คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 2
ชีคชาห์มา 2
รอยเท้า...อีตาชีคคนนั้นถือตัวเองยิ่งใหญ่มาจากไหน
บ้า...บ้า...บ้า...เธอกรีดเสียงอยู่ในใจ และบ้ายิ่งกว่านั้นเมื่อเธอรับถาดทองนั้นมาไว้ในมือเรียบร้อยแล้วด้วย
รับเอารอยเท้า...
บ้าจัง รับเอามาทำไม
อยากร้องกรี๊ด...อยากเอาปาใส่หน้าคนที่ถือมามอบให้...แต่ทำไปก็เสียเปล่า เพราะที่จริงหากจะปาใส่หน้า ถาดทองมีรอยเท้านี่ควรจะปาใส่หน้าท่านชีค...หยาบคายกลับไปให้พอกัน
ชาห์มา....ชื่อเสียเพราะ แต่การกระทำหยาบคาย ถ่อย เถื่อน...
สมแล้วที่พี่สาวลูกป้าของเธอตอบปฏิเสธการแต่งงานของเขา ยังไม่ทันไรเลย...ยังมิทันจะตามไปอยู่ที่อิบบาห์ เชวู...
ดูซิ ชื่อเรียกยากเย็น แต่ยังจำได้ แต่กับสถานที่ที่เพื่อนสาวไปพำนักอยู่ ชื่อสั้นกว่านี้กลับจำไม่ได้
เฮ้อ...หรือว่านี่คือแบด อิมเพรสชั่น...การความเลวร้ายของความทรงจำ...มันแย่มากๆ...
คิดต่อไปว่าขนาดยังไม่ได้เดินทางไปอยู่ในอาณัติสัญญาณ ต่างบ้านต่างเมืองกับเขา ชีคชาห์มาก็ยังแสดงกิริยาที่หยาบคายออกมา แล้วหากตามไป พลัดบ้านพลัดเมืองไป แจ๊กเกอลีนจะเจออะไรบ้าง
เธอเข้าข้างพี่สาว เธอนึกเข้าใจและเห็นใจ รู้เหมือนกันว่าแจ๊กเกอลีนคงเจ็บปวดกับการเลือกคนผิด
แต่ไม่เป็นไร ยังไม่สาย
ยังกลับตัวได้ทันท่วงที ยังก้าวพ้นจากผู้ชายร้ายๆ คนนั้น
เธอก็ยังถือกล่องที่มีถาดทองในนั้น
ต๊าย...เธออุทาน ก็กล่องกำมะหยี่เสียด้วย...สีแดง...เพิ่งจะสังเกต...
อีตาชีคอวดร่ำอวดรวย
กล่องกำมะหยี่สีแดง มีผ้าบุข้างใน...และถาดทองคำ น่าจะทองคำจริง
ฮึ...คงรวยจากน้ำมัน...ใช้เงินฟุ่มเฟือย พวกอวดร่ำอวดรวย พวกตื่นน้ำมัน...เธอคิดเยาะหยัน ดีแต่มีเงิน แต่ไร้มารยาท...อาจจะไร้การศึกษาก็ได้ โชคดีเกิดมาบนบ่อน้ำมัน...ก็ประมาณเหมือนคนที่นี่สมัยเมื่อสองร้อยปีกว่าตอนเริ่มต้นเป็นชาติใหม่ๆ การตื่นทองฝั่งแถบตะวันออก...ทุกคนเดินทางมาหาทอง...นี่ก็ตื่นน้ำมัน ขุดเอาขึ้นมา แล้วขายเอาเงินเอาทองมาฟุ่มเฟือย...สุรุ่ยสุร่าย
เธอไม่กล้าปฏิเสธว่าเธอไม่ใช่แจ๊กเกอลีน เธอกลัวว่าพี่สาวลูกป้าจะโดนทำร้าย...เธอขอรับของไว้ ทำท่าสมอ้างเสียเอง
และแน่นอนสำหรับคนหยาบคาย ถ่อยเถื่อนอย่างชีคชาห์มาน่าจะเจอคำตอบรับกลับไป
หลังจากฝากคำบอกมา
“ช่วยบอกเจ้านายของคุณด้วยว่ารอยเท้านี้ต่างหน้าท่านได้ ฉันจะจดจำว่าหน้าตาท่านชีคเหมือนเท้า!”
เธอไม่สนใจว่าคนรับคำของเธอจะทำหน้าอย่างไร เธอรับของ ปิดกล่อง ก้าวขึ้นรถ...ขับออกไปจากทางเท้าหน้าอพาร์ตเม้นท์ ไม่ได้มองขึ้นไปว่าแจ๊กเกอลีนแอบหลบอยู่หลังผ้าม่าน
แจ๊กเกอลีนจำได้ถึงคนที่มายืนอยู่กับมิลาน คนของชีคชาห์มา เขาส่งคนมาตามหาหล่อนอย่างนั้นหรือ...หญิงสาวกลัวนัก ใจเต้นโครมคราม แต่เมื่อมิลานขับรถออกไป นายคนนั้นก็กลับไปหล่อนพยายามไม่ให้เห็นรอยแยกของม่าน กลัวเขาจะแหงนเงยขึ้นมา และรู้ว่าเธออยู่ตรงนี้ แต่ไยมิลานช่างกล้าเผชิญหน้าด้วย
หล่อนอยากรู้ว่ามิลานได้สนทนาอะไรไปบ้าง หล่อนถอยกลับจากหน้าต่างมานั่งบนเก้าอี้นวม คว้าโทรศัพท์มากดหามิลานทันที
“มิลาน ผู้ชายคนนั้น คนของท่านชีคนะ”
“ค่ะ ทราบแล้ว” เสียงตอบร่าเริง
“เขามาตามหาพี่หรือ”
“ค่ะ”
“เธอบอกกับเขาว่าไง”
“ไม่ได้บอกค่ะ แต่ทำเหมือนเป็นพี่แจ๊กกี้เสียเอง”
“เธอสมอ้างเป็นพี่หรือ?”
“คนที่มาท่าทางเหมือนไม่รู้จักพี่นะ”
“เขาเคยอยู่ห่างๆ พวกคนติดตาม...”
“อะไรนะคะ”
“พวกนี้ไม่ได้เข้าใกล้พี่มากนัก...และปกติชาห์มาไม่ค่อยไปไหนกับบอดี้การ์ด”
อ้อ...เฟอร์นิเจอร์อีกอย่างของพวกคนรวย มิลานคิดแย้มเยาะในใจ...ต้องมีบอดี้การ์ด...ก็แค่พวกรักตัวกลัวตายกันเสียทั้งนั้น
คนปกติ ธรรมดาสามัญไม่ต้องรักตัวกลัวตายต้องปกป้องพิทักษ์รักษา
“แต่พี่เคยเห็นเขา จำเขาได้”
“ท่าทางเขาไม่ได้ประหลาดใจที่เห็นน้องนะคะ พี่แจ๊กกี้”
“เขาอาจจะคิดว่าเธอเป็นพี่...”
“ค่ะ” เธอบอก ยังปลอบโยนแจ๊กเกอลีน “อย่ากลัวเขานะคะ”
“เขามาทำไม ส่งคนของเขามาทำไม”
มิลานไม่ยอมบอกเรื่องรอยเท้าบนถาดทอง...ไม่อยากให้แจ๊กเกอลีนตกใจ
“เขาแค่แวะมาบอกว่าเจ้านายเขากำลังร้องไห้”
เธอแกล้งว่า...น้ำตาชายหนุ่มอารมณ์ร้ายจะมีจริงหรือไม่ เธอก็มุสาเพื่อให้แจ๊กเกอลีนสบายใจ
“เขารักพี่มาก” เสียงบอกมาแหบเครือ
“อ๊ะ...กำลังจะสงสารเขาหรือ”
“ก็เขาร้องไห้”
โถ...นี่เธอมุสาแล้วทำให้แจ๊กเกอลีนมองเขาในแง่ดีหรือไร
ไม่ได้... ไม่ได้เป็นอันขาด เธอจะต้องรีบทำให้พี่สาวได้เห็นว่าชีคหนุ่มคนนั้นแสร้งร้องไห้ มันเป็นมารยาผู้ชาย
เธอมุสาผิดเรื่องไปหน่อย ไปเข้าทางของหัวใจที่ยังตัดไม่ขาด...เธอจะต้องจัดการให้ได้เด็ดขาดมากไปกว่านั้นสักหน่อย
“พี่แจ๊กกี้ เคยรู้เรื่องน้ำตาผู้ชายไหม”
“ทำไมละ เธอรู้หรือ ไหนเธอไม่เคยรู้จักผู้ชายดีพอ”
“เปล่านะ พี่แจ๊กกี้ น้องแค่ไม่มีแฟน แต่น้องรู้จักน้ำตาผู้ชาย และมารยาของพวกเขาเวลาที่พวกเขาพยายามจะหลอกล่อให้เราติดกับดัก ไปไหนไม่รอด”
“มิลาน...ทำไมเธอรู้มากจัง”
นั่นคือเสียงเหมือนอ่อนใจมากกว่าโกรธ
มิลานหัวเราะ “นี่ไงคะ พี่แจ๊กกี้ น้องถึงรู้ทัน ผู้ชายบอกผู้หญิงของเขาว่าเขาร้องไห้ ย่อมแปลว่าเขากำลังหวังผลเลิศมากสุดแล้ว”
“ผลเลิศอะไร”
“เขาจะเอาน้ำตามาทำให้เราไปไหนไม่รอด “มิลานตอบตามตรงและยังคาดคั้น “อย่าเชื่อเขาอีกนะ พี่แจ๊กกี้ อย่าหลงไปกับน้ำคำของเขา ว่าเขาเสียใจ ร้องไห้ฟูมฟาย”
ก่อนที่มิลานจะวางสาย เธอไม่รู้ว่าแจ๊กเกอลีนรำพึงรำพันกับตัวเองอย่างไร...
“โถ...ชาห์มายอดรัก นี่คุณเสียน้ำตากับความรักของเราทีเดียวหรือ น่าสงสารมากเลย มายเลิฟ...”
มิลานมองดูกล่องบนเบาะข้างตัวที่โยนไว้ตอนขึ้นรถ เธอโน้มตัวไปเปิดช่องเก็บของหน้ารถแล้วเอากล่องนั้นใส่ลงไป บอกตัวเองว่าไม่เห็นจะต้องตื่นตาตื่นใจด้วยอีก ผู้ชายเลวร้ายกับการอวดรวย เขาทำให้เห็นว่าเงินนั้นเหมือนมีอำนาจมากมายมหาศาล แอบสะใจที่เงินนั้นก็ไม่สามารถทำให้เขาได้ตัวพี่สาวเธอไปครอบครอง เหมือนแจ๊กเกอลีนตระหนักได้กับความจริงที่ความรักก็หุ้มห่อเอาไว้ไม่เพียงพอ
และมิลานก็ลืมเรื่องนี้ไปเสียก่อน เธอมีเรื่องราวต้องทำอีกมาก...อย่างน้อยเธอก็เตรียมพร้อมสำหรับเพลงที่เธอเขียนขึ้นเอง MEASURE IN LOVE เธอกำลังจะเจอแองเจลิน่าที่จะพาจามิลมาด้วย เธอต้องพร้อมสำหรับตรงนั้น.. แต่จริงๆ แล้ว แม้เพลงของเธอจะไม่ “เข้าหู” ของจามิล
แต่เธอก็จะได้เจอกับแองเจลิน่า นับจากเพื่อนสาวเลือกแต่งงานกับคนต่างชาติซึ่งคือจามิลและเดินทางออกจากอเมริกาไปอยู่ที่เมืองซึ่งเธอจำชื่อไม่เคยได้ ก็เหมือนจะห่างกัน ได้พบกันแค่ในข้อความที่สื่อสารกันทางคอมพิวเตอร์ ส่งอีเมล์หากันหรือออนไลน์ได้คุยกันบ้าง แต่ไม่เหมือนคุยกันต่อหน้า งานคอนเสิร์ตของจามิลที่อเมริกา เธอก็พลาดไปแล้วสองหน แต่หนนี้แองเจลิน่าบอกว่าจะแวะมาหา...จะมาคุยกันให้สมกับความคิดถึง
เธอแวะไปที่ไชน์นี่ผับ เพราะเจอกับบอดี้การ์ดของท่านชีคทำให้เธอช้าไปเล็กน้อย ผับเปิดบริการรอบค่ำแล้ว เธอก้าวเข้าไป กวาดตามองหา ก่อนจะยกมือโบกทักกับแองเจลิน่า
จามิลเอ่ยถามแองเจลิน่า “คนนี้หรือ เพื่อนคุณ”
“ค่ะ คนที่ฉันเคยเอาเพลงให้ฟัง”
“แล้วผมสนใจ”
“วันนี้จะให้มิลานร้องเพลงนั่นอีกหน”
“ก็ดีนะ”
มิลานก้าวเข้ามา แองเจลิน่าลุกขึ้น สวมกอดและหอมแก้มกัน ก่อนแองเจลิน่าจะแนะนำให้มิลานได้รู้จักกับจามิล และบอกว่ามิลานมีเพลงที่น่าฟัง
“เธอจะร้องตอนนี้เลยได้ไหม”
“แองเจิ้ล เพื่อนคุณเพิ่งจะมาถึง”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ได้เหนื่อยอะไรมา”
มิลานตอบพร้อมกับรอยยิ้มแย้ม เดินไปที่เวที คุยกับนักดนตรีสักพักก่อนจะขึ้นเพลง
In daylights,
in sunsets,
in midnights
In cups of coffee
In inches, in miles,
in laughter, in strife.
How do you measure
A year in the life?
ในแสงตะวัน
ในสายัณห์อันอบอุ่น
ในรสกาแฟอันหวานละมุน
และกระตุ้นด้วยรอยทางแม้ห่างไกล
ในรอยยิ้มยามแย้มที่แช่มชื่น
ในรสขื่นบางคราพาหวั่นไหว
วัดย่างก้าวของชีวันกันอย่างไร
นานแค่ไหน...กับรอยจำที่ย้ำทรวง
How about love?
How about love?
How about love? Measure in love
ความรักเอยเป็นอย่างไร
เป็นไฉนในรูปแบบนึกแอบห่วง
มีคำถามค้างใจไว้ถามทวง
ดาวบางดวงทอประกายในดวงตา
Seasons of love
Seasons of love
Journeys to plan.
How do you measure the life
Of a woman or a man?
ฤดูกาลความรักเกินหักห้าม
ฤดูจำหวามในเล่ห์เสน่หา
วางแผนรัก...วางหัวใจ...ในมนตรา
หญิงชายพาสร้างทางหัวใจให้งดงาม
จามิลได้แต่ถามกับแองเจลิน่าว่า “เพื่อนคุณยังไม่มีความรักใช่ไหม”
“ทำไมคะ”
“ตอบผมก่อนซิ”
“ค่ะ มิลานยังไม่เคยรักใคร แต่ไม่แน่นะคะ ตอนหลังเราห่างกัน ฉันอาจจะไม่รู้ก็ได้ว่ามิลานมีหรือไม่”
“ผมฟังจากเนื้อเพลง และแปลกมาก ผู้หญิงสวยทำไมไม่มีความรัก”
“ยังไม่เจอคนถูกใจมังคะ ฉันเองก็อยากรู้ว่าเขาคนนั้นจะเป็นอย่างไร”
“เพื่อนคุณเลือกมากเกินไปหรือเปล่า”
“ไม่เลยค่ะ ไม่เลือกมาก และไม่เรื่องมาก แต่มิลานค่อนข้างจะเป็นสาวห้าว อารมณ์ร้อน...”
“หือ...ว่าไงนะ”
แองเจลิน่าอมยิ้มเมื่อให้คำตอบว่า “ฉันคิดว่าผู้ชายคนไหนที่จะได้รักมิลาน จะต้องเป็นคนที่ปราบพยศของมิลานได้”
“พยศหรือ”
“ค่ะ”
“ดูไม่ออกเลยนะ”
“มิลานเป็นคนกล้า...ปากกล้า และไม่กลัวใคร”
“ใครกันนะ...จะปราบพยศ แล้วมิลานจะยอมให้ปราบไหม”
“นั่นซิคะ ฉันเคยคิดว่ามิลานมีแฟน นี่จะเป็นสงคราม หรือเป็นความรักกันแน่”
“ฟังจากเนื้อเพลงที่แต่งออกจะหวานและฝัน ไม่น่าจะห้าวได้”
“มิลานเป็นพวกหวานซ่อนเปรี้ยว และเฮี้ยวสะบัดค่ะ ดื้อสุดๆ”
“ตัวใครตัวมันแล้วกัน” จามิลบอกแกมรำพึง “ผู้ชายคนนั้นอาจจะเกิดมาพร้อมกับโชคดีอย่างยิ่ง”
“ค่ะ โชคดีแน่ๆ หากไม่ตายเสียก่อนนะคะ”
แองเจลิน่าตอบหน้าตาเฉย
“ลองอย่างนี้ ผมว่าใครไปท้าทายมิลาน คงจะเจอดี”
“แน่นอนค่ะ เจอแบบสุดๆ ถึงไหนถึงกัน”
อากาศห้องนี้ร้อนรุ่มฉับพลันเมื่อสุไลมานกลับมาพร้อมกับอ้อมแอ้มรายงาน
เขาค่อยสำทับว่า “พูดออกมาดังๆ อย่าพูดในคอ ไม่ชอบ”
สุไมมาน เอ่ยว่า “ผมอยากพูดครั้งเดียว แล้วผ่านไป”
“หมายความว่าแจ๊กกี้ด่าฉันกลับมาใช่ไหม”
“เอ้อ...” สุไลมานอึกอัก
“ใช่ไหม” เสียงถามย้ำ
“ประมาณนั้น”
“รายงานมาใหม่ อย่าให้ขาดตกหล่นไปไหนนะ”
สุไลมานทำหน้าไม่ค่อยดีนัก
“ฉันฟังได้ ว่ามา แจ๊กกี้ฝากข้อความใดมา”
“เธอบอกว่าหากรอยเท้าที่ฝากไปแทนตัวท่าน เธอคิดว่าหน้าท่านเหมือนเท้า”
แล้วคนรายงานก็ยืนใจสั่น ไม่แน่ใจว่าเจ้านายจะมาอารมณ์ไหนอีก
ชาห์มาสั่นที่ใจแล้วไหวไปทั่วทั้งร่าง...
คำย้อนนั่น...
อา...แจ๊กเกอลีน แม่สาวผมแดงผู้เร่าร้อนบนเตียงในยามราตรี หรือแม้แต่ทิวาเจ้าหล่อนก็ประดุจไฟที่เขายินยอมให้หล่อนก่อล้อมตัวเขาเอาไว้แล้วดำดิ่งอยู่ในเสน่หาอันล้ำลึก ไฟที่เตรียมแผดเผาเขา ให้เป็นสุขแต่ยามนี้ไฟที่ออกจากปากหล่อนเป็นไฟที่ทำร้ายเขาสาหัส
หน้าเขาเหมือนเท้า...
ให้ตาย...หล่อนหยาบคายอย่างเขาคาดไม่ถึงและช่างกล้า
แจ๊กเกอลีนคงจะหมดรักเขาแล้วจริงๆ หล่อนถึงกล้าพูดจาเหยียดหยามเขากับสุไลมาน
“เอ้อ...ท่านครับ”
เขาไม่ได้มองหน้าคนเรียก
“แจ๊กกี้ช่างกล้า...”
“จะให้จัดการอย่างไรไหมครับ”
“ไม่ต้อง”
เพราะเขาจะไม่ลงไปทำร้ายหล่อน...ผู้หญิง พอหมดรัก หมดใจ...หล่อนก็ร้ายกาจได้ไม่น้อย
เขาไล่สุไลมานออกจากห้องแต่ไม่นานนัก ก็มีเสียงโทรศัพท์มาดังเข้าเครื่องใหม่ของเขาหลังจากเขาทำเครื่องเก่าพัง
เขาเห็นเบอร์...
เขารู้ว่าใคร...
แต่แจ๊กเกอลีนยังกล้า
เขารับสาย...ยังไม่ทันเอ่ยอะไร ก็ได้ยินเสียงเครือๆ เหมือนร่ำไห้ของแจ๊กเกอลีน
“ชาห์มาที่รัก”
เขางง...หล่อน “หวาน” มาได้อย่างไรกันอีก
“คุณร้องไห้เพราะฉันทีเดียวหรือ”
ร้องไห้...เขาน่ะหรือร้องไห้ ไม่มีน้ำตาสักหยด
แต่ความแค้นมีเต็มหัวใจ
“ยังกล้านัก แจ๊กกี้ บังอาจโทรมาอีกทำไม”
หล่อนเงียบไป
“คุณไม่ได้ร้องไห้”
“ไปลงนรก...แจ๊กกี้ ผมขออวยพรให้คุณกับหมอนั่นมีความสุขกันในนรก...สุขแบบไหนคงไม่ต้องให้บอก...อย่าโทรมาตอแยกับผมอีกนะ แจ๊กกี้”
“คุณ...คุณ...”
“คิดหรือว่าผมจะเสียน้ำตาให้กับผู้หญิงแพศยามากรักอย่างคุณ...ผมได้รู้แล้วว่าคุณเป็นผู้หญิงที่ผมเกลียดที่สุดในโลก อย่ามาตอแยหรือวุ่นวายกับผมอีก เพราะผมไม่รักคุณอีกแล้วได้ยินไหม”
ความคิดเห็น