คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : 6
ชีคชาห์มา 6
สุไลมานมาเข้าเฝ้าตามที่เขารับปากเอาไว้ว่าต่อไปนี้ทุกสิ่งที่ซอฟิฮาห์และเกี่ยวข้องกับชีคชาห์มาจะต้องถึงพระมารดาทุกประการ...
เจ้าหญิงลาล่าห์จึงได้รู้ว่าอีกสามวันต่อมาหลังจากนั้น จากนางนกหมายเลขหนึ่งไปจนถึงนกหมายเลขสี่ ไม่มีวี่แววว่าชาห์มาจะแตะต้องนางใดเลย เขาได้แต่ให้พวกนางขับขานบทเพลง และให้พวกนางเต้นรำ ตามคำสั่ง...
เหมือนเขาเลี้ยงนก แต่พวกนางมิใช่นก
เจ้าหญิงพระมารดาหนักพระทัย จะปรึกษาพระสวามี ท่านชีคก็เอาแต่ทรงพระสรวล
“ลาล่าห์ บุรุษ กับการเสาะแสวงของเล่นอภิรมย์ใจ”
โธ่เอ๊ย!...เจ้าหญิงลาล่าห์อดคิดไม่ได้ พระสวามีก็เข้าข้างบุตรชาย...ชีคมุสตาฟาไม่เห็นความผิดประหลาดของบุตรชาย แต่เธอได้เห็น หนักพระทัยเป็นล้นพ้น เพราะชาห์มาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
บุตรชายจากที่เคยร่าเริง เป็นคนเปิดเผย ไม่เก็บเนื้อเก็บตัว ไม่หมกมุ่นกับการกระทำบางอย่าง กลับเปลี่ยนไป ชาห์มาหลบหน้าจากเธอ ไม่ออกงานสังคม แม้จะเป็นงานเพื่อการกุศลของอิบบาห์ เชวู เขาก็ยังเฉย...เขาเคยเป็นประธานในเรื่องการกุศล เปิดเผยตัวตน เป็นนักกีฬากลางแจ้ง
กรงนก...
นางนก
การเก็บตัว อยู่โดดเดี่ยว ให้นางนกขับขานบทเพลงร่ายรำ
เขาไม่ยอมออกมาพบผู้ใด และที่สำคัญเขากดดันมาก เขาไม่เคยคิดจะเสพเสน่หากับนางใด
โอ...บุรุษ ที่อดกลั้น...เธอคิดว่าเขากดดันตัวเองมากไป มันจะระเบิด
หรือว่า เป็นไปได้ไหม...ทั้งหมดคือการเริ่มต้นไปสู่การชิงตัวผู้หญิงคนนั้นมา สุไลมานจึงได้รับคำถามนี้
คนสนิทของชีคหนุ่มทำท่างงๆ ก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่มีเลยพะยะค่ะ สักคำไม่มีออกจากปากท่านชีค”
“แน่หรือ สุไลมาน”
“ไม่มีแน่นอนพะยะค่ะ เพราะตั้งแต่ครั้งนั้น ครั้งเดียว”
“ครั้งใด”
เหตุการณ์เมื่อครั้งนั้นเลยพรั่งพรูออกมาให้เจ้าหญิงได้รับรู้... เธอทำท่าตกใจเช่นกัน
“ถาดทองรองเลือดนี่นะ”
“เลือดจากเท้าด้วยพะยะค่ะ”
“ชาห์มาช่างหยาบคายนัก นี่เขาแค้นจัดเพียงนั้นทีเดียวหรือ”
สิ่งที่ชีคหนุ่มทำนับว่ารุนแรงมาก เลวร้ายแค่ไหนก็เท่ากับวัดได้ว่าหัวใจของเขาเจ็บปวดมากเท่านั้น
“ผู้หญิงคนนั้นก็ร้ายกาจพะยะค่ะ”
“อย่างไร”
“พอนางได้รับถาดทอง นางตอบโต้กลับมาว่าหน้าท่านชีคเหมือนเท้า”
“อะไรนะ” เจ้าหญิงลาล่าห์โน้มพระองค์มาข้างหน้าเอ่ยถาม “พูดจริงหรือไม่”
“จริงซิพะยะค่ะ นางร้ายกาจ ปากร้าย...กล้าหาญ...”
“โอ...ชาห์มาคงเจียนคลั่ง” แต่เจ้าหญิงกลับทรงพระสรวลตามมา “เจอคนที่พอทัดเทียมกันแล้วซินั่น”
เพราะตลอดเวลาผ่านมา ไม่เคยมีหญิงคนใดกล้าต่อกรด้วย “สม...”
“เจ้าหญิงจะสมน้ำหน้าท่านชีคไม่ได้”
“มันควรจะเป็นแบบนั้นนะ มีอย่างที่ไหนส่งรอยเท้าตัวเองไปต่างหน้า โดนเค้าย้อนกลับมาเสียสาสม”
สุไลมานได้แต่หัวเราะแหะๆ ก่อนจะผวาเฮือก
“สุไลมาน เราขอมอบหมายเจ้าไปทำงานใหญ่ ไปพาตัวผู้หญิงคนนั้นมาที่เชวู แล้วส่งไปที่ซอฟิฮาห์ในสามวันเจ็ดวันนับจากนี้”
ดวงหน้าของสุไลมานที่แหงนเงยมองตื่นตระหนก
“สามวันหรือเจ็ดวัน ไปกับเที่ยวบินของอิบบาห์ในวันนี้เลย...”
“แต่...แต่...” สุไลมานเริ่มเหงื่อตก
เจ้าหญิงยังทรงชะโงกพักตร์อันงามต่ำลงมา...ดวงตาคมเข้มนั้นมีแววคาดคั้นแกมเยาะ “หรือเจ้าทำไม่ได้จะปฏิเสธ เรา กับงายง่ายๆ แค่นี้เอง”
“เอ้อ...เท่ากับเราลักพาตัวนะพะยะค่ะ”
“ไม่” คำตอบเย็นชา
“แต่มันผิดกฎหมาย”
“แล้วอย่างไร”
“เราจะโดนจับ”
“เราจะบอกกับทางท่านทูต....”
“เอ้อ...จะเปิดเผยมากไปไหม”
“เราต้องการตัวหล่อนเพื่อชาห์มา ก่อนชาห์มาจะมีอันเป็นไปมากกว่านี้”
“แต่ชีคท่านอาจจะไม่ได้ต้องการ ท่านไม่ได้เรียกร้องขอ”
เจ้าหญิงลาล่าห่ที่ปกติมิค่อยทรงเกรี้ยวกราดเอาแต่พระทัย ด้วยอารมณ์ กลับเป็นอีกคนทันที
“เราสั่ง...เจ้าอย่าพูดโน่นนี่ให้มากความจะดีกว่าไหม เราสั่งอะไร มันคือหน้าที่ของเจ้า...ไปทำตามที่เราสั่ง...อย่ามาแกล้งโยกโย้....เราให้เวลาเจ้าแล้ว งานง่ายๆแค่พามาสักคน แค่คนคนเดียว”
ก่อนจะลุกประทับยืน พระวรกายยืดตรง ท่วงท่านั้นบอกความเชื่อมั่นในพระองค์เองอย่างยิ่ง แม้จะเป็นแค่เจ้านายฝ่ายในแต่คนใกล้ชิดก็รู้กันถ้วนหน้าว่าหากยามใดจริงจัง ก็จะต้องเป็นไปตามนั้นสถานเดียว
สุไลมานได้แต่ก้มหัวจนแทบจะโขกลงกับพื้น หนักในใจเป็นอันมาก
เขาจะต้องไปอเมริกา
ไปลักพาตัวผู้หญิงสักคน...
แต่เจ้าหญิงลาล่าห์ใช้คำว่า “พามา”
คำนั้นดูดีกว่าการลักพาตัวมากนัก
แต่มันไม่ได้ต่างกันเลยสำหรับเขา...
สุไลมานพาตัวเองกลับจากตำหนักหลวง ติดต่อไปยังสถานทูตให้แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่การทูตในอเมริกา...มีความสัมพันธ์ทางการทูตเริ่มต้นจากทูตทางการค้า
อิบบาห์ เชวูเปิดการค้าไปยังต่างประเทศ เพราะเป็นดินแดนที่เน้นเรื่องการค้า ไม่มีเรื่องการรบ...ไม่มีเรื่องศาสนามากีดกัน...คนที่นี่เป็นคนที่พร้อมจะเปิดตัวเองไปยังตลาดการค้าโลก...
เชวูก็เป็นเมืองท่าชายทะเล เปิดขายความสวยงามของหาดทราย ท้องทะเล อ่าวที่สวยและโรงแรมใหญ่ที่เน้นความสะดวกสบาย...
นักท่องเที่ยวหลงใหลดินแดนทะเลทราย และยังติดใจในเรื่องที่พัก...ความสะดวกสบายที่เนรมิตได้ด้วยเงินจำนวนมากให้เห็นว่างานบริการ ก็ยังขายได้
ไม่นับรวมกับอิบบาห์ที่เป็นตัวเมืองหลวงด้วยเน้นเรื่องการช้อปปิ้ง สินค้าปลอดภาษี...
เชวูก็เช่นกัน เมืองชายทะเลที่พัฒนาตัวเองรุดหน้า
มีการสถาปนาทางการทูต ส่งทูตออกไปยังสถานพำนักต่างประเทศ แม้จะเป็นทูตการค้า...เน้นการค้าขาย การท่องเที่ยว...แต่ยามนี้สุไลมานกำลังติดต่อไปยังตัวท่านทูตการค้า...
ท่านการีม
สุไลมานต่อสายหาท่านทูตจากในรถ เป็นการโทรข้ามทวีป เขาแจ้งว่าเขามีงานลับจะต้องไปปฏิบัติโดยด่วน ตามรับสั่งของพระชายาแห่งชีคมุสตาฟา คาลิฟาร์ นัจจาดีน
สิ่งที่เขาบอกไปทำให้ท่านทูตการีมเอ่ยมาว่า
“อะไรกันนั่น แน่หรือว่าเป็นคำสั่งพระชายา”
“ครับผม ใช่แน่นอนครับผม...ท่านตรวจสอบได้ เราจะต้องจัดการด่วนตามพระประสงค์”
“ไม่ง่ายนัก”
“ผมจะเดินทางไปอเมริกา แล้วจัดการด้วยตัวเองครับผม เพียงแต่เตรียมทางสะดวก เราจะเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว ผมจะต้องออกเดินทางวันนี้”
แน่นอนว่าสุไลมานจะต้องลางาน...แต่เมื่อกลับมาที่ซอฟิฮาห์ เขาได้พบว่าท่านชีคกำลังเตรียมตัวจะเดินทางไกลเช่นกัน
ญาวี้ดบอกกับสุไลมาน “ท่านชีคจะไปอเมริกา”
สุไลมานเย็นวาบ
หรือว่าท่านชีคจะไปลักพาตัวแจ๊กเกอลีนเอง
เขามองหน้าชีคหนุ่ม
“นั่นเจ้ากำลังคิดอะไร” เสียงถามแกมเยาะ
สุไลมานไม่กล้าจะตอบ
“เจ้าคิดอยู่ใช่หรือไม่ว่าเราจะไปพบผู้หญิงคนนั้น”
“อาจจะ...มังครับผม”
“ไม่มีวัน”
“แล้วท่านจะไปทำไม”
“ฉันได้รับคำเชิญประชุมด่วน...มีการเปิดประชุมขององค์กรพิทักษ์รักแผ่นดิน กลัวสิ้นโลก”
“ชื่อองค์กรยาวเหลือเกิน” ญาวี้ดพึมพำ “องค์กรเกี่ยวกับการพิทักษ์ธรรมชาติหรือครับผม”
“ใช่ ในฐานะที่ฉันเป็นรองประธานร่วมกิตติมศักดิ์?”
อย่างที่รู้ ชีคหนุ่มใส่ใจกับเรื่องนี้มาก เขายินดีบริจาคเงินเกี่ยวกับการวิจัยรักษาสภาพแวดล้อม เรียกว่ายินดีทุ่มเทเต็มที่ และไม่ได้เพียงจ่ายเงินไปเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการลงไปร่วมประชุม รับรู้ เพื่อหาแนวทางแก้ไขหรือป้องกัน การกู้ธรรมชาติกลับคืนมา ชาห์มาตระหนักว่าไม่ได้เป็นหน้าที่ของคนหนึ่งคนใดแต่เป็นเรื่องของการรับรู้ร่วมกัน
“ไปเมื่อไหร่ครับผม”
“วันนี้”
สุไลมานกำลังคิด...และคิด...
“เอ้อ...ผมจะติดตามไปด้วย”
“ก็ดี...”
“ครับผม”
เที่ยวบินส่วนตัวของชีคชาห์มาขาไป....ไม่มีอะไรผิด ไม่ชอบธรรม
แต่เที่ยวกลับมาอิบบาห์ เชวู เป็นอีกเรื่อง...
ท่านทูตการีมเองก็เห็นชอบแล้ว เขาเพียงไปเอาตัวของแจ๊กเกอลีนมา...ก็เท่านั้นเอง...
แต่ท่าทีของเขาดูผิดปกติแล้วคนที่มองเห็นคือญาวี้ดที่เลียบเคียงเข้ามาถาม
“มีอะไรไหมท่าน”
“มีซิ”
“เป็นเรื่องร้ายแรงใช่หรือไม่”
“เราไม่รู้ว่าร้ายแรงหรือไม่ แต่เป็นคำสั่งของพระมารดา...” สุไลมานยื่นหน้ามากระซิบเบาๆ ญาวี้ดร้องออกมา จนสุไลมานเอามือตะปบปากเอาไว้
“อย่าร้อง อย่าแพร่งพราย...”
ญาวี้ดพยักหน้ารับ สุไลมานเอามือออกไป
“ท่านชีคจะรู้เรื่องนี้ไม่ได้ด้วยใช่ไหม ท่านสุไลมาน”
“ไม่ได้เป็นอันขาด เจ้าหญิงทรงกำชับมา แต่เจ้าจะต้องคอยเตรียมนางขึ้นเป็นนางนก”
“อา...กรงที่สิบสามนั่นเอง” ญาวี้ดรำพึง
“กรงที่สิบสาม?”
ญาวี้ดผงกหัวรับ “นายเราสั่งให้ทำกรงทองคำกรงที่สิบสามเผื่อเอาไว้ หรือจะรู้การณ์เบื้องหน้า”
ทั้งที่เขาไม่รู้พระประสงค์ของพระมารดา
เธอได้ขึ้นเวทีร้องเพลงจริงๆ หรือนี่ หลังจากซุ่มซ้อมมาสองวันเต็มๆ แต่กระนั้นอาการประหม่ายังเป็นของเธอเต็มที่
หากแต่หญิงสาวได้รับความมั่นใจจากจามิล เขายืนยันว่าเธอทำได้ และเธอจะเป็นนักร้องหน้าใหม่ที่รับเชิญบนเวทีการแสดงของเขา...แองเจลิน่าบอกเธอว่าการแสดงทัวร์หนนี้เป็นการทัวร์ของปีนี้ และจะไปเปิดการแสดงอีกทีปีหน้า บัตรคอนเสิร์ตที่ต้องจองล่วงหน้าก็เต็มไปหมดก่อนมาเปิดการแสดง
“มิลาน หากเธอทำให้แฟนเพลงชอบเธอได้ ฉันกลัวว่าจะต้องเชิญเธอร่วมทัวร์ในอีกหนึ่งเดือนนะ”
“ได้เลย ยินดีไปไหนไปกัน”
“ดีๆ ...” แองเจลิน่าแสดงความพึงใจออกมา เธอเชื่อมั่นในตัวเพื่อนและเพลงที่จามิลเอาไปขัดเกลาในท่วงทำนองและมาใส่เสียงประสานใหม่ให้นั้นมันเป็นเป็นกึ่งเพลงป๊อบ ไม่ออกแนวร็อก แต่เป็นเพลงป๊อบที่จะโชว์พลังเสียงและพลังของคำ ความเหงา...ความอ่อนโยน อ่อนหวานในเพลง...การถามหาความรัก...สลับฉากเพลงอันร้อนแรงใฝ่หาสันติภาพที่เป็นเพลงงวดล่าสุดนี้ และจามิลเพิ่งตอบตกลงไปกับอัล เจ้าชายอิบราฮิม อัลแมนโซที่จะเสด็จจากอารูก้ามาร่วมประชุมพิทักษ์สิ่งแวดล้อม
อัลขอให้จามิลเขียนเพลงเพื่อการนั้น เพื่อจะนำไปเผยแพร่ และจามิลเขียนแล้ว จามิลเองก็ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลง นารูฮัลลามีการเปลี่ยนแปลงจากผลกระทบจากการละลายของธารน้ำแข็งขั้วโลก...ความร้อนเบาบางลงและมีความชื้นสูง...มีการเปลี่ยนแปลงที่ดอกไม้ในเรือนกระจก...ดอกไม้ออกดอกผิดฤดูกาล บานช้าลง ...ควบคุมลำบาก...
แองเจลินารู้ว่าในการนี้ พี่สาวของเธอจะตามเสด็จอัลอย่างเป็นทางการในฐานะเจ้าหญิงพระชายามาเข้าประชุม...เป็นการกลับบ้าน ครอบครัวจะได้อยู่ร่วมกันอีกหน...แม้แต่เรย์มอนด์ก็จะได้พบกัน
และอัลกับเรเนียบอกว่าจะตามมาดูคอนเสิร์ต...
แน่ละว่าการมาดูคอนเสิร์ตนี้มีคนที่มิลานไม่คาดคิดว่าจะได้เจอ
หลังจากที่เธอเคยเจอเขาในความฝัน
และเธอบอกว่าเธอไม่อยากเจอเขาอีก แม้แต่ในความฝัน
เธออยากอยู่ให้ไกลจากเขา
การประชุมเสร็จแล้ว อัลชวนชาห์มามาดูการแสดงของจามิล...พวกเขารู้จักกัน...ราชวงศ์หลายราชวงศ์รู้จักกันมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และบรรดาเจ้าชายหนุ่มทั้งหลายมักจะถูกส่งมาเรียนหนังสือตั้งแต่วัยรุ่นในต่างประเทศ เจ้าชายหนุ่มมุ่งตรงมายังอเมริกามากกว่าอังกฤษหรือฝรั่งเศส แน่ละพวกเขาได้รู้จักกัน คบหากัน แม้จะมาจากคนละประเทศ อาจจะเพราะภาษาพูดที่เหมือนกัน และศาสนาเดียวกัน แม้จะไม่ถึงกับคบหาเป็นพระสหายในกลุ่มเดียวกัน แต่ความผูกพันทางวัฒนธรรมเดิมก็เข้มข้นแม้แต่จามิลผู้เก็บตัวโดดเดี่ยวก็ยังไม่อาจจะสะบั้นสายใยนี้ได้
ชาห์มาจึงได้เจอกับผู้หญิงในความฝัน
เธอมีผมสีแดง...เขานิ่งชะงัก สีผมนั้น ทำให้เขานึกถึงแจ๊กเกอลีน ไฟเลอร์
เธอชื่อมิลาน...เธออยู่บนเวทีการแสดง และเธอกำลังร้องเพลง ถามหาความรัก
.
How about love?
How about love?
How about love? Measure in love
Seasons of love
Seasons of love
Journeys to plan.
How do you measure the life
Of a woman or a man?
ฤดูกาลความรักเกินหักห้าม
ฤดูจำหวามในเล่ห์เสน่หา
วางแผนรัก...วางหัวใจ...ในมนตรา
ชาห์มาฟังเพลงนุ่มๆ นั้นอย่างเคลิบเคลิ้ม สาวสวยในชุดงดงาม กำลังเคลื่อนไหวหน้าไมค์...ผมสีแดงเห็นในแสงไฟเหลือบปกด้วยสีอื่นเพราะไฟจับสะท้อน...เขานั่งอยู่ในแถวที่นั่งข้างหน้า ทีนั่งวีไอพีในบ็อกซืเฉพาะ ข้างตัวเขาคืออัล และเรเนีย ถัดไปอีกข้างคือแองเจลิน่า...
เขารู้ชื่อเธอ มิลาน...รูปโฉมงาม...จับตา เสียงนั้นจับหัวใจ
เขาต่อบทสุดท้ายได้...
How do you measure the life
Of a woman or a man?
เขาจะทำอย่างไรน่ะหรือ...ตอนนี้เขากำลังทำอยู่ เขากำลังวางความรัก ความลุ่มหลงเก่าลง และเอาออกไปจากชีวิต
แม้นางนกที่เขามียังผ่อนคลายเขาไม่พอ...
แต่เพลงบทนี้ไพเราะนัก
เขาบอกกับแองเจลิน่าเบาๆ “น่าจะทำใส่แผ่น จามิลว่าอย่างไร”
“เขากำลังคิดจะทำ....เราจะเชิญมิลานไปทัวร์การแสดงคอนเสิร์ตกับเราด้วยค่ะ” แองเจลิน่าตอบอ่อนโยน
และมิลานก็ได้รับเสียงตบมือกึกก้องเมื่อจบเพลง ชาห์มาเป็นคนแรกที่ลุกยืนตบมือให้กับเธอ
มิลานมองลงจากเวที
ผู้ชายตัวสูง แม้จะแต่งตัวด้วยชุดสากล....เขาอยู่แถวหน้า ตอนเขาลุกยืนตบมือนำให้เธอเป็นคนแรกนั้นเหมือนเขาจะยิ่งโดดเด่นขึ้นมาเหนือทุกคน...
และแสงไฟก็สาดจับไปที่เขา มันสาดวูบไปจับเฉพาะตัวเขาก่อน
โอ...มิลานร้องอุทาน กระตุกไปทั้งร่าง...
ผู้ชายที่เธอเจอในฝันและไม่อยากเจออีก
นาทีที่เธอจำเขาได้แม่นยำ....เขายืนอยู่ข้างล่าง ยืนตบมือให้เกียรติแก่เธอ...ดวงตาของเธอพร่าพราย เธอมองเห็นไปว่าข้างกายเขาคือกรงนกขนาดใหญ่!
ก่อนจะกรีดเสียงร้องออกมามิลานเอามือปิดปากตัวเองได้ทัน
คนอื่นพากันลุกยืนตบมือให้กับเธอ จามิลที่เล่นดนตรีอยู่บนเวทีด้วยเดินเร่มาข้างหลังเธอบอกเธอด้วยเสียงอันหนักแน่นแต่อ่อนโยน
“อีกสักรอบ มิลาน สำหรับเสียงอังกอร์”
“รู้จักเขาไหมคะ”
เพราะเขาอยู่ใกล้แองเจลิน่า เขาน่าจะเป็นคนจากบ้านเมืองเดียวกัน
“ใคร”
ผู้ชายที่ลุกตบมือให้กับฉันคนแรกไงคะ”
“อ๋อ...ชาห์มาน่ะหรือ ชีคชาห์มา สหายของเราเอง”
ชีค...ชาห์มา
.. ใช่ อีตาคนนั้น...เธอตะลึง
“มิลาน...ร้องเพลงอีกสักหน”
เสียงเธอสั่นในตอนแรก....แต่จามิลกลับคิดไปว่าเธอตื่นเต้นกับการต้อนรับอันอบอุ่นนี้ หารู้ไม่ว่าหัวใจของเธอกำลังเหมือนมีมือยักษ์มาจับเขย่า เท่านั้นไม่พอ ยังเหมือนเอาถาดน้ำแข็งมาห่อหุ้มหัวใจของเธอให้ไหวระทึก....ก่อนจะโยนลงไปคลุกกับพื้นทรายอันเร่าร้อน...มันทรมาน
เขาไม่ใช่ความฝันหรอกหรือ
เขามีตัวตนจริงๆ เขาที่โหดร้ายต่อญาติสาวผู้พี่ของเธอ และเขาเคยที่จะจับตัวเธอไปใส่กรงนก
มิลานไม่รู้ว่าแล้วเธอจะทำอย่างไรอีกต่อไป
เมื่อเธอลงจากเวทีมานั้น แองเจลิน่ามารับตัวเธอไปนั่งใกล้กับเขา...
แองเจลิน่าแนะนำเธอกับเขา
“ท่านชีคชาห์มาเป็นพระสหายของจามิล...ท่านมาประชุมเรื่องสิ่งแวดล้อม ให้เกียรติมาชมการแสดงดนตรีค่ำนี้”
ในจำนวนเจ้านายระดับสูงจากภูมิภาคทะเลทราย มิลานจำได้คนเดียวในค้ำวันนี้
ชาห์มา
อัลกับเรเนียที่ดูเป็นคู่ครองสง่างามสมกัน หนุ่มหล่อกับสาวสวย เธอกลับจำไม่ได้
เช่นกัน...เมื่อแรกนั้นชาห์มาคิดว่าเธอดูละม้ายแจ๊กเกอลีน ไฟเลอร์ แต่จริงๆ แล้วเธอดูหวานกว่า...ดวงหน้านั้นงามกว่า...
เขาพอใจเธอ....
นางในฝัน
แต่เหตุใดเธอมองเขาเช่นนั้น
ดวงตางามสีฟ้ามีทั้งความตื่นกลัวและความชิงชัง
ความคิดเห็น