลตอบนั่นยังเรียบนัก “หม่อมฉันไม่อาจจะแสดงตัวตนแท้จริงกับเขาได้”
ตัวตนแท้จริงของคาร์ล่าจะแบบไหนกัน...อาลี ยูซุป รอฮิม อดจะถามตัวเองไม่ได้ ผู้หญิงที่เหมือน “อริ” กับเขาคนนี้มีตัวตนแท้จริงแบบใดกัน...แต่เขายังไม่มีเวลาคิดละเอียดในตอนนี้
“ฮามิดเกลียดท่านชีคชาห์มา”
คนที่โดนระบุว่าเกลียดหัวเราะหึๆ “คาร์ล่า ฉันไม่ได้รักเขาสักนิดนะ” ด้วยหน้าตาขึงขัง และท่าทีจริงจัง “ฉันรักเขาไม่ลง แม้เขาจะเป็นญาติของฉัน...”
“หม่อมฉันก็เป็นญาติของเขา” คาร์ล่าตอบหน้าตาเฉย ดวงตาพราวเล็กน้อย “อย่างไรก็ต้องทนชอบเขาเพคะ ท่านชีค”
“เราขอบใจเธอนะ คาร์ล่า” อัลเอ่ยออกมา และมองเลยไปยังอาลี “เจ้าด้วย อาลี...เรื่องวางคนรับมือในจุดต่างๆ เจ้าคงพร้อม เพราะเจ้าประสานกับอับดุลลาอยู่ใช่ไหม”
“พะยะค่ะ กระหม่อมจัดการตามนั้น...ร่วมกับอับดุลลา”
ตลอดเวลานั้นชีครอม์ฮิมมิได้เอ่ยอะไรเลย...เขาได้แต่ฟัง...ครุ่นคิด...งานนี้เริ่มต้นจากเขา โจรสายลมเหมือนเดินมาไกลจากจุดเริ่มต้นมากมาย...มันมากเกินกว่าจะถอยกลับแล้วเหมือนเดินหน้าต่อไป หยุดไม่ได้
ทุกคนกำหนดงานกันทำเพื่อจับเจ้าโจรสายลมให้ได้...
จับโจรสายลมตัวจริง...
ชีครอม์ฮิมพยายามวางเฉยให้มากสุด...และเมื่อทุกคนทยอยออกไปจากห้องนี้แล้ว อัลเรียกตัวเขาเอาไว้เพื่อคุยกันสองต่อสอง
“รอม์ฮิม” เสียงเรียกนั้น นุ่มนวล และมีอำนาจเฉกเช่นคนที่อยู่บนจุดสูงสุดเสมอ “รู้ใช่ไหมว่าความจริงเป็นเช่นไร”
ชีครอม์ฮิมประสานดวงตาด้วย ริมฝีปากหนานั้นแย้มออกเล็กน้อย
“รู้พะยะค่ะ”
“บางเรื่องเราอาจจะไม่ต้องพูดกัน แต่รู้กันได้ ใช่ไหม”
“ใช่พะยะค่ะ”
“ดีแล้ว ฉันไม่อยากเห็นคนที่รักที่ชอบทำตัวออกนอกลู่นอกทาง”
อัลรู้เสมอมา...ชีคหนุ่มบอกตัวเอง...อัลรู้เรื่องที่เขาได้ทำ อากาศที่เยือกเย็นในนี้เหมือนรุ่มร้อนฉับพลัน
“วันนี้ควรจะจบ...ปิดฉากโจรสายลมได้แล้ว”
“พะยะค่ะ”
“พี่จะขอสัญญาสักข้อ”
“ได้เลยพะยะค่ะ”
“ได้เลยหรือ จะไม่ถามก่อนหรือว่าพี่จะขอสัญญาอะไร”
“หากเจ้าพี่ออกปากขอ...มีหรือที่หม่อมฉันจะทูลถวายไม่ได้ ไม่มีเลยพะยะค่ะ...ยกเว้นแต่สิ่งที่ขอนั้นยากเกินกำลังหม่อมฉัน”
“รอม์ฮิม ฉลาดพูดนัก วาจาเจ้านั้น...ทำให้พี่ตื้นตันนัก” อัลเดินมาโอบไหล่คนอ่อนวัยกว่า ร่างสูงเสมอกัน แต่คนอ่อนวัยกว่าเล็กน้อยมีความบางของเรือนร่างมากกว่า
คำพูดเข้าหู ชัดเหลือเกิน“ที่ผ่านมาก็ให้ผ่านไป อย่าให้มันกลับมาอีก”
คนอ่อนวัยกว่าเม้มปากนิดๆ จริงดังคาด...อัลรู้!
“พี่อดดีใจไม่ได้ที่มีคนอื่นมาสวมรอยเป็นโจรสายลม เพราะพี่ไม่อยากเข่นฆ่าน้องชายพี่ จำไว้...รอม์ฮิม...มีอะไรหนักหนาสาหัส อยากได้รับความช่วยเหลือ ออกปากสิ...อย่าทำผิด...โชคยังเข้าข้าง แต่โชคไม่เป็นของใครตลอดไป!”
งานแฟชั่นยิ่งใหญ่อลังการจริงๆ...เครื่องเพชรที่ราคาแพง และออกแบบได้สุดหรูประกอบกับการออกแบบเสื้อจากนักออกแบบชื่อก้องโลก...และนางแบบค่าตัวแพง...งานนี้ชุดสุดท้ายที่เรียกกันว่าชุดฟินาเล่นั้น เรเนียหรือเจ้าหญิงเรเนียแห่งอารูก้าพระชายาแห่งอัล ได้ขึ้นเดินบนรันเวย์เองพร้อมกับนักออกแบบทั้งนักออกแบบเสื้อผ้าและนักออกแบบเครื่องประดับ...โดยที่ผู้ชมในฮอลล์แห่งนี้ได้ลุกขึ้นยืนตบมือให้เกียรติอยู่นาน...แสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปจากบรรดาผู้สื่อข่าวปรากฏกระจ่างพร่างพราวตลอดเวลา แต่ไม่มีใครสังเกตว่าพวกผู้ชายที่นั่งอยู่แถวหน้านั้นได้หลบเร้นตัวเองหายไปไม่ว่าจะอัล หรือ ชีคชาห์มา หรือแม้แต่อาลี และอับดุลลา เหลือเพียงแต่ชีครอม์ฮิมคนเดียวเท่านั้น...
เพราะมีรายงานเข้ามา...ด่วนและลับสุดยอด...มีการเข้าปล้นในจุดที่ได้วางกำลังคนเอาไว้ก่อนหน้าแล้ว มีการต่อสู้ปะทะกัน...รุนแรงอย่างมากมีคนตายทั้งสองฝ่าย ในอารูก้าเกิดไฟไหม้สองจุด ในอิบบาห์ เชวูไหม้ไป 1จุด จับเป็นคนร้ายได้ แต่จับตัวหัวหน้าไม่ได้ มีคนยืนยันว่าได้เห็นทั้งเจ้าชายฮามิดและท่านชายจัสฟาในที่เกิดเหตุที่อารูก้า มีภาพถ่ายเป็นหลักฐานตามทั้งสองคนอาศัยความชุลมุนวุ่นวายหลบหนีไปได้ แต่รายงานข่าวลับบอกเพิ่มเติมไปคนละทาง
เจ้าชายฮามิดไปจากอารูก้าอีกหน
ส่วนท่านชายจัสฟามีข่าวมาว่าบาดเจ็บ...และยังหลบซ่อนอยู่ในอารูก้า ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปที่ไหน...ตราบจนชีครอม์ฮิมและเชคีซีรีนกลับถึงที่ประทับที่โรงแรมระดับห้าดาวของอารูก้า...ห้องชุดบนชั้นพิเศษ ในห้องชุดนี้มีห้องนอนใหญ่และห้องนอนขนาดเล็กอีกสองห้องรวมเป็นสาม
ตอนลิฟท์ส่วนตัวขึ้นมาถึงห้องพัก...ชีคหนุ่มอาจจะไม่ทันรู้สึกว่าผิดปกติ แต่เชคีซีรีนสัมผัสได้...ในห้องชุดนี้มีห้องนอนใหญ่และห้องนอนขนาดเล็กอีกสองห้องรวมเป็นสาม
“มีคนอื่น” เสียงแผ่วเบาร้องบอก...ดวงตากลมโตมีแววตื่นตระหนกเล็กน้อย
ชีคหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย “ใครหรือ จะมีใคร เราขึ้นมากันแค่สองคน”
เพราะเสื้อผ้าและเครื่องใช้ส่วนตัวถูกจัดส่งขึ้นมาไว้บนห้องแล้ว...เมื่อแรกนั้นชีครอม์ฮิมจะบินกลับบูราไบเลย แต่ทว่าวันรุ่งขึ้นเขายังมีเรื่องต้องพบกับรัฐมนตรีทรัพยากรของอารูก้าโดยจะมีมูเลาะห์และรัฐมนตรีทรัพยากรของบูราไบบินมาร่วมประชุมด้วย
สัมผัสของเชคีซีรีนนั้นพิเศษมาก...
“ใครกันหลบอยู่ ออกมา”
ที่จริงเพราะกลิ่นเลือด...ชีคหนุ่มเพิ่งได้เห็นหยดเลือดบนพื้นพรมราคาแพง...เขาขมวดคิ้วแน่นขึ้นกว่าเดิม
มีคนเข้ามาที่นี่ได้อย่างนั้นหรือ...
“ฉันเอง” ท่านชายจัสฟาปรากฏตัวขึ้นจากที่หลบซ่อนตัวอยู่...แขนข้างซ้ายห้อยตกลงข้างตัว...แขนข้างขวายังถือปืนเล็งมาที่ชีครอม์ฮิม...
ทำไมท่านชายจัสฟามาหลบอยู่ที่นี่ได้ น่ากังขานัก
“จัสฟา เข้ามาในนี้ได้อย่างไร”
มีเสียงหัวเราะแค่นๆ จากปากของท่านชายจัสฟาผู้คงจะบาดเจ็บไม่น้อยแต่แข็งขืนเอาไว้
“ที่ไหนจะปลอดภัยเท่าที่นี่...ที่พักของชีคหนุ่มจากบูราไบ...”
“แล้วพนักงานโรงแรมให้ผ่านเข้ามาในนี้ได้อย่างไร”
“ใครจะกล้าวุ่นวายกับท่านชายจัสฟา...บุตรแห่งเจ้าชายอะบีห์ และพระญาติห่างๆ ของพระเทวีแห่งบูราไบผู้ติดตามชีครอม์ฮิม”
“อย่างนั้นหรือ” เสียงรับรู้นุ่มนัก “เจ้าบาดเจ็บหรือ”
“ถอยไป” เอามือที่มีปืนทำท่าให้ชีคหนุ่มถอยห่าง เชคีซีรีนจ้องมอง เธอได้กลิ่นเลือดและตอนนี้เธอสัมผัสถึงอันตราย...ผู้ชายที่อยู่เบื้องหน้าบาดเจ็บ อาการคงหนัก สังเกตได้จากกิริยาที่พยายามฝืนแต่สิ่งที่อยู่ในมือของเขา เธอรู้จักมัน..
ปืน
มันเป็นอาวุธร้ายที่ไม่มีในอัล นาจาห์ เธอรับรู้พิษสงของมันตอนรักษาบาดแผลให้กับชีครอม์ฮิม
“เจ้าบาดเจ็บ” เชคีซีรีนเอ่ยออกมา “เลือดออกมาก” เธอพยักหน้าให้เขาได้มองตาม...เริ่มมีเลือดไหลจากแขนเสื้อลงสู่พื้นพรม...เป็นสายและยังชุ่มอยู่ในเสื้อ...ซึมเป็นวงกว้างด้านข้าง... “ข้าช่วยเจ้าได้”
“ช่วย?”
“ใช่”
“เจ้าเป็นใคร...เจ้ามาจากไหน...นังตัวดี...เจ้าไม่ใช่หรือที่เข้ามาทำให้น้องสาวข้าผิดหวัง และเจ้าไม่ใช่หรือที่เอาเพชรปลอมให้กับซูฮุย์ และข้ายังเห็นเจ้าในใบปิดประกาศทั่วบูราไบก่อนจะเอาออก เจ้าเป็นอะไรกับรอม์ฮิมกันแน่...”
“อย่าฝืนทำเก่ง ให้ข้าดูบาดแผล” เธอยังเอ่ยอย่างแน่แน่ว...แต่ท่านชายจัสฟาไม่ได้สนใจเช่นกัน
“รอม์ฮิม เราต้องการไปจากที่นี่ เจ้าจะต้องพาเราออกไป”
“เจ้าบาดเจ็บ จัสฟา...จะไปได้ไกลที่ไหน”
“หากมีเจ้ากับอีเด็กนั่นเป็นตัวประกัน เราจะได้ไป...หรือไม่...มีอีกทาง”
“ทางใด”
“เจ้าคือเจ้าโจรสายลม เรามาจับเจ้าได้ ยิงเจ้าตายและเราถูกเจ้ายิงบาดเจ็บ...”
ชีครอม์ฮิมหัวเราะลั่น “เข้าใจแต่งเรื่องนะ จนบาดเจ็บปางตายยังแต่งเรื่องได้อีกหรือ”
“อย่าพูดมาก รอม์ฮิม...”
และเขาต้องการทำให้เห็นว่าเขาจะปิดเรื่องนี้อย่างไร ท่านชายจัสฟาพยายามเอาแขนข้างที่เจ็บยกขึ้น...เล็งใส่ชีครอม์ฮิมหมายใจว่าเป็นคนแรกที่เขาควรจะเป่าหัวให้สิ้นซาก เขาเป็นนักยิงปืน...ที่จริงจะทำได้ดีแน่ๆ หากแขนอีกข้างไม่เจ็บปวดอย่างหนัก....มันร้าวไปทั่ว...การจะเล็งปืนด้วยมือข้างเดียวที่สภาพร่างกายอยู่ในภาวะย่ำแย่ทำให้ท่านชายจัสฟามือไม่มั่นคงนัก กระนั้นเขาก็ยังตัดสินใจลั่นไกปืน...เสียงมันก้องเข้าไปในหูของเชคีซีรีน...เธอผวานิดหนึ่ง...
เสียงชีคหนุ่มร้องเตือนและพุ่งตัวหลบเพราะกระสุนนั้นเบนเป้าจากตัวเขามาที่เธอ...เขาโถมทับตัวเธอที่บอบบางกว่าล้มลง...
ท่านชายจัสฟากระโจนตามมา...และเล็งปืนใส่...ดวงหน้างามที่แนบกับพื้นพรมมองเห็น...รับรู้ถึงความไม่ปลอดภัย ...และเธอร่ายมนต์...พร้อมกับบอกกับชีคหนุ่ม
“มนต์ที่ฉันสอนท่าน ชีครอม์ฮิม...ได้โปรด”
ชีคหนุ่มผู้ไม่เคยร่ายมนต์ได้สำเร็จสักหน...แต่เมื่อยามถูกเร่งเร้า...และร่างที่เขาโอบกอดทับอยู่หายไป...อ้อมแขนเขาว่างเปล่าใต้ร่างเขาเป็นพรมและเธอกลายเป็นนกฮูกไปแล้ว ชีคหนุ่มรู้ได้ทันทีว่าเขาน่าจะท่องมนต์อีกหน...ตอนที่ปืนของท่านชายจัสฟามากดที่ด้านหลังศีรษะเขา...
แม้ท่าทีของท่านชายจัสฟาจะเหนื่อยอ่อน แต่ว่าก็พยายามฮึด ร้องสั่งว่าเมื่อระเบิดหัวของรอม์ฮิมแล้ว ทุกอย่างจะจบสิ้น
แค่เหนี่ยวไก...รวมกำลังอีกนิด อย่าเพิ่งหมดแรง
ใจสั่นกว่าปกติ เพราะความเจ็บเขาโดนยิงเข้าจุดสำคัญแน่ๆ...ในช่องท้อง
หลังจากจบชีวิตรอม์ฮิมได้แล้ว จัดการกับนังเด็กคนนั้น...
แต่เขาก็ตะลึง...เด็กคนนั้นของเขาหายไปกับตา...ไม่มีร่างนั้นใต้ร่างของชีครอม์ฮิม เขาเห็นแต่นกฮูก
นกฮูกจริงๆ เดินเตาะแตะห่างไป...
นกฮูกมาจากไหน...ท่านชายจัสฟาไม่อยากเชื่อตาตัวเอง...และปืนที่เขาคิดว่ากดไว้ตรงท้ายทอยชีครอม์ฮิมนั่นสุดท้ายทำไมเหมือนปลายกระบอกปืนไม่ได้สัมผัสกับท้ายทอยของชีคหนุ่มอีก ปืนเหมือนถูกดึงดิ่งลงในความว่างเปล่าหลังจากเขาได้ยินเสียงชีครอม์ฮิม
ตอนแรกคิดว่าจะเป็นเสียงร้องขอชีวิต
ไม่ใช่...เสียงคำพูดที่เขาฟังไม่เข้าใจ...มันมีความหมายอะไรกันนั่น...แล้วทำไมชีครอม์ฮิมหายไป
“รอม์ฮิม” ท่านชายจัสฟาตวาดลั่นหมุนรอบตัวด้วยความตกใจ...ทำไมชีคหนุ่มหายไปต่อหน้าต่อตาเขา
เกิดอะไรขึ้น...
“เจ้าไปไหน...”
และนั่นที่พื้นพรม...นกฮูกสองตัว...
ห้องหรูหรา เขาเองยังเข้ามายากเย็น...นกฮูกจะเข้ามาทางไหน กระจกของห้องนี้หนาเป็นพิเศษเป็นกระจกที่เปิดออกไม่ได้...หรือชีครอม์ฮิมเลี้ยงนก พานกมาด้วย...แต่ว่าตัวคนเลี้ยงนกไปไหน...
“รอม์ฮิม หายหัวไปไหน ออกมาสิ ออกมา”
เขาตะโกนเหมือนคนบ้าคลั่ง...เรี่ยวแรงกลับมาอีกหนเพราะถูกกระตุ้นด้วยอะดรีนาลิน เขาเล็งไปที่นกฮูก กำลังจะได้ยิง...ท่านชายจัสฟาก็ผวาสุดตัว...นกฮูกทั้งสองตัวนั้นเหมือนมีควันขาวๆ รายล้อมรอบตัว บดบังจากการเป็นเป้า...ก่อนจะมีอะไรบางอย่างที่ดูทะมึนใหญ่โตเข้ามาที่เขา...โจมตีใส่เขา...ปืนกระเด็นไปอีกทาง เสียงกระสุนลั่นเปรี้ยงเข้าที่โคมแก้วบนโต๊ะตรงผนังห้องอักด้าน...และเขาล้มลงกับพื้น...เขาได้เห็นร่างนั่นแล้ว...ดูเหมือนปีศาจร้าย...
ท่านชายจัสฟาเบิกตากว้างมองอย่างที่ไม่เชื่อสายตาตัวเอง...ดวงหน้าดำทะมึนมีรอยสักเต็มสองแก้ม...ดวงตาเหมือนก้อนวุ้นสีแดงสองก้อน...
เขานึกออกแล้ว ดวงหน้านี้อยู่ในตำนานปรัมปราเสมอมา
“อควา!”
ท่านชายจัสฟาร้องออกมา...ก่อนที่จะรู้สึกถึงแรงกดทับที่ลำคอ...ดวงตายังขยายกว้างมองดวงหน้านั้น
นกฮูกสองตัวพลันกลับร่างเดิม...และเชคีซีรีนทันได้ยิน
อควา...
ชื่อพ่อของเธอ
พ่อมาหรือ...
แต่ที่เธอเห็น
ดวงหน้าของร่างใหญ่ทะมึนหันกลับมาหลังจากชีครอม์ฮิมร้องบอกว่า
“อย่าฆ่าเขา...”
แต่ท่านชายจัสฟาหมดสติไปแล้ว...เขารีบไปกอดเชคีซีรีน...แล้วเอามือปิดตาเธอจากภาพที่เห็น
ภาพของอควา...
ภาพจริงๆ...
เขาได้เห็นดวงตาของเธอแล้ว เขารู้ได้ทันทีเลยว่าเธอไม่เคยเห็นพ่อของเธอในภาพนี้แน่นอน
“คนดี หลับตา อย่ามองอีกเลย”
เขาปลอบโยนเธอ ร่างใหญ่ทะมึนยังยืนอยู่ไม่ห่างเขามากนัก...มีรอยน้ำเปียกๆ...เขาสบตาแดงเป็นก้อนวุ้น...มองไม่เห็นแววตาหรือประกายตาใด ๆแต่เขารู้ว่ากำลังถูกจับตามอง...
ริมฝีปากนั้นแสยะยิ้มให้กับเขา...ไม่มีอะไรเลย นอกจากรอยยิ้มแสยะ..แล้วก็ค่อยๆ เลือนหายไป
“เอาล่ะ ซีรีน เราจะติดต่อให้เจ้าพี่อัลมาเอาตัวจัสฟาไปจากที่นี่”
“ตะกี้ท่านเห็นหรือไม่”
“เห็นอะไร” เขาแกล้งถามหน้าซื่อที่สุด
“ท่านเห็นปีศาจหรือไม่”
“ไม่เห็นมีอะไรนะ”
“แต่ท่านให้ฉันหลับตา...” ยังมีความคลางแคลงใจเป็นอันมาก
“เพราะเราไม่อยากให้เธอเห็นจัสฟา....คนร้ายกาจคนนั้นไม่ควรจะถูกมอง...”
เธอมองดูคนนอนแน่นิ่งเหยียดยาว “เขาตายหรือไม่”
“คงยังไม่ตาย แต่หากไม่ถึงมือหมอ อาจจะถึงตายได้”
เขาโทรรายงานอัลให้มารับเอาตัวท่านชายจัสฟาไป และเขาได้อยู่ตามลำพังกับเชคีซีรีน...ผู้ยังมีความกังวลบาง
ประการ...เธอเฝ้าสงสัยรอยเปียกมากมายบนพรม...เธอสงสัยสิ่งทีได้เห็นแต่ชีครอม์ฮิมรีบกลบเกลื่อน
“ทำไมเจ้าไม่คิดแค่ว่าเราเก่งพอจะแปลงเป็นนกฮูกได้แล้ว”
เธอจึงยิ้มพยักหน้าได้ “จริงด้วย ท่านเก่งมาก” เธอเอ่ยชม
“อาจจะเพราะยามคับขัน...เราถึงทำได้...และเราขอบใจเจ้าที่ทำให้เราปลอดภัยวันนี้...พรุ่งนี้แต่เช้านะ ซีรีนเราจะกลับบ้านกัน ทุกอย่างจบแล้ว”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น