ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ชีคแห่งสายลม(อาริตา)

    ลำดับตอนที่ #28 : 28

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.76K
      6
      21 ส.ค. 52

    ชีคแห่งสายลม28

    ท่านหญิงมาซะห์มานั่งอยู่ตรงหน้าพี่ชายและสหายของเขา หล่อนหลุดเล็ดลอดออกจากบ้านมาได้โดยเส้นทางลับ บิดาได้เปิดช่องทางให้หล่อนออกมา...หล่อนออกจากบูราไบและตรงเข้ามาที่อารูก้าเพื่อพบกับพี่ชาย...หล่อนไม่ยอมแพ้ ไม่ยอมงอมืองอเท้าให้โดนกักขัง...หล่อนได้รู้ความจริงบางอย่าง พี่ชายผู้ไม่เคยลงรอยกันยืนยันว่าไม่เคยเข้าปล้นมาก่อน เพียงปล้นหนแรกก็ถูกจับได้เหมือนโดนวางหลุมล่อเอาไว้

    “ก่อนหน้านั้น ไม่ใช่พี่ปล้นแน่หรือ” คำถามของหล่อนเพื่อขอคำยืนยันที่แน่ใจได้ และหล่อนก็ได้ต่อภาพปริศนาบางอย่าง
    หล่อนเป็นคนเฉลียวฉลาดกับเรื่องบางเรื่อง และคิดต่อได้ภาพอันชัดเจน ...หล่อนเคยสงสัยมาก่อน เพราะเคยได้ยินข่าวลือว่ามีครั้งหนึ่งที่ชีครอม์ฮิมเข้าโรงพยาบาล...เพื่อรักษาตัว ก่อนหน้าวันงานของพระเทวีไม่นาน...และเขาหายตัวไปก่อนหน้านั้นนานหลายเดือนมาก...เขาไปไหนไม่รู้ และนั่นไม่ใช่การหายตัวไปครั้งแรก เขาไปบ่อยหน

    หล่อนกับนังอิซาเบลตบตีกันเรื่องนี้บ่อยหนนัก

    “อาจจะเป็นเขา” หล่อนเอ่ยออกมา

    “ใคร เจ้าสงสัยใครหรือ มาซะห์”

    “รอม์ฮิม” เสียงตอบหนักแน่น “อาจจะเป็นเขา และหากใช่ เรามีทางรอดชีวิต”

    ท่านชายจัสฟาหรี่ตาลงมองน้องสาว “และหากเป็นมัน เจ้าจะให้มันรับผิดชอบแทนพี่ได้หรือ มาซะห์ เจ้ารักมันไม่ใช่หรือ”

    ท่านหญิงมาซะห์ยิ้มเย็นๆ “นั่นเป็นทางที่ทำให้ชีครอม์ฮิมต้องปิดปากตัวเองสนิท”

    “เพื่อจะเสกสมรสกับเจ้าหรือ”

    “ใช่”

    “แต่ฉันไม่คิดอย่างนั้นเลยนะ มาซะห์ มันไม่เคยสนใจเจ้า นอกจากเจ้าจะต้องยอมเป็นนางบำเรอของมัน เจ้าก็ได้แค่นั้น อย่าฝันไปเลย”

    หล่อนหน้าซีด แต่ยังเชิดหน้าทระนง “ฉันจะเจรจากับเขาเอง...”

    “ทำให้เขาตื่นตัวไยกัน...ฉันมีแผนการที่ดีกว่านั้น”

    “แผนอะไร” หล่อนชักไหวตัวมองหน้าพี่ชายและมองหน้าเจ้าชายฮามิด เริ่มเข้าใจ หล่อนกรีดร้อง “ไม่นะ...ไม่...อย่าโยนบาปให้เขา”

    “บาปอะไรกัน มาซะห์ หล่อนพูดเองว่ามันเป็นคนเริ่ม...และมันจะต้องเป็นคนจบ...” ท่านชายจัสฟายิ้มแสยะ “เจ้าดั้นด้นมาหาฉัน เพื่อจะให้ฉันพบทางออกมากขึ้น เร็ววันนี้ชีครอม์ฮิมจะโดนจับในข้อหาโจรแห่งสายลมและขึ้นศาลที่อารูก้า หลักฐานทุกอย่างจะมัดตัวมันเอาไว้ทั้งหมด”

    ท่านหญิงมาซะห์ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก หล่อนเขลาไปเอง หล่อนไม่ชอบหน้าพี่ชาย เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์และเห็นแก่ตัวเอง อีกทั้งพ่อแม่รักเขามาก...หล่อนมองไปยังเพื่อนสนิทของเขา นอกจากเจ้าฟาตินที่ตายไปแล้วก็มีเจ้าชายฮามิด...ตัวร้าย...ผู้ยังคิดหาทางจะโค่นล้มชีคชาห์มาลงจากบัลลังก์ไม่รู้ลืม...พวกเขาร่วมมือกัน

    หล่อนกำลังตริตรอง...พี่ชายกำลังจะทำให้ชีครอม์ฮิมเข้ามารับข้อหาโจร...

    หล่อนคิดว่าการมานี่จะทำให้เขาหยุด...ที่ไหนได้...หล่อนไม่น่าวู่วามมาบอกสิ่งที่หล่อนสงสัยเลย

    สุดท้ายหล่อนคงจะต้องเลือกเอาตัวรอด...

    หล่อนจะกลับไปบอกเตือนชีครอม์ฮิม...เพราะหล่อนเริ่มรู้ว่าพี่ชายคงเข้าปล้นอีกแน่ๆ เขาพูดถึงการแสดงเครื่องเพชร...ที่เจ้าหญิงเรเนียจะเป็นคนจัด...

    “ฉันกลับไปบูราไบดีกว่า” หล่อนบอกปุบปับ เสียแรงเล็ดลอดมา บิดาก็อยากให้หล่อนมาพูดเจรจาให้พี่ชายตัวดียุติ
    เรื่องการปล้น...ความตายของฟาตินทำให้เจ้าชายอะบีห์นึกกลัว “พี่ไม่อยากกลับบ้านหรือ พี่รู้ไหมว่าพ่ออยากให้พี่กลับบ้าน”

    ท่านชายจัสฟายักไหล่ “แกกลับไปบอกท่านพ่อด้วยว่า หากกลับไปนั่นคือจะต้องไม่มีไอ้รอม์ฮิมเป็นเสี้ยนหนามแล้ว ให้มันโดนจับแล้วประหารเสียก่อน เราจะยึดบูราไบ”

    “พี่จัสฟา...อย่าพูดแบบนั้นสิ”

    “แกยังจะบ้ารักไปถึงไหน มาซะห์...ที่จริงไหนๆ แกก็มาแล้วอยู่ที่นี่ไหม อยู่รับใช้ฮามิด”

    หล่อนผวาเฮือก ใจหายวาบ

    แต่เจ้าชายฮามิดส่ายหน้า ทำนองว่าไม่อยากได้...หล่อนพลันโล่งอก

    “ฉันจะกลับบ้าน...พี่บ้าไปแล้ว พี่ไม่กลัวตายหรอกหรือ ตายอย่างฟาติน”

    หล่อนยังจำภาพนั้นได้ “คุ้มกันไหมกับสิ่งที่ทำ...ทำไมต้องปล้น เราก็มีกิน”

    “แกกลับไปถึงบูราไบแล้วแกไปถามไอ้รอม์ฮิมนะ ว่าทำไมมันต้องปล้น”

    นั่นคือเสียงไล่หลัง และตอนจะออกจากห้อง หล่อนสวนกับผู้หญิงคนหนึ่ง ท่านหญิงมาซะห์หยุดมองแล้วเอ่ยถาม

    “เธอคือใคร เราเคยเจอกันไหม”

    “ฉันเป็นญาติกับเจ้าชายฮามิด ชื่อคาร์ล่า”

    “อ้อ... เธอนี่เอง นี่เธอร่วมขบวนการปล้นด้วยหรือ”

    “มาซะห์” เสียงท่านชายจัสฟาตวาดลั่น แต่มีเสียงหัวเราะเยาะเย้ยกลับมาเท่านั้น และคาร์ล่าที่เข้ามาทำท่าทางปกติ...ทั้งที่เธอมาเก็บข่าวและปล่อยข่าว เธอนั่งลงด้วยท่าท่างเหนื่อย แต่ไม่ปริปากบ่น เจ้าชายฮามิดมองด้วยความเห็นใจเขาคิดว่าเขาได้หลอกใช้ญาติสาวคนนี้บ่อยหน

    หนนี้เช่นกันเขาหาข่าวจากงานจัดเพชร

    แต่เขาหารู้ไม่ว่าเขาโดนคาร์ล่าตบตาได้แนบเนียนนัก ภายใต้ท่าทีเฉยๆ นิ่งๆ และไม่ได้มีสีสันอะไรมากมายนัก ไม่เคยเอะอะโวยวาย และมีชีวิตเรียบง่ายหากไม่รับงานวางระบบ คาร์ล่าจะอยู่กับครอบครัวที่เทือกเขาโรโดฟ สนุกกับงานในฟาร์ม และเขาไม่รู้อีกเช่นกันว่าคาร์ล่ามีเซฟเฮ้าส์สำหรับทำงานเฉพาะ งานวางระบบเครือข่ายที่เธอพูดถึงด้วยว่าที่ธรรมดาๆนั้น มันมีอะไรลึกล้ำกว่านั้นมากมายนัก

    เหมือนอย่างการรับงานหนนี้ คาร์ล่ายอมเสี่ยง...โจรสายลมจะต้องโดนจับให้ได้

    การปล้นหนล่าสุดร้ายแรงมาก...ทรัพย์สินของพี่น้องพวกพ้องเดียวกันก็โดนบุกอุกอาจปล้น มีการทำร้ายคนเพื่อหวังทรัพย์สิน แม้จะไม่ถึงตาย ทั้งอัลและชีคชาห์มารู้สึกแค้นแน่นอกเท่ากัน

    การปล้นก่อนหน้านี้คนเชื้อชาติสัญชาติเดียวกันหรือพวกเดียวกันไม่เคยถูกแตะต้อง ไม่มีการทำร้าย...มีแต่นักท่องเที่ยวต่างชาติหรือกิจการของคนต่างชาติแท้ๆ ที่โดนปล้น...

    หากปล่อยต่อไปจะยิ่งได้ใจกำเริบเสิบสาน...และเป็นการบั่นทอนความมั่นคงภายในของภูมิภาคนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง...มีการพูดถึงไปทั่วว่าไม่ปลอดภัยในการเดินทางท่องเที่ยว

    อารูก้า อิบบาห์ เชวู นาว์รา หรือแม้แต่เผ่าโซแมคไล่ไปถึงบูราไบกำลังร่วมมือกันพัฒนาการท่องเที่ยว

    รายได้จากการท่องเที่ยวต่อปีไม่น้อยเลย

    การมีโจรทำให้เสียหาย...แม้ผลจะออกมาลับๆ ว่าก่อนหน้านี้คนที่เป็นหัวหน้าปล้นไม่ใช่เจ้าชายฮามิด ไม่ใช่ท่านชายจัสฟา แต่ครั้งนั้นเหมือนยังจับไม่มั่น คั้นไม่ตาย ได้แค่เพียงสงสัยในตัวชีครอม์ฮิมแห่งบูราไบ
    ซึ่งจะว่ากันไปเป็นแค่การกล่าวหา ยังไม่ได้แน่ชัดลงไป อีกทั้งอัลและชีคชาห์มาค่อนข้างเอนเอียงว่าชีครอม์ฮิมไม่น่าจะเป็นโจร...ความไม่เชื่อมีอยู่

    แต่ทั้งสองคนไม่ยอมลดราให้กับท่านชายจัสฟา...ฟาตินตาย ท่านชายหนีมาอยู่กับเจ้าชายฮามิด...คู่ปรับคนสำคัญของชีคชาห์มา

    “ขบวนการปล้นอะไรกันคะ” เธอเอ่ยถามลอยๆ

    และเจ้าชายฮามิดก็รีบกลบเกลื่อน

    “มาซะห์เป็นคนพูดจาเรื่อยเปื่อย”

    “แล้วไป...ตกใจเลย” คาร์ล่า “แสดง” ได้แนบเนียน ดวงหน้าสวยสะอาดนั้นไม่บ่งบอกว่าเธอกำลังเป็นสายให้กับอัลและชีคชาห์มา

    “น้องสาวคุณชายหรือคะ” เธอหันมาถามท่านชายจัสฟา ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าใช่ และคาร์ล่ายังรู้มากกว่านั้นว่าท่านหญิงมาซะห์คงลักลอบออกมาจากการกักบริเวณ หล่อนมาได้อย่างไร...น่าสงสัยนักหนา ชีครอม์ฮิมจะรู้หรือไม่

    “นังนอกคอก...” คนเป็นพี่เอ่ยเช่นนั้น เขาไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะสนใจไยดีคนเป็นน้องแม้แต่น้อย

    แต่คาร์ล่าลองยิงคำถาม “ครอบครัวคุณชายโดนกักบริเวณ แล้วเธอมาถึงที่นี่ได้อย่างไร

    ท่านชายจัสฟาทำท่าลำพอง “รอม์ฮิมคิดว่าตัวเองฉลาดที่กักบริเวณคนบ้านฉัน หารู้ไม่ว่าเรามีทางลับที่สามารถหนีได้ทุกเมื่อหากเราอยากจะหนี รอม์ฮิมมันบ้า มันกล่าวหาครอบครัวเราว่าจะชิงอำนาจ”
    ท่านชายจัสฟาไม่ได้พูดเรื่องข้อกล่าวหาแท้จริง

    การปล้น!

    ปิดเมืองปล้น

    คาร์ล่าไม่ได้เอ่ยอะไรอีก เธอมีท่าทีบ่งบอกว่าเหนื่อยอ่อนจากงานที่เธอได้ทำ และเธอก็ตอบคำถามของเจ้าชายฮามิดต่อหน้าท่านชายจัสฟา เธอเล่นบทแสนซื่อ...เธอเข้ามาเพื่อตอบคำถามของญาติผู้พี่เกี่ยวกับงานแสดงแฟชชั่นและเพชร เมื่อจบคำถามและคำตอบที่เธอให้ได้ เธอก็จากไป แต่ท่านชายจัสฟามองตามอย่างระแวง

    เจ้าชายฮามิดสนใจงานแสดงแพชรโดยอ้างว่าเครื่องเพชรระดับนั่นหาชมได้ยากเอาการ...

    เจ้าหญิงเรเนียมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับร้านเพชร และงานแฟชั่นก็เป็นงานที่เธอถนัด เธอจะนำเอาขนบประเพณีของอารูก้าประยุกต์เข้ากับของตะวันตก

    “ไว้ใจได้แค่ไหน ฮามิด ท่านชายจัสฟายังระแวงอยู่บ้าง”

    “คาร์ล่าเป็นเด็กดี...น่าเวทนา...”

    “ทำไมหรือ”

    “คาร์ล่าหลงรักเจ้าอาลี...หมอนั่นมันเคยมองที่ไหน...มันเป็นสหายสนิทของชาห์มา...และมันพลอยเกลียดฉัน คาร์ล่าก็เลยโดนหางเลขไปด้วย แต่คาร์ล่าไม่เคยเปลี่ยนใจ น่าเวทนานัก”

    และเจ้าชายฮามิดไม่รู้เลยว่าคาร์ล่านั่นเล่นบทหนักหนหนี้...เธอเลือกจะอยู่ฝ่ายความถูกต้องและตัดญาติทิ้ง...

    อีกอย่างเธอทำเพื่อเขา...เพื่ออาลี ยุซุป รอฮิม แม้เขาจะไม่เห็นแก่เธอบ้างเลย เขาเหมือนภูเขาที่ตั้งตระหง่านเบื้องหน้า ท้าทาย...และเหมือนเธอเป็นธุลีทรายเล็กๆที่อยู่เชิงภูผานั้นเท่านั้น

    มันน่าเศร้า แต่คาร์ล่าขอทำงานก่อน...การวางแผนจับโจร...งานแสดงเครื่องเพชรรอโจรให้เข้ามาติดกับดักที่วางล่อ และงานนี้ยิ่งใหญ่ ราคามหาศาลด้วยมูลค่าของเครื่องเพชรรับรองได้เลยว่าเจ้าชายฮามิดและท่านชายจัสฟาย่อมจะไม่ยอมอยู่เฉย

    (รอตามอ่านเรื่องของคาร์ล่า พัสมี เคียวเซร่า กับอาลี ยูซุป รอฮิมได้ในเพลงทรายลายภูนะคะ)

    เธออยากให้คนเป็นญาติได้กลับตัวกลับใจ...การเป็นโจรเลวร้ายมากไป ยิ่งปล้นบ้านเมืองตัวเองยิ่งถือว่าเลวร้ายสุดและโทษถึงประหาร

    ...ฮามิด หากจะต้องมีอันเป็นไป ฉันคงช่วยไม่ได้...

    เมื่อเปิดเผยตัวเองแล้ว เชคีซีรีนไม่ได้ปิดบังตัวเองอีกต่อไป...เจ้าเด็กมอมแมมคนนั้นเลือนหายไปเป็นสาวน้อยหน้าตาสะสวย...อ่อนหวาน...แพรพรรณที่สวมใส่งดงามและเจ้าหญิงฟะรีฮาไม่ยอมให้เชคีซีรีนมาอยู่ที่ตำหนักนาดามากนัก แม้ชีคหนุ่มจะโอดครวญว่าเขาต้องการให้เธออยู่ใกล้เขา...

    มีคำขาดกลับมา

    เสกสมรส...ต้องมีพิธีการนั้นก่อน

    ต้องให้ศักดิ์และการยอมรับอย่างถูกต้องกับเชคีซีรีนก่อน

    และเขายินยอม

    แต่เชคีซีรีนยังอิดออด....เธอไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม...แต่เธอก็คิดว่าอยากให้ผ่านไปอีกสักระยะ ชีคหนุ่มบอกเธอเรื่องการแสดงเครื่องเพชรที่อารูก้าและเขาได้บัตรรับเชิญวี ไอพี อันเป็นบัตรสุดพิเศษจริงๆ...

    เธออยากให้แน่ใจว่าชีคหนุ่มจะสามารถสะสางตัวเองได้เต็มที่...อยากให้เขาไม่แปดเปื้อน ไม่ถูกกล่าวหาว่าเป็นโจร
    และเมื่อเขาสัญญาแล้วเธอเชื่อเขา

    เชื่อสนิท...ไม่มีอะไรทำให้เธอคิดว่าเขาจะกลับไปเป็นโจรอีก และตัวอาคารที่เป็นโรงทานสำหรับผู้ยากไร้ด้อยโอกาสก็ชัดเจนแล้ว สามารถเดินหน้าได้แล้วและตอนนี้เรื่องการขายน้ำดิบและน้ำดื่มก็เริ่มมีทิศทางที่ชัดเจน...แม้น้ำมันจะพบเจอน้อยมากหากเทียบกับรัฐอื่นแถบนี้ แต่บูราไบก็มีน้ำ...

    หากน้ำมันเป็นยุทธปัจจัย

    น้ำสำคัญกว่าเป็นที่ต้องการสำหรับการดำรงชีวิต น้ำหล่อเลี้ยงชีวิตได้มากกว่า พูดกันว่าหากขาดน้ำผู้คนจะถึงตายได้มากกว่าเร็วกว่าการขาดอาหาร...

    วันนี้เธออยู่กับเขา และเขากำลังถามเรื่องอัล นาจาห์...แน่ละว่าเธอไม่รู้ว่าน้ำท่วมอัล นาจาห์และเธอจะกลับไปไม่ได้อีก

    เธอยังไม่รู้ว่าคนที่ออกมาแล้วจะกลับไปไม่ได้อีก

    “บ้านข้าสวยงามนะ แต่คนละแบบกับบ้านท่าน”

    “บ้านฉันจะดีกว่าไหม แทนตัวเองว่าฉันได้ไหม”

    “กลัวจะล้าหลังหรือ”

    เขาไม่ทันได้ตอบ เสียงเอะอะจากภายนอกก็ดังเข้ามาให้ได้ยิน โดยยังไม่เห็นตัว ชีคหนุ่มเอ่ยออกมาว่า

    “มาซะห์มาอีกแล้ว แต่ออกมาได้อย่างไร เรากักบริเวณไว้นี่นา”

    เขากังขา

    แต่เสียงสาวน้อยเอ่ยชัดเจน “จำเสียงได้แม่นดีนี่”

    อาการปรายตามองมา ทำให้เขาระเบิดเสียงหัวเราะดังๆ ด้วยความขบขันเป็นอันมาก

    “ไม่มีอะไรต่อกันแล้ว จบ...”

    “ผู้ชาย...เชื่อยาก”

    เธอนั่งนิ่งรอจนท่านหญิงมาซะห์ปรากฏตัว...แรงที่พุ่งเข้ามาดุจความเร็วของพายุแห่งทะเลทราย มีความกราดเกรี้ยวบ้าคลั่ง

    “ไอ้พวกบ้า จะมาจับตัวฉันอย่างนั่้นหรือ ท่านชีคเพคะ...ฉันมีเรื่องสำคัญมารายงาน”

    ก่อนหล่อนจะหยุด เพราะชีคหนุ่มมิได้อยู่ในห้องนี้เพียงลำพัง ห้องสำราญของตำหนักนาดา...ห้องที่งดงามด้วยศิลปะแบบบาร็อค มีความอบอุ่นแม้อากาศจะถูกปรับให้เยือกเย็นอยู่ไม่น้อย...สำหรับหล่อนแล้วยามนี้เหมือนไฟความร้อนจะแผ่ซ่านไปทั่วกาย ใครกัน...สวย...เด่น...เห็นสะดุดตา แม้จะไม่ได้หันไปมองตรงๆ แต่แรก ครั้นมองตรงๆ ยิ่งรู้สึกถึงรัศมีที่ทอประกายออกมารายรอบตัวมาทำให้ห้องนี้ดูจะสว่างกระจ่างตา...

    ท่านชีคอยู่เพียงลำพังกับสตรีคนนี้

    ใคร...มาจากไหน

    หล่อนมีเรื่องจะมารายงาน แต่ถามเสียงแหลม

    “นังคนนั้น” ชี้นิ้วที่ประดับด้วยแหวนเพชรไปทางเชคีซีรีน “มันคือใคร”

    หน้าตาเริ่มจะคุ้นๆ...คืนนั้น คืนงานฉลอง ผู้หญิงสวยคนนี้กับชุดสีแดงสวมเทียร่าทับทิมประดับเพชรและมาพร้อมกับพระเทวี...

    เจ้าหญิงฟะรีฮาจูงผู้หญิงคนนี้เข้างานด้วยตัวเอง และยังอยู่เต้นรำกับชีครอม์ฮิมจนสาวคนอื่นหมดโอกาส อีกทั้งหายไปด้วยกันก่อนงานจะเลิก

    ชีครอม์ฮิมตวาดลั่น “อย่าหยาบคาย แล้วนี่ใครให้หล่อนออกมาจากที่บ้านหล่อน...ราอูล”

    เขาตะโกนลั่น ราอูลเข้ามาทันที แล้วทำสีหน้าไม่ดีนัก

    “กระหม่อมพยายามกันแล้ว แต่ทว่า...หลุดมือเข้ามา...”

    เขาสำนึกผิด...แต่ชีคหนุ่มไม่ได้ถือสา รู้เหมือนกันว่าราอูลที่อยู่เฝ้าใกล้ชิดวันนี้อาจจะ “ปล่อย” ให้หล่อนได้เข้ามาเพื่อเห็นว่าเขาอยู่กับใคร เขารู้ทันคนของเขาเสมอ

    “มันเป็นใครเพคะ นังอิซาเบลไปแล้วคนหนึ่ง ยังเหลือคนอื่นให้หม่อมฉันร้อนใจได้อีกหรือไรเพคะ ทำไมไม่คิดถึงหัวอกหม่อมฉันบ้าง”

    “พูดมากความ”

    “ก็บอกมาสิเพคะว่ามันเป็นใคร”

    “อย่าหยาบคายกับเชคีซีรีน”

    “เชคีซีรีน เป็นเชคีจากไหนเพคะ”

    ชีคหนุ่มห้ามไม่ทัน เพราะเธอเอ่ยตอบเสียเอง

    “ฉันมาจาก อัล นาจาห์...”

    ดวงตาของท่านหญิงมาซะห์ขยายกว้าง

    “ฉันชื่อซีรีน บุตรแห่งอควาและเชคีมารีอาห์”

    อควา...ท่านหญิงมาซะห์ครางในใจ ใคร...ชื่อคุ้นมาก...

    และชีครอม์ฮิมคิดว่าควรจะทำอะไรบางอย่างเพื่อยุติเรื่องของเธอ เขาลุกขึ้น มาจับแขนของท่านหญิงมาซะห์ จับกึ่งลากแต่จะไม่ยอมให้หล่อนได้มีโอกาสได้กอดตัวเขา

    “มาซะห์ กลับไปบ้านของเธอเสีย อย่าออกมาทำให้เดือดร้อนกันอีก เธอและครอบครัวเธอทำผิดเรื่อง...”

    เขาไม่ทันพูดจบ

    “ท่านชีคเพคะ” เสียงอ่อนหวานนัก “นึกหรือว่าหม่อมฉันไม่รู้เรื่องที่ท่านไปปล้น...จริงไหมเพคะ”

    ดวงตาเขาลุกวาววาบ “มาซะห์ ไป...”

    เขาสั่ง ปล่อยมือจากแขนหล่อนแบบส่งแรงผลักออกจากตัวด้วย และเสียงก็เข้มนัก

    “ราอูล ฉันไม่อยากให้ผู้หญิงคนนี้มาที่นี่อีกตลอดไป และคอยคุมอย่าให้ออกจากบ้านได้ เอาตัวไปส่งที่บ้าน และขอค้นทั่วบ้านว่ามีทางใดที่ทำให้ออกจากบ้านมาได้ และปิดทางนั้นเสีย...”

    “ไม่นะเพคะ ท่านชีค อย่าทำกับหม่อมฉันแบบนี้นะเพคะ...หม่อมฉันมาด้วยความรัก มาเตือน...”

    “เธอได้พูดเรื่องเหลวไหล”

    “ก็มันจริงใช่หรือไม่เพคะ”

    “ยังจะมาคาดคั้นถามกับเราอีกหรือ มาซะห์ ไปให้พ้นจากเรา”

    “แต่เราเคยรักกันนะเพคะ” เสียงสะอื้นไห้

    “มันจบแล้ว มาซะห์”

    “จะทิ้งหม่อมฉันหรือเพคะ”

    “จะให้ฉันบอกกับเธออีกหนไหมว่านั่น...” ชีครอม์ฮิมชี้มือไปยังร่างบางที่เพิ่งลุกยืน...ตัวเล็กบางแต่ดูสง่างามมีแสงส่องประกายอยู่ให้เห็น

    “เธอผู้นั้นจะเป็นพระชายาของฉัน...เชคีซีรีน เราจะเสกสมรสกันในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้านี้”

    ท่านหญิงมาซะห์ทรุดร่างลงร่ำไห้ โหยหวน...ชีคหนุ่มมองด้วยแววตาว่างเปล่า...

    “ทำไมไม่มองเห็นหัวใจกันบ้างเพคะ ทำอย่างนี้กับหม่อมฉันได้อย่างไรกันเพคะ”

    ราอูลดึงหล่อนออกไปแกมลาก...

    “เสียแรงรัก...หมดตัวหมดใจ...ให้หมด ใครจะว่าอย่างไรไม่เคยใส่ใจฟัง ครอบครัวชังหน้าหม่อมฉันนักหนา ก็ยังรักเทิดทูน ทำไมถึงทิ้งขว้างกันให้อับอายขายหน้า...”

    “มาซะห์ เจ้าแต่งงานแล้ว สามีเจ้าก็มี...เข้าพิธีกัน”

    “เขาตายแล้วเพคะ...ที่จริง เขาไม่ควรตาย แต่เพราะท่านชีค จะให้หม่อมฉันโพนทะนาไหมเพคะ เรื่องโจรสายลม”
    เขาจ้องดวงตาที่มองมา เห็นแววกึ่งรักกึ่งแค้น กึ่งลังเล จึงเอ่ยเน้นหนัก

    “หากเจ้ามีหลักฐานก็ว่ามา มาซะห์ อย่าเอ่ยพล่อยๆ เอาละ...ไปให้พ้นจากเรา...และบอกครอบครัวเจ้าด้วยว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้น หากเห็นแก่บูราไบจงยุติเสีย...พ่อเจ้าก็แก่แล้ว...ฟาตินตายไปแล้วให้เห็น เจ้าจะยังให้พ่อและพี่ชายเจ้าถึงตายตามไปอีกไหม...หากว่าทวงถามเราถึงเรื่องความสัมพันธ์แต่เดิมมา”

    เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “เห็นแก่ความรัก ความภักดี ห่วงใยและน้ำใจที่เราไม่อาจจะตอบแทนดังเจ้าปรารถนา แต่เราจะให้โอกาสเจ้า มาซะห์ หากครอบครัวเจ้าทำผิด...เจ้าอย่าเข้าร่วม เราจะให้เจ้าไปพ้นจากบูราไบ...หากเจ้าต้องการ...หรือหากเจ้าจะอยู่ในบูราไบ ก็เพียงแต่อย่ามากวนใจเราอีกเท่านั้น”

    เขาพูดได้อย่างไรกัน หล่อนถามตัวเอง

    ...อย่ามากวนใจเราอีก...

    น้ำตานองหน้า เมื่อหล่อนถูกดึงตัวให้พ้นจากห้องนั้น ดวงหน้าที่เปื้อนน้ำตาและมีรอยแค้นเคืองชัด เบือนกลับมาเอ่ยชัดเจน

    “เจ็บนี้ จะเอาคืน...”

    เชคีซีรีนเดินมาใกล้เขา แตะท่อนแขนเขา

    “หล่อนรู้ว่าท่านคือโจรสายลม”

    เขาพยักหน้ารับ หนักใจอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ยังสามารถยิ้มให้กับเธอได้

    “อย่ากังวลไปเลย ทุกอย่างจะเรียบร้อย เพราะเราไม่ได้คิดปล้นใครอีกแล้ว”

    “หล่อนอาจจะปากมาก เพราะผู้หญิงเมื่อว่าจะเอาคืน พวกหล่อนจะทำเรื่องราวที่คาดไม่ถึงได้เสมอ”

    “โจรสายลมตายไปแล้วเมื่อวันวาน...ซีรีน และที่ยังออกทำงานอยู่ตอนนี้คือโจรสายลมที่ไม่ใช่เรา” เขาย้ำหนักแน่น “อีกเรื่องนะ ซีรีน ที่เรากังวล”

    “เรื่องใดกัน” เธอถามอย่างพิศวง

    “อย่าบอกออกไปว่าเธอมาจาก อัล นาจาห์ และเป็นบุตรแห่งใคร”

    เธอยิ่งเพิ่มความพิศวงมากกว่าเดิม “ทำไม”

    “อย่าเพิ่งถามเราได้ไหม แต่จำไว้นะ ซีรีน...เรารักเธอ...จำความรักของเรา...และจำว่าเธอก็รักเรา...ด้วยความรัก...เราจะก้าวไปด้วยกัน...อย่างมีความสุข”

    เขาโอบเธอมาชิดอก

    “หัวใจเรานับจากวันเจอเธอ เราไม่เคยมีหญิงอื่นเลยนะ ซีรีน”

    แม้จะมีความพิศวงบางประการอยู่แต่เธอก็ไม่ได้เอ่ยถามออกมา นอกจากเก็บงำเอาไว้

    “เตรียมตัวไปอารูก้าร่วมงานแสดงเครื่องเพชรและแฟชั่นอลังการนั่นเถิด...”

    “โจรสายลมจะปรากฏตัวในงานนั้นไหม”

    “หากเป็นไปตาม หลุมพรางที่ได้เตรียมเอาไว้ ย่อมจะเป็นตามนั้น...พวกมันจะต้องย่ามใจ คาร์ล่าได้เปิดช่องทางให้พวกมันเข้าไปได้ และในเวลาเดียวกันก็มีการรอรับพวกมันอยู่แล้ว”

    “ในที่สุดจะเป็นอย่างไรนะ”

    เขาตอบไม่ได้ เขาได้แต่โอบกอดเธอ มีหลายสิ่งที่เขายังไม่ได้บอกเธอ

    แต่เธอมีสิ่งหนึ่งอยากบอกเขา อยากให้เขา

    “อะไรหรือ”

    เขาถาม เมื่อเธอบอกว่าอยากมอบสิ่งหนึ่งให้กับเขา

    เชคีซีรีนนำสิ่งที่แม่มอบให้เธอออกมา...เธอส่งมอบให้กับเขา

    ชีคหนุ่มรับมาดูเอ่ยออกมาว่า “แผนที่หรือ”

    “ใช่ แผนที่...แม่น้ำ” เธอบอก

    “แม่น้ำ?”

    “แม่น้ำสีดำ”

    “หือ...อะไรนะ แม่น้ำสีอะไรนะ”

    “แม่น้ำสีดำไม่ใช่หรือ...ท่านป้าของท่านบอกกับฉันว่ามันคือน้ำมัน”

    โลกที่นี่ไม่เหมือนอัล นาจาห์แต่เชคีซีรีนก็สามารถจะเรียนรู้ทำความเข้าใจได้

    ชีครอม์ฮิมกางแผนที่แผ่นนั้นออก...เขาได้เห็นเส้นทางของแม่น้ำสีดำที่ทอดผ่านทางชายแดน เขตของบูราไบ...เป็นไปได้อย่างไรกัน

    ทำไมสำรวจไม่เคยพบพาน...เขามองหน้าเธอทันที

    “ทำไมให้เรา”

    “เพราะแม่บอกว่าให้ฉันฟังเสียงหัวใจตัวเองและเลือกให้คนที่ฉันอยากจะให้”

    “ไม่ได้ฝากมาให้เชคีอัสมาหรอกหรือ”

    “ไม่ใช่ แม่บอกว่ามันเป็นของฉัน...ท่านเองต้องการเงิน...ท่านป้าว่าแม่น้ำสีดำมีราคาแพงมาก...และสำคัญด้วย...ท่านจะได้เงินมาเพื่อบูราไบ...”

    “โอ...ซีรีน...” เขาไม่ได้สนใจแผนที่ในมืออีกแต่ดึงเธอมาสวมกอด “ขอบใจนัก...ขอบใจที่มอบของล้ำค่าให้แก่เรา...
    แต่ว่าสำหรับเรานะ ซีรีน สิ่งนี้ยังหาได้ครึ่งหนึ่งของตัวเจ้า...”

    เธอแหงนหน้ามอง...เขาก้มลงมา

    ริมฝีปากประทับจุมพิตกัน โดยที่ชีคหนุ่มมิต้องคุกเข่าลงอีกแล้ว ริมฝีปากแตะกันแล้วโลกก็งดงามเกินกว่าภาษาใดจะเอ่ยเทียบได้ งดงามเกินกว่าภาพเขียนไหนจะเขียนได้เท่า...

    ชีคหนุ่มจะเป็นสายลมให้เธอได้อยู่เย็น...ณ ที่นี้

    ณ แผ่นดินของบูราไบ...ณ หัวใจของเขาเอง


    งดงามกว่างามความรัก
    จารสลักลงใจสองใจมั่น
    งดงามในนิยามความผูกพัน
    เพียงพบตื่นพลันฝันเป็นจริง
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×